WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8785 ข่าวสดรายวัน


บิ๊กตู่ยันให้ศรีรัศมิ์ ไม่ผิดกม. เงินสำนักทรัพย์สิน 
นุ่งห่มขาวใช้ชีวิตสงบ กับพ่อแม่-บ้านวัดเพลง พระนั่งเรือมารับบาตร แฉอีกอดีตผู้การตร.น้ำ รับส่วยเสี่ยโจ้ 150 ล้าน


ยังดูแล - ตำรวจสภ.วัดเพลง จ.ราชบุรี ชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ไปสังเกตการณ์หน้าบ้านพักของน.ส.ศรีรัศมิ์ สุวะดี หลังลาออกจากฐานันดรศักดิ์เป็นสามัญชน ล่าสุดเตรียมตั้งป้อมตำรวจอีกครั้ง

       'บิ๊กตู่'ยืนยันเงินสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มอบให้ 'ศรีรัศมิ์' ได้ไม่ผิดกฎหมาย ส่วนศรีรัศมิ์พร้อมพ่อแม่ใช้ชีวิตอย่างสงบเรียบง่ายในบ้านพักที่วัดเพลง ราชบุรี โดยนิมนต์พระ 9 รูปนั่งเรือมารับบาตร ตำรวจจัดกำลังคอยดูแลความเรียบร้อย เตรียมสร้างป้อมตำรวจดูแลแห่งใหม่ ส่วนความคืบหน้าคดีบิ๊กกิ๊กและเครือข่าย ตร.รุดสอบข้าราชบริพารหาข้อมูลเครือข่ายสุดาทิพย์ พบมีอีก 4-5 คน ขณะที่ ปาลิดาติดตามเข้าให้ปากคำ พงส.สรุปสำนวนคดีพงศ์พัฒน์เสร็จแล้ว แฉอดีตผบก.รน.รับส่วยน้ำมันเถื่อนเสี่ยโจ้ 150 ล้าน ก่อนส่งเงินให้พงศ์พัฒน์ เผยคนสนิทรองผบช.ก.ที่ถูกออกหมายจับคดีฟอกเงินเป็นถึงปลัดอำเภอ ประสานติดต่อเข้ามอบตัวแล้วเช่นกัน ด้านปปง.ลุยตรวจสอบบัญชีบิ๊กกิ๊ก-เครือข่าย อายัดเพิ่มอีก 100 ล้าน

      เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร นำความขึ้นกราบบังคมทูลสมเด็จพระบรม โอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นลายลักษณ์อักษรว่า ขอพระราชทานกราบบังคมทูลลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ ซึ่งต่อมาความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว และได้พระราชทานพระบรมราชานุญาต จากนั้นมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา ต่อมาอดีตพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯ ได้เดินทางไปทำบัตรประชาชนใหม่ ระบุสถานะในกองทะเบียนบัตรประชาชนว่า "น.ส.ศรีรัศมิ์ สุวะดี" พร้อมแจ้งย้ายเข้าไปอยู่บ้านในต.วัดเพลง อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี โดยใช้ชีวิตอย่างสงบกับพ่อแม่และเน้นธรรมะ

      จากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชประสงค์ขอรับเงินพระราชทานจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อพระราชทานให้น.ส.ศรีรัศมิ์ สุวะดี ใช้ในการดำรงชีพและดูแลครอบครัวนั้น

     ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณหน้าบ้านสุวะดี ตั้งอยู่เลขที่ 149 หมู่ 6 ต.วัดเพลง อ.วัดเพลง เป็นไปด้วยความเงียบเหงา โดยประตูหน้าบ้านถูกล็อกจากด้านใน ซึ่งในช่วงเช้ามีญาติของน.ส.ศรีรัศมิ์ เดินทางมา เพื่อนำขนมที่เคยชื่นชอบมาฝากและเข้าไปภายในบ้านประตูด้านข้าง โดยมีตำรวจจากสภ.วัดเพลง นำกำลังทั้งในและนอกเครื่องแบบมาคอยดูแลความสงบเรียบร้อย พร้อม ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่มารอเฝ้าสังเกตการณ์ให้อยู่เฉพาะฝั่งตรงข้ามบ้านเท่านั้น เนื่องจากเกรงว่าอาจเป็นการรบกวน ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านและชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปมา 

     นอกจากนี้ ในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา น.ส. ศรีรัศมิ์ และพ่อแม่ได้นิมนต์พระสงฆ์ จากวัดประดู่ ตั้งอยู่ต.วัดประดู่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม มาทำบุญตักบาตรทางน้ำรวม 9 รูป บริเวณคลองด้านหลังบ้าน โดยน.ส.ศรีรัศมิ์ได้แต่งกายด้วยชุดสีขาว ซึ่งจะนิมนต์พระสงฆ์มารับบาตรภายในบ้านเป็นเวลา 9 วัน นับจากวันที่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านใน อ.วัดเพลง

      ต่อมาในช่วงบ่ายนายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง นายอำเภอวัดเพลง นายสมศักดิ์ แซ่โล้ นายกอบต.วัดเพลง และพ.ต.ท.ทรงศักดิ์ แก้วพลน้อย รรท.ผกก.สภ.วัดเพลง ร่วมกันตรวจสอบพื้นที่บริเวณใกล้เคียงหน้าบ้านของน.ส. ศรีรัศมิ์ เพื่อดูความเหมาะสมในการสร้างป้อมตำรวจขึ้นมาใหม่

     พ.ต.ท.ทรงศักดิ์ กล่าวว่าบริเวณนี้เป็นเขตรอยต่อระหว่างอ.วัดเพลง และอ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม โดยป้อมตำรวจที่จะสร้างนั้น ไม่เกี่ยวกับป้อมตำรวจที่ถูกทุบไป แต่ที่จะสร้างใหม่เพื่อไว้บริการประชาชน ซึ่งตามปกติต้องมีป้อมตำรวจบริการประชาชนอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมามีป้อมตำรวจบริเวณหน้าบ้านน.ส.ศรีรัศมิ์ ก่อนทุบทิ้งไปหลังลาออกจากฐานันดรศักดิ์ เนื่องจากไม่ประสงค์ให้มี ทำให้ต้องขยับไม่ให้อยู่บริเวณหน้าบ้าน โดยจากการดูพื้นที่แล้วน่าจะตั้งบริเวณฝั่งตรงข้าม เพื่อป้องกันอาชญากรรม หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนสามารถแจ้งหรือเข้ามาใช้บริการที่ป้อมตำรวจนี้ได้

     ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวภายหลังการประชุมครม.และคสช. กรณีจดหมายข่าวของกระทรวงการคลัง เรื่องเงินที่มอบให้น.ส.ศรีรัศมิ์ โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์โกรธว่า "เขาบอกและ พูดว่าอย่างไร กระทรวงเขาชี้แจงว่าอย่างไร เมื่อชี้แจงทุกอย่างไปแล้วก็จบ คุณจะถามทำไม แล้วยังไง เงินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เขามีวิธีและข้อปฏิบัติที่จะใช้อยู่แล้ว ไปดูกฎหมาย เขาสามารถใช้ได้อยู่แล้ว เขาใช้ได้ก็จบและเรื่องนี้ไม่ควรจะพูดต่อไป ก็ยังจะถามอยู่นั่นแหละ"

    เมื่อถามว่ามีความพยายามทำให้เชื่อมโยงว่าพระมหากษัตริย์เกี่ยวโยงกับสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ นายกฯ กล่าวว่า รู้ไหมว่าเขามีกี่ส่วน ทรัพย์สินเขามีกี่ส่วน เงินพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ก็มี อย่าไปยุ่งมากนักเลย

    เมื่อถามว่าเรื่องนี้ไปเกี่ยวโยงกับปัญหาตลาดหลักทรัพย์ที่มีข่าวลือ นายกฯ กล่าวว่า ก็มีการลือ แต่เขาบอกว่าไม่จริง หุ้นก็ขึ้นมาแล้ว มันก็เป็นอย่างนี้ อะไรที่ไม่สร้างสรรค์ก็เอามาพูด ไม่รู้อะไรกันนักหนา

      สำหรับ ความคืบหน้าในการดำเนินคดีพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. และเครือข่าย ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. รรท.ผบช.ก. และโฆษกตร. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้อนุมัติหมายจับพ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี รองผกก.6 บก.ป. นายตำรวจคนสนิทพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และนายทรงพล ทองสิน คนขับรถของพล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผบช.ก. ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน โดยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงิน ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัว คาดว่ายังกบดานอยู่ในประเทศ 

      พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนกระแสข่าวแต่งตั้งโยกย้ายล้างบางนายตำรวจภายในบช.ก. กว่า 200 นายนั้น ยืนยันไม่ใช่การล้างบาง แต่เป็นเรื่องปกติของการย้ายประจำปีในทุกกองบัญชาการ โดยเฉพาะหน่วยกำลังทั้งบช.ภ.และบช.น. จะโยกย้ายเข้าออกสลับกันพอสมควรอยู่แล้ว เนื่องจากบางคนอาจครบกำหนดวาระในการปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องหมุนเวียนหน่วยงานกันไป รวมถึงบางคนก็ขอย้ายกลับไปยังภูมิลำเนาเดิม ซึ่งเป็นการย้ายข้ามกองบัญชาการ โดยการโยกย้ายของบช.ก. ที่มีเยอะในช่วงปีนี้ เพราะมีนายตำรวจที่เกี่ยวข้องอยู่ในกระบวนการของพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ พอสมควร ดังนั้นอาจเยอะกว่าปกติ แต่คนที่ไม่เกี่ยวข้องมีมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ 

     ผู้สื่อข่าวถามว่านายตำรวจผู้ที่ถูกย้ายไป 10 เปอร์เซ็นต์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ โดยตรงใช่หรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า นายตำรวจใน 10 เปอร์เซ็นต์นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกัน อาจเป็นลักษณะการมีข้อมูลว่า รู้เห็นหรืออาจมีข้อมูลว่าอยู่ในกลุ่ม แต่หลักฐานทางคดีไปไม่ถึง มีเพียงข้อมูลที่สามารถดำเนินการทางปกครองได้ แต่อาจไม่ถึงขั้นดำเนินการทางวินัยร้ายแรงหรือทางคดีได้ 

      รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังพนักงานสอบสวนสำนวนคดีการฟอกเงิน ได้ขออนุมัติหมายจับพ.ต.ท.ทรงรักษ์ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2264/2557 ลงวันที่ 15 ธ.ค.2557 และขออนุมัติหมายจับนายทรงพล ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2263/2557 ลงวันที่ 14 ธ.ค.2557 ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ความผิดตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (5)(9) มาตรา 5 (1)(2) และมาตรา 60 นั้น ทางชุดสืบสวนได้เร่งติดตามตัวผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ เบื้องต้นนายทรงพล เป็นปลัดอำเภอแห่งหนึ่ง รับราชการในกระทรวงมหาดไทย และได้ประสานตำรวจขอเข้ามอบตัวแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการประสานว่าจะติดต่อเข้ามอบตัวเมื่อใด

       ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ส่วนการสอบสวนดำเนินคดีนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ร่วมกับเครือข่ายในนามคณะบุคคล น้ำทิพย์ และคณะบุคคล ปณสุ แอบอ้างเบื้องสูง เพื่อให้ได้ประมูลเครื่องเสวย ทั้งน้ำพริก ผักสด และผักต้มนั้น รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา คณะพนักงานสอบสวนบก.น.1 นำโดยพ.ต.อ. สุนทร คงกล่ำ รองผบก.น.1 เดินทางไปสอบปากคำข้าราชบริพาร กองกิจการในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในการจัดซื้อเครื่องเสวย พบมีน.ส.สุดาทิพย์ เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมดและมีผู้เกี่ยวข้องอีกประมาณ 4-5 ราย โดยให้การยืนยันตรงกันว่า นางสุดาทิพย์ได้ดำเนินการกิจการดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2545 และปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขบวนเสด็จเท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการกิจการดังกล่าวแต่อย่างใด

     ส่วนการตรวจสอบการจัดตั้งคณะบุคคลที่ใช้ประกอบกิจการว่ามีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบกับกรมสรรพสามิต ในขั้นตอนการจัดตั้งคณะบุคคลดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ รวมถึงบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้น.ส.ปาลิดา หลักเฉลิมพร ได้ประสานติดต่อกับพนักงานสอบสวน เพื่อเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนสน.สามเสน แล้ว พนักงานสอบสวนจึงไม่ออกหมายเรียกน.ส.ปาลิดา ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างติดต่อประสานมาว่าจะเข้าให้ปากคำได้ช่วงเวลาใด โดยตอนนี้ยังไม่มีการออกหมายจับบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในกรณี ดังกล่าวแต่อย่างใด

      รายงานข่าวแจ้งว่า ส่วนการดำเนินคดีพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และเครือข่ายนั้น คณะพนักงานสอบสวนชุดตรวจสอบการกระทำผิดได้เร่งสรุปสำนวนคดีจนแล้วเสร็จในช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยได้รวบรวมพยานหลักฐานเป็นบัญชีการโอนเงินทั้งหมด ภายหลังสอบปากคำพล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผบก.รน. และพล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผบช.ก. เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมาเพิ่มเติม

      จากการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดมีข้อมูลยืนยันตรงกันว่า พล.ต.ต.บุญสืบ รับส่วยน้ำมันเถื่อนกว่า 150 ล้านบาท จากนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ผู้ต้องหาหนีคดีปลอมแปลงเอกสารและพัวพันจ่ายส่วยน้ำมันเถื่อน แล้วส่งส่วยน้ำมันเถื่อนให้พล.ต.ต.โกวิทย์และพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ทั้งนี้ จะส่งสำนวนคดีดังกล่าวให้พล.ต.ท.ศรีวราห์ พิจารณาต่อไป

      ส่วนกรณีส่วยน้ำมันเถื่อน เจ้าหน้าที่เตรียมเรียกพ.ต.อ. สังกัดกองบังคับการตำรวจน้ำมาสอบปากคำ หลังนายณรงค์กรณ์ หรือโจ เจียรเสริมสิน น้องชายเสี่ยโจ้ ร้องขอความเป็นธรรมนั้น คณะพนักงานสอบสวนได้แยกคดีดังกล่าวเป็นอีกคดี ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการรับส่วยน้ำมันเถื่อนของเครือข่ายพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์

      ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการปปง. แถลงผลการอายัดทรัพย์สินของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวกว่า ล่าสุดปปง.อายัดทรัพย์สินเป็นบัญชีเงินฝากธนาคารของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และเครือข่ายเพิ่มเติมอีก 111 รายการ มูลค่า 100 ล้านบาท จากเดิมที่มีมติอายัดทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน 104 รายการ มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท โดยปปง.ตรวจพบเป็นบัญชีของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์เพียงแค่ 3 บัญชี มีเงินรวม 70,000 บาท ถือว่าจนผิดปกติ บ่งชี้ว่าพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์เป็นผู้รู้กฎหมายฟอกเงินเป็นอย่างดี การตรวจสอบเส้นทางการเงินทำได้ลำบาก

      พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบบัญชีของพล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ จำนวน 7 บัญชี เป็นเงิน 3,187,475.37 บาท พ.ต.อ.อัครวุฒิ หลิมรัตน์ 15 บัญชี เป็นเงิน 2,404,798.98 บาท พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ 2 บัญชี เป็นเงิน 5,300,000 บาท นายทรงพล ทองสิน 53 บัญชี เป็นเงิน 3,096,777.80 บาท ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา 8 บัญชี เป็นเงิน 500,513.25 บาท ด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง 2 บัญชี เป็นเงิน 10,828 บาท และน.ส.ชื่นกมล รุ่งธีรพงศ์ 16 บัญชี เป็นเงิน 28,655,506.42 บาท โดยการตรวจสอบพบว่าน.ส.ชื่นกมลเป็นภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับนายทรงพล ทั้งคู่ทำหน้าที่ฟอกเงินให้กับพล.ต.ต. โกวิทย์ ซึ่งแม้ว่าน.ส.ชื่นกมลยังไม่ถูกออกหมายจับจากพนักงานสอบสวน แต่เป็นผู้มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงเข้าข่ายความผิดกฎหมายฟอกเงิน ส่วนพล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน ผบก.ตำรวจน้ำ พบมีการเคลื่อนไหวเงินในบัญชี 31 ล้าน แต่ไม่มียอดเหลือ จึงไม่ได้อายัด

       เลขาธิการปปง.กล่าวอีกว่า ปปง.อายัดบัญชีอีกกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ คือน.ส.ปณิดา สุวะดี ซึ่งมีหุ้นส่วนในบริษัท ศิรินทิพย์ 2007 จำกัด ร่วมกับนางสุดาทิพย์ นายณรงค์ นางวันทนีย์ และนายอภิรุจ สุวะดี พ.ต.อ.โกวิทย์ ม่วงนวล และน.ส.ขวัญตา เกิดอำแพง ในความผิดฐานแอบอ้างเบื้องสูง และพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า โดยเป็นบัญชีของน.ส.ปณิดา 4 บัญชี เป็นเงิน 61,644,020.94 บาท นอกจากนี้พบการโอนเงินไปต่างประเทศของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ แต่เป็นการโอนไปที่สถานศึกษาในประเทศอังกฤษและสวิตเซอร์แลนด์ 16 ครั้ง เป็นเงิน 5.2 ล้านบาท 

       พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวต่อว่า หลังจากนี้จะเปิดโอกาสให้เจ้าของบัญชีชี้แจงที่มาของเงิน หากชี้แจงไม่ได้จะยึดไว้ส่งฟ้องศาลต่อไป เพื่อให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน สำหรับความเชื่อมโยงของเส้นทางการเงินพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ พบแค่เกี่ยวข้องกับนายชอบและนางปิยะพรรณ ซึ่งเป็นน้องเขยและน้องสาวเท่านั้น โดยเชื่อว่าพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ไม่ทำธุรกรรมผ่านสถาบันการเงินและฟอกเงินผ่านวัตถุโบราณ เช่น เครื่องชามสังคโลกที่มีราคาแพง โดยมีการจดบันทึกราคาไว้สูงถึงใบละ 50,000 บาท คาดว่าภายในเดือนม.ค.2558 ปปง.จะทำบัญชีรายการทรัพย์สินทั้งหมดเสร็จสิ้น และจะทราบจำนวนทรัพย์สินทั้งหมดได้ โดยภาพรวมขณะนี้เท่ากับปปง.ได้อายัดทรัพย์สินพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวกรวม 215 รายการ มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!