WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

รายงานความก้าวหน้าโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และการใช้สิทธิภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565

GOV 5

รายงานความก้าวหน้าโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และการใช้สิทธิภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565

          คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม (คณะกรรมการฯ) เสนอ รายงานความก้าวหน้าโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการฯ) ปี 2565 การใช้สิทธิภายใต้โครงการฯ ปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม-24 พฤษภาคม 2566 และสถานะปัจจุบันของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม (กองทุนฯ) สำหรับจัดสรรสวัสดิการแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ [เป็นการรายงานความก้าวหน้าโครงการฯ ตามมติคณะรัฐมนตรี (1 กุมภาพันธ์ 2565) ที่เห็นชอบให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ปี 2565 และรายงานการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (28 กุมภาพันธ์ 2566) ที่เห็นชอบการรายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการฯ ปี 2565 โดยหากมีกรณีที่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงกรอบระยะเวลาในการดำเนินการและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้คณะกรรมการฯ พิจารณาปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมโดยให้รายงานคณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรกด้วย] โดยในครั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้รายงานความก้าวหน้าโครงการฯ และมีการกำหนดกรอบระยะเวลาการใช้สิทธิสำหรับผู้ผ่านเกณฑ์จากการตรวจสอบการเป็นเกษตรกรเพิ่มเติมด้วย สรุปได้ ดังนี้

          1. สาระสำคัญของโครงการฯ ปี 2565

                  1.1 การจัดประชารัฐสวัสดิการสำหรับผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการ

 

สวัสดิการ

เริ่มใช้ตุลาคม 2560 –

กันยายน 25611

เริ่มใช้ธันวาคม 2561 –

มีนาคม 25662

เริ่มใช้

เมษายน 25663

(1) ค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อการเกษตร

200 บาท/คน/เดือน

สำหรับผู้มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาท/ปี

300 บาท/คน/ปี

สำหรับผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท/ปี

300 บาท/คน/เดือน

(2) ส่วนลดค่าซื้อ ก๊าซหุงต้ม

45 

บาท/คน/3 เดือน

45 บาท/คน/3 เดือน

และ 100 บาท/คน/ 3 เดือน4

80 

บาท/คน/3 เดือน

(3) ค่าเดินทางระบบขนส่งสาธารณะ

- รถขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) /

รถไฟฟ้า 500 บาท/คน/เดือน

- รถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) 500 บาท/คน/เดือน

- รถไฟ 500 บาท/คน/เดือน

750 

บาท/คน/เดือน5

(4) ค่าไฟฟ้า

-

230 หรือ 315 

บาท/ครัวเรือน/เดือน

315 

บาท/ครัวเรือน/เดือน

(5) ค่าน้ำประปา

-

100 บาท/ครัวเรือน/เดือน 

(6) เบี้ยผู้พิการเพิ่มเติม

-

200 บาท/คน/เดือน6

(ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563)

200

บาท/คน/เดือน

 

 

                  1.2 กรอบระยะเวลาในการดำเนินโครงการฯ ปี 2565

 

การดำเนินการ

ระยะเวลาดำเนินการ

(1) เปิดลงทะเบียน

5 กันยายน-31 ตุลาคม 2565

(2) เปิดให้มีการแก้ไขข้อมูล

5 กันยายน-17 พฤศจิกายน 2565

(3) ตรวจสอบคุณสมบัติ

17 พฤศจิกายน-28 กุมภาพันธ์ 2566

(4) ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติและเริ่มกระบวนการยืนยันตัวตน

1 มีนาคม 2566

(5) เริ่มใช้สิทธิสวัสดิการ

1 เมษายน 2566

(6) กระบวนการอุทธณ์ (กรณีผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติฯ)

1 มีนาคม-1 พฤษภาคม 2566

(7) ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติรอบอุทธรณ์

12 มิถุนายน 2566

(กรอบเดิมกำหนดไว้ 20 มิถุนายน 2566)

(8) การเริ่มใช้สิทธิสวัสดิการสำหรับผู้ผ่านการตรวจสอบรอบอุทธรณ์

1 กรกฎาคม 2566

 

หมายเหตุ : ข้อมูลจากมติคณะรัฐมนตรี (28 กุมภาพันธ์ 2566) เรื่อง รายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และประชารัฐสวัสดิการใหม่ให้แก่ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ

 

          2. ความก้าวหน้าโครงการฯ ปี 2565

                  2.1 การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ปี 2565 โดยกระทรวงการคลัง (กค.) ได้ประกาศผลการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ปี 2565 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 มีผู้ผ่านเกณฑ์ตามโครงการฯ ปี 2565 จำนวน 14,596,820 ราย จากผู้ลงทะเบียนที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 19,647,241 ราย ซึ่งสามารถยืนยันตัวตนสำเร็จ 13,444,534 ราย (คิดเป็นร้อยละ 92.11 ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด) และคงเหลือที่ยังไม่ได้ยืนยันตัวตนหรือยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ 1,152,286 ราย (คิดเป็นร้อยละ 7.89 ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด) และสำหรับผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 5,050,421 ราย มีผู้ยื่นอุทธรณ์ จำนวน 1,266,682 ราย (คิดเป็นร้อยละ 25.08 ของผู้ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติโครงการฯ) โดยขณะนี้ กค. อยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติกับหน่วยงานต่างๆ7 ทั้งนี้ ผู้ผ่านการพิจารณาอุทธรณ์จะเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป และยังคงได้รับสิทธิย้อนหลังสำหรับวงเงินการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 3 เดือน (เดือนมษายน-มิถุนายน 2566) เป็นเงิน 900บาท

                  2.2 การตรวจสอบและคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม กค. ได้ตรวจสอบคุณสมบัติการเป็นเกษตรกรและคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องเพื่อความถูกต้องและเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ปี 2565 โดยเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2566 ได้ประกาศผลการพิจารณาผู้ผ่านเกณฑ์ตามโครงการฯ ปี 2565 เพิ่มเติมอีก 416,153 ราย ยืนยันตัวตนสำเร็จ 150,332 ราย และคงเหลือที่ยังไม่ได้ยืนยันตัวตนหรือยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ 265,821 ราย ทำให้ปัจจุบันมีผู้ผ่านเกณฑ์ตามโครงการฯ ปี 2565 รวมทั้งสิ้น 15,012,973 ราย ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้กำหนดกรอบการใช้สวัสดิการแห่งรัฐสำหรับกลุ่มผู้ผ่านเกณฑ์เพิ่มเติม ดังนี้

 

วันที่ยืนยันตัวตน

จำนวนผู้ยืนยันตัวตน

สำเร็จ (ราย)

วันเริ่มใช้สิทธิ

การได้รับสิทธิ

4-14 พฤษภาคม 2566

125,392

18 พฤษภาคม 2566

ได้รับสิทธิย้อนหลังในวงเงินของการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคของเดือนเมษายน 2566 จำนวน 300 บาท

15-26 พฤษภาคม 2566

24,940

1 มิถุนายน 2566

ได้รับสิทธิย้อนหลังในวงเงินของการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคของเดือนเมษายนพฤษภาคม 2566 จำนวน 600 บาท

27 พฤษภาคม – 26 มิถุนายน 2566

ยังไม่มีข้อมูล

1 กรกฎาคม 2566

ได้รับสิทธิย้อนหลังในวงเงินของการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคของเดือนเมษายนมิถุนายน 2566 จำนวน 900 บาท

27 มิถุนายน 2566

เป็นต้นไป

ยังไม่มีข้อมูล

1 สิงหาคม 2566

ได้รับสิทธิในเดือนนั้นๆ (ไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง)

 

 

          3. การใช้สิทธิภายใต้โครงการฯ ปี 2565

                  3.1 การใช้สิทธิภายใต้โครงการฯ ปี 2565 

 

หัวข้อ

เดือนเมษายน 2566

เดือนพฤษภาคม 2566

(1) จำนวนผู้ใช้สิทธิ

12.31 ล้านราย

12.79 ล้านราย

(2) มูลค่าการใช้สิทธิรวม

4,005.65 ล้านบาท

4,252.15 ล้านราย

     (2.1) ค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคฯ

3,682.35 ล้านบาท

4,028.97 ล้านราย

     (2.2) ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มฯ

259.41 ล้านบาท

45.54 ล้านราย

     (2.3) ค่าเดินทางระบบขนส่งสาธารณะ

63.88 ล้านบาท

62.62 ล้านราย

     (2.4) มาตรการบรรเทาฯ (ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา)

ผู้ขอใช้สิทธิต้องลงทะเบียนขอรับสิทธิ โดย กค. ได้เปิดให้ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2566 มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ 1.89 ล้านราย

     - ค่าไฟฟ้า มูลค่าการใช้สิทธิ

       105.09 ล้านบาท

     - ค่าน้ำประปา มูลค่าการใช้สิทธิ

       9.93 ล้านบาท

 

 

                  3.2 การจ่ายเงินเพิ่มเติมเบี้ยความพิการ (เดือนละ 200 บาท) เฉพาะผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ปี 2565 

 

หัวข้อ

เดือนเมษายน 2566

เดือนพฤษภาคม 2566

(1) จำนวนผู้พิการ

794,189 ราย

1,016,008 ราย

(2) จำนวนเงินทั้งหมด

158.84 ล้านบาท

203.20 ล้านบาท

 

                  ทั้งนี้ กค. ได้อำนวยความสะดวกแก่ผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ปี 2565 สำหรับกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง โดยขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับคณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ธนาคารกรุงไทย จำกัด ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ลงพื้นที่เพื่อรับยืนยันตัวตน พร้อมทั้งเปิดบัญชีผูกพร้อมเพย์ให้บุคคลกลุ่มดังกล่าว ปัจจุบันได้ดำเนินการแล้ว จำนวน 20,199 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 24 พฤษภาคม 2566)

                  3.3 สถานะปัจจุบันของกองทุนฯ

                  ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กองทุนฯ มีงบประมาณรวม 51,644.51 ล้านบาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับจัดสรรสวัสดิการแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (1 ตุลาคม 2565- 24 พฤษภาคม 2566) จำนวน 35,923.45 ล้านบาท ส่งผลให้งบประมาณคงเหลือ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม 2566 รวมทั้งสิ้น 15,721.06 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีงบประมาณเพียงพอใช้จ่ายถึงเดือนกรกฎาคม 2566 ทั้งนี้ กรณีมีงบประมาณไม่เพียงพอภายหลังจากทราบจำนวนผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ผ่านคุณสมบัติตามโครงการฯ ปี 2565 แล้ว (รวมจำนวนผู้ที่ได้รับสิทธิเพิ่มจากการอุทธรณ์) จะได้ทำความตกลงในการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 9,140.35 ล้านบาท ตามขั้นตอนต่อไป

____________

1คณะรัฐมนตรีมีมติ (29 สิงหาคม 2560) เห็นชอบในหลักการแนวทางการจัดประชารัฐสวัสดิการ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เช่น ค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม และค่าเดินทางระบบขนส่ง

2คณะรัฐมนตรีมีมติ (20 พฤศจิกายน 2561) เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้แก่ ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา และคณะรัฐมนตรีมีมติ (1 ตุลาคม 2562 22 กันยายน 2563 21 กันยายน 2564 และ 27 กันยายน 2565) เห็นชอบการขยายเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ระยะเวลาโครงการฯ จึงเป็นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561-

เมษายน 2566

3คณะรัฐมนตรีมีมติ (28 กุมภาพันธ์ 2566) เห็นชอบการดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 เนื่องจากที่ผ่านมายังมีกลุ่มตกหล่นที่ไม่สามารถเข้าถึงโครงการฯ ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นวงกว้าง

4คณะรัฐมนตรีมีมติ (29 มีนาคม 2565) เห็นชอบมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงานเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคยุโรป โดยให้เพิ่มส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มอีก 55 บาท (จากเดิมให้ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 45 บาท) ทำให้ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม รวมเป็น 100 บาท

5ครอบคลุมระบบขนส่งสาธารณะ 8 ประเภท ได้แก่ (1) รถ ขสมก. (2) รถเอกชนร่วม ขสมก. และส่วนราชการกรุงเทพมหานคร (3) รถไฟฟ้า (4) รถ บขส. (5) รถเอกชนร่วม บขส. และรถเอกชน (6) รถไฟ (7) รถสองแถวรับจ้าง และ (8) เรือโดยสารสาธารณะ

6คณะรัฐมนตรีมีมติ (25 พฤศจิกายน 2557) อนุมัติในหลักการให้จ่ายเบี้ยคนพิการ จำนวน 800 บาท/คน/เดือน ต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติ (28 มกราคม 2563) เห็นชอบการปรับสวัสดิการเบี้ยความพิการเพิ่มขึ้นอีก 200 บาท สำหรับผู้ถือบัตรประจำตัวคนพิการและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทำให้เบี้ยสวัสดิการคนพิการ รวมเป็น 1,000 บาท/คน/เดือน โดยให้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 

7จากการประสานกับ กค. เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 แจ้งว่า เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2566 กค. ได้ประกาศผลการตรวจสอบผู้ยื่นอุทธรณ์ที่ผ่านเกณฑ์ฯ แล้ว จำนวน 26,969 ราย

 

(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 27 มิถุนายน 2566

สำนักโฆษก   สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396

 

 

A6885

Click Donate Support Web  

CKPower 720x100

MTL 720x100

kasat 720x100TOA 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!