WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

 วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20:00 น. ข่าวสดออนไลน์


'ประยุทธ์'รัฐประหาร - ประกาศยึดอำนาจการปกครองแล้ว ล็อกตัว 'สุเทพ-แกนนปช.-ปชป.-พท.'

       เวลา 16.40 น. วันที่ 22 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เกิดความแตกตื่นขึ้นในหมู่สื่อมวลชนที่ไปติดตามทำข่าวการหารือ 7 ฝ่ายที่ สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดี ซึ่งเป็นที่ตั้งของกอ.รส.      

โดยการประชุมเริ่มตั้งแต่บ่ายสองโมง ล่าสุด เกิดความแตกตื่นขึ้น เมื่อทางผบ.เหล่าทัพไปออกจากที่ประชุม ขณะเดียวกันก็มีรถตู้สีขาวของทหารนำตัวแกนนำกลุ่มขัดแย้งต่างๆ ไปยัง ร.1 รอ. โดยมีทหารใช้รถฮัมวีกั้น ไม่ให้สื่อติดตาม และทางกอ.รส. กำลังจะแถลงผ่านโทรทัศน์     

 ส่วนนายโจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวอาวุโสบีบีซี ประจำประเทศ ซึ่งติดตามทำข่าวนี้ด้วย ได้ทวิตเตอร์ไปทั่วโลก ระบุว่า ขณะนี้กองทัพควบคุมตัวแกนนำแต่ละฝ่ายเอาไว้หมดแล้ว และกำลังเตรียมการก่อรัฐประหาร
       เวลา 17.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และผอ.รส. พร้อมด้วย  พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ,พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย , พล.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และรองผบ.สส. ได้ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ แถลงการณ์ประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 1 ยึดอำนาจไว้ตั้งแต่เวลา 16.30 น. เพื่อนำความรักความสามัคคีกลับสู่ประเทศ พร้อมยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับนานาประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ยังคงเดิม
         ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าว'ข่าวสด' รายงานว่า เวลา 14.00 น. ที่กอ.รส. ภายในสโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวก่อนการประชุมตอนหนึ่งว่า สิ่งหนึ่งที่ตนเป็นห่วง คือเราไม่สามารถปล่อยให้มีปัญหากันต่อไป หรือมีความขัดแย้งต่อไปโดยที่ไม่มีทางออกได้ ซึ่งต้องเริ่มที่ตัวของตนเองก่อน คือพร้อมทำทุกอย่างให้เกิดความสันติสุขโดยเร็ว ทุกท่านให้เกียรติกองทัพ และการประกาศกฎอัยการศึกนั้น ตนคิดว่าหลายท่านมีข้อขัดแย้ง แต่ตนเรียนว่าตนทำอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะให้เกิดความสงบสุข และไม่ต้องมากังวลแทนตนเพราะไม่ว่าจะผิดหรือถูกอย่างไร ตนรับผิดชอบทุกประการ เพราะตนเป็นคนที่เกิดในแผ่นดินนี้ เป็นหนี้แผ่นดินนี้ ก็จำเป็นจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมตรงนี้ และพยายามใช้อำนาจความมั่นคงเป็นหลัก แต่มีความเกี่ยวพันกันในหลายมิติ หากก้าวล่วงอะไรไปบ้างหรือใช้อำนาจอะไรไปบ้างต้องขออภัย อย่างไรก็ตาม ตนให้เกียรติทุกท่านเสมอ
        ผู้สื่อข่าวรายงานจากสโทสรทหารบกว่า เมื่อเวลา 16.35 น. ระหว่างการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ก็รีบออกจากห้องประชุมและขึ้นรถขบวนออกจากสโมสร ตามด้วยขบวนของผบ.เหล่าทัพและผบ.ตร. โดยไม่ทราบที่หมาย จากนั้นสักครู่ทหารก็ได้ใช้รถบรรทุกยูนิม็อก มาจอดขวางถนนเพื่อปิดเส้นทางเข้าออกสโมสรทหารบกในทันที ซึ่งสร้างความตื่นตระหนให้กับผู้สื่อข่าวทั้งไทยและต่างประเทศกว่า 200 คนที่เฝ้ารอทำข่าวการประชุมอยู่  และบรรยากาศเริ่มวุ่นวายมากขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ทหารพร้อมอาวุธครบมือได้เดินเรียงแถวเข้าประจำจุดบริเวณหน้าสโมสรเพื่อยืนเป็นแผงกันไม่ให้รถหรือบุคคลใดเดินผ่านพร้อมตะโกนแกมขอร้องผู้สื่อข่าวที่พยายามจะถ่ายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าห้ามถ่ายภาพขอให้กลับไปอยู่ในจุดที่จัดเอาไว้ให้
        ขณะเดียวกันนายสุเทพเทือกสุบรรณถูกล็อกตัวขึ้นรถตู้ออกไปเป็นคันแรกส่วนคันที่2 เป็นแกนนำกปปส. ซึ่งมีทั้งนายเอกนัฏและลูกสาวของนายสุเทพ โดนล็อกตัวออกไปเช่นกัน โดยไม่ทราบที่หมาย ส่วนผู้ที่เข้าร่วมประชุมที่เหลือทั้งหมดยังคงถูกกักตัวอยู่ภายในสโมสรทหารบกทั้งหมด
        สำหรับรายชื่อแกนนำกลุ่มต่างๆที่ถูก คสช. ควบคุมตัวเอาไว้ (รอการตรวจสอบโดยละเอียดต่อไป) มีดังนี้ 
 ฝ่ายรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย
 นายชัยเกษมนิติสิริ รมว.ยุติธรรม
 นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรและสหกรณ์
 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ
 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม
 นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง
 พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รองหัวหน้าพรรค
 นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค
 นายชูศักดิ์ ศิรินิล
 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา
 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์
 
 ตัวแทนนปช. ประกอบด้วย
 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 นางธิดา ถาวรเศรษฐ
 นายวีระกานต์ มุสิกพงษ์
 นายก่อแก้ว พิกุลทอง
 
พรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย 
 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค 
 นายจุติ ไกรฤกษ์ 
 นายศิริโชค โสภา 
 นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ 
 นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์
 
ตัวแทนกปปส. ประกอบด้วย
 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. 
 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย 
 นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ 
 นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ 
 นายสมศักดิ์ โกศัยสุข
--------------
 
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 1/2557
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 1/2557

เรื่อง การควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ

       ตามสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เขตปริมณฑล และพื้นที่ต่างๆ ของประเทศหลายๆ พื้นที่ เป็นผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ และเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง และเหตุการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัว จนอาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวมนั้น

      เพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรัก ความสามัคคี เช่นเดียวกับห้วงที่ผ่านมา ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับทั่วทุกฝ่าย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วย กองทัพบก กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 เวลา 16.30 เป็นต้นไป

      ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนทุกคนอยู่ในความสงบ ดำเนินวิถีชีวิตและประกอบอาชีพต่อไปตามปกติ ให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการดังที่เคยปฏิบัติ

     สำหรับ ข้าราชการทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ส่วนราชการต่างๆ ที่มีอาวุธเพื่อใช้ในราชการของหน่วย ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังและอาวุธโดยเด็ดขาด เว้นแต่จะได้รับคำสั่งจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แต่เพียงผู้เดียว

      สำหรับคณะทูตานุทูต สถานกงสุล องค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้งชาวต่างประเทศที่พำนักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทย คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะได้ให้ความคุ้มครอง และขอยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 

      รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทย กับองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ยังเป็นไปตามปกติ ตามที่รัฐบาลชุดเดิมดำเนินการไว้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะยึดมั่นในความจงรักภักดี และจะปกป้องเทิดทูนดำรงรักษาไว้ ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นศูนย์รวมจิตใจประชาชนชาวไทย และทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง

       ประกาศ ณ วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00:05 น.  ข่าวสดออนไลน์ 


ลำดับเหตุการณ์กองทัพยึดอำนาจตั้ง'คสช.''ประยุทธ์' สั่งล็อคแกนนำม็อบเข้า ร.1 รอ. 

        ผู้สื่อข่าว'ข่าวสด'รายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 พ.ค. ตัวแทนจาก 7 ฝ่าย ได้ทยอยเดินทางมายังอาคารสโมสรทหารบก ถ.วิภาวดี-รังสิต ที่ตั้งของกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) เพื่อหารือร่วมกันเป็นวันที่ 2 ตามประกาศของ กอ.รส. นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผอ.รส. พร้อมด้วย ผบ.เหล่าทัพ และตัวแทน ผบ.สส.ในฐานะที่ปรึกษา กอ.รส. ประกอบด้วย พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผบ.ตร. และ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รอง ผบ.สส.   

    ขณะที่ตัวแทนฝ่ายรัฐบาล ประกอบด้วย นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ตัวแทนวุฒิสภา ประกอบด้วย นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภา และนายพีระศักดิ์ พอจิต ว่าที่รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 ตัวแทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกอบด้วย นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นายประวิช รัตนเพียร นายบุญส่ง น้อยโสภณ นายภุชงค์ นุตราวงศ์ และนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ 

     ส่วนตัวแทนพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รองหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ นายศิริโชค โสภา นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ตัวแทน กปปส. ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข และตัวแทน นปช. ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางธิดา ถาวรเศรษฐ นายวีระกานต์ มุสิกพงษ์ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง 
      สำหรับ ฝ่ายที่มีการเปลี่ยนแปลงบุคคลที่เข้าหารือ ได้แก่ ฝ่ายรัฐบาล โดยนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล รมว.พลังงาน ไม่ได้เข้าหารือด้วย โดยมีนายชัชชาติ และนายทนุศักดิ์ เข้าหารือแทน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ไมได้เข้าหารือในวันนี้ โดยมีนายศริโชค เข้าหารือแทน ขณะที่ฝ่ายกกต.มีนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ เข้าหารือเพิ่ม โดยการหารือ กอ.รส.ยังไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน เข้าพื้นที่ภายในอาคารสโมสรทหารบก ซึ่งใช้เป็นสถานที่หารือ โดยให้สังเกตการณ์อยู่บริเวณภายนอกอาคาร ทั้งนี้ก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์  ได้กล่าวก่อนการประชุมตอนหนึ่งว่า สิ่งหนึ่งที่ตนเป็นห่วง คือเราไม่สามารถปล่อยให้มีปัญหากันต่อไป หรือมีความขัดแย้งต่อไปโดยที่ไม่มีทางออกได้ ซึ่งต้องเริ่มที่ตัวของตนเองก่อน คือพร้อมทำทุกอย่างให้เกิดความสันติสุขโดยเร็ว ทุกท่านให้เกียรติกองทัพ และการประกาศกฎอัยการศึกนั้น ตนคิดว่าหลายท่านมีข้อขัดแย้ง แต่ตนเรียนว่าตนทำอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะให้เกิดความสงบสุข และไม่ต้องมากังวลแทนตนเพราะไม่ว่าจะผิดหรือถูกอย่างไร ตนรับผิดชอบทุกประการ เพราะตนเป็นคนที่เกิดในแผ่นดินนี้ เป็นหนี้แผ่นดินนี้ ก็จำเป็นจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมตรงนี้ และพยายามใช้อำนาจความมั่นคงเป็นหลัก แต่มีความเกี่ยวพันกันในหลายมิติ หากก้าวล่วงอะไรไปบ้างหรือใช้อำนาจอะไรไปบ้างต้องขออภัย อย่างไรก็ตามตนให้เกียรติทุกท่านเสมอ
     ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับบรรยากาศภายในห้องรับรองนั้นเป็นไปด้วยดี ทุกคนเมื่อพบกันก็ได้ทักทายอย่างเป็นกันเอง อาทิ นายเสริมศักดิ์ พงศ์พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่รมช.ศึกษาธิการได้เดินเข้าไปยกมือไหว้สวัสดีทักทายนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภา และจับมือทักทายกับนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองหน้าพรรคประชาธิปัตย์ด้วย และทางด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ก็ได้เดินทักทายกับหลายๆคนก่อนที่จะเข้ามาหยุดยืนคุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯกปปส. อยู่นานประมาณ 10 นาที ก่อนที่ทุกคนจะถูกเชิญให้เข้าห้องประชุมใหญ่พร้อมกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับการจัดโต๊ะนั่งในห้องประชุมนั้นเป็นโต๊ะยาวสี่เหลี่ยมผืนผ้า และให้นั่งกันคนละด้าน ได้แก่ เพื่อไทยกับนปช. , กปปส. กับ ประชาธิปัตย์ , รัฐบาลกับวุฒิสภา , ผบ.ทบ.กับผบ.เหล่าทัพและผบ.ตร. นั่งด้านที่เป็นหัวโต๊ะ ฐานะประธานที่ประชุม
     รายงานข่าวเปิดเผยด้วยว่า ก่อนเข้าห้องประชุมใหญ่ทางเจ้าหน้าที่ได้ขอร้องทุกคนห้ามนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในห้อง โดยไม่ได้แจ้งเหตุผลใดๆทั้งสิ้น แต่คาดว่าสาเหตุคงเนื่องมาจากไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่ภาพไปทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก เหมือนเมื่อวันแรกที่ผ่านมาซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมหลายคนถ่ายภาพตัวเองขณะอยู่ในห้องประชุมไปลงเฟสบุกส่วนตัวอย่างไรก็ตาม การประชุมผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งให้หยุดพักการประชุมทันที เนื่องจากการพูดคุยกันในที่ประชุมมีการถกเถียงกันอย่างกว้าง เนื่องจากแต่ละฝ่ายไม่ยอมความมคิดเห็นของแต่ละฝ่าย โดยแต่ละฝ่ายต้องการข้อเสนอของตัวเองเป็นหลัก 
      หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางออกจากสโมสรทหารบก ได้นั่งรถประจำตำแหน่ง ออกจากสโมสรทหารบก เป็นเป็นคันแรก ไปยังกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์(ร.1 รอ.) จากนั้นมีรถประจำตำแหน่งของผบ.เหล่าทัพ ได้แก่ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และพล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รอง ผบ.สส. ตามขบวนกันออกไป กระทั่งเวลา 16.40น. ผู้สื่อข่าวที่ยืนรอทำข่าวการหารือตัวกลุ่ม 7 ฝ่าย เพื่อหาทางออกประเทศ ต้องอยู่ในอาการตกตะลึง เมื่อทหารนำรถจีเอ็มซี จำนวน 3 คันมาปิดที่บริเวณถนนเข้าออกสโมสรทหารบก และอีก 2 คันปิดที่ทางแยกไปยังอาคารกำลังเอก ที่ใช้ทำงานของสื่อมวลชน จากนั้นก็มีทหารพร้อมอาวุธครบมือมายืนกันผู้สื่อข่าวและช่างภาพให้ออกห่างจากจุดดังกล่าวและให้ไปรวมตัวอยู่ที่อาคารกำลังเอกและให้รอฟังแถลงการณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. แต่ปรากฎผู้สื่อข่าวยังต้องการปฏิบัติหน้าที่บริเวณดังกล่าว ทำให้ทหารต้องเรียกกำลังมาเพิ่มเติมและให้อยู่ห่างจากถนน 
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นเพียง 10 นาที กำลังทหารจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์และร.1 รอ.ได้นำกำลังทหารพร้อมรถบรรทุก เข้าปิดบริเวณทางเข้า-ออกสโมสรทหารบก โดยใช้รถบรรทุกจำนวน 4 คันและรถฮัมวี่อีก 4 คันจากนั้นกำลังทหารชุดนอกเครื่องแบบของกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ได้นำรถตู้จำนวน 4 คัน ขึ้นมาบริเวณด้านหน้าล็อบบี้สโมสรทหารบก และเข้าล๊อคตัวแกนนำแต่ละคนขึ้นรถโดยมีทหารของร. 21 รอ. นั่งประกบแกนนำแต่ละคน จากนั้นได้นำตัวแกนนำทั้งหมดที่มาหารือในวันนี้ไปควบคุมตัวภายในบ้านพักรับรอง ร.1 รอ. ซึ่งขณะเดียวกันทำให้สื่อมวลชนที่เฝ้าสังเกตการณ์ต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงการควบคุมแกนนำและตั้งข้อสังเกตถึงการหารือครั้งนี้ว่าล้มเหลว 
       ต่อมาเวลา16.45 น. จากนั้นมีรถตู้สีขาว 5 คันหลายคันปิดแผ่นป้ายทะเบียนได้ทยอยออกมาจากลานจอดรถด้านใต้สโมสรทหารบก ผ่านด้านหน้าอาคารและผ่านหน้าผู้สื่อข่าวไป แต่ระหว่างที่ผ่านผู้สื่อข่าวทำให้ขบวนรถตู้ต้องหยุดชะงัก เนื่องจากรถติด ขณะที่ผู้สื่อข่าวและช่างภาพได้เข้าไปล้อมรถตู้บางคันเอาไว้ เพื่อดูว่าใครอยู่ภายใน ทำให้เห็นว่ารถตู้ทุกคันมีทหารนั่งอยู่ด้วย และพบว่ารถตู้คันแรก มีแกนนำ นปช. นั่งอยู่ภภายในและสังเหตุเห็นได้ว่ามีการนำผ้าสีดำมาปิดตา พร้อมมีทหารนั่งควบคุมตัวภายในรถด้วย คันถัดไปเป็นรถที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส. แต่ไม่มีนำผ้าสีดำมาปิดตาแกนนำ กปปส. มีเพียงทหารพร้อมอาวุธครบมือนั่งควบคุมตัว​ 
      ทั้งนี้ ระหว่างที่ขบวนรถตู้นายสุเทพหยุดชะงักนั้น ผู้สื่อข่าวสังเหตุเห็นว่านายสุเทพนั่งอยู่ภายในรถอย่างชัดเจน จึงกรูกันเข้าไปตะโกนสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้ทหารรีบใช้ตัวบังนายสุเทพเอาไว้ เพื่อไม่ให้ผู้สื่อข่าวถ่ายภาพได้ โดยนายสุเทพโบกมือกับผู้สื่อข่าวเท่านั้น ขณะเดียวกันบริเวณดังกล่าวมีทหารจากกองพลทหารม้าที่2 รักษาพพระองค์(พล.ม.2 รอ.) เข้ามาควบคุมพื้นที่และกักบริเวณผู้สื่อข่าวพร้อมอาวุธครบมือ และใช้มาตรการควบคุมสูงสุด   
      สำหรับ ผู้เข้าร่วมการหารือจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย รัฐบาล วุฒิสภา และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)นั้น ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าถูกควบคุมตัวออกไปหรือไม่ ซึ่งจากการที่ผู้สื่อข่าวพยายามติดตามไปยังโทรศัพท์ของแต่ละคนที่เข้าร่วมหารือนั้น พบว่าไม่สามารถติดต่อได้ ทั้งนี้ก่อนที่จะมีการจับกุมแกนนำทางเจ้าหน้าาที่ทหารที่ดูแลรักษาความปลอดภัยในบริเวณสโมสรทหารบก ได้พบรถป้ายแดงฟอร์จูเนอร์สี ป้ายแดง หมายเลขทะเบียน น - 2536 ซึ่งเป็นรถของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. โดยภายในรถพบอาวุธปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 3 กระบอก และ อาวุธปืนขนาด .22 อีก 1 กระบอก พร้อมวิทยุสื่อสารอีก 1 เครื่อง มีดพกสั้น 1 เล่ม และ เป้ต้องสงสัยอีก 4 ใบ ทั้งนี้รถคันดังกล่าวได้ติดเครื่องทิ้งไว้แต่ไม่คนอยู่ภายในรถ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สังเกตุพบว่ารถคันดังกล่าาวเป็นรถเก่า แต่มาสวมทะเบียนป้ายแดง ทำให้เจ้าหน้าที่สงสัยและเข้าไปตรวจสอบ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังควบคุมตัวคนขับรถกระบะโตโยต้าสีดำป้ายแดง หมายเลขทะเบียน ก-2679 ซึ่งเป็นรถของผู้ติดตามนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ และควบคุมคนขับรถของ นายจตุพร เพื่อนำมาสอบสวนต่อไป 
      ต่อมาเวลา  17.07 น.  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.รส.) เป็นประธาน พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ในฐานะที่ปรึกษา กอ.รส. พร้อมด้วย พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รอง ผบ.สส. ออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า  เรื่องการควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ ตามสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่กทม. เขตปริมณฑล และพื้นที่ต่างๆของประเทศในหลายพื้นที่เป็นผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บและเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง และเหตุการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัวจนอาจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม เพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับเขาสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรักความสามัคคีเช่นเดียวกับห้วงที่ผ่านมา ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับทุกพวกทุกฝ่าย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วย กองทัพบก กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2557 เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป
      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ขอให้ประชาชนทุกคนอยู่ในความสงบ ดำเนินวิถีชีวิตและประกอบอาชีพต่อไปตามปกติ ให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ปฏิบัติหน้าที่ ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการดังที่เคยปฏิบัติ สำหรับข้าราชการ ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ส่วนราชการต่างๆ ที่ได้มีอาวุธเพื่อใช้ในราชการของหน่วย ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังและอาวุธโดยเด็ดขาดเว้นแต่จะได้รับคำสั่งจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติแต่เพียงผู้เดียวสำหรับคณะทูตานุทูต สถานกงสุล องค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้งชาวต่างประเทศที่พำนักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทย คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะได้ให้ความคุ้มครอง และขอยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ยังเป็นไปตามปกติตามที่รัฐบาลชุดเดิมได้ดำเนินการไว้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะยึดมั่นในความจงรักภักดีและจะปกป้อง เทิดทูน ดำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวไทยและทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวงประกาศ ณ วันที่ 22 พ.ค. 2557
      ต่อมาในเวลา 17.30น. เจ้าหน้าที่ทหารได้ประกาศให้ผู้สื่อข่าวออกจจากพื้นที่สโมสรทหารบกทั้งหมดทันที
      หลังจากนั้นเมื่อเวลา18.15 พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ได้ออกอ่านประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ผ่านทีวีพูล ว่า ตามที่ คสช.ได้ยึดอำนาจการปกครองตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2557 เวลา 16.30น. เพื่อให้การรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและนำวามสงบสุขมาสู่ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายโดยเร็วโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2457 ประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 22พ.ค. 2557 เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ประกาศ ณ วันที่ 22 พ.ค. 2557 ลงชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธาน คสช.
      จากนั้นเวลา 18.15น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบกได้ออกอ่านประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ผ่านทีวีพูล ว่า เรื่องห้ามออกนอกเคหะสถานตามที่ คสช. ตามที่ คสช.ได้ยึดอำนาจการปกครองตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2557 เวลา 16.30น. แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2457 จึงกำหนดมาตรการ ดังนี้ 1.ห้ามมิให้บุคคใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหะสถานภายในเวลา 22.00น. ถึง 05.00 น. ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2557 เป็นต้นไป เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อไม่ให้เกิดการปฎิบัติที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อยกับประชาชนเกินสมควรแก่เหตุ 2. ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2457 เข้าปฎิบัติหน้าที่ในเขตพื้นที่ในระยะเวลาที่กำหนดได้ ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ประกาศ ณ วันที่ 22 พ.ค. 2557 ลงชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธาน คสช.

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!