ขออนุมัติวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชำระเป็นเงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศที่ไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 25 April 2023 23:56
- Hits: 1569
ขออนุมัติวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชำระเป็นเงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศที่ไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชำระเป็นเงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศที่ไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก ให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) จำนวน 222.95 ล้านบาท เพื่อ กต. จะได้ชำระเป็นค่าบำรุงงบประมาณปกติ (Regular Budget) ของสหประชาชาติประจำปี ค.ศ. 2023 ต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
1. กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชำระเป็นเงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศที่ไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก ให้ กต. จำนวน 222.95 ล้านบาท เพื่อ กต. จะได้ชำระเป็นค่าบำรุงงบประมาณปกติ (Regular Budget) ของสหประชาชาติประจำปี ค.ศ. 2023 ต่อไป โดยสำนักงบประมาณแจ้งว่า นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 222.95 ล้านบาท เพื่อชำระเป็นเงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศที่ไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกแล้ว ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นสมควรที่คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติ/เห็นชอบในหลักการตามที่ กต. เสนอ โดยมีความเห็นเพิ่มเติมว่า กต. ควรให้ความสำคัญกับการควบคุม และกำกับดูแลการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรดำเนินการวิเคราะห์และประเมินผลจากการเข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การระหว่างประเทศต่างๆ ด้วย
2. พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 169 (3) บัญญัติให้คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งต้องไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2566 (เรื่อง แนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร) เกี่ยวกับการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งแนวทางปฏิบัติและขั้นตอนดำเนินการตามมาตรา 169 (3) ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดไว้ว่า การอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจะต้องกระทำเท่าที่จำเป็น และต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน โดยการดำเนินการดังกล่าวจะกระทำได้เฉพาะที่เกี่ยวกับการปฏิบัติภารกิจของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ที่มีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณนอกเหนือจากที่ได้รับการจัดสรร หรือที่ได้รับการจัดสรรไปแล้วแต่ไม่เพียงพอ และมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน แล้วจึงเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบตามบทบัญญัติดังกล่าว
3. โดยที่เรื่องนี้มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เนื่องจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไม่เพียงพอต่อการดำเนินการ ซึ่งระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2562 ข้อ 9 (3) กำหนดให้กรณีที่วงเงินเกินกว่า 100 ล้านบาท ให้หน่วยรับงบประมาณนำเรื่องเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี จึงเข้าข่ายเรื่องที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรีได้ตามนัยมาตรา 4 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 ที่บัญญัติให้การเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีให้เสนอได้เฉพาะเรื่องที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีหรือให้ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี ประกอบกับเรื่องนี้จัดอยู่ในด้านการบริหารราชการแผ่นดิน การปรับปรุงกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า กรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามพันธกรณีของไทยตามกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งไทยเข้าเป็นสมาชิก มิใช่การทำหนังสือสัญญาขึ้นใหม่ จึงไม่มีประเด็นต้องพิจารณาเกี่ยวกับการเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และไม่เข้าลักษณะเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ตามนัยมาตรา 169 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อย่างไรก็ดี กรณีนี้เป็นการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีจุกเฉินหรือจำเป็น จึงเข้าลักษณะเป็นการกระทำอับมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งคณะรัฐมนตรีจะอนุมัติมิได้ เว้นแต่จะได้รับอนุมัติความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน ตามมาตรา 169 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่ง กต. ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2566 (เรื่อง แนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร) ที่กำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน แล้วจึงเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบ ดังนั้น จึงเห็นควรนำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ทั้งนี้ หากคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่ กต. เสนอ ให้มีผลดำเนินการได้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ความเห็นชอบตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 169 (3) แล้ว
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 25 เมษายน 2566
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A4835