การขอต่ออายุเงินกู้ระยะสั้นแบบ Credit Line ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 02 October 2024 23:09
- Hits: 5738
การขอต่ออายุเงินกู้ระยะสั้นแบบ Credit Line ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่ออายุเงินกู้ระยะสั้นแบบ Credit Line ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) วงเงินปีละ 30,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2567 เป็นต้นไป ภายใต้เงื่อนไขเดิม ประกอบด้วย กู้เบิกเกินบัญชี ตั๋วสัญญาใช้เงิน การทำ Trust Receipt (T/R) และการทำสัญญากู้เงินเมื่อทวงถาม (Call Loan) โดยให้พิจารณาทำสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงินที่เสนอรูปแบบที่มีต้นทุนต่ำที่สุดตามอัตราดอกเบี้ยตลาด โดยกระทรวงการคลัง (กค.) ไม่ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยจากการกู้เงินตามที่กระทรวงพลังงาน (พน.) เสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
1. วงเงินกู้ระยะสั้นแบบ Credit Line ที่ กฟผ. ได้รับความเห็นชอบจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 และ 26 กรกฎาคม 2565 ซึ่งหมดอายุลงในวันที่ 11 กันยายน 2567 แต่ กฟผ. ยังมีความจำเป็นต้องใช้วงเงินกู้ดังกล่าว เพื่อรองรับการบริหารสภาพคล่องให้มีประสิทธิภาพและเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องในระหว่างเดือน สำหรับการดำเนินงานของ กฟผ. เนื่องจาก
1.1 การดำเนินงานของ กฟผ. จำเป็นต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนเป็นจำนวนที่สูงมาก โดยมีรายจ่ายประจำที่ต้องชำระ ได้แก่ ค่าเชื้อเพลิง ค่าซื้อกระแสไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายลงทุน และอื่นๆ รวมทั้งรายจ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามนโยบายภาครัฐ เช่น นโยบายการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้า โดย กฟผ. ช่วยรับภาระค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) แทนประชาชนไว้ก่อน ซึ่งปัจจุบัน กฟผ. รับภาระค่า Ft ค้างรับ ณ เดือนสิงหาคม 2566 จำนวน 95,777 ล้านบาท และมีภาระเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง รวม 72,000 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง จำนวน 17,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อบริหารภาระค่า Ft จำนวน 55,000 ล้านบาท
1.2 กฟผ. อาจได้รับความเสี่ยงที่ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจริงจะสูงกว่าประมาณการ ทำให้มีผลกระทบต่อประมาณการกระแสเงินสดของ กฟผ. อย่างต่อเนื่อง
2. คณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 มีมติเห็นชอบให้ กฟผ. ต่อเงินกู้ระยะสั้นแบบ Credit Line เป็นระยะเวลา 3 ปี ในวงเงิน ปีละ 30,000 ล้านบาท นับตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2567 เป็นต้นไป ภายใต้เงื่อนไขเดิม ประกอบด้วย กู้เบิกเกินบัญชี ตั๋วสัญญาใช้เงินการทำ Trust Receipt (T/R) และการทำสัญญากู้เงินเมื่อทวงถาม (Call Loan) โดยพิจารณาทำสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงินที่เสนอรูปแบบที่มีต้นทุนต่ำที่สุดตามอัตราดอกเบี้ยตลาดโดย กค. ไม่ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยจากการกู้เงินด้วยแล้ว
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) 1 ตุลาคม 2567
1075