ร่างกฎกระทรวงความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. ....
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 27 March 2024 03:38
- Hits: 10336
ร่างกฎกระทรวงความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
2. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ทั้งนี้ ร่างกฎกระทรวงที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ. 2562 เพื่อให้การจัดการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรบุคลากรของประเทศเป็นไปอย่างมีคุณภาพและมาตรฐานนานาประเทศ เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขความร่วมมือเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของประเทศในความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน โดยกำหนดความร่วมมือ 3 ด้าน ได้แก่ (1) การจัดการศึกษา อาทิ มหาวิทยาลัยคริสเตียนมีการจัดทำความร่วมมือระหว่างห้องสมุด โดยมีการตกลงการใช้ทรัพยากรสารสนเทศร่วมกับห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษาเอกชนกับสำนักวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น (2) การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม อาทิ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัย (MOU) ระหว่าง มหาวิทยาลัยมหิดล กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นต้น และ (3) ด้านอื่นๆ ตามที่สภาสถาบันการอุดมศึกษาประกาศกำหนด อาทิ ด้านบริการวิชาการแก่สังคม ด้านการทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม เป็นต้น รวมทั้งกำหนดให้ผลงานที่ได้สร้างขึ้นมาหากมิได้ทำเป็นหนังสือตกลงกันไว้ ให้ลิขสิทธิ์ในงานนั้นเป็นของผู้สร้างและสามารถนำไปหาประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้โดยอาจมี หรือไม่มีการแบ่งผลประโยชน์กับสถาบันอุดมศึกษาต้นสังกัดก็ได้ ซึ่งหลักการของร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ไม่ก่อให้เกิดภาระด้านงบประมาณแผ่นดิน และคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้เห็นชอบแล้ว โดยได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียด้วยแล้ว
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
1. กำหนดคำนิยามคำว่า “สำนักงานปลัดกระทรวง” “สถาบันอุดมศึกษา” “คู่ความร่วมมือ” “บุคลากร” และ “สสอท.”
2. กำหนดให้สถาบันอุดมศึกษามากกว่าหนึ่งแห่ง อาจร่วมมือกัน ดังนี้ (1) การจัดการศึกษา (2) การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม และ (3) ความร่วมมือด้านอื่นๆ ตามที่สภาสถาบันอุดมศึกษาประกาศกำหนด
3. กำหนดให้ในการจัดทำความร่วมมือจัดการศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม สถาบันอุดมศึกษาต้องคำนึงถึง ดังนี้ (1) ความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนการศึกษาแห่งชาติ และแผนด้านการอุดมศึกษา รวมทั้งปรัชญา วัตถุประสงค์ และพันธกิจของสถาบันอุดมศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษา (2) ภาระที่อาจเกิดขึ้นกับสถาบันอุดมศึกษา ผู้เรียน และบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษา ทั้งในปัจจุบันและอนาคต และ (3) ความร่วมมือต้องก่อให้เกิดการพัฒนาและประโยชน์ในด้านการเรียนการสอน การพัฒนากำลังคน การพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ การวิจัย การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือในด้านวิชาการอื่นๆ
4. กำหนดให้มีความร่วมมือในการจัดการศึกษา ดังนี้ (1) การจัดหลักสูตรการศึกษาร่วมกัน (2) การให้บุคลากรไปทำการเรียนการสอนในสถาบันอุดมศึกษาอื่น (3) การนำบุคลากรซึ่งมีประสบการณ์และมีศักยภาพสูงจากสถาบันอุดมศึกษาต่างประเทศมาร่วมในการจัดการศึกษา (4) การใช้ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ หรือฐานข้อมูลงานวิจัยร่วมกัน และ (5) การใช้ทรัพยากรการเรียนรู้ร่วมกัน
5. กำหนดให้มีความร่วมมือในการวิจัยและการสร้างนวัตกรรม ดังนี้ (1) การวิจัยร่วมกัน (2) การรับหรือให้ทุนในฐานะผู้ร่วมวิจัย (3) การใช้ห้องปฏิบัติการร่วมกัน (4) การให้บุคลากรไปทำการวิจัยและการสร้างนวัตกรรมในสถาบันอุดมศึกษาอื่น และ (5) การนำบุคลากรซึ่งมีประสบการณ์และมีศักยภาพสูงจากสถาบันอุดมศึกษาอื่นมาร่วมในการวิจัยและการสร้างนวัตกรรม
6. กำหนดให้มีความร่วมมือในด้านอื่นๆ ดังนี้ (1) ด้านบริการวิชาการแก่สังคม (2) ด้านการทะนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม (3) ด้านการถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยี (4) ด้านการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมในเชิงพาณิชย์หรือสาธารณประโยชน์ เป็นต้น
7. กำหนดให้ความร่วมมือในด้านการใช้บุคลากรของสถาบันอุดมศึกษาร่วมกันให้ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลาของสถาบันอุดมศึกษาต้นสังกัด โดยให้นับเป็นอายุราชการ หรืออายุงานของสถาบันอุดมศึกษาต้นสังกัด และให้ได้รับค่าตอบแทน ตลอดจนสามารถนำผลงานมาใช้ในการยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการหรือตำแหน่งงานอื่นๆ ได้ และหากบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษามีข้อผูกพันตามสัญญาชดใช้ทุนให้นับระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่เป็นระยะเวลาชดใช้ทุนตามสัญญาด้วย ทั้งนี้ งานที่บุคลากรได้สร้างสรรค์ขึ้นในฐานะพนักงานหรือลูกจ้าง ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ให้ลิขสิทธิ์ในงานนั้นเป็นของบุคลากรผู้สร้างสรรค์ และสามารถนำไปหาประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้ โดยอาจมีหรือไม่มีการแบ่งผลประโยชน์กับสถาบันอุดมศึกษาที่ตนสังกัด
8. กำหนดให้คณะกรรมการการอุดมศึกษามอบหมายคณะอนุกรรมการที่ตั้งขึ้น ตามระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2562 ทำหน้าที่ ดังนี้ (1) กำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษาไปปฏิบัติงานที่สถาบันอุดมศึกษาอื่น (2) ให้คำแนะนำ คำปรึกษา หรือข้อเสนอแนะแก่สถาบันอุดมศึกษา เพื่อสร้างความร่วมมือด้านต่างๆ (3) ประสานงานและสนับสนุนการพัฒนาความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษา และ (4) ให้คำปรึกษา คำแนะนำ และความเห็นต่อ รมว.อว. คณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา แล้วแต่กรณี
9. กำหนดให้สถาบันอุดมศึกษา ติดตามประเมินผลความร่วมมือ เป็นระยะๆ ทุกสามปี หากปรากฏว่าความร่วมมือนั้นไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ภายในระยะเวลาสามปีนับจากวันลงนามหรือระยะเวลาที่มีการดำเนินการครั้งล่าสุด ให้ถือว่าความตกลงร่วมมือดังกล่าวสิ้นสุดลง เว้นแต่สภาสถาบันอุดมศึกษาเห็นชอบให้ดำเนินการต่อไปได้ และให้รายงานข้อมูลผลการปฏิบัติงานตามความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษาต่อสำนักงานปลัดกระทรวงภายในหกสิบวันนับแต่วันที่สภาสถาบันอุดมศึกษาให้ความเห็นชอบ
10. กำหนดให้บรรดาข้อตกลง บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ และบันทึกความเข้าใจของสถาบันอุดมศึกษาที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปจนกว่าจะได้มีการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขตามบทบัญญัติของกฎกระทรวงนี้
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน (นายกรัฐมนตรี) 26 มีนาคม 2567
3948