WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8819 ข่าวสดรายวัน


'ตู่'ยันเอง ไม่มี-ใบสั่งเชือด'ปู'
ก๊ก 40 สว.มั่นใจถอดได้แน่ อดีตผู้พิพากษาเตือนคสช. ปปช.จ่อฟัน'บุญทรง-ภูมิ'จ.เลยจัดอาลัย-สิ้น'บิ๊กซัน'

        "บิ๊กตู่"โต้ลั่นข่าวคสช. ส่งสัญญาณให้สนช.ถอด ถอน ฉุนสื่อถามงี่เง่า โบ้ยให้ ไปถามหมอดูแทน ยันไม่มีใบสั่ง รวมทั้งไม่สงสารอดีตนายกฯ 'ยิ่งลักษณ์' ถ้าหากถูกถอดถอน ถ้าหากทำผิดสงสารไม่ได้ ขณะที่กลุ่มอดีต 40 ส.ว.เชื่อสมาชิกมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว แนะให้ดูมติที่ประชุมที่ออกมาเกิน 132 เสียง เผยผลหยั่งเสียงคะแนน 'นิคม-สมศักดิ์' กระเตื้องขึ้น เพราะชี้แจงชัดเจน ขณะที่เสียงถอดถอน 'ปู' กระแสหมั่นไส้ทนายมาแรง ด้าน 'สมลักษณ์ จัดกระบวนพล' อดีตป.ป.ช.เตือนป.ป.ช.ระวังถูกฟ้องรูดแบบเดียวกับกรณีพล.ต.อ.พัชรวาทดำเนินการ

บิ๊กตู่ฉุน-โต้ใบสั่งถอดถอน'ปู'

      เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการ วิจารณ์ว่าคสช.ส่งสัญญาณให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กรณีการถอดถอน น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า ให้ไปถามหมอดู เมื่อถามว่านายกฯควระชี้แจงให้ชัดเจนจะได้หายสงสัย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ว่า "ใครสั่ง ก็ไม่มีไม่เห็นมีใครไปสั่ง ใครพูดก็ไปถามคนนั้น อย่ามาถาม อะไรงี่เง่า" เมื่อถามย้ำว่าฝ่ายการเมืองออกมาวิจารณ์ว่าคสช. ส่งสัญญาณไป นายกฯ กล่าวว่า ก็ไปถามนักการเมือง ไม่มีการส่งสัญญาณอะไรทั้งนั้น ใครพูดให้ไปถามคนนั้น ไม่มีอะไรทั้งสิ้น

    ต่อมาเวลา 12.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า นักการเมืองหรือใครอยากวิจารณ์ก็วิจารณ์ไป เป็นเรื่องของสนช. ที่ทำงาน ต้องเข้าใจว่าสนช.และสปช. ตั้งขึ้นมาเพื่อทำงานแทนสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เพราะต้องมี ผู้ทำงานด้านกฎหมายร่วมกับฝ่ายรัฐบาล บริหารจัดการในการขับเคลื่อนประเทศ ไม่ได้ตั้งขึ้นเพื่อไปลงโทษใครเป็นหลัก ส่วนที่ทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ขู่ฟ้องสนช.หากถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ก็ขู่ไป ฟ้องได้ก็ฟ้องมาแล้วจะฟ้องใคร ไปหาที่ฟ้องมาก่อน เมื่อถามว่าการพูดเช่นนี้เป็นการข่มขู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้ ตนไม่กลัว

ระบุไม่เกี่ยวกับการปรองดอง

      ผู้สื่อข่าวถามว่าวันลงมติถอดถอนในวันที่ 23 ม.ค.นี้ เป็นห่วงจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีไม่ได้ จะมีด้วยเหตุผลอะไร ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเคารพกฎกติกากฎหมายบ้านเมืองกันเลยหรืออย่างไร ถ้าประชาชนส่วนใหญ่อยากทำอย่างนั้นก็โอเค ตนไม่ว่าอะไร แต่ไม่ให้ทำ ถ้าทุกคนจะทำตามใจชอบก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว ทุกคดี ทุกศาลไม่ต้องทำหน้าที่กันแล้ว ให้ทุกคนทำตามใจชอบ 

     "ต้องไปดูว่า ถ้าจะยกเว้นโทษ หรือไม่ลงโทษก็ต้องกันว่าด้วยหลักฐาน ข้อเท็จจริง ข้อพิจารณาและการลงมติ เราจะไม่เคารพกันเลยหรืออย่างไร" นายกฯ กล่าว

     เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะทำให้เกิดความขัดแย้งตามมาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้ รอให้เขาตัดสินมาก่อน ส่วนที่มีการนำไปโยงกับการปรองดองนั้น ตนพูดมาเป็น 10 ครั้งแล้วว่าการปรองดองคืออะไร การทำผิดกฎหมายจะปรองดองได้หรือไม่ ทุกคนก็รู้ดี ส่วนที่ยังมีคนไม่เข้าใจก็ต้องไปถามทำผิดกฎหมายจะให้ปรองดองทั้งหมด ฆ่าคนตาย คดโกง ทุจริต ทุกๆ คดี ทั้งคดีโกงหุ้น คดีซุกหุ้น จะให้ปรองดองหมดอย่างนั้นหรือ เมื่อทำไม่ได้จะให้ยกเว้นเฉพาะกรณีได้อย่างไร ลองคิดดูว่าจะเอาความรุนแรงมาต่อต้านการทำงานของรัฐบาลได้หรือไม่ จะเอาความรุนแรงต่อต้านรัฐบาล หรือมวลชนเอาอาวุธออกมา หรือจะใช้การเรียกร้องต่างชาติเข้ามาแก้ปัญหาในประเทศเรา อย่างนี้มันสมควรหรือ สื่อเห็นด้วยหรือไม่ ผิดหรือถูกทุกคนรู้ดี แล้วอย่ามาถามตนอีก

ไม่รู้ทักษิณเข้าข่ายอภัยโทษหรือไม่

      นายกฯ กล่าวถึงนายวิษณุ เครืองาม รอง นายกฯระบุรัฐบาลเตรียมแผนสร้างปรองดองไว้ว่า การสร้างความปรองดอง รัฐบาลทำมานานแล้วโดยให้ทุกคนมาพูดจากัน มีกิจกรรมร่วมกัน ฟังเพลงคลายความเครียด ทั้งนักการเมืองและคนอื่นๆ และไม่ใช่รัฐบาลเพิ่งมีแนวคิด ทุกคนต้องเข้าใจว่าปรองดองคืออะไร ต้องทำให้เกิดความปรองดองก่อน ซึ่งคือการพูดคุยกันไม่ทะเลาะกัน กฎหมายต้องเป็นไปตามกระบวน การกฎหมาย ถ้ารับโทษทางกฎหมายแล้ว ติดคุกแล้ว ก็มาสู่ขั้นตอนการขออภัยโทษ

    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนการนิรโทษต้องยกเรื่องพิเศษออกมาว่าจะนิรโทษเรื่องอะไร ตนไม่รู้ว่าจะนิรโทษเรื่องอะไร จะนิรโทษในเรื่องที่มีการทุจริตก็เป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะคดีการเมือง ต้องดูว่าทำผิดกฎหมายอาญาหรือไม่ หรือก่อให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง ต้องดูว่ามีบาดเจ็บล้มตายหรือไม่ มีคดีอื่นฟ้องอยู่หรือไม่ ถ้ามีก็ต้องดำเนินการให้จบทุกคดีก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน 

      ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่เข้าข่ายการขออภัยโทษใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ เมื่อถามว่าจะมีหนทางอื่นที่มีทางออกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธทันทีว่า ไม่มี 

ฝากนมัสการถึง"พระเทือก"ด้วย 

     เมื่อถามว่ากรณีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความสงสารส่วนตัวหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "สงสารใคร คนทำความผิดสงสารได้หรือไม่ คนทำความผิดในคดีอื่นๆ สงสารได้หรือไม่ หมายรวมถึงทุกคน ไม่ได้เจาะจงใครคนใดคนหนึ่ง ถามว่าถ้าทำความผิดก็สงสาร แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องกฎหมาย อย่าทำผิดกฎหมายแล้วกัน"

     เมื่อถามว่า ถ้าสนช.มีมติอย่างใดอย่างหนึ่ง จะเป็นบรรทัดฐานในกระบวนการกฎหมายต่อไปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คนละเรื่อง คนละประเด็น กฎหมายพิจารณาโดยนักกฎหมาย ผู้พิพากษา ซึ่งการพิจารณามีหลายกระบวนการ ซึ่งการตัดสินจะถูกหรือผิด อยู่ที่สนช.ซึ่งทำหน้าที่แทนสภาและวุฒิสภา เมื่อถามว่าไม่ได้โยงถึงคดีอาญาที่อัยการสูงสุดกำลังพิจารณาอยู่ขณะนี้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มันคนละกระบวนการ การถอดถอนของสนช.เป็นกระบวนการในสภา แต่อีกเรื่องมีการแจ้งความในคดีอาญาหรือแพ่ง ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในคดีการเมือง

      เมื่อถามถึงพระสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. แนะนำให้นายกฯใช้อำนาจให้เด็ดขาด พล.อ.ประยุทธ์ หยุดไปนิดนึง ก่อนกล่าวว่า ขอนมัสการ เมื่อถามว่าจะฝากอะไรถึงพระสุเทพบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คิดว่าทุกคนเป็นคนไทยก็ต้องให้กำลังใจกัน แม้แต่สื่อ ตนอาจจะหงุดหงิดไปบ้าง แต่เป็นเรื่องธรรมดาเพราะคุ้นเคยกัน ไม่มีอะไรหรอก เมื่อถามว่าที่หงุดหงิดเป็นเรื่องปกติใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ปกติ เพราะปกติตนเป็นคนอารมณ์ดี แต่เรื่องมันเยอะ 

ยอมรับยูเอ็นเอชซีอาร์ดูแล'ตั้ง'

     เมื่อถามถึงกรณีนายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน ได้ลี้ภัยไปอยู่นิวซีแลนด์ โดยการช่วยเหลือของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) นายกฯ กล่าวว่า เราทำเรื่องไปแล้ว แต่เขายังเฉยๆ อยู่ อ้างว่าดูแลด้านสิทธิมนุษยชน เราจะทำอย่างไรได้

      ส่วนที่คนไทยแห่ถอนเงินบริจาคให้กับ ยูเอ็นเอชซีอาร์นั้น นายกฯ กล่าวว่า อยากให้สื่อช่วยอธิบายว่าไม่เกี่ยวกัน ต้องแยกแยะ คนละเรื่อง กรณีนิวซีแลนด์เชื่อว่าเขาคงจะพิจารณา มีการต่อต้านแบบนี้เขาคงไม่ค่อยชอบเท่าไร และกระทรวงการต่างประเทศของไทยทำหนังสือไปแล้วทุกประเทศ ทำไปหมดแล้ว 7-8 ประเทศที่มีคนเหล่านี้หลบไปอยู่ แต่เขาก็ยังไม่ตอบกลับมา ซึ่งเราทำอะไรไม่ได้ เพราะเราไม่เข้มแข็งพอจะไปต่อสู้กับทั้งโลก รอให้เราเป็นมหาอำนาจก่อนค่อยคิดแบบนั้น ซึ่งยูเอ็นเอชซีอาร์ที่รับเงินบริจาคไปก็ไปช่วยคนทั้งโลก ไม่ใช่ไปช่วยนายตั้ง ต้องแยกแยะ

แนะให้ฟังรัฐบาลพูด-อย่าต่อต้าน

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเปิดงาน"โครง การพัฒนาตลาดกล้วยไม้คุณภาพ"ว่า วันนี้ภาคเกษตรกรมีปัญหาหลายอย่าง ทั้งยางพารา ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย เพราะปลูกกันมาก จึงจำเป็นต้องพัฒนา อย่างเช้าวันนี้สื่อนำเสนอข่าวว่ายางพารา ราคาตกถึง 3 กิโลกรัมต่อ 100 บาท แต่ข้อเท็จจริง รมว.เกษตรและสหกรณ์ยืนยันว่าราคายางยังอยู่ที่ก.ก.ละ 60 บาท ส่วนที่เสนอข่าวนั้นเป็นราคาน้ำยาง จึงขอร้องสื่อว่าการนำเสนอข่าวนั้น ไม่ใช่ฟังในสิ่งที่พูดออกมาอย่างเดียว เพราะอาจทำให้คนตื่นตระหนกแล้วกลับมาเล่นงานรัฐบาลอีก 

     "ยืนยันว่ารัฐบาลดูแลทุกเรื่อง ขอให้เข้าใจและแยกแยะให้ออกว่าอะไรดีอะไรไม่ดี และขอร้องให้ฟังสิ่งที่รัฐบาลพูดทุกวันตอนเย็น ไม่ใช่ไม่ฟังแล้วออกมาต่อต้านในทุกเรื่อง วันนี้รัฐบาลและข้าราชการพยายามทำทุกอย่าง แน่นอนว่าต้องมีข้อโต้แย้งบ้าง แต่ขอให้ฟังทุกเรื่องอย่างมีเหตุและผล เช้าขึ้นมาผมก็เจอกับหลายเรื่อง เสาร์-อาทิตย์ก็มีทุกเรื่อง ไม่รู้อะไรกันนักหนา ขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลมีปัญหาใช้จ่ายงบประมาณมากพอสมควร มีหลายอย่างที่ต้องลงทุน แก้ไข ชำระหนี้ แต่พยายามทำงานอย่างเต็มที่" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

งูเขียวโผล่ตึกนารีฯ-ซินแสชี้ทันที

      ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ขณะที่แม่บ้านทำความสะอาดห้องโถงใหญ่ภายในตึกนารีสโมสร ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับรับรองของแขกรัฐบาลและศูนย์แถลงข่าว ระหว่างกวาดพื้นถึงกับผงะเมื่อมีงูเขียวตัวเขื่อง ยาวประมาณ 1 เมตร เลื้อยออกจากบริเวณที่ตั้งแจกันดอกไม้ประดิษฐ์ริมประตูห้อง มาอยู่ที่พื้นห้อง เจ้าหน้าที่ในตึกนารีสโมสรจึงช่วยกันไล่ออกไปทางห้องด้านข้าง ซึ่งมีประตูเปิดไปยังระเบียงที่ยื่นไปในคลองด้านข้างตึกได้ จากนั้นแม่บ้านและเจ้าหน้าที่จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากไม่เคยเกิดเหตุลักษณะนี้มาก่อน 

    นายภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ซินแสชื่อดัง ระบุถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า หากมองในมุมความจริงต้องระวังอันตราย แต่ในด้านความเชื่อทางโหราศาสตร์ไทยมองได้ว่านายกฯ และหัวหน้า คสช.เกิดปีมะเมีย ซึ่งไม่ถูกกับปีมะเส็ง คืองู จะพันขาม้าพัลวันจะมีความวุ่นวายบ้าง แต่นายกฯ ยังดวงดีจึงผ่านไปได้ สิ่งที่ต้องระวังคือบริวารที่อยู่รอบตัว คนรอบข้างหวังดีประสงค์ร้าย มีการอ้างนายกฯ สั่งการ ซึ่งเกมการเมืองจะมีเรื่องนี้ ถ้านายกฯ จะตีงูต้องตีให้ตาย อย่าตีงูแค่หลังหัก ไม่เช่นนั้นจะโดนแว้งกัดเป็นภัยกับตัวเอง

'บิ๊กป้อม'ก็ย้ำไม่มีใบสั่งคสช.

     ที่กระทรวงแรงงาน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม ครม.และคสช. ในวันที่ 20 ม.ค.ว่า หารือร่วมกันในทุกเรื่องทั้งด้านความมั่นคง การเมือง สังคม จิตวิทยา และเศรษฐกิจ ไม่ได้เน้นพูดคุยเรื่องใดเป็นพิเศษเพราะรัฐบาลนี้ให้ความสำคัญทุกเรื่องในช่วงนี้เพื่อเร่งรัดแก้ปัญหาให้กับประชาชน นายกฯ ได้ชี้แจงการทำงานทุกวันอยู่แล้ว ทั้งนี้ คงไม่ได้หารือถึงการพิจารณาลงมติคดีถอดถอนอดีต ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมทั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะเป็นกระบวนการทำงานของสนช. ตามที่มีอำนาจหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล จึงไม่กังวลใดๆ และไม่น่ามีความขัดแย้งเกิดขึ้น 

เมื่อถามว่าในวันลงมติคดีถอดถอนทั้ง 3 คน คสช.ได้กำชับสมาชิก สนช.ในส่วนของทหารในการลงมติหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องบทบาทหน้าที่ต้องแยกกันระหว่างการเป็นทหาร กับสนช. ส่วนจะล็อบบี้การลงมติคดีถอดถอนหรือไม่นั้น เป็นเรื่องภายในของสนช. หากมีการล็อบบี้ขึ้นก็เป็นการดำเนินการของ สนช.ไม่เกี่ยวกับคสช. มันคนละส่วนกัน ไม่เกี่ยวกับตน ซึ่งอาจจะพูดคุยระหว่างกลุ่ม 

"ผมพูดไปหลายครั้งแล้วว่า คสช.ไม่ได้มีใบสั่งชี้นำใครทั้งนั้นการลงมติ เพราะเป็นเรื่องของ สชน. เป็นคนละส่วนกัน และผมยืนยันเลยว่ารัฐบาลและ คสช.ดูแลสถานการณ์ทุกอย่างให้เกิดความเรียบร้อยอยู่แล้วตามที่มีประกาศกฎอัยการศึก เพื่อให้บ้านเมืองสงบ คงไม่ได้เพิ่มการดูแลเป็นพิเศษเฉพาะช่วงวันลงมติคดีถอดถอนอย่างเดียว" พล.อ.ประวิตรกล่าว

วิปสนช.เล็งถึงห้ามปูพ้นการเมือง

ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิก สนช. ในฐานะ กมธ.วิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวถึงขั้นตอนการแถลงปิดคดีในวันที่ 21-22 ม.ค.นี้ว่า ต้องหารือกันในวิป สนช.ว่าจะกำหนดเวลาแถลงปิดคดี หรือไม่จำกัดเวลา ต้องดูว่าผู้ถูกกล่าวหาจะมาด้วยตัวเองหรือส่งตัวแทน เพราะกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังไม่ชัดเจนว่าจะมาด้วยตัวเองหรือไม่ ทั้งนี้ การแถลงปิดคดีจะไม่ซักถามผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาอีกแล้ว ปกติจะให้พูดแค่คนเดียวเหมือนตอนแถลงเปิดคดี ส่วนที่อดีตรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยชี้แจงตอบคำถาม 35 ข้อของ กมธ.ซักถาม ผ่านยูทูบแทนน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ตนไม่ได้ติดตาม เพราะไม่ใช่การชี้แจงอย่างเป็นทางการ ซึ่งการตั้งคำถาม กมธ.ต้องการถามน.ส.ยิ่งลักษณ์ คนอื่นจะมาชี้แจงแทนไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผู้ถูกกล่าวหา การชี้แจงผ่านยูทูบจึงไม่น่ามีผลอะไร

นพ.เจตน์กล่าวว่า การลงมติว่าจะถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์จากสำนวนชี้มูลความผิดโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ สนช.ทั้งหมด หากที่ประชุมเสียงข้างมากเกิน 132 เสียงเห็นว่ามีความผิด ส่อว่าทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่จริง ผลคือน.ส. ยิ่งลักษณ์จะถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี ซึ่งจะไปสอดคล้องกับบทบัญญัติในมาตรา 35 (4) ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ที่ป้องกันมิให้ผู้ที่ประพฤติมิชอบเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย แต่ขึ้นอยู่กับการตีความต่อไปว่าหากที่ประชุม สนช.มีมติให้ถอดถอนจริงจะมีผลย้อนหลังหรือไม่ เพราะขณะนี้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังไม่เสร็จ ส่วนจะมีผลกระทบต่อการสร้างบรรยากาศปรองดองของ คสช.หรือไม่ คิดว่าความปรองดองทางการเมืองเป็นคนละเรื่องกับความผิดทางกฎหมาย ทั้งนี้ตนตอบแทนคนอื่นทั้งสภาไม่ได้ว่ามีใบสั่งหรือไม่ แต่ส่วนตัวยืนยันว่าไม่มีใบสั่ง และไม่เคยได้ยินว่ามีใบสั่งด้วย

กระหยิ่ม-ให้ดูมติโหวตถกลับ

ด้านนายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน สมาชิก สนช. กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการร้องเรียน สนช.บางส่วนว่าเป็นคู่กรณีมีส่วนได้เสียในคดีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากเป็นผู้ร้องให้ป.ป.ช.ถอดถอน แต่คู่กรณีที่แท้จริงคือป.ป.ช. ในฐานะผู้กล่าวหา สนช.จึงไม่ใช่คู่กรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่จะมามองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการพิจารณาคดีถอดถอน ส่วนที่ไม่ให้ตัวแทนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบข้อซักถามแทนนั้น ถือเป็นเอกสิทธิ์ของผู้ยื่นญัตติคำถามที่ต้องการถามน.ส.ยิ่งลักษณ์เพียงคนเดียว ที่ประชุมจะดำเนินการเป็นอย่างอื่นไม่ได้ อีกทั้งนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เคยแจ้งให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายทราบว่า ผู้แถลงเปิดคดี หากไม่มาแล้วให้คนอื่นมาแทน จะขาดน้ำหนัก ซึ่งเป็นหลักการปกติในศาล ขณะนี้ถือว่าข้อมูลข้อเท็จจริงในคดีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์เพียงพอตัดสินใจของ สนช.แล้วถึง 99.99% เว้นแต่วันแถลงปิดสำนวนจะมีข้อมูลอย่างอื่นหรือไม่ ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการล็อบบี้การลงมติ ส่วนที่มองว่ามีการล็อบบี้ สนช.สายทหารแล้ว ทหารเป็นองค์กรที่รักชาติ และรับผิดชอบต่อสังคม

ขณะที่นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล สมาชิก สนช. กล่าวถึงอดีตรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยชี้แจงคำถาม 35 ข้อผ่านทางยูทูบว่า คงไม่มีความหมาย เพราะไม่ใช่คำตอบที่ออกมาจากปากของน.ส.ยิ่งลักษณ์ หากน.ส.ยิ่งลักษณ์พูดเองจะมีความหมายมากกว่า หากในวันตอบข้อซักถามน.ส.ยิ่งลักษณ์มาตอบคำถามเองจะมีความหมายมากกว่า ไม่ว่าจะตอบได้หรือไม่ได้ก็มีค่ามากกว่า และถึงแม้จะมาแถลงปิดคดีในวันที่ 22 ม.ค.ด้วยตัวเองก็ไม่มีผลแล้ว เพระทุกคนมีคำตอบในใจแล้ว ส่วนผลลงมติจะออกมาอย่างไรให้ดูผลการลงมติที่นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. เสนอให้ประชุมลับ เมื่อวันที่ 16 ม.ค. เพื่อหารือกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ยอมมาตอบ ซึ่งผลออกมาถึง 153 ต่อ 1 งดออกเสียง 21 ทั้งที่นายพรเพชรบอกต่อที่ประชุมในวันดังกล่าวว่าข้อบังคับการประชุมไม่ได้ห้ามว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องมาชี้แจงด้วยตัวเอง ดังนั้น ขอให้ดูผลการลงคะแนนนี้เป็นหลัก

อดีตส.ว.ติงสนช.กลัดกระดุมผิด

นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ อดีตส.ว.สรรหา กล่าวถึงกระบวนการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ นายสมศักดิ์ และนายนิคม ว่า การทำงานของวุฒิสภากำลังถูกครอบงำ อำนาจหน้าที่โดยเฉพาะการถอดถอนไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายที่ไม่สามารถดำเนินการกับบุคคลที่พ้นจากตำแหน่งทางการเมืองไปแล้วได้ กรณีดังกล่าวก็เป็นผลมาจากการกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด เมื่อครั้งที่วุฒิสภารับสำนวนถอดถอนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ไว้พิจารณา ทั้งที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว เมื่อปี 2553 การถอดถอนที่มีการเดินหน้าไปแบบนี้เพื่อต้องการตัดสิทธิทางการเมืองนั่นเอง ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากการผลักดันของบุคคลเดิมคือ กลุ่ม 40 ส.ว. ที่บางคนอยู่ในอำนาจอย่างต่อเนื่องถึง 9 ปี โดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง เป็นทั้ง สนช.ปี 2549 ต่อด้วยส.ว.สรรหาอีก 6 ปี จากนั้นก็เป็น สนช.ปี 2557 อีก และถึงแม้ สนช.ปี 2557 จะมีทหารเกินครึ่ง แต่ประสบการณ์ทางการเมืองยังถือว่ามีน้อย ทำให้คล้อยตามการอภิปรายของกลุ่ม 40 ส.ว. ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองสูงได้ 

พท.เตือนนึกถึงอนาคตประเทศ

นายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ปรึกษาคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ไปตอบข้อซักถามของ กมธ.ซักถามของ สนช.ด้วยตัวเองว่า ต้องวิเคราะห์ให้ดีว่า สนช.ส่วนหนึ่งมาจากอดีตส.ว.และกลุ่ม กปปส. อีกส่วนเป็นนักธุรกิจและข้าราชการ ดังนั้น ไม่ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะไปตอบเองหรือไม่ ชี้แจงได้ดีมากน้อยเพียงใด สนช.ในส่วนแรกก็จะโหวตถอดถอน ดังนั้น จะเหลือแต่ สนช.ในส่วนที่ไม่สังกัดฝ่ายไหนและมีความเป็นธรรมอยู่บ้าง ซึ่งในส่วนนี้จะต้องคิดหนักว่า 1.อำนาจถอดถอนนั้นถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 ยกเลิกไปแล้ว รัฐธรรมนูญชั่วคราวไม่ได้ให้อำนาจถอดถอน 2.เดิมวุฒิสภาส่วนหนึ่งมาจากการเลือกตั้ง อีกส่วนมาจากการสรรหา แต่วันนี้เอาอำนาจมาให้ สนช.ที่มาจากการแต่งตั้งทั้งหมด แล้วมาถอดถอนคนที่มาจากการเลือกตั้งนั้นชอบธรรมหรือไม่ และ 3.กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องทุจริต ซึ่งป.ป.ช.ก็รับว่าไม่ใช่เรื่องทุจริต ดังนั้น ฝ่ายที่มีความเป็นธรรมคงต้องคิดหนัก และถ้าถอดถอนต้องคิดถึงอนาคตของประเทศด้วย ว่าจะเป็นอย่างไร

วอนทำหน้าที่เป็นธรรม-มีเหตุผล

ด้านนายอำนวย คลังผา อดีตส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสนช.บางคนระบุวันที่ 23 ม.ค. จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะถูกถอดถอนด้วยคะแนนเสียงเกิน 132 เสียงว่า ตนไม่เห็นด้วยที่สนช.บางคนออกมาพูดเช่นนี้ ถือว่าไม่เหมาะสม ไปรู้ล่วงหน้าได้อย่างไร เมื่อยังไม่ลงมติก็ไม่ควรพูด เพราะสนช.ต้องทำหน้าที่อย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม มีเหตุผล จึงอยากให้ผู้ทรงคุณวุฒิใช้ดุลพินิจอย่างเหมาะสม พิจารณาตามบทกฎหมาย อย่านำอคติมาพิจารณา อยากให้คืนความสุขให้คนไทยจริงๆ ไม่ใช่คืนแต่ปาก 

นายอำนวยกล่าวว่า แม้สนช.มีเอกสิทธิ์ตามมาตรา 18 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 แต่ก่อนหน้านี้อดีตส.ส.ก็มีเอกสิทธิ์ตามมาตรา 130 รัฐธรรมนูญปี 2550 ผู้ใดจะนำไปฟ้องร้องมิได้ อีกทั้งรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ถูกฉีกและไม่มีสภาแล้ว จึงอยากให้ สนช.ทบทวน เชื่อว่าคนเราคิดผิด คิดถูกเรารู้อยู่แก่ตัวเอง อยากให้มีจิตสำนึกในตรงนี้ ไม่ได้มาขอความเมตตาแต่ต้องรู้ว่ากฎหมายเอื้ออำนวยให้ทำได้หรือไม่ การทำหน้าที่ของสนช.ถูกต้องหรือยัง

ด้านนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ที่ปรึกษากฎหมาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวภายหลังคณะทำงานฝ่ายกฎหมายประชุมสรุปข้อเท็จจริงในคดีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าได้รวบรวมข้อมูลจากวันแถลงเปิดคดี และวันตอบข้อซักถามของ สนช.เพื่อเตรียมจัดทำคำชี้แจงในวันแถลงปิดคดีให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ยังคงยืนยันที่จะไปเป็นผู้แถลงปิดคดีด้วยตัวเอง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สำหรับการจัดทำคำแถลงปิดคดีนั้น ทีมทนายความได้ดำเนินการตามกรอบสำนวนของป.ป.ช. และคำถามของคณะกรรมาธิการซักถาม ส่วนการลงมติถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ในวันที่ 23 ม.ค.นั้น เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ได้ชี้แจงในการแถลงเปิดคดี และรับฟังคำถามของป.ป.ชแล้ว ทีมกฎหมายยังเชื่อว่าอดีตนายกฯ จะยังคงได้รับความเป็นธรรมจากสมาชิกสนช.

"นิคม"ยืนยันไปแถลงปิดคดีเอง

นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ม.ค.นี้ จะเดินทางมาแถลงปิดคดีต่อสนช.ด้วยตนเอง ในฐานะผู้ถูกกล่าวหากรณีปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเหตุแก้รัฐธรรมนูญประเด็นที่มาส.ว. ซึ่งช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ส่งหนังสือคำแถลงปิดคดีส่งไปยังสนช.แล้ว โดยระบุว่าประสงค์จะเดินทางมาด้วยตนเอง ทั้งนี้ ในการแถลงปิดคดีตนได้ประเมินจากข้อกล่าวหาของป.ป.ช. รวมถึงการหักล้างข้อกล่าวหาในวันที่ตอบข้อซักถามของสนช.ด้วย ซึ่งสังเกตได้ว่าการซักถามของกมธ.ซักถาม ในประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อนนั้นไม่มีมูล ซึ่งตนไม่อยู่ในประเด็นดังกล่าวเลย 

"ไม่รู้สึกกังวล เพราะมั่นใจในพยานหลักฐาน ทั้งข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริงที่ได้นำมาหักล้างหมดแล้ว ส่วนการลงมติว่าจะถอดถอนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของสนช. ซึ่งผมเชื่อว่าความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมยังมีอยู่ และเชื่อมั่นว่าจะไม่ใช้ความรู้สึกโกรธแค้นมาใช้ตัดสิน" นายนิคม กล่าว

เผย"ขุนค้อน"หวั่นสนช.มีธงถอด

นายวัฒนา เซ่งไพเราะ อดีตโฆษกของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในวันที่ 21 ม.ค.นี้นายสมศักดิ์ไม่มาร่วมแถลงปิดคดีต่อที่ประชุมสนช. เนื่องจากได้ชี้แจงเป็นเอกสารไปหมดแล้ว มีรายละเอียดครบถ้วน และจะไม่ส่งเอกสารแถลงปิดคดีเพิ่มเติมด้วย เพราะได้มาตอบข้อซักถามที่สนช.สงสัยต่อที่ประชุมแล้ว ซึ่งมีการบันทึกการประชุมไว้หมด และในวันลงมติวันที่ 23 ม.ค.นั้น นายสมศักดิ์จะไม่มาเช่นกัน 

เมื่อถามว่าหลังตอบคำถาม นายสมศักดิ์มีความกังวลหรือไม่ นายวัฒนากล่าวว่า นายสมศักดิ์บอกว่าไม่กังวล ถ้าที่ประชุมสนช.ไม่มีธง ไม่มีทางโดนอยู่แล้วเพราะทำหน้าที่ตามข้อบังคับการประชุม ไม่น่ามีปัญหา ซึ่งผิดกับกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เป็นเรื่องข้อเท็จจริง มีความซับซ้อนกว่า อย่างไรก็ตาม นายสมศักดิ์กังวลว่าสนช.อาจมีธงและทำใจไว้แล้ว หากโดนก็ทำอะไรไม่ได้ ช่วงนี้ทุกคนรู้ว่าเป็นช่วงปฏิวัติ จะหวังเหตุผลคงยากและฝ่ายการเมืองเข้าใจอยู่แล้ว หากจะออกประกาศยึดทรัพย์เลยก็ทำได้ แต่เขาอาศัยสนช.สร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง

อดีตป.ป.ช.เตือน-ประหาร"ปู"

วันเดียวกัน นางสมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีตคณะกรรมการป.ป.ช. กล่าวถึงกระบวน การถอดถอนของสนช.ว่า ต้องย้ำอีกครั้งว่า สนช. ไม่มีอำนาจถอดถอน เพราะรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 สิ้นสุดไปแล้ว อีกทั้งในขณะนี้อัยการสูงสุด (อสส.) ยังไม่สรุปสำนวนที่ป.ป.ช.ชี้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่อทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งในกรณีนี้จะไม่มีปัญหาทางกฎหมาย แต่ในแง่ของความรู้สึกของประชาชนแล้วจะมีมาก เพราะถ้าหาก อสส.ไม่สั่งฟ้อง หรือสั่งฟ้องศาลแล้วศาลชี้ว่าไม่พบการทุจริต แต่สนช.มีมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำให้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นตลอดชีวิตหรือไม่ จะทำให้เกิดผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนขึ้นทันที ว่า นี่คือการประหารชีวิตทางการเมือง ความหวาดระแวงจะมีมากขึ้น การสร้างความปรองดองก็จะเป็นไปได้ยาก 

ระบุคมช.-คสช.พ่อลูกทับซ้อน

นางสมลักษณ์กล่าวว่า ส่วนสนช.เองจะถูกมองว่ามีปัญหาทางจริยธรรม นอกจากไม่มีอำนาจถอดถอนแล้ว ตัวเองที่มาจากการสรรหาก็ดันไปลงมติถอดถอนนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งอย่างไม่ชอบธรรม และยังเสี่ยงที่ จะต้องถูกฟ้องร้อง เหมือนอย่างที่ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการ จากกรณี 7 ตุลาคม การฟ้องกลับคณะกรรมการป.ป.ช.เสียงข้างมากอีก ทั้งยังต้องคำนึงด้วยว่าจะเยียวยาผู้ได้รับ ผลกระทบทางการเมืองอย่างไรด้วย ถ้ากระบวนการยุติธรรมชี้ว่าเขาไม่ผิด 

"การอ้างว่าคสช.คือพ่อและสนช.คือลูก คืออีกหนึ่งสาเหตุที่กระทบความรู้สึกของประชาชน หาก สนช. มีมติถอดถอน น.ส. ยิ่งลักษณ์ ว่า คสช.ไม่ต่างจาก คมช. ที่รัฐประหารเมื่อปี 49 แล้วก็ตั้ง คตส. ขึ้นมาสั่งยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ประชาชนจะรู้สึกว่า พ่อลูกที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนจากการยึดอำนาจนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งกำลังเล่นงานขั้วตรงข้ามทางการเมืองอย่างไม่เป็นธรรม และหากพ่ออ้างว่าไม่ได้ทำ แต่ลูกทำแล้วเกิดผลเสียขึ้น พ่อก็ต้องร่วมรับผิดชอบกับลูกอยู่ดี" นางสมลักษณ์กล่าว 

สปช.เชียร์ลั่นให้สนช.ถอดทั้ง 3 คน

ที่โรงแรมเอเชีย นายประสาร มฤคพิทักษ์ สปช. กลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวว่าโดยส่วนตัวเชื่อว่า สนช.จะสามารถถอดถอนได้สำเร็จทุกกรณีด้วยคะแนนเสียง 132 เสียงขึ้นไป แต่หากไม่สำเร็จจะทำให้สังคมไทยตั้งคำถามกับสนช.ว่าใช้มาตรฐานอะไรในการลงมติ เนื่องจากทั้ง 3 คน มีความผิดชัดเจน และอาจมองว่ามีความเกรงใจ และมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้ถูกร้องหรือไม่ ที่ไม่สามารถแยกเรื่องถูกเรื่องผิดได้ อาจจะทำให้ภาคประชาชนไม่สามารถฝากความหวังให้สนช.ได้ และอาจทำให้มีความชอบธรรมที่ออกมาเคลื่อนไหวร้องถามหาความถูกต้องในเรื่องจัดการคนผิด ขณะที่ คสช.ก็จะรับผิดชอบไปเต็มๆ เพราะเป็นคนแต่งตั้งสนช.ขึ้นมา และถูกมองด้วยความหวาดระแวง

นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการ สปช. (วิปสปช.) กล่าวว่า เชื่อว่าหากสนช.ถอดถอนไม่สำเร็จ จะเกิดคำถามเกิดขึ้นในสังคมแน่นอน และคงเป็นเรื่องที่คสช.ต้องรีบทำความเข้าใจ ขณะที่การปฏิรูปประเทศ ก็ต้องเดินหน้าต่อไปในอนาคต โดยอย่าเอาบางเหตุการณ์มาเป็นเครื่องตัดสิน

นายวันชัย สอนศิริ สปช. กล่าวว่า หากการถอดถอนในวันที่ 23 ม.ค. ไม่สามารถเอาผิดใครได้เลย คงเป็นหน้าที่ของกมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน จะต้องไปคิดและออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อให้ขั้นตอนการถอดถอนสามารถเอาผิดได้

ปปช.ส่งซิกชี้มูลจีทูจี-มีฟันแน่

ที่สำนักงานป.ป.ช. นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. กล่าวถึงวาระการประชุมหลักของคณะกรรมการป.ป.ช.ในวันอังคารที่ 20 ม.ค.ในคดีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ว่า เป็นการพิจารณาสำนวนตามที่คณะอนุกรรมการไต่สวนมีการเสนอเข้ามา เพื่อพิจารณาว่าพยานหลักฐานต่างๆ นั้นเพียงพอต่อการพิจารณาหรือไม่ ถ้าหลักฐานเพียงพอก็สามารถพิจารณาชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหาได้เลย แต่หากคณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าควรให้สอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมก็ต้องดำเนินการ ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการประชุมของคณะกรรมการป.ป.ช.ในคดีดังกล่าวเสร็จสิ้น จะแถลงผลการประชุมของคณะกรรมการ ไม่ว่าคดีดังกล่าวจะมีมติออกมาอย่างไรก็ตาม

นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะ กรรมการป.ป.ช. เปิดเผยว่า หากที่ประชุมเห็นว่ามีข้อมูลและข้อเท็จจริงเพียงพอก็จะลงมติทันที และส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาฟ้อง ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมติของป.ป.ช.ในวันที่ 20 ม.ค.ไม่ถือว่าสร้างแรงกดดันไปยังสนช. ซึ่งเตรียมลงมติถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ในคดีโครงการรับจำนำข้าวในวันที่ 23 ม.ค. เพราะคดีระบายข้าวและการถอดถอนเป็นคนละกรณีกัน นอกจากนี้การประชุมของป.ป.ช.ในวันที่ 20 ม.ค. นัดล่วงหน้านานแล้ว

เมื่อถามว่าหากป.ป.ช.ลงมติชี้มูลความผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐในกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะส่งผลให้บุคคล ดังกล่าวต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือไม่ นายสรรเสริญกล่าวว่า เข้าใจว่าไม่ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ แต่ป.ป.ช.จะส่งเรื่องให้ ผู้บังคับบัญชาของบุคคลนั้นดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามขั้นตอนกฎหมาย

เชือด"บุญทรง-ภูมิ-ขรก.พาณิชย์"

รายงานข่าวจากสำนักป.ป.ช.เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ในวันที่ 20 ม.ค.จะพิจารณาวาระที่คณะอนุกรรมการไต่สวนคดีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวก ทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) รายงานความคืบหน้าการไต่สวนให้ที่ประชุมทราบ เพื่อให้พิจารณาชี้มูลความผิดในทันที สำหรับข้อมูลบางส่วนที่สามารถชี้มูลความผิดแก่ผู้ถูกกล่าวหาบางกลุ่มได้ก่อน และให้ที่ประชุมพิจารณาแนวทางการไต่สวนบางประเด็นต่อไป

รายงานข่าวกล่าวว่า คณะอนุกรรมการเตรียมสรุปคดีดังกล่าวให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาเพื่อชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ในส่วนของนักการเมืองและข้าราชการ เจ้าหน้าที่ จำนวน 11 ราย โดยมีชื่อของนายบุญทรง นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ และข้าราชการในกระทรวงพาณิชย์ อาทิ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายฑิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารการค้าข้าว กระทรวงพาณิชย์ นายอัครพงษ์ ทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ รวมอยู่ด้วย 

แหล่งข่าวจากป.ป.ช.เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนคดีดังกล่าวจะเสนอเหตุผลให้ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. พิจารณา โดยเฉพาะประเด็นที่ไต่สวนแล้วพบว่า การทำจีทูจีซื้อขายข้าวกับจีนมีการทำจีทูจีปลอม เนื่องจากพบว่าไม่มีการขายข้าวแบบ จีทูจีจริง เป็นการขายข้าวให้ผู้ประกอบการภายในประเทศเท่านั้น 

กก.ยกร่างรธน.ถกยกร่างภาค 3

ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงความคืบหน้าการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญรายมาตราว่าสัปดาห์นี้ จะพิจารณาในภาค 3 นิติธรรม ศาลและองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ วันที่ 19-21 ม.ค. นี้ จะพิจารณาในส่วนนิติธรรมและศาล จากนั้นจะพิจารณาองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ซึ่งเปลี่ยนจากเดิมคำว่า "องค์กรอิสระ"

นายคำนูญกล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ระบุคำว่าหลักนิติธรรมไว้ชัดเจน โดยมาตรา (3/1/1) 1 ระบุหลักนิติธรรมอันเป็นรากฐานของรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย อย่างน้อยมีหลักการพื้นฐานสำคัญ ดังนี้ 1.ความสูงสุดของรัฐธรรมนูญและกฎหมายเหนืออำเภอใจของบุคคลและการเคารพรัฐธรรมนูญและกฎหมายทั้งโดยรัฐและประชาชน 2.การคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค 3.การแบ่งแยกการใช้อำนาจการตรวจสอบ การใช้อำนาจรัฐและการป้องกันการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์สาธารณะ

4.นิติกระบวน อย่างน้อยต้องไม่บังคับใช้รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายย้อนหลังเป็นโทษทางอาญาแก่บุคคล ให้บุคคลมีสิทธิปกป้องตนเองเมื่อสิทธิหรือเสรีภาพถูกกระทบ ไม่บังคับให้บุคคลต้องให้ถ้อยคำซึ่งทำให้ต้องรับผิดทางอาญา ไม่ทำให้บุคคลต้องถูกดำเนินคดีอาญาในการกระทำความผิดเดียวกันมากกว่า 1 ครั้ง มีข้อกำหนดให้สันนิษฐานว่าบุคคลเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำพิพากษาว่ากระทำผิด 5.ความเป็นอิสระจากศาลและความสุจริตเที่ยงธรรมของกระบวนการยุติธรรม

ปัดเปิดช่องห้ามกลุ่ม 111 กับ 109

นายคำนูณกล่าวว่า ส่วนคำว่า "นิติกระบวน" ถอดคำมาจากภาษาอังกฤษว่า Due Process of Law โดยเพิ่มเนื้อหากำหนดโทษไม่ให้ใช้ย้อนหลังเป็นโทษอาญา จากเดิม เป็นโทษธรรมดานั้น เพื่อให้ประชาชนและพลเมืองมีหลักประกันว่ากฎหมายที่ออกมาในภายหลังจะมีโทษทางอาญาย้อนหลังบุคคลไม่ได้ แต่จะไม่เกี่ยวข้องกับโทษอื่นๆ อาทิ กฎหมายแพ่ง กฎหมายมหาชน คดีปกครอง หรือกฎหมายธรรมนูญ 

เมื่อถามว่าในคดีอาญาอาจถูกมองว่าอาจเปิดช่องไปสู่การบังคับโทษคดีการเมือง โดยเฉพาะนักการเมืองบ้านเลขที่ 111 และ 109 ให้มีผลย้อนหลังได้นั้น นายคำนูณ กล่าวว่า กมธ.ยกร่างฯยังไม่ได้พิจารณาประเด็นดังกล่าว ต้องดูการพิจารณาในหมวดรัฐสภา นอกจากนี้ในรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มาตรา 35(4) มีกรอบให้กมธ. ยกร่างฯ ต้องจัดทำโดยเฉพาะ (4) ที่ระบุกลไกป้องกันและตรวจสอบ มิให้ผู้ต้องเคย คำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือเคยกระทำการอันทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม เข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างเด็ดขาด ยืนยันว่าการพิจาณาเป็นไปตามหลักการ ไม่ได้ตั้งใจเอาผิดกลุ่มใดเป็นพิเศษ

จากนั้นเวลา 14.30 น. นายประสาท พงษ์สุวรรณ อธิบดีศาลปกครองจังหวัดระยอง พร้อมตัวแทนคณะตุลาการศาลปกครอง ได้รวบรวมรายชื่อตุลาการศาลปกครอง 105 รายชื่อ เสนอประเด็นยกร่างรัฐธรรมนูญและปรับปรุงกฎหมายการปฏิรูปศาลปกครอง ต่อนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่าง ซึ่งนายบวรศักดิ์กล่าวว่า จะรับข้อเสนอของศาลปกครองไปพิจารณาต่อไป

เผย"นิคม-สมศักดิ์"เสียงกระเตื้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ขณะนี้คะแนนเสียงไม่เห็นชอบให้ถอดถอนในสำนวนของ นายสมศักดิ์ และนายนิคม ดีขึ้นจากช่วงแรกมาก เนื่องจาก 2 อดีตประธานตอบข้อซักถามกระบวนการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติที่แก้รัฐธรรมนูญ โดยเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ได้ละเอียดครบถ้วน โดยเฉพาะสำนวนของนายสมศักดิ์ ประเด็นที่ถูกกล่าวหาว่ามีการปลอมแปลงเอกสาร สามารถชี้แจงให้ สนช.ที่เป็นข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ซึ่งรู้ระเบียบการจัดทำเอกสารราชการดีว่าต้องเป็นอย่างไรจึงจะเข้าข่ายผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 ฐานปลอมเอกสารราชการ พอใจได้ 

ส่วนสำนวนของน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น พลิกกลับมาอยู่ในระดับสุ่มเสี่ยงถึง 3 ใน 5 ที่ต้องใช้สำหรับการถอดถอน เนื่องจากพฤติกรรมทีมทนายน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่สนช.ส่วนใหญ่มองว่าไม่ให้เกียรติ สนช. ที่ทำหน้าที่เป็นคณะลูกขุน รอรับฟังคำชี้แจงจากผู้ถูกกล่าวหาอยู่ เช่น การที่สนช.ขอต่อรองให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาชี้ตอบกมธ.ซักถามด้วยตนเองภายในเวลา 18.00 น. แต่ทีมทนายน.ส.ยิ่งลักษณ์ หันมาตอบโต้ทันควันว่า ไม่มา ติดต่อไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีสนช.อีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่แน่ชัดว่าจะลงมติอย่างไร แต่ขอฟังการแถลงปิดคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ อีกครั้งในวันที่ 22 ม.ค. ก่อนลงจะตัดสินใจลงมติว่าจะถอดถอนหรือไม่ในวันที่ 23 ม.ค.

"เทียนฉาย"ยันสปช.ทำงานหนัก

ที่โรงแรมเอเชีย สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จัดงานสัมมนา "ประชุมเชิงปฏิบัติการวิสัยทัศน์ประเทศไทย" โดยนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า การบ้านที่สปช.ได้คือเน้นการทำข้อเสนอต่อกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมา สปช.ทำงานอย่างหนักเพื่อให้ทันเวลาส่งข้อเสนอก่อนวันที่ 19 ธ.ค. 2557 และเราก็ทำทัน จากนั้นเน้นงานปฏิรูป ขอย้ำว่าสปช.มี เป้าหมาย 6 ประการ 1.การปฏิรูปต้องมี การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัติรย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเหมาะกับสภาพสังคมไทย 2.ปฏิรูปแล้วต้องมีการเลือกตั้งที่สุจริตเป็นธรรม 3.มีกลไกป้องกัน การทุจริต 4.ปฏิรูปเพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม 5.กลไกรัฐที่ให้บริการประชาชนต้องทั่วถึง และ 6.ต้องบังคับใช้กฎหมายเคร่งครัดเป็นธรรม ซึ่งไม่ว่าจะปฏิรูประยะสั้นหรือระยะยาวต้องมีสิ่งเหล่านี้ จึงเชื่อว่าการจัดสัมมนาครั้งนี้จะเชื่อมโยงจากครั้งที่ผ่านมา เพื่อประเมินผลและต่อยอดสู่การมองอนาคตในอีก 20 ข้างหน้า 

ตื่นเต้นวิสัยทัศน์-โต้กลับวิษณุ

นายเทียนฉายกล่าวว่า ตนรู้สึกตื่นเต้น จนเก็บอาการไว้ในใจไม่อยู่ เพราะอยู่ในวงวิชาการมา 40 ปี ยังไม่เคยเห็นวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเท่าครั้งนี้ แม้จะไม่ใช่ของใหม่ แต่ครั้งนี้ถือว่าเด่นชัด เชื่อว่าในครั้งนี้จะช่วยร้อยเรียงในรายละเอียด ถึงขั้นที่บอกได้ว่ากมธ.ปฏิรูปอาจจะเหลือไม่ถึง 18 คณะ เพราะเริ่มมีประเด็นที่สอดคล้องกันจนไม่สามารถแยกออกจากกันได้ หรืออาจเกิดกมธ.คณะใหม่ก็ได้ ทั้งนี้ ในเดือนเม.ย. ทางกมธ.ยกร่างฯคงจะยกร่างรัฐธรรมนูญมาให้เราดู ซึ่งเราคงวุ่นวายกับการพิจารณารับร่างแรก ต่อมาเดือนพ.ค. เราต้องกลับมาทำประเด็นปฏิรูปใหม่ และเดือน ก.ย. คงเข้าสู่การปฏิรูปเป็นเรื่องเป็นราว ดังนั้น เราต้องมีสมาธิกับร่างรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ จะพบว่าปีนี้เรามีเวลาไม่กี่เดือนที่จะทำเรื่องปฏิรูป ถ้ายังคงวิธีทำงานอย่างที่เป็นอยู่ น่ากลัวจะเหนื่อยมากเพราะวันสุดท้ายของการปฏิรูปคือวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ซึ่งเกรงว่าจะทำไม่ทัน 

ส่วนที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุแม่น้ำบางสายไหลเชี่ยวเกินไป คิดว่าใช่สปช.หรือไม่ ประธานสปช. กล่าวว่า เราคิดว่าเราเป็นแม่น้ำที่ไหลช้าไปด้วยซ้ำ เพราะมีบางอย่างยังไม่ทันใจ

"ประยุทธ์"เยือนญี่ปุ่น8-10ก.พ.

วันที่ 19 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีภารกิจไปเยือนประเทศญี่ปุ่นในช่วงต้นเดือนก.พ.นี้ ตามคำเชิญของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น หลังจากนายชินโซ ตั้งคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะหารือในเรื่องที่เคยพูดคุยเห็นพ้องและตกลงร่วมกันแล้วในช่วงก่อนที่นายชินโซจะประกาศยุบสภา อาทิ โครงสร้างพัฒนาพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการประสานและเตรียมการระดับของเจ้าหน้าที่ จากนั้นจะเสนอนายกฯ เพื่อประชุมเตรียมการและพิจารณาอีกครั้งก่อนการเดินทางว่าจะไปพูดคุยและตกลงเรื่องอะไรบ้าง

รายงานข่าวจากทำเนียบเปิดเผยว่า กำหนดการเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการของนายกฯ และคณะจะมีในช่วงวันที่ 8-10 ก.พ.นี้

"บิ๊กตู่"เปิดตลาดกล้วยไม้ทำเนียบ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 ม.ค. ที่ถนนเลียบคลองผดุงกรุงเกษม ด้านข้างทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน "โครงการพัฒนาตลาดกล้วยไม้คุณภาพ" เพื่อเป็นช่องทางจำหน่ายกล้วยไม้ให้กับเกษตรกรที่เดือดร้อนจากปัญหาราคาผลผลิตกล้วยไม้ตกต่ำ โดยเปิดจำหน่ายในทุกวันจันทร์-พุธ ตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. ตลอดเวลา 3 เดือน

นายกฯ กล่าวเปิดงานว่า ปัจจุบันประเทศไทยส่งออกกล้วยไม้อันดับ 2 ของโลก รองจากเนเธอร์แลนด์ ดังนั้นไทยต้องเพิ่มสัดส่วนกล้วยไม้เขตร้อนในตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น ซึ่งขอความร่วมมือผู้ผลิตและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทางการตลาดโดยเฉพาะพ่อค้าคนกลาง ช่วยกันดูแลผู้บริโภคให้ได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม 

จากนั้น นายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้สั่งพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯ ให้เปิดตลาดน้ำ ที่คลองเปรมประชากร บริเวณด้านหน้าทำเนียบติดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพณิชยการพระนคร เพื่อให้ประชาชนเข้ามาชิม ช็อป ใช้ อีกทั้งผู้ค้าจะได้มีที่ขายของ แต่ขอให้จัดระเบียบให้ดี ดูถึงที่จอดรถเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ร่วมทั้งกรณีประชาชนเข้ามาซื้อกล้วยไม้ที่ริมคลองผดุงกรุงเกษม 

นายกฯ กล่าวว่า การปรับปรุงภูมิทัศน์ต่างๆ ต้องพิจารณาให้รอบคอบ อย่าให้เกิดปัญหา ซึ่งต้องดูในเรื่องงบประมาณ "แต่พอจะสร้างอะไรขึ้นเดี๋ยวจะวิจารณ์ผมอีกว่าอยากอยู่นาน พูดอะไรก็เป็นเรื่องไปหมด" ผู้สื่อข่าวระบุว่าถ้าทำดีและถูกต้องก็คงไม่มีใครว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อต้องเป็นพยาน ถ้าทำดีแล้วจะไม่ว่ากัน

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงแนวคิดการทำตลาดน้ำข้างคลองเปรมประชากรว่า เป็นแนวคิดของตน ก็ดูไปเรื่อยๆ เนื่องจากเห็นน้ำในคลองเปรมฯใสดี จึงน่าจะมีการพายเรือขายของ ผู้สื่อข่าวถามว่าแนวคิดนี้จะทำจริงใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เอาจริง ที่พูดนั้นทำหมด ทำจริง

จ.เลยจัดไว้อาลัย"พล.อ.อาทิตย์"

เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 19 ม.ค. ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พล.ท.ฐิติวัจน์ กำลังเอก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) บุตรชายพล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก อดีตผบ.ทบ. อดีตผบ.สส.และอดีตส.ว.เลย ให้สัมภาษณ์ ภายหลังเข้าพบพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่า พล.อ.อาทิตย์ บิดาได้ถึงแก่อนิจกรรมแล้วด้วยวัย 89 ปี จากอาการติดเชื้อที่ปอด หลังเข้ารับการรักษาตัวที่ร.พ.พระมงกุฎฯ มาตั้งแต่เดือนส.ค. ปี "57 ตนจึงมากราบเรียนพล.อ.เปรม ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่ทางบิดาให้ความเคารพ โดยในวันที่ 20 ม.ค. พล.อ.เปรมจะเป็นผู้แทนพระองค์วางพวงมาลาหลวง และเป็นประธานพิธีน้ำหลวงอาบศพ ที่ศาลา 100 ปี วัดเบญจมบพิตร 

สำหรับประวัติพล.อ.อาทิตย์ สำเร็จชั้นประถมศึกษาตอนต้น จากโรงเรียนพรหมวิทยามูลและเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร หรือโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตรในปัจจุบัน และสำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยม 6 ที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร จากนั้นเข้าศึกษาโรงเรียนเตรียมทหารบก รุ่นที่ 5 รุ่นเดียวกับพล.อ.เทียนชัย สิริสัมพันธ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีต รมว.ศึกษาธิการ พล.อ.บรรจบ บุนนาค อดีต รมว.กลาโหม และพล.อ.อ.ประพันธ์ ธูปะเตมีย์ อดีตผบ.ทอ.

พล.อ.อาทิตย์ได้ดำรงตำแหน่งผบ.ทบ. เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2525 ต่อจากพล.อ.ประยุทธ จารุมณี ที่เกษียณอายุราชการ จากนั้นดำรงตำแหน่งผบ.สส.ด้วย เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2526 ขณะนั้นตรงกับรัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลังโดยนายสมหมาย ฮุนตระกูล ได้ลดค่าเงินบาท และพล.อ.อาทิตย์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างรุนแรง จนถูกปลดออกจากตำแหน่งผบ.ทบ.กะทันหัน เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2529 และแต่งตั้งพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ดำรงตำแหน่งผบ.ทบ.แทน 

หลังจากพล.อ.อาทิตย์เกษียณราชการในตำแหน่งผบ.สส. ได้เข้ามาเล่นการเมือง โดยได้ก่อตั้งพรรคปวงชนชาวไทย และสมัครเป็นส.ส. ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็น รมช.กลาโหม ในรัฐบาลพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ แต่ยังไม่ทันได้ปฏิบัติหน้าที่ก็ถูกจี้จับตัว โดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) นำโดยพล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี อดีต รมว.กลาโหม ผบ.ทบ. และผบ.สส. เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2534 ส่วนชีวิตครอบครัวสมรสกับท่านผู้หญิงประภาศรี กำลังเอก มีบุตร-ธิดารวม 3 คน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมัยที่พล.อ.อาทิตย์ยังรับราชการอยู่ในกองทัพภาคที่ 2 ได้เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งค่ายศรีสองรัก จังหวัดทหารบกเลย เมื่อพ.ศ.2521 หลังจากเกษียณราชการได้หันมาลงเล่นการเมือง โดยได้ก่อตั้งพรรคปวงชนชาวไทย และสมัครเป็น ส.ส.ที่จังหวัดเลย ซึ่งระหว่างนั้นมีการพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะเรื่องลอตเตอรี่ ซึ่งพล.อ.อาทิตย์มีส่วนช่วยผลักดันให้ตลาดค้าลอตเตอรี่ใน จ.เลย โดยเฉพาะที่ อ.วังสะพุง กลายเป็นตลาดค้าลอตเตอรี่ที่ใหญ่รองมาจากกองสลาก 

ด้านนายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผวจ.เลย กล่าวว่า จังหวัดจัดกิจกรรมไว้อาลัย เพื่อแสดงความอาลัยจากการจากไป บริเวณอนุสรณ์สถานผู้เสียสละในพื้นที่ พตท.1718 ที่ ต.นาอาน อ.เมือง ในวันที่ 21 ม.ค. 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!