รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและสาธารณรัฐประชาชนจีนของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 17 July 2024 01:12
- Hits: 9145
รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและสาธารณรัฐประชาชนจีนของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานสรุปผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (เวียดนาม) และสาธารณรัฐประชาชนจีน (จีน) ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนภินทร ศรีสรรพางค์) และคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
พณ. รายงานว่า
1. เวียดนามเป็นคู่ค้าลำดับที่ 9 และตลาดส่งออกสำคัญลำดับที่ 11 ของไทยมูลค่าการค้ารวมระหว่างไทย - เวียดนาม (มกราคม - กุมภาพันธ์ 2567) 2,987.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (105,134.08 ล้านบาท) แบ่งเป็น การส่งออกมูลค่า 1,562.78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (54,669.23 ล้านบาท) และการนำเข้ามูลค่า 1,425.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (50,434.85 ล้านบาท) จีนเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 1 ของไทยในปี 2566 มีมูลค่าการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 91 ของการส่งออกผลไม้ไทย โดยทุเรียนสดมีมูลค่าการนำเข้าสูงสุด ซึ่งเดิมจีนเปิดตลาดทุเรียนสดให้แก่ไทยเพียงประเทศเดียว ต่อมาในปี 2565 จีนได้เริ่มเปิดตลาดให้แก่เวียดนามส่งผลให้ปัจจุบันสัดส่วนตลาดทุเรียนในจีนแบ่งเป็น นำเข้าจากไทยร้อยละ 65.19 และจากเวียดนามร้อยละ 34.55 อย่างไรก็ดี ไทยไม่มีพรมแดนติดกับจีนทำให้เวียดนามและจีนเป็นประเทศที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสินค้าเกษตรไทย เนื่องจากเป็นที่ตั้งของด่านชายแดนที่สำคัญซึ่งอยู่ในเส้นทางการขนส่งผลไม้จากไทยสู่จีนและไทยขนส่งผลไม้โดยใช้เส้นทางทางบกเป็นหลัก
2. ในปี 2567 คาดการณ์ว่าจะมีผลไม้ออกสู่ตลาดจำนวน 6.77 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 1.1 แสนตัน หรือร้อยละ 2 แบ่งเป็น การบริโภคภายในประเทศ 2.50ล้านตัน และการส่งออก 4.27 ล้านตัน พณ. ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบได้เตรียมมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2567 ไว้ล่วงหน้า จำนวน 6 มาตรการ 25 แผนงาน โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญ คือ การเพิ่มประสิทธิภาพทางการค้าผ่านการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ติดตามสถานการณ์ ประสานงาน และเจรจาแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้ากับผู้บริหารในด่านชายแดนที่สำคัญ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการส่งออกและการผ่านพิธีศุลกากร
3. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนภินทรฯ) ได้เดินทางเยือนเวียดนามและจีน ระหว่างวันที่ 24-28 เมษายน 2567 เพื่อสำรวจเส้นทางขนส่งสินค้าผลไม้ เตรียมความพร้อมในการรองรับฤดูผลไม้ และป้องกันปัญหาการขนส่งผลไม้ที่ติดขัดบริเวณชายแดนเวียดนามตอนเหนือกับนตอนใต้ อีกทั้งยังเป็นการกระชับความร่วมมือและความสัมพันธ์กับหน่วยงานภาคเอกชน ผู้นำเข้า ผู้ประกอบการ ผู้กระจายสินค้ารายสำคัญเพื่อผลักดันการส่งออกให้ได้ตามเป้าหมาย ขยายส่วนแบ่งสินค้าเกษตรของไทยในตลาดต่างประเทศและประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยได้เข้าร่วมกิจกรรม เช่น
3.1 สำรวจด่านรถไฟด่งดัง ด่านสากลหูหงิ และหารือกับประธานคณะกรรมการประชาชนและผู้บริหาร จังหวัดลางเชิน เวียดนาม โดยหารือถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูผลไม้ของไทยและ แนวทางแก้ไขปัญหาการติดขัดบริเวณหน้าด่าน (ด่านทางบกหูหงิและด่านรถไฟด่งดัง) พร้อมขอความร่วมมือใน การอำนวยความสะดวกในการตรวจปล่อยรถบริเวณด้านหน้าด่าน ขยายเวลาทำการในด่านหูหงิ จาก 8 ชั่วโมง เป็น 10 ชั่วโมง และทำการทุกวันไม่เว้นวันหยุด เพื่อให้การขนส่งผลไม้จากไทยไปจีนใช้เวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง ซึ่งฝ่ายลางเซินแจ้งว่าฝ่ายไทยอาจพิจารณาแนะนำให้ผู้ประกอบการกระจายสินค้าผลไม้ไปยังด่านอื่นๆ ทั้งนี้ จังหวัดลางเซินยินดีให้ความร่วมมือและรับจะดูแลการตรวจปล่อยรถบรรทุกของไทยจากด่านที่รับผิดชอบให้เร็วที่สุด ภายในเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง
3.2 สำรวจด่านโหย่วอี้กวน ด่านรถไฟผิงเสียง และหารือกับรองนายกเทศมนตรี เมืองฉงจั่ว เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ด่านโหย่วอี้กวนเป็นด่านทางบกที่มีพรมแดนติดกับประเทศเวียดนามและเป็นด่านที่นำเข้าผลไม้อาเซียนจำนวนสูงที่สุดของจีน ปัจจุบัน สินค้าเกษตร (ผักและผลไม้) จะได้รับสิทธิพิเศษในการผ่านช่องทาง Green Lane อย่างไรก็ตาม ศุลกากรแห่งชาติจีนจะสุ่มตรวจสารตกค้างและกักกันโรคพืช แมลงศัตรูพืชในผลไม้สดจากไทย ร้อยละ 30 ตามข้อตกลงพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างไทยและจีนระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรของจีน1 ส่วนกรณีไม่ได้ถูกสุ่มตรวจจะใช้เวลาดำเนินพิธีการศุลกากรที่เกี่ยวข้อง 20 นาที ขณะที่ด่านรถไฟผิงเสียงที่เชื่อมต่อกับด่านรถไฟด่งดังของประเทศเวียดนาม ให้บริการขนส่งสินค้าวันละ 5 เที่ยวและสามารถเพิ่มรอบได้มากยิ่งขึ้นหากมีสินค้าปริมาณมาก ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นสถานการณ์และแนวทางการตรวจให้ผลไม้ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนภินทรฯ) ได้ขอความร่วมมือให้ขยายเวลาทำการของด่านและเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ เพิ่มช่องทางรถเป็น 12 ช่อง (ขาเข้า จำนวน 6 ช่อง และขาออก จำนวน 6 ช่อง) ภายในเดือนมิถุนายน เพื่อให้การขนส่งผลไม้ไทยเข้าสู่ประเทศจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.3 พบหารือกับกงสุล (ฝ่ายเกษตร) ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว โดยมอบหมายให้กงสุล (ฝ่ายเกษตร) พิจารณาผลักดันประเด็นการเปิดตลาดส่งออกผลไม้แช่แข็งไปยังจีน เช่น มังคุด มะม่วง มะพร้าว และลำไย เพิ่มเติมจากเดิมที่ไทยส่งออกได้เพียงทุเรียนแช่แข็ง เพื่อขยายตลาดสินค้าผลไม้ของไทย
3.4 พบหารือกับผู้บริหารบริษัทเอกชน ได้แก่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทตลาดเจียงหนาน และรองประธานกรรมการบริหารบริษัท Pagoda รวมทั้งได้เยี่ยมชมซูเปอร์มาร์เก็ต Freshippo ซึ่งมีประเด็นการหารือที่สำคัญเกี่ยวกับการขยายตลาดการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลไม้ไทยไปยังจีนทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยในตลาดจีน การควบคุมมาตรฐานการผลิต การผลักดันสินค้าเกษตรอื่นเพิ่มเติมเข้าสู่ตลาด และการขอความร่วมมือให้สนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตรด้วย
4. พณ. ได้เสนอแนวทางการดำเนินงานขั้นต่อไป เช่น
4.1 พณ. โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ทั้ง 3 แห่ง (กรุงฮานอย เมืองหนานหนิง และเมืองกวางโจว) ติดตามสถานการณ์ด่านชายแดนและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการขนส่งผลไม้ไทยผ่านด่านไปยังจีน รวมถึงติดตามจำนวนรถและประสานแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งข้อมูลให้ภาคเอกชนทราบถึงความหนาแน่นของการจราจรหน้าด่านและนำไปใช้ในการประเมินสำหรับการเลือกเส้นทางขนส่งผลไม้
4.2 ติดตามความคืบหน้าการหารือระหว่างเวียดนามและจีนในส่วนของการขยายช่องทางผ่านด่านจาก 6 ช่อง เป็น 14 ช่อง และการเปิดช่องทางด่านอัจฉริยะ (ก่อสร้างโดยความร่วมมือของเวียดนามและจีน) ที่จะเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ณ เส้นแบ่งเขตกิโลเมตรที่ 1088-1089 ด่านเตินแทง (เวียดนาม) – ด่านผู่จ้าย (จีน)
4.3 ดำเนินการจัดกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าเกษตรกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยร่วมกับห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงอย่างต่อเนื่องพร้อมบูรณาการความร่วมมือกับพาณิชย์จังหวัดและกรมการค้าภายใน เพื่อผลักดันการกระจายและส่งออกผลไม้ไปยังตลาดต่างประเทศต่อไป
_______________
1คณะรัฐมนตรีมีมติ (8 กรกฎาคม 2563) เห็นชอบต่อร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างไทยและจีน ระหว่าง กษ. ของไทย และสำนักงานศุลกากรของจีน ตามที่ กษ. เสนอ โดยมีรายละเอียดเป็นการกำหนดมาตรการกักกันโรคและตรวจสอบที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและส่งออกผลไม้ระหว่างไทยและจีน เช่น การจัดส่งข้อมูลทะเบียนรายชื่อสวนและโรงคัดบรรจุ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนของแต่ละฝ่าย การกำหนดวิธีการบรรจุ สุ่มตัวอย่างผลไม้ และปิดผนึกตู้สินค้า การจัดส่งข้อมูลใบรับรองสุขอนามัยพืชระหว่างกัน เป็นต้น
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน (นายกรัฐมนตรี) 16 กรกฎาคม 2567
7516