WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ฝากขัง'พงศ์พัฒน์-พวก' แฉรีดส่วย เปิดบ่อน-ซื้อขายตำแหน่ง รับรายเดือน'น้ำมันเถื่อน' ส่งนอนคุก-เค้นต่อบิ๊กกิ๊ก ชี้พฤติการณ์อ้าง'เบื้องสูง' 'บิ๊กอ๊อด'แถลงใหญ่วันนี้

ฝากขัง - เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. ช่วยราชการ ศปก.ตร. ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง พร้อมพวกรวม 9 คนมาขออำนาจศาลอาญาในการฝากขังผลัดแรก เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน



ซุกเซฟ - ภาพทรัพย์สินส่วนหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบในตู้เซฟ ที่บ้าน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. ช่วยราชการ ศปก.ตร. ที่มีการเผยแพร่ในไลน์ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน

     'บิ๊กอ๊อด'ตั้งโต๊ะแถลงคดี'พงศ์พัฒน์-พวก'วันนี้ ตร.ขออำนาจศาลฝากขังผู้ต้องหาผลัดแรก 12 วันระบุพฤติการณ์อ้างเบื้องสูง 'เปิดบ่อน-รีดส่วยน้ำมันเถื่อน-รับเงินแต่งตั้ง'

@ ตั้งกก.สอบ'พงศ์พัฒน์-พวก'

     เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่ง ตร.ที่ 633/2557 ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง โดยเนื้อหาสำคัญระบุว่าตามที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ปฏิบัติราชการศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ปรท.ศปก.ตร.) พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รอง ผบช.ก.ปรท.ศปก.ตร. พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน ผบก.รน.ปรท.ศปก.ตร. พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ ผกก.4 ปคบ.ปรท.ศปก.ตร. ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป.และ ด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป. ต้องคดีอาญาแล้วได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เลขที่ 632/2557 ไปแล้วนั้น 

@ 'ชนินทร์'ปธ.สอบวินัยร้ายแรง

     อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 แต่งตั้ง พล.ต.อ.ชนินทร์ ปรีชาหาญ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง พล.ต.ท.ชินทัต มีศุข จเรตำรวจ (สบ 8) พล.ต.ต.จักกฤษศณ์ สิงห์ศิลารักษ์ รองจเรตำรวจ (สบ 7) พล.ต.ต.ไพบูลย์ อุดมสินค้า ผบก.กต.9 จต. พ.ต.อ.ชยธวัส เสาวนะ รอง ผบก.กต.9 จต.เป็นกรรมการ พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤติยา ผกก.ฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 1 กต.9 เป็นกรรมการและเลขานุการ และ พ.ต.ท.วณัฐศ์ ชาลประเสริฐ สว.ฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 1 กต.9 จต.เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

@ สตม.ตั้งกก.สอบ'โกวิท'ด้วย

      ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผบช.สตม.ลงนามคำสั่ง สตม.ที่ 257/2557 ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2557 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร บก.ตม.3 สตม. ประกอบด้วย พ.ต.อ.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบก.ตม. พ.ต.อ.วีรยศ การุณธร ผกก.กองกำกับการบริการคนต่างด้าว บก.ตม.3 พ.ต.ท.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.กองกำกับการบริการคนต่างด้าว บก.ตม.3 เป็นกรรมการ พ.ต.ท.ยุทธนา ราชจันทร์ สว.ตม.จว.นครปฐม บก.ตม.3 เป็นกรรมการและเลขานุการ และ ร.ต.อ.นพรัตน์ ศิริมุสิกะ รอง สว.ตม.จว.นครปฐม บก.ตม.3 เป็นผู้ช่วยเลขานุการ 

     ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการทั้ง 2 คณะดำเนินการสอบสวนพิจารณา ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ.2557ให้แล้วเสร็จ แล้วเสนอสำนวนการสอบสวนมาเพื่อพิจารณาต่อไป ถ้าหากเห็นว่าการสอบสวนพาดพิงไปถึงตำรวจผู้อื่นให้ประธานรายงานให้ทราบโดยเร็ว

@ รวบเพิ่มอีก 2 นอมินีฟอกเงิน

     พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) และโฆษก ตร. กล่าวว่า คดีนี้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสิ้น 12 คนโดยตำรวจทั้ง 7 นายนั้น ควบคุมตัวตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมาพร้อมนางสวงค์ มุ่งเที่ยง ส่วน นายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช หลบหนีล่าสุดควบคุมตัวได้แล้วที่ จ.เชียงราย กำลังนำตัวมาดำเนินคดีส่วนนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ภรรยา พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล อดีต ผกก.ตม.สมุทรสาคร ผู้ต้องหาในคดีบุกรุกป่า เพิ่งเข้ามอบตัวในวันนี้

     "นอกจากนี้ ศาลออกหมายจับเพิ่มและจับกุมนายชอบและนางติยาพรรณ ชิณประภา สองสามีภรรยาได้ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยร่วมกระทำผิดกับกลุ่ม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 และ 5 มีพฤติการณ์เป็นนอมินี นำเงินที่ได้จากการกระทำผิดไปฟอก ส่วนนางสวงค์ และนายเริงศักดิ์นั้น ทำร้านค้าของเก่า งาช้าง สัตว์ป่าซึ่งพัวพันกับของกลางที่ยึดได้" พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว

@ เผยให้ประกัน'โกวิท-ภรรยา'

      โฆษก ตร.กล่าวต่อว่า ขณะนี้ถือว่าได้ตัวผู้ต้องหาที่ออกหมายจับครบแล้ว และนำตัวฝากขังแล้ว เหลือเพียงนายเริงศักดิ์ที่กำลังเดินทางมาจากเชียงราย โดยให้ประกันตัว 2 คน คือ พ.ต.อ.โกวิท และนางสุดาทิพย์ เนื่องจากทั้งคู่ทำผิดในข้อหาบุกรุกแผ้วถางป่า รุกล้ำลำธาร สร้างอาคารในลำคลองเท่านั้น จึงให้ประกันในชั้นพนักงานสอบสวน ส่วนคนอื่นๆ ไม่มีการให้ประกันตัวแต่อย่างใด

     "อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 25 พฤศจิกายน เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.สมยศ และผมจะแถลงรายละเอียดในคดีนี้อีกครั้ง โดยจะนำภาพของกลางเป็นกองเงินนับพันล้านที่ยึดได้แสดงต่อสื่อมวลชน ทั้งนี้ ไม่มีการนำผู้ต้องหามาร่วมแถลงแต่อย่างใด" พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว

@ เผยสอบวินัยให้เสร็จ 30 วัน

     พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวอีกว่า ผบ.ตร.ลงนามคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง โดยให้ได้ผลการสอบสวนภายใน 30 วัน ส่วนกรณี พล.ต.ต.ชัยทัต บุญขำ อดีตผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ซึ่งถูกให้ช่วยราชการ ศปก.ตร. แต่ไม่ปรากฏชื่อถูกออกหมายจับดำเนินคดีนั้นเนื่องจากพยานหลักฐานสาวไปไม่ถึง

     รายงานข่าวแจ้งว่านายชอบและนางติยะพรรณนับเป็นผู้ต้องหาคนที่ 11 และ 12 ที่ถูกจับ เป็นอดีตรองผู้อำนวยการโรงเรียนวัดแจ้งศิริสัมพันธ์ (สโมสรสากลอุทิศ) อ.เมือง จ.นนทบุรี แต่ลาออกจากโรงเรียนนี้ไปตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา

@ สอบเพิ่ม'บิ๊กสีกากี-พวก'

     ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลว่า เวลา 10.30 น. มีรถตู้ของสถานีตำรวจในสังกัดกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) ติดฟิล์มดำ 7 คัน นำ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พล.ต.ต.โกวิทย์ พล.ต.ต.บุญสืบ พ.ต.อ.วุฒิชาติ ด.ต.สุรศักดิ์ ด.ต.ฉัตรินทร์ และ พ.ต.อ.โกวิทย์ พร้อมพลเรือนรวม 8 คน มาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยมีกำลังตำรวจประมาณ 50 นายดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไป รวมทั้งสั่งกำชับช่างภาพห้ามเข้าไปถ่ายรูประยะใกล้หรือกีดขวางขบวนรถตู้ โดยเลื่อนเวลานำผู้ต้องหาส่งฝากขังศาลอาญาจากช่วงเช้าออกไปเป็นช่วงบ่าย

     จากนั้นเวลา 14.55 น. รถตู้ 4 คันออกจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล เลี้ยวซ้ายออกถนนศรีอยุธยา มุ่งหน้าไปทางเทเวศร์ ภายในรถมีตำรวจคุ้มกันผู้ต้องหาอย่างแน่นหนา โดยมีรถนำปิดหัวท้ายขบวน ถัดไปอีก 5 นาที ขบวนรถตู้อีก 3 คันขับตามไป โดยมีรถนำปิดหัวท้ายขบวนเช่นกัน

@ 'สมยศ'เปิดแถลงข่าว 25 พ.ย.

    ต่อมา พล.ต.อ.สมยศ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.ประวุฒิ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.พงษ์พันธุ์ วรรณภักตร์ ผบก.น.1 พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 พล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. และ พล.ต.ต.ประสพโชค พร้อมมูล ผบก.ปทส. ไปที่ บช.น. โดย พล.ต.อ.สมยศกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า จะแถลงข่าวด้วยตัวเองในการดำเนินคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์พร้อมพวก ในวันที่ 25 พฤศจิกายน เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)

@ คุมตัว 3 ตร.-1 พลเรือนฝากขัง

      เวลา 15.30 น. พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้ควบคุมตัว พ.ต.อ.วุฒิชาติ ด.ต.สุรศักดิ์ ด.ต.ฉัตรินทร์ ผู้ต้องหาฐานเป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 149 และ 157 และนางสวงค์ มุ่งเที่ยง ผู้ต้องหาคดีร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 และ 47 รวมถึงนายชอบกับนางติยาพรรณ ผู้ต้องหาตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 และ 5 มีพฤติการณ์เป็นนอมินี มายื่นคำร้องขออำนาจศาลอาญา ฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน-5 ธันวาคม เนื่องจากยังสอบปากคำพยานไม่แล้วเสร็จ รวมทั้งยังต้องรอผลตรวจประวัติผู้ต้องหาและอื่นๆ โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษร้ายแรง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี 

@ ศาลอนุญาตส่งตัวเข้าเรือนจำ

     อย่างไรก็ดี ในส่วนของนายชอบและนางติยาพรรณ พนักงานสอบสวนยังทำสำนวนคำร้องไม่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่จึงนำตัวทั้งสองกลับไปควบคุมตามกฎหมาย โดยสามารถควบคุมตัวได้เป็นเวลา 48 ชั่วโมงก่อน ก่อนยื่นคำร้องฝากขังใหม่ในวันที่ 25 พฤศจิกายน

      ขณะที่ศาลได้พิจารณาคำร้องฝากขังในส่วน พ.ต.อ.วุฒิชาติ ด.ต.สุรศักดิ์ ด.ต.ฉัตรินทร์ และนางสวงค์ อนุญาตให้ฝากขังได้ ต่อมาเวลา 16.30 น. ญาติของนางสวงค์ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ มูลค่า 100,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ทั้งนี้ ระหว่างรอการพิจารณา โดยศาลออกหมายขังผู้ต้องหาอีก 3 คน และส่งตัวไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ 

@ ฝากขัง'พงศ์พัฒน์-โกวิทย์-บุญสืบ'

     พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบก.อคฝ. บช.น. เปิดเผยภายหลังฝากขังว่า ในวันนี้ได้รับมอบหมายให้นำตัวผู้ต้องหามาฝากขังเพียง 4 คน ส่วนที่เหลือได้รับแจ้งจากสำนักงานตำรวจชาติ (ตร.) ว่าไม่ประสงค์จะนำตัวผู้ต้องหามาฝากขังต่อศาล เข้าใจว่าคงได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวนแล้ว ต่อมาเวลา 17.45 น. 

พนักงานสอบสวน บช.น.ได้นำตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พล.ต.ต.โกวิทย์ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทฯ, เจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ เจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 149 และ 157 และ พล.ต.ต.บุญสืบ 

ผู้ต้องหา เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ 157 มาที่ศาลอาญาโดยรถตู้ 3 คัน และมีรถวิทยุ 191 นำหน้าและปิดท้ายขบวน

@ ระบุแต่งตั้งเรียกรับเงินรวม50ล.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์สวมชุดลำลองเสื้อคอกลมสีขาว มีสีหน้าเคร่งเครียด เดินลงจากรถตู้คนแรก และถูกคุมตัวเข้าห้องพิจารณาฝากขังทันที โดยคำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ถึงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2557 ขณะที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ดำรงตำแหน่ง ผบช.ก. มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ได้สมรู้ร่วมคิดกับ พล.ต.ต.บุญสืบ พ.ต.อ.อัครวุฒิ หลิ่มรัตน์ อดีต ผกก.1 ป. และ พ.ต.อ.วุฒิชาติ เรียกรับเงินจากตำรวจที่ประสงค์จะไปดำรงตำแหน่งสำคัญๆ รายละ 3-5 ล้านบาท เพื่อไปรับตำแหน่ง โดยส่งเงินให้กับกลุ่มผู้ต้องหาเป็นรายเดือน รวมแล้วเป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท

@ ระบุเก็บส่วยน้ำมัน153ล.

ส่วน พล.ต.ต.บุญสืบ พนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2554 ถึงวันที่ 18 กรกฎาคม 2557 ขณะที่ผู้ต้องหาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจน้ำ มีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้ค้าน้ำมันเถื่อนทางจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการเรียกเก็บเงินค่าส่วยน้ำมัน ส่งเงินให้กับ พล.ต.ต.โกวิทย์ 

35 ล้านบาท และส่งเงินให้กับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ 118 ล้านบาท 

@ ค้านประกันตัวหวั่นหลบหนี

ขณะที่ พล.ต.ต.โกวิทย์ พนักงานสอบสวนระบุว่า มีพฤติการณ์เปิดบ่อนการพนัน (ถั่วครอบ) ย่านห้วยขวาง โดยร่วมกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เป็นความผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนยังต้องสอบปากคำพยานกว่า 50 ปาก รอผลการตรวจประวัติผู้ต้องหา จึงขอฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2557 ถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2557 โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสอนได้คัดค้านการประกัน เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของพนักงานสอบสวน 

ทั้งนี้มีการระบุว่า กลุ่มผู้ถูกกล่าวหาได้แอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเพื่อดำเนินการต่างๆ

@ ส่งตัว5ตร.-1พลเรือนเข้าคุก

เวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัว พ.ต.อ.วุฒิชาติ ด.ต.สุรศักดิ์ ด.ต.ฉัตรินทร์ พล.ต.ต.โกวิทย์ 

พล.ต.ต.บุญสืบ ไปควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วนนางสวงค์ นำตัวไปควบคุมที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ขณะที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เจ้าหน้าที่ได้พาขึ้นรถตู้ตำรวจเพื่อนำตัวไปสถานที่พิเศษแห่งหนึ่ง 

พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบก.อคฝ. กล่าวว่า หลังจากศาลอนุญาตฝากขังแล้ว เจ้าหน้าที่จะนำตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ไปสอบสวนต่อยังสถานีตำรวจนครบาลแห่งหนึ่ง โดยไม่ระบุพื้นที่ว่าจะนำไปโรงพักใด โดยหลังจากสอบสวนเสร็จแล้วจะส่งไปควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯต่อไป 

รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังการฝากขัง พนักงานสอบสวนขอนำตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ขึ้นรถตู้ของตำรวจไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง โดยไม่ระบุว่าเป็นสถานที่ใด เพื่อสืบสวนขยายผลเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินต่อไป

@ สั่งห้ามผู้ต้องขังอื่นเข้าใกล้

นายอายุตม์ สินธพพันธ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวว่า ตามขั้นตอนหลังรับตัวผู้ต้องขังแล้ว ทั้งหมดจะถูกทำประวัติ พิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องขังใหม่ และส่งตัวเข้าแดนแรกรับ โดยการดูแลระยะแรกจะจำกัดพื้นที่เฉพาะให้อยู่รวมกันทั้งหมดในห้องที่มีกล้องวงจรปิดเพื่อจับตาความเคลื่อนไหว และสั่งห้ามไม่ให้ผู้ต้องขังอื่นเข้าใกล้ โดยเฉพาะผู้ต้องขังคดีอาญาทั่วไปป้องกันเหตุร้าย เพราะขณะนี้ไม่ทราบว่าผู้ต้องขังรายใดที่ถูกจับกุมโดยตำรวจเหล่านี้บ้าง ทั้งนี้ ผู้ต้องขังจะถูกคุมขังในแดนแรกรับประมาณ 7-15 วัน ก่อนจำแนกไปแดนที่เหมาะสม ในช่วงแรกรับจะไม่มีกิจกรรมใดๆ ให้ทำเป็นพิเศษเพราะอยู่ระหว่างฝากขังตามคำสั่งศาล

นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ต้องขังใหม่ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ขณะที่เรือนจำมีผู้ต้องขังอื่นและเจ้าหน้าที่เรือนจำช่วยดูแลความเคลื่อนไหวอีกทางหนึ่งด้วย

ข่าวแจ้งว่า เวลา 19.30 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯได้รับตัว พล.ต.ต.โกวิทย์ พล.ต.ต.บุญสืบ พ.ต.อ.วุฒิชาติ ด.ต.สุรศักดิ์ และ ด.ต.ฉัตรินทร์ จากนั้นนำตัวไปตรวจร่างกายทำประวัติตามระเบียบเรือนจำ โดย ด.ต.ฉัตรินทร์พบว่ามีอาการโรคหัวใจ โรคกรดไหลย้อน และระหว่างอยู่ในเรือนจำมีอาการอาเจียน เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวไปคุมขังไว้ยังสถานพยาบาลภายในเรือนจำ

@ 'บิ๊กป้อม'ยันจับตร.ทำตามกม.

ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการจับกุมตัวนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ว่า พล.ต.อ.สมยศคงให้ความชัดเจนได้ เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นการปฏิบัติงานของ ผบ.ตร. ตนยืนยันว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนที่มองกันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของตำรวจนั้น เป็นเรื่องของคนกลุ่มเดียว ซึ่งต้องสืบสวนสอบสวนกันต่อไปว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม คงพูดอะไรล่วงหน้าไม่ได้

@ 'บิ๊กต๊อก'รอข้อมูลตร.ชงคดีพิเศษ

ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พร้อมพวก ซึ่ง 1 ในข้อหาเป็นความผิดเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ความสำคัญในคดีดังกล่าวและติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด แต่ขอเวลารวบรวมข้อมูลในรายละเอียดของคดีให้มากกว่านี้ อีกทั้งยังมีความผิดในมาตรา 112 ร่วมอยู่ด้วย ดังนั้นจะประสานไปยัง ผบ.ตร. เพื่อขอข้อมูลอีกครั้ง ว่าคดีมีความสลับซับซ้อนหรือไม่ และมีความจำเป็นต้องรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ในชั้นนี้ไม่สามารถให้ความเห็นได้ ต้องรอรายละเอียด 

เมื่อถามว่าดีเอสไอมีข้อมูลเกี่ยวกับการให้สินบนคดีน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ภาคใต้ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า เคยได้รับรายงานคดีน้ำมันเถื่อนจากดีเอสไอว่าเกี่ยวพันทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชน แต่ไม่ได้รับข้อมูลว่าเป็นใครหรือว่าเป็นกลุ่มบุคคลใด 

ขณะที่ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวภายหลังเข้าพบ พล.อ.ไพบูลย์ว่า ได้รายงานข้อมูลคดีน้ำมันเถื่อนที่ดีเอสไอรับผิดชอบอยู่ ซึ่งเป็นคดีพิเศษอยู่แล้ว และขณะนี้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ส่วนคดีของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวกนั้น อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจ ดีเอสไอคงไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!