WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8778 ข่าวสดรายวัน


'บิ๊กตู่'ยันไม่รู้-ใครคือ'แป๊ะ' 
ม็อบยาง-ปชป.ผสมโรงไล่'อุ๋ย'


จี้แก้ยาง - นายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานแนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง ยื่นหนังสือถึงนายกฯ เรียกร้องให้รัฐบาลรับซื้อยางพารากิโลกรัมละ 80 บาท โดยมีนายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ ออกมารับฟังปัญหา ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.

     'ประยุทธ์' แจงยันพยายามพยุงราคาไม่ให้ต่ำกว่า 60 บาท พร้อมหารือข้อเสนอให้ออกพันธบัตรส่วนข้อเสนอเลือกนายกฯ-ครม.ยังไม่ได้ข้อยุติ ยืนยันไม่รู้ 'แป๊ะ' ที่รองนายกฯ วิษณุ ระบุ คือใคร กมธ.ยกร่างรับฟังข้อเสนอบรรจุหมวด ปรองดองในรธน. ขณะเดียวกัน กมธ.ชุดสมบัติก็ยืนยันลงเลือกนายกฯ-ครม.พร้อมตัดทิ้งส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ด้านเครือข่ายชาวสวนยางพาราบุกทำเนียบ ยื่นหนังสือ'บิ๊กตู่'แก้ราคายางตกต่ำ ย้ำต้องก.ก.ละ 80 บาทถึงจะอยู่ได้ จี้ปลด'หม่อมอุ๋ย'พ้นเก้าอี้รองนายกฯ คุมเศรษฐกิจ ชี้แก้ปัญหาไม่ถูกจุด ให้เวลาถึงสิ้นปีถ้าไม่ได้ผลเคลื่อนไหวแน่ ปชป.โผล่ผสมโรงด้วย ขณะที่กลุ่มชาวสวนยาง สุราษฎร์ฯ รุดศาลากลาง จี้รัฐบาลหามาตรการช่วยเหลือ รอฟังอีก 7 วันถ้าไม่คืบหน้ามา อีกแน่ 

แนวร่วมสวนยางยื่นหนังสือบิ๊กตู่

      เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามปกติ เพื่อพิจารณาเรื่องเร่งด่วนแต่ละกระทรวง และพิจารณาความคืบหน้าที่ฝากให้แต่ละกระทรวงไปหาของขวัญปีใหม่มามอบให้ประชาชน

      นายกฯ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมถึงกรณีสมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย และ 4 องค์กรเครือข่ายชาวสวนยางแห่งประเทศไทย สภาการยางพาราแห่งประเทศไทย ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรอุตสาหกรรมแห่งประ เทศไทย และสมาคมเครือข่ายเกษตรกร สถาบันเกษตรกรยางพาราไทย เดินทางยื่นหนังสือเพื่อให้หาแนวทางช่วยเหลือในเรื่องราคายางว่า "ให้เขาไปคุยกันก่อน"

      ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. แนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยางและภาคีเครือข่ายชาวสวนยางและสวนปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้กว่า 10 คน นำโดยนายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานแนวร่วมกู้ชีพฯ และนายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายฯ อ่านแถลงการณ์ถึงพล.อ.ประยุทธ์ โดยนายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ ออกมารับฟัง 

จี้ปลด'หม่อมอุ๋ย'พ้นรองนายกฯ

      นายสุนทร กล่าวยืนยันว่า ชาวสวนยางต้องการให้รัฐบาลรับซื้อยางในราคากิโลกรัมละ 80 บาท และชดเชยส่วนต่างเป็นพันธบัตรรัฐบาลตามที่มีมติของชาวสวนยางเช่นเดิม เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นก่อนที่รัฐบาลจะปฏิรูปยางทั้งระบบ ก่อนหน้านั้นรัฐบาลโดยม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รอง นายกฯ ประกาศจะทำให้ราคายางขยับขึ้นภายในเวลา 2 เดือน ใช้งบประมาณ 58,000 ล้านบาทเพื่อนำมาช่วยเยียวยา เช่น ชดเชยยางไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ผิดวิธี เพราะชาวสวนยางที่ไม่มีเอกสารสิทธิและคนกรีดยางไม่ได้รับการช่วยเหลือ จึงขอให้นายกฯ พิจารณาปรับม.ร.ว.ปรีดิยาธรออกจากตำแหน่ง เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตามที่พูด ทั้งนี้ ชาวสวนยางจะรอฟังคำตอบจากรัฐบาลถึงสิ้นเดือนธ.ค.นี้ จากนั้นในช่วงปีใหม่จะให้เกษตรกรแสดงความเห็นและเสนอข้อเรียกร้องได้อย่างอิสระ

      ด้านนายอำนวยระบุว่า รัฐบาลได้เร่งดำเนินการตลอด และมีความเป็นไปได้ที่จะให้ที่กิโลกรัมละ 60 บาท หากมีการดำเนินการตามแผนที่วางไว้ หากจะให้ไปถึงกิโลกรัมละ 80 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในที่ประชุม ครม.ตอนหนึ่งที่ปัญหาดังกล่าวว่า "ให้เร่งแก้ปัญหาติดขัดที่ไหนให้รีบแก้ หากติดขัดที่ตัวคนให้จัดการย้าย" อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ตนจะหารือกับแนวร่วมฯ ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อหารือถึงมติ ครม.ต่อไป

ปชป.ผสมโรงไล่-ชู'บิ๊กป้อม'

       วันเดียวกัน นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ระบุราคายางพาราจะไม่ถึง 80 บาทต่อก.ก.ตามที่เกษตรกรร้องขอว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธรไม่ควรส่งสัญญาณชี้นำ และบ่นเบื่อถึงการบังคับใช้มาตรการที่ตนเป็นผู้ออก เพราะไทยเป็นผู้ส่งออกยางอันดับ 1 ของโลก โดยธรรมเนียมแล้วจะต้องเจรจาผู้ค้าโดยมีท่าทีชี้นำราคาตลาดให้สูงขึ้น ถ้ารองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจไม่ไหวก็เปลี่ยนคนอื่นมาดูเรื่องยางแทนก็ได้ จะเป็นพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ก็ดี เพราะพล.อ.ประวิตร ชัดเจนและเด็ดขาด

บิ๊กตู่ยันไม่ลงเลือกตั้ง-โวยแป๊ะ

     เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมครม.ถึงกมธ.ปฏิรูปการเมืองของสปช. เสนอให้เลือกนายกฯและครม.โดยตรงว่า ไม่ทราบ ตนไม่ได้อยู่ในคณะทำงานหรือกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งวันนี้เขายังไม่มีข้อสรุป ตอนนี้แค่รับฟังและรับทราบ ซึ่งมีวิธีการหลายแบบที่ต้องรับฟังต่อไป 

      ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้ามีการเลือกตั้งนายกฯโดยตรงจะลงเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่มีถ้า ยังไม่จบ ไม่ต้องมาสมมติ ไม่ต้องถาม ไม่มีถ้า ไม่ลง ไม่มีอะไรทั้งนั้น ไม่อยากเป็นนักการเมืองอยู่แล้ว"

      ส่วนที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เปรียบเทียบว่าการร่างรัฐธรรมนูญเหมือนลงเรือแป๊ะก็ต้องตามใจแป๊ะนั้น แป๊ะคือใคร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า เป็นการเปรียบเทียบ มาถามเรื่อยเปื่อยทำไม ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ต่อข้อถามว่ามีการเปรียบเทียบว่าแป๊ะคือคสช.ซึ่งเป็นเจ้าของเรือ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ใคร มันไม่เกี่ยว พูดกันไปเรื่อย ใครคือแป๊ะ มาถามผมแล้วผมจะไปรู้หรือ วันนี้ต้องถามคนพูด สมัยก่อนก็มีการพูดถึงแป๊ะแจวเรือจ้าง สื่อปัจจุบันมักไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้ มัวแต่ไปสนใจแต่คำแปลกๆ เช่น โว ฟุ้ง โม้ ซึ่งผมเองไม่รู้จักศัพท์พวกนี้ เพราะเป็นศัพท์สมัยใหม่ ผมไม่รู้จัก ผมรู้จักแต่ศัพท์เก่าๆ เช่นแป๊ะแจวเรือจ้าง"

ชี้บิ๊กจิ๋ว แค่เหงา-ยันทหารปึ้ก

       เมื่อถามถึงพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีต นายกฯเตือนให้ระวังเรื่องการปฏิวัติซ้ำ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า อย่าไปตอบโต้เลย พล.อ. ชวลิตอายุมากแล้ว ก็คงเหงา ตนให้ความเคารพและอย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นกังวล พล.อ. ชวลิตคงฟังคนโน้นคนนี้ก็มาเตือน ผู้ใหญ่เป็นห่วงเด็ก ตนไม่เคยโกรธท่าน

      เมื่อถามว่าเป็นการบั่นทอนกำลังใจในการทำงานหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่มี ตนเต็มร้อย ไม่ต้องกลัว ถือเป็นคำแนะนำทั่วไปของผู้ใหญ่ ไม่ใช่ว่าจะดีหรือไม่ดี อย่าไปกังวล วันนี้ประเทศชาติพยายามเดินไปข้างหน้า อย่าจับให้ถอยหลังไปอีก ไม่เอา ตนขี้เกียจไปตอบ เมื่อถามว่ามั่นใจว่าจะไม่มีปฏิวัติซ้ำ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่าไม่มี ใครจะมาปฏิวัติ ลองหามาว่าเป็นใคร การปฏิวัติมันง่ายนักหรืออย่างไร

     ผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้ทหารยังแน่นแฟ้นกันอยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าทหารไม่ ไปึ๊กกันตรงไหน ทหารไม่เคยมาทะเลาะกัน ยืนยันว่าทหารไม่มีปัญหากัน อย่างไรก็เป็น พี่น้องกันอยู่แล้ว

       เมื่อถามว่าจากนี้การบริหารงานของ นายกฯ อาจไม่เป็นที่พอใจของคนในกองทัพ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าไม่ทราบ ถ้าอยากให้โดนใจก็รอรัฐบาลหน้า ไปหาเอาเองว่าจะมีใครทำให้ได้อย่างที่ตนทำ หลายอย่างที่ทำแต่พวกเราไม่รู้ ไม่เคยเข้าใจว่าทำอะไรกันบ้าง สิ่งที่ทำมันไม่ง่าย

      เมื่อถามว่ากองทัพจะมีศักยภาพกดดันที่จะเปลี่ยนตัวนายกฯหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไร้สาระ ไม่มี"

ประเมินครม.-รมต.ทุกคนผ่าน

      เมื่อถามว่า เสถียรภาพรัฐบาลยังดีอยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าไม่มีอะไร ทุกคนทำงาน ขอร้องว่าอย่าวิจารณ์จนเสียหาย ตนในฐานะรุ่นน้องถึงแม้จะเป็นนายกฯ ก็เห็นว่าพี่ๆทุกคนช่วยกันทำงาน ไม่ว่าจะสั่งอะไรก็ทำทั้งหมด ในที่ประชุมครม.ทุกคนต่างแสดงความเห็น แม้บางคนไม่ค่อยอยากพูด บางคนพูดไม่เก่งแต่ทำงาน และส่วนใหญ่ตนเป็นคนนำเสนอผลงานต่างๆออกมา รัฐมนตรีไม่ค่อยได้พูดโดยระบุว่าเมื่อนายกฯพูดแล้วก็ไม่อยากพูดซ้ำ แต่ตนขอให้ไปพูดในรายละเอียดด้วย ยืนยันว่าการทำงานที่ผ่านมาต่างช่วยกัน ขอร้องสื่อว่าอย่าไปวิจารณ์ว่ารัฐมนตรีคนนี้อ่อน คนนี้ไม่พูด ผลงานไม่เข้าตา ยืนยันว่าผลงานเข้าตาทุกคน เดินตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้และให้รอฟังการแถลงผลงานรัฐบาล 3 เดือนว่าเราทำอะไรไปบ้างแล้ว

      เมื่อถามว่าหลังปีใหม่จะปรับครม.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธว่าไม่มี เมื่อถามว่าประเมินผลงานของครม.ผ่านหมดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าผ่านทั้งหมด เมื่อถามถึงเหตุผลที่ให้ผ่านทั้งหมด นายกฯกล่าวว่าเพราะตั้งใจทำงานเกินร้อย

จะพยายามพยุงยางไม่ต่ำกว่า60บาท

      ผู้สื่อข่าวถามถึงการแก้ปัญหายางพาราราคาตกต่ำ นายกฯกล่าวว่าพูดคุยกันแล้ว จะมีผู้แทนชาวสวนยางมาร่วมหารือและนำเรื่องที่ยังไม่เข้าใจกันมาอธิบายให้เข้าใจ ซึ่งมาตรการแก้ปัญหาเรื่องเงินอุดหนุนที่ลงไปไม่ทันเวลา ติดอยู่ที่ขั้นตอนนั้น ได้เร่งรัดแล้ว ซึ่งเขาก็เข้าใจ


ม็อบยาง - กลุ่มชาวสวนยางพาราใน จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 100 คน เข้ายื่นหนังสือต่อนายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผวจ.สุราษฎร์ฯ ผ่านไปถึงรัฐบาล เรียกร้องให้แก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ที่ศาลากลางจังหวัด เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.

       เมื่อถามว่า จะช่วยให้ราคายางพาราอยู่ที่เท่าไร นายกฯกล่าวว่ายังประเมินไม่ได้ แต่พยายามทำให้ตัวเลขไม่ต่ำกว่า 50 หรือ 60 บาท ให้สูงขึ้น จะพยายามเต็มที่ ถ้าตั้งราคาสูงมากเกินไปก็ไม่มีเงินซื้อ ทั้งนี้ จะเร่ง 3 กองทุนที่อนุมัติไปแล้ว แต่เงินยังลงไปไม่ครบ ถ้าเงินลงไปครบแล้วจะซื้อไว้ได้บ้าง และได้หารือกับเอกชนที่จะเป็นผู้รับซื้อ รับปากว่าจะให้ความร่วมมือซื้อในราคาสูงขึ้น แต่บอกไม่ได้ว่าเมื่อไร จะทำให้เร็วที่สุด รวมทั้งหามาตรการ อื่นๆ รองรับว่าจะทำอย่างไรต่อไป

       นายกฯกล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้รับซื้อยางพารา แต่รัฐบาลพูดคุยผู้ประกอบการภาคเอกชนให้รับซื้อในราคา 60 บาทต่อก.ก. ถ้าไม่ได้ 60 บาทจะได้เท่าไรก็ต้องว่ากันตรงนั้น อีกส่วนหนึ่งที่ต้องเร่งดำเนินการคือเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ให้เงินออกได้เร็ว และเงินสหกรณ์ที่จะอนุมัติเงินกู้ให้สหกรณ์ยางหรือนิติบุคคลไปซื้อยางได้โดยหาเงินให้กู้และลดดอกเบี้ยให้เขา เพราะรัฐจะซื้อและเก็บไว้เองก็ไม่ไหว และขอให้เห็นใจรัฐบาลและประชาชนเจ้าของเงินด้วย เกษตรกรจะบอกว่ารัฐบาลไม่ดูแลไม่ได้ ต้องดูปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ทุกคนลำบากกันหมด ทุกภาคส่วนไม่เฉพาะภาคเกษตรกร เรามีหลายอาชีพ ซึ่งทุกอย่างมีปัญหาหมด เพราะเศรษฐกิจโลกมีปัญหา

เตรียมหารือออกพันธบัตรอุ้ม

      เมื่อถามว่า ก่อนปีใหม่จะได้รับคำตอบจากผู้ประกอบการรับซื้อยางพาราที่ชัดเจนหรือไม่ นายกฯกล่าวว่าเร็วที่สุด เราไม่อยากให้เขาเดือดร้อน ซึ่งขึ้นอยู่กับความร่วมมือของภาคเอกชนด้วย ไม่อย่างนั้นรัฐบาลต้องหามาตร การอื่นที่อาจจะเข้มข้นมากขึ้น แต่ยังไม่ขอเปิดเผยตอนนี้

       ส่วนข้อเสนอของชาวสวนยางให้จ่ายค่าส่วนต่างในรูปแบบพันธบัตรนั้น นายกฯกล่าวว่า "เอาเงินมา เท่าไรรู้ไหม เงินส่วน ต่างนี้ จะเอาเงินที่ไหนมา ก็รู้ว่ามีเงินเท่านี้ ถ้าเราใช้เงินงบกลางไปเรื่อยๆ แล้วมีเหตุการณ์อื่นเกิดขึ้นจะเอาเงินที่ไหน ประเทศก็ล้มละลาย ต้องช่วยกัน ต้องเข้าใจด้วย ว่าเงินงบกลางมีอยู่ส่วนหนึ่ง ประมาณหมื่นล้าน ถามว่าถ้าตอนนี้ใช้หมดแล้วจะทำอย่างไร ถ้ามีแผ่นดินไหว ภัยพิบัติอื่นๆ มีเหตุการณ์เร่งด่วนอื่นๆ จะทำอย่างไร เอาเงินที่ไหนมาใช้ เงินไม่มีแล้ว"

      เมื่อถามว่า จะทำความเข้าใจกับชาวสวนยางได้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่าต้องทำให้ได้ เมื่อถามว่าชาวสวนยางระบุหากแก้ปัญหาไม่ได้จะเคลื่อนไหวหลังปีใหม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าแล้วแต่เขา บังคับตนไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนข้อเสนอออกพันธบัตรนั้น จะหารือในที่ประชุมต่อไป

ดันมาตรการไล่ราคาอยู่ที่ 60 บาท

        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังประชุมครม. นายอำนวยได้หารือร่วมกับคณะทำงานบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบ ที่มีเกษตรกรกลุ่มกู้ชีพชาวสวนยางร่วมอยู่ในคณะทำงานด้วย ที่กระทรวงเกษตรฯ นานกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง โดยนายอำนวยยังยืนยันมาตรการดันราคาไล่ซื้อยางเพื่อให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะ 60 บาทต่อก.ก. ส่วนการเข้าอุดหนุนราคาที่ 80 บาทต่อก.ก. ยืนยันว่ารัฐบาลยังทำไม่ได้ 

      นอกจากนี้ ในที่ประชุมกรรมการในส่วนเอกชนเสนอให้ยกเว้นระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุของสำนักนายกฯ ที่กำหนดให้การประมูลโครงการรัฐต้องมีคู่แข่งเกิน 1 ราย เพื่อป้องกันการฮั้วราคา แต่ที่ผ่านมาองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นต้องการใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมทำถนน แต่มีบริษัทที่เข้าร่วมประมูลโครงการเพียง 1 ราย จึงทำให้โครงการใช้ยางพาราในประเทศในพื้นที่ภาคใต้ไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้น หลังจากนี้จะนำข้อเสนอของชาวสวนยางภาคใต้เข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยางพารา (กนย.) เพื่อพิจารณาข้อเสนอของชาวสวน ก่อนนำเสนอที่ประชุม ครม.ต่อไป

สหพันธ์ปลัดอำเภอค้านยุบอปท.

       วันเดียวกัน นายเรวัติ เครือบุดดีมหาโชค ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกลุ่ม กปปส.เสนอให้ยุบเลิกการบริหารราชการส่วนภูมิภาคว่า การยุบการบริหารราชการส่วนภูมิภาคจะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นั้นๆ ขาดการกำกับดูแล ขาดระบบการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ จะทำให้อปท.บริหารงานได้อิสระ มีทุจริตมากขึ้น ตนเป็นห่วงมากที่สุดคือเรื่องความมั่นคง ถ้า อปท.เป็นอิสระ ไร้การกำกับดูแล ก็อาจออกข้อกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ถ้ามันพังไปแล้ว การจะทำให้กลับมาเหมือนเดิมเป็นเรื่องยาก ถ้าเป็นอย่างนี้ประเทศไทยจะหายไปเร็วที่สุดคือ 3 จังหวัดชายแดนใต้และจังหวัดอื่นๆ จะทำตาม ทั้งนี้ กรรมการสหพันธ์ปลัดอำเภอส่วนกลางฯ จะยื่นหนังสือคัดค้านต่อสนช.และประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ 

      สำหรับ การเคลื่อนไหวคัดค้านของกลุ่มสหพันธ์ปลัดอำเภอแต่ละระดับในวันที่ 15 ธ.ค. ประกอบด้วย 1.สหพันธ์ปลัดอำเภอส่วนกลางจะออกแถลงการณ์พร้อมยื่นหนังสือแสดงเจตนาคัดค้านในพื้นที่กรุงเทพฯ 2.สหพันธ์ปลัดอำเภอระดับภาค 4 ภาค จะยื่นหนังสือต่อแม่ทัพภาค 3.สหพันธ์ปลัดอำเภอแต่ละจังหวัด ร่วมกับสมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นัดรวมตัวแสดงพลังและแถลงการณ์ พร้อมยื่นหนังสือต่อผู้ว่าฯ และผบ.จังหวัดทหารบกพร้อมกันทั่วประเทศ

ม็อบยางสุราษฎร์ฯมาตามนัด

        เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานีหลังเก่า กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางพาราใน จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 100 คน นำโดยนายไพโรจน์ ฤกษ์ดี แกนนำแนวร่วมเกษตรกรชาวสวนยางพาราบ้านส้องและพันธมิตรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมนายเด่นเดช เดชมณี เลขานุการภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้ รวมตัวเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือปัญหาราคายางพาราตกต่ำ โดยมีป้ายข้อความ "มาเพื่อปากท้องไม่เกี่ยวการเมือง" "ให้อุดหนุนราคายางพาราทันที เศษยาง 30 บาทต่อกิโลกรัม น้ำยาง 70 บาทต่อกิโลกรัม ยางแผ่นดิบ 80 บาทต่อกิโลกรัม" "3 กิโล 100" โดยมีการยืนปราศรัยบนสนามหญ้าด้านหน้าอาคารศาลากลางจังหวัด

        ต่อมาเวลา 10.00 น.นายนำชัย พรหมมีชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี พล.ต.เกื้อกูล อินนาจักร ผบ.จทบ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ลงมารับหนังสือเปิดผนึกจากแกนนำส่งผ่านไปยังรัฐบาล

      หนังสือเปิดผนึก ฉบับที่ 2 ถึงนายกฯ มีข้อความระบุว่า ตามที่แนวร่วมเกษตรกรฯ ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงหัวหน้า คสช.และคณะต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ฉบับลงวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา เสนอรัฐบาลให้ปรับขึ้นราคายางพาราเพียงกรณีเดียว แต่ถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข ดังนั้น คณะแนวร่วมฯ จึงมีมติโดยปราศจากประเด็นการเมืองและผลประโยชน์แอบแฝง ให้รัฐบาลโดยนายกฯ ประกาศอุดหนุนราคายางพาราทันที ในวันที่ยื่นหนังสือฉบับนี้เพียงกรณีเดียว โดยปรับราคายางพารา 1.เศษยางราคาขั้นต่ำ 30 บาทต่อก.ก. 2.น้ำยางราคาขั้นต่ำ 70 บาทต่อก.ก. 3.ยางแผ่นดิบราคาขั้นต่ำ 80 บาทต่อก.ก. เพื่อความสงบสุขของประชาชนในชาติอย่างแท้จริง 

ย้ำต้องก.ก.ละ 80-ขีดเส้น 16 ธ.ค.

     นายไพโรจน์กล่าวว่า ในหนังสือขอให้รัฐบาลช่วยพยุงราคายางพาราให้ได้ก.ก.ละ 80 บาท โดย 40 บาทแรกเป็นไปตามราคา อีก 40 บาทให้รัฐช่วยมาเป็นพันธบัตรเพื่อให้เกษตรกรไปแลกเงินกับธนาคาร ซึ่งจะช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างแท้จริง ราคายางพารา 63 บาทเป็นราคาเมื่อ 5-6 ปีก่อน แต่ปัจจุบันราคาสินค้าอื่นๆ ขยับไปจนไม่สามารถลดลงมาได้จึงอยากให้ภาครัฐเข้ามาดูแลอย่าง เร่งด่วน

       ด้านนายนำชัยกล่าวว่า เบื้องต้นจะเร่งรัดจ่ายเงินชดเชยรายได้ ไร่ละ 1,000 บาทให้ชาวสวนยาง เนื่องจากขณะนี้ขั้นตอนการจ่ายเงินยังล่าช้าอยู่มาก จ่ายไปแล้วเพียง 28 ล้านบาทจากที่ต้องจ่ายทั้งสิ้น 8,200 ล้านบาท โดยจะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในบ่ายวันนี้พร้อมนำข้อเรียกร้องของเกษตรกรชาวสวนยางจังหวัดสุราษฎร์ธานีเข้าที่ประชุมด้วย และจะแจ้งผลให้ทราบภายใน 7 วัน

       ทั้งนี้ หลังจากยื่นหนังสือแล้วกลุ่ม เกษตรกรฯ สลายการชุมนุมทันที และจะรอฟังผลภายใน 7 วัน หรือภายในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ หากไม่มีความคืบหน้าใดๆ จะมีการเคลื่อน ไหวอีกครั้ง

"อ.ปี๊ด"หนุนบรรจุหมวดปรองดอง

       เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุม กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม พิจารณารายงานข้อเสนอของคณะอนุกมธ.พิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญ คณะที่ 10 เกี่ยวกับการปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง ที่มีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธาน


ได้ประกัน - นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง อดีตแกนนำนปช. เข้ารับฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนให้จำคุก 12 เดือน ไม่รอลงอาญา ฐานหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก่อนจะอนุญาตให้ประกัน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กทม. เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.

      นายบวรศักดิ์ กล่าวก่อนการประชุมว่า ตื่นเต้นกับข้อเสนอของนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธาน กมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. และของ กมธ.หลายคณะ ยืนยันว่าข้อเสนอและแนวทางยกร่างรัฐธรรมนูญในประเด็นต่างๆ ที่ถูกวิจารณ์อยู่ขณะนี้ยังไม่ใช่ข้อยุติ ถ้าเทียบกับการทำแกงส้มที่มีพ่อครัว 265 คน ทุกคนเสนอสูตรของตัวเองที่เห็นว่าอร่อยที่สุด แต่ขณะนี้ยังไม่ทันได้ก่อไฟ เพราะกว่าจะก่อไฟหรือตั้งน้ำให้เดือด หรือเอาเครื่องแกงลง ปรุงเสร็จยังอีกยาวนาน

จากนั้นนายเอนกเสนอความเห็นของอนุกมธ.เกี่ยวกับข้อเสนอให้มีการนิรโทษกรรมว่า ขอขอบคุณกรรมาธิการที่มอบหมายให้ดำเนินการเรื่องปรองดอง ทำให้ตนดังทั้งประเทศ บางคนกล่าวหาว่าตนไปรับดีลเขามา ขณะนี้หน้าต่างแห่งโอกาสมันเปิด เพราะถ้าอยู่ในการเมืองปกติ ไม่สามารถนิรโทษกรรมได้ ต้องมีฝ่ายที่ 3 เข้ามานิรโทษให้ เพราะตอนนี้บ้านเมืองอยู่ในภาวะวิกฤต ทำให้เกิดระบบชั่วคราวที่ตั้งใจจะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น คณะอนุกรรมาธิการจึงเห็นว่าหมวดของการปรองดอง และนิรโทษกรรม เป็นส่วนสำคัญที่ต้องอยู่ในรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ อนุกมธ.ยังเสนอตั้งคณะกรรมการเสริมสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ เพื่อสรรหาตัวแทนของแต่ละฝ่ายเพื่อให้เกิดการปรองดอง 

ตั้งเป็นกก.-มีอำนาจหน้าที่ชัด

ต่อมาเวลา 14.00 น. นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมรับทราบผลงานของคณะอนุกมธ.คณะที่ 10 ที่มีนายเอนกเป็นประธาน โดยนายบวรศักดิ์ปรารภก่อนการพิจารณาว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้มีภาค 4 การสร้างความปรองดองนั้นยิ่งทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีคุณค่า โดยจะแบ่งหมวดดังกล่าวเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก การปฏิรูปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นเรื่องระยะยาวและใช้เวลา 5-10 ปี และส่วนที่สอง หมวดว่าด้วยความปรองดอง ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะหน้า เหมือนคนป่วยที่เป็นไข้หวัดใหญ่ต้องรักษาโรคด้วยยาทามิฟลู แต่ระหว่างการรักษาก็ต้องมีอาการปวดหัวตัวร้อนก็กินไทลินอล เพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้น

นายคำนูณกล่าวว่า อนุกมธ.เสนอให้ตั้งคณะกรรมการเสริมสร้างความปรองดองแห่งชาติ ให้มีอำนาจดังนี้ 1.เพื่อศึกษาและแสวงหาแนวทางลดและยุติความขัดแย้งทางการเมืองทุกระดับ ให้ประชาชนในชาติรู้รักสามัคคีบนพื้นฐานความคิดที่แตกต่าง 2.จัดทำแผนการเสริมสร้างความปรองดองแห่งชาติที่กำหนดเงื่อนเวลา เช่น ระยะสั้น กลาง ยาว กำหนดเครื่องมือ กลไกการดำเนินการและติดตามการประเมินผล 3.ติดตามสถานการณ์แจ้งเตือนเจรจาแสวงหาทางออกจากความขัดแย้ง คลี่คลายสถานการณ์การเผชิญหน้าที่มีแนวโน้มใช้ความรุนแรง รวมทั้งเยียวยาอดีตและป้องกันการเกิดขึ้นซ้ำในอนาคต และ 4.ศึกษาอบรมและเผยแพร่ความรู้และทักษะในการแก้ขัดแย้งด้วยสันติวิธี และสร้างความเข้มแข็งให้บุคลากรในภาคการเมืองและพลเมือง

คาดรธน.ฉบับถาวรสำเร็จ 3 เม.ย.

นายคำนูณกล่าวว่า จากการหารืออย่างไม่เป็นทางการ หลังจาก กมธ.ยกร่างฯ รับฟังความเห็นจากที่ประชุม สปช.วันที่ 15-17 ธ.ค.นี้แล้ว วันที่ 19 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการส่งความเห็นของสมาชิก นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.จะทำพิธีส่งมอบความเห็นของ กมธ.ทั้ง 18 คณะของ สปช.ให้กับ กมธ.ยกร่างฯ ต่อไปด้วย ขณะที่ความชัดเจนในแต่ละประเด็นของการยกร่างรัฐธรรมนูญคาดว่าจะอยู่ในช่วงวันที่ 19-26 ธ.ค. และตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. 2558 อนุกมธ.ทั้ง 10 คณะจะนำข้อเสนอที่รับฟังมาพิจารณาอีกครั้ง และวันที่ 12 ม.ค.เป็นต้นไป กมธ.ยกร่างฯ จะประชุมต่อเนื่องเพื่อเริ่ม ยกร่างรัฐธรรมนูญทีละมาตรา โดยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเสร็จสิ้นก่อนตรวจทานในวันที่ 3 เม.ย.2558

นายคำนูณกล่าวว่า ในวันที่ 12 ธ.ค. เวลา 09.00 น. นายโภคิน พลกุล ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย จะเข้าร่วมประชุมและแสดงความ คิดเห็นเป็นการส่วนตัวต่อ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ห้องประชุมงบประมาณ ชั้น 3 อาคารรัฐสภา 3

กมธ.ชงเลือกตรงนายกฯ-ครม.

เมื่อเวลา 12.30 น. ที่รัฐสภา คณะกมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. นำโดยนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ นายดิเรก ถึงฝั่ง นายวรวิทย์ ศรีอนันต์รักษา พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ และนายบุญเลิศ คชายุทธเดช แถลงถึงการแสดงความเห็นและข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปการเมืองต่อกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ

นายสมบัติกล่าวว่า กมธ.ได้สรุปรูปแบบการเลือกตั้ง โดยให้นายกฯ และครม.มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ต้องมีเสียงสนับสนุนเกินครึ่งหนึ่งของผู้มาออกเสียงเลือกตั้ง หากไม่ถึงเกณฑ์ก็ต้องเลือกตั้งรอบสอง นำพรรคที่ได้คะแนนอันดับหนึ่งและสองมาเลือกใหม่อีกครั้งให้ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าจะลดปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงลงได้ โดยพรรค การเมืองเป็นผู้เสนอรายชื่อนายกฯ และครม. เพื่อให้นายกฯ ได้รับการสนับสนุนในการทำงานฝ่ายนิติบัญญัติ จากส.ส.ในสภา แต่หากเสียงส.ส.ไม่พอ สามารถชักชวนส.ส.พรรคอื่นมาร่วมรัฐบาลได้ ด้วยข้อเสนอรูปแบบต่างๆ ทั้งนี้ รูปแบบดังกล่าวนี้ถือเป็นนวัตกรรมการเมืองรูปแบบใหม่ ที่อาจได้ใช้เป็นประเทศแรกในโลก ทั้งนี้ กมธ.ยังเสนอให้ประชาชนไม่ต้องมาใช้สิทธิเลือกตั้งก็ได้หากไม่อยากมาใช้สิทธิ เพราะระบอบประชา ธิปไตยไม่ใช่การบังคับ ให้ทำเป็นหน้าที่ 

ตัดทิ้งปาร์ตี้ลิสต์-คงสรรหาส.ว.77

นายสมบัติกล่าวว่า ส่วนข้อกังวลว่าการเลือกนายกฯ โดยตรง จะเหิมเกริมไปเทียบกับประมุขประเทศนั้น เชื่อว่าคนไทยมีความจงรักภักดี จะเลือกบุคคลที่มีความจงรักภักดีมาทำหน้าที่อยู่แล้ว แต่หากคนที่มาเป็นนายกฯ ไม่มีความจงรักภักดี ไม่ว่าการเลือกตั้งรูปแบบใดก็ไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ นอกจากนี้ยังออกแบบให้ช่วงเวลาระหว่างการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง ให้มีรัฐบาลรักษาการโดยให้ปลัดกระทรวงทำหน้าที่รัฐมนตรี แล้วให้ปลัดกระทรวงเลือกกันเองมา 1 คน เพื่อทำหน้าที่นายกฯ คอยทำหน้าที่โปรดเกล้าฯครม.ชุดใหม่ 

นายสมบัติกล่าวว่า ฝ่ายนิติบัญญัติให้มี 2 สภาเหมือนเดิม โดยส.ส.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด 350 คน ที่มาจากแบบแบ่งเขต เขตละไม่เกิน 3 คน ประชาชน 1 คน เลือกส.ส.ได้ 1 คน จากนั้นให้ผู้มีคะแนนมากที่สุดตามลำดับ 1-3 ได้เป็นส.ส. ไม่มีรูปแบบส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อป้องกันการอุปถัมภ์จากหัวหน้าพรรค ส่วนส.ว.ให้มีทั้งหมด 154 คน แบ่งเป็นเลือกตั้ง 77 จังหวัด จังหวัดละ 1 คน และสรรหาจากกลุ่มอาชีพอีก 77 คน ทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย แต่งตั้งองค์กรอิสระ และถอดถอน ซึ่งต้องออกแบบให้ถอดถอนได้สำเร็จต่อไป ทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อเสนอ ส่วนกมธ.ยกร่างฯ ทั้ง 36 คน จะนำไปพิจารณาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจ 

รื้อโครงสร้างปปช.ควบปปง.-ปปท.

ด้านนายดิเรกกล่าวว่า มีการเสนอปรับ โครงสร้างป.ป.ช. ให้ควบรวม ป.ป.ท. ปปง. ส่วนคณะกรรมการให้มีวาระดำรงตำแหน่งลดจาก 9 ปี เหลือ 5 ปี และให้ดำรงตำแหน่งเพียงวาระเดียว และป.ป.ช.ควรมีอำนาจฟ้องคดีทุจริตต่อศาลได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องผ่านอัยการ และควรจัดตั้งศาลว่าด้วยคดีการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ พร้อมทั้งให้คดีทุจริตไม่มีอายุความ ส่วนองค์กรอัยการจะมีการปรับเปลี่ยน หาวิธีลดการแทรกแซงทางการเมือง และจะดึงเรื่องการสอบสวนของตำรวจมาให้อัยการดำเนินการเอง

นายดิเรกกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีคณะกรรมการประเมินผลแห่งชาติ เพื่อให้ความเห็นต่อการแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 และระดับสูงของรัฐวิสาหกิจให้เกิดประสิทธิ ภาพ จะมีการประเมินผลโครงการสำคัญของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจว่ามีทุจริตหรือไม่ เพื่อให้โครงการโปร่งใส และหากมีการทุจริตจะนำไปสู่การดำเนินคดีต่อไป

ขณะที่นายบุญเลิศกล่าวว่า พรรคการเมืองต้องมีความเข้มแข็งทำหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติ ส่วนการยุบพรรคไม่สามารถทำได้โดยง่าย เว้นแต่จะมีการกระทำผิดร้ายแรงกระทบต่อสถาบัน ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย หรือทำให้ผลประโยชน์แห่งชาติได้รับความเสียหาย ซึ่งรัฐบาลจะต้องสนับสนุนพรรคอย่างเหมาะสมและยุติธรรม ส่วนผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง จะสังกัดพรรคหรือไม่ก็ได้ 

แค่รออาญาก็ขาดคุณสมบัติสมัครสส.

ด้านนายวรวิทย์กล่าวว่า ผู้ลงสมัครเลือกตั้ง จากเดิมจะต้องรอให้คดีถึงที่สิ้นสุดก่อนถึงจะขาดคุณสมบัติการเป็นส.ส. แต่กมธ.เสนอใหม่ให้แค่คำตัดสินว่าผิดและให้รอลงอาญา รวมทั้งความผิดคดีภาษีก็ถือว่าขัดคุณสมบัติ และผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ตลอดไป เว้นแต่เป็นคดีหมิ่นประมาทและ คดีลหุโทษ แนวทางนี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้ แต่จะไม่มีผลย้อนหลังไปเพิกถอนสิทธิของผู้ที่เคยถูกเพิกถอนสิทธิไปแล้ว อาทิ นักการเมืองบ้านเลขที่ 109 และ 111 

นายวรวิทย์กล่าวว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งจะต้องไม่เป็นบุพการี คู่สมรส ทั้งโดยพฤตินัยและนิตินัย บุตรหรือบุตรบุญธรรม แต่ไม่ห้ามพี่น้องร่วมสายโลหิต สำหรับ กกต. เสนอให้ลดวาระจาก 7 ปี เหลือ 5 ปี มีอำนาจตรวจค้นระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง โดยไม่ต้องแจ้งตำรวจก่อน และให้มีอำนาจเฉพาะแจกใบเหลืองเพื่อจัดเลือกตั้งใหม่ ส่วนใบแดงให้เป็นอำนาจของศาลเพราะเกี่ยวข้องกับการตัดสิทธิของผู้สมัคร 

ขณะที่พล.อ.เอกชัยกล่าวว่า สำหรับการปรองดองนั้น เสนอตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ทั้งในช่วงสถานการณ์ปกติ และช่วงที่เป็นอันตรายสุ่มเสี่ยงต่อการล่มสลายทางการเมือง ให้คณะกรรมการชุดนี้มีอำนาจทางกฎหมายเชิญคู่ขัดแย้งมาเจรจากันทุกฝ่ายเพื่อให้ความขัดแย้งคลี่คลายลง รวมถึงเปิดพื้นที่ให้ภาคประชาชนได้มีส่วนร่วม 

นายกฯตู่บินเยือนจีน 22-23 ธ.ค.

วันที่ 9 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ถึงการลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วปานกลาง (180/ช.ม.) กับสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ในการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขงครั้งที่ 5 วันที่ 19-20 ธ.ค.ที่กรุงเทพฯ นายหลี เค่อ เฉียง นายกฯ จีน จะให้เกียรติเซ็นบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นการร่วมกันพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วปานกลาง 160-180 ก.ม./ช.ม. เป็นการเชื่อมโยงเพื่อพัฒนาประเทศสู่อนาคตและสร้างความเชื่อมโยงของอาเซียน โดยจีนให้ความช่วยเหลือตั้งแต่ในรูปเงินกู้ 

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนการช่วยเหลือรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากไทยของจีนนั้นเป็นการช่วยเหลือระหว่างกันอยู่แล้ว ซึ่งมูลค่าการแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรไม่สามารถแลกกับการสร้างรถไฟได้เพราะมูลค่าต่างกันมาก ไม่อย่างนั้นเราต้องขายข้าวปริมาณมหาศาลเพื่อแลกกับรถไฟ ปลูก 10 ปีไม่รู้จะใช้ได้หมดหรือเปล่า และหลังเซ็นเอ็มโอยูแล้วจะศึกษารายละเอียดตั้งคณะทำงานในปี 2558 โดยเร็วที่สุด คาดว่าต้นปี 2559 จะเริ่มลงมือก่อสร้างและต้องใช้เวลามาก ส่วนการเยือนจีนวันที่ 22-23 ธ.ค.นั้นเป็นการเยือนเพื่อให้เกียรติกัน ไม่เกี่ยวกับการเซ็น เอ็มโอยูเรื่องรถไฟใดๆ ทั้งสิ้น

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า วันที่ 10-12 ธ.ค. นายกฯ มีกำหนดการเยือนสาธารณรัฐเกาหลีอย่างเป็นทางการเพื่อร่วมประชุมอาเซียน-เกาหลี รวมทั้งหารือทวิภาคีกับผู้นำที่สำคัญ ได้แก่ ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีและเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน และพบปะกับภาคธุรกิจชั้นนำของเกาหลีใต้ สำหรับการลงพื้นที่ต่างจังหวัดของนายกฯ นั้น ขณะนี้มีการยืนยันแล้วว่านายกฯ จะเดินทางไปร่วมงานรำลึกสึนามิที่จ.พังงา ในช่วงบ่ายวันที่ 26 ธ.ค.

"สีหศักดิ์"ออท.ญี่ปุ่น-"นรชิต"ปลัด

เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 9 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน 13 ราย ในจำนวนนี้แต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ 10 ราย ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ดังนี้ 1.นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูต กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ เป็นเอกอัครราชทูต คูเวต 2.นายธนาธิป อุปัติศฤงค์ เอกอัครราชทูต กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น เป็นเอกอัครราชทูต กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์

3.นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวง เป็นเอกอัครราชทูต กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น 4.นายนรชิต สิงหเสนี เอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐ เป็นปลัดกระทรวง 5.นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ เป็นเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐ

6.นายอิทธิพร บุญประคอง เอกอัครราชทูต กรุงไนโรบี เคนยา เป็นเอกอัครราชทูต กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ 7.นายกิตติพงษ์ ณ ระนอง เอกอัครราชทูต กรุงตริโปลี ลิเบีย เป็น เอกอัครราชทูต กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร 8.นายไกรรวี ศิริกุล รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เป็น เอกอัครราชทูต กรุงตริโปลี ลิเบีย 9.นายณรงค์ ศศิธร รองปลัดกระทรวง เป็นเอกอัครราชทูต กรุงปราก เช็ก 10.นายวิทวัส ศรีวิหค เอกอัครราชทูต กรุงปราก เช็ก เป็นรองปลัดกระทรวง

11.นายศุภร พลมณี เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง เป็นเอกอัครราชทูต กรุงราบัต โมร็อกโก 12.นายพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูต กรุงออตตาวา แคนาดา เป็นเอกอัครราชทูต กรุงวอชิงตัน สหรัฐ และ 13.นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี เอกอัครราชทูต กรุงวอชิงตัน สหรัฐ เป็นเอกอัครราชทูต กรุงออตตาวา แคนาดา 

ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า ครม.มีมติเห็นชอบแต่งตั้งว่าที่ ร.ต.เชิดศักดิ์ จำปาเทศ เป็นที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรมแทนตำแหน่งที่ว่าง มีผลตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.เป็นต้นไป และ ครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอแต่งตั้ง 3 ราย 1.นายจรูญ นราคร รองอธิบดีกรมศิลปากร เป็น ผู้ตรวจราชการ 2.นายดำรงค์ ทองสม รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นผู้ตรวจราชการ และ 3.นายกฤษฎา คงคะจันทร์ รองอธิบดีกรมการศาสนา เป็นผู้ตรวจราชการ และอนุมัติตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอแต่งตั้งนางกนกทิพย์ รชตะนันทน์ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง สมช. เป็นรองเลขาธิการ สมช.

อุทธรณ์ยืนจำคุก"กี้ร์"-หมิ่นมาร์ค

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ธ.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ 4177/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำ นปช. จำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา จากกรณีเมื่อเดือนต.ค. 2552 จำเลยปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและหน้าทำเนียบรัฐบาล ถ่ายทอดสดผ่านช่องพีเพิล แชนแนล กล่าวหาการบริหารงานรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ กู้ยืมเงินมาเพื่อทุจริตในโครงการต่างๆ และกล่าวหาโจทก์เป็นผู้หน่วงเหนี่ยวคำร้องฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำให้ล่าช้า รวมถึงสั่งทหารฆ่าประชาชน และไม่ตรวจสอบการทุจริตในโครงการต่างๆ ซึ่งการปราศรัยของจำเลยล้วนเป็นเท็จ ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จำเลยให้การปฏิเสธ

คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกล่าวข้อความเท็จ ยุยง ปลุกปั่นประชาชนที่รับฟังการปราศรัย ทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง กระทั่งเหตุการณ์บานปลายทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง มุ่งหวังทางการเมืองที่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายพรรคที่จำเลยสังกัด ให้จำคุกจำเลยฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวมจำคุก 12 เดือนโดยไม่รอการลงโทษ และให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ติดต่อกัน 7 วัน ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนและหารือกันแล้วเห็นว่าอุทธรณ์ของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย ส่วนอุทธรณ์ที่ขอให้ลงโทษสถานเบาและให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่าจำเลยเป็นส.ส. ต้องมีสำนึกและความรับผิดชอบ ที่ศาลชั้นต้นไม่รอการลงโทษจำเลยนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเหมาะสมแล้ว พิพากษายืนจำคุก 12 เดือน ตามศาลชั้นต้น

นายธนเดช พ่วงพูล ทนายความจำเลย เปิดเผยว่า คดีนี้ในศาลชั้นต้นวางหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวเป็นเงินสด 2 แสนบาท และวันนี้จะเพิ่มวงเงินประกันเป็นเงินสดอีก 3 แสนบาท รวมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 แสนบาท เพื่อยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างฎีกาสู้คดี 

ต่อมาเวลา 16.00 น. ศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนายอริสมันต์ ระหว่างฎีกาได้ โดยตีราคาประกัน 5 แสนบาท 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!