กมธ.ยกร่างฯเคาะ กกต.มีวาระ 6 ปี ลดหน้าที่ให้แจกแค่ใบเหลือง ตั้งศาลใหม่ตัดสินใบแดง ให้หน่วยงานรัฐ "มท.-ศธ."จัดการเลือกตั้งแทน ส่วน ป.ป.ช.ยังมี 9 คน ต้องฟ้องคดีผ่าน อสส.

"บิ๊กตู่"ขอวิจารณ์สร้างสรรค์

     เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 26 ธันวาคม ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก ดอนเมือง (ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวก่อนเดินทางไปตรวจสถานการณ์อุทกภัยที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ว่า วันนี้ข้าราชการและรัฐบาลพยายามทำเต็มที่ นโยบายสั่งการไปอย่างละเอียดทุกเรื่อง ปัญหาอยู่ที่ว่าต้องร่วมมือกัน ถ้าจะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลไม่ว่า แต่ให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์ในทางแนะนำ ขณะเดียวกัน ต้องบอกให้ประชาชนหรือภาคเอกชนร่วมมือกับรัฐบาลด้วย 

     "ขอร้องให้ผู้ที่คัดค้าน มาพูดในช่องทางที่คุยกันรู้เรื่องเพื่อแก้ปัญหากันได้ตรงจุด หากรัฐบาลทำไม่ถูกต้องก็ตำหนิรัฐบาล ถ้าประชาชนไม่ร่วมมือก็ต้องเตือนประชาชนให้ความร่วมมือ หรือใครที่ขัดขวาง ขัดแย้งอยู่ก็มาร่วมมือ เพื่อแก้ปัญหาให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถแก้อะไรได้ สั่งการอะไรไปก็ทำไม่ได้ ต้องช่วยผมด้วย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

บิ๊กป้อมนำผบ.ทัพอวยพรป๋า

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 29 ธันวาคม เวลา 09.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และนายทหารระดับสูง เดินทางเข้าอวยพร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เนื่องในเทศกาลปีใหม่ 

หนุนนายกฯใช้ม. 44 ปิดสื่อ

     ที่หอประชุมกองทัพเรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวว่า กรณีที่นายกฯจะใช้รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) มาตรา 44 ปิดหนังสือพิมพ์บางฉบับ ว่า "ก็ดีแล้ว เพราะรัฐบาลต้องการสร้างบ้านเมืองให้ปรองดอง แต่สื่อบางสำนักเขียนหรือนำเสนอที่มีความแตกแยก ชอบถามเรื่องที่มีความแตกแยก ไม่เคยมีคำถามอย่างสร้างสรรค์เลย ชอบมีคำถามที่ชวนทะเลาะ ไม่รู้เป็นอะไร" 

     เมื่อถามว่า กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯโพสต์ภาพแต่งกายเป็นซานตาคลอส เนื่องในวันคริสต์มาส พร้อมถือรูปนกกระดาษ เพื่อสื่อความไปยังสมาชิกพรรคเพื่อไทยนั้น ถือเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่เห็น จึงไม่สามารถตอบได้

ไม่เชื่อเปิดทางทหารนั่งนายกฯ

    พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงข้อสรุปเบื้องต้นของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ เรื่องคุณสมบัตินายกฯไม่ต้องมาจาก ส.ส.ว่า ไม่มีความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว ต้องให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ดำเนินการต่อไป ขณะนี้เป็นเพียงหนึ่งในหัวที่ สปช.คิด ส่วนผลสรุปจะออกมาอย่างไร ไม่รู้ ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้น ยังไม่เป็นรูปร่างเลย

    "เรื่องนี้ถามผมได้อย่างไร คุณต้องไปถามประชาชน ถามผมคนเดียวไม่ได้ ถ้าผมถามกลับว่าคุณชอบหรือไม่" พล.อ.ประวิตรกล่าว 

     เมื่อถามกลับว่า คงจะไม่เหมาะสมกับประเทศไทย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "นั่นเป็นความคิดของคุณ ขณะนี้ต้องรอปฏิรูป" เมื่อถามว่า จะเป็นช่องโหว่ให้ทหารเข้ามาแทรกแซงทางการเมือง พล.อ.ประวิตกล่าวว่า "ไม่คิด ไม่เชื่อว่าจะเป็นแบบนั้น เป็นเพียงแค่พวกคุณคิด อาจจะใช่ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คิด และตอนนี้ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ จะเป็นช่องโหว่ได้อย่างไร อยากย้ำว่าจะไม่ใช่ออกมาในรูปแบบนี้ เรื่องนี้ขอให้ไปถาม กมธ.ยกร่างฯดีกว่า เพราะตอนนี้ในกระบวนการนั้นมีแนวคิดหลายเรื่อง แต่ผู้สื่อข่าวไปเอาแนวคิดนี้มาเพียงเรื่องเดียว ทั้งเรื่องนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง หรือมาจากคนนอก เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เพราะในที่สุดก็จะตกผนึกเองว่าสังคมไทยจะได้รูปแบบใด"

กมธ.ยกร่างแพร่สาระ"รธน."

     ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญต่อเนื่องเป็นวันที่ห้า โดยมีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นประธานการประชุม โดยนายบวรศักดิ์กล่าวก่อนเข้าสู่วาระประชุมถึงกรณีที่จะทำสื่อประชาสัมพันธ์สาระสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยให้นายปกรณ์ ปรียากร กมธ.ยกร่างฯ สรุปเนื้อหาประเด็นสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อเผยแพร่สู่ประชาชน เตรียมตั้งชื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า "ฉบับปฏิรูป" 

    นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ได้รับความร่วมมือบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) จะจัดพิมพ์รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อแจกประชาชนที่ใช้บริการสถานีบริการน้ำมันในเครือ ส่วนตัวมองว่าหากจะให้บริษัทบางจากฯ มีส่วนร่วมรับฟังความเห็นประชาชนต่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเป็นผลดี เช่น ประเด็นนายกฯไม่จำเป็นต้อง ส.ส.ก็ได้ หรือที่มาของ ส.ว.ที่เปลี่ยนแปลงจากรูปแบบเดิมจะก่อให้เกิดประโยชน์ใดบ้าง

    นายมานิจ สุขสมจิตร รองประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรมนูญ กล่าวว่า บริษัท ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมที่จะสนับสนุนผลิตสื่อและเผยแพร่สาระสำคัญของรัฐธรรมนูญใหม่ โดยทำเป็นคลิปวิดีโอ แบบแอนิเมชั่น เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน โดยบริษัทดังกล่าวไม่คิดค่าใช้จ่ายในการออกแบบสื่อ แต่อาจมีค่าใช้จ่ายในการเผยแพร่ตามสื่อโฆษณาต่างๆ โดยจะขอดูรายละเอียดอีกครั้ง ก่อนเสนอของบประมาณเผยแพร่

ให้อำนาจกกต.แค่ใบเหลือง 

     ต่อมา พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมพิจารณาในส่วนองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ โดยในส่วนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั้น คณะ กมธ.ยกร่างฯยังให้คงองค์ประกอบเดิม 5 คน โดยให้มีวาระ 6 ปี เป็นได้เพียงวาระเดียว ส่วนคุณสมบัติ กกต.จะต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต และมีประสบการณ์เกี่ยวกับการเลือกตั้ง จะมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้ทำหน้าที่สรรหา 

     "ด้านหน้าที่ ได้กำหนดให้แยกอำนาจการจัดการเลือกตั้งและอำนาจควบคุมการเลือกตั้งออกจากกัน คือให้ กกต.ทำหน้าที่เฉพาะการควบคุมการเลือกตั้งให้เป็นไปตามกฎหมายโดยสุจริตเป็นธรรม และไม่ให้เกิดการซื้อสิทธิขายเสียง จะมีอำนาจวินิจฉัยให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ได้ หรือการให้ใบเหลือง หากเห็นว่ามีการจัดการเลือกตั้งเป็นไปอย่างไม่สุจริต หรือผู้สมัครลงเลือกตั้งกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง" พล.อ.เลิศรัตน์กล่าว

โยน"มท.-ศธ."จัดการเลือกตั้ง 

    พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า ส่วนการดำเนินคดีเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งกับผู้กระทำความผิด หรือการให้ใบแดง ให้เป็นอำนาจของศาลที่จะเกิดขึ้นใหม่ตามกฎหมายประกอบการรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ กระบวนการพิจารณาของศาลดังกล่าวจะออกแบบให้พิจารณาด้วยความรวดเร็ว "ขณะที่อำนาจการจัดการเลือกตั้งให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น สาเหตุที่ต้องแยกอำนาจดังกล่าวออกจากกันเพื่อต้องการให้ กกต.ไม่ต้องมาทำงานด้านธุรการเกินความจำเป็น อย่างไรก็ตาม กกต.ยังมีหน้าที่รับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ให้ได้ไม่น้อยกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ จาก ส.ส.ทั้งหมดภายใน 30 วัน นับจากวันเลือกตั้ง เพื่อให้เป็นองค์ประชุมสำหรับการเปิดประชุมครั้งแรก เพื่อตั้งนายกฯ" พล.อ.เลิศรัตน์กล่าว

ป.ป.ช.ฟ้องคดีต้องผ่านอสส.

    พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า สำหรับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยังคงองค์ประกอบเดิมไว้คือ 9 คน ส่วนวาระการดำรงตำแหน่ง ที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะ 6 ปี หรือ 9 ปี ขณะที่ประเด็นที่เป็นข้อเสนอให้ ป.ป.ช.สามารถฟ้องตรงไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า ยังให้คงกำหนดให้เป็นไปตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย ป.ป.ช. คือ ต้องฟ้องผ่านอัยการสูงสุด (อสส.) เว้นเสียแต่เกินกำหนดระยะเวลาที่กำหนดไว้ก็สามารถให้ ป.ป.ช.ฟ้องโดยตรงเองได้ เนื่องจากที่ประชุมมีความเห็นว่า สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นหน่วยงานทางด้านกฎหมายของรัฐ จึงควรมีส่วนร่วมในการเพิ่มความเข้มข้นของน้ำหนักในข้อกฎหมายของคดี 

  นอกจากนี้ คณะ กมธ.ยกร่างฯ ยังมีความเห็นว่า ควรให้คดีทุจริตมีอายุความต่อไป แต่จะยกเว้นการนับอายุคดีในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาหลบหนี จึงมีความเห็นว่าแนวทางนี้จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้ต้องหามาสู่คดีตามกระบวนการยุติธรรม เพราะไม่อย่างนั้นก็ต้องหนีตลอดชีวิต

ปธ.กกต.ขอแจกใบแดงด้วย

    นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวว่า ที่ กมธ.ยกร่างให้ กกต.มีอำนาจแค่แจกใบเหลืองนั้น กกต.ให้ความเห็นสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ไปแล้วว่าควรจะให้ กกต.มีอำนาจแจกใบแดงก่อนประกาศรับรองผล แต่ สปช.จะมีความเห็นอย่างไรไม่ขอก้าวล่วง

    นายศุภชัย กล่าวถึงกรณีสำนักงาน กกต.เตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหาย 3,000 ล้านบาท กับผู้ที่ทำให้การเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นโมฆะว่า กำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าอัยการมีหนังสือแย้งมายัง กกต.ว่าการฟ้องร้องทำได้ยากเพราะหลักฐานไม่เพียงพอนั้น ตนไม่เห็นหนังสือดังกล่าว แต่เห็นว่าเป็นหน้าที่ กกต.ที่ต้องดำเนินการ หากไม่ทำ กกต.จะกลายเป็นคนผิดเสียเอง เรื่องนี้ไม่ว่าจะยากแค่ไหนก็จะค่อยๆ ทำไป แต่จะได้แค่ไหนค่อยว่ากันอีกที 

"บวรศักดิ์"แจงนายกฯไม่เป็นส.ส.

    นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวระหว่างเป็นประธานงานสัมมนาหัวข้อ "สานพลังเจ้าหน้าที่ของรัฐในการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญ" ตอนหนึ่งว่า เรื่องการกำหนดคุณสมบัติให้นายกฯไม่จำเป็นต้องมาจากการเป็น ส.ส.นั้น กมธ.ยกร่างฯ ได้พิจารณาเรื่องนี้โดยย้อนไปในอดีตพบว่าเคยมีปัญหาโดยรัฐธรรมนูญปี 2521-2534 บัญญัติให้ประธานวุฒิสภา ซึ่งมาจากการแต่งตั้งเป็นประธานรัฐสภา และบัญญัติว่าให้ประธานรัฐสภาเป็นคนลงนามรับสนองพระบรมราชโองการตั้งนายกฯ และไม่มีการบัญญัติให้การเลือกนายกฯ ให้ทำโดยสภาผู้แทนราษฎร ตรงนี้เองจึงเป็นที่มาให้ในปี 2535 มีการไปสนับสนุนให้คนที่ไม่ได้เป็น ส.ส.เป็นนายกฯ และก่อให้เกิดมีการชุมนุมในปี 2535 จึงเป็นที่มาของการเรียกร้องให้เขียนในรัฐธรรมนูญเลยว่า ผู้ที่เป็นนายกฯ ต้องเป็น ส.ส. 

   นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญในเวลานั้นเห็นว่ากลิ่นอายของการเรียกร้องที่เกิดขึ้น จึงให้นายกฯ ต้องเป็น ส.ส.และต่อมารัฐธรรมนูญปี 2550 ก็ยังคงหลักการนี้เอาไว้ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์วิกฤตในปีที่ผ่านมาและเสียงเรียกร้องว่าวิกฤตนั้นไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยรัฐบาล และฝ่ายค้านในเวลานั้น

ชี้นายกฯเป็นส.ส.ปิดประตูตาย

    "หลายคนบอกว่าให้ไปใช้มาตรา 7 ซึ่งเขียนสั้นๆ ว่าเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับแก่กรณีใด ก็ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองของประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พูดง่ายๆ ก็คือขอพระบารมีพระมหากษัตริย์ลงมาแก้ปัญหา ซึ่งก็สวนพระราชดำรัสที่พระราชทานกับตุลาการเอาไว้ในปี 2549 ว่า มาตรา 7 ไม่ได้ให้อำนาจพระมหากษัตริย์ในการทรงกระทำการใดก็ตามที่รัฐธรรมนูญได้ให้อำนาจเอาไว้ แต่คนไทยยังเรียกร้องให้ใช้มาตรา 7 เพราะวันนั้นเกิดวิกฤต จนท้ายที่สุดทหารต้องประกาศใช้อัยการศึก และทำการรัฐประหาร โดยสรุปคือการไปบัญญัติให้ ส.ส.เท่านั้นที่จะเป็นนายกฯได้ จึงเป็นการปิดประตูตายในเวลาวิกฤต" นายบวรศักดิ์กล่าว

ปัดมีวาระซ่อนเร้นเปิดทางใคร

    ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญกล่าวว่า การให้นายกฯไม่ต้องมาจาก ส.ส. ไม่ได้มีวาระซ่อนเร้น ที่จะเอาใครเข้ามาเป็นอะไรทั้งสิ้นเพราะกรรมาธิการต้องดูภูมิสังคม ดูหลักการสากล เหลียวซ้ายไปดูภูมิสังคมบ้านเมืองที่เกิดปัญหา แล้วรัฐประหารครั้งนี้เกิดจากการที่เขียนรัฐธรรมนูญผูกมัดรัดตึงเกินไป ทั้งๆ ที่ต้องการให้คนกลางมาเป็น ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงต้องฉีกรัฐธรรมนูญ เหลียวไปดูต่างประเทศก็มี 26 ประเทศเท่านั้นที่เขียนให้นายกฯต้องเป็น ส.ส. กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจึงต้องตัดสินใจหาทางตรงกลาง คือมีหลักประกันแน่ชัดแล้วว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นคนนำความกราบบังคมทูลให้ตั้งนายกฯ และ ส.ส.จากการเลือกตั้ง จะเป็นคนลงมติเลือกนายกฯ

"นพดล"ติงปมนายกฯคนนอก

    นายนพดล ปัทมะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่มีการเสนอให้นายกฯไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส.ว่า เป็นการนำข้อยกเว้นมาเป็นหลักทั่วไป โดยอ้างว่าเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นเผื่อบ้านเมืองมีวิกฤต ความจริงเราควรนำหลักทั่วไปที่บ้านเมืองไม่มีวิกฤตหรือการบริหารงานในภาวะปกติเป็นหลักการก่อน ถ้าบ้านเมืองมีวิกฤตโดยปกตินายกฯก็ยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่ มีทางออกในระบอประชาธิปไตยอยู่แล้ว 

   "การเปิดให้คนนอกเป็นนายกฯอาจทำให้การตรวจสอบทางการเมืองอ่อนด้อยลง และความรับผิดชอบของนายกฯที่ไม่ได้เป็นทั้ง ส.ส.และสมาชิกพรรคการเมืองจะมีความรับผิดชอบต่อพรรคการเมือง สภาผู้แทนฯ และประเทศน้อยลง เพราะเขามาคนเดียว จะทำให้กระบวนการประชาธิปไตยไม่มีการตรวจสอบและถ่วงดุลเท่าที่ควร" นายนพดลกล่าว

"พนัส"ชี้ส.ว.ใหม่สภาเปรซิเดียม 

     นายพนัส ทัศนียานนท์ ฝ่ายกฎหมาย พรรค พท. กล่าวว่า นายกฯที่ไม่ต้องเป็น ส.ส.แต่มาจากสภาผู้แทนราษฎร เป็นการกลับไปสู่ยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ เหมือนสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ถือเป็นการถอยหลังเข้าคลอง เพราะระบบดังกล่าวทำให้เกิดการต่อสู้คัดค้านที่มาของนายกฯจนเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ บ้านเมืองจะกลับไปสู่ยุคเก่าที่อุตส่าห์สู้กันมาเอาชีวิตคนไปสังเวยแล้วก็ไม่เห็นความหมาย เชื่อว่านักการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยจริงๆ จะรับไม่ได้กับวิธีการแบบนี้

    นายพนัสกล่าวว่า สำหรับที่มาของ ส.ว.เกรงว่าก็จะเกิดปัญหาเช่นกัน จะทำให้วุฒิสภาเป็นสภาขุนนางใหม่ ที่ประกอบด้วยขุนนางเก่ากับตัวแทนองค์กรที่เรียกตัวเองว่าเป็นเอ็นจีโอ แต่ความจริงต้องเรียกว่าเป็นประชาสังคมฝ่ายจารีตนิยม ยิ่งวุฒิสภาจะออกแบบมีที่มาจากการเลือกตั้งโดยอ้อมได้ และมีการใช้อำนาจได้มากกว่าเดิม ทำให้วุฒิสภาละม้ายคล้ายระบบรัฐสภาของจีนหรือโซเวียต ที่เราเรียกว่าสภาเปรซิเดียม 

"วรชัย"ค้านสุดตัวนายกฯคนนอก

    นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรค พท. กล่าวว่า จะคัดค้านจนถึงที่สุดกับข้อเสนอที่นายกฯไม่ต้องมาจาก ส.ส. ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง ถือเป็นการเปิดประตูให้กลุ่มทุนใหญ่ที่มีต่างชาติหนุนหลัง เข้ามาบริหารประเทศผ่านคนไทยที่มีหน้ามีตาในสังคม เปิดช่องให้กลุ่มทุนใหญ่เข้ามาครอบงำประเทศ เพียงแค่มีเงินก็เอามาซื้อ ส.ส.ที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองและรวบรวมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล จึงเป็นการเปิดช่องให้ใครก็ได้เข้ามาโดยไม่ผ่านการคัดสรรจากประชาชน เท่ากับไม่เห็นหัวประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ดังนั้นนายกฯจำเป็นต้องมาจากการเป็น ส.ส. มาจากประชาชนผ่านการเลือกตั้งเท่านั้น

    นายคณิน บุญสุวรรณ คณะทำงาน ฝ่ายกฎหมาย พรรค พท. กล่าวว่า คนที่เป็นนายกฯในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะต้องยึดโยงกับประชาชน ต้องมาจากการเลือกตั้ง หากนายกฯไม่ต้องเป็น ส.ส. หมายความว่าจะเป็นใครก็ได้ ไม่ต้องเลือกตั้ง ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ไม่ต้องหาเสียง นั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง ส่วนการให้อำนาจ ส.ว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งมีอำนาจตรวจสอบคนที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ถึงขนาดให้ตรวจสอบรายชื่อ ครม.ด้วยนั้น มันเลยเถิดกันไปใหญ่แล้ว ไม่ใช่ระบบรัฐสภาแล้ว

จี้กมธ.เคลียร์นายกฯคนนอก 

    นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าคณะทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ในระบอบประชาธิปไตยสากล ประเทศที่เขาใช้ระบบแบบนี้นายกฯควรเป็น ส.ส. ถ้า กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญมีมติให้นายกฯไม่ต้องมาจาก ส.ส. ต้องมีคำอธิบายที่ชัดเจนให้กับสังคมให้ได้ว่าเพราะอะไร ที่สำคัญต้องบอกให้ได้ว่า การที่นายกฯไม่เป็น ส.ส.นั้นดีกว่าการที่มีนายกฯที่มาจาก ส.ส.อย่างไร เพราะโดยปกติการที่มี ส.ส.ซึ่งถือว่าเป็นผู้แทนฯจะรู้ความเดือดร้อนและเข้าถึงปัญหาของประชาชนได้ดี 

    นายวิรัตน์ กล่าวว่า ตอนนี้คำอธิบายแนวคิดที่มาดังกล่าวยังเลื่อนลอย ไม่มีน้ำหนัก คณะ กมธ.ยกร่างฯจะต้องอธิบายให้ประชาชนรับทราบ มิเช่นนั้นสังคมจะเคลือบแคลงว่าข้อเสนอดังกล่าวคณะ กมธ.ยกร่างฯทำเพื่อสิทธิพิเศษกับใครโดยเฉพาะหรือไม่

กกต.วางโรดแมป3ระยะ

    ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า กกต.กำหนดโรดแมปในการทำงาน ดังนี้ระยะที่ 1 ก่อนมีรัฐธรรมนูญ มุ่งสร้างความภาคภูมิใจในสถาบันพระมหากษัตริย์และความเป็นไทย ปลูกฝังความเป็นพลเมือง สร้างวิถีประชาธิปไตย เตรียมการเพื่อรองรับการนำเครื่องลงคะแนนมาใช้ในการเลือกตั้งได้จริงในอนาคต ระยะที่ 2 เมื่อมีรัฐธรรมนูญ ต้องเร่งสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของ กกต.

    นายภุชงค์กล่าวว่า ระยะที่ 3 เข้าสู่การเลือกตั้ง มุ่งสร้างความรู้ ความเข้าใจในกระบวนการเลือกตั้งและกระตุ้นให้ประชาชนเกิดจิตสำนึกในการเลือกตั้งที่สุจริตและเป็นธรรม และเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน สำนักงาน กกต.ได้ผลิตวีดิทัศน์ชุดพิเศษในระบบ 4 มิติ เรื่องการพัฒนาการเมืองการปกครองของไทย "ประวัติศาสตร์ชาติไทยจากสุโขทัยถึงรัตนโกสินทร์" และเรื่องที่มา บทบาท หน้าที่ของ กกต.เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบด้วย

ตัดงบอุดหนุนพรรคปี"58 

   นายภุชงค์ กล่าวว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีประกาศฉบับที่ 57/2557 ให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไปจนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิก และให้ระงับการจัดสรรเงินสนับสนุนแก่พรรคการเมืองของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองไว้เป็นการชั่วคราวด้วยนั้น กกต.มีมติเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม เห็นชอบให้เบิกจ่ายเงินสนับสนุนให้แก่พรรคการเมือง ได้เฉพาะกรณีพรรคการเมืองที่ดำเนินกิจกรรมไปแล้วก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 สำหรับพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ไม่เห็นชอบให้เบิกจ่ายเงินสนับสนุน

     นายภุชงค์ กล่าวว่า สำหรับแนวทางการดำเนินงานของพรรคการเมืองตามแผนการดำเนินงานประจำปี 2558 เห็นว่ากองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองไม่สามารถจัดสรรเงินสนับสนุนให้แก่พรรคการเมืองได้ตามประกาศ คสช. ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งมีหนังสือแจ้งให้หัวหน้าพรรคการเมืองรับทราบแล้ว

20 ม.ค.ป.ป.ช.เคาะคดี"จีทูจี"

    นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา อนุกรรมการไต่สวนกรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก เป็นผู้ถูกกล่าวหานั้นได้รายงานต่อที่ประชุมว่าได้รวบรวมสำนวนเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นส่วนของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและนักการเมือง ซึ่งจะสรุปเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ในวันที่ 20 มกราคม 2558 ส่วนบริษัทที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการต่อหลังจากนั้น 

"บิ๊กเต่า"พอใจ3เดือนคุมแรงงาน

    พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงผลงานในรอบ 3 เดือนว่า ในส่วนของข้าราชการให้สอบผ่านทุกกรม แต่ยังมีจุดอ่อนที่ระบบการทำงานของประเทศไทย ต้องบูรณาการการทำงาน 

    "ส่วนการทำงานของผมในรอบ 3 เดือน ก็พอใจที่งานมีความคืบหน้า แต่เนื่องจากเป็นคนที่ไม่ชอบสร้างภาพ จึงถูกมองว่าเป็นรัฐมนตรีโลกลืม แถมยังถูกสื่อมวลชนเขียนตำหนิตีเตียนจนลูกสาวอยากให้ลาออก แต่ก็ไม่เคยคิดจะลาออก ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยคิดจะมาเป็นรัฐมนตรี ตั้งใจว่าเกษียณจากปลัดกระทรวงกลาโหมจะไปทำการเกษตร แต่เมื่อเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วก็ต้องตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถ" พล.อ.สุรศักดิ์กล่าว

   พล.อ.สุรศักดิ์กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนเขียนตำหนิเนื่องจากพูดถึงสื่อมวลชนในทางที่ไม่ดีว่า กับนักข่าวไม่มีปัญหาอะไร เพราะเคยเป็นอาจารย์สอนด้านสื่อสารมวลชนมาก่อน เข้าใจดี ส่วนที่พูดไปในวันนั้น เพราะอ่านคอลัมน์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง แล้วรู้สึกโมโหที่เขียนตำหนิโดยไม่เข้าใจข้อเท็จจริง จึงนำมาพูดเปรียบเปรยให้ข้าราชการฟังในห้องว่าคนที่เขียน "มันโง่ บ้าหรือเปล่า" ไม่ใช่พูดตำหนินักข่าวขณะสัมภาษณ์ และเข้าใจความรู้สึกขององค์กรสื่อ เพราะอาจเข้าใจผิดว่าพูดต่อว่านักข่าวต่อหน้า ยืนยันว่าไม่ใช่ แค่เป็นการพูดเปรียบเปรยเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาว่าใคร หลังจากมีข่าวออกไปได้ส่งข้อความไปชี้แจงกับคอลัมนิสต์แล้ว