WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

การเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบการขยายระยะเวลาโครงการนำร่องระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน โครงการที่ 1

GOV10การเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบการขยายระยะเวลาโครงการนำร่องระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน โครงการที่ 1

 

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ ดังนี้
     1. เห็นชอบต่อการขยายระยะเวลาโครงการนำร่องระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน โครงการที่ 1 ออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559
      2. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) จัดทำหนังสือแจ้งให้ความเห็นชอบของไทยต่อการขยายระยะเวลาโครงการนำร่องฯ โครงการที่ 1 ออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 และนำส่งไปยังเลขาธิการอาเซียน ก่อนวันสิ้นสุดอายุโครงการฯ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2558

สาระสำคัญของเรื่อง
พณ. รายงานว่า
1. ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 4 ที่เข้าร่วมโครงการนำร่องฯ โครงการที่ 1 (บรูไน มาเลเซีย และสิงคโปร์) ซึ่งได้ช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าให้แก่ผู้ส่งออกที่ได้รับอนุญาตในการลดขั้นตอนพิธีการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า และช่วยลดเวลาและต้นทุนการดำเนินการของภาคเอกชน
2. โครงการนำร่องฯ โครงการที่ 1 จะสิ้นสุดระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ซึ่งมีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการนำร่องฯ โครงการที่ 1 ออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 เพื่อให้สอดคล้องกับมติที่ประชุมคณะมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียน ครั้งที่ 29 ซึ่งเห็นชอบให้อาเซียนขยายกำหนดเวลาในการเริ่มต้นใช้ระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน จากเดิมภายในปี 2558 เป็นภายในปี 2559 ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการเริ่มต้นใช้ระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียนในการทดลองใช้ระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง รวมถึงมีระยะเวลาเพิ่มขึ้นในการเจรจาปรับประสานระเบียบปฏิบัติของโครงการนำร่องฯ ทั้งสองโครงการ เพื่อจัดทำระเบียบปฏิบัติสำหรับระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน ที่ประเทศสมาชิกทั้ง 10 ประเทศ วางเป้าหมายจะนำมาปฏิบัติจริงภายในปี 2559 รวมทั้งจะช่วยให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของไทยมีเวลาเตรียมความพร้อมมากขึ้นก่อนเริ่มระบบปฏิบัติจริง
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 ธันวาคม 2558

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!