WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 01 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8831 ข่าวสดรายวัน


รปภ.เข้มบิ๊กตู่ วันไปพิมาย คิวใหญ่จันทร์นี้ สนช.ไม่หายฉุน นัดซักฟอกมะกัน

      รปภ.เข้มวัน'บิ๊กตู่'ไปพิมาย โคราชบ้านเกิด หวั่นซ้ำรอย ชู 3 นิ้วที่ขอนแก่น มทภ.2 ยันไม่มีข่าวกลุ่มการเมืองเคลื่อน ไหว ส่วนผู้ว่าฯเตรียมเสิร์ฟไก่ย่าง ข้าวเหนียว ส้มตำ'บิ๊กป๊อก'วอนมะกันเลิกเดินสายพบแกนนำแดงอีสาน ว้ากอย่าจุ้นเรื่องไทย สนช.เชิญอุปทูตซักฟอก 11 ก.พ. 'สุวพันธุ์'ไม่รู้กุนซือนายกฯเสนอใช้มาตรา44 'ไก่อู'ลั่นไม่ถึงเวลาใช้ยาแรง เสวนาเข้มปฏิรูปตำรวจ สปช.แนะยกเครื่อง-ห่างการเมือง 'อำนวย'โต้เดือด ไม่อยากรับใช้ใคร ชี้แก้ง่ายนิดเดียวแค่เขี่ย การเมืองพ้นก.ตร. ชาวสวนขู่ราคายางดิ่งอีก เคลื่อนไหวใหญ่แน่

'บิ๊กตู่'ลุยพิมาย 2 ก.พ.

    เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีกำหนดลงพื้นที่ อ.พิมาย จ.นครราช สีมา ในวันที่ 2 ก.พ. เพื่อพบปะเกษตรกร และประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) โดยเดินทางด้วยเครื่องบินแอมแบร์ออกจากกองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก ในเวลา 07.30 น. และถึงท่าอากาศยานนครราชสีมาเวลา 08.00 น. ก่อนเดินทางไปประชุม นบข. ครั้งที่ 1/2558 ที่สหกรณ์การเกษตรพิมาย 

      ส่วนช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์จะพบปะและฟังการบรรยายสรุปจากตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด และ ชมนิทรรศการเกษตรและสินค้าโอท็อป จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์จะปราศรัยเกี่ยวกับนโยบายและมาตรการของรัฐในการช่วยเหลือเกษตรกร ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯช่วงเย็นวันเดียวกัน 

     พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นการลงไปเพื่อติดตามงานตามนโยบายและสิ่งที่ได้สั่งการลงไปแล้วว่า หน่วยงานที่มีหน้าที่ปฏิบัติได้ดำเนินการและแก้ปัญหาตามแนวทางและข้อมูลหรือไม่ ซึ่งในการประชุมเพื่อมอบนโยบายและรับฟังการปฏิบัติงานเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา นายกฯได้เน้นย้ำกับผู้ว่าฯไปแล้วถึงแนวทางการปฏิบัติงาน

ผู้ว่าฯ เสิร์ฟไก่ย่าง-ส้มตำ

    พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า สำหรับมาตรการการรักษาความปลอดภัยนายกฯในการลงพื้นที่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เน้นย้ำอะไร เป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯในการจัดการและมีมาตรการต่างๆ ออกมา และไม่ได้เป็นห่วงว่าจะมีเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนการลงพื้นที่จ.ขอนแก่น ทั้งนี้ ผู้ว่าฯก็ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรจังหวัดด้วย ดังนั้นการดำเนินการต่างๆ ถือเป็นความรับผิดชอบในหน้าที่ อยู่แล้ว

     รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การวางมาตรการดูแลและรักษาความปลอดภัยในการลงพื้นที่อ.พิมายของพล.อ.ประยุทธ์นั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ประชุมเตรียมการไว้แล้ว โดยกำชับให้ดูแลและสกรีนบุคคลที่จะเข้ามาร่วมงานและฟังการปราศรัยของนายกฯ สำหรับเจ้าหน้าที่อารักขาและรักษาความปลอดภัย นอกจากเจ้าหน้าที่ชุดประจำแล้ว ยังได้ประสานส่วนล่วงหน้าซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารจากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21รอ.) รวมทั้งทหารจากกองกำลังสุรนารีกองทัพภาค 2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เป็นที่เรียบร้อย โดยมีคำสั่งว่าจะต้องไม่เกิดเหตุลักษณะเดียวกับที่ขอนแก่นอย่างเด็ดขาด ส่วนการต้อนรับนั้น ทางผู้ว่าฯนครราชสีมาจัดเตรียมเต็มที่เพราะถือเป็นบ้านเกิดของพล.อ.ประยุทธ์ โดยจัดเตรียมไก่ย่าง ข้าวเหนียว ส้มตำไว้เลี้ยงต้อนรับ 

รปภ.เข้มกันซ้ำรอยขอนแก่น

     พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) กล่าวว่า มีความมั่นใจในระบบการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนายกฯในการลงพื้นที่ครั้งนี้ โดยได้ประสานการทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและพลเรือนในพื้นที่ เชื่อว่าประชาชนจะมีความเข้าใจดีว่านายกฯทำงานเพื่อประชาชน และขณะนี้ทางการข่าวยังไม่มีรายงานว่าจะมีกลุ่มใดออกมาเคลื่อนไหว แต่เจ้าหน้าที่ก็ดูแลเรื่องนี้อยู่และไม่ประมาท

      ผู้สื่อข่าวถามว่าเกรงว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนกับกรณีที่มีนักศึกษากลุ่มดาวดิน จ.ขอนแก่น 5 คน ชูสามนิ้ว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านรัฐประหาร ต่อหน้าพล.อ.ประยุทธ์ ขณะมอบนโยบาย ให้เจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในกลุ่มจังหวัดภาคอีสาน บริเวณศาลากลาง จ.ขอนแก่น หรือไม่ พล.ท.ธวัช กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เตรียมความพร้อมและเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมกับนำเหตุการณ์ที่ขอนแก่นมาทบทวนเพื่อเป็นบทเรียน แต่เชื่อว่าจะ ไม่เกิดปัญหาใดๆ ขึ้น

      ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ผู้ว่าฯนครราชสีมาได้รายงานว่ายังไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ ที่ผิดปกติ เกี่ยวกับการต่อต้านการลงพื้นที่ของนายกฯ โดยการดูแลทำตามปกติไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันกับ จ.ขอนแก่นเกิดขึ้น

'บิ๊กป๊อก'วอนมะกันอย่าจุ้น

     พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐลงพื้นที่ภาคอีสาน พบกับแกนนำกลุ่ม นปช.เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในจังหวัดต่างๆ ว่า ยังไม่ได้รับรายงานจากผู้ว่าฯ การไปพบปะพูดคุยเพื่อเก็บข้อมูลเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แต่ขณะนี้รัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาของประเทศ และสร้างความปรองดอง ไม่มีเจตนาที่จะใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นขอให้เจ้าหน้าที่สหรัฐเข้าใจและแยก แยะเรื่องการทำงานของรัฐบาล การบังคับใช้กฎหมาย และการทำงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในการถอดถอน น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯออกจากกัน ขณะเดียวกันขอให้คนไทยเข้าใจการทำงานของรัฐบาลและสถานการณ์ของประเทศที่ต้องการให้เกิดความสงบเรียบร้อยด้วย และบรรยากาศในขณะนี้ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี เศรษฐกิจดีขึ้น การท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัว จึงไม่อยากให้มีความวุ่นวายเกิดขึ้นอีก

     ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้ทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจของคนไทย และเกิดการ กระจายข่าวต่อต้านสหรัฐในโซเชี่ยลมีเดีย พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ขอแค่คนไทยเข้าใจว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังทำงานให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ ต่อข้อถามว่ามีการวิจารณ์ว่าสหรัฐเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทยหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะต้องพูดในเชิงสร้างสรรค์ เพราะสังคมโลกต้องอยู่ด้วยกัน ไทยจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของสหรัฐ และหวังว่าสหรัฐจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในประเทศไทย

สนช.เชิญอุปทูตไขข้อข้องใจ

      นายกิตติ วะสีนนท์ สมาชิกสนช. ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การต่างประเทศ สนช. กล่าวว่ากมธ.การ ต่างประเทศได้ทำหนังสือเชิญนายแพทริก เมอร์ฟี อุปทูตสหรัฐประจำประเทศไทย มา สอบถามและให้ความเห็นในวันที่ 11 ก.พ. ในกรณีที่นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก แสดงความเห็นทางการเมืองที่กระทบกับประเทศไทย ระหว่างการเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย แต่นายเมอร์ฟียังไม่ตอบรับ เพราะเรื่องดังกล่าวสร้างความไม่สบายใจ และเป็นบาดแผลในใจของคนไทยตามที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ ได้แถลงการณ์ไป ซึ่งกมธ.อยากฟังความเห็นจากปากของอุปทูตสหรัฐว่าจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร 

      นายกิตติ กล่าวว่า นอกจากนี้จะสอบถามกรณีนายเมอร์ฟีระบุว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐจะเดินทางไปพบแกนนำเสื้อแดงในพื้นที่ภาคอีสานด้วยว่า เป็นความจริงหรือไม่ มีเหตุผลอย่างไร ส่วนตัวเห็นว่าแม้ประเทศไทยจะเปิดเสรี แต่ในช่วงเวลานี้เป็นสถานการณ์พิเศษของประเทศ หากมีการ กระทำดังกล่าวจริง อาจนำไปสู่ผลกระทบทางการเมืองได้ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ทบทวนการเดินทางลงพื้นที่ เพราะจะส่งผลกระทบทางการเมืองขัดแนวทางการปรองดองที่ประเทศไทยกำลังดำเนินการอยู่ อย่างไรก็ตามยังมั่นใจว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะไม่กระทบกับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ เพราะสหรัฐก็ต้องการรักษาความสัมพันธ์กับประเทศไทย แต่อาจก้าวผิด เอาบางเรื่องไปพูดในที่สาธารณชน 

เอพีส่องสัมพันธ์ไทย-สหรัฐ 

    วันเดียวกัน สำนักข่าวเอพีของสหรัฐ รายงานถึงสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐ ภายหลังนายรัสเซลเดินทางเยือนไทยและกล่าวแสดงท่าทีของรัฐบาลสหรัฐต่อสภาพการณ์ทางการเมืองไทยอย่างชัดเจน รวมถึงเรียกร้องให้ไทยยกเลิกกฎอัยการศึก ว่าทำให้ทางการไทยและเหล่าสมาชิกสภาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งตอบโต้อย่างไม่พอใจ

     เอพีระบุว่า หลังสหรัฐทุ่มเทไปกับศึกอัฟกานิสถานและศึกอิรักนานนับสิบปี จนจีนขยายอิทธิพลในเอเชีย รัฐบาลสหรัฐจึง ยังคงสถานะให้ไทยเป็นพันธมิตรที่มั่นคงและทิ้งไปไม่ได้ แม้ว่าสหรัฐต้องระงับเงินช่วยเหลือทางการทหารมูลค่า 4.7 ล้านดอลลาร์ไว้หลังไทยเกิดรัฐประหาร แต่การฝึกคอบร้าโกลด์ในไทยยังต้องมีอยู่ แม้ ลดขนาดลงโดยไม่มีการซ้อมรบจริง และ ในทางเศรษฐกิจ มูลค่าทางการค้าระหว่างสองประเทศที่มากกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปีในช่วงไม่กี่ปีมานี้

จับตาไทยขยับใกล้ชิดจีน 

     นายดัก พอล ผู้อำนวยการกิจการเอเชีย ประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า ถึงอย่างไรไทยก็เป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐในเอเชีย สหรัฐมีอนาคตต่อไทยในทางประวัติศาสตร์และศักยภาพที่ต้องพึ่งพาการเข้าถึงปฏิบัติการทางทหารในหลายเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นฉับพลัน รวมถึงมีความสัมพันธ์อันแนบแน่นทางเศรษฐกิจและการเมือง ปัจจัยใหม่ที่มีผลต่อความสัมพันธ์คืออิทธิพลของจีน ไทยอยู่ในจุดศูนย์กลางของอาเซียนทั้งด้านภูมิศาสตร์และเหตุการณ์ต่างๆ ในขณะที่จีนมีอิทธิพลเพิ่มมากขึ้น ทิศทางของอาเซียนในฐานะเป็นองค์การรวมของประเทศที่เป็นมิตรจึงจะอยู่ในภาวะเสี่ยง 

     รายงานตอนท้ายระบุว่า ไทยขยับเข้าไปใกล้ชิดจีนมากขึ้น โดยเฉพาะในยุครัฐบาลนี้ ที่มีการเดินทางเยือนและทำสัญญาก่อสร้างเส้นทางรถไฟ ส่วนมูลค่าเศรษฐกิจสองชาติอยู่ที่ 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ผู้นำไทยกับสหรัฐพบกันในการประชุมร่วมเวทีภูมิภาคเท่านั้น และการเยือนของนายรัสเซลที่มากล่าวสปีชนั้น ทำให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยนำไปแสดงความเห็นนั้นทำให้อย่างน้อย 4 คนถูกเรียกตัวไปปรับทัศนคติ

'ไก่อู'ลั่นไม่ถึงเวลาใช้ยาแรง

      นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกระแสข่าวกลุ่มที่ปรึกษาคสช. ได้เสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ออกกฎหรือระเบียบอื่นมาใช้แทนกฎอัยการศึกว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และยังไม่เคยศึกษาประเด็นนี้ จึงแสดงความเห็นอะไรไม่ได้ และไม่รู้ว่ามีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ทั้งนี้ตนคิดว่าเรื่องดังกล่าวคงต้องให้หลายฝ่ายมาประชุมหารือร่วมกันเสียก่อน

       พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่จากการประเมินสถานการณ์ขณะนี้ มองว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะใช้ยาแรง เพราะสถานการณ์การเมืองขณะนี้ยังไม่มีแรงกระเพื่อมเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ส่วนผู้ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองนั้น คสช.จะพิจารณาเพื่อเชิญตัวมาพูดคุยแล้วคิดว่าทุกฝ่ายคงเข้าใจกัน 

ยืนยันนายกฯเปิดใจกว้าง

      พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ผ่านมานายกฯมีนโยบายชัดเจน เช่น กรณีของสหรัฐ นายกฯ ได้บอกว่า เราทำได้เพียงแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลได้เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง และแก้ปัญหาความขัดแย้ง โดยเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ส่วนสหรัฐจะทำอะไร เป็นเรื่องที่สังคมจะพิจารณาถึงมารยาทของเขา แต่นายกฯไม่ต้องการทำให้เกิดความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น เพราะทั้งไทยและสหรัฐต่างฝ่ายต่างอยู่โดดเดี่ยวไม่ได้ ทุกคนต้องมีสังคม จึงไม่น่ามีอะไรที่หนักหน่วงรุนแรง สิ่งที่สหรัฐต้องการจะทำก็ ให้ทำไป ส่วนเราต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี คงไปห้ามเขาไม่ได้ แต่รัฐบาลเอาประชาชนเป็นหลักว่าสังคมเข้าใจเรา

     ส่วนกรณีที่นางกุสุมา ศิริโกมุท อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย แนะให้รัฐบาลและ นายกฯ เปิดใจให้กว้างกับสหรัฐนั้น พล.ต. สรรเสริญกล่าวว่า นายกฯ ใจกว้างอยู่แล้ว ผู้ที่พูดเรื่องนี้ควรจะใจกว้างด้วยเหมือนกัน นายกฯควบคุมอำนาจการปกครองมาเพราะรัฐบาลขณะนั้นไม่มีอำนาจ ทุกอย่างหยุดชะงักหมด ทำให้ประชาชนเดือดร้อน หากปล่อยไว้เช่นนั้นจะเกิดภาวะที่หนักกว่านี้ และอย่างกรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็เปิด ให้เข้าสู่กระบวนการ ให้สังคมรับรู้แบบ มีกฎกติกา นี่คือความใจกว้างของนายกฯ แล้วคนที่พูดเปิดใจกว้างแล้วหรือยัง

เสวนาเข้มปฏิรูปตำรวจ

      เมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงแรม เดอะ สุโกศล คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ร่วมกับ สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) จัดโครงการสัมมนาและรับฟังความคิดเห็น ประเด็นการปฏิรูปตำรวจ โดย นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิกสปช. ในฐานะประธานสปท. กล่าวว่า การปฏิรูปตำรวจจะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จอย่างหนึ่งของการปฏิรูปการเมือง เพราะตำรวจคือศูนย์รวมของการทุจริตที่มากที่สุดในหน่วยงานราชการ ล่าสุดคือกรณีของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 5 ปี ในฐานความผิดซื้อขายตำแหน่งมูลค่า 3-5 ล้านบาท นาน 5 ปี แต่จำเลยรับสารภาพจึงลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 2 ปีครึ่ง ซึ่งใช้โทษจริงก็ไม่ถึงอยู่ดี ฐานความผิดทุจริตกับบทลงโทษยังไม่เหมาะสม นอกจากนี้ยังต้องปฏิรูปตำรวจให้ไม่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองอีกด้วย 

    ด้านนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสปช. ในฐานะโฆษกกมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า การปฏิรูปประเทศมี 45 ด้าน การปฏิรูปตำรวจมีความสำคัญเป็นลำดับที่ 3 รองจากเรื่องการเมืองและการปราบปรามการทุจริต โดยกมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม มองว่า การปฏิรูปตำรวจจะต้องเชื่อมโยงกับกมธ.อีก 4 ด้าน ได้แก่ กมธ.ปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน กมธ.ปฏิรูปการปกครองส่วนท้องถิ่น กมธ.ปฏิรูปการทุจริตฯ และกมธ.ปฏิรูปด้านสังคม และที่ผ่านมาได้ทำข้อเสนอต่อกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญไปแล้ว 

แนะยกเครื่อง-ห่างการเมือง

นายวันชัยกล่าวว่า ต้องยอมรับว่าตำรวจส่วนใหญ่ดี มีเพียงส่วนน้อยที่ไม่ดีแต่มีอำนาจ ทางกมธ.ปฏิรูปกฎหมายฯ จึงมีแนวทางเบื้องต้น 5 ข้อ สำหรับการปฏิรูปตำรวจ คือ 1.ตำรวจขาดความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ แต่งตั้งโยกย้าย ขาดระบบจริยธรรม การวิ่งเต้นโยกย้ายใช้เงินเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นเราควรปฏิรูปให้องค์กรตำรวจมีความอิสระให้ห่างจากการเมือง 2.ต้องมีการกระจายอำนาจตำรวจเป็นตำรวจส่วนกลาง ตำรวจส่วนภูมิภาค หรือตำรวจส่วนท้องถิ่น โดยให้มีหน่วยงานควบคุมตามกฎหมายบัญญัติ 

       นายวันชัย กล่าวอีกว่า 3.เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมโดยให้มีหน้าที่กำกับดูแลการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่ให้ผู้มีอิทธิพลเข้ามามีส่วนร่วม 4.จัดโครงสร้างตำรวจปรับเปลี่ยนหน่วยงานให้มีขนาดกะทัดรัด ยกเลิกบางหน้าที่ ที่ ไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจปรับอำนาจการปราบปราม สืบสวนสอบสวนให้เป็นของหน่วยงานอื่นตามความเหมาะสม 5.สภากิจการตำรวจแห่งชาติ กำกับดูแลการทำงานของตำรวจโดยมีกรรมากรที่มาจากผู้ทรงคุณวุฒิในด้านความมั่นคง ด้านยุติธรรม สิทธิมนุษยชน และประชาชน เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการบริหารงานมากขึ้น นี่คือ สิ่งที่กมธ.ปฏิรูปกฎหมายฯต้องการเสนอและดำเนินการให้สำเร็จ 

'อำนวย'รีบชงเขี่ยพ้นก.ตร.

      พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 (ผบช.ภ.1) ในฐานะตัวแทน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. แสดงความเห็นว่า อยากให้การแสดงความเห็นต่อการปฏิรูปครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะรัฐบาลนี้ทำไม่สำเร็จก็คงไม่มีโอกาสได้ทำอีก ที่ผ่านมา มักวิจารณ์ตำรวจว่า เป็นสุนัขรับใช้นักการเมือง แต่ไม่เคยถามตำรวจเลยว่าอยากรับใช้หรือไม่ หรือมีสถานการณ์อะไรมาบีบบังคับ ซึ่งตนมองเห็นว่าการแก้ไขไม่ให้นักการเมืองเข้ามาแทรกแซงองค์กรตำรวจได้ง่ายนิดเดียวคือการปรับโครงสร้างไม่ให้มีตัวแทนจากฝ่ายการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.)ที่มีหน้าที่เสนอและแต่งตั้ง ผบ.ตร. และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มีหน้าที่ให้ความเห็นชอบแต่งตั้งนายพลตำรวจ เพราะเป็นช่องทางที่ทำให้มีการวิ่งเต้นได้ 

     "คณะทำงานของตำรวจที่รับผิดชอบในการแก้ไขกฎหมายเพื่อการปฏิรูปองค์กรตำรวจ ได้เสนอแก้กฎหมายให้นายกฯออกจากโครงสร้าง ก.ต.ช. และก.ตร.มานานแล้ว แต่ไม่รู้จะไปนำเสนอต่อสภาไหน เพราะเป็นการริบอำนาจฝ่ายการเมือง ทางผบ.ตร.เองก็พร้อมจะให้ตำรวจออกจากการกำกับของฝ่ายการเมือง ดังนั้นการปฏิรูปตำรวจของสปช.สามารถร่วมมือทำงานกับทางสปช.ได้" พล.ต.ท.อำนวยกล่าว 

เด็กปชป.เสนอทางแก้ยางถูก

      นายถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำของรัฐบาลว่า คงสำเร็จยาก เพราะรัฐบาลไม่เปิดใจกว้างรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ดังนั้น ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดใจกว้างรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากกลุ่มชาวสวนยางพารา กลุ่มแรงงานผู้กรีดยางพารา กลุ่มผู้รับซื้อยางพารา กลุ่มอุตสาห กรรมยางพารา และกลุ่มผู้ส่งออกยางพารา ไปขายยังต่างประเทศ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ส่งออกยางพาราและข้าราชการเท่านั้น จึงเป็นเหตุให้เเก้ไขปัญหาไม่ได้ 

     นายถาวร กล่าวว่า ขอเสนอแนวทางการแก้ปัญหาไปยังรัฐบาล ดังนี้ 1.ยกเลิกสัญญาขายยางที่ทำกับบริษัทไชน่า ไห่หนาน เพราะเป็นสัญญาที่ส่อทุจริต และขัดต่อกฎหมายรวมถึงขัดต่อความสงบเรียบร้อย 2.เปิดเผยรายละเอียดของสัญญาที่ทำกับ บริษัทไชน่า ไห่หนาน ให้สาธารณชนทราบ 3.ยางที่อยู่ในสต๊อกจำนวน 2 แสนตันห้ามนำออกขายโดยเด็ดขาด 

จี้รัฐเปิดใจฟังชาวสวน

     นายถาวรกล่าวต่อว่า 4.เก็บสต๊อกยางเพิ่มอีก 3 แสนตัน ประกอบด้วยน้ำยางข้น 1 แสนตัน ยางก้อน 1 แสนตัน และยางแท่ง 1 แสนตัน และห้ามขายภายใน 5 ปี หากรัฐบาลจะขายต้องแจ้งให้ผู้สต๊อกยางพาราทราบล่วงหน้าก่อน 30 วัน โดยรัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบดอกเบี้ยทั้งหมด ยางจำนวน 3 แสนตันนี้รัฐบาลจะต้องชดเชยเพิ่มจากราคาตลาดกิโลกรัมละ 15 บาท คาดว่าจะใช้เงินไม่เกิน 4.5 หมื่นล้านบาท 5.รับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการเกี่ยวกับยางพาราให้มากขึ้น และ 6. แก้ไขระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการพัสดุ เพื่อให้นำเอายางพารามาใช้ทำถนนได้ โดยไม่ต้องติดล็อกจากของเดิม

     "สิ่งที่ได้รับจากข้อเสนอแนะดังกล่าว จะทำให้ยางหายไปจากท้องตลาด 3 แสนตัน รัฐบาลอาจจะไม่ต้องชดเชยราคายางพาราให้กับชาวสวนยางอีกต่อไป เพราะกลไกการตลาดทำให้ราคายางสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ และเป็นช่วงฤดูปิดกรีด เพราะยางผลัดใบ และในแง่จิตวิทยาราคายางพาราจะสูงขึ้นก่อนในเบื้องต้นทำให้รัฐบาลใช้เงินน้อยลง ข้อเสนอของผมเป็นความจริงใจที่อยากเห็นรัฐบาลเปิดใจกว้างเพื่อรับฟังข้อคิดและ ข้อเสนอแนะจากทุกฝ่าย ที่ผ่านมาพี่น้องชาวสวนยางให้ความร่วมมือกับรัฐบาล คสช. มาตลอด ดังนั้น อย่าให้ประชาชน ต้องผิดหวัง" นายถาวรกล่าว 

ขู่ราคาดิ่งเคลื่อนไหวใหญ่

      นายศักดิ์สฤษดิ์ ศรีประศาสตร์ ตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวสวนยางจังหวัดตรัง กล่าวถึงกรณีที่แกนนำชาวสวนยาง 20 จังหวัด จัดให้มีการประชุมรับฟังปัญหาและอุปสรรค ที่โรงแรมวัฒนาพาร์ค จ.ตรัง เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แม้จะไม่เต็มที่มากนัก เช่น มีการไปจัดประชุมกันอีกจุดหนึ่งที่ศาลาที่ประชุมหมู่บ้าน หมู่ที่ 3 ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง จ.ตรัง โดยเครือข่ายคนกรีดยางจ้าง (กรีดยางหวะ) จ.ตรัง และภาคใต้ ทำให้บรรยากาศการประชุมไม่ดุเดือดเข้มข้นเท่าที่ควร

     นายศักดิ์สฤษดิ์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลระบุว่าจะทำให้ยางแผ่นมีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท และน้ำยางมีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 65-70 บาท ภายในเวลา 1 เดือน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ภาคีเครือข่ายชาวสวนยางจังหวัดตรัง และในภาคใต้ พร้อมที่จะให้โอกาส แต่หากหลังจากวันนี้ไปราคายางยังคงตกต่ำลงไปอีก และการแก้ปัญหาต่างๆ ยังไม่ได้รับการเหลียวแล ชาวสวนยางคงหมดความอดทน และพร้อมใจกันออกมาเคลื่อนไหวใหญ่อย่างแน่นอน โดยที่ภาคีเครือข่ายไม่จำเป็นจะต้องไปบอกกล่าวอะไร เพราะ ณ วันนี้มีชาวสวนยางในภาคใต้จำนวนมากที่รู้สึกเดือดร้อน และติดต่อจะมาร่วมเคลื่อนไหวใหญ่ แต่ภาคีเครือข่ายยังอยากให้รัฐบาลได้ทำงานไปตามที่พูดไว้ก่อน จนกว่าความเดือดร้อนของชาวสวนยางจะถึงที่สุด

เตรียมยื่นหนังสือนายกฯ

     นายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายชาวสวนยางพาราและสวนปาล์ม 16 จังหวัดภาคใต้กล่าวว่า ผลการประชุมแกนนำเครือข่ายชาวสวนยางพาราเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปในยกร่างแผนปฏิรูปและวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับยางพาราทั้งระบบ เพื่อยื่นถึงพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง โดยได้รับการประสานงานจากผู้ใหญ่จะเป็นตัวกลางเพื่อให้แกนนำชาวสวนยางพารายื่นหนังสือแล้ว ที่ผ่านมาชาวสวนยางพาราให้เกียรตินายกฯเสมอมา และอดทนมาตลอด โดยวางกรอบไว้เวลา 15 วัน ภายในเดือนก.พ.การวางกรอบแผนปฏิรูปยางพารา และแนวทางแก้ไขปัญหา ตลอดจนปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับยางพาราจะเรียนให้นายกฯรับทราบทั้งหมด 

    นายทศพล กล่าวว่า ในที่ประชุมยังมีมติให้ยุติโครงการมูลภัณฑ์กันชนของรัฐบาล ที่เป็นโครงการซื้อชี้นำราคายางพารา ซึ่งงบประมาณของแผ่นดินกำลังหมดไปแล้ว 6,000 ล้านบาท และกำลังขออนุมัติใหม่อีก 6,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้วางเป้าไว้ 20,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่เอื้อต่อกลุ่มธุรกิจการค้าขนาดใหญ่ แต่พิสูจน์แล้วว่า ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ไม่เอื้อต่อชาวสวนยางพาราที่แท้จริง

คู่รักตีทะเบียนได้ที่งานตลาดน้ำ

    น.ส.เรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร เปิดเผยถึงการจัดกิจกรรมตลาดน้ำวิถีไทย ที่บริเวณคลองผดุงกรุงเกษม ระหว่างวันที่ 12 ก.พ.-1 มี.ค.2558 ว่า รัฐบาลจัดกิจกรรมดังกล่าวเพื่อนำร่องตามนโยบายตลาดชุมชน ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยในวันเปิดงานนายกฯ และรัฐมนตรีที่มาร่วมงาน จะแต่งเสื้อผ้าไทย เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศวิถีไทย อีกทั้งจะมีการเชิญคณะทูตานุทูตจากหลายประเทศมาร่วม เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยววิถีไทยอีกด้วย โดยในวันที่ 10 ก.พ. จะเริ่มทดลองพายเรือขายสินค้าทางน้ำ เพื่อทดสอบความพร้อมของเรือ ก่อนจะเปิดตลาดน้ำอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ก.พ. โดยจะมีเจ้าหน้าที่เทศกิจมาช่วยถือหรือขนสินค้า และให้บริการประชาชนด้วย 

     น.ส.เรณู กล่าวว่า สำหรับไฮไลต์พิเศษในวันที่ 14 ก.พ. ซึ่งตรงกับวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรักจะมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย สำนักงานเขตดุสิต และสำนักงานเขตพระนคร มาตั้งรถโมบายล์ให้บริการจดทะเบียนสมรสแก่คู่รัก ให้บริการทำบัตรประชาชน และมีกิจกรรมสำหรับคู่รัก โดยนายกฯ ได้เชิญชวนให้นำดอกกล้วยไม้ ดอกกุหลาบ หรือดอกไม้อื่นๆ ที่ขายในตลาดน้ำวิถีไทยมอบให้แก่คนรักได้อีกด้วย ทั้งนี้หลังเสร็จสิ้นการจัดตลาดน้ำวิถีไทยริมคลองผดุงกรุงเกษมในวันที่ 1 มี.ค. ทางกทม.จะรับไปขยายผลจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ที่คลองอื่นๆ ทั่วกรุงเทพฯ เพื่อให้ประชาชนมีพื้นที่ค้าขาย และส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีไทย

มท.1 ให้ขรก.สงไลน์ทำงานได้

     เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่กรมการปกครองออกคำสั่งห้ามข้าราชการใช้คอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือสื่อสารของทางราชการ ที่ติดตั้งในที่ว่าการอำเภอ ศาลากลางจังหวัด หรือสำนักงานของกรมการปกครองไปใช้ในโปรแกรมโซเชี่ยลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ อีเมล์ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติราชการ โดยส่งข้อความหรือภาพที่อาจเข้าข่ายความผิดทางอาญา หรือเกิดความเสียหายต่อผู้อื่น รวมทั้งเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ว่า สาเหตุที่ออกคำสั่งเพราะมีข้าราชการประพฤติตัวไม่เหมาะสม โดยใช้คอมพิวเตอร์ของราชการไปโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสม จึงต้องออกคำสั่งป้องกันไว้ก่อน เพื่อไม่ให้นำอุปกรณ์ของทางราชการไปกระทำการที่ผิดกฎหมาย 

     อย่างไรก็ตาม หากข้าราชการที่จำเป็นต้องใช้เฟซบุ๊กหรือไลน์ในการทำงาน ก็สามารถอนุโลมให้ใช้ได้ ขึ้นอยู่กับความจำเป็น และความเหมาะสมในการทำงาน และอยู่ที่วิจารณญาณ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!