WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

อ๋อย ฟันธงถอดปู มีเจตนา ขยี้ชินวัตร พท.แฉโดนขู่'รายงานตัว' ถ้าไม่เลิกแถลงโต้สนช. ครูหยุยขอโทษ-ปัดเย้ย ปมคลิปทำท่าเชือดคอ กกต.ลุยคดีทัวร์นกขมิ้น

 

ถูกเชือด - คลิปนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช. ทำท่าใช้นิ้วชี้เลื่อนไปมาบริเวณลำคอ คล้ายอาการแสดงออกถึงการถูกเชือด มีผู้บันทึกไว้ได้หลัง สนช.ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในโลกออนไลน์จนต้องออกมาขอโทษในที่สุด เมื่อวันที่ 25 มกราคม

 

 

 

    รุมถล่มคลิป"ครูหยุย"แสดงท่าเชือดคอ ปม สนช.ลงมติฟัน"ปู" เจ้าตัวขอโทษ ปัดถากถาง อ้างแปลกใจคะแนนท่วม กลุ่ม 40 ส.ว.เย้ยทำน้องรับกรรม "จาตุรนต์"โพสต์จวกหวังกำจัดตระกูล"ชินวัตร" ซัด คสช.อ้างปรองดองแค่เงื่อนไขทำรัฐประหาร

@ รุมถล่มคลิปท่า"ครูหยุย"เชือดคอ

      เมื่อวันที่ 25 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอความยาว 49 วินาที ซึ่งเป็นภาพบรรยากาศหลังจากที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งและตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ฐานปล่อยให้มีการทุจริตโครงการจำนำข้าว โดยมีภาพ สนช.หลายคนถ่ายรูปผลคะแนนบนกระดาน และมีภาพนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สนช. ถ่ายรูปคู่กับกระดานผลคะแนนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมทั้งชูนิ้วชี้ข้างขวาขึ้น เมื่อถ่ายรูปเสร็จ นายวัลลภได้ใช้นิ้วชี้ปาดที่คอตัวเอง 3 ครั้ง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังจากมีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก ว่าการกระทำของนายวัลลภเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และมีการระบุถึงวุฒิภาวะในการเเสดงออกเนื่องจากเป็นการเยาะเย้ย น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ถูกเชือด 

@ "วัลลภ"ขออภัยปัดเยาะเย้ย

   ด้านนายวัลลภให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ได้มีเจตนาเยาะเย้ยหรือถากถางใคร ขอชี้แจงว่าท่าทีที่ออกไปอาจเป็นเพราะความประหลาดใจ เพราะหลังจากที่มติออกมาคือ 190 ต่อ 18 เสียงนั้นถือว่าเยอะมาก เนื่องจากเท่าที่ติดตามข่าวและประเมินเสียงด้วยตัวเองนั้น คาดการณ์ว่าเสียงถอดถอนน่าจะอยู่ที่ 135 โดยประมาณ 

  "คงเป็นอาการที่แปลกใจว่า มติ 190 เยอะทะลักขนาดนี้ คือจะเชือดกันเชียวหรือ เพราะเท่าที่ผมติดตามข่าวยังประเมินเสียงที่จะออกมาว่าอาจจะ 135-140 โดยประมาณ ขนาดมีข่าวว่าเสียงออกมาจะถึง 150 ผมยังไม่เชื่อเลย ดังนั้น จึงเป็นอาการแปลกใจ แม้ว่าภาพลักษณ์ของผมก่อนหน้านี้ที่เคยขึ้นเวที กปปส. (คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข) มาก่อน ก็ถูกมองว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกันแล้วก็ตาม ทั้งที่เรื่องนี้วิปมีมติให้ผมเป็นกรรมการซักถามคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ปฏิเสธแล้ว" นายวัลลภกล่าว และว่า ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอย่างนั้น ขอยืนยันว่าไม่ได้เยาะเย้ย ถากถาง หรือสะใจใครทั้งนั้น แต่ถ้ามีคนเข้าใจผิด ต้องขออภัยจริงๆ ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องของจริยธรรมอะไรเลย

@ พะจุณณ์จี้พวกเห็นต่างใช้หนี้ข้าว

    พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ และนายทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในฐานะสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงกรณีที่มีการระบุว่า สนช.รับใบสั่งจากผู้มีบารมีให้ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าไม่ใช่เรื่องจริง เชื่อว่า สนช.ทุกคนช่วยกันวิเคราะห์หาความสมเหตุสมผล ไม่มีใครมาสั่งได้ ถึงเวลานี้คนส่วนใหญ่ของประเทศน่าจะแยกแยะออกว่ารัฐบาลที่ผ่านมามีความผิดจริงหรือไม่

    "หากพวกเห็นต่างหรือใครคิดว่ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำถูกต้องแล้ว ไม่ทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว หรือใครว่าไปไล่ล่า ก็ควรไปช่วยกันรวบรวมเงินมาลงขันใช้หนี้ค่าข้าวที่ไปกู้มา 6-7 แสนล้านบาทให้ด้วย พวกผมจะได้ไม่ต้องมาวางบรรทัดฐานของประเทศที่ถูกต้องอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ เชื่อว่าคนไทยจะรู้ได้ตัวเองว่านี่คือข้อบกพร่องอย่างร้ายแรงของนักการเมืองไทย จะเห็นจากผลสำรวจหัวหน้าชุมชนที่ออกมา ก็เห็นว่า สนช.ทำถูกต้องแล้ว และมีความหวังว่าต่อไปการเมืองน่าจะดีขึ้น จะเห็นว่าขณะนี้คนทั่วไปเข้าใจดีขึ้น เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการเมืองที่ผ่านมา" พล.ร.อ.พะจุณณ์กล่าว

@ ชี้รธน.ออกแบบสกัดคนชั่ว

     พล.ร.อ.พะจุณณ์ กล่าวว่า สำหรับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะออกแบบมาลงโทษนักการเมืองที่เลว และปกป้องไม่ให้คนชั่วเข้ามาสู่การเมือง โดยจะมีมาตรการกำหนดบทลงโทษที่เรียกว่า เห็นผิดรับโทษรวดเร็ว และรุนแรง เพื่อสกัดนักการเมืองที่เลวทุกขั้นตอน ซึ่งต่อไปนักการเมืองจะเข้ามาเล่นการเมืองต้องระวัง จะทำอะไรอย่างเดิมไม่ได้อีกแล้ว 

      "จากภาวะปกติไม่สามารถถอดถอนนักการเมืองคนใดได้เลยในช่วงที่อยู่ในตำแหน่ง หรือให้หยุดทำหน้าที่ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้หยุดสร้างความเสียหายต่อรัฐ แต่ไม่เคยได้ผล และนักการเมืองยังใช้อำนาจในหน้าที่ต่อไป โดยไม่เคยถูกระงับยับยั้งลงได้ เวลานี้พวกเรากำลังวางบรรทัดฐานที่ดีให้กับการเมืองไทย ภายใน 1 ปีเมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ การเมืองต้องดีขึ้น" พล.ร.อ.พะจุณณ์กล่าว และว่า ขอยืนยันว่าไม่ได้เขียนรัฐธรรมนูญมาไล่ล่าใคร แต่ต้องการขจัดนักการเมืองเลวให้สิ้นซาก ตามตัวบทกฎหมายที่ถูกต้องและมีคุณธรรม

@ 40 ส.ว.เย้ยพี่ทำน้องรับกรรม

    นายประสาร มฤคพิทักษ์ สปช. กล่าวถึงการลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ทำให้ฝ่ายที่ถูกถอดถอนและบริวารออกมาตอบโต้ว่าถูกกลั่นแกล้ง ถูกตามล้างตามล่า ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ความจริงแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพวก ควรจะกล่าวโทษคนที่อยู่ต่างประเทศมากกว่า เพราะเป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คิด เพื่อไทยทำ แต่คนรับกรรมคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ 

     "มติที่ออกมา 190 ต่อ 18 เสียง ถือเป็นเสียงประวัติศาสตร์ที่คะแนนถอดถอนท่วมท้นขนาดนี้เนื่องจาก 1.มีพยานเชิงประจักษ์มากมายที่ปรากฏต่อสาธารณะมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ทั้งทางการเงิน 2.หาก สนช.ไม่ยอมถอดถอน กระแสจะตีกลับ ทำให้ สนช.และ คสช.ต้องรับหน้าเสื่อไปเต็มๆ ซึ่งจะหนักหนาสาหัสยิ่งกว่า การถอดถอนแม้จะเกิดแรงกดดันตามมา แต่ก็บางเบา และอยู่ในขอบเขตที่รัฐบาลและ คสช.สามารถควบคุมได้" นายประสารกล่าว และว่า 3.ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาตอบคำถามในที่ประชุม แสดงถึงความไม่เคารพ สนช. เหมือนที่เคยหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของรัฐสภาตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรี และทำให้ข้อครหาเรื่องการไม่กล้าตอบคำถามสดในสภาเป็นประเด็นที่มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น ดังนั้น คำตอบโต้ของฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ว่าถูกกลั่นแกล้งก็ไม่มีความหมายอะไร เพราะ ป.ป.ช. คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และอนุกรรมการปิดบัญชีจำนำข้าว ของกระทรวงการคลัง สนช.และอัยการสูงสุด ต่างมีข้อยุติที่ตรงกันว่า โครงการนี้เป็นมหกรรมทุจริตเกิดผลสะเทือนทางลบต่อประเทศไทยไปอีกยาวนาน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่องค์กรเหล่านี้จะสมคบคิดกันกลั่นแกล้งคนคนหนึ่งอย่างไร้หลักฐานไร้เหตุผลรองรับ

@ ป.ป.ช.ขู่"ปู"หนีเจอหมายจับ 

       นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงขั้นตอนการประสานงานกับอัยการสูงสุด (อสส.) ในการนำตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หลังอัยการมีคำสั่งฟ้องฐานทุจริตต่อหน้าที่ในโครงการจำนำข้าว ว่า ต้องรอ อสส.ร่างสำนวนคำฟ้องคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกา ทราบว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เมื่อ อสส.ร่างสำนวนเสร็จแล้ว จะประสานงานมา ป.ป.ช. เพื่อให้ ป.ป.ช.ทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ถูกฟ้องทราบ เพื่อให้เดินทางไปรายงานตัวต่ออัยการสูงสุดในวันที่จะส่งฟ้องคดี 

      "หากผู้ถูกฟ้องไม่ไปรายงานตัวตามวันเวลาที่กำหนด อสส.จะประสานมายัง ป.ป.ช.อีกครั้ง เพื่อให้ดำเนินการนำตัวให้ได้มาในการส่งฟ้อง ซึ่ง ป.ป.ช.อาจจะติดต่อไปยังผู้ถูกฟ้องโดยตรง หรือหากพบว่ามีพฤติการณ์หลบหนี จะประสานงานกับพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการออกหมายจับ แต่เชื่อว่า ผู้ถูกฟ้องพร้อมที่จะสู้คดีในกระบวนการยุติธรรม" นายสรรเสริญกล่าว

@ แจ้งข้อหาส.ส.เสียบบัตรแทน

    นายสรรเสริญ กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้องค์คณะไต่สวนสำนวนคดีอาญากรณีอดีต ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน ได้รวบรวมหลักฐานเสร็จในเบื้องต้นแล้ว จะสรุปข้อเท็จจริงเข้าสู่ที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ พิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาแก่อดีต ส.ส.ที่มีความผิดในการเสียบบัตรแทนกัน ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีการเสียบบัตรแทนกัน

    "จะพิจารณาไปถึงอดีต ส.ส.บางส่วนที่อยู่ในคลิปเหตุการณ์ที่เสียบบัตรแทนกันว่า มีส่วนร่วมในการเสียบบัตรแทนกันด้วยหรือไม่ ถือเป็นความผิดเฉพาะตัว ไม่สามารถเหมารวมเอาผิดอดีต ส.ส.ทั้งสภาได้" นายสรรเสริญกล่าว 

@ มั่นใจหลักฐานมัดผิด 38 ส.ว. 

      นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะได้รับมอบหมายจาก ป.ป.ช.ให้เป็นตัวแทนไปแถลงเปิดคดีอดีต 38 ส.ว. แก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว.โดยมิชอบต่อที่ประชุม สนช.ในเดือนกุมภาพันธ์ กล่าวถึง การพิจารณาคดีถอดถอนอดีต 38 ส.ว. ว่า ไม่สามารถนำผลการลงมติการไม่ถอดถอนคดีถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. มาเทียบเป็นบรรทัดฐานในคดี 38 อดีต ส.ว.ได้เพราะไม่มีความผิดเหมือนกัน

     "แม้ว่ามีฐานความผิดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเหมือนกันก็ตาม เพราะการกระทำความผิดของอดีต 38 ส.ว. มีพฤติการณ์ในการกระทำผิดที่แตกต่างกันไป ดังนั้นผลการลงมติในคดีนี้อาจจะเหมือนหรือแตกต่างกับคดีนายนิคมหรือนายสมศักดิ์ก็ได้" นายวิชัยกล่าว

@ ชี้เทียบคดี"นิคม-ขุนค้อน"ไม่ได้

      นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า ป.ป.ช.มั่นใจในข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในสำนวนคดี 38 อดีต ส.ว.ที่ส่งไปให้ สนช.พิจารณาถอดถอน แต่จะเอาผิดได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ สนช. อย่างไรก็ตาม คดีนายนิคมและนายสมศักดิ์ กับคดีอดีต 38 ส.ว.มีข้อเท็จจริงแตกต่างกัน เพราะคดีนายนิคมและนายสมศักดิ์เป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานที่ประชุม 

     "แต่คดีอดีต 38 ส.ว.เป็นเรื่องการลงมติ ซึ่งใน 38 คน มีพฤติการณ์กระทำผิดแตกต่างกันไป ไม่เหมือนกันทุกคน เช่น บางคนเข้าชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว บางคนไปลงมติโหวตในมาตราที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนที่ให้อดีต ส.ว.ลงสมัครเลือกตั้งได้ โดยไม่ต้องเว้นวรรค หรือบางคนทั้งเข้าชื่อเสนอกฎหมายและลงมติในเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนด้วย ดังนั้น ฐานความผิดทั้ง 38 คนจึงไม่เหมือนกัน จึงขึ้นอยู่กับที่ประชุม สนช.จะมีมติอย่างไร" นายปานเทพกล่าว 

@ กกต.ปัดเป็นดาบสองเอาผิด"ปู"

      นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาสำนวนคัดค้านการเลือกตั้งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพวก กรณีใช้บุคลากรและทรัพยากรของรัฐไปเดินสายตรวจราชการในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงที่มีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 (ทัวร์นกขมิ้น) ว่าสำนวนอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ยังไม่ทราบรายละเอียดของสำนวนว่าคืบหน้าไปอย่างไรและไม่รู้ว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคมตามที่มีข่าวระบุออกมาหรือไม่

      "เนื่องจากต้องพิจารณาด้วยความรอบ คอบมากที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ ทั้งนี้ขอยืนยันว่าการทำงาน กกต.จะไม่พิจารณาไปตามกระแสสังคมเด็ดขาด การที่มองว่า กกต.จะเป็นดาบที่สองในการเอาผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อจาก สนช. ไม่เป็นความจริง ทุกสำนวนทุกคดีที่เข้าสู่การพิจารณาของ กกต.จะพิจารณาด้วยความรอบคอบและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดก็ต้องว่าไปตามผิด หากไม่ผิดก็คือไม่ผิด จะไม่กลั่นแกล้งแน่นอน" นายศุภชัยกล่าว

@ ยังไม่เคาะเลือกตั้งสูญ3พันล.

       นายศุภชัย กล่าวถึงความคืบหน้าการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 3,000 ล้านบาทจากบุคคลที่ทำให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นโมฆะ ว่า ทางคณะทำงานด้านกฎหมายได้ขอเลื่อนการส่งข้อมูลให้ กกต.พิจารณาออกไปก่อน เนื่องจากยังรวบรวมพยานหลักฐานไม่แล้วเสร็จ จึงต้องการกลับไปรวบรวมเอกสารและหลักฐานให้ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์ กรณีดังกล่าวจำเป็นต้องค่อยๆ ดำเนินการและต้องพิจารณาให้รอบคอบมากที่สุด เนื่องจากเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และเกี่ยวข้องกับคนหลายฝ่าย จะพิจารณาเมื่อใดนั้นคงขึ้นอยู่กับคณะทำงานฯว่าจะรวบรวมข้อมูลได้แล้วเสร็จเมื่อใด 

@ "ดิเรก"ตัวแทน38ส.ว.แถลงเปิดคดี

นายดิเรก ถึงฝั่ง สปช. ในฐานะ 1 ใน 38 อดีต ส.ว.ที่ถูกยื่นถอดถอนกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงแนวทางการต่อสู้คดีในการแถลงเปิดคดีวันที่ 25 กุมภาพันธ์ว่า อดีต ส.ว.ทุกคนคงจะมอบให้ตนเป็นผู้แถลงเปิดคดีชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อที่ประชุม สนช. ซึ่งตนจะชี้แจงไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายทั้งหมด 

"ขอยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่เปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาดำเนินการแก้ไขได้ อีกทั้งการลงมติตามในมาตราใดๆ ยังได้รับเอกสิทธิคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญอีก จึงมั่นใจว่า ไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด ทุกอย่างเป็นการทำตามหน้าที่" นายดิเรกกล่าว

@ พท.ยัน"ปู"ไม่หนีพร้อมสู้คดี

นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) และอดีตประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิป รัฐบาล) กล่าวว่า หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกถอดถอน พรรคเพื่อไทยจะอยู่นิ่ง ไม่ปลุกระดม ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย อยากให้บ้านเมืองสงบ เรารู้ตั้งแต่ต้นว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ กระบวนการยุติธรรมเสียหายหมด ใครทำผิด ถูก รู้อยู่แก่ใจ คิดว่าผลกรรมจะตอบสนองเอง กฎหมายไม่เป็นกฎหมายบ้านเมืองมันไปไม่ได้ 

"เชื่อมั่นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไม่หนีออกนอกประเทศแน่นอนเพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันว่าจะสู้ตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่" นายอำนวยกล่าว และว่า สมควรอย่างยิ่งที่ต้องมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม หากพูดว่าปรองดอง แต่ไม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรม มันก็ไม่ปรองดอง ต้องทำควบคู่กันไป อยากฝากให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ดูเรื่องนี้ด้วย 

นายอำนวยกล่าวว่า พท.รู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้มาก เพราะกระบวนการยุติธรรมดูเร่งรีบ รวบรัด ตัดตอน ขาดความรอบคอบในการพิจารณาตัวบทกฎหมาย ทั้งที่ประเทศอยู่ในความสงบ ให้ความร่วมมือทุกอย่าง แต่ท้ายสุดเรื่องจบแบบนี้ พท.เป็นเด็กว่านอนสอนง่ายมาโดยตลอดและที่นิ่ง เพราะอยากให้เป็นประชาธิปไตย กลับไปสู่โหมดการเลือกตั้งโดยเร็ว นี่คือเป้าหมายอยากให้ กมธ.ยกร่างฯเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย หากไม่เป็นประชาธิปไตยก็จะยุ่งไปอีก

@ จาตุรนต์ชี้หวังกำจัด"ชินวัตร"

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ชื่อ Chaturon Chaisang ระบุว่า "ที่มาก

กว่าการถอดถอนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ทั้งก่อนและหลังการถอดถอนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ มีเสียงเรียกร้องจากแม่ทัพนายกองให้ยอมรับการถอดถอน แต่การถอดถอนนี้ขัดหลักการประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมอย่างสิ้นเชิงมาตั้งแต่ต้น ใครที่รักความถูกต้องเป็นธรรมคงไม่อาจยอมรับได้

"วัตถุประสงค์สำคัญที่ชัดเจนของการถอดถอนคือ การกำจัดตระกูลชินวัตรให้พ้นไปจากการเมืองและทำลายศักยภาพของพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีคนมองอีกมุมหนึ่งว่า กลับทำให้ฝ่ายที่ถูกทำลายล้างได้รับความเห็นใจและพรรคเพื่อไทยจะยิ่งชนะการเลือกตั้งแต่การเมืองไทยจากนี้ไป ไม่ใช่เรื่องที่จะสรุปอะไรง่ายๆ อย่างนั้นเสียแล้ว" นายจาตุรนต์ระบุ และว่า การถอดถอนครั้งนี้เป็นผลจากการรัฐประหารและเป็นไปตามความมุ่งหมายของผู้ทำรัฐประหารและผู้ที่สนับสนุนให้เกิดการรัฐประหาร ไม่มีการรัฐประหารก็ไม่มีการถอดถอนแบบนี้

@ ซัดคสช.พูดปรองดองแค่อ้าง

นายจาตุรนต์ระบุอีกว่า การถอดถอนครั้งนี้แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ให้เหตุผลว่าจำเป็นจะต้องเข้ายึดอำนาจเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในสังคม และต่อมามักพูดถึงการปรองดองอยู่บ่อยๆ นั้นเป็นเพียงข้ออ้าง เอาเข้าจริงมิใช่เช่นนั้นเลย ที่สำคัญกระบวนการต่อเนื่องของการรัฐประหารยังไม่จบแค่นี้

"การถอดถอนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการสร้างระบบการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ที่จะต้องมีหลักประกันว่า เมื่อยอมให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้ว อำนาจในการบริหารปกครองประเทศยังต้องอยู่ในมือของคนส่วนน้อยที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ใช่ประชาชน" นายจาตุรนต์ระบุ

@ ชี้ชนชั้นนำทำลายระบอบปชต.

นายจาตุรนต์ระบุอีกว่า หากติดตามการนำเสนอแนวความคิดของชนชั้นนำและผู้มีอำนาจทั้งหลายตั้งแต่ก่อนการรัฐประหารมาจนถึงช่วงนี้ พอจะถอดรหัสได้ไม่ยากว่าการสร้างระบบการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยดังกล่าวนี้เกิดขึ้นโดย 1.กำจัดตระกูลชินวัตรออกจากการเมืองและลดศักยภาพของพรรคเพื่อไทย 2.ลดอำนาจและบทบาทของพรรคการเมืองและนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหลาย

3.กำหนดให้คนนอกเป็นนายกฯได้ 4.วุฒิสภาและองค์กรอิสระ หรือองค์กรตรวจสอบที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง สามารถกำหนดที่มาและการดำรงอยู่ของรัฐบาลได้

"5.นโยบายในการบริหารประเทศทั้งระยะสั้นและระยะยาวถูกกำหนดไว้หมดแล้วในรัฐธรรมนูญ และแนวทางการปฏิรูปและวิสัยทัศน์ของประเทศ 6.มีกลไกที่คอยกำกับให้รัฐบาลหลังการเลือกตั้งต้องทำตามสิ่งที่กำหนดไว้ และป้องกันไม่ให้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ 7.เพิ่มอำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการตีความรัฐธรรมนูญมาตรา 7 เพื่อให้ผู้มีอำนาจสามารถเปลี่ยนรัฐบาลและแก้ไขกติกาได้ โดยไม่ต้องทำรัฐประหารให้เหนื่อยแรง" นายจาตุรนต์กล่าว และว่า นี่คือโรดแมปของการสร้างระบบการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยที่จะเกิดขึ้นและต้องการให้ดำรงอยู่ไปอีกนาน

@ ปลุกผู้รักปชต.ช่วยยับยั้ง

นายจาตุรนต์ระบุอีกว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะไม่มีความหมายอย่างการเลือกตั้งในอารยประเทศ ฉะนั้น ความคิดหรือความเชื่อที่ว่าปล่อยให้พวกเขาทำไปเถอะ เลือกตั้งเมื่อไหร่ก็ดีเองนั้นใช้ไม่ได้แน่แล้ว

แต่การสร้างระบบการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยนี้ขัดแย้งและสวนทางกับพัฒนาการทางการเมืองของประเทศไทย และแตกต่างจากความคาดหวังของประชาชนที่มีประสบการณ์จากพัฒนาการทางการเมืองใน 10-20 กว่าปีมานี้อย่างมาก หากดำเนินต่อไปย่อมมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีเกิดเป็นความขัดแย้งและความเสียหายอย่างมากสำหรับสังคมไทย

"ผู้รักประชาธิปไตยและผู้ที่ต้องการให้บ้านเมืองพัฒนาไปโดยไม่ติดหล่มแห่งความขัดแย้ง จึงจำเป็นต้องช่วยกันระงับยับยั้งกระบวนการสร้างระบบการปกครองที่ล้าหลังและเป็นอันตรายอย่างยิ่งนี้" นายจาตุรนต์ระบุ และว่า การถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เพียงแต่เป็นความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นแก่บุคคลหรือครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นกับประชาชนอีกเป็นจำนวนมาก เป็นส่วนหนึ่งของการทำลายประชาธิปไตย การปล้นอำนาจไปจากประชาชนแล้วไม่ยอมคืน และการสร้างระบบที่ไม่เป็นประชาธิปไตยที่ต้องการให้คงอยู่อย่างถาวร

@ ขอพลังปชช.ช่วยหยุดหายนะ

นายจาตุรนต์ระบุว่า ต้องช่วยกันแปรความไม่พอใจ ความอัดอั้นตันใจที่เกิดจากการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นความเข้าใจต่อความเลวร้ายและหายนะที่กำลังเกิดขึ้นกับบ้านเมือง และช่วยกันหาทางป้องกันแก้ไขเท่าที่จะทำได้

"ผมไม่ได้กำลังเสนอให้ใครไปชุมนุมหรือเดินขบวนที่ไหน แต่เสียงของประชาชนก็ยังมีความหมายเสมอ และหากประชาชนเห็นปัญหาร่วมกันมากขึ้นๆ เสียงของประชาชนก็ย่อมมีพลังพอที่จะช่วยกันหยุดยั้งหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ได้ เห็นผู้ที่กำลังร่างรัฐธรรมนูญและปฏิรูปประเทศเขาบอกว่ายินดีรับฟังความเห็นประชาชนไม่ใช่หรือ?" นายจาตุรนต์ระบุ 

@ อัดพฤติกรรมสนช.ทำลายปชต.

นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ สนช. มีมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ และอัยการสูงสุด (อสส.) มีมติสั่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ในคดีอาญา รวมถึง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่าทำให้ประชาคมโลกรู้ได้ทันทีว่า องคาพยพที่มีเจตนาไล่ล่าทางการเมืองไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทหารลงมาเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชนอย่างเต็มตัว มหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาจึงต้องส่งตัวแทนมารับฟังปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นในทันที การถอดถอนของ สนช.เป็นการบ่อนทำลายประชาธิปไตย สร้างบรรทัดฐานทางการเมืองที่ผิดๆ ให้กับสังคม แต่ในขณะนี้ประชาชนอาจทำอะไรไม่ได้มาก เนื่องจากอยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎอัยการศึก แต่แน่นอนว่ามีการเลือกตั้งเมื่อใด ประชาชนจะเข้าคูหาทำให้เห็นเองว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงเป็นอย่างไร

"ขอยืนยันว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวในตอนนี้ แต่ถ้าหากสัญญาที่ คสช.ให้ไว้ว่า โรดแมป ระยะ 3 การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมไม่เกิดขึ้นจริง ในฐานะนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งก็คงต้องไปทวงสัญญาจากชายชาติทหาร" นายสมคิดกล่าว 

@ ยันส.ส.ไม่มีวันทิ้งพรรค

นายสมคิดกล่าวถึงกรณีที่นายสมศักดิ์และนายนิคมไม่ถูกถอดถอนว่า จะเป็นบรรทัดฐานให้สำนวนถอดถอนของ 38 ส.ว.และ ส.ส.อีกกว่า 200 คนไม่ถูกถอดถอนด้วยเช่นกัน เนื่องจากมองว่านี่คือเกมการเมืองที่จ้องทำลายตระกูลชินวัตรเพียงอย่างเดียว เพื่อสร้างความชอบธรรมให้การยึดอำนาจ แต่คงจะไม่กล้าเปิดแนวรบกับตัวแทนของประชาชนอีก 200 กว่าคนอย่างแน่นอน เพราะผลกระทบที่ตามมาจะมีมาก 

"ยืนยันว่าจะไม่มีเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนปี 2552 ที่พรรคพลังประชาชนเจอปัญหาทางการเมือง แล้ว ส.ส.หลายรายหนีออกไปตั้งพรรคใหม่เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ซึ่ง ส.ส.เพื่อไทยทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสานจะไม่ทิ้งพรรคอย่างแน่นอน อย่างกลุ่ม ส.ส.อีสานของพวกผมกว่า 20 คน ยังไม่มีใครพูดถึงการลาออกเลย" นายสมคิดกล่าว

@ เผยมทภ.1สั่งห้าม"ปู"แถลง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสิงห์ทอง บัวชุม คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้เขียนข้อความชี้แจงผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุเหตุผลที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ไปแถลงข่าวที่โรงแรมเอสซีปาร์ค เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมาว่า "อยากจะบอกความลับ ให้รู้ในวันที่ทหาร-ตํารวจเข้าควบคุมพื้นที่โรงแรมเอสซีฯมีนายทหารยศพันโท-ตํารวจยศพันตํารวจเอก ในนาม คสช. มาพบคุยกับผมบอกว่า คสช.ห้ามแถลงข่าว เป็นคําสั่งเด็ดขาดของแม่ทัพภาคที่ 1 ถ้าไม่เชื่อฟัง จะใช้กฎอัยการศึก และในวันรุ่งขึ้นจะให้อดีตนายกฯพร้อมทนายความเข้ารายงานตัวทันที ทําให้ผมต้องออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนครับ"

@ "จารุพงศ์"ปลุกปชช.ยึดอำนาจคืน

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 7 ผ่านทางยูทูบ มีความยาว 21 นาที ระบุว่า ที่ผ่านมามีคนบางกลุ่มใช้อำนาจที่ซ่อนอยู่ในมุมมืด ร่วมมือกันทำลายกลไกประชาธิปไตยที่มาจากเสียงประชาชนลงอย่างสิ้นเชิง ในการทำรัฐประหารและการตามทำลายล้างคู่ต่อสู้ทางการเมืองอย่างไม่ละอายต่อบาป และนำอำนาจทั้งหมดมาสร้างผลประโยชน์ให้กลุ่มก้อนของพวกตนอย่างไม่มีจิตสำนึก ทำให้ประเทศชาติเสียหายสะสม จนใกล้จุดต่ำสุดของประวัติศาสตร์ชาติไทย 

"การถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขัดหลักกฎหมายไทยและกฎหมายสากล พร้อมทั้งมีการยัดเยียดคดีอาญา ดังนั้น ทำให้เห็นชัดแล้วว่าประเทศและประชาชนชาวไทย ถูกครอบงำ ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการรัฐประหารมาแล้ว 19 ครั้ง ระยะเวลากว่า 80 ปี เมื่อมีพรรคการเมืองที่ชนะพรรคที่กลุ่มคนเหล่านี้ให้การสนับสนุน ก็จะยุบพรรคตรงข้ามนั้นเสีย ขณะนี้ทราบว่ามีความพยายามยุบพรรคเพื่อไทยอย่างแยบยล" นายจารุพงศ์กล่าว 

นายจารุพงศ์กล่าวว่า ประเทศกำลังตกอยู่ในความมืดมิด คนยากจน ชาวนา เกษตรกร ผู้ใช้แรงงานจะยิ่งยากจนลง และไม่มีปากเสียง ไม่สามารถปริปากพูดอะไรได้เพราะมีกฎอัยการศึก จึงใช้โอกาสทำลายโครงสร้างประชาธิปไตย ทำลายความเป็นมนุษย์ ละเมิดสิทธิมนุษยชน ถึงเวลาแล้วที่จะขอให้ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อล้มอำนาจเหล่านี้ให้เด็ดขาด เพื่อปลดปล่อยและยึดคืนอำนาจให้กลับมาเป็นของประชาชน เพื่อสถาปนาระบอบประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ ด้วยการกระจายข้อมูลข่าวสารให้ได้มากที่สุด สร้างเครือข่ายประสานงานลับๆ พร้อมทั้งร่วมประสานกับเครือขายเสรีไทย และตนสามารถสร้างเครือข่ายที่กระจายตัวแล้วใน 10 ประเทศทั่วโลก นับวันจะยิ่งแข็งกร้าวในการขับไล่มวลมาร

@ พท.ย้ำสู้ตามกระบวนการยุติธรรม

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการกำหนดท่าทีของพรรคเพื่อไทย หลัง สนช.ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย จะรู้สึกถึงการไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่จะไม่นำเรื่องดังกล่าวมาเป็นประเด็นเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อจุดไฟความขัดแย้งเพิ่มขึ้น เวลานี้เป็นเวลาที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยต้องแสวงหาความยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ตัวเองผ่านกระบวนการยุติธรรมเท่าที่มี ดังนั้น กระแสข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย จะแถลงข่าวกำหนดท่าทีตามสถานที่ต่างๆ นั้นไม่เป็นความจริงและควรยุติได้แล้ว 

นายอนุสรณ์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวซึ่งแม้จะเจ็บปวด แต่ก็ไม่ควรนำมากำหนดท่าทีใดๆ บรรยากาศประชาธิปไตยที่วังเวงอยู่ขณะนี้ ถูกจับตามองทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ถูกตั้งคำถามเพื่อนำไปสู่การยืนยันว่าประชาธิปไตยในประเทศไทยตายแล้วจริงหรือ หากฝ่ายผู้มีอำนาจปล่อยให้มีการไล่ล่า ไม่จบสิ้น ระบบนิติธรรมเสื่อมสลาย ความยุติธรรมไม่มี ความสามัคคีก็ไม่เกิด เหตุการณ์อาจจะเกิดซ้ำเหมือนกับปัญหาในบางพื้นที่ของประเทศ ที่แก้ปัญหาไม่จบ น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยอยากเห็นประเทศไทยมีความสงบสุขและเดินหน้า

ต่อไปได้ ลำพังให้รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็หนักแล้ว จึงไม่ควรจะมีใครมาเคลื่อนไหวซ้ำเติมปัญหาอีก แต่สำหรับความรู้สึกของประชาชนแต่ละคนนั้นห้ามกันไม่ได้ และหวังว่าเมื่อประเทศกลับสู่ประชาธิปไตย น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยจะได้รับความยุติธรรม

@ คสช.เผย"ปู"ยังไม่แจ้งไปนอก

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. กล่าวถึงการดูแลสถานการณ์ภายหลัง สนช.ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า ยังไม่พบว่ามีการเคลื่อนไหวหรือการแสดงออกใดๆ ที่มีแนวโน้มจะนำไปสู่เหตุวุ่นวาย แต่มีเพียงการแสดงความคิดเห็นโดยทั่วไปของผู้เห็นต่างเหมือนที่ผ่านมาเท่านั้น ขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่าการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมและข้อกฎหมายเป็นคนละส่วนกับงานปรองดองสมานฉันท์ และเชื่อมั่นว่าไม่มีการชี้นำ สนช.ให้ลงมติ เพราะ สนช.มาจากหลายส่วนและไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับ คสช.

"ขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่ได้แจ้ง คสช.เพื่อขอเดินทางออกนอกประเทศในช่วงนี้แต่อย่างใด ซึ่งหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์หรือบุคคลที่เคยถูก คสช.ให้เข้ารายงานตัวจะเดินทางออกนอกประเทศก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขเดิมของ คสช.ในการขออนุญาตตามขั้นตอน" พ.อ.วินธัยกล่าว

@ ชี้ถอด"ปู"กระทบปรองดองน้อย 

นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาแนวทางการสร้างความปรองดอง กล่าวว่า การที่ สนช.ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจส่งผลกระทบต่อแนวทางการสร้างความปรองดองบ้างเล็กน้อยแต่ไม่มาก เนื่องจากอารมณ์และความรู้สึกของสังคมไทยไม่ได้เป็นความรู้สึกเดียวกันทั้งหมด เพราะก่อนยึดอำนาจก็แบ่งอารมณ์และความรู้สึกออกเป็นสองฝ่ายอยู่แล้ว พอเกิดเรื่องนี้ก็คงกระทบแต่ละฝ่ายไม่เหมือนกัน 

"จึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจและเร่งเดินหน้ายืนหยัดทำให้เกิดบรรยากาศความปรองดองและรู้รักสามัคคี แต่ต้องคำนึงว่าเรื่องความปรองดองนั้นเป็นเรื่องที่ต้องทำกันระยะยาว และการทำเรื่องสันติภาพไม่ได้แปลว่าจะปราศจากคลื่นลมทุกครั้งไป ดังนั้น เมื่อมีหน้าที่ทำให้เกิดความปรองดอง จะต้องพยายามทำให้ทุกฝ่ายพูดคุยกันให้ได้ตามที่ได้วางแนวทางเอาไว้" นายเอนกกล่าว

@ ยกร่างฯ2สัปดาห์คืบ130ม.

นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้า กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจะพิจารณาร่างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา

ภาคที่ 3 นิติธรรม ศาล และองค์กรตวจสอบการใช้อำนาจรัฐ หมวด 2 ว่าด้วยการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาที่พิจารณาแล้วเสร็จไปเพียง 1 มาตราเท่านั้น สาระสำคัญของหมวดดังกล่าวจะว่าด้วยเรื่องของการถอดถอนออกจาตำแหน่ง การตรวจสอบทรัพย์สินและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ อาทิ ป.ป.ช. และ กกต. เป็นต้น 

"ทั้งนี้ ภาพรวมของการพิจารณาร่างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!