การของบกลางเพื่อชดเชยการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนในการชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนแบบสามัญและเฉพาะเจาะจงของกลุ่มธนาคารโลก ปี 2561
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 11 April 2023 23:46
- Hits: 1737
การของบกลางเพื่อชดเชยการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนในการชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนแบบสามัญและเฉพาะเจาะจงของกลุ่มธนาคารโลก ปี 2561
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง (กค.) ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 200.60 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการชดเชยการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนในการชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนแบบสามัญและเฉพาะเจาะจงของกลุ่มธนาคารโลก1 ปี 2561 โดยเบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ตามที่นายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ รวมทั้งมอบหมายให้ กค. และสำนักงบประมาณ (สงป.) ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
1. สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (11 กันยายน 2561) เห็นชอบการซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบสามัญและการซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงของธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการบูรณะและวิวัฒนาการ (International Bank for Reconstruction and Development IBRD) และบรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (International Finance Corporation: IFC) ในวงเงิน จำนวน 78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 – 2565 กระทรวงการคลัง (กค.) ได้ดำเนินการชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนของ IBRD และ IFC ดังกล่าวมาแล้ว 3 ครั้ง จำนวน 54.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมียอดคงเหลือที่ต้องชำระในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (งวดสุดท้าย) จำนวน 23.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม กค. คาดว่างบประมาณที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จะไม่เพียงพอที่จะชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนงวดสุดท้าย เนื่องจากในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 - 2565 ค่าเงินบาทอ่อนค่ากว่าที่สำนักงบประมาณ (สงป.) ได้ประมาณการไว้ ดังนั้น กค. จึงขอเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 200.60 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการชดเชยการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนในการชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนของ IBRD และ IFC ดังกล่าว โดย สงป. แจ้งว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ทั้งนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นชอบในหลักการ/ไม่ขัดข้อง
2. พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 มีผลบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 169 (3) บัญญัติให้คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งต้องไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2566 (เรื่อง แนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร) กำหนดแนวทางปฏิบัติและขั้นตอนดำเนินการตามมาตรา 169 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งไว้ว่า การอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จะต้องกระทำเท่าที่จำเป็น และต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน โดยการดำเนินการดังกล่าวจะกระทำได้เฉพาะที่เกี่ยวกับการปฏิบัติภารกิจของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ที่มีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณ นอกเหนือจากที่ได้รับการจัดสรร หรือที่ได้รับการจัดสรรไปแล้วแต่ไม่เพียงพอ และมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน แล้วจึงเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบตามบทบัญญัติดังกล่าว
3. โดยที่เรื่องนี้มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เนื่องจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไม่เพียงพอต่อการดำเนินการ ซึ่งระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2562 ข้อ 9 (3) กำหนดให้กรณีที่วงเงินเกินกว่า 100 ล้านบาท ให้หน่วยรับงบประมาณนำเรื่องเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี จึงเข้าข่ายเรื่องที่ต้องนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 4 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 ประกอบกับเรื่องดังกล่าวจัดอยู่ในด้านการสร้างรายได้และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า กค. ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2566 (เรื่อง แนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร) ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน แล้วจึงเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบ ดังนั้น จึงเห็นควรนำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ทั้งนี้ หากคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่ กค. เสนอให้มีผลดำเนินการได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ความเห็นชอบตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 169 (3) แล้ว
___________________________
1กลุ่มธนาคารโลก ประกอบด้วย 5 องค์กร ได้แก่ 1) IBRD ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือทางวิชาการและโครงการเงินกู้แก่กลุ่มประเทศรายได้ป่านกลาง 2) สมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ (International Development Association: IDA) ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุดผ่านโครงการเงินกู้ที่มีเงื่อนไขผ่อนปรน 3) IFC ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ ให้เงินลงทุน และสร้างตลาดเพื่อพัฒนาภาคเอกชนของประเทศสมาชิก 4) สถาบันค้ำประกันการลงทุนแบบพหุภาคี (The Multilateral Investment Guarantee Agency: MIGA) ทำหน้าที่สนับสนุนการลงทุนต่างประเทศในประเทศที่มีความเสี่ยงโดยการค้ำประกันเงินลงทุน และ 5) ศูนย์ระหว่างประเทศเพื่อระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการลงทุน (International Centre for Settlement of Investment Disputes: ICSID) ทำหน้าที่เจรจา ไกล่เกลี่ย และยุติข้อพิพาทเกี่ยวกับการลงทุน
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 11 เมษายน 2566
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A4414