WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 07 มกราคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8806 ข่าวสดรายวัน


3 บิ๊กออกแค่ลือ ตู่โต้เอง ยันไม่ปรับครม. 
บิ๊กป้อม-บิ๊กโด่ง ขอให้หยุดขยาย ถอดถอนส่อวืด สนช.เสียงไม่ถึง


น้ำตาซึม - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ รับช่อดอกไม้จากบรรดาอดีตส.ส.พรรค เพื่อไทย ที่มาร่วมอวยพรเนื่องในเทศกาลปีใหม่ ทำให้เจ้าตัวถึงกับน้ำตาซึม ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค กทม. เมื่อวันที่ 6 ม.ค.

     'บิ๊กตู่'ยันเอง ไม่ให้ใคร ลาออก โต้ลือ 3 พล.อ.ทิ้งเก้าอี้ ลั่นไม่ปรับครม. ไม่โยกย้ายไม่มีปฏิวัติ ด้าน'บิ๊กป้อม-บิ๊กโด่ง'ประสานเสียงไม่มีใครออก ขอให้หยุดลือ-เลิกขยายต่อ เพื่อไทยอวยพรปีใหม่ "ปู"ยิ่งลักษณ์น้ำตาคลอ ส่วนคดีถอดถอนยันลุยแจงเอง ทนายเรียกร้องถ่ายทอดสด คาดสนช.เสียงไม่ถึง 3 ใน 5 ทั้งคดีปูและคดีขุนค้อน-นิคม

พท.อวยพรปีใหม่'ยิ่งลักษณ์'
      เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย พร้อมอดีตส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย อาทิ พล.ต.ท. วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรค นายวิชาญ มีนชัยนันท์ อดีตส.ส.กทม. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค เข้าอวยพรปีใหม่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยพล.ต.ท.วิโรจน์เป็นตัวแทนกล่าวให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ต่อสู้ทางการเมืองมาอย่างเข้มแข็งตามแนวทางประชาธิปไตย และเป็นหลักให้กับพรรคอย่างมั่นคง ส่วนนายวิชาญเป็นตัวแทนภาคกทม.อวยพรให้ปลอดภัย แคล้วคลาดจากคดี และกลับมาเป็นนายกฯ คนที่ 30 ต่อไป
      ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวขอบคุณโดยมีน้ำตาคลอ พร้อมให้กำลังใจคณะกรรมการบริหารพรรคที่เป็นผู้เสียสละ เป็นแนวหน้าให้กับสมาชิกพรรคทั่วประเทศ ทำงานเพื่อส่วนรวม และบอกว่า ปีที่ผ่านมาได้ผ่านประสบ การณ์ ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาอย่างยากลำบากด้วยกัน ปีใหม่นี้คงจะมีสิ่งดีๆ เข้ามา อยากให้ช่วยกันเยี่ยมเยียนให้กำลังใจประชาชน เมื่อถึงเวลาพรรคเราจะเสนอตัวเป็นทางเลือกของประชาชนในการพัฒนาบ้านเมืองตามแนวทางประชาธิปไตยต่อไป และขอเป็นกำลังใจให้ภาค กทม. เพราะเป็นสนามที่แข็ง แต่เข้าใจว่าการลงพื้นที่ในช่วงนี้ลำบาก ขอขอบคุณที่ยังอยู่ช่วยกัน ส่วนคดีในวันที่ 9 ม.ค.จะสู้ให้เต็มที่ 

'ปู'มั่นใจแจงถอดถอนต่อสนช.
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา ทีมทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์ หารือถึงการแถลงคัดค้านโต้แย้งคำแถลงเปิดสำนวนหรือรายงานพร้อมความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในวันที่ 9 ม.ค. ซึ่งโดยข้อบังคับนั้น ผู้ถูกกล่าวหาจะไปชี้แจงเองหรือตั้งผู้แทนไปก็ได้ ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ยืนยันจะไปชี้แจงเอง เพราะมั่นใจว่าจะชี้แจงได้ในทุกประเด็น และคงไม่มีใครชี้แจงได้ดีเท่ากับผู้ถูกกล่าวหาเอง พร้อมเล่าถึงข้อเท็จจริงต่างๆ ให้ทีมทนาย ความฟัง โดยไล่ลำดับเหตุการณ์ด้วยว่ามีอะไรบ้างและข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร 
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากน.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางกลับไปแล้ว ทีมทนายยังคงหารือกันต่อถึงกระบวนการของสนช.ในวันที่ 9 ม.ค.ว่า เป็นเพียงการแถลงเปิดสำนวนซึ่งขณะนี้ยังไม่รู้ว่าจะเปิดในเรื่องอะไร แต่โดยข้อบังคับจะให้ถือสำนวนของป.ป.ช.เป็นหลัก ซึ่งยังไม่รู้ว่าป.ป.ช.จะเปิดในประเด็นใดที่ถือเป็นสาระสำคัญ แต่ทีมทนายพร้อมโต้แย้งในประเด็นๆ นั้นได้ทันที ซึ่งแนวทางต่อสู้คือ การชี้ให้เห็นว่าโครงการเพื่อสาธารณะนั้นจะมองเฉพาะเรื่องการขาดทุนหรือกำไรไม่ได้ รวมถึงยืนยันว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ละเลยต่อหน้าที่ ทั้งนี้เมื่อกระบวนการในวันที่ 9 ม.ค.เสร็จสิ้นแล้ว จากนั้นไม่เกิน 7 วันตามข้อบังคับจึงจะเข้าสู่กระบวนการซักถามโดยคณะกรรมาธิการ ซักถามต่อไป

ทนายเรียกร้องถ่ายสด
      ที่รัฐสภา นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนาย ความผู้ได้รับอำนาจจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีโครงการรับจำนำข้าว เข้ายื่นหนังสือต่อน.ส.จินดา กองแก้ว ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานถอดถอนและตรวจสอบวุฒิสภา 2 รายการ ซึ่งเป็นเอกสารประกอบการโต้แย้งคัดค้านความเห็นและรายงานป.ป.ช. 250 ชุด เพื่อแจกให้กับสมาชิกใช้ประกอบ คำแถลงคัดค้านข้อโต้แย้งในวันที่ 9 ม.ค.นี้ โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งจะเป็นประเด็นที่เคยโต้แย้งต่อป.ป.ช. และอีกส่วนหนึ่งเป็นข้อโต้แย้งส่วนตัวของน.ส. ยิ่งลักษณ์ นอกจากนี้ยังได้ขออนุญาตที่ประชุม สนช. เพื่อเพิ่มผู้เข้าชี้แจงร่วมกับน.ส.ยิ่งลักษณ์อีก 8 คน ได้แก่ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ และรมว.คลัง นายวราเทพ รัตนากร อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และนายยรรยง พวงราช อดีตรมว.พาณิชย์ และทีมทนายอีก 4 คน 
      นายนรวิชญ์กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมทางสถานีโทรทัศน์ช่องเอ็นบีที เพราะถือเป็นครั้งแรกที่อดีต นายกฯ จะได้ชี้แจงให้สังคมได้รับทราบถึงคดีดังกล่าว ทั้งนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้กังวลอะไร เพราะโครงการรับจำนำข้าวเป็นการช่วยเหลือประชาชน และมีความมั่นใจในความบริสุทธิ์และมั่นใจว่าจะชี้แจงข้อเท็จจริงทุกประเด็น ขณะเดียวกันยังเชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรมจาก สนช. 

วรชัยเชื่อกดปุ่มถอดถอนไม่ง่าย
       นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้หลายฝ่ายรู้ดีว่า เป็นขบวนการจ้องจะเด็ดหัวแม่ทัพฝ่ายประชาธิปไตย กำจัดให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นจากเส้นทางการเมือง ทั้งนี้คดีจำนำข้าวที่ป.ป.ช. ระบุว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่กำกับดูแล จนเกิดการทุจริตทำรัฐเสียหายมากถึง 7 แสนล้านบาทนั้น ถามว่าที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมมีการชี้มูลความผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีนี้แล้วหรือไม่ ซึ่งยังไม่มีใครถูกชี้มูลว่าทำทุจริตเลย ขณะที่อัยการสูงสุดระบุว่าหลักฐานในคดีนี้ยังไม่ เพียงพอ เหตุใดป.ป.ช.จึงยังเดินหน้าถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งต่างจากคดีปรส. ที่ศาลตัดสินว่ามีการกระทำผิดจริง มีคนติดคุก แต่ผู้กำหนดนโยบายขณะนั้นกลับไม่ผิด การดำเนินการครั้งนี้มีธงเพื่อจัดการน.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่ 
     "เชื่อว่าการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ครั้งนี้ คงไม่ง่าย เพราะต้องใช้เสียงมากถึง 3 ใน 5 จึงเชื่อว่ายังมี สนช.บางส่วนที่รักความยุติธรรม ดังนั้นโอกาสกดปุ่มถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ น่าจะเป็นไปได้ยาก" นายวรชัยกล่าว

พท.ขู่ระวังทำผิดเสียเอง 
      นายอำนวย คลังผา อดีตส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณี สนช.จะพิจารณาถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวันที่ 8-9 ม.ค.นั้น ตามรัฐธรรมนูญ 50 มาตรา 178 เขียนว่าต้องมีความรับผิดชอบร่วมกันต่อรัฐสภาในนโยบายของคณะรัฐมนตรี ดังนั้นหาก สนช.ตัดสินว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์มีความผิดและดำเนินการถอดถอนสืบเนื่องจากนโยบายจำนำข้าวที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา ก็หมายความว่าผิดกันทั้งสภา คนที่เป็นส.ว.ในขณะนั้นก็ต้องโดนด้วย วันนี้หลายคนก็เป็น สนช.อยู่ โดยเฉพาะกลุ่ม 40 ส.ว.จึงขอเตือนว่าอาจโดนเสียเอง หากมีการถอดถอนเกิดขึ้นตนก็จะฟ้องต่อศาลเพื่อถอดถอนอดีตส.ว.ด้วยเช่นกัน
       นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรอง นายกฯ และรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า หลังจากที่ให้สัมภาษณ์ว่าจะไปยื่นหนังสือต่อประธาน สนช.ในวันที่ 7 ม.ค. เพื่อขอให้ยุติการพิจารณาเรื่องที่ป.ป.ช.ส่งเข้ามาทั้งหมด เพราะกรรมการป.ป.ช.ส่อว่าขาดคุณสมบัติ 4 คนนั้น หากสนช.ยังดำเนินการในคดีถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป จะเข้าข่ายร่วมประพฤติมิชอบตามมาตรา 123/1 ของพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ตนได้ปรึกษากับทีมกฎหมายแล้วตัดสินใจจะรอให้สนช.ดำเนินการไปก่อน รอให้มีความผิดเกิดขึ้นก่อน จึงค่อยไปยื่นหนังสือ แต่หนังสือพร้อมหมดแล้ว มีลายเซ็นอดีตรัฐมนตรี 5 คนกำกับ 
       นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงกรณีคุณสมบัติของนายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง กรรมการ ป.ป.ช. และนายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการ ป.ป.ช. ว่า ขอชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนแก่สาธารณชน เนื่องจากนายปรีชา พล.ต.อ. สถาพร และนายณรงค์ ได้รับการสรรหาและโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ซึ่งมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการสรรหาและการเลือกกรรมการ ป.ป.ช. และมีผลบังคับใช้แล้ว อันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศที่บัญญัติขึ้น ภายหลังจากประกาศ คปค. ฉบับที่ 19 ดังกล่าว จึงไม่กระทบต่อสถานะการดำรงตำแหน่งและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้ง 3 คนแต่อย่างใด 

สนช.คาดเสียงถอดไม่ถึง
      รายงานข่าวจากสนช.แจ้งว่า สำหรับการพิจารณาคดีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว และถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตรองประธานรัฐสภา ในการดำเนินการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เกี่ยวกับที่มาของสมาชิกวุฒิสภา ตามสำนวน ที่ป.ป.ช.เสนอนั้น โดยป.ป.ช.จะแถลงเปิด สำนวนคดีน.ส.ยิ่งลักษณ์ในวันที่ 9 ม.ค. และคดีนายสมศักดิ์ นายนิคมในวันที่ 8 ม.ค. คาดจะมีสนช.เห็นด้วยกับป.ป.ช.ไม่ถึง 3 ใน 5
       รายงานข่าวระบุด้วยว่า สำหรับกรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์คาดว่าเสียงจะไม่ถึง 3 ใน 5 เนื่องจากสนช.ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า ยังไม่มีการดำเนินคดีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเกิดขึ้นเลย สนช.จะไปตัดสินล่วงหน้าไม่ได้ เพราะไม่ใช่ศาล ส่วนกรณีของนายสมศักดิ์ และนายนิคมนั้น สนช.ส่วนใหญ่เห็นว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 จบไปแล้ว จึงไม่มีเหตุต้องไปถอดถอน นอกจากนั้นทั้งนายสมศักดิ์และนายนิคมก็ไม่มีสถานะอะไรที่ต้องไปถอดถอน

จ่อร่นวันลงมติเป็น 22-23 ม.ค.
     ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกวิปสนช.ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมวิปสนช.ได้หารือถึงคดีถอดถอนนายนิคมและนายสมศักดิ์ และคดีของน.ส. ยิ่งลักษณ์ โดยกำหนดการพิจารณาทั้งสองคดียังเป็นไปตามกรอบเวลาเดิมคือประมาณปลายเดือนม.ค. ส่วนการลงมติทั้งสองคดีอาจร่นเวลาลงมติให้เร็วขึ้นเป็นวันที่ 22-23 ม.ค. 
       ด้านนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอให้ถ่ายทอดสดการประชุมพิจารณาคดีถอดถอนในวันที่ 9 ม.ค. ว่า ยังไม่ได้รับเรื่อง แต่การประชุมมีการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาอยู่แล้ว แต่การถ่ายสดในกรณีการถอดถอนไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้นขอเวลาไปศึกษารายละเอียด ส่วนกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์จะนำอดีตรัฐมนตรี 4 คน และทีมทนายความ 4 คนจะขอเข้าร่วมชี้แจงด้วยนั้น ตามข้อบังคับการประชุมจะให้ฝ่ายละ 1 คน แต่ถ้าขอมาอาจจะอนุญาตเพิ่มให้ 2-3 คนเท่านั้น ก็ต้องขอไปหารือก่อนเช่นกัน

บิ๊กตู่ลั่นไม่มีปรับครม.
        ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมครม. ถึงกระแสข่าวลือจะให้รัฐมนตรีบางคนลาออกจากตำแหน่งข้าราช การประจำ ว่า ไม่เป็นความจริง คนอนุมัติมีเพียงคนเดียวคือตน คนที่จะปรับรัฐมนตรีก็คือตน วันนี้ตนยังไม่ได้อะไรทั้งสิ้น ไม่มีใครลาออก และตนไม่ได้ให้ใครลาออก ถ้าจะให้ใครลาออก ตนคงไม่ให้เขาเข้ามาตั้งแต่ต้นแล้ว ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวบัญญัติไว้ชัดเจนให้ข้าราชการประจำดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีและบริหารงานได้ และก็ทำงานหนักเป็น 2 เท่า ทั้งผบ.ทบ.และรองผบ.ทบ.ก็ทำงานสองอย่าง ซึ่งคิดว่าไม่ยาก เพราะมีลูกน้อง มีผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ ก็มอบคนที่ไว้วางใจให้ทำงานต่อ ให้นโยบายสั่งงานลงไป หรือบางอย่างก็ทำเอง ไม่เห็นยากถ้าจะทำ 
       "มันมีเวลา มีใจ ทุกคนมีใจในการทำงาน ซึ่งไม่มีใครลาออก ผมไม่ได้ให้ใครลาออก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ยันไม่คิดปรับย้ายผบ.เหล่าทัพ
      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการปรับย้ายแต่งตั้งผบ.เหล่าทัพใหม่ เป็นสิทธิเป็นอำนาจของตนในการอนุมัติ มีพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ก็เสนอขึ้นมาตามขั้นตอน ซึ่งจะไปดำเนินการในเดือนต.ค.ซึ่งถือเป็นการปรับย้ายหลัก ส่วนการปรับในเดือนเม.ย.นั้น ปรับเพื่อหมุนเวียน เพื่อรอเกษียณ แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีการปรับย้ายใดๆ เพราะถือว่าปรับไปแล้ว 
        "ยืนยันว่า ผบ.เหล่าทัพยังไม่ปรับย้ายและไม่เห็นว่าจะไปเดือดร้อนใคร ไม่ใช่ว่าจะปรับเพราะไม่มั่นใจอำนาจ ผมไม่ได้ต้องการอำนาจ วันนี้ผมต้องการเพียงอำนาจบริหารราชการเพื่อบังคับบัญชาเท่านั้น ไม่ใช่เอามาปกป้องผม ทหารไม่ได้คิดแบบพลเรือนทั่วไป อย่ามากังวลผมในเรื่องนี้ ถ้าอยู่ได้ก็คืออยู่ได้ ประชาชนยอมรับในการทำงาน แต่ถ้าอยู่ไม่ได้ก็คืออยู่ไม่ได้ ประชาชนไม่ยอมรับการทำงาน วันนี้ต้องดูว่ามันดีหรือแย่กว่าเดิมก็ต้องหาคำตอบเอง ถ้าทำงานแย่กว่าเดิม ขอให้บอกมาจะได้แก้ไข" นายกฯกล่าว

ฮึ่มวันนี้ไม่มีคำว่า"น้องชาย"
       เมื่อถามว่ามองว่าเป็นเรื่องคลื่นใต้น้ำที่อยากให้ปรับตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มีคลื่น ข่าวก็ปล่อยมาจากพวกเรา สื่ออย่าเขียนข่าวกันมาก นักข่าวที่ออกมาก็ยืนยันว่าไม่มีมูลโดยเฉพาะเรื่องน้องชายของตนก็ไม่เกี่ยว วันนี้ไม่มีคำว่าน้องชาย มีแต่ข้าราชการกองทัพบก วันนี้ตนไม่ได้อยู่ในกองทัพบก ก็ให้สิทธิผบ.ทบ.เป็นผู้พิจารณา อย่ามากังวล ยืนยันว่าตนจะไม่ใช้อำนาจที่มีอยู่ในทางที่ผิด กองทัพบกมีคำว่าอาวุโส ถึงแม้จะมีรุ่นหรือเกษียณพร้อมกัน แต่ต้องดูว่าใครอาวุโสกว่า หรือหากมีความจำเป็นเหตุผลอย่างอื่น เช่น ทำงานได้ดีกว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า คณะกรรมการพิจารณาของกองทัพบกก็ว่ากันไป ไม่เกี่ยวกับตน 
        พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า คนเราต้องเคารพในกติกา เคารพในสิทธิ์และอำนาจของคนอื่นบ้าง อย่าไปถืออำนาจอยู่คนเดียว ทุกคนอาจมองว่าผมมีอำนาจล้นฟ้า แต่ผมไม่ได้ใช้ ความจริงผมจะใช้ก็ได้แต่ผมไม่ได้ใช้ ผมเคารพคนอื่นด้วย ถ้ามัวแต่เลือกคนนั้นคนนี้จะทำให้เสียหายไปเรื่อย ประเทศก็อยู่ไม่ได้ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กังวลมากกว่าตำแหน่งต่างๆ 

ลั่นไม่มีปฏิวัติ-อาวุธโชว์วันเด็ก
      "วันนี้ไม่มีปฏิวัติ ไม่มีปลด ไม่มีย้าย ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ยืนยันว่าไม่มี" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
       เมื่อถามว่ามั่นใจในอำนาจของตัวเองที่มีอยู่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่เคยมั่นใจในอำนาจของตนเอง เพราะตนไม่มีอำนาจ มีแต่อำนาจในการปกครองบังคับบัญชาบริหารราชการแผ่นดิน ไม่มีอำนาจแสวงหาผลประโยชน์หรือเพื่อสร้างฐานอำนาจใหม่ไม่มี ไม่เคยคิด
        เมื่อถามว่าจะไม่มีใครมาปฏิวัติใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ใครจะปฏิวัติ มาปฏิวัติไปเลย สื่อจะเขียนไปทำไม คงไม่มีใครเขาโง่ที่จะมาปฏิวัติ อย่าไปเขียนนิยาย วันนี้สถานการณ์ในประเทศสงบพอสมควร ทั้งนี้การจัดงานวันเด็กก็เหมือนทุกปี จะมียุทโธปกรณ์และรถถังต่างๆเคลื่อนย้ายเข้ามาก็อย่าตกใจ หรือมีข่าวลือ ยืนยันว่าไม่มีปฏิวัติ เพียงแต่เน้นการสอนให้ประชาชนและเยาวชนเรียนรู้ว่าความมั่นคงคืออะไร มีช่องทางใดบ้างช่วยดูแลบ้านเมืองต่างๆ

เชื่อไม่โง่โกง 7 ล.ทำสติ๊กเกอร์
       พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงข้อวิจารณ์การใช้งบประมาณจัดทำสติ๊กเกอร์ไลน์ค่านิยม 12 ประการว่า อยู่ระหว่างการสอบสวนว่าราคาแพงเกินไปหรือไม่ ต้องดูว่าเทคโนโลยีเหล่านี้มันแพงหรือไม่ ใช้กับคนจำนวนเท่าใด คุ้มค่าหรือไม่ ต้องไปดูว่าสิ่งที่เขาทำตั้งใจ หรือไม่ ทำเพื่ออะไร กระบวนการเป็นอย่างไร มันผิดหรือถูก คิดว่าเขาคงไม่โง่เพื่อจะเอาเงิน 7 ล้านบาท แต่ถ้าเขาผิดก็ลงโทษ
        "ผมว่าเงินขี้ปะติ๋ว 7 ล้าน ถ้ามันโง่โกงเงิน 7 ล้าน มันโง่ วันนี้บ้านเมือง รัฐบาลเป็น อย่างนี้แล้วยังโกง ผมว่าไปดูเจตนาเขาต้องไปดูวันนี้เรื่องเหล่านี้เล็กไม่ได้ บาทหนึ่งก็ไม่ได้ ต้องไปสอบ ผมต้องรับผิดชอบงบประมาณหลายแสนล้าน อนุมัติไปแล้ว ถ้าไปโกงกันข้างล่างก็ต้องไปตามจิกอีก และมาไล่ผมอีกว่าทุจริตหรือไม่ แค่นี้ก็เหนื่อยแย่แล้ว กว่าจะคิด จะ สั่ง ทำนโยบายแผนงาน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ชี้คดีถอดถอนถ้าไม่ผิดก็จบ
       ผู้สื่อข่าวถามถึงสนช.นัดประชุมแถลงเปิดถอดถอนนายสมศักดิ์และนายนิคมในวันที่ 8 ม.ค. แถลงเปิดถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ในวันที่ 9 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่กระทบความมั่นคง ทุกอย่างหากผิดกฎหมายก็คือผิด ตรวจสอบแล้วไม่ผิดกฎหมายก็จบ เมื่อมีคนเสนอให้ตรวจสอบ ถามว่าไม่ตรวจได้หรือไม่ก็ไม่ได้ พอสนช.ไม่รับก็เป็นประเด็น แต่พอรับมาก็มีกระแสอีกว่ารับมาทำไม เพราะประเทศอยู่ในขั้นปรองดอง สุดท้ายต้องดูว่ามันผิดกฎหมายหรือไม่
       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้ามาอ้างว่ารัฐธรรม นูญปี 2550 ยกเลิกไปแล้วนั้น ไม่ถูกต้องเพราะยังมีกฎหมายของป.ป.ช. อยู่จึงต้องว่าไปตามกระบวนการ ซึ่งตนยกเลิกรัฐธรรมนูญเท่านั้น ส่วนกฎหมายลูกยังคงไว้อยู่ทุกข้อ ดังนั้นอย่าเอามาเหมารวม เพราะมันเป็นคนละเรื่องกัน ก็ต้องไปว่ากันในสนช. ถ้ามาตัดสินกันเอง สุดท้ายผลออกมาว่าไม่ผิดก็มาบอกตนเข้าข้าง ถ้าผิดก็บอกว่าถูกรังแกทางการเมือง แล้วเราจะเอาอะไรเป็นบรรทัดฐานตัดสิน ส่วนความมั่นคงอยู่ในความดูแลของรัฐบาล ยืนยันว่าต้องไม่มีประท้วง จะประท้วงไม่ได้ มันเป็นเรื่องกฎหมาย แต่ถ้าตัดสินแล้ว ไม่ยอมรับความผิดมาประท้วง ตนก็เอาเรื่องแค่นั้นเอง

ต้องปล่อยตามกระบวนการ
     เมื่อถามว่า ขณะนี้บ้านเมืองอยู่ในช่วงปรองดอง นายกฯ กล่าวว่า ถ้าเราจะปรองดอง เราต้องยกโทษ ยกความผิดให้ทุกคนก่อนหรือ ซึ่งมันไม่ใช่ เราต้องแยกแยะให้ชัดเจน ขอย้ำว่าใครทำผิดต้องว่าตามกระบวนการยุติธรรม ถ้าทำผิดถูกลงโทษแล้วไปขอพระราชทานอภัย โทษมา เรื่องอื่นไม่ต้องมาคุยกับตน โดยเฉพาะการนิรโทษกรรม อยากพูดก็พูดไป ตนไม่รับรู้ 
       เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะเป็นเหมือนระเบิดเวลาความขัดแย้งทางการเมืองหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ว่าผลตัดสินจะออกมาอย่างไรเพราะมีหลายคดี ถ้ามาถามว่าผิดหรือถูกกับตนทั้งหมดแล้ว จะให้ตนตอบก็ไม่ต้องตั้งสนช. ให้มีแค่คสช.อย่างเดียวพอ หากเป็นอย่างนั้นตนตอบได้ทุกคำถามแน่นอน วันนี้ต้องปล่อยตามกระบวนการยุติธรรม

ลั่นมีอัยการศึกไร้แรงกระเพื่อม
      เมื่อถามว่า รัฐบาลทนแรงกระเพื่อมทางสังคมได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มีแรงกระเพื่อมใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเรามีกฎอัยการศึกควบคุมไม่ให้เคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ ส่วนข้อกังวัลเรื่องคลื่นใต้น้ำนั้น เราห้ามความคิดไม่ได้ ทุกคนมีอิสระแต่ต้องรู้ว่าควรแสดงออกตอนใดเวลาใด สิ่งสำคัญเราต้องให้เวลาคนทำงานบ้าง ถ้าไม่อยากกลับไปสู่วังวนเดิม
      เมื่อถามว่า ลำบากใจหรือไม่เนื่องจากเคยทำงานร่วมกับน.ส.ยิ่งลักษณ์มาก่อน พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ลำบากใจเพราะตนทำงานด้วยกฎหมายให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ได้ไปไล่ล่าฆ่าฟันใคร ปล่อยตามกระบวน การยุติธรรม ทุกฝ่ายต้องเข้ากระบวน การเช่นเดียวกัน ใครผิดก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย ถ้าคิดว่าตัวเองถูกก็ต่อสู้ตามกระบวนการ 
      พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงผู้ต้องหาคดีกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ผู้ที่หลบหนีคดีไปอยู่ 7-8 ประเทศ ตนจะให้กระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือชี้แจงทุกประเทศ เพราะเขาไม่เข้าใจและคิดว่าเป็นเรื่องการเมือง ไม่เข้าใจถึงสถานภาพความเดือดร้อนของเรา สิ่งที่เราทำนั้น เพื่อให้เข้าใจว่าเราได้ดำเนินการ

เปรยอย่าไปฟังกมธ.มาก
      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ในการประชุมครม.ครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกของปี 2558 ได้เร่งรัดขับเคลื่อนงานทางยุทธศาตร์ เช่น การบริหารจัดการน้ำ การสาธารณูปโภค แก้ปัญหาการค้ามนุษย์ การประมง ซึ่งต้องทำให้เสร็จภายใน 1 ปี วันนี้งานทุกอย่างมันเดินไปพร้อมกันทั้งหมด จะกำชับให้รวดเร็วให้มากยิ่งขึ้น ส่วนการทำงานของสนช.และสปช.ที่ได้รายงานในที่ประชุมนั้น ตนให้เวลาไป 3 เดือนว่าให้ลองเริ่มคิดเริ่มทำกำหนดหัวข้อ วันนี้ออกมาแล้วมี 22 คณะ ได้กำหนดว่า 3 เดือนต่อไปต้องการอะไร ขับเคลื่อนให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็วภายใน 1 ปีให้ได้ และระยะยาวจะส่งต่องานอะไร เช่น การปรับโครง สร้างกระทรวง ตำรวจ และพิจารณากฎหมายที่ยังไม่สมบูรณ์ให้สมบูรณ์เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนที่เดือดร้อนโดยเร็ว
      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้การปฏิรูปจะเกิดโดย 3 กลุ่มด้วยกันคือ 1.รัฐบาล คสช. ข้าราชการ 2.จากประชาชนที่ได้รับฟังความเห็นมา และ 3.สปช. ที่กำหนดหัวข้อออกมา โดยทั้งหมดจะนำมารวมกลุ่มใหม่ผ่านกระบวนการเข้าสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญ อย่าไปให้ความสำคัญกับกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญอย่างเดียว เพราะเป็นเรื่องการเลือกตั้ง หรือการบริหารราชการแผ่นดินระยะต่อไป อยากให้ทุกคนสนใจว่าวันนี้สนช.ออกกฎหมายอะไรบ้าง มีผลกับสังคมอย่างไร และได้ชี้แจงไปแล้วว่า 3 เดือนต่อไปต้องมีอะไรออกมาชัดเจน ทั้งหมดต้องเสร็จภายใน 1 ปีให้ได้ ส่วนการทำให้เกิดความยั่งยืนเป็นเรื่องของรัฐบาลใหม่จะรับไป ถ้าจะไม่ให้เสียเปล่ามันต้องส่งต่อให้ได้

ชี้ข้อมูล"สปช.-สนช."ยังมีไม่พอ
       พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงภายหลังการ ประชุมครม.ว่า ในที่ประชุม นายกฯ กล่าวถึง วันเด็กแห่งชาติที่มีคำขวัญว่า "ความรู้ คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต" โดยเน้นเรื่องค่านิยม 12 ประการ แต่ให้หน่วยงานระมัดระวังเพราะไม่ต้องการให้เด็กมาท่องจำค่านิยม แต่ต้องการสร้างพื้นฐานและให้ประชาชนรู้และปฏิบัติว่าถ้ายึดหลักสังคมจะดีขึ้นอย่างไร เพราะปัญหาแก้ไม่ได้ทั้งหมด แต่ช่วยยกระดับสังคมให้ดีขึ้น นอกจากนี้อยากให้สอดแทรกเรื่องสังคมจิตวิทยา วัฒนธรรมที่ดีงามของไทยและการเฝ้าระวังช่วยแจ้งข่าวสารข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ได้ด้วย
      พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกฯ ยังกล่าวถึงการปฏิรูปว่า ได้ติดตามทั้งสนช.และสปช. พบว่าหลายกรณี สนช.และสปช.ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอ จึงมอบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ให้ข้อมูลกับสนช.และสปช.ให้ทราบว่ารัฐบาลมีข้อมูลเดิมอย่างไร มีแนวคิดปฏิรูปและมีอะไรเป็นต้นทุนเพื่อเป็นแนวทาง เพราะหากให้คิดอะไรใหม่ ก็จะคนทิศละทาง นายกฯ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องการผลิตไฟฟ้า ก็มีหลายกรณีที่มีแนวคิดจะเปิดฟรีเสรี ทั้งที่เป็นไปไม่ได้เพราะต้องดูรายละเอียดทั้งความต้องการ ดูสายส่ง ดังนั้น ในทุกข้อมูลขอให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ 3 หน่วยงานใกล้ชิด

'บิ๊กป้อม'ยันไม่มีบิ๊กรมต.ลาออก
       ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่งทางทหารของ 3 รัฐมนตรีว่า หากมาถามเรื่องลาออก เรื่องปฏิวัติซ้ำๆ อีก ตนไม่ตอบ เพราะคนที่เกี่ยวข้องเขาตอบไปไม่รู้เท่าไรแล้ว จะมาถามอะไรอีก
      เมื่อถามว่าพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีต นายกฯ ยืนยันข่าวการเตรียมลาออกเป็นเรื่องจริง พล.อ.ประวิตรกล่าวย้อนว่า "ใครลาออก ใครพูดก็ไปถามคนนั้น ไปถามพล.อ.ชวลิต อย่ามาถามผม รู้ว่าลาออกก็ยืนยันมา มีที่ไหน ผมเป็นรมว.กลาโหมก็ยืนยันมา เมื่อถามย้ำว่ามีการปล่อยข่าวภายในกันเองหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้ ตนเอาข้อเท็จจริงมาพูด อย่าไปเขียนแบบมโนเอาเอง ให้เอาเรื่องจริงมาพูดกัน
      ด้านพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าว 3 นายพลจะลาออกว่า ไม่รู้ว่าเกิดข่าวนี้มาได้อย่างไร แต่คิดว่าถ้าเริ่มข่าวโดยมีความตั้งใจแอบแฝง ถือว่าไม่ปรารถนาดี ขอให้กลับไปคิดว่าเริ่มข่าวนี้อย่างไรและทำไม ซึ่งไม่ควรนำมาขยายความกันต่อไป 

จี้สปช.นำร่อง 3 มหานคร 
       ที่อาคารเพรสิเดนซ์ เพลส แยกราชประสงค์ พล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานคณะรัฐบุคคล กล่าวว่า คณะรัฐบุคคลได้ทำหนังสือเป็นข้อเสนอแนะปฏิรูปรัฐธรรมนูญ โดยเสนอให้กมธ.ยกร่างฯ เขียนในรัฐธรรมนูญ ให้ชัดเจนในเรื่องพระราชอำนาจขององค์ พระประมุข ให้เข้ามาแก้ไขกรณีเกิดวิกฤตในบ้านเมืองโดยใช้พระราชอำนาจผ่านสถาบันกองทัพหรือผู้ดำรงตำแหน่งรัฐบุรุษที่ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ไว้ ทำหน้าที่รับสนองพระบรมราชโองการ ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาการปฏิวัติที่เกิดขึ้นบ่อย ตนมองว่าการแก้ปัญหาด้วยการรัฐประหารนั้นไม่ถูกต้อง เมื่อทำไปแล้วก็เห็นอยู่ว่าเหวอยู่ข้างหน้า เชื่อว่าทหารก็ไม่ชอบ อย่างไรก็ดีส่วนตัวเห็นว่าหากคสช.ยกเลิกกฎอัยการศึกได้เร็วเท่าไรก็เป็นประโยชน์กับประเทศชาติมากเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจว่าจะเห็นอย่างไร 
     ที่รัฐสภา นายสวิง ตันอุด ผู้ประสานงานเครือข่ายจังหวัดปกครองตนเองภาคเหนือ พร้อมตัวแทนเครือข่ายจังหวัดภาคต่างๆ เข้ายื่นหนังสือต่อนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. เพื่อขอให้เร่งรัดออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยเรื่องจังหวัดปกครองตนเองให้เสร็จควบคู่กับการจัดทำรัฐธรรมนูญและขอให้สนช. สนับสนุนเครือข่ายจังหวัดจัดการตนเอง ที่จะขับเคลื่อนงานเพื่อทำความรู้ ความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งได้เสนอร่างกฎหมายจังหวัดปกครองตนเอง 4 ฉบับ ประกอบด้วย ร่างพ.ร.บ.การบริหารราชการปัตตานีมหานคร ร่างพ.ร.บ. การบริหารราชการเชียงใหม่มหานคร ร่างพ.ร.บ.จังหวัดระยองจัดการตนเอง และร่างพ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดจัดการตนเองมากกว่า 50 จังหวัดที่เข้าร่วม พร้อมเสนอให้รัฐธรรมนูญเน้นสู่การกระจายอำนาจ แทนการรวมศูนย์อำนาจอย่างที่ผ่านมา

สปช.ชงตั้งสมัชชาคุณธรม
       เวลา 13.00 น. สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ประชุมพิจารณาวาระการจัดตั้ง สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ และแนวทางการปฏิรูปคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลของประเทศ ในระยะเปลี่ยนผ่าน ตามที่คณะกรรมาธิการปฏิรูปคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล พิจารณาเสร็จแล้ว 
      โดยน.พ.พลเดช ปิ่นประทีบ ประธานกมธ.คุณธรรมฯ ชี้แจงว่า การจัดตั้งสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ จะประกอบด้วย 5 กรรมการสมัชชาฯ และที่ประชุมสมัชชา ไม่น้อยกว่า 55 คน เพื่อทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานคุณธรรม จริยธรรม และธรรมา ภิบาลขององค์กรและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้บริหารระดับสูง กรรมการในองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง ผู้บริหารระดับสูงในระบบราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ โดยการทำงานภายใต้สมัชชาคุณธรรมจะ ไม่ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน แต่จะ ได้รับเบี้ยประชุมและค่าใช้จ่ายที่จำเป็น
      จากนั้นสมาชิกสปช.อภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ก่อนมีมติเห็นชอบให้คณะกรรม การการปฏิรูปคุณธรรมฯ ศึกษาเรื่องนี้ต่อไป ภายใน 60 วัน ด้วยคะแนน 203 เสียง ต่อ 7 เสียง และงดออกเสียง 10 เสียง โดยนาย เทียนฉายแจ้งต่อสมาชิกสปช.ว่า จะตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมา 1 ชุด ให้ยกร่างบทบัญญัติ ก่อนนำเสนอให้ที่ประชุมสปช. พิจารณาเพื่อส่งต่อไปยังสนช.พิจารณาต่อไป จากนั้นสั่งปิดการประชุมในเวลา 17.00 น. 

ชงรบ.เพิ่มงบจัดการน้ำ 9 แสนล.
      วันที่ 6 ม.ค. นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เปิดเผยถึงงบประมาณตามแผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการทรัพยากรน้ำฉบับใหม่ระยะเวลา 10 ปีว่า แผนดังกล่าวจะใช้งบ 9 แสนล้านบาท แตกต่างจากแผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทรัฐบาลชุดเก่า คือแผนฉบับใหม่จะแก้ปัญหา 3 เรื่องหลัก คือ 1.การขาดแคลนน้ำ 2.การป้องกันอุทกภัย และ 3.การรักษาคุณภาพน้ำ โดยจะแก้ปัญหาให้ได้ทั้งประเทศ แต่แผน 3.5 แสนล้านบาทนั้น แก้ไขปัญหาอุทกภัยในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นหลัก โดยงบฯ 9 แสนล้านบาท จะมีทั้งส่วนเงินกู้และงบประมาณจากภาครัฐ ซึ่งการสรรหางบฯ นั้นต้องหารือกันอีกครั้ง
      นายเลิศวิโรจน์ กล่าวว่า โครงการใหญ่ๆ ที่รัฐบาลวางแผนจะทำนั้นจะยังมีอยู่และน่าจะเกิดขึ้นในปี 2560 ประกอบด้วยเส้นทางการระบายน้ำ หรือทางฟลัดเวย์ฝั่งตะวันออก อาทิ คลองชัยนาท-ป่าสัก ระยะทาง 270 กิโลเมตร พาดผ่านพื้นที่ 6 จังหวัด จากชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี ปทุมธานี จนถึงสมุทรปราการ และคลองระพีพัฒน์ คู่ขนานคลองรังสิต 14, 15 คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต เพื่อผันน้ำออกสู่ทะเลอ่าวไทย รวมทั้งคลองผันน้ำบางบาล-บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากต้องปรับผังเมืองใหม่ให้น้ำไม่ไหลเข้าสู่ตัวเมือง 
      "ทุกโครงการต้องใช้เวลาศึกษา ซึ่งแตกต่างแผนของรัฐบาลชุดที่แล้วที่ประกวดราคาแข่งขันโครงการเส้นทางระบายน้ำเลย ไม่ได้ศึกษาหรือจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ก่อน แต่แผนฉบับใหม่ได้จัดทำความพร้อมให้เสร็จก่อน ทั้งสอบถามภาคประชาชน ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมซึ่งน่าจะใช้เวลา 1 ปี ขณะนี้รัฐบาลจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำเร่งด่วนในปี 2558-59 ที่ผ่านครม.แล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับโครงการใหญ่ๆ ในปี 2560" นายเลิศวิโรจน์กล่าว

ชงกม.ปฏิรูปสื่อมีผลย้อนหลัง
        เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่รัฐสภา นายสุทธิชัย หยุ่น ประธานกรรมการ บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป ยื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ และขอให้พิจารณาตรวจสอบกรณีผู้ซื้อหุ้นบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) ในลักษณะเข้าข่ายเทกโอเวอร์อย่างไม่เป็นมิตร โดยนายจุมพล รอดคำดี ประธานกมธ.ปฏิรูปการสื่อสารฯ ที่เป็นผู้รับเรื่อง กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณา
      นายไพบูลย์ นิติตะวัน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า การปฏิรูปสื่อมวลชนแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ 1.ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเสนอที่ประชุมสปช. 2.กมธ.ยกร่างฯ ต้องเขียนบทบัญญัติ หรือพ.ร.บ.คุ้มครองกิจการสื่อสารมวลชนและวิชาชีพสื่อ เสนอที่ประชุม สนช. ออกเป็นกฎหมายต่อไป คาดว่าจะใช้เวลา 2 เดือน และ 3.ในส่วนของ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจะมี 1 มาตราเป็นบทบัญญัติคุ้มครองสื่อ โดยกระบวนการตรากฎหมายจะมีผลย้อนหลังด้วย

เล็งทุ่ม 1.4 หมื่นล้านจ้างเลิกทำนา
     เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย ผู้ช่วยรมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือระบบส่งเสริมการเกษตรและโครงการปรับโครงสร้างการผลิตข้าวว่า เตรียมเสนอที่ประชุมครม. ของบประมาณ 14,000 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนแผนการปรับโครงสร้างการผลิตข้าว 2 ปี จากแผนการปรับโครงสร้างการผลิตข้าวที่กำหนดระยะเวลา 5 ปี (ปี 2558-61) โดยหลังเสร็จสมบูรณ์จะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาในเร็วๆ นี้
      นายอภิชาติ กล่าวว่า งบประมาณที่ขอครม.ครั้งนี้จะใช้สนับสนุนปัจจัยการผลิต ชดเชยดอกเบี้ย ฝึกอบรมให้เกษตรกร ภายใต้แผนการปรับโครงสร้างการผลิตข้าว แบ่งพื้นที่การปลูกข้าวเป็น 2 โซน 1.พื้นที่เหมาะสมในการปลูกข้าว และ 2.พื้นที่ไม่เหมาะสม 11 ล้านไร่ ซึ่งจะส่งเสริมใน 2 วิธีการคือ 1.เกษตรกรรมทางเลือกอื่น จะช่วยเหลือเงินแบบให้เปล่าเพื่อใช้ปรับสภาพพื้นที่ หาแหล่งน้ำ ปัจจัยการผลิตต่อเนื่อง 2 ปี โดยปีแรก ให้เปล่า 5,000 บาทต่อไร่ ปีต่อมา 4,000 บาทต่อไร่ ครัวเรือนละไม่เกิน 5 ไร่ และ 2.เปลี่ยนเป็นการปลูกอ้อยโรงงาน 
        หากครม.อนุมัติงบประมาณ คาดว่าแผนการดังกล่าวจะดำเนินการได้ทันฤดูกาลผลิตแรกปี 2558/59 จะช่วยเหลือแบบเงินให้เปล่า หากชาวนาสมัครใจเข้าร่วมโครงการจะจ่ายเงินให้ทันที ปีแรก 25,000 บาท และปีที่สอง 20,000 บาท เพื่อนำไปใช้จัดหาปัจจัยการผลิต และหาแหล่งน้ำเพื่อปรับปรุงอาชีพชาวนา
      นายอภิชาติ กล่าวว่า นอกจากนี้จะขออนุมัติจัดสรรเงินกู้วงเงิน 30,000 ล้านบาท โดยให้รัฐบาลอุดหนุนดอกเบี้ยบางส่วน ชาวนาจ่ายดอกเบี้ยเอง 1-2% ตามแต่อัตราดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินจะคิด โดยกลุ่มเกษตรกรทางเลือก รัฐบาลยังจะสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 3 หมื่นบาทต่อครัวเรือน ส่วนที่ต้องปรับเป็นอ้อยจะสนับสนุนสินเชื่อ 2 แสนบาทต่อครัวเรือน 

ครม.ฉลุยร่างพรบ.ศาล9ฉบับ
      วันที่ 6 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมครม.ว่า ครม.อนุมัติหลักการร่างพ.ร.บ.เกี่ยวกับระบบการอุทธรณ์และฎีกา รวม 9 ฉบับ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ ไและให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้วิปรัฐบาลพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ได้แก่ 1.ร่างพ.ร.บ.จัดตั้งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พ.ศ. .. สาระสำคัญคือกำหนดคำนิยาม "คดีชำนัญพิเศษ" หมายความถึงคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ คดีภาษีอากร คดีแรงงาน คดีล้มละลาย คดีเยาวชนและครอบครัว และให้มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีที่อุทธรณ์มาจากศาลชำนัญพิเศษ ได้แก่ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
        2.ร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... 3.ร่างพ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 4.ร่างพ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 5.ร่างพ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 6.ร่างพ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 7.ร่างพ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... 8.ร่างพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และ 9.ร่างพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 

'บิ๊กตู่'แจงปัญหาดูแล'โรฮิงยา'
       วันที่ 6 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงยุทธศาสตร์ระยะยาวในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ หลังไทยถูกจัดอยู่ระดับเทียร์ 3 ในรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ของสหรัฐว่า ได้กำชับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เรื่องการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ เพื่อให้สังคมเห็นถึงการดำเนินงานของรัฐบาล วันนี้เราได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูทั้งหมด 23 หัวข้อ ที่เขาประเมินและเตือนมาหลายปี ซึ่งรัฐบาลเข้ามาหลังจากเป็นเทียร์ 3 แล้ว ต้องย้อนกลับมาดูว่า 23 ข้อที่เขาประเมินเกิดจากอะไร และต้องตามแก้ทั้ง 23 ข้อ 
       ผู้สื่อข่าวถามว่าล่าสุดที่จับชาวโรฮิงยาได้ที่ จ.พังงา มีแนวทางป้องกันอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า จับมาตลอด แต่ถ้าเขาอยากจะไปไหนเราก็อำนวยความสะดวกให้ ถ้าเอาเขามาติดคุกก็ต้องเลี้ยงดูไปเรื่อยๆ ตอนนี้ต้องเดินหน้าทุกทาง ต่างประเทศก็ต้องเดิน ต้นทางจะรับกลับหรือไม่ ส่วนพวกที่ทำผิดกฎหมายค้ามนุษย์ต้องดำเนินคดีทั้งหมด 
      ด้านนายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมแลเะความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งจัดทำข้อเสนอแก้ไข การขับเคลื่อนการแก้ปัญหาค้ามนุษย์เพื่อรายงานต่อสหรัฐว่าไทยมีปัญหาการค้ามนุษย์ โดยสรุปเป็น 21 ประเด็น เรื่องหลักคือ การดำเนินคดี การดูแลแรงงานประมง การดูแลผู้เสียหายที่จะเป็นพยาน และเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจหน้าที่ทำให้เกิดการค้ามนุษย์ ต้องนำประเด็นเหล่านี้ไปตอบคำถามสหรัฐภายในวันที่ 30 ม.ค. และรายงานความคืบหน้าให้สหรัฐรับทราบในช่วงก.พ. ก่อนสหรัฐจะออกรายงานในมิ.ย.นี้ เป้าหมายการแก้ปัญหาเพื่อแสดงจุดยืนว่าไทยดำเนินการต่างๆ คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนและชีวิตของผู้คน ไม่มีทาส ไม่มีเหยื่อ และขยับจากการจัดอันดับเทียร์ 3 ขึ้นเป็นเทียร์ 2

ขยายชำระหนี้เกษตรกรถึง 11 มีค.
   เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจาก 24 จังหวัด 30 คน นำโดยนางปิ่นแก้ว แก้วสุกแท้ ได้ยื่นหนังสือถึงม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ในฐานะประธานกองทุนฟื้นฟูฯ ขอให้ยกเลิกคำสั่งของเลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ ที่เป็นคำสั่งมิชอบ ขัดกฎหมายกองทุนฟื้นฟูฯ และส่งผลให้เกษตรกรสมาชิกกองทุนฯ ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เนื่องจากเลขาธิการออกคำสั่งไม่ให้ชะลอการจัดการหนี้ หนี้ที่ต้องอุทธรณ์ หนี้สหกรณ์และหนี้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ อีกทั้งยังสั่งให้ประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนฯ จังหวัด 3 เดือนต่อครั้ง ซึ่งไม่สามารถแก้ไขความเดือดร้อนของเกษตรกรได้ทันท่วงที จึงขอให้ประชุมเดือนละ 1 ครั้ง
     นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวกับกลุ่มสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ว่า มารับเรื่องไปนำเสนอต่อม.ร.ว.ปรีดิยาธร ส่วนการขอขยายเวลาการชำระหนี้นั้น เบื้องต้นได้พูดคุยกับสถาบันการเงินแล้วให้ขยายเวลาออกถึงวันที่ 11 มี.ค.นี้ ซึ่งกลุ่มดังกล่าวพอใจและทยอยเดินทางกลับ
     ที่รัฐสภา นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปการเกษตร สปช. แถลงว่า มาตรการที่รัฐบาลประกาศให้ความช่วยเหลือชาวสวนยางไม่เกิดผลสำเร็จที่แท้จริง เนื่องจากติดขัดกฎระเบียบที่มีอยู่ จึงขอเรียกร้องให้ข้าราชการต้องดูแลให้ทั่วถึง ส่วนมาตรการแก้ไขระยะยาว รัฐบาลควรขยายตลาดรับซื้อน้ำยางดิบเพิ่มจากตลาดของสถาบันวิจัยยาง 6 แห่ง รวมถึงตลาดของกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางอีก 108 แห่ง จะทำให้การแก้ไขปัญหาครอบคลุมทั่วถึง และอนุกมธ.ขอเสนอโครงการรวบรวมยางก้อนถ้วยแปรรูปเป็นยางแท่งเพื่อเพิ่มมูลค่า หากแปรรูปได้ 1 ล้านก.ก.ต่อเดือน จะทำให้ราคายางพาราในตลาดมีเสถียรภาพดีขึ้น
      พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงสถานการณ์ราคาข้าวและยางพาราว่า ตอนนี้ข้าวราคาขึ้น 0.15% อยู่ที่ 12,900 บาทต่อตัน ส่วนราคายาง 61 บาท ต่อกิโลกรัม และจะพยายามทำให้ราคาขึ้นไปถึง 65 บาท ต่อก.ก. ทั้งนี้อย่าไปมองเป็นจุดๆ ถ้ายางไม่ได้คุณภาพต้องลดราคาลงมา ซึ่งต่ำสุดอยู่ที่ 50 กว่าบาทต่อก.ก. เราต้องค่อยๆ แก้ปัญหาถ้าแก้รวดเดียว ใช้เงินอุดหนุนแล้วเมื่อไรจะพอ เราต้องแก้ทั้งระบบ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!