WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8794 ข่าวสดรายวัน


เปิดอ้าซ่า-นายกฯ คนนอก สรรหา 200 สว. 
มีอำนาจสอบ'รมต.-ขรก.กมธ.สรุปร่างรธน.ใหม่ อจ.ชี้ปัดฝุ่นระบอบเปรม'บิ๊กตู่งแถลงผลงาน'3 ด.'ปปช.ยอมสอบเพิ่มคดีปู


อัดฉีด - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หยอกล้อจับเครา กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ประตูทีมชาติไทยชุดแชมป์ อาเซียนคัพ ระหว่างยกทีมนักเตะเข้ารับเงินอัดฉีดรวม 15 ล้านบาท ทำเนียบรัฐบาล

      ยกร่างรธน.เปิดอ้าซ่า คนนอกเสียบนายกฯ กมธ.สรุปสรรหาทั้งหมด 200 ส.ว.พร้อมเพิ่มอำนาจ สอบคุณสมบัติรมต.-หน. ส่วนราชการ นักวิชาการจวกพาถอยหลัง 36 ปี ย้อนยุคครึ่งใบ ปัดฝุ่นระบอบ'เปรม'ชี้ถือว่าเสียเปล่า 'บิ๊กตู่'นำทีมรองนายกฯ แถลงผลงาน 3 เดือน ฉุนขรก.เกียร์ว่าง จี้เร่งทำงาน โต้ข้อกล่าวหาคสช. ยันไม่เป็นความจริง สมชัยยันลุยฟ้องทำ 2 ก.พ.โมฆะ สวนไม่อยากให้ฟ้อง ก็ไปนิรโทษพวกล้มเลือกตั้ง ป.ป.ช.ยอมสอบเพิ่ม พยานคดีข้าว 'ปู'

'บิ๊กตู่'นำทีมแถลงผลงาน
     เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงผลงานรัฐบาลรอบ 3 เดือน โดยนายกฯ เป็นผู้นำแถลงภาพรวมประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นรองนายกฯแต่ละฝ่ายร่วมแถลงผลงานคนละ 10 นาที ประกอบด้วย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล นาย ยงยุทธ ยุทธวงศ์ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร นายวิษณุ เครืองาม 
     อย่างไรก็ดี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ไม่ได้เข้าร่วมแถลงผลงานในครั้งนี้ เนื่องจากติดภารกิจ นำ ผบ.เหล่าทัพ เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปที่ประเทศกัมพูชา จึงมอบให้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นผู้แถลงแทน ทั้งนี้มีการแจกหนังสือสรุปผลงานรัฐบาลรอบ 3 เดือน ความหนา 63 หน้า และสมุดรวบรวมของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนประกอบการแถลงด้วย

จี้ข้าราชการเร่งทำงาน
      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลทั้งนโยบาย ขับเคลื่อน และผู้ปฏิบัติ ทั้ง 3 ส่วนต้องทำงานสอดคล้องกัน เดินหน้าตามโรดแม็ปสู่การเลือกตั้ง ยืนยันว่าตนไม่ต้องการยืดเวลา คิดว่าที่เราทำมา 3 เดือนยังไม่เป็นที่พอใจที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคงในอนาคต จึงต้องช่วยกันทำ แต่อย่าโยนทุกเรื่องมาที่ตน ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน วันนี้ขอให้ส่วนราชการลดอัตตาลง ทำงานร่วมกันให้ได้ การใช้งบฯโปร่งใส ตรวจสอบ วันนี้อย่ากังวลว่าเราจะใช้อำนาจโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนหรือชื่อเสียงประเทศชาติจากสายตาคนภายนอก เราจำเป็นต้องแก้ปัญหาประเทศให้ได้เพื่อยืนหยัดในเวทีนานาชาติได้ในอนาคต ถ้าไม่เริ่มวันนี้วันหน้าก็ไปไม่ได้
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้บ้านเมืองสงบสุขพอสมควร แต่สิ่งที่เป็นต้นเหตุขัดแย้งยังคงมีอยู่ ไม่ว่าบุคคล อาวุธสงคราม ถ้าตราบใดสิ่งเหล่านี้ยังไม่ยุติ กระบวนการยุติธรรมยังไม่สิ้นสุดก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เช่นเดิม ตนเพียงแต่รักษาสถานภาพไว้ แต่ยังเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตยในอนาคต ซึ่งปัญหาไม่ได้อยู่ที่ระบบ ที่รัฐธรรมนูญ แต่ปัญหาอยู่ที่คนว่าจะใช้กฎหมายให้เกิดความสงบสุขได้อย่างไร ต้องขอร้องข้าราชการบางคนที่ทำงานแบบรอเวลา ไม่ยอมทำอะไรเพราะคิดว่าอีกไม่นานรัฐบาลนี้ก็ไปแล้ว คิดอย่างนี้ไม่ใช่คนไทย ซึ่งตนจะมีวิธีตรวจสอบ ข้าราชการต้องไม่นิ่งนอนใจ มีความเห็นต่างได้แต่ต้องยึดประเทศเป็นหลัก ไม่ทำให้ประชาชนแบ่งแยกเป็นฝักฝ่าย ขอร้องว่าอย่ารอเวลา ถ้าเราปล่อยเวลาอีกต่อไป ไทยจะกลายเป็นประเทศที่ล้มเหลว 

ยันข้อกล่าวหาคสช.ไม่เป็นจริง
      "ข้อกล่าวหาที่มีต่อคสช. ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เงินสลึงเดียวพวกผมไม่เคยได้ ผมไม่มีต้นทุนในการทำงาน ไม่ได้เสียเงินแม้สลึงเดียว จึงไม่ต้องการนำกำไรกลับไป ยืนยันว่าพวกเราทุกคนทำงานด้วยความตั้งใจ ผมเอาชีวิตเข้ามา ถ้าสิ่งที่ผมทำในวันที่ 22 พ.ค.จัดระเบียบไม่ได้ ผมก็กลายเป็นกบฏ แล้วผมได้อะไรขึ้นมา ผมปล่อยไปไม่ได้ เพราะสงสารลูกหลานในอนาคต" พล.อ. ประยุทธ์กล่าว
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าไม่เคยขัดแย้งกับใคร แต่เข้ามาเพื่อระงับความขัดแย้งและอันตรายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งกระบวนการยุติธรรมต้องไล่ออกมาให้ได้ ทำทุกอย่างให้ชัดเจนในช่วงรัฐบาลนี้ พร้อมรับฟัง บางคืนฟังจนนอนไม่หลับ อย่างเมื่อคืนไม่ได้นอนสักชั่วโมง เพราะคิดว่าทำอย่างไรให้คนทั้งประเทศเข้าใจ ให้ข้าราชการเข้าใจ ถ้าทุกคนยังตั้งแง่สร้างความขัดแย้งมันก็ไปไม่ได้ เราจึงต้องเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง วางโรดแม็ปไปข้างหน้า ปัญหาจะได้รับการแก้ไข

ขู่ปิดหนังสือพิมพ์
      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา การทำงานของกระบวนการยุติธรรม ไม่เคยก้าวก่ายหรือมีคำสั่งใดๆ แต่ทุกคดีจะต้องมีความชัดเจนในอีก 3 เดือนข้างหน้า ใครผิดใครถูกต้องไปหาข้อมูลมา ขณะเดียวกันกระบวนการปฏิรูปก็ทำมา แต่อย่าเอาทุกอย่างมาเป็นประเด็นตีกันทั้งหมด ส่วนสื่อ ก็ต้องปรับปรุงตัวเองซึ่งเป็น 1 ในหัวข้อการปฏิรูป มีหน้าที่เสนอข้อเท็จจริง วิจารณ์ความเห็นที่เป็นประโยชน์ งดการให้ร้าย เป็นสื่อในเชิงสร้างสรรค์ ทำให้ตนแค่นี้ได้หรือไม่ 
      "เดี๋ยวผมจะแจ้งเรื่องไปยังสมาคมสื่อ ดูว่าไอ้หนังสือพิมพ์บางฉบับที่เขียนอยู่ทุกวัน ซึ่งผมทนมานานแล้ว ติติงมันได้ทุกเรื่อง ทุกหน้ากระดาษ มันเป็นอะไร มันบ้าหรืออย่างไร ไม่ว่าใครเป็นก็ด่าเขาทั้งหมด มันดีตรงไหนวะ ไอ้เจ้าของก็จะติดคุกตายมิตายแหล่อยู่แล้ว ผมไม่ได้อยากจะอุดหนุนหนังสือฉบับนี้ แต่เขาซื้อมาให้อ่าน ผมก็ไม่อยากอ่าน อ่านแล้วมันโมโห มันทำให้เสียกิริยา เสียมาดผู้นำหมด ขี้โมโห แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร พูดอย่างนี้พรุ่งนี้ผมก็โดนสวนกลับมาอีก แต่คราวนี้ผมจะปิดจริงๆ ปล่อยไม่ได้ ลามปามไปเรื่อย ไม่เช่นนั้นแล้วผมจะเป็นไปทำไม จะมีกฎอัยการศึกไว้ทำไม เรามีไว้เพื่อให้เกิดความสงบ มีไว้ในเชิงสร้างสรรค์" นายกฯ กล่าว

ยัน ม. 44 มีไว้ใช้เชิงสร้างสรรค์
     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 44 มีไว้ใช้ในเชิงสร้างสรรค์ ตนยังไม่เคยเอาใครมาติดคุกหรือมายิงเป้าสักคน เลยเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย ซึ่งตนถือว่าถ้ายังทำให้เกิดความขัดแย้งอยู่ เช่น ปีใหม่ยังมีเรื่องเหตุการณ์ มีการลอบทำร้ายและคดีความ ตนบอกฝ่ายกฎหมายดำเนินคดีทันทีใช้กฎอัยการศึก ใช้กฎหมายทหารทุกฉบับ ถือว่าคนทั้งประเทศกำลังมีความสุข ยังจะมาทำเช่นนี้ไม่ได้ เจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวัง เกิดเหตุในพื้นที่ใครแล้วยังหาคนทำผิดไม่ได้โดน ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ ตำรวจยังจับตำรวจด้วยกันได้ ปีใหม่จะต้องไม่มีเหตุ ข้าราชการทั้งหมดต้องรับผิดชอบความปลอดภัยทั้งหมด อย่าปัดภาระให้ความมั่นคงอยู่ที่ทหารตำรวจอย่างเดียวไม่ได้ 
      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า สำหรับการแก้ปัญหายางพารา รัฐบาลตั้งงบเข้าไปช่วยเหลือเกือบแสนล้าน แต่งบกลับออกไม่ได้ อ้างติดระเบียบต่างๆ วันนี้ต้องจ่ายให้ได้ ถ้าจ่ายไม่ได้ มีเรื่องอีก ถ้าทำไม่ทันก็โดน ถ้าทุจริตก็ต้องออก คนเป็นผู้บริหารเป็นข้าราชการระดับสูง ต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น 

ลั่นทุกกระทรวงต้องทำตามเป้า
      นายกฯ กล่าวว่า เมื่อใดที่เรามีเสรีภาพ จะว่าใครก็บอกเป็นเสรีภาพ อย่างนั้นไม่ใช่ คนเราต้องเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตนเป็นนายกฯแล้วไม่มีสิทธิหรือ ต้องอดทนทุกอย่างเพราะเป็นนายกฯหรืออย่างไร ต้องวิจารณ์ในสิ่งที่เหมาะสม ขอถามว่าประเทศอื่นมีหรือไม่ โซเชี่ยลมีเดียแบบนี้ 
      "ภายใน 3 เดือนหลังจากนี้ ผมจะกำหนดเป้าหมายว่าจะเป็นอย่างไร ทุกกระทรวงก็ต้องทำให้ได้ ไม่ใช่แค่โหมประโคมกันเท่านั้น วันนี้สิ่งที่ต้องทำคือแก้ปัญหาระยะสั้น ระยะยาวอย่างยั่งยืนส่งต่อรัฐบาลต่อไป ใครจะทำทำไป จะมีกฎหมายให้ เขาทำได้ให้ว่ามา จะองค์กรไหนไปทำให้เขียนมา จะเขียนตรงไหนผมไม่รู้ อย่างไรผมก็ไม่อยู่ด้วยอยู่แล้ว ไม่ไหว เมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 บ้านผมร้องไห้กันทั้งบ้าน ซึ่งผมไม่ได้บอกใคร มาบอกพี่ๆ ทีหลังทั้งนั้น แต่มันไม่ได้ วันหน้าเกษียณไปก็โดนด่าตายว่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันที่ 26 ธ.ค. จะลงพื้นที่จ.พังงา เพื่อร่วมรำลึกครบรอบเหตุการณ์สึนามิ และตรวจเยี่ยมน้ำท่วม วันที่ 28 ธ.ค. จะปั่นจักรยานรอบเกาะรัตนโกสินทร์ และกำลังเสนอความคิดว่าจะทำทางเลียบ แม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่ง เพราะคนไปไม่ถึงแม่น้ำ ต้องผ่านโรงแรมและอาคารต่างๆ จะทำสะพานยื่นลงไปในน้ำ ซึ่งจะต้องไปตั้งงบประมาณ เพื่อให้คนได้ปั่นจักรยานกัน

อุ๋ยลั่นเศรษฐกิจฟื้นต่อเนื่อง
      ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ แถลงผลงานด้านเศรษฐกิจว่า รัฐบาลบริหารเศรษฐกิจให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ขยายตัวได้ 3% คาดว่าทั้งปี 2557 จีดีพีจะขยายตัวได้ 1% ทั้งนี้ เศรษฐกิจในปี 2558 จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและมั่นใจว่าจะขยายตัวได้ดีโดยในไตรมาสที่ 1 ไม่ต่ำกว่า 4% และทั้งปีจะขยายตัวได้ 4.5% เนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐและการลงทุนดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในการเบิกจ่ายงบลงทุนด้านการคมนาคมขนส่ง 1 แสนล้านบาท และยังมีโครงการขนาดใหญ่ที่จะประมูลและทำสัญญาในปี 2558 อีกหลายโครงการ เช่น โครงการรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต รังสิต-ธรรมศาสตร์ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มีนบุรี-ศูนย์วัฒนธรรม และศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน ส่วนปัจจัยเสี่ยง ได้จับตาดูอยู่หลายเรื่อง อาทิ ราคาน้ำมัน จึงขอเวลาอีก 2 เดือนจะประเมินผลกระทบได้ชัดเจนขึ้น


บวงสรวง - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม บวงสรวงและร่วมพิธีสวดมนต์นพเคราะห์ ที่บริเวณศาลหลักเมือง โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ร่วมพิธีด้วย เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.

     รองนายกฯกล่าวว่า ส่วนการแก้ปัญหาเรื่องยางพารา ที่ผ่านมาการจ่ายเงินให้กับชาวสวนยางยังล่าช้า จ่ายไปได้เพียง 19,000 รายเศษ เป็นเงินที่จ่ายแล้ว 190 ล้านบาท เนื่องจากขั้นตอนการลงทะเบียนและตรวจสอบทำได้ล่าช้ามาก ทั้งนี้ จะเร่งดำเนินการในส่วนที่เหลือภายใน 2 สัปดาห์เพื่อให้เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับชาวสวนยาง ซึ่งราคายางแผ่นดิบชั้น 3 ขณะนี้อยู่ที่ 58 บาทต่อกิโลกรัม มั่นใจว่าราคาจะเพิ่มเป็น 60 บาทต่อก.ก.ได้ภายในปีนี้ 

'บิ๊กเจี๊ยบ'ยันตปท.เชื่อมั่นไทย
      ด้านพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รอง นายกฯและรมว.ต่างประเทศ แถลงผลงานด้านการต่างประเทศว่า การสร้างความเชื่อมั่นเราทำทั้งในและนอกประเทศ ร่วมมือกับทุกกระทรวง ยืนยันว่าวันนี้ประเทศไทยอยู่อย่างมีเกียรติ ได้รับความยกย่องเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับ หลายประเทศให้ความมั่นใจ และสนับสนุนให้การพัฒนาเป็นไปตามแผนงาน วันนี้ไม่ว่านายกฯจะไปประเทศใดต่างได้รับเกียรติ และในปี 2558 จะมีผู้นำต่างชาติมาเยือนไทยอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับหลายประเทศ และอะไรที่เราเสนอทุกคนต่างขานรับอย่างดี
     พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาการก่อการร้าย รัฐบาลได้ร่วมแลกเปลี่ยนข่าวสารกับต่างประเทศส่งกำลังพลไปตามความเหมาะสม ส่วนปัญหาการค้ามนุษย์ค่อนข้างได้รับการชื่นชมจากหลายประเทศ ส่วนจะอยู่ในระดับความน่าเชื่อถือเท่าใดนั้นไม่สำคัญ เพราะเรื่องนี้อยู่ที่ความมั่นคง และอนาคตจะเร่งแก้ไขปัญหาต่อไป 

ยงยุทธ แจงเร่งแก้ค้ามนุษย์
    นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯ แถลงผลงานด้านสังคมว่า งานด้านการพัฒนาสังคม ได้ประกาศให้การป้องกันและแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ เป็นวาระแห่งชาติ ให้ทุกส่วนราชการบูรณาการข้อมูล และยังได้รับความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบปัญหา โดยเฉพาะการคัดแยกเหยื่อจากการค้ามนุษย์ รวมถึงป้องกันและแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ เพื่อให้ไทยกลับสู่กลุ่มบัญชีเทียร์ 2 
      นายยงยุทธ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้รัฐบาลยังนำเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาคนพิการ เพิ่มเบี้ยคนพิการจากเดือนละ 500 บาทเป็น 800 บาท ส่วนงานด้านการศึกษา เน้นส่งเสริมการสร้างค่านิยม 12 ประการ และปลูกฝังค่านิยม'บัณฑิตไทยไม่โกง'สอดแทรกหลักคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลรวมทั้งการมีจิตอาสาให้แก่นักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา 

'บิ๊กป๊อก'เร่งลดเหลื่อมล้ำ
      ล.อ.อนุพงษ์ แถลงผลงานในด้านความมั่นคงว่า รัฐบาลให้ความสำคัญส่งเสริมประชาชนให้มีอาชีพมั่นคงตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จัดที่ทำกินสำหรับเกษตรกรผู้ยากไร้ ช่วยเหลือภัยแล้ง ซึ่งนายกฯ กำหนดว่าปีต่อๆไปจะต้องไม่มีพื้นที่แล้งซ้ำซาก ขณะนี้มี 12 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั่วประเทศ หรือ 9,000 หมู่บ้านที่ไม่มีน้ำชลประทานและน้ำประปา ซึ่งเราพยายามแก้ไขอยู่ ขณะที่การลดความเหลื่อมล้ำ กระทรวงมหาดไทยตั้งศูนย์ดำรงธรรมทั้งระดับจังหวัด ระดับอำเภอ ขณะนี้มีประชาชนใช้บริการมากถึง 3 แสนกว่าเรื่อง ส่วนใหญ่แก้ไขไปแล้ว ส่วนปัญหาซับซ้อนก็ต้องใช้เวลา 
      พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ได้สั่งระดับอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ทำงานบูรณาการร่วมกัน โดยวันที่ 27 ธ.ค.จะเน้นย้ำผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดเพื่อขับเคลื่อนใน เรื่องนี้ เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นการประเมินของต่างชาติที่จะส่งผลต่อการกดดันด้านต่างๆ ในด้านการปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือเป็นหน้าที่สำคัญของรัฐบาล ส่วนการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่อสถาบันนั้น รัฐบาลได้ชี้แจงถึงข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถาบัน พระราชกรณียกิจที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน

'วิษณุ'เผยเน้นออกกม.คุณภาพ
      นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ แถลงผลงานด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมว่า รัฐบาลจำเป็นต้องมีกฎหมายเพื่อเป็นเครื่องมือดำเนินงานตามนโยบาย 11 ด้าน ต้องออกกฎหมายมารองรับทั้งหมด 63 ฉบับ ซึ่งรัฐบาลเสนอกฎหมายเข้าสนช.ประกาศใช้แล้ว 13 ฉบับ อยู่ในสนช.อีก 12 ฉบับ ส่วนที่ยังค้างอยู่ในแต่ละกระทรวงอีก 38 ฉบับ อย่างไรก็ตาม กฎหมายที่รัฐบาลเสนอไปนั้นมีทั้งตามนโยบายและนอกนโยบาย แต่เป็นกฎหมายที่ต้องพิจารณาให้แต่ละกระทรวงซึ่งรวมแล้วมี 71 ฉบับ ผ่านเป็นกฎหมายแล้ว 49 ฉบับ อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภา 22 ฉบับ อยู่ที่กฤษฎีกา 62 ฉบับ อยู่ระหว่างกระทรวงยกร่าง 143 ฉบับ ซึ่งนายกฯไม่ได้ตั้งเป้าที่ปริมาณแต่เน้นกม.ที่มีคุณภาพ
      นายวิษณุ กล่าวว่า สำนักงานก.พ.ได้ออกกฎหมายเพื่อปรับเงินเดือนให้กับข้าราชการชั้นผู้น้อยที่รัฐบาลได้พิจารณากฎหมาย 6 ฉบับ จะเกี่ยวข้องปรับเงินเดือนแก่ข้าราชการครู ข้าราชการพลเรือน อาจารย์มหาวิทยาลัย ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการทหาร ข้าราชการรัฐสภา โดยกฎหมายจะเข้าสภาในเดือนม.ค. 2558 ให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่ 1 ธ.ค. 2557 นอกจากนี้ก.พ.ได้พิจารณาโดยความเห็นชอบของนายกฯแล้วว่าต้องออกหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการให้เป็นธรรม ปราศจากการแทรกแซงจากนักการเมือง ปลอดการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง ส่วนก.พ.ร.นั้นได้ผลักดันออกพ.ร.บ.อำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการขออนุญาตอนุมัติจากทางราชการ ซึ่งถือเป็นกฎหมายที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย

สปช.จ่อคลอดผลงานใน 2-3 เดือน
      รองนายกฯกล่าวว่า ช่วง 3 เดือน 13 วันของรัฐบาลนี้ได้ทำสิ่งที่ติดค้างเกือบปีได้คลี่คลายคือ การเพิ่มอำนาจและรายได้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และในอีก 3 เดือนข้างหน้ามีกฎหมายสำคัญเข้าสภาคือ กฎหมายการปรับเงินเดือนข้าราชการ 6 ฉบับ กฎหมายการชุมนุมสาธารณะ กฎหมายการตั้งกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ 
     "คาดว่า 2-3 เดือนจากนี้จะมีผลงาน ของสปช.ออกมา เช่น เรื่องปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การปฏิรูปการศึกษา การปฏิรูประบบราชการออกมา ซึ่งรัฐบาลก็เตรียมตั้งรับข้อเสนอเหล่านั้น หากตรงกับนโยบายรัฐบาลก็ดำเนินการ แต่หากต้องศึกษาต่อก็จำเป็นต้องทำ ส่วนการสร้างปรองดองนั้นเป็นภารกิจของรัฐบาล ทั้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และการปรองดองระดับชาติ ซึ่งในระดับชาตินั้นรัฐบาลจะทำโดยแก้ปัญหาที่เป็นรากฐาน ไม่ใช่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งการพูดถึงเรื่องนิรโทษกรรมนั้นอาจพูดถึงปลายเหตุ ไม่ใช่ว่าจะทำหรือจะไม่ทำ แต่ต้องพิจารณาโดยรอบคอบ นอกจากนี้จะต้องแก้ปัญหายากจน สองมาตรฐาน ข้าราชการรังแกเอาเปรียบประชาชน ไม่รักษากฎหมาย หากแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เชื่อว่าจะเกิดความปรองดอง สมานฉันท์ขึ้นในประเทศได้"นายวิษณุกล่าว

'บิ๊กป้อม'แจงขันนอตรมต.
      ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.อ. ประยุทธ์แต่งตั้งให้ติดตามการทำงานของรัฐมนตรีว่า ไม่ได้ไปตรวจสอบการทำงานของรัฐมนตรี แต่ไปขับเคลื่อนและติดตามงานว่าติดขัดอะไร ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ประชุมคณะทำงาน แต่คิดว่ารัฐมนตรีทุกคนทำงานตามหน้าที่อย่างดีอยู่แล้ว และเข้มงวดต่อการปฏิบัติงาน แต่อาจมีบางอย่างที่หลงลืม จำเป็นต้องเรียนให้รัฐมนตรีนั้นทราบ รวมถึงรายงานให้นายกฯทราบเป็นระยะด้วย ส่วนการแถลงผลงานรัฐบาลในวันนี้ พอใจงานด้านความมั่นคง ส่วนที่ยังมีกระแสต่อต้านอยู่นั้น ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจรัฐบาลและคสช.ที่เข้ามาทำงานด้านความมั่นคง 
      พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)กล่าวว่า ผลการปฏิบัติของกอ.รมน. ในปีงบประมาณ 2557 ตรวจพบเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน 907 เว็บไซต์ ประสานกระทรวง ไอซีทีปิดไปแล้ว 392 เว็บไซต์ ที่เหลืออยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อปิดต่อไป ผู้ใดตรวจพบเห็นกรณีที่เข้าข่ายดังกล่าว แจ้งสายด่วน 1212 หรือ 1111

'กมธ.ชงเพิ่ม'อำนาจ-จำนวนส.ว.
     ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ถึงผลการพิจารณาที่มาของสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ว่า ที่ประชุมมีฉันทามติให้ส.ว.มีจำนวนไม่เกิน 200 คน คัดเลือกจาก 5 ช่องทาง คือ 1.เป็นอดีตอำนาจอธิปไตย ทั้ง 3 อาทิ อดีตนายกฯ อดีตประธานสภา ผู้แทนราษฎร 2.อดีตข้าราชการสำคัญ อาทิ อดีตผู้บัญชาการเหล่าทัพ อดีตปลัดกระทรวง 3.มาจากประธานองค์กรวิชาชีพที่กฎหมายรองรับ เช่น ประธานหอการค้าไทย ประธานสภาอุตสาหกรรม 4.กลุ่มภาคประชาชน เช่น สหภาพต่างๆ องค์กรภาคประชาชน และ 5.คัดสรรจากกลุ่มวิชาชีพที่หลากหลาย โดยใช้วิธีเลือกตั้งทางอ้อม เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญปี 2489 
    นายคำนูณ กล่าวว่า ทั้งนี้ ส.ว.ยังคงมีอำนาจเสนอกฎหมายต่างๆ และกฎหมายการปฏิรูปประเทศ แต่ได้เพิ่มอำนาจการตรวจสอบประวัติผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ก่อนนายกฯจะนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม รวมถึงตรวจสอบประวัติจริยธรรมของหัวหน้าส่วนราชการทุกส่วน ก่อนเปิดเผยต่อสาธารณะ และยังมีอำนาจถอดถอนนายกฯ รัฐมนตรี ส.ส. ส.ว.และหัวหน้าส่วนราชการทุกส่วนเช่นเดิม แต่ให้ใช้เสียงถอดถอนเกินกึ่งหนึ่งของ 2 สภา คือ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา แต่ที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งของสมาชิกวุฒิสภา ส่วนวาระของส.ว. หารือกันว่าส.ว.ไม่ควรอยู่ยาวและควรมีวาระ 3 ปีเท่านั้น ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะหารือกันอีกครั้ง


เตือนสติ - พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.พระนครศรีอยุธยา และนายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ นายกอบต.บ้านใหม่ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ติดตั้งป้ายเตือนสติและอวยพรผู้ที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงปีใหม่ ผ่านเส้นทางสายเอเชีย เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.

สรุปเปิดช่องนายกฯคนนอก
      นายคำนูณ กล่าวว่า ส่วนที่มาของนายกฯ ได้ข้อสรุปแล้วว่า นายกฯ จะมีที่มาเหมือนเดิมกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 172 คือมาจากการเสนอชื่อโดยสภาผู้แทนราษฎร และให้ประธานสภา เป็นผู้นำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง ทั้งนี้ จะไม่บังคับให้นายกฯ ต้องมาจาก ส.ส.หรือต้องสังกัดพรรคการเมือง เพื่อเปิดช่องให้มีนายกฯมาจากบุคคลภายนอกเมื่อเกิดเหตุวิกฤตทางการเมืองเหมือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ แม้จะไม่ได้กำหนดให้นายกฯ ต้องมาจากส.ส.เท่านั้น โดยธรรมชาติและตรรกะทั่วไป เมื่อบัญญัติว่าให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงมติเลือก นายกฯ และให้ประธานสภา เป็นผู้นำความขึ้นกราบบังคมทูล โดยทั่วไปนายกฯน่าจะมาจาก ส.ส.
    เมื่อถามถึงการเขียนที่มานายกฯ แบบนี้เป็นการเปิดช่องสืบอำนาจของคสช. หรือพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อหรือไม่ นายคำนูณปฏิเสธว่า กมธ.ยกร่างฯไม่ได้เขียนกฎหมายเพื่อช่วยเหลือใครหรือกลุ่มใด ทั้งนี้พร้อมเปิดรับฟังการวิจารณ์จากทุกกลุ่ม อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติคงเป็นไปได้ยากที่คนนอกจะเข้ามาเป็นนายกฯ เพราะพรรคที่ได้เสียงในสภามากที่สุด ต้องเอาส.ส.มาเป็นอยู่แล้ว
    นายคำนูณ กล่าวด้วยว่า กมธ.ยกร่างฯจะจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ 10 เวที โดยลงพื้นที่ครั้งแรกในวันที่ 17-18 ม.ค.นี้ ที่โรงแรมสองพันบุรี จ.สุพรรณ บุรี และเวทีสุดท้ายจะปิดที่กทม. วันที่ 27-28 มี.ค. ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ

สมบัติไม่ท้อข้อเสนอถูกตีตก
      นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานกมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. ให้สัมภาษณ์ว่า การที่กมธ.ยกร่างฯ ตีตกข้อเสนอเลือกนายกฯโดยตรงนั้นไม่เป็นไร เพราะเรามีหน้าที่เสนอความคิดเห็น จากนี้จะติดตามว่าผลการพิจารณาของกมธ.ยกร่างฯ แก้ไขปัญหาวิกฤตประเทศได้หรือไม่ ยืนยันว่าตนไม่ท้อ และการปฏิรูปต้องเปลี่ยนแปลงจากเดิม ทั้งนี้ไม่คิดว่าข้อเสนอกมธ.ปฏิรูปการเมืองจะเสียของ เพราะประชาชนและองค์กรต่างๆ รับฟังมากขึ้นและเห็นด้วย 
     นายสมบัติ กล่าวต่อว่า ส่วนกมธ.ยกร่างฯ เห็นชอบให้มีส.ส.บัญชีรายชื่อ 200 คนนั้น อาจเป็นช่องทางให้หัวหน้าพรรคเพิ่มอำนาจบารมีคัดเลือกคนที่จงรักภักดีต่อตัวเองมาอยู่ในบัญชีรายชื่อ เพื่อให้เป็นส.ส.ได้ ส่วนรูปแบบการเมืองจะกลับมาเหมือนก่อนหน้านี้หรือไม่ก็ต้องดูต่อไป

'โคทม'หนุนเลือกตั้งแบบเยอรมัน
      นายโคทม อารียา ที่ปรึกษาสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงระบบเลือกตั้งแบบเยอรมันว่า ระบบนี้ถือเป็นระบบที่กลมกล่อมและสมควรนำมาใช้ ซึ่งมีข้อดีคือ ส.ส.จะได้ที่นั่งตามคะแนนนิยมที่มีต่อพรรคการเมืองอย่างแท้จริงและคะแนนจะไม่ค่อยสูญหาย เพราะจะไปสะท้อนความเห็นของประชาชนทั้งประเทศมากขึ้น เนื่องจากระบบเลือกตั้งแบบเยอรมันจะคำนวณสัดส่วน ส.ส.ทั้งหมดของสภา ไม่ได้แยกคำนวณเหมือนระบบคู่ขนานเหมือนรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ซึ่งกรณีนี้จะเป็นการลดการได้เปรียบของพรรคการเมืองใหญ่และเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองที่ได้คะแนนอันดับ 2-3 มากขึ้น แต่ระบบนี้อาจมีปัญหาในตอนที่ตั้งรัฐบาล เพราะพรรคที่ได้คะแนนอันดับหนึ่งต้องหาพรรคร่วม แต่เชื่อว่าพรรคการเมืองในประเทศไทยตั้งรัฐบาลไม่ยากเพราะใครก็อยากเป็นรัฐบาล ดังนั้น เป็นโอกาสที่จะต้องเรียนรู้ในการอยู่ร่วมกัน 
     นายโคทม กล่าวว่า ส่วนระบบนี้จะทำให้รัฐบาลอ่อนแอลงในเรื่องการดำเนินนโยบายหรือไม่นั้น เห็นว่าต่างประเทศที่ใช้ระบบดังกล่าว การดำเนินนโยบายไม่ได้ทำกันลวกๆ เหมือนประเทศไทย เขาประชุมกันเป็นเดือนๆ ก่อนที่จะส่งสภาให้ความเห็นชอบ เหมือนกับว่าเขาทะเลาะถกเถียงกันก่อน แต่เมื่อนโยบายผ่านมาแล้วก็ไม่มีปัญหาภายหลัง แต่จะลำบากในขั้นตอนที่เขียนนโยบายร่วมแต่ผลที่ออกมาจะจริงจัง อย่างไรก็ตาม การที่มีข้อกล่าวหาว่าระบบนี้จะทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอลง แต่ตนไม่เห็นเช่นนั้น เพราะระบบนี้จะทำให้พรรคการเมืองทุกพรรคไปพัฒนาตนเอง ต้องไปศึกษาทำการบ้านเพื่อสร้างคะแนนนิยม 

'ยุทธพร'ติงไม่เหมาะ
      นายยุทธพร อิสรชัย คณบดีรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ มีข้อสรุปเรื่องระบบเลือกตั้งให้เป็นแบบสัดส่วนผสมว่า ข้อดีคือทำให้ทุกคะแนนของประชาชนได้รับการตอบสนอง ไม่สูญเปล่า รวมถึงพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กจะได้เปรียบมากขึ้น แต่ข้อเสียคือทำให้ความเป็นผู้แทนของส.ส. แบบแบ่งเขตถูกลดทอนลง เพราะต้องไปผูกกับส่วนกลาง ซึ่งประเทศไทยไม่เหมาะที่จะลดจำนวนส.ส.แบบแบ่งเขต เนื่องจากการ กระจายอำนาจยังไม่ดีเท่าที่ควร ส.ส.แบบแบ่งเขตยังมีความสำคัญในการเป็นปากเสียงให้ประชาชน ส่วนที่ผู้ลงสมัครส.ส.ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคนั้น จะทำให้คนที่ทำงานในชุมชนและท้องถิ่น มีโอกาสเป็นส.ส.มากขึ้น และการลงมติเรื่องต่างๆ มีอิสระเพิ่มขึ้น แต่อาจมีปัญหาเรื่องการขายตัว ซื้อตัว จึงต้องหามาตรการป้องกัน เช่น การห้ามส.ส.ย้ายพรรคภายใน 4 ปี หรือหากส.ส.คนใดลงมติเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไป อาจถูกตรวจสอบ 
     นายพิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ไม่แปลกใจ ข้อเสนอดังกล่าวเป็นการปัดฝุ่นนำระบอบเปรม กลับมาใช้อีกครั้งเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่าน ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีหน้าตาแบบนี้ก็ถือว่าเสียเปล่า คงใช้ได้ไม่นานเพราะประชาชนส่วนใหญ่ตื่นตัวมีสำนึกในระบอบประชาธิปไตยกันหมดแล้ว 

อจ.จุฬาอัดกมธ.พาถอยหลัง 36 ปี
    นางสิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวถึงกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ จะกำหนดให้นายกฯไม่ต้องมาจากส.ส.ก็ได้ ว่า นี่คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด ข้อเสนอของกมธ.ยกร่างฯ จะพาสังคมย้อนหลังไปกว่า 36 ปี เหมือนรูปแบบการปกครองเมื่อปี 2521 ในยุคของประชาธิปไตยครึ่งใบ จึงอยากให้ กมธ.ยกร่างฯ ทบทวนอีกครั้ง หรือทำประชามติถามประชาชนว่าเห็นด้วยในประเด็นดังกล่าวหรือไม่ มิเช่นนั้นเชื่อได้เลยว่าการรัฐประหารครั้งนี้ จะเสียของแน่นอน 
      "สะท้อนชัดว่าชนชั้นนำไทย ยังไม่พร้อมปรับตัวเพื่อให้สังคมมีประชาธิปไตยที่เต็มใบ ส่วนข้อเสนอนี้จะเป็นไปได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาโดยรวมของคนในสังคม หากไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ข้อเสนอนี้จะได้รับการผลักดันจนเกิดขึ้นจริง"นางสิริพรรณกล่าว 

กกต.เร่งศึกษาเลือกตั้งเยอรมัน
     ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สำนักงานกกต.จัดประชุมเพื่อมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด(ผอ.กต.)ทั้ง 77 จังหวัด โดยมีนายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. พร้อมด้วยนายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง และนายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต.ร่วมมอบนโยบาย 
      นายศุภชัย กล่าวว่า ขณะนี้กมธ.ยกร่างฯมีมติเห็นชอบระบบการเลือกตั้งให้มีส.ส. 450 คน แบ่งเป็นส.ส.เขต 250 คน ส.ส.สัดส่วน 200 คน และไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรค แม้กกต.จะจัดเลือกตั้งมาแแล้วทุกรูปแบบ แต่ที่จะนำระบบเยอรมันมาใช้ ถือเป็นเรื่องใหม่ จึงควรศึกษาว่าแบบเยอรมันเป็นอย่างไร เพราะกกต.ต้องออกแบบกฎหมายเลือกตั้งให้สอดคล้อง และทราบว่าเอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย ได้ตอบรับคำเชิญของกกต. มาบรรยายเรื่องรูปแบบการเลือกตั้ง ในช่วงกลางเดือนม.ค.2558 ด้วย

สมชัย แจงยิบ-ฟ้องล้มเลือกตั้ง
     ด้านนายสมชัยกล่าวถึงกกต.จะฟ้องเรียกค่าเสียหาย 3,000 ล้านบาท กรณีการเลือกตั้ง 2 ก.พ. เป็นโมฆะว่า ถ้ากกต.ไม่ทำอาจถูกร้องเรียนฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เนื่องจากกฎหมายยังมีผลบังคับใช้อยู่ ซึ่งการดำเนินคดีจะเป็น 2 ส่วนคือ 1.เป็นค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์ ไม่ว่าสถานที่การรับสมัครสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ทรัพย์สินของสำนักงานกกต. ค่าใช้จ่ายในการเช่าอาคารสำนักงานในการทำงานของกกต. หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกกต.จังหวัด ตรงนี้ชัดเจนว่าใครทำให้สิ่งต่างๆ เหล่านี้เสียหาย เพราะมีหลักฐานภาพถ่ายวิดีโอชัดเจน นี่เป็นกลุ่มที่เราต้องฟ้อง 
      นายสมชัย กล่าวต่อว่า 2.เป็นค่าใช้จ่ายจัดเลือกตั้งทั่วประเทศ ที่กกต.จัดเอง 2,200 ล้านบาทและให้งบกับหน่วยงานนอกที่ช่วยสนับสนุนอย่างไปรษณีย์ไทยและกรมการปกครองอีก 600-700 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท ตรงนี้สำนักกฎหมายของ กกต.ต้องเสนอความเห็นมายังกกต.ว่าใครต้องรับผิดชอบ เช่น การเปิดรับสมัคร 28 เขตภาคใต้ที่ไม่สามารถเปิดรับสมัครได้ ใครเป็นคนทำและกลุ่มอำนาจที่ตัดสินใจเลื่อนการเลือกตั้งได้ แต่ไม่เลื่อน ทั้งที่มีหนังสือจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่แจ้งเตือนว่าหากเดินหน้าต่อจะเกิดความเสียหาย และกกต.เองก็เตือน แต่ทั้งหมดยังไม่ชัดเจนว่าจะดำเนินการกับกลุ่มใด ต้องรอการเสนอมาก่อน

สวนไม่ให้ฟ้องต้องไปนิรโทษ 
      นายสมชัย กล่าวว่า ถามว่าไม่ฟ้องได้หรือไม่ ตอบเลยว่าไม่ได้ เท่ากับกกต.จะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนฟ้องแล้วเกิดความวุ่นวายหรือไม่ เชื่อว่าต้องเกิดแรงกระเพื่อม รองนายกฯบอกแล้วว่าสังคมต้องการความสงบ ต้องช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบ ตนตอบกลับได้เลยว่าถ้ารัฐบาลอยากสงบ ก็ต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรม ล้างมลทินว่าการกระทำนี้ไม่ถือว่าเป็นความผิดเหมือนไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น เราทำคนละบทบาทหน้าที่ การรักษาความสงบ รัฐบาลมองไกลอยากให้บ้านเมืองสงบ แต่เราเป็นผู้รักษากฎหมายเราก็ต้องทำตามหน้าที่ ซึ่งอาจโดนบูมเมอแรงตีกลับบ้าง แต่เราคงไม่ฟ้องกันเอง หรือถ้าใครจะฟ้องกกต.ก็ไปฟ้องเอา
      นายสมชัย กล่าวว่า ยืนยันว่าวันนี้กกต.ยังไม่มีมติฟ้องใคร ถ้ามีมติฟ้องก็จะส่งเรื่องให้อัยการ เดิมตนเข้าใจว่าเมื่ออัยการรับเรื่องแล้วจะพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ก็ได้ แต่นาย กล้านรงค์ จันทิก สนช.และประธานกมธ.ด้าน การเมือง ให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ว่า ถึงอย่างไรอัยการต้องสั่งฟ้องเพราะเป็นคดีแพ่ง 

ป.ป.ช.ยอมสอบพยานคดีปูเพิ่ม
     ที่สำนักงานคณะกรรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการประชุมของคณะทำงานร่วมระหว่างฝ่าย ป.ป.ช. และฝ่ายอัยการสูงสุด (อสส.) พิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีอาญาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายของโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง
     นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ แถลงว่า คณะทำงานฝ่าย อสส.เห็นด้วยกับความเห็นของคณะทำงานฝ่าย ป.ป.ช. ที่จะรวบรวมพยานเอกสารข้อสั่งการของผู้ถูกกล่าวหา หนังสือโต้แย้งของ ป.ป.ช. หนังสืออนุกรรมการปิดบัญชีโครง การรับจำนำข้าว หนังสือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) รายงานการวิจัยโครงการรับจำนำข้าว รวมทั้งคำอภิปรายไม่ไว้วางใจและสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง
     ด้านนายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน กล่าวว่า การที่ต้องไต่สวนพยานเพิ่มเติมเรื่องการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เพื่อให้ได้ความชัดเจนนั้น คณะทำงานฝ่าย ป.ป.ช. เห็นชอบตามฝ่าย อสส. โดยจะให้อสส. จัดพนักงานอัยการไปร่วมไต่สวนทุกครั้ง เมื่อได้พยานหลักฐานครบ พนักงาน อสส.จะเสนอให้ อสส.พิจารณาว่าควรดำเนินคดีอาญาให้หรือไม่ และจะนำความเห็นของ อสส. เสนอต่อที่ประชุมคณะทำงานร่วมฯครั้งหน้า ซึ่งจะดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว 

ยัน'อสส.-ปปช.'เห็นตรงกัน
    นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่าย ป.ป.ช. กล่าวว่า ประเด็นระบายข้าวแบบจีทูจีซึ่งเป็นเรื่องทุจริตนั้นอาจไม่ใช่ประเด็นโดยตรง แต่สำนวนการไต่สวนคดีของผู้ถูกกล่าวหา มีพยานบุคคลอย่างน้อย 2 คนที่พูดถึงกรณีนี้ขัดหรือแย้งกันอยู่ จึงเห็นควรสอบปากคำพยานบุคคลที่เห็นว่าขัดแย้งกันให้ชัดเจน ถ้าถามว่าเกี่ยวกับคดีนี้หรือไม่นั้น เห็นว่าไม่เพราะเรามีคดีทุจริตจีทูจีโดยตรงอยู่แล้ว แต่ที่ต้องทำเพราะมีพยานส่วนหนึ่งพูดถึง แต่ไม่เกี่ยวกับกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถ้าการสอบพยานเรื่องจีทูจีได้ข้อเท็จจริงชัดเจนแล้ว จะพิจารณาสำนวนให้สมบูรณ์ได้ สำหรับการประชุมครั้งนี้เห็นพ้องต้องกันหมด จะไม่ขัดกันแล้ว นี่ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ทำตรงกัน
      รายงานข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. แจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.วันเดียวกันนี้ มีการพิจารณาสำนวนคดีอาญาคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวก โดยเป็นการพิจารณาครั้งแรก ซึ่งเป็นสำนวนการไต่สวนของผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด ไม่ได้แยกเป็นสำนวนเหมือนที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ ทั้งนี้คาดว่าในที่ประชุมจะแค่รับทราบการสรุปคดีเท่านั้น แต่ยังไม่ได้มีการพิจารณาชี้มูลความผิด

พท.จี้กมธ.แจงแบ่งโซน
      นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญนำเสนอรูปแบบการจัดการเลือกตั้งส.ส.อิงระบบเยอรมัน ว่า ไม่รู้ว่าเป็นความต้องการที่จะลดจำนวน ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ และที่จะแบ่งโซนการเลือก ส.ส.สัดส่วนอยากให้กมธ.ยกร่างฯ อธิบายให้ชัดว่าจะใช้ระบบรูปแบบใดกันแน่ เป็นเหมือนกับที่เคยใช้ในรัฐธรรมนูญปี 50 หรือไม่ 
      นพ.เชิดชัย กล่าวว่า ส่วนแนวคิดให้ ส.ส.ไม่ต้องสังกัดพรรคนั้น ไม่ถูกต้อง จากประวัติศาสตร์การเมือง ส.ส.ไม่สังกัดพรรคก็เป็นเหมือนเบี้ยหัวแตก เกิดวงจรอุบาทว์ รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ หากไปเจอ ส.ส.เกเรจะเกิดการซื้อเสียงได้ ก็เท่ากับย้อนไปสู่ยุคเดิม ส.ส.ไม่สังกัดพรรคก็บอกพรรคการเมืองอ่อนแอ รัฐธรรมนูญปี 2540 ทำให้พรรคและนักการเมืองเข้มแข็ง ก็ถูกกล่าวหาอีกว่าพรรคเข้มแข็งไปใช้อำนาจเกินกว่าที่มีก้าวก่ายองค์กรอิสระ ทั้งที่ไม่ใช่ ทางที่ดีควรย้อนกลับไปเป็นแบบเดิมคือยึดตามรัฐธรรมนูญปี 2540

ซานต้าแม้วอวยพรเพื่อไทย
     นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงข้อเสนอของกกต.ที่ให้คงอำนาจให้ใบเหลืองใบแดงกับผู้สมัครว่า จากการทำงานของ กกต.ที่ผ่านมา เห็นว่า ต้องยอมรับว่าการทำงานของ กกต.เป็นปัญหามาก จนเกิดข้อครหาและมีเสียงวิจารณ์ โดยเฉพาะการจัดการเลือกตั้งที่ผ่านมา การที่กกต.เสนอแบบนี้ เพราะร้อนตัว กลัวจะหมดอำนาจหรือไม่ ตนเสนอให้ตั้งศาลเลือกตั้งเพื่อวินิจฉัยคดีเลือกตั้ง รวมทั้งพิจารณาความผิดแทนกกต.เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม สังคมมั่นใจมากขึ้น เชื่อว่าทุกฝ่ายยอมรับได้
     นายสามารถ กล่าวว่า ส่วนที่กกต.เตรียมฟ้องบุคคลที่ทำให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ.เป็นโมฆะนั้น ถามว่าใครเป็นต้นเหตุทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ก่อนหน้านี้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์เคยสอบถาม กกต.ว่าถ้าการเลือกตั้งมีปัญหา กกต.จะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย 2,000 ล้านบาทที่ใช้จัดเลือกตั้งไปแล้วอย่างไร กกต.ก็เงียบ ดังนั้นอย่าโยนความผิดให้กับรัฐบาลชุดที่แล้ว ยิ่งจะซ้ำเติมปัญหา กกต.ควรคิดให้ดีก่อนพูด อย่ารื้อฟื้นเรื่องเก่า
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ส่งการ์ดอวยพรผ่านไลน์ให้แกนนำพรรคเพื่อไทย และคนสนิท เนื่องในเทศกาลวันศริสต์มาส เป็นภาพที่พ.ต.ท.ทักษิณ แต่งตัวเป็นซานตาคลอส สวมชุดสีแดง และถือนกกระดาษสีขาวในมือขวา พร้อมข้อความระบุว่า "Merry Christmas& Happy New Year" 

ปชป.จ่อตั้งพรรคลูกชิงส.ส.เขต
     นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า มติของ กมธ.ยกร่างฯให้มีส.ส. 250 คน และส.ส. บัญชีรายชื่อ 250 คนนั้น ทำให้พรรคมีปัญหา เพราะในพื้นที่ไหนที่พรรคใดมีส.ส.เต็มพื้นที่อยู่แล้วจะทำให้ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ได้รับเลือก เช่น ภาคใต้ ส.ส.เขตมีคนเลือก 90 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่เสียงของพรรคเลือก 80 เปอร์เซ็นต์ กรณีนี้ทำให้ส.ส.สัดส่วนโซนนั้นตกหมด ภาคใต้มีโอกาสที่คนลงระบบสัดส่วนไม่ได้รับเลือกตั้งเข้าสภา 
     นายนิพิฏฐ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการแก้ปัญหาอาจตั้งพรรคสำรองขึ้นมา โดยพรรคลูกหาเสียงว่าระบบสัดส่วนเลือกพรรคแม่ แต่ระบบเขตเลือกพรรคลูก จะทำให้ได้ระบบพรรคแม่พรรคลูก ทั้งนี้ตนเรียกร้อง ให้ออกแบบกลไกถ่วงดุลอำนาจให้มีประสิทธิภาพ แต่กลับออกแบบไม่ได้ จึงคิดแค่เปลือกของประชาธิปไตยคือวิธีได้ส.ส. ถือว่าคิดง่ายๆ เพราะไม่ใช่เนื้อประชาธิปไตย 

'บิ๊กป้อม'ลั่นไทย-เขมรชื่นมื่น
      เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม พร้อมด้วยพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. และคณะ เดินทางกลับจากการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ 
     พล.อ.ประวิตร แถลงว่า เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ร่วมกับพล.อ.เตีย บันห์ รองนายกฯและรมว.กลาโหมกัมพูชา ซึ่งผลการประชุมเรียบร้อยดี โดยทั้ง 2 ประเทศจะร่วมมือกันทำให้ประชาชนบริเวณชายแดนมีความปลอดภัย รวมถึงการแก้ปัญหายาเสพติด แรงงาน การค้ามนุษย์ โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษบริเวณจ.สระแก้ว และจ.ตราด และการเยือนระหว่าง 2 กองทัพเพื่อให้การพูดคุยตามแนวชายแดนเกิดประสิทธิภาพ 
   "ไทยและกัมพูชามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ในระดับปฏิบัติต้องพูดคุยร่วมกันมากขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกัน การไปครั้งนี้ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น ได้พูดคุยทำความเข้าใจร่วมกันอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามไม่มีการหารือเรื่องเขาพระวิหาร รวมถึงการวางกำลังทหารในพื้นที่ดังกล่าว เพราะการประชุมครั้งนี้เป็นเรื่องความมั่นคงตามแนวชายแดน"พล.อ.ประวิตรกล่าว
    เมื่อถามว่าได้หารือกับสมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา กรณีที่ยังมีผู้ที่มีหมายจับของไทยหลบหนีอยู่ในกัมพูชาหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เขาบอกว่าไม่มี

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!