WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8827 ข่าวสดรายวัน


ลั่นปชต.ยังไม่ตาย บิ๊กตู่โต้ปู เมินเลิกอัยการศึก 
กมธ.ยกร่างฯผุดงกจต.งจัดเลือกตั้งแทนกกต. แจกคูปองเกษตรกร ย้ายสลับ 10 ผวจ.-ผู้ตรวจ อนุมัติหยุดยาว 1-5 พค.


รายงานตัว - นายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย เดินทางมาที่หน้ากองทัพภาค 1 ถนนราชดำเนิน กทม. เพื่อเข้ารายงานตัว หลังจากโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงเรื่องการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อ 27 ม.ค. 

     'ประยุทธ์'คงกฎอัยการศึก ไม่สนสหรัฐจี้ให้เลิก ลั่นประชาธิป ไตยไม่ตายจากไทย ปล่อย'ปู'พบสหรัฐ ไม่อยากถูกกล่าวหารังแกผู้หญิง กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญตั้ง 'กจต.' ทำหน้าที่จัดเลือกตั้ง กกต.คอยควบคุม ให้อำนาจ 2 สภาถอดถอนนักการเมือง ตัดสิทธิ 5 ปี 'บิ๊กหนุ่ย'แจงตั้ง'ตั๊น- จิตภัสร์'แค่คณะทำงานชั่วคราว ตอนนี้พ้นหน้าที่แล้ว ทหารล็อกตัว'สิงห์ทอง'เข้าปรับทัศนติก่อนปล่อยตัว ครม.สั่งย้ายสลับ ผู้ว่าฯ-ผู้ตรวจราชการ 10 ราย

ทหารล็อกตัว'สิงห์ทอง' 

     เวลา 10.30 น. วันที่ 27 ม.ค. นายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าพบพล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ตามคำเชิญ เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจและปรับทัศนคติ เนื่องจากให้สัมภาษณ์และโพสต์เฟซบุ๊กกรณีคสช.ขอความร่วมมือไม่ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ แถลงข่าวหลังจากสนช.ถอดถอนเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา และยังคงให้ข่าวอย่างต่อเนื่อง

      โดยทหารให้นายสิงห์ทองนำรถส่วนตัวยี่ห้อ Lexus ป้ายแดงทะเบียน บ 4347 กทม. ไปจอดรอที่ลานพระบรมรูปทรงม้า พร้อมนำรถจี๊ปทหารติดฟิล์มดำทั้งคันของกองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ (ช.พัน.1 รอ.) สังกัดกองทัพภาคที่ 1 ป้ายทะเบียนกงจักร 17049 ไปรับ โดยมีพ.ท.อัมพุช พัฒน์ทอง ผบ.ช.พัน.1 รอ. นายทหารคนเดียวกันกับที่ไปโรงแรมเอสซี ปาร์ค เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ขอความร่วมมือไม่ให้มีการแถลงข่าว จากนั้นนำตัวนายสิงห์ทองเข้าไปยังกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 

สั่งงดจ้อการเมืองก่อนปล่อยตัว

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำหนดการเข้าพบแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นเวลา 11.00 น. ซึ่งนายสิงห์ทองนัดผู้สื่อข่าวมาทำข่าวที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เวลา 10.30 น. เพื่อให้สัมภาษณ์ก่อน แต่ปรากฏว่ายังไม่ถึงเวลานัดหมายเจ้าหน้าที่ทหารมารับตัวไปทันที นายสิงห์ทองมีสีหน้าเคร่งเครียดกล่าวเพียงสั้นๆ ก่อนขึ้นรถจี๊ปทหารว่า ขอบคุณสื่อมวลชนที่มาทำข่าวแต่คงไม่สามารถพูดอะไรได้มากในตอนนี้ ขอเข้าไปพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อน

      หลังพูดคุยทำความเข้าใจและขอความร่วมมืองดแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เจ้าหน้าที่ทหารของกกล.รส. อนุญาตให้นายสิงห์ทองเดินทางกลับในเวลา 12.30 น. 

บิ๊กโชยจับตาใครป่วนเชิญพบอีก 

       ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.กัมปนาทกล่าวกรณีเชิญตัวนายสิงห์ทองมาพูดคุยว่า ไม่ได้นำตัวมาข่มขู่ ที่ผ่านมานายสิงห์ทองพูดคุยกับทหารและให้สัมภาษณ์คนละเรื่องกันทำให้เกิดความเสียหาย จึงต้องเชิญมาทำความเข้าใจ ยืนยันไม่มีการกักตัวหรือนำไปปรับทัศนคติค้างคืนที่ค่ายทหาร ส่วนทหารที่พูดคุยก็เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายพูดคุยตนไม่ได้ร่วมพูดคุยด้วย เพราะเกรงจะเป็นแรงผลักดันทำให้เสียบรรยากาศปรองดอง ส่วนจะเชิญตัวบุคคลอื่นมาพูดคุยอีกหรือไม่นั้น ถ้าไม่ถึงขนาดสร้างความปั่นป่วนก็จะไม่เชิญตัวมา

ดาว์พงษ์ยัน'ตั๊น'พ้นหน้าที่แล้ว

      พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์กรณีมีเอกสารการแต่งตั้งน.ส.จิตภัสร์ กฤดากร อดีตแนวร่วมกลุ่มกปปส. เผยแพร่ในสังคมออนไลน์ อ้างเป็นคำสั่งแต่งตั้งของกระทรวง ทส. ที่ 354/2557 เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2557 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานรมว. โดยมีชื่อน.ส.จิตภัสร์อยู่ในคณะทำงาน อีกทั้งมีหลายคนเห็นน.ส.จิตภัสร์ ไปช่วยงานของมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ว่า เอกสารดังกล่าวเป็นของจริง ตนเซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานรมว.ทส.โดยมีน.ส.จิตภัสร์เป็นหนึ่งในคณะทำงานด้วย แต่เวลานี้น.ส.จิตภัสร์ไม่ได้เป็นคณะทำงานแล้วเพราะภารกิจที่ให้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อถามว่าได้ตั้งน.ส.จิตภัสร์ เป็นคณะทำงานด้านใด พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวว่า เป็นคณะทำงานในหลายเรื่อง เพราะน.ส.จิตภัสร์ เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถในหลายเรื่อง แต่ยืนยันว่าเวลานี้ไม่ได้เป็นแล้ว 

     เวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวการแต่งตั้งน.ส.จิตภัสร์ พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธว่า ยังไม่เห็น

      เวลา 13.45 น. หลังประชุมครม. พล.อ. ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวแต่งตั้งน.ส.จิตภัสร์ เป็นคณะทำงานของพล.อ. ดาว์พงษ์อีกครั้งว่า ตนถามแล้วว่าไม่มี อย่าไปเชื่อเอกสารที่ปรากฏ บางอันก็เขียนส่งเดชไปเรื่อยเปื่อย เพราะยังเคยสะกดชื่อตนผิดมาแล้ว จะปลอมแปลงอะไรก็ให้ถูก แบบนี้เขาเรียกว่าเฮตสปีช จริงบ้างไม่จริงบ้าง 

'บิ๊กตู่'ชี้พรบ.ไซเบอร์ยังแก้ไขได้ 

       เมื่อถามถึงร่างพ.ร.บ.ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่ผ่านมติครม. จะมีผลรวมถึงการควบคุมการดูหมิ่นด้านศาสนาอย่างที่เกิดขึ้นกับสำนักพิมพ์ชาร์ลี เอบโด ของฝรั่งเศสหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ไซเบอร์ยังไม่ออกเป็นกฎหมาย ที่เสนอต่อสนช.นั้นเป็นร่างคร่าวๆ ว่าควรจะมีกฎหมายฉบับนี้ ประกอบกับกฎหมายอื่นที่ออกไปแล้วในการจะปรับเป็นดิจิตอล อีโคโนมี จะต้องมีการแปรญัติในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) จะเห็นด้วยหรือไม่อย่างไรต้องไปปรับแก้ตรงนั้น ที่ส่งไปถึงสนช.เร็วเพื่อให้คนที่รู้ได้พิจารณาและนำคนในแวดวงที่เกี่ยวข้องมาสอบถาม 

      นายกฯ กล่าวว่า ส่วนข้อกังวลว่ารัฐบาลจะล้วงตับประชาชนนั้นจะไปล้วงได้อย่างไร ถ้าไม่มีปัญหาก็ไปล้วงไม่ได้ การจะเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลต้องมีเหตุผลเพราะผิดกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่านำกฎหมายหนึ่งไปตีอีกอย่างหนึ่ง การจะกล่าวพาดพิงใครโดยไม่ถูกต้องด้วยหลักการจะทำไม่ได้ บางเรื่องไม่ต้องทำเป็นกฎหมายเพราะทำไม่ได้ เช่นเดียวกับกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มีไว้เพื่อปกป้องสถาบัน ซึ่งฟ้องร้องเองไม่ได้ 

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราออกกฎหมายเพื่อให้เกิดความทันสมัย ขอให้เข้าใจแม้จะ ผ่านครม.แต่ยังไม่ผ่านในชั้นกมธ.ของสนช. 3 วาระ และจะยังไม่มีผลใดๆ ทั้งสิ้น สามารถปรับแก้ได้ทั้งหมด กมธ.ต้องเรียกผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลประกอบการพิจารณา ถ้าไม่ใช่ก็ปรับแก้ แต่ที่ครม.เร่งพิจารณาเพราะมีเวลาจำกัดและกฎหมายมีหลายร้อยฉบับ อะไรที่ผ่านได้ต้องผ่านไปก่อนแล้วไปพิจารณาในชั้นกมธ. บางเรื่องเสนอไปตั้งแต่คสช.เริ่มมาบริหารประเทศตอนนี้ยังไม่ออกมาเลยก็มี

เมิน'มะกัน'คงกฎอัยการศึก

      นายกฯ กล่าวว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ว่าไม่มีเรื่องแล้วต้องไปตรวจค้นหาความผิด ไปตรวจดูบัญชีหรือดักฟังโทรศัพท์ ถือเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ถ้ามีการทุจริต โกงหรือทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการตาม ขั้นตอน เหมือนความผิดในมาตรา 112 ถ้าไม่ไปทำหรือไปก้าวล่วงสถาบันก็ไม่มีใครไป ตรวจสอบ แต่ที่ไปตรวจเช็กเพราะมีผลว่า มีการกระทำผิดจริงและหากเราไม่มีอะไรควบคุมเลยก็จะเกิดปัญหา อย่าลืมว่าที่ผ่านมาโซเชี่ยลมีเดียเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

    พล.อ.ประยุทธ์ แถลงกรณีนายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ อเมริกาเข้าพบพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ว่า พล.อ. ธนะศักดิ์ เล่ารายละเอียดให้ฟังหมดแล้วและฝ่ายรัฐบาลชี้แจงสถานการณ์ให้ทราบทั้งหมด รวมถึงถามกลับสหรัฐว่าหากเหตุการณ์ความขัดแย้งในไทยเกิดขึ้นในประเทศอื่นหรือในสหรัฐเองเขาจะดำเนินการอย่างไร นายแดเนียลก็ตอบไม่ได้ บอกว่าเดี๋ยวไปหาคำตอบมาก่อน ถือว่ายังติดคำตอบไว้ว่าจะมีวิธีการหรือไม่หากเกิดกรณีเช่นนี้ หรือหากเราไม่มีกฎอัยการศึกทุกอย่างจะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ ยืนยันว่าไม่มีประเทศไหนที่ยึดอำนาจแล้วทำแบบตน และตนไม่ได้รบกวนใครเพียงทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ ตนไม่กังวลใดๆ

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมาได้พูดคุยกับคณะทูต 21 ประเทศจากสหประชาชาติ ตนเล่าถึงโรดแม็ปของรัฐบาล และพูดถึงแนวทางแก้ปัญหาในอนาคตว่าจะลดความขัดแย้งอย่างไร หลายประเทศเข้าใจและคิดว่าสิ่งที่ตนทำแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจ ทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ และยังเชิญตนไปพูดในแนวทางสร้างความปรองดองต่อที่ประชุมยูเอ็นในช่วงเดือนก.ย.นี้ ถ้าตนยังอยู่ก็จะไป เพื่ออธิบายว่าจะทำให้ประเทศไทยเข้มแข็งได้อย่างไร 

ยันไม่ได้สั่งสนช.ถอดถอน 

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเข้ามา กระทรวงต่างประเทศทำงานเชิงรุก ทั้งการค้าการลงทุน การให้ข้อมูลกับต่างประเทศ ความมั่นคง ประเทศมหาอำนาจเข้าใจเรามากขึ้น มีไม่กี่ประเทศที่ติดคำว่าประชาธิปไตย และทุกวันนี้ประเทศเหล่านี้ยังค้าขายกับเราเช่นเดิม ไม่มีใครเข้ามาบีบตน บางประเทศพูดว่าขณะนี้ดีกว่าสภาวะปกติด้วยซ้ำไป เพียงแต่เขาจะพูดว่าเห็นชอบกับเราไม่ได้

     นายกฯ กล่าวว่า ส่วนที่นายแดเนียล พบกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่าไปสนใจ เป็นเรื่องของเขา ประเด็นอยู่ที่ว่าถ้าไม่มีการทำผิดจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นหรือไม่ อย่าลืมว่าการฟ้องร้องเกิดขึ้นก่อนที่ตนจะยึดอำนาจ แล้วจะให้ยกเลิกคดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อน ยึดอำนาจก็ทำไม่ได้ ดังนั้น เรื่องที่เข้าสู่กระบวนการของกฎหมายก็ต้องทำตาม ขั้นตอน ตนเป็นคนสั่งเองว่าคดีไหนที่เป็นคดีอาชญากรรมร้ายแรงต้องดำเนินการให้ได้ โดยเร็ว 

     "การที่ผู้แทนสหรัฐพบและหารือกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้นั้น ถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำเพื่อให้เกิดความชัดเจน ความจริงถ้าจะห้ามก็ทำได้ ให้อยู่แต่ในบ้าน ห้ามไปไหน ผมใช้อำนาจเต็มที่ได้อยู่แล้วแต่ไม่ทำ เพราะถ้าทำจะถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจเกินเหตุ รังแก ผู้หญิง โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง วันนี้อะไรที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ดำเนินการตามขั้นตอน ผมไม่เคยสั่งสนช. ส่วนคดีทางอาญาก็ว่ากันไป ถ้าคิดว่าไม่ผิดก็ไปต่อสู้กันในทางอาญา มันบิดพลิ้วไม่ได้ถ้าหลักฐานครบ" นายกฯ กล่าว

ยันปชต.ไม่ตายจากไทย 

      เมื่อถามว่าประเมินหรือยังว่าจะผ่อนคลายการประกาศใช้กฎอัยการศึกได้เมื่อใด พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า มันเดือดร้อนอะไรกันนักหนากับการใช้กฎอัยการศึก อย่าไปเดือดร้อนกับมันมากนัก 

     เมื่อถามว่า ได้อ่านคำแถลงการณ์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ผ่านเฟซบุ๊กที่ระบุประชา ธิปไตยไทยตายแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่ได้อ่าน มันก็เหมือนเดิม แต่อยากถามกลับว่าวันนี้ประชาธิปไตยตายแล้วหรือยัง เรายังสร้างประชาธิปไตยอยู่ทุกวัน ทุกกระทรวง ทบวง กรมก็ขับเคลื่อนบูรณาการแผนงานโครงการ ตนไม่ได้ยึดอำนาจมาแล้วเอาเงินคนนั้นไปให้คนนี้ หรือยึดเอามาเป็นสมบัติของตัวเองหรือของชาติ และไม่ได้รู้สึกอะไร ก็ตนไม่ได้ตาย อยากบอกว่าตอนนี้เป็นประชาธิปไตยที่ดีกว่าปกติอีก ประชา ธิปไตยไม่มีตายจากแผ่นดินไทย เพราะวันนี้ตนเป็นทหารหัวใจประชาธิปไตย ฟังทุกเสียงที่ผ่านมา ตนควบคุมอำนาจเพราะต้องการให้ประชาธิปไตยมันอยู่ได้

ไม่ตอบเชิญ'ปู'ปรับทัศนคติ

      เมื่อถามว่าจำเป็นต้องเชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์มาปรับทัศนคติอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบ ส่วนที่มีการแสดงความเห็นปลุกปั่นหลังคดีถอดถอนอดีตนายกฯ นั้น พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า คงห้ามใครไม่ได้ แต่ให้ คสช.ไปดู ส่วนที่มีข่าวปลุกระดมให้ใส่เสื้อสีแดงวันนั้นวันนี้ก็เป็นเรื่องที่ คสช.ต้องพิจารณา ถ้าออกมาจริง คสช.จะพิจารณาเอง ไม่ต้องกลัว ถ้าออกมาแล้วก่อให้เกิดความวุ่นวายก็คงไม่ได้ เหมือนกรณีอดีตนายกฯ จะเดินทางไปต่างประเทศ ถ้าศาลไม่ให้ไปหรือห้ามออกนอกประเทศก็ต้องตามนั้น ถ้าใครจะหนีกฎหมายออกไปก็คงกลับมาอีกไม่ได้ ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไรนักหนา

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลและตนทำงานหนักทุกเรื่อง ขอร้องอย่าเพิ่งมาไล่เลยเพิ่งเข้ามาได้ 7-8 เดือน วันนี้เราต้องสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นให้ได้ การทำงานของตนลงรายละเอียดในทุกกระทรวง แผนระยะสั้นภายใน 1 ปี ส่วนแผนระยะยาวคือการส่งต่อให้รัฐบาลชุดต่อไป ตนไม่ได้ไปเป็นศัตรูไล่ล่าใคร ที่ทำอยู่นี้ทำให้คนไทย อย่าติติงกันนักเลย ขอว่าอย่าให้ใครมาชักจูง มากล่าวหาว่าตนจะไล่ล่า คงไม่ลงทุนเอาประเทศไปเป็นเดิมพัน ถ้าจะไล่ล่าจริงก็จับตัววันนี้พรุ่งนี้ ติดคุกไปก็จบแล้วไม่ต้องไปขึ้นศาลให้วุ่นวาย แต่ไม่ทำ นั่นคือสิ่งที่ตนให้ความเป็นประชาธิปไตยตัดสินว่าจะทำอย่างไรและเดินหน้าประเทศอย่างไร ไม่มีคณะรัฐประหารที่ไหนเขาทำกัน

เล็งเปลี่ยนเพลงรายการคืนสุข 

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึง ครม.มีมติโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทยระดับ ผวจ. (ซี 10) นอกฤดูกาล 10 ตำแหน่งว่า เป็นไปตามความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ ตนบอกในที่ประชุม ครม.ว่าถ้าทุกกระทรวงมีปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ก็ย้ายได้หมด ตนย้ายให้อยู่แล้ว ถ้าไม่มีเรื่องก็ไม่ย้าย ไม่มีความผิดก็ไม่มีคดี อย่าไปมองว่ารังแก วันนี้ตนรังแกใครไม่ได้ ต่อไปนี้ต้องบริหารราชการด้วยความโปร่งใส ไม่มีผลประโยชน์ส่อทุจริต 

       ช่วงท้ายการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถามว่าเพลงประจำรายการคืนความสุขให้คนในชาติจะเปลี่ยนหรือไม่เพราะประชาชนจะเบื่อ นายกฯ นิ่งพักหนึ่งและกล่าวว่า "น่าสงสาร จะเอาเพลงอะไร" ผู้สื่อข่าวกล่าวว่าน่าจะเสนอเพลงใหม่ๆ ที่มันเร้าใจ นายกฯ ตอบว่า จะรับไว้พิจารณา เดาใจยากเหลือเกิน "ขี้เบื่อนะ มีเมียหรือยัง แต่งงานหรือยัง" ผู้สื่อข่าวตอบว่า ยัง นายกฯ แซวว่า อย่าไปแต่งกับมัน มันเบื่อง่าย 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายกฯ เผยถึงกำไลหินสีที่สวมข้อมือว่าลูกสาวซื้อให้ใส่จะได้อารมณ์เย็น แต่หลังใส่นายกฯ กลับอารมณ์เสียมากขึ้น และบอกกับสื่อว่าจะถอดแล้ว วันนี้น่าสังเกตว่าที่ข้อมือนายกฯ ไม่ได้สวมกำไลหินสีแล้ว และตลอดการให้สัมภาษณ์ไม่ปรากฏว่านายกฯ จะอารมณ์เสีย ทั้งที่ถูกตั้งคำถามการเมืองหลายคำถาม

โต้ปม'สิงห์ทอง'เชือดไก่ให้ลิงดู

     ที่อาคารรับรองเกษะโกมล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์คสช. ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์คสช. ครั้งที่ 2 กรณีกองทัพภาคที่ 1 เชิญตัวนายสิงห์ทอง บัวชุม เข้าพบว่า การดำเนินการต่างๆ เป็นไปตามกฎหมาย และกระบวนการขององค์กรต่างๆ ยืนยันว่ารัฐบาลและ คสช.ยอมไม่ได้หากจะมีการกระทำใดๆ ที่ก่อให้เกิดความแตกแยก เพราะต้องการให้ประเทศเดินหน้าตามโรดแม็ป ไม่ใช่การเชือดไก่ให้ลิงดู ดังนั้น หากพบการดำเนินการที่จะสร้างความแตกแยกและไม่ปรองดองก็ต้องเชิญมาพูดคุยทำความเข้าใจ ไม่ถึงขั้นควบคุมตัวนายสิงห์ทอง

        "คสช.และรัฐบาลไม่ได้ต้องการไล่ล่าใคร และไม่ต้องการแก้แค้นหรือเป็นศัตรูกับใคร ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่ได้พบกับอดีต ผู้ดำรงทางการเมืองคนใด รวมทั้งพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย" พล.อ.ประวิตรกล่าว

ไม่ยกเลิก'อัยการศึก'

      พล.อ.ประวิตรกล่าวกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์พบกับผู้แทนสหรัฐ ว่า คงเป็นพูดคุย โดยไม่ได้สร้างความแตกแยกและสามารถทำได้ รัฐบาลและ คสช.ไม่ได้ห้าม ส่วนที่สหรัฐแสดงท่าทีกังวลใจกับการใช้กฎอัยการศึกของไทยนั้น แต่ละประเทศมีการปกครองในส่วนของตนเอง รวมทั้งไทยมีแนวทางการดำเนินงานภายใน ขณะนี้ถือว่าสถานการณ์สงบเรียบร้อย สามารถเดินหน้าการทำงานได้ทุกด้านโดยไม่ได้ปิดกั้นใคร หากใครจะเสนอประเด็นใดก็มีช่องทางแสดงความคิดเห็นกว่า 4,000 เวที ยืนยันว่าแม้จะมีกฎอัยการศึกแต่ยังคงใช้กฎหมายปกติเป็นหลัก ซึ่งต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ภายในประเทศในขณะนี้ว่ายังมีความจำเป็นต้องคงประกาศกฎอัยการศึกไว้ จึงขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจเพราะขณะนี้ไม่ใช่รัฐบาลปกติ

       พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงหลังประชุม ครม.ว่า นายกฯ รับทราบการรายงานของพล.อ.ธนะศักดิ์ ถึงการพูดคุยกับนายแดเนียล รัสเซล ที่ระบุหลังตัวแทนสหรัฐรับฟังการชี้แจงก็เข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองเราและการทำหน้าที่ของคสช.และรัฐบาล ส่วนที่สหรัฐต้องการให้ยกเลิกกฎอัยการศึกได้ย้อนถามกลับว่าถ้าสหรัฐอยู่ในภาวะเดียวกับไทยจะทำอย่างไร ซึ่งเขาขอกลับไปพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร นายกฯไม่ต้องการให้ไปขยายความหลังการพูดคุยจนเกิดความขัดแย้งขึ้น และเชื่อว่าผู้แทนสหรัฐมีดุลพินิจพิจารณาได้หลังจากพูดคุยกับทุกฝ่ายว่าอะไรเป็นข้อมูลที่รับฟังได้ ซึ่งเรายืนยันว่ารัฐบาลให้สิทธิเสรีภาพทุกฝ่ายในการพูดคุยกับต่างประเทศที่เข้ามา และมั่นใจว่าสิ่งที่รัฐบาลและ คสช.ดำเนินการประชาชนมีความสุขและยอมรับได้ และรอวันกลับมาสู่ภาคการเลือกตั้งตามปกติ 

เพื่อไทยจี้เลิกโดยเร็ว 

       นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรอง นายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า สิ่งที่ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศสหรัฐพูดนั้นสะท้อนมุมมองของประเทศที่เป็นประชาธิปไตยได้ชัดเจน การคงกฎอัยการศึกไว้เท่ากับปิดกั้นความคิดความเห็นประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในระบอบประชาธิปไตย วันนี้ปิดกั้นจนประชาชนไม่กล้าแสดงออกแล้วจะปฏิรูปกันอย่างไร ที่ร่างรัฐธรรมนูญกันอยู่โดยอ้างว่าเพื่อการปฏิรูปจึงเป็นไปไม่ได้ คิดกันเขียนกันเฉพาะคนไม่กี่คนที่เลือกกันมา แบบนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย มันต้องฟังเสียงประชาชน นายแดเนียลบอกว่าแม้ไทยจะต้องเผชิญสถานการณ์ที่ขัดแย้งยากลำบากแค่ไหน ทางออกคือฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ นี่คือการยึดหลักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง สหรัฐรู้ดีว่าอะไรเกิดขึ้นในไทย เฝ้ามองด้วยความห่วงใย และหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแม็ปที่นายกฯ และพล.อ.ธนศักดิ์ พูดไว้ในหลายเวทีทั่วโลก เป็นสัญญาประชาคมว่าจะมีการเลือกตั้งปลายปีนี้ หมดเวลาจะเฉไฉ หลอกไปเรื่อย

      นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวกรณีนายแดเนียล รัสเซล ระบุกระบวนการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็น คดีการเมืองว่า เมืองนอกที่เขาไม่รู้รายละเอียดทั้งหมดยังพอประเมินได้เพราะมีประสบการณ์ เขาไม่ได้โง่ ที่สหรัฐจี้ให้ยกเลิกกฎอัยการศึกเขาก็พูดถูกต้อง เพราะการที่ประเทศจะเป็นประชาธิปไตยได้ต้องเคารพสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เสมือนบอกโดยนัยว่าให้ฟังคนอื่นพูดบ้าง เพราะถ้าไม่ยกเลิกกฎอัยการศึกจะรู้ได้อย่างไรว่าคนส่วนใหญ่เขาคิดเห็นอย่างไร ตนเห็นว่า ครม.และ คสช.ควรรีบทำตามที่เขาแนะนำ 

      นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีนายแดเนียล รัสเซล ระบุการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์มีการแทรกแซงทางการเมืองและมีผลกระทบต่อการปรองดองว่า เขาพูดตามพื้นฐานความคิดของเขา แต่ใช้ไม่ได้กับชาติในเอเชียหรือบ้านเรา บางคำพูดส่อถึงการแทรกแซงกิจการภายในของไทย ที่อาจไม่เข้าใจรายละเอียดหรือความผิดพลาดของนโยบายจำนำข้าวที่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ทำไว้ ที่ระบุว่าไทยควรยกเลิกใช้กฎอัยการศึกนั้นถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทยชัดเจน 

โต้งเตือนขาดนิติธรรมลามศก. 

       นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ และรมว.คลัง เขียนเฟซบุ๊กระบุ สิ่งที่เกิดขึ้นกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีหลายเหตุการณ์ที่น่าจับตาดู ตั้งแต่ 1. วันที่ 7 พ.ค. 2557 น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมรัฐมนตรีจำนวนมาก พ้นจากรักษาการนายกฯ และรัฐมนตรี ด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีโยกย้ายอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) 2.วันรุ่งขึ้น ป.ป.ช.ประกาศชี้มูลความผิดโครงการรับจำนำข้าวแบบรวมคดีต่ออดีตนายกฯ ทั้งการยื่นถอดถอนและคดีอาญาฐานละเว้นการปฏิบัติ 3.เกิดรัฐประหารวันที่ 22 พ.ค. โดยผบ.เหล่าทัพ มีการแต่งตั้งสนช.ตามรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราวปี 2557 แทนฉบับปี 2550 ที่ถูกยกเลิกโดยรัฐประหาร

      4.กระบวนการของป.ป.ช. เพื่อยื่นถอดถอนอดีตนายกฯ ในเดือนม.ค. 2558 ชัดเจนถึงความเร่งรีบและอ้างถึงรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ถูกยกเลิกไปแล้วมาดำเนินการ เพื่อหวังผลตัดสิทธิทางการเมือง ทั้งที่ป.ป.ช.ระบุในคำวินิจฉัยไม่พบหลักฐานว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์กระทำการทุจริตหรือเอื้อให้กระทำทุจริต  

      การบิดเบือนว่า โครงการรับจำนำข้าวทำให้ชาวนาฆ่าตัวตายเพราะได้รับเงินช้านั้น การจ่ายเงินแก่ชาวนาตรงเข้าบัญชีชาวนาที่ธ.ก.ส. ใน 4 ฤดูการผลิตแรกไม่ล่าช้า แต่ล่าช้าใน ฤดูการผลิตข้าวนาปี 2556/57 เพราะการขัดขวางของกลุ่ม กปปส. ที่มีสมาชิกหลายคนมานั่งอยู่ในสนช. ท้าให้ไปถามชาวนาว่าเขาโกรธอดีตนายกฯ หรือกลุ่มกปปส. และ 5.ยังมีเหตุการณ์ความบังเอิญที่ไม่บังเอิญ อัยการสูงสุด (อสส.) แถลงจะส่งฟ้องอดีต นายกฯ ในคดีอาญา เพียง 1 ชั่วโมงก่อนลงมติถอดถอนของสนช. 

       นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า คำเตือนนี้ไม่ประสงค์จะให้เป็นคำขู่ เพราะคงไม่มีใครต้องกลัวตน ทุกวันนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่กับกีฬาและดนตรี แต่ขอเตือนสติผู้เกี่ยวข้อง ที่มีอำนาจหน้าที่ว่าการขาดหลักนิติธรรม จะกลายเป็นชนวนแห่งความสูญเสียของประเทศในทุกด้าน โดยไม่มีใครออกมาประท้วงตามท้องถนน แต่ความแคลงใจ ความคับใจและความไม่มั่นใจ จะส่งผลเสียต่อการลงทุน การสร้างงาน และการบริโภค จนกลายเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจที่รุนแรงอย่างประมาณค่ามิได้

ปชป.ยุอายัดทรัพย์คนเอี่ยวคดีข้าว 

        นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส. พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสปช. เรียกร้องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ติดตามและอายัดทรัพย์ผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวว่า ตนเห็นด้วยกับนายวันชัยที่ออกมาเรียกร้อง และเห็นด้วยที่บอกว่าจะปฏิรูปปปง. เพราะเคยยื่นข้อมูลหลักฐานการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวให้ปปง.เมื่อเดือนธ.ค. 2555 แต่จนถึงขณะนี้ไม่คืบหน้า ได้ยินข่าวว่า ปปง.ไปตรวจสอบคดีทุจริตรายเล็กรายน้อย แต่คดีทุจริตที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมืองกลับไม่มีผลงานเป็นรูปธรรมเลย 

38 ส.ว.เชื่อรอดถูกถอด 

        พ.ต.ท.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ สปช. และอดีต 38 ส.ว.ที่ถูกยื่นถอดถอนกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาส.ว.โดยมิชอบ กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยกันเชื่อว่าคดีที่ถูกป.ป.ช. ยื่นถอดถอนจะเบากว่าคดีของนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนาย สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา อดีตส.ว.ทำตามคำสั่งที่ประธานมีคำสั่งให้ประชุมร่วมรัฐสภา ยกตัวอย่างจากคดีนายนิคมและนายสมศักดิ์ คดีของอดีต 38 ส.ว.น่าจะได้รับผลบวกมากกว่า อีกทั้งการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการทำตามรัฐธรรมนูญปี"50 มาตรา 291 ที่ให้สมาชิกรัฐสภาลงชื่อแก้ไขเป็นรายมาตราได้ และการลงมติถือเป็นเอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 130

       นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีต 38 ส.ว.ที่ถูกยื่นถอดถอน กล่าวว่า จากการพูดคุยเบื้องต้นเห็นว่าทุกคนสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้ เพราะแต่ละคนมีเหตุผล ที่ผ่านมากลุ่ม 38 ส.ว.ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด มีเจตนาล้มล้างการปกครองแต่ทุกคนไม่เคยได้ชี้แจงผ่านเวที ตรงนี้ถือเป็นโอกาสได้ชี้แจง การชี้แจงครั้งนี้จะให้เกียรติสนช.ทุกคนพิจารณาข้อมูลที่จะนำไปชี้แจง เชื่อ สนช.คงไม่มีใบสั่งจากใครและไม่มีธง ดูจากมติการลงคะแนนคดีนายนิคมและนายสมศักดิ์ จึงมั่นใจจะสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้ทุกกรณีเพราะสิ่งที่ทำไปเป็นเรื่องอุดมการณ์ ไม่มีเจตนากระทำผิด

      นายประสิทธิ์ โพธสุธน อดีต 38 ส.ว.ที่ถูกยื่นถอดถอน กล่าวว่า ไม่หนักใจเรื่องนี้ อดีตส.ว.คงจะได้หารือกัน เบื้องต้นกำหนดไว้วันที่ 10 ก.พ. เพื่อหารือถึงแนวทางการต่อสู้ แนวทางคงมอบหมายให้ตัวแทนไปชี้แจงต่อที่ประชุมสนช. เพราะไม่อยากให้ยืดเยื้อ คนที่ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุมยังไม่ถูกถอดถอน สมาชิกจะโดนถอดถอนได้อย่างไรเพราะเป็นการทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกซึ่งมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง

คาดคณะทำงานเสนอปปช. 3 กพ.

     นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงการไต่สวนสำนวนคดีอาญากรณีอดีตส.ส.เสียบบัตรแทนกันในที่ประชุมรัฐสภา ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาส.ว.โดยมิชอบว่า ที่ประชุมป.ป.ช.ชุดใหญ่ในวันนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่รายงานให้ทราบความคืบหน้า ตนเร่งไปแล้วเท่าที่ทราบคณะทำงานรวบรวมพยานหลักฐานได้ครบถ้วนแล้ว คาดว่าคงเสนอให้ที่ประชุมป.ป.ช.พิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาได้ในวันที่ 3 ก.พ.นี้

      นายปานเทพ กล่าวกรณีไต่สวนความผิดปกติการจัดซื้อปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืชในหลายจังหวัดทั่วประเทศว่า ป.ป.ช.มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนที่จ.พิจิตร มอบให้นายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการป.ป.ช.เป็นประธานอนุกรรมการฯ ก่อนหน้านี้ป.ป.ช.เคยตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเรื่องดังกล่าวในจ.อุบลราชธานีและจ.บึงกาฬไปแล้ว ให้นายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการป.ป.ช. เป็นประธาน อย่างไรก็ตาม คณะอนุกรรมการฯ ได้ประสานกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอข้อมูล เนื่องจากผู้ถูกร้องส่วนใหญ่เป็นระดับนายอำเภอ รองผวจ. และผวจ. เพราะขณะนี้กระทรวงมหาดไทยก็สอบวินัยอยู่

      เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทยขออัตราไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เพื่อย้ายผู้ที่ถูกสอบสวนออกจากตำแหน่งไปก่อนนั้นจะกระทบต่อการไต่สวนของป.ป.ช.หรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ป.ป.ช.ไต่สวนตามพยานบุคคล และผู้ถูกร้องไม่ว่าจะโยกย้าย เปลี่ยนตำแหน่งก็คงความผิดในตำแหน่งเดิม

กมธ.ยกร่างตั้ง'กจต.'จัดเลือกตั้ง 

     เวลา 16.00 น. ที่รัฐสภา พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญรายมาตราว่า ขณะนี้เข้าสู่การพิจารณา ภาค 3 นิติธรรม ศาล และองค์กรการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ หมวด 2 การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ส่วนที่ 5 องค์กรตามรัฐธรรมนูญซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ตอนที่ 1 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งจะเป็นมาตรา 232 ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ในมาตรา (3/2/5-1) 8 วรรคหนึ่ง กำหนดให้ "กกต.มีอำนาจหน้าที่ควบคุมการเลือกตั้งส.ส. ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งส.ว. และควบคุมการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น รวมทั้งการออกเสียงประชามติ ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม" 

      พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า มาตรา 9 เรื่องอำนาจหน้าที่ มีการเพิ่มเติมใน (5) ให้กกต.มีคำสั่งให้คณะกรรมการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง (กจต.) ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งมีหน้าที่จัดเลือกตั้ง ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือระงับการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งย้ายข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐออกจากพื้นที่ชั่วคราวเพื่อให้การเลือกตั้งสุจริตและเที่ยงธรรม และ (9) ยังระบุว่าการสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งหรือการให้ใบแดง ให้กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาค 

มาจากข้าราชการประจำ 7 คน 

       พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า มาตรา (3/2/5-1) 10 กำหนดให้มี กจต. ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการประจำ 7 คน แต่งตั้งโดยปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผบ.ตร. เมื่อได้ครบ 7 คนแล้ว ให้ กจต.เลือกกันเองเป็นประธาน กจต. 1 คน กรรมการ 6 คน เป็น ผู้ดำเนินการจัดเลือกตั้ง ส่วนคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามจะกำหนดไว้อีกครั้งใน พ.ร.บ.ว่าด้วย กจต. ทำหน้าที่เลือกตั้ง 3 ส่วน คือเลือกตั้งส.ส. เลือกตั้งท้องถิ่น และการทำประชามติ โดยไม่เกี่ยวข้องกับส.ว. เนื่องจากส.ว.มาจากการสรรหา ยังให้เป็นหน้าที่ของ กกต. ทั้งนี้จะกำหนดให้มี กจต.ประจำจังหวัด 9 คน ประกอบด้วยข้าราชการ 7 คนและตัวแทนจากภาคเอกชน 2 คน เข้ามาจัดการเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่ 

      เมื่อถามว่าการตั้งกจต.เท่ากับลดอำนาจกกต.หรือไม่ พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า เป็นการดุลอำนาจโดยให้ กจต.เป็นผู้จัดเลือกตั้ง กกต.เป็นผู้ควบคุมจัดเลือกตั้ง ถือว่ากกต.มีอำนาจมากขึ้น งบประมาณจัดการเลือกตั้ง 3,400 ล้านบาทยังอยู่กับกกต. ทั้งยังให้อำนาจสั่งย้าย กจต.ออกจากเขตเลือกตั้งนั้นได้ หากพบว่ามีการทุจริตเลือกตั้ง ตลอดจนกำหนดวันเลือกตั้งได้ ทั้งนี้ กกต.ยังมีอำนาจให้ใบเหลืองเหมือนเดิม แต่ถ้าให้ใบแดง กกต.ต้องเป็น ผู้ยื่นคำร้องให้ศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาคเป็นผู้วินิจฉัย สาเหตุที่ตั้ง กจต.เพราะเห็นว่า กกต.มีภาระหน้าที่มากมายเกี่ยวกับคดีทุจริตการเลือกตั้ง การให้ใบเหลือง อีกทั้งเชื่อว่าการตั้งกจต.จะทำให้ระบบการเลือกตั้งมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ให้ 2 สภาใช้อำนาจถอดถอน 

      เมื่อถามว่าหากเกิดปัญหาต้องเลื่อนเลือกตั้งเหมือนเหตุการณ์วันที่ 2 ก.พ. 2557 ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหายเลือกตั้ง พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า จะไม่มีปัญหาแบบวันนั้นขึ้นอีก เพราะเรากำหนดแยกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) วันยุบสภา ออกจากพ.ร.ฎ.การกำหนดวันเลือกตั้ง โดยให้กกต.เป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้งและเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปได้ ในกรณีที่มองว่าวันเลือกตั้งนั้นไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งที่ผ่านมาหากจะเลื่อนวันเลือกตั้งต้องเห็นชอบร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับ กกต.

      พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า ในส่วนที่ 3 การถอดถอนจากตำแหน่งและการตัดสิทธิทางการเมืองหรือสิทธิดำรงตำแหน่งอื่น มาตรา (3/2/3) 1 กรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ รัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออัยการสูงสุด ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ส่อทุจริตต่อหน้าที่ ส่อกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าในที่การยุติธรรม ส่อว่าจงใจใช้อำนาจขัดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง หรือถูกพลเมือง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าชื่อร้องขอรัฐสภา อาจมีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ให้ดำเนินการ (1) ให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งและตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีนับจากวันที่รัฐสภามีมติ (2) กรณีที่พ้นตำแหน่งไปแล้ว ถ้ารัฐสภามีมติเกินกึ่งหนึ่งก็ให้ตัดสิทธิ 5 ปีเช่นกัน

ครม.อนุมัติหยุดยาวต่อเนื่อง 5 วัน 

      นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว. การท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ ประชุมครม.เห็นชอบให้วันที่ 4 พ.ค.นี้เป็นวันหยุดราชการเพิ่มอีก 1 วัน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ เพราะเห็นว่าในวันที่ 1 พ.ค.เป็นวันหยุดเนื่องในวันแรงงาน และวันที่ 5 พ.ค.ตรงกับวันฉัตรมงคล จึงให้เพิ่มวันหยุดอีก 1 วันเพื่อช่วยกระตุ้นการ ท่องเที่ยวในช่วงหยุดยาว เหมือนวันหยุดยาว ปีใหม่ ซึ่งพบว่าประสบความสำเร็จในการ กระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้นายกฯ กำชับให้ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวทั้งจากในและต่างประเทศ ตามจุดพื้นที่สำคัญ

     พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ครม.เห็นชอบกำหนดวันหยุดราชการประจำปี พ.ศ.2558 เพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสนอ โดยกำหนดให้วันที่ 4 พ.ค.นี้เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ 1 วัน เพื่อให้มีวันหยุดต่อเนื่อง 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 2-5 พ.ค. ซึ่งเป็นวันฉัตรมงคล เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสนับสนุนภาคธุรกิจการท่องเที่ยวสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่กำหนดให้ปี 2558 เป็นปีท่องเที่ยว วิถีไทย โดยไม่รวมภาคเอกชนที่ต้องปฏิบัติตาม เนื่องจากมีเรื่องของค่าล่วงเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง 

จี้ยุบรวมอปท.ทั่วประเทศ

     ที่รัฐสภา พล.อ.สำเริง พินกลาง ประธานคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่นแห่งชาติ ยื่นหนังสือและหลักฐาน 12 กล่อง ต่อนายประมณต์ สุธีวงศ์ ประธานกมธ.ปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สปช. และ นายพงศ์โพยม วาศภูติ ประธาน กมธ.ปฏิรูปการกระจายอำนาจ สปช. ขอให้ยุบรวมองค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ เนื่องจากลงพื้นที่ตรวจพบ 12 จังหวัดยังมี อปท.ไม่ปฏิบัติตามมติ ครม.ที่ให้เผยราคากลางต่อสาธารณะ ทำให้เกิดการทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง การทำบัญชีและการเงินการคลัง อปท.และ อบจ.จำนวนมากเป็นแหล่งแสวงหาผลประโยชน์ผ่านบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่เป็นกลุ่มเครือข่ายของนักการเมือง ภาคีเครือข่ายฯ จึงมีมติเสนอให้ยุบรวม อปท.ทั่วประเทศรวมกับเทศบาล และขอให้ กมธ.ทั้ง 2 คณะนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ปฏิรูปประเทศ

      นายพงศ์โพยม กล่าวว่า กมธ.จะรับเรื่องไปพิจารณาแต่การปฏิรูปต้องคำนึงถึงหลักการประชาธิปไตย ซึ่งการปฏิรูปครั้งนี้จะให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจให้ภาคประชาชนมีส่วนดูแลท้องถิ่น

'รัชตะ'นัดสธ.เคลียร์ขัดแย้ง 2 ก.พ. 

      ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีชมรมแพทย์ชนบทยื่นหนังสือถึงนายกฯ ขอให้ปลด นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ พ้นปลัดกระทรวงสาธารณสุข อ้างสร้างความแตกแยกในกระทรวงและขัดแย้งกับคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ว่า เพิ่งทราบเรื่องการยื่นหนังสือเมื่อเช้าวันที่ 27 ม.ค.แต่ยังไม่ได้พูดคุยกับ นพ.ณรงค์ และกลุ่มชมรมแพทย์ชนบท ตนพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยการพูดคุยกัน ทั้งเรื่องความเห็นของแต่ละฝ่ายและการจัดสรรงบประมาณที่คณะอนุกรรมการการเงินการคลัง หารืออยู่ โดยนัดทุกฝ่ายทั้งกระทรวงสาธารณสุข ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงกลาโหม มาร่วมหารือกับสปสช. ระหว่างการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นระดับชาติจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ประจำปีงบประมาณ 2558 ในวันที่ 2 ก.พ.นี้ อีกทั้งให้กระทรวงสาธารณสุขกับ สปสช.ร่วมกันพิจารณางบประมาณขาขึ้น ยืนยันจะไม่ยอมให้กรณีดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการรักษาพยาบาลของประชาชน

บิ๊กตู่เตรียมบินญี่ปุ่น-นั่งชินคันเซน

       เวลา 16.00 น. วันที่ 27 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังจากที่นายฮิโรโตะ อิซุมิ ที่ปรึกษาพิเศษด้านเศรษฐกิจนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ว่า นายกฯ ย้ำความร่วมมือการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะระบบราง นอกจากนี้ จะมีการพิจารณาเรื่องการลงนามร่วมกันในบันทึกเจตนารมณ์ หรือเอ็มโอไอ (Memorandum of Intent) เพื่อแสดงความมุ่งมั่นของสองฝ่ายที่จะมีความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยจะหารือรายละเอียดต่อไปเรื่องเส้นทางรถไฟที่จะเชื่อมเศรษฐกิจตะวันออกไปตะวันตก ใน 3 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ และกรุงเทพฯ-แหลมฉบัง ระยอง และนายกฯ ระบุพร้อมร่วมมือกับญี่ปุ่นทั้งโครงการทวาย เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน การส่งเสริมมูลค่าการลงทุนระหว่างกัน โดยเฉพาะกรอบความตกลงเพื่อความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น 

       โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ส่วนกำหนดการเยือนญี่ปุ่นของนายกฯ ในวันที่ 8-10 ก.พ.นั้น เบื้องต้นนายกฯ จะนั่งรถไฟชินคันเซนจากโตเกียวไปยังโอซากา และจะลงนามเอ็มโอไอที่เป็นบันทึกเจตนารมณ์ร่วมกันโดยเน้นโครงสร้างพื้นฐานระบบรางใน 3 เส้นทาง คาดว่าสถานทูตไทยจะเชิญนักธุรกิจมาพบนายกฯ ด้วย

ศาลปรับชาวนาปิดถนนคนละ5พัน

      เวลา 09.00 น. วันที่ 27 ม.ค. ที่ห้องพิจารณาที่ 4 ศาลจังหวัดราชบุรี มีการพิจารณาตัดสินในคดีที่ชาวนาราชบุรีในหลายอำเภอรวมตัวกันปิดถนนสายพระราม 2 ที่บริเวณหน้าตู้ยามตำรวจทางหลวงวังมะนาว ต.วังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เพื่อประท้วงเรียกร้องเงินโครงการจ่ายเงินจำนำข้าวของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ไม่ยอมจ่ายจำนำข้าวให้แก่ชาวนาทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1-7 ก.พ. 2557 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงดำเนินคดีกับผู้นำรถและเต็นท์มาขวางถนน 3 ราย ประกอบด้วย นายประยงค์ คล้ายศิริ อายุ 48 ปี นายโชคชัย เกตุแก้ว อายุ 44 ปี และนางละเอียด โตกลึง อายุ 47 ปี ชาวนาใน อ.ปากท่อ และคดีเข้าสู่ชั้นศาลพิจารณา ข้อหาร่วมกันกระทำความผิดปิดกั้นทางหลวงทางสาธารณะโดยการวางวัตถุหรือนำสิ่งใดมาขวางทางบนทางหลวง 

      ศาลพิจารณาแล้วพิพากษาให้ปรับคนละ 10,000 บาท แต่ยอมรับสารภาพลดให้กึ่งหนึ่งจึงเหลือคนละ 5,000 บาท ไม่มีการรอลงอาญา หลังจากเสียค่าปรับคนละ 5,000 บาทแล้ว ศาลได้ปล่อยตัว

ครม.ย้ายสลับผวจ.-ผู้ตรวจ10ราย

      วันที่ 27 ม.ค. ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม.ถึงการแต่งตั้งโยกย้ายผวจ.รวม 10 ตำแหน่ง ว่า ครม.เห็นชอบเรียบร้อย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารราชการให้สลับกันบ้างในตำแหน่งระดับเดียวกัน สับเปลี่ยนเพื่อช่วยกันบริหารและทำงาน ไม่มีข้อมูลหรือเกี่ยวข้องกับการทุจริต การตัดสินใจส่วนหนึ่งมาจากการประเมินผลงานซึ่งมีทุกเดือน ยอมรับอาจมีแรงกระเพื่อมบ้างเพราะย้ายนอกฤดูกาล ยืนยันเป็นคนละกรณีกับเรื่องที่ป.ป.ช. สอบสวนการทุจริตการจัดซื้อปุ๋ยและ ยาปราบศัตรูพืชช่วงปี 2554-2555

      ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ครม.เห็นชอบการโยกย้ายสลับตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงกับผวจ. ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอรวม 10 ราย ดังนี้ 1.นายธานี สามารถกิจ ผวจ.ระยอง เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวง 2.นายระพี ผ่องบุพกิจ ผวจ.นครสวรรค์ เป็น ผู้ตรวจฯ 3.นายเสริม ไชยณรงค์ ผวจ.อุบลราชธานี เป็น ผู้ตรวจฯ 4.นายสุรพล วาณิชเสนี ผวจ.กำแพงเพชร เป็น ผู้ตรวจฯ 5.นายชยพล ธิติศักดิ์ ผวจ.หนองบัวลำภู เป็น ผวจ.นครสวรรค์ 

        6.นายประทีป กีรติเรขา ผวจ.ศรีสะเกษ เป็น ผวจ.อุบลราชธานี 7.นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ตรวจฯ เป็น ผวจ.ระยอง 8.นายอำนวย ตั้งเจริญชัย ผู้ตรวจฯ เป็น ผวจ.หนองบัวลำภู 9.นายยุทธนา วิริยะกิตติ ผู้ตรวจฯ เป็น ผวจ.ศรีสะเกษ และ 10.นายธานี ธัญญาโภชน์ ผู้ตรวจฯ เป็น ผวจ.กำแพงเพชร ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง เป็นต้นไป

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายธานี สามารถกิจ นายระพี ผ่องบุพกิจ และนายเสริม ไชยณรงค์ ใกล้ชิดกับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรทีมฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สำหรับนายระพี ก่อนหน้านี้ตอบโต้นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ที่โจมตีข้าราชการกระทรวงมหาดไทยอย่างรุนแรง 

      มีกระแสข่าวว่าผู้ที่ถูกย้ายเข้ากรุบางคน เพราะมีความขัดแย้งในพื้นที่กับนักการเมืองระดับชาติและนักการเมืองท้องถิ่น ขณะที่บางคนโดนพิษการเมือง ถูกมองว่ายึดโยงขั้วอำนาจเก่า และบางส่วนถูกร้องเรียนการทำงานไม่โปร่งใส

มูลนิธิผู้บริโภคต้านพรบ.ไซเบอร์ 

       วันที่ 27 ม.ค. ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นายรุจน์ โกมลบุตร อาจารย์คณะวารสารศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ น.ส.ชลดา บุญเกษม น.ส.บุญยืน ศิริธรรม และนายจุมพล ชื่นจิตต์ศิริ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ ในฐานะคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครอง ผู้บริโภค ภาคประชาชน แถลงเกี่ยวกับร่างกฎหมายดิจิทัลทั้ง 10 ฉบับ ที่ผ่านมติครม. และอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา พร้อมเสนอข้อท้วงติงถึงสนช. 

      นายรุจน์ กล่าวว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวละเมิดสิทธิผู้บริโภค จึงเสนอให้ทบทวนโดยเร่งด่วน 1.กฎหมายดิจิทัลมีเนื้อหาเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากข้อมูลของผู้บริโภค ขอให้รับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน 2.ให้ระบุเนื้อหาที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคอย่างชัดเจน 3.เพิ่มตัวแทนของผู้บริโภคเป็นคณะกรรมการในร่างกฎหมายทุกฉบับ 4.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ตามร่างพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และมีบทลงโทษเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจในทางมิชอบ พร้อมมีมาตรการเยียวยาความเสียหายที่อาจเกิดแก่ผู้บริโภค 5.ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้ครอบคลุมถึง ผู้ที่ส่งข้อความโฆษณารบกวนผ่านเอสเอ็มเอส อีเมล์ และเฟซบุ๊ก 6.การแก้ปัญหาต่างๆ ของ กสทช. ควรเพิ่มกลไกตรวจสอบ 

        น.ส.ชลดา กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ไซเบอร์ให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่รัฐมากเกินไปโดยเฉพาะมาตรา 35 วรรคสาม หากพ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่านออกไปประชาชนอาจถูกควบคุมไม่ต่างจากมีกฎอัยการศึกตลอดชีวิต ซึ่งขาดการถ่วงดุลทางอำนาจ

อัด 5 หมื่นล.-คูปองเกษตรกร

      เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ประมาณเดือนก.พ. 2558 กระทรวงเกษตรฯ จะเสนอแพ็กเกจ กระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าระยะที่ 3 เพื่อกระจายรายได้ให้กับเกษตรกรในช่วงฤดูแล้ง วงเงินงบประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท เพราะหลังจากหารือในที่ประชุมครม.ร่วมกับคสช.เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกันว่า แม้รัฐบาลจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้วหลายมาตรการ แต่ยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกรที่ปัจจุบันยังไม่มีกำลังซื้อมากพอที่จะกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจได้ในภาพรวม โดยเฉพาะเกษตรกรในต่างจังหวัด ที่ยังประสบปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และปัญหาสืบมาจากราคาน้ำมันในโลกลดลง ส่งผล กระทบกับราคาสินค้าเกษตรหลายชนิด

      "แพ็กเกจเพิ่มรายได้ครั้งนี้ กำลังหารือว่าจะออกมารูปแบบไหน เพื่อให้เงินลงถึงรากหญ้าเร็วและตรงที่สุด เบื้องต้นมีความเป็นไปได้ที่จะมีการแจกคูปองให้เกษตรกรเพื่อแลกซื้อวัสดุทางการเกษตร หรืออาจจะขยายวงเงินเพิ่มในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 คือ การ กระจายรายได้ให้เงินในชุมชนที่ประสบภัยแล้งซ้ำซากชุมชนละ 1 ล้านบาท โดยทางกระทรวงเกษตรฯ จะเสนอมาตรการดังกล่าวให้ครม.พิจารณาได้ประมาณเดือนก.พ." นายปีติพงศ์กล่าว

      นายปีติพงศ์ กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังกล่าวจะต้องทยอยออกมาเป็นระยะ ไม่หยุดนิ่ง ในส่วนของมาตรการระยะที่ 3 นี้จะเกี่ยวข้องกับการบรรเทาสถานการณ์ภัยแล้ง เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรที่ประสบปัญหาราคาสินค้าตกต่ำ และอยู่ในพื้นที่เกษตรกรที่ทางรัฐบาลไม่สามารถส่งน้ำเพื่อทำการเพาะปลูกได้ ดังนั้นมาตรการช่วยเกษตรกรในช่วงหน้าแล้งระยะที่ 3 นั้นต้องหาวิธีการที่จะให้เงินถึงมือเกษตรกรได้โดยตรง เพื่อให้เกิดการบริโภคและนำเงินกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ สำหรับมาตรการระยะที่ 3 นั้นต้องทำให้เกษตรกรสามารถอยู่ได้ในระดับหนึ่ง มีเงินพอสำหรับการอุปโภคบริโภค หรือมีเงินที่จะซื้อปัจจัยการผลิต มีเงินเพียงพอที่จะลงทุนในฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ในเดือนพ.ค. 2558 โดยมีความเป็นไปได้ที่อาจจะใช้วิธีการแจกคูปองเงินแลกซื้อวัสดุอุปกรณ์ ปัจจัยการผลิตนั้น เนื่องจากสะดวกและรวดเร็วที่สุด เงินเข้ามือเกษตรกรโดยตรง แต่ต้องกำหนดร้านค้าที่รับคูปอง เหมือนโครงการธงฟ้าของกระทรวงพาณิชย์ ให้เกษตรกรเบิกซื้อร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ

      วันเดียวกัน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมครม.ว่า นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งการในที่ประชุมครม.ว่า ให้นายปีติพงศ์ไปหาแนวทางพักหนี้เกษตรกรซึ่งมีอยู่ประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยให้ไปศึกษาแนวทางการพักหนี้ ข้อดีและข้อเสียของการพักหนี้โดยให้นำกลับมาเสนอโดยเร็ว เนื่องจากมองว่าหนี้สินที่เกษตรกรมีอยู่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะรายได้ของเกษตรกรที่เพิ่มขึ้นจากการช่วยเหลือของรัฐบาล เกษตรกรต้องนำไปใช้หนี้ที่มีอยู่ หากมีการพักหนี้ในส่วนนี้เกษตรกรจะมีกำลังซื้อมากขึ้น 

      รองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า สำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรเกี่ยวกับการลดปัจจัยการผลิต นายกฯ ระบุว่าอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแนวทางปรับลดภาษีปัจจัยการผลิตเกษตร รวมทั้งจัดหาปัจจัยการผลิตให้กับเกษตรกร แต่ควรสนับสนุนเกษตรกรรวมกลุ่มเพื่อช่วยเหลือได้ง่ายกว่าการช่วยเหลือเป็นราย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!