WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8792 ข่าวสดรายวัน


ไลน์โต้รบ. ยันเช็กข้อความไม่ได้ 
กมธ.ตีตกเลือกนายกฯ คสช.รับได้หนุมาน 3 นิ้ว สมชัยชี้มค.58 สรุปผล ฟ้องคนทำ '2 กพ.'โมฆะ


ลองนั่ง - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พร้อมภริยาและคณะ ทดลองนั่งรถไฟ ความเร็วสูงจากกรุงปักกิ่งไปยังนครเทียนจิน ระหว่างการเดินทางเยือนประเทศจีน อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.

      ไลน์ยันรัฐบาลเช็กข้อความไม่ได้ ชี้ละเมิดสิทธิ์ ถ้าอยากดูต้องมีหมายศาล แล้วรอบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นพิจารณา จะให้หรือไม่คสช.ไม่ติดใจหนุมานชู 3 นิ้ว ยอมรับเป็นเรื่องศาสนา กมธ.ยกร่างรธน.ตีตกเลือกนายกฯ โดยตรง ให้ยึดระบบรัฐสภา แล้ววางมาตรการป้องเสียงข้างมากคุมสภาแทน วิษณุโยนคสช.ตัดสิน ทำประชามติหรือไม่ สมชัยยันลุยฟ้องล้มเลือกตั้ง คาดม.ค.ปีหน้า สรุปจะฟ้องใคร-ฝ่ายไหนบ้าง

'บิ๊กป้อม'หัวโต๊ะครม.แทน'บิ๊กตู่'
     เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่อยู่ระหว่างเยือน สาธารรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ วันที่ 22-23 ธ.ค. 
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุม ทพ.กฤษฎา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือสสส. นำคณะศิลปินดาราสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 อาทิ ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่, มิกค์ ทองระย้า, และภัทรเดช สงวนความดี เชิญชวน ครม.ร่วมงานสวดมนต์ข้ามปี พร้อมลงนามบน ส.ค.ส.จำลองขนาดใหญ่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์เชิญชวนประชาชนร่วมส่งความสุขให้กับตนเอง ผู้อื่น สังคม ด้วยการสวดมนต์ข้ามปี และถวายเป็นพระราชกุศลแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 87 พรรษา โดย พล.อ. ประวิตร เขียนบน ส.ค.ส.ว่าขอให้คนไทยทุกคน มาร่วมสวดมนต์ข้ามปีเพื่อเป็นสิริมงคล ร่วมกันด้วย ขณะที่นายยงยุทธ ยุทธวงค์ รองนายกฯ เขียนว่า ขออวยพรปีใหม่ชาวไทยทุกคนร่วมสวดมนต์ข้ามปี

กทม.ตัดกิ่งไม้รอบทำเนียบ
      ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังเกิดเหตุกิ่งต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ขนาดใหญ่ หน้าท้องฟ้าจำลอง บริเวณถนนสุขุมวิท 40 หักโค่นใส่ขบวนรถ พล.อ.ประยุทธ์และทำให้ทหาร 2 นายบาดเจ็บ ล่าสุดถนนบริเวณรอบทำเนียบ โดยเฉพาะถนนพิษณุโลกและถนนนครสวรรค์ไปจนถึงแยกสะพานเทวกรรม เส้นทางที่ พล.อ. ประยุทธ์ และครม.ใช้สลับเข้าออกทำเนียบ เจ้าหน้าที่ กทม.ได้ตัดแต่งกิ่งไม้ส่วนที่ยื่นล้ำเข้ามายังผิวการจราจรออกจนเกลี้ยง ถนนโล่ง คาดว่าเป็นผลจากอุบัติเหตุที่เกิดกับขบวนรถนายกฯ เจ้าหน้าที่ไม่อยากให้เกิดเหตุซ้ำรอย
      พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลการประชุมครม. ว่า พล.อ.ประวิตรกล่าวก่อนประชุมว่า พล.อ. ประยุทธ์ฝากถึงหน่วยงานดูแลวามปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยขอให้ทุกกระทรวง ทุกกรม จัดเตรียมแผนงานและให้ตรวจสอบอีกรอบ เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยในการเดินทางช่วงปีใหม่ นอกจากนั้นพล.อ.ประวิตรยังขอให้ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องช่วยกันดูแลอัคคีภัย อุบัติภัย ไม่ว่าห้างสรรพสินค้า อาคารราชการ 

สมช.ยันคุมเข้มวุ่นวายปีใหม่
      นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีรายงานเหตุการณ์ที่น่าเป็นห่วงขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ ทหาร ด้านการข่าวดูแลเป็นปกติอยู่แล้ว รวมถึงการป้องกันอุบัติเหตุต่างๆ ส่วน สมช.ติดตามสถานการณ์อยู่แล้วโดยให้ความสำคัญเท่ากันทุกด้าน ทั้งด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบายของประชาชน การขนส่ง 
      เมื่อถามว่า หวั่นเกิดเหตุซ้ำรอยอย่างเหตุวุ่นวายช่วงปลายปี 2549 หรือไม่ นายอนุสิษฐกล่าวว่า ทำเต็มที่ ไม่มีแน่นอน ในที่ประชุม ครม.ไม่มีรายงานแนวโน้มการก่อเหตุรุนแรง และความเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงปีใหม่ยังไม่มีอะไรน่าห่วง ยังนิ่ง เชื่อว่าฝ่ายการเมืองและประชาชน ต่างเฝ้ามองว่าแนว ทางปฏิรูปประเทศจะเป็นอย่างไร บ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปทางใด เวลานี้ทุกคนต้องให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลง เพราะเชื่อว่าอีก 5-10 ปี คงยากที่จะปฏิรูปให้ได้ทุกด้านโดยเฉพาะการทุจริตประพฤติมิชอบ อาทิ การดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งที่ผ่านมามีข้อบกพร่องอยู่มาก และทุกส่วนราชการกำลังปรับตัวอยู่ ขณะเดียวกัน สปช.กำลังปรับปรุงเรื่องเหล่านี้อยู่

คสช.โอเคหนุมานเรื่องศาสนา
      วันเดียวกัน พล.ต.สัณทัศน์ นันทิภาคย์หิรัญ ผู้บังคับการมลฑลทหารบกที่ 15 จ.เพชรบุรี (ผบ.มทบ.15) กล่าวกรณีช่างปูนปั้นชื่อดังจ.เพชรบุรี ปั้นรูปปั้นหนุมานชู 3 นิ้ว ที่วัดไร่ดอน ในจ.เพชรบุรี ว่า ได้รับรายงานแล้วและให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปตรวจสอบ พูดคุยกับเจ้าอาวาสวัด และช่างปูนปั้นแล้วไม่มีนัยอะไร ไม่ได้เป็นสัญญลักษณ์ทางการเมือง ซึ่งช่างปูนปั้นแจ้งว่าหมายถึง ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซึ่งตนจะทำเรื่องส่งให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รับทราบต่อไป 
      ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าตรวจสอบพื้นที่และพูดคุยกับเจ้าอาวาสแล้ว ซึ่งเจ้าอาวาสแจ้งว่าวัดมีพื้นที่ว่างจึงให้ช่างปูนปั้นเข้ามาปั้นรูปหนุมานชู 3 นิ้ว หมายถึงแก้ว 3 ประการทางพุทธศาสนาคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่มีนัยยะทางการเมือง
      "จากการตรวจสอบประชาชนที่อยู่โดยรอบวัดและคนในพื้นที่ ไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเชิงสัญญลักษณ์ หรือเกี่ยวข้องเชื่อมโยงทางการเมือง จึงน่าจะเป็นเรื่องพุทธศานา" พ.อ.วินธัยกล่าว 

ไลน์แจงรบ.ล้วงข้อมูลไม่ได้ 
      น.ส.วารดี วสวานนท์ หัวหน้าฝ่ายประชา สัมพันธ์ ไลน์ ประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กรณีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) อ้างว่าสามารถตรวจสอบข้อความของผู้ใช้ไลน์ในไทย ประเภทหมิ่นสถาบันและกระทบต่อความมั่นคง และจะดำเนินการเอาผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ว่า ไม่ทราบว่าไอซีทีตรวจสอบด้วยวิธีใด แต่ไลน์ยืนยันว่าไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลผู้ใช้ได้ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล และในทางสากลมีกฎหมายละเมิดสิทธิ์ของผู้ใช้ไลน์คุ้มครองอยู่ 
     "หากทางการไทยประสานมาที่ไลน์ประเทศไทย เพื่อขอข้อมูลผู้ใช้ไลน์ต้องมีหมายศาลและติดต่อที่ไลน์ ประเทศญี่ปุ่นหรือบริษัทแม่ก่อน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทแม่ด้วยว่าจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ได้หรือไม่" หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ ไลน์ ประเทศไทย กล่าว

บิ๊กป๊อกขออย่าใช้ขันนอตรมต.
     ที่กระทรวงมหาดไทย นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. เข้าพบพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย โดยใช้เวลาหารือนาน 30 นาที จากนั้นพล.อ.อนุพงษ์ให้สัมภาษณ์ว่า นายพรเพชรมาอวยพรตนในเทศกาลปีใหม่ ไม่ได้หารือทางการเมืองหรือประเด็นยกร่างรัฐธรรมนูญใดๆ ทั้งสิ้น 
     เมื่อถามถึงกระแสข่าวตั้งพล.อ.ประวิตรติดตามขันนอตการทำงานของรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เห็นด้วยแต่ไม่อยากให้ใช้คำว่าขันนอต อยากให้ใช้คำว่าเร่งการทำงานจะดีกว่า อยากให้ทุกกระทรวงเร่งทำงาน เพราะรัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศเพียงปีเดียว ซึ่งเป็นเวลาที่สั้นมาก จึงอยากให้ทุกฝ่ายเร่งเดินหน้าทำงาน อย่ายืดเยื้อ ไม่ให้เสียเวลา และต้องเป็นไปตามกรอบที่นายกฯ วางไว้ 
     เมื่อถามว่า ต้นปีหน้าสมควรปรับครม.แล้วหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ขณะนี้รัฐมนตรีทุกคนตั้งใจทำงาน ไม่มีความขัดแย้งแม้จะมีความเห็นต่างกันบ้างในบางเรื่อง แต่ยังทำงานร่วมกันได้ดี ที่สำคัญไม่มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นมองว่ายังทำงานร่วมกันได้อยู่

วิษณุปัดชี้เลือกตั้งนายกฯ
     ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความเห็นขัดแย้งข้อเสนอให้มีการเลือกตั้งนายกฯ โดยตรงต่อของกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ และสปช.ว่า ในที่สุดคณะกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญเป็นใหญ่ ทั้งหมดเป็นเพียงความเห็นที่ป้อนและเสนอเข้าไป สปช.จะเสนออะไรเข้าไปก็ต้องเสนอเป็นกลุ่มเป็นก้อน เป็นทางการเช่นในนามกมธ. ไม่ใช่เป็นรายบุคคล รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวไม่ได้บอกว่าคนใดคนหนึ่งเสนอไปได้ ส่วนจะเสนออย่างไรยังไม่เห็นรายงาน อีก 4 เดือนร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ ตอนนั้นสมาชิกแต่ละคนสามารถทำงานเป็นคนคนได้ โดยไม่ต้องเป็นกลุ่ม เพราะเป็นการขอแก้ ขอแปรญัตติ ซึ่งต้องไปเจอกันตอนนั้นอีกหน


ตรวจเยี่ยม - พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส. ตรวจเยี่ยมกองทัพอากาศอย่างเป็นทางการ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยมีพล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ.ต้อนรับ ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.

      นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกรณีซูเปอร์ประธานา ธิบดีว่า ต้องไปถามผู้ที่พิพาทกัน อย่าเอาตนเข้าไปด้วยเลย ทั้งนี้ไม่ได้มองว่าเป็นการงัดข้อกัน เพราะทั้งหมดอยู่สภาเดียวกัน ก็มีสิทธิที่จะพูด ส่วนข้อเสนอเลือกตั้งนายกฯ โดยตรงของนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานกมธ.ปฏิรูปด้านการเมืองนั้น ตนเห็นจากสื่อเท่านั้น สำหรับข้อดีข้อด้อยก็อยากให้ความเห็น แต่กลัวจะถูกโยงว่าเป็นคำพูดรัฐบาล หรือคสช. 

โยนคสช.ตัดสินประชามติ
      นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ส่วนการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เนื่องจากรัฐธรรม นูญชั่วคราวไม่ได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการลงประชามติ จึงต้องผ่านการแก้รัฐธรรมนูญให้มีการลงประชามติ ซึ่งรัฐธรรมนูญมีอยู่มาตราหนึ่งระบุให้กรณีจำเป็นสามารถแก้รัฐธรรม นูญได้ โดยคสช.จะเป็นผู้ดำริว่าควรจะแก้ แล้วเสนอไปยังสนช.พิจารณา
     "ถ้าคิดจะทำประชามติต้องแก้รัฐธรรมนูญ โดยคสช.มีอำนาจเสนอแก้ ฉะนั้นคสช.จึงเป็นคนให้คำตอบสุดท้าย เพราะใครอยากจะมีประชามติก็มีไม่ได้ทั้งนั้นถ้าไม่แก้ แต่คสช.เสนอแล้วสนช.จะแก้ให้หรือไม่ก็ไม่รู้ ดังนั้นคสช.เป็นคนเปิดประตูแล้วอยู่ที่สนช.จะลงเรือหรือไม่ เมื่อมีการแก้ก็จะเปิดโอกาสให้ลงประชามติได้ สำหรับเมื่อไหร่ถึงจะรู้ว่าต้องทำเช่นนั้น ก็ต้องรอว่ามีความต้องการกันหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่ได้ทำแกงส้มเลย แล้วจะบอกว่าอร่อยหรือไม่ยังเร็วเกินไป แต่เมื่อใกล้เสร็จแล้วเอามาชิมว่าเป็นอย่างไร เผ็ด ขม เปรี้ยว หรือควรเททิ้ง ซึ่งแปลว่าทำประชามติ ซึ่งผมเข้าใจว่าช่วงเดือนเม.ย.58 จะรู้แล้ว" นายวิษณุกล่าว

บวรศักดิ์จ่อแจง'ซูเปอร์ปธน.'
     นายวิษณุกล่าวต่อว่า หากรัฐธรรมนูญเสร็จเดือนก.ย.58 จะมีทาง 2 แพร่ง คือเลี้ยวซ้ายไม่ทำประชามติ คือ 3 เดือน ไปออกกฎหมายลูก อีก 2 เดือนไปหาเสียงเลือกตั้ง แต่ถ้าเลี้ยวขวามีประชามติ ก็ต้องออกกฎหมายลูกว่าด้วยการลงประชามติออกมาก่อน ระหว่างนั้นจึงออกกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง เรื่องพรรคการเมืองไป ในช่วง 3 เดือนนั้นจึงเป็นเวลาที่ใช้เตรียมทำประชามติได้ แต่วันเลือกตั้งนั้นจะทำให้การประกาศวันเลือกตั้งเลื่อนออกไป ซึ่งต้องบวกเพิ่มอีก 2-3 เดือน ถ้าการทำประชามติไม่ผ่านก็เสียเวลาหน่อย 
    นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ กล่าวถึงกรณีระบบรัฐสภาแบบซูเปอร์ประธานาธิบดี ว่า "ภายในสัปดาห์หน้าผมจะเขียนบทความเพื่ออธิบายในประเด็นดังกล่าวอย่างละเอียด ลงในเว็บไซต์ของกมธ.ยกร่างฯ"

กมธ.สรุปสภาเลือกนายกฯ
      ที่รัฐสภา นายสุจิต บุญบงการ กมธ.ยกร่างรัฐธรรรมนูญ แถลงผลประชุม กมธ.ยกร่างฯ ว่า กมธ.ยกร่างฯ ได้สรุปรูปแบบการเลือกนายกรัฐมนตรี โดยให้คงรูปแบบการปกครองแบบรัฐสภาเช่นเดิม ที่นายกฯต้องมาจากการเลือกของสภาผู้แทนราษฎร เหตุผลที่ไม่สามารถรับข้อคิดเห็นของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่เสนอให้เลือกนายกฯ โดยตรงได้ เพราะระบบรัฐสภาเป็นระบบที่คุ้นชิน และสามารถแก้ปัญหาเรื่องต่างๆ ได้ และแม้จะเป็นการเลือกนายกฯ ในรูปแบบเดิม แต่ก็ปรับเปลี่ยนเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มการเมืองเดิม ใช้อำนาจเสียงข้างมากคุมเสียงในสภา ได้เบ็ดเสร็จ โดยต้องการให้พรรคการเมืองเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงไม่ใช่เครื่องของนายทุน และ ส.ส.ต้องเป็นผู้แทนจากประชาชนไม่ใช่ผู้แทนกลุ่มทุน ที่สำคัญจะทำอย่างไรให้มีการมียอมรับเสียงข้างน้อยในสภาด้วย
       นายสุจิต กล่าวต่อว่า ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร มีข้อเสนอให้มาจากพรรคเสียงข้างมาก รองประธานสภาคนที่ 1 และ 2 มาจากพรรคที่มีคะแนนรองลงมา เพื่อไม่ให้ผูกขาด และการปฏิบัติหน้าที่ต้องเป็นอิสระไม่อยู่ภายใต้มติพรรค ขณะที่ประธานกมธ.สำคัญๆ ให้มาจากพรรคฝ่ายค้าน เพื่อถ่วงดุล อย่างไรก็ตามคณะกมธ.ยกร่างฯจะร่างรัฐธรรมนูญโดยคำนึงถึงรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 35 (4) ที่ห้ามบุคคลที่มีพฤติกรรมในทางทุจริตให้ไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการทางการเมืองได้ 

ยันกมธ.ถกด้วยเหตุผล

        นายสุจิต กล่าวต่อว่า สำหรับความเห็นต่างๆ ในคณะกมธ.ยกร่างฯ ประเด็นเรื่องการเลือกนายกฯ นั้น ประธานในที่ประชุมคือ นายบวรศักดิ์สอบถามระหว่างการประชุม ถึงประเด็นดังกล่าว มีกมธ.ที่เคยเสนอรูปแบบเลือกนายกฯ และครม.โดยตรงได้ขอถอนความเห็นออกไปแล้ว โดยให้เหตุผลว่า คงฝ่า กมธ.ชุดนี้ลำบาก แต่ก็ยังมี กมธ.อีกหนึ่งคนที่ยังขอสงวนความเห็นว่าจะอภิปรายเรื่องนี้ต่อไป ส่วนรูปแบบการเลือกคณะรัฐมนตรี ที่มา สส. ส.ว. และระบบการเลือกตั้งรวมทั้งประเด็นว่า นายกฯจะต้องเป็น ส.ส.หรือไม่นั้น จะได้ข้อสรุปในการประชุม กมธ.ยกร่างฯในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ 
     นายเจษฎ์ โทณะวณิก กมธ.ยกร่างรัฐธรรม นูญ เผยถึงการประชุมกมธ.ยกร่างฯว่า ในการพิจารณาประเด็นรัฐสภาและครม. มีผู้อภิปรายและเสนอความเห็นกว้างขวาง โดยประเด็นที่มาของนายกฯ และครม. ถือว่ายังไม่ได้สรุปอย่างเป็นทางการว่าจะใช้ระบบใดเลือก นายกฯ แต่เท่าที่พิจารณาจากการอภิปรายส่วนใหญ่ เห็นทำนองเดียวกันว่านายกฯ มาจากระบบรัฐสภา ขณะที่รัฐมนตรียังไม่ได้ข้อสรุปว่าต้องมาด้วยวิธีใด ทั้งนี้ ยังมี กมธ.อีกหลายคนเห็นว่าการเสนอบัญชีรายชื่อรัฐมนตรีน่าจะเป็นทางออกของการแก้ปัญหาที่ผ่านมาได้ อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ประเด็นยังมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณาอีกมาก เช่น พรรคการเมือง ทั้งนี้ นายบวรศักดิ์ได้ตั้งประเด็นพิจารณาไว้ว่าประเด็นใดคือปัญหาและมาจากสาเหตุใด จะแก้ได้ด้วยวิธีใดบ้าง จึงทำให้การพิจารณาเป็นไปอย่างมีเหตุและผล ไม่มีบรรยากาศถกเถียงหรือเอาชนะคะคานกันในรูปแบบที่แต่ละคนเสนอ

อานันท์ ชี้ต้องมีเลือกตั้ง
      ที่เมืองทองธานี นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "ปฏิรูปประเทศไทย ปฏิรูปภาคเกษตร" ในการประชุมสัมมนาเชิงวิชาการประจำปีของสภาเกษตรกรแห่งชาติ ตอนหนึ่งว่า การปฏิรูปภาคการเกษตรที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งการปฏิรูปประเทศไทยนั้น ในหนังสือปฏิรูปที่เคยเขียนไว้มีรูปแบบอยู่ มีรายงานที่ไม่เลื่อนลอย ไม่ใช้ข้อความผิดพลาดแต่อ่านแล้วจะได้รับความเห็นที่ต่างเพื่อนำไปไตร่ตรองต่อ ซึ่งไม่ใช่ปัญหาแต่แจ้งโจทย์ว่ามีอะไรบ้าง 

      นายอานันท์ กล่าวต่อว่า ประชาธิปไตยควรหลีกเลี่ยงการกระทบกับค่านิยม การเลือกตั้งต้องมี ที่ผ่านมาการเลือกตั้งของไทยก็จอมปลอม ดังนั้นการเขียนวาระการปฏิรูปขึ้นมาเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งที่บอบช้ำน้อยที่สุด สิ่งที่หวังอย่างยิ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้คือการกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้ง จะถูกกลั่นกรองอย่างรอบคอบ เห็นแก่ประโยชน์ของชาติมากกว่าส่วนตนหรือธุรกิจ ไม่เห็นแก่ตัว ซึ่งหาไม่ได้ง่ายๆ แต่อย่าท้อ 

ประชาชนมีส่วนร่วมให้ความเห็น
      นายอานันท์ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญประชาชนต้องมีส่วนร่วมให้ความเห็น ทำหน้าที่ตรวจสอบจับผิดได้ตลอด เพราะอำนาจนิติบัญญัติไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่สิทธิ์ที่รัฐบาลจะต้องคำนึงถึงคือหลักธรรมาภิบาล ถ้าจะให้มีการเลือกตั้งที่แท้จริง ผู้สมัครต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง ศัตรูของประชาธิปไตยคือการโกงกิน การสมยอมในธุรกิจ ดังนั้น ต้องมีกฎหมายเพื่อส่งเสริมกระบวนการค้าโดยเสรี ความคาดหวังคือการให้บริการขั้นพื้นฐานให้ประชาชนได้ การรักษาพยาบาล การเรียน รวมทั้งสาธารณูปโภค
      นายอานันท์ กล่าวว่า ประชาธิปไตยจะดำเนินการราบรื่นจะต้องปรับปรุงนโยบาย ไม่มีใครจะทำได้ 100% แต่การปฏิรูปที่จะให้ได้ผลต้องปฏิรูปภาคการมือง คืนอำนาจให้กับท้องถิ่น ปรับโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดินในระดับต่างๆ จะช่วยผ่อนคลายความขัดแย้งระหว่างรัฐกับเอกชน การมอบสัมปทานให้นักธุรกิจจะต้องไม่เกิดการผูกขาด การลงทุนต้องไม่สร้างมลภาวะ ที่สำคัญการปฏิรูปที่เกิดขึ้นต้องไม่ให้เกิดปัญหารัฐบาลกับประชาชน ไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับประชาชน 

ปชป.ขู่ฟ้องคนโยงปรส.
      ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายศิริโชค โสภา อดีตส.ส.สงขลา ปชป. กล่าวว่า ประเด็นคดีองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันทางการเงิน (ปรส.) ที่พรรคเพื่อไทยและนักวิชาการเสื้อแดงใช้โจมตีพรรคให้เกิดความเสียหายมาตลอด จึงจำเป็นต้องฟ้องดำเนินคดี และคนที่บริหารจนเกิดความเสียหายคือรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้ลงนามในสัญญาเงินกู้ไอเอ็มเอฟ และตั้ง ปรส.เพื่อบริหารแผนฟื้นฟูสถาบันการเงิน โดยออกกฎหมายให้เป็นหน่วยงานอิสระที่รัฐบาลแทรกแซงไม่ได้ อีกทั้งยังต้องปฏิบัติตามแผนของไอเอ็มเอฟตามพันธสัญญาที่รัฐบาลพล.อ.ชวลิตไปลงนามด้วย พรรคประชาธิปัตย์จึงไม่ใช่ผู้ทำให้เกิดความเสียหาย แต่เข้ามาแก้วิกฤตประเทศ 

ณัฐวุฒิ ชี้'ยักษ์ลักมาลิงพาไป'
     วันเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.โพสต์เฟซบุ๊กระบุ เห็นนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ใช้สำนวนเปรียบเทียบพวกร้อนวิชาบางคนในแม่น้ำ 5 สายว่า "เหาะเกินลงกา" แล้วชักคึก นึกสนุกขึ้นมาด้วย ขอฝากสำนวนถึงบรรดาผู้มีอำนาจและผู้ลงเรือแป๊ะทั้งหลาย ซึ่งกำลังเร่งเครื่องปฏิรูป เร่งมือร่างรัฐธรรมนูญกันอยู่ว่าขอให้ยึดประชาชนเป็นหลัก จะทำอะไรแป๊ะกับคนบนเรือควรสรุปให้เข้าใจตรงกัน
      นายณัฐวุฒิ ระบุอีกว่า ตอนยึดอำนาจท่านประกาศว่าเพื่อปฏิรูปสร้างประชาธิปไตย สามัคคีปรองดอง แต่พอเริ่มทำงานหลายคนแสดงชัดว่าต้องไล่ล่าอีกฝ่าย อย่าให้เหลือรอด เนื้อหาบางเรื่องก็ขัดหลักการจนวิจารณ์กันวุ่นวาย แบบนี้จะเข้าข่าย "ยักษ์ลักมาลิงพาไป" หมายถึงนางสีดา ถูกทศกัณฐ์ลักตัวมาด้วยวิธีการนอกระบบ พอหนุมานไปพบจะพานางกลับสีดาก็ไม่ยอม เพราะห่วงจะถูกครหาว่าตอนมาก็ผิด ตอนกลับก็ไม่ถูก ยืนกรานให้พระรามต้องมารับให้ถูกต้องตามหลักการ จึงจะกลับไปอยู่ด้วย 
     "น่าเห็นใจสีดา ตอนยักษ์ลงมือบอกว่าจะพาไปทาง พอลิงมาก็จะพาไปอีกทาง สีดาจะทักท้วงบ้างก็กลัวทัพลงกาจะพาไปปรับทัศนคติ อุ้ย..ไปกวนใจใครเขาหรือเปล่า" นายณัฐวุฒิระบุ 

'วรชัย'ลั่นอย่ามองข้ามประชาชน
      นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีนายวิษณุระบุว่า กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญเริ่ม "เหาะเกินลงกา" ว่า มองว่านายวิษณุกำลังปรามกมธ.ว่าอย่าเสนอแนะการร่างรัฐธรรมนูญให้เลยเถิดออกไป แสดงให้เห็นว่ามีพิมพ์เขียวไว้แล้วอย่างแน่นอน ทั้งนี้การร่างรัฐธรรมนูญในยุคของการรัฐประหารทุกครั้ง เมื่อยึดอำนาจเสร็จก็จะตั้งองค์กรขึ้นมาเพื่อสร้างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาครั้งนี้แม้จะให้อำนาจกมธ. เสนอแนะและร่างรัฐธรรมนูญกันอย่างเต็มที่ แต่ในความเป็นจริงไม่มียุคไหนที่กมธ.จะสามารถร่างรัฐธรรมนูญได้ตามใจชอบ เพราะในยุคนี้ผู้ที่มีบทบาทสำคัญจริงๆ มีเพียงนายวิษณุ นายบวรศักดิ์ และนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เท่านั้นที่เป็นผู้วางกรอบ
     นายวรชัย กล่าวว่า ไม่ว่ารัฐธรรมนูญยุคเผด็จการฉบับนี้จะออกมาแบบใด หวังกีดกันฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ อยากฝากเตือนไปถึงผู้ร่างและผู้อยู่เบื้องหลังด้วยว่าให้คิดถึงประชาชนเป็นสำคัญ อย่ามองข้าม วันนี้ประชาชนตาสว่างแล้ว ขอให้ร่างรัฐธรรมนูญออกมาให้เป็นประชาธิปไตย ให้อำนาจอธิปไตยกับประชาชนอย่างแท้จริงแม้จะไม่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม ขอให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ติดตามดูแลด้วยหากมีความจริงใจที่จะให้เกิดการปรองดองอย่างแท้จริง

เพื่อไทยจวกปปช. 2 มาตรฐาน
    นายอำนวย คลังผา อดีตส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การตัดสินของป.ป.ช.ตอกย้ำให้เห็นความเป็นสองมาตรฐาน คดีของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำมา 4-5 ปี แล้วยกคำร้องด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น น้ำท่วม เอกสารเสียหาย เด็กน้อยพูดยังน่าเชื่อแต่ผู้ใหญ่พูดแล้วไม่น่าเชื่อถือ ครั้นไปดูคดีจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พบว่ายังหาหลักฐานไม่ครบ ตรวจสอบไม่เสร็จสิ้นกระบวนความ กลับพยายามสรุปดำเนินคดีให้ได้ ตนถึงได้ย้ำว่าควรมีการปฏิรูป ป.ป.ช.ยกเครื่องกันใหม่ ให้มีป.ป.ช.กระจายไปทั่วทุกจังหวัดเพื่อความรวดเร็วของคดี อีกทั้งประหยัดงบประมาณ ไม่ต้องกระจุกงานไว้ที่ส่วนกลาง แล้วกรรมการป.ป.ช.ก็เป็นเพียง 4 ปีแล้วเปลี่ยนคนใหม่เข้ามา

อสส.ย้ำอีกให้สอบคดีข้าว'ปู'เพิ่ม
     นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอัยการสูงสุด (อสส.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายอสส. พิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดีอาญาน.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว เปิดเผยถึงสาเหตุที่ อสส.นัดประชุมด่วนกับป.ป.ช.ว่า เป็นข้อหารือระหว่างนายตระกูล วินิจนัยภาค อสส. และคณะกรรมการป.ป.ช. ในการประชุมประจำปีระหว่างอสส.และป.ป.ช.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการพูดคุยและเร่งรัดให้เร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากสังคมเฝ้าจับตาดูอยู่ ทั้งนี้ฝ่าย อสส.ยังคงยืนยันในจุดยืนเดิมที่แถลงไป คือต้องสอบพยานบุคคลเพิ่มเติม ไม่อย่างนั้นสำนวนจะไม่สมบูรณ์
     นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า แม้จะนัดประชุมด่วน แต่คาดว่าภายในสิ้นปีนี้คงไม่ได้ข้อสรุป คงจะนัดประชุมอีกครั้งในต้นปีหน้า หากป.ป.ช.รับข้อเสนอของ อสส. ก็ต้องเรียกพยานมาสอบเพิ่มเติมอีก และเมื่อป.ป.ช.สอบพยานเสร็จสิ้น จะส่งเรื่องให้ อสส.นำไปพิจารณา ซึ่งแล้วแต่ที่ประชุมจะตกลงกัน ถ้าฝ่ายป.ป.ช.เห็นด้วย คดีนี้ก็คงจบ หลังจากนั้นก็ให้ป.ป.ช.ไปสอบพยานเพิ่มเติมและรวบรวมเรื่องส่งให้ อสส.ฟ้องคดีได้

ยัน 25 ธค.นี้ยังไม่สรุปแน่นอน
     ผู้สื่อข่าวถามว่า ป.ป.ช.ยืนยันว่าการประชุมครั้งหน้าต้องเป็นครั้งสุดท้ายที่จะสรุปทุกอย่าง นายวุฒิพงศ์กล่าวว่า รอดูก่อน อาจจะไม่จบแค่นั้นก็ได้ เราพยายามให้เสร็จโดยเร็ว เพราะสังคมจับตาดูอยู่ 
     เมื่อถามว่า ในการประชุมครั้งหน้าจะไปด้วยตัวเองหรือไม่ นายวุฒิพงศ์กล่าวว่า คงไม่ไปด้วยตัวเอง เพราะประเด็นที่ต้องการนำเสนอจบไปแล้ว อาจส่งอธิบดีอัยการพิเศษ ซึ่งเป็นกรรมการในคณะทำงานฝ่าย อสส.ดำเนินการแทน

สมชัยลั่นมค. 58 สรุปฟ้องล้มเลือกตั้ง
     นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวกรณีการฟ้องเรียกค่าเสียหาย 3 พันล้านบาทจากบุคคลที่ทำให้การเลือกตั้งส.ส. เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2557 เป็นโมฆะว่า ปลายม.ค.2558 จะรู้ว่าจะฟ้องกี่ฝ่ายและกี่ราย โดยจะพิจารณาจากปัญหาที่เกิดขึ้นว่าใครเป็นเหตุทำให้การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. เป็นโมฆะ ฝ่ายกฎหมายมีรายชื่อว่าใครเกี่ยวข้องบ้างและความเสียหายจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.ความเสียหายจากทรัพย์สินที่ถูกทำลาย เช่น อาคารสถานที่ รถยนต์ อุปกรณ์ต่างๆ อันนี้จะมีผู้กระทำผิดโดยตรงมีมูลค่าความเสียหายไม่มาก 2.ความเสียหายจากค่าใช้จ่ายจัดการเลือกตั้งวงเงินเกือบ 3 พันล้านบาท ตรงนี้จะดูจากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่สั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะว่ามีสาเหตุจากอะไร ใครเป็นสาเหตุ 
      "เมื่อมีรายชื่อผู้ที่จะถูกฟ้องร้อง สำนักงาน กกต.จะส่งเรื่องมาให้กกต.ทั้ง 5 คนลงมติ จากนั้นส่งเรื่องต่ออัยการ ถ้าอัยการเห็นด้วยก็ส่งฟ้องร้องต่อศาลเป็นคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายนำเงินกลับเข้าสู่รัฐ คาดว่ากระบวนการไต่สวนยังอีกนาน ส่วนใครที่คิดจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก กกต.ก็ต้องทำเรื่องส่งอัยการเช่นเดียวกัน" นายสมชัยกล่าว 
     เมื่อถามว่าที่ผ่านมา กกต.ไม่ได้มองว่าตัวเองมีส่วนผิดเลยใช่หรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า เราทำหน้าที่ของเรา เรารับเงินมาดำเนินการจัดการเลือกตั้งแล้วเกิดปัญหาอุปสรรค ส่วนกระแสที่ตีกลับมายังกกต.นั้น เห็นว่าไม่เกี่ยว เราเดินหน้าทำงาน ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น และเรื่องนี้สำนักงานกกต.เป็นผู้เสนอมา เคยเสนอมาครั้งหนึ่งแล้วแต่ข้อมูลไม่ครบถ้วนจึงให้นำกลับไปแก้ไขเพิ่มเติมและตนก็เป็นเพียง 1 ใน 5 เสียงเท่านั้น 

เลขาฯกกต.ชี้เป็นคดีละเมิด
      นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นกรณีละเมิด เป็นคดีที่ต้องเรียกเงินคืน ซึ่งกกต.ต้องดำเนินการเพราะหากไม่ดำเนินการกกต.และมีใครไปฟ้อง กกต.จะต้องถูกฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้
     นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้สำรวจว่าอำนาจของกกต.มีหรือไม่ หากเขาเชื่อว่าเขามีอำนาจก็แล้วแต่เขา ก็เดินหน้าไป ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเถียงกันว่ามีอำนาจหรือไม่ ทุกคนเวลาจะทำอะไร ถ้าเชื่อว่าตนเองมีอำนาจและอยากจะทำก็ทำไป แล้ววันหนึ่งพอต้องฟ้องก็ไปที่ศาล หากศาลตีความว่าไม่มีอำนาจก็จบ แต่จะทำอะไรก็ตามต้องทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน คำนึงถึงความสงบเรียบร้อยด้วย หน้าที่การปรองดองมันไม่ใช่ของรัฐบาล หรือคสช. ทุกคนต้องช่วยกัน

ผบ.สส.ตรวจแถวมอบนโยบายทอ.
      เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) ดอนเมือง พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส. ตรวจเยี่ยมและมอบโยบายการทำงานของกองทัพอากาศอย่างเป็นทางการในโอกาสรับตำแหน่งใหม่ โดยมี พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ. และคณะนายทหารระดับสูงของ ทอ.ให้การต้อนรับ
      พล.อ.อ.ตรีทศ กล่าวว่า ผบ.สส.มาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบาย ส่วนการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของ ทอ.เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ที่จะพัฒนากองทัพให้ทันสมัย ซึ่ง ทอ.คิดว่าสิ่งใดที่ขาดแคลนหรือจำเป็นก็จะดำเนินการตามกรอบงบประมาณที่ ทอ.ได้มา 
      พล.อ.อ.ตรีทศ กล่าวถึงแนวโน้มสถานการณ์บ้านเมืองในปี 2558 ว่า การทำงานของ คสช.และรัฐบาลไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะทุกอย่างกำลังเดินไปได้ด้วยดีตามโรดแม็ป ทั้งเศรษฐกิจและปรองดอง คิดว่าสถานการณ์ขณะนี้และในปี 2558 ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ขอให้ประชาชนช่วยเป็นกำลังใจให้รัฐบาลและคนทำงาน เพื่อมีกำลังใจทำงานมากขึ้น

'บิ๊กตู่'ลองนั่งรถไฟเร็วสูงจีน
      เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 ธ.ค. ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 22-23 ธ.ค. ได้ไปเยี่ยมชมศูนย์ควบคุมรถไฟแห่งประเทศจีน 
     โดยพล.อ.ประยุทธ์สนใจสอบถามการบริหารจัดการควบคุมรถ เช่น การให้บริการประชาชนกับภาคการขนส่งที่แยกออกจากกัน รวมถึงหากไทยจะพัฒนารถไฟปัจจุบันให้เป็นรถไฟความเร็วปานกลาง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะกระทบกับการเดินรถเดิมหรือไม่ ซึ่ง เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมรถไฟแห่งประเทศจีนยืนยันว่าดำเนินการได้
     จากนั้นนำคณะทดลองนั่งรถไฟความเร็วสูง จากรถไฟทางใต้แห่งกรุงปักกิ่ง ไปยังนครเทียนจิน ระยะทาง 120 กิโลเมตร ใช้เวลา 30 นาที ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ หารือกับนายหู โฮ่วคุน รองประธานกรรมการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี 
     ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เผยภายหลังการหารือว่า นายหู โฮ่วคุน ประทับใจวิสัยทัศน์กว้างไกลของนายกฯ ในการขับเคลื่อนให้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตอล และยินดีร่วมมือกับไทยและบริษัทชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เพื่อวางนโยบาย กำหนดแผนงานให้เทคโนโลยีสารสนเทศไทยพัฒนาทั้งเชิงโครงสร้างพื้นฐาน การบริหารจัดการและระบบการจัดเก็บข้อมูล
    ต่อมาพล.อ.ประยุทธ์และคณะเข้าเยี่ยมคารวะนายจาง เต๋อเจียง ประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีน และเข้าเยี่ยมคารวะนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ก่อนเดินทางกลับถึงประเทศไทยในเวลา 22.00 น.

อนุมัติกต.ลงนามต้านก่อการร้าย
      เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า ครม.เห็นชอบตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ขอลงนามให้สัตยาบันในอนุสัญญาบีมเทคว่าด้วยความร่วมมือด้านการต่อต้านก่อการร้ายสากล อาชญากรข้ามชาติและการลักลอบค้ายาเสพติด โดยมอบให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ให้สัตยาบันในอนุสัญญา
     มีสาระสำคัญเรื่องพันธกรณีระหว่างรัฐที่เป็นภาคีให้ความช่วยเหลือกันในการป้องกัน สืบสวน ดำเนินคดี ป้องกันปราบปรามการก่อการร้ายสากล อาชญากรรมข้ามชาติ และการลักลอบค้ายาเสพติด ซึ่งอนุสัญญาดังกล่าวผ่านการประชุมหารือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแล้ว และสอดคล้องกฎหมายของไทย คือพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 และกฎหมายของต่างประเทศ คือ อนุสัญญาของสหประชาชาติ อาทิ การต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ การต่อต้านการค้ายาเสพติดอยู่แล้ว จึงไม่ต้องออกกฎหมายใหม่

คาดปี 58 สรุปโกงสนามฟุตซอล
    เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. กล่าวถึงผลการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงในคดีการจัดซื้อจัดจ้างสนามฟุตซอลนัดแรกเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ในที่ประชุมมีนายประสาท พงษ์ศิวาภัย และนายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะอนุกรรมการไต่สวน พร้อมผู้เกี่ยวข้องจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และหน่วยงานอื่นๆ หารือเพื่อวางกรอบการทำงานในการไต่สวนข้อเท็จจริง รวมถึงมอบหมายส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อไปหาพยานหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติม 
      นายสรรเสริญ กล่าวว่า การทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงานครั้งนี้ เป็นการบูรณาการคาดว่าจะทำให้การไต่สวนมีความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จากเดิมเมื่อ ป.ป.ช.รับคดีเอาไว้ไต่สวนมักใช้เวลานานกว่าจะสามารถชี้มูลได้ เช่นใน จ.นครราชสีมา ที่มีโรงเรียนกว่า 50 แห่งที่ถูกกล่าวหา หาก ป.ป.ช.ต้องไล่บี้ทุกโรงเรียน คงใช้เวลามาก แต่การไต่สวนโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท) ซึ่งรับผิดชอบในพยานหลักฐานเบื้องต้น หรือแม้แต่ สตง.ที่ดูแลในส่วนของเส้นทางการเงิน ก่อนจะส่งมาให้ ป.ป.ช.และเมื่อ ป.ป.ช.พบความผิดปกติของโรงเรียนก็สามารถวินิจฉัยได้ว่าโรงเรียนที่เหลือคงดำเนินการในรูปแบบเดียวกัน คาดว่าน่าจะรู้ผลความคืบหน้าคดีและสรุปภายในปีหน้า 
      รายงานข่าวเปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนเรื่องดังกล่าวได้แบ่งคณะทำงานออกไต่สวนเป็น 3 พื้นที่ ได้แก่ จ.นครราชสีมา มุกดาหาร และอำนาจเจริญ โดยใช้ข้อมูลที่ สตง.กับป.ป.ท. ดำเนินการสอบสวนเบื้องต้นมาแล้วเป็นหลัก ดังนั้นการไต่สวนและสรุปเรื่องนี้เบื้องต้นให้เวลา 3 เดือน และสรุปรายงานความคืบหน้าให้ที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ทราบ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!