Details

Category: DES

Published: Friday, 28 August 2015 09:45

Hits: 4377

'อุตตม’จี้‘ทีโอที-กสท’เคลียร์ l ข้อพิพาทกับเอกชนคู่สัญญา l ผุดโครงการเพื่อประชาชน

    แนวหน้า : นายอุตตม สาวนายน รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ไอซีที) ได้ประชุมผู้บริหารกระทรวง และหน่วยงานในสังกัด เมื่อวันที่ 26 ส.ค.2558 เพื่อมอบนโยบายในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่

    รมว.ไอซีที กล่าวว่า ขณะนี้เป็นห้วงเวลาสำคัญเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศ กระทรวงไอซีทีจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายและงานของรัฐบาล ด้วยความมีศักยภาพที่เกี่ยวข้องกับหลายส่วน ดังนั้นต้องช่วยการดำเนินงานและปรับเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อมุ่งสู่การขับเคลื่อนโดยใช้เศรษฐกิจดิจิทัล (ดิจิทัล อีโคโนมี) และใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาโครงสร้างประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายที่ประกาศไปแล้วจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงจะเดินหน้าต่อไปอย่างเต็มที่

    พร้อมกับมีวิธีการและเป้าหมายในการขับเคลื่อนที่ด้วยการให้ทุกหน่วยงานทำงานด้วยกันให้เกิดเป็นผลงานความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ใน 1 ปีนี้ ซึ่งตั้งเป้าว่าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอย่างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะต้องมีโครงการเพื่อให้บริการประชาชนออกมาเป็นทางการไม่ต่ำกว่าหน่วยงานละ 2 โครงการภายใน 1-2 เดือน

    ในส่วนของคณะทำงานย่อยในคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (บอร์ดดีอี) ที่ไอซีทีดูแลในส่วนของการจัดตั้งดาต้า เซ็นเตอร์ บรอดแบนด์แห่งชาตินั้น จะมีการริวิวตัวคณะทำงานย่อยให้มีความเหมาะสม โดยจะเริ่มทบทวนและนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือนหน้า ทั้งนี้เพื่อให้การทำงานสอดคล้องกับการขับเคลื่อนผลงานให้เป็นรูปธรรมตามนโยบายของรัฐบาล

   ส่วนนโยบายต่อการประมูลคลื่นความถี่ 4G ของ คณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นั้นยืนยันว่าจะหารือและทำงานร่วมกันอย่างแน่นอน ส่วนประเด็นเรื่องคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) ที่จะนำไปประมูล4G แต่ทีโอที ยังคงยึดในสิทธิ์การถือครองนั้น คงต้องหารือกันอีกครั้ง ซึ่งในเร็วๆ นี้ จะมีการพบกับผู้บริหารระดับสูงและคณะกรรมการ (บอร์ด) ของรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 แห่งอีกครั้งหนึ่ง

    “ที่สำคัญของรัฐวิสาหกิจคือต้องมีความเชื่อมโยงกับเอกชน ผมก็ฝากไปยังเรื่องของการหาข้อยุติข้อพิพาทกับเอกชนคู่สัญญาสัมปทาน และต้องเสนอแผนฟื้นฟูธุรกิจมาให้พิจารณาด้วยเพราะหากเรื่องดังกล่าวนี้ สามารถคลี่คลายได้จะนำไปสู่การลงทุนในอนาคตโดยภาคเอกชนและโดยรัฐจะเข้าไปมีส่วนเกื้อหนุน ขีดความสามารถของประเทศ ซึ่ง ทีโอทีกับ กสท จะต้องเสนอแนวทางมาให้ได้นี่คือโจทย์ที่ผมให้การบ้าน ผมไม่หนักใจเลยที่มารับตำแหน่งนี้และตั้งใจที่จะมาทำงานอยู่แล้ว” รมว.ไอซีที กล่าว

อุตตมลั่นสานงานไอซีทีระดมสมองดันศก.ดิจิทัล

      ไทยโพสต์ : แจ้งวัฒนะ * 'อุตตม สาวนายน' นั่ง รมว.ไอซีที ยืนยันสานต่องาน พร้อมสั่งหน่วยงานในสังกัดให้เวลา 1 เดือน ระดมสมองเสนอโครงการเป็นรูปธรรมหนุนดิจิทัลอีโคโนมี เร่งทีโอที-กสทฯ ยุติข้อพิพาทเอกชน

   นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร หรือไอซีที กล่าวว่า การดำเนินงานต่างๆ จะยังคงเดินหน้าต่อไป ในส่วนที่ไอซีทีรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคณะกรรมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอี ก็ยังคงเดินหน้าต่อ แต่อาจจะมีการปรับโครงสร้างของคณะทำงานชุดย่อยบางส่วน เพื่อให้การทำงานสอดคล้องกับการขับเคลื่อนผลงานให้เป็นรูปธรรมตามนโยบายของรัฐบาล โดยจะเริ่มทบทวนและนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือนหน้า

    สำหรับ การเปลี่ยนชื่อกระทรวงไอซีทีใหม่เป็นกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินั้น ก็จะเดินหน้าต่อไปตามที่วางแผนไว้ ควบคู่ไปกับการผลัก ดันกฎหมายใหม่จำนวน 8 ฉบับ ซึ่งขณะนี้ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่..) พ.ศ.....เพื่อจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแล้ว โดยระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วาระ 2

   ทั้งนี้ ได้มอบนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดทำแผนงานเป็นโครงการที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมอย่างน้อย 1-2 โครงการ เพื่อสนับสนุนนโยบายดิจิทัลอีโคโนมีของรัฐ ซึ่งให้เวลาในการทำแผนโครงการมาเสนอ 1 เดือน โดยยอมรับว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศ ซึ่งไอซีทีมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายและงานของรัฐบาล ในปีที่แล้วได้วางกรอบการทำงานไว้ในปีนี้จะต้องทำให้เห็นชัดเจน

  ส่วนหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัด อาทิ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทร คมนาคม จำกัด (มหาชน) จะต้องเร่งแก้ปัญหาที่เป็นข้อพิพาทกับเอกชนให้แล้วเสร็จ เพื่อให้นักลงทุนเห็นถึงศักยภาพและสามารถเลือกวางแผนการลงทุนที่ชัดเจน ส่วนกรณีเกี่ยวกับความมั่นคง ความปลอดภัยไซเบอร์ ทั้งการใช้งานอินเทอร์เน็ตและไอซีทีนั้น ตนได้มอบนโยบายให้กระทรวงไปประสานใกล้ชิดกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในการดำเนินการด้านนี้ อีกทั้งได้กำชับให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ เร่งรวบรวมข้อมูลในส่วนของประชาชนระดับรากหญ้าเพื่อนำมาวิเคราะห์และพัฒนาส่งเสริมนโยบายการเข้าถึงรากหญ้า.