WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

'อาเบะ'เรียกร้อง'บิ๊กตู่' รีบคืนปชต. แถลงต่อหน้า-หลังถก ม็อบโผล่จี้เลิกอัยการศึก อุปทูตมะกันทวงอีกรอบ คสช.ให้ศาลชี้'ปู'บินนอก รวบ'หัสดิน'โพสต์หมิ่นฯ

เยือนญี่ปุ่น - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าหารือกับนายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระหว่างเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์

      'อาเบะ'เรียกร้องรัฐบาลไทยคืนอำนาจสู่ประชาธิปไตย 'บิ๊กตู่'ย้ำกำลังเร่งร่างรัฐธรรมนูญเพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ตร.ไล่ขยายผลจับเพิ่มเครือข่าย'บรรพต'หมิ่นสถาบัน มีตัวการใหญ่อยู่เบื้องหลัง

@ ผบ.ทบ.ชี้ต้องชะลอ"ปู"ห้ามบิน

      เมื่อเวลา 07.15 น. วันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่อาคารรับรองพิเศษท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่อนุญาตตามคำขอของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ขอเดินทางไปฮ่องกง เขตปกครองพิเศษของจีนว่า ในฐานะที่เป็นเลขาธิการ คสช.ได้รับนโยบายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ว่า ในเรื่องการปฏิบัติต่างๆ ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอย่างระมัดระวัง ทราบดีว่าเรื่องนี้คนไทยให้ความสนใจ แต่จะต้องอยู่ในกระบวนการตามกฎหมายที่ทาง คสช.ต้องใช้ความรอบคอบและนำข้อมูลส่งไปให้หัวหน้า คสช.ตัดสินใจ มีการรับข้อมูลจากส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย รวมทั้งที่ผ่านมามีการปรึกษาหารือร่วมกัน

    "ผมขอย้ำว่า คสช.ดำเนินการอย่างรอบคอบ และ คสช.อยากให้ความสะดวกกับทุกคนที่ให้ความร่วมมือ แต่ถ้าบางสิ่งบางอย่างมีผลต่อรูปคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ อาจเกิดผลกระทบตามมาได้ จำเป็นต้องชะลอเรื่องไว้ก่อน เพื่อรอให้ศาลเป็นผู้ตัดสินใจต่อไป" พล.อ.อุดมเดชกล่าว

@ ย้ำดำเนินการอย่างเหมาะสม 

     ผู้สื่อข่าวถามว่า หากคดีโครงการรับจำนำข้าวที่อยู่ในกระบวนการทางคดีของอัยการสูงสุด (อสส.) ยังไม่สิ้นสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางออกนอกประเทศไม่ได้ใช่หรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ทาง อสส.กำลังดำเนินการตามขั้นตอน เมื่อเข้าสู่กระบวนการทางศาลต้องเป็นไปตามนั้น แม้ว่า คสช.จะมีอำนาจสั่งการในเรื่องต่างๆ แต่เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วต้องเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอน ประเด็นนี้คิดว่ามีความเหมาะสมแล้วที่จะออกมาเป็นเช่นนั้น เกรงว่าอาจเกิดปัญหาภายหลังได้ 

     เมื่อถามกรณี คสช.เชิญผู้ช่วยทูตทหารประจำประเทศไทยทุกประเทศเข้ารับฟังการชี้แจงสถานการณ์ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ในระดับของทหารมีผู้ช่วยทูตทหารประจำประเทศไทยจำนวนมาก ในส่วนกองทัพบกมีผู้ช่วยทูตทหารมาสร้างความสัมพันธ์กับกองทัพ ก็ต้องสร้างความเข้าใจ เพื่อให้ผู้ช่วยทูตเหล่านี้กลับไปชี้แจงในประเทศของเขาถึงความจำเป็นในการปฏิบัติงานต่างๆ ของ คสช.และรัฐบาลที่ทำเพื่อประโยชน์และให้ประเทศมีความเรียบร้อย มิตรประเทศก็ควรมีความเข้าใจการดำเนินการของรัฐบาลและ คสช.ในขณะนี้ว่าสามารถสร้างความสงบสุขได้ แม้ยังมีการสร้างสถานการณ์เล็กน้อยๆ บ้าง 

@ พร้อมชี้แจงเรียกปรับทัศนคติ 

     เมื่อถามต่อว่า จะมีการชี้แจงกับทางผู้ช่วยทูตทหารของประเทศต่างๆ เรื่องที่ คสช.เชิญผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองมาพูดคุยเป็นประเด็นหลักหรือไม่ เพราะรัฐบาลสหรัฐยังมีความกังวลใจในเรื่องนี้อยู่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า มีความจำเป็นต้องชี้แจงว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมาเกิดความไม่สงบเรียบร้อยทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตเป็นปกติ การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ไม่มีการควบคุมจนขยายตัวเป็นหลายกลุ่มที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก้าวไปสู่การใช้อาวุธสงครามจนทำให้เด็ก ผู้หญิง และประชาชนต้องเสียชีวิต 

       "ผมอยากถามว่าถ้าเกิดเหตุการณ์เหล่านั้นขึ้นมาอีกจะมีใครมาร่วมรับผิดชอบชะตากรรมและการบริหารประเทศบ้าง บางอย่างเราก็มีความจำเป็นเพื่อสร้างความสงบ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ดำเนินการเพียงแค่ขอความร่วมมือเท่านั้น ซึ่งได้รับความร่วมมือจากประชาชนพอสมควร แต่มีบางส่วนที่ยังไม่เข้าใจ ทางเจ้าหน้าที่พยายามตักเตือนโดยไม่ได้ใช้ความรุนแรง ถ้าใครยังไม่มีความเข้าใจก็ต้องปรับความเข้าใจกัน ไม่ได้กระทบหลักละเมิดสิทธิมนุษยชนเพราะเป็นการเชิญมาพูดคุยกัน ถ้าเราประสบปัญหาคงไม่มีใครมาช่วยเราได้ นอกจากต้องหาวิธีดูแลสถานการณ์ของเราเองให้ได้ โดยไม่ได้ดำเนินการด้วยวิธีการใช้ความรุนแรง ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าไม่มีใครโดนกระทำด้วยความรุนแรง" พล.อ.อุดมเดชกล่าว

@ สั่งมทภ.1 ประสานตร.ดูแลพื้นที่

     พล.อ.อุดมเดช ยังตอบคำถามถึงความคืบหน้า เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวนายกฤษณ์ บุดดีจีน อายุ 26 ปี ผู้ช่วยประธานกลุ่ม นปช.จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นผู้เผยแพร่แถลงการณ์สำนักพระราชวังฉบับที่ 13 ปลอม ได้ที่ จ.เพชรบูรณ์ ว่า เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวคนกระทำความผิดได้แล้ว อยู่ในขั้นตอนการขยายผล คิดว่าคงมีข่าวดีต่อไป คนไทยทุกคนจะให้กำลังใจเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการเรื่องนี้เพราะส่วนใหญ่รักและเทิดทูนสถาบัน ไม่ต้องการให้ใครมาทำลายสถาบัน คดีนี้มีความคืบหน้าไปมาก ทางเจ้าหน้าที่ยังได้จับผู้ร่วมเครือข่ายบรรพตซึ่งถือว่าเป็นเครือข่ายใหญ่ และจะขยายผลหาตัวผู้สนับสนุนและผู้เผยแพร่ต่อไป 

     พล.อ.อุดมเดช ยังกล่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามและห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ได้สั่งการ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ให้หารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานงานกันอย่างใกล้ชิด ต้องร่วมกันรับผิดชอบดูแลเรื่องความมั่นคงและรักษาความสงบเรียบร้อย ความคืบหน้ามีแนวโน้มจะทราบตัวผู้กระทำความผิด ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ได้สั่งการไปทุกพื้นที่ไม่ใช่แค่พื้นที่ กทม. อีกทั้งต้องคำนึงถึงภาพพจน์ไม่อยากให้เป็นภาพความตึงเครียด เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นต้องเพิ่มมาตรการเข้มงวดขึ้นเพื่อรักษาความปลอดภัย 

@ "บิ๊กป้อม"ไม่จับนศ.ล้อการเมือง 

      เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กรณี คสช.ไม่อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางออกนอกประเทศ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของ อสส.เป็นเรื่องของกฎหมาย รูปคดีไม่ใช่เรื่องของ คสช. ส่วนการที่รัฐบาลสหรัฐเรียกร้องทางการไทยให้ยุติการเรียกตัวหรือคุมขังนักการเมือง นักวิชาการหรือผู้ที่แสดงความคิดเห็นต่าง รวมไปถึงการควบคุมตัวนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า คสช.ควบคุมตัวมาเนื่องจากทำให้เกิดความขัดแย้งเรียกมาปรับทัศนคติเท่านั้น ขณะนี้ปล่อยตัวไปเรียบร้อยแล้ว ในส่วนการเมืองอย่าเพิ่งเคลื่อนไหว คสช.กำลังเดินหน้าสร้างปรองดองตามโรดแมป ส่วนการที่นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) จัดพาเหรดขบวนล้อการเมืองในระหว่างงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น ก็ไม่มีการจับนักศึกษา อย่าทำให้เข้าใจผิด

@ "ปึ้ง"ยัน"ปู"มีสิทธิบินไปฮ่องกง

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ขออนุญาต คสช.เดินทางไปฮ่องกงนั้นสามารถเดินทางไปได้ คดีโครงการรับจำนำข้าวในชั้นอัยการสูงสุดก็เพิ่งจะเริ่มต้น ศาลยังไม่มีคำสั่งห้าม ส่วนข้อกังวลว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชาย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเป็นพี่น้องกัน ทั้งสองไม่ได้ทำอะไรให้ประเทศไทยวุ่นวาย 

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ฝ่ายมีอำนาจกังวลว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอย พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยอมเดินทางกลับประเทศไทย นายสุรพงษ์กล่าวว่า "คดียังไม่เริ่ม ยังไม่พิจารณาจะหนีทำไม เป็นผม ผมก็ไม่หนีต้องสู้กัน เพราะท่าน (น.ส.ยิ่งลักษณ์) เจอเพียงข้อหาส่อไปในทางทุจริต หรือปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเท่านั้น ไม่ใช่คดีทุจริต ไม่จำเป็นที่จะต้องคิดจะหลบหนี" นายสุรพงษ์กล่าว

@ ซัดสนช.ไม่ควรจุ้นเรียกทูตสหรัฐ

นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเป็นผู้ตอบ ต้องไปถาม คสช. เพราะเป็นหัวหน้า คสช. ตนพูดมากไม่ได้ การเดินทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปฮ่องกงก็ไปเพียง 2-3 วันก็กลับ ไปกินโจ๊กแล้วก็กลับ คนเราต้องมีเวลาพาครอบครัวไปพักผ่อนบ้างแล้วก็กลับ ส่วนตัวไม่ทราบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไปเจอ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ เท่าที่ติดตามจากข่าวก็ทราบว่าจะไป" นายสุรพงษ์กล่าว 

    เมื่อถามกรณีอุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยปฏิเสธเข้าไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตามคำเชิญ นายสุรพงษ์กล่าวว่า การที่กระทรวงการต่างประเทศเชิญอุปทูตสหรัฐมาพบก่อนหน้านั้น เป็นมาตรการทางการทูตที่ค่อนข้างรุนแรงแล้ว การที่หน่วยงานอื่นมาเชิญอีกจะไปหรือไม่ก็เป็นสิทธิของเขา แต่โดยหลักหน่วยงานอื่นไม่ควรจะมายุ่ง ควรรู้และเข้าใจบทบาทของตัวเอง ต้องรู้ว่าอะไรคือมารยาทและเข้าใจกฎเกณฑ์ด้านการต่างประเทศด้วย วิธีทางการทูตก็ต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาล 

@ โยน"ปู"ไปนอกให้คสช.ตอบเอง

     นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช ให้สัมภาษณ์ถึง อสส.เตรียมส่งฟ้องคดีอาญาในโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ป.ป.ช.ยังไม่ทราบความคืบหน้า เนื่องจากเรื่องอยู่ที่ อสส.แล้ว มีประเด็นว่า หาก อสส.จะส่งฟ้องต้องนำตัวผู้ถูกกล่าวหาไปพร้อมด้วยหรือไม่นั้น เท่าที่ทราบ อสส.ไม่ต้องนำไปสั่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่เมื่อศาลฎีกาประทับรับฟ้องแล้ว ให้เรียกผู้ถูกกล่าวหามาในภายหลัง ทั้งนี้ เมื่ออัยการสูงสุดฟ้องไปแล้วศาลฎีการับ จะต้องมีหนังสือเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหามาในภายหลัง หากถามว่าการขอเดินทางไปต่างประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในช่วงนี้ก็คงไม่เกี่ยวกับศาล เป็นเรื่องของ คสช.ที่จะพิจารณาความเหมาะสม

      เมื่อเวลา 14.45 น. ที่รัฐสภา นายวิชา มหาคุณ ป.ป.ช. กล่าวตอบการที่ คสช.ไม่อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางออกนอกประเทศว่า ต้องถาม คสช.ที่รับผิดชอบ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะขอลี้ภัยทางการเมือง มองว่ายังไกลเกินไป เรื่องยังไปไม่ถึงขั้นนั้น

      เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่า ป.ป.ช.ทำงาน 2 มาตรฐาน นายวิชากล่าวว่า ขอยืนยันว่า ป.ป.ช.ทำงานเพียงมาตรฐานเดียว สำนวนการชี้มูลการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 และโครงการ 396 โรงพัก สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้

@ "สรรเสริญ"ชี้ขั้นตอนอสส.ฟ้อง"ปู" 

      นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงขั้นตอนของอัยการสูงสุด (อสส.) ที่จะสั่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ภายในวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้ว่า เมื่ออัยการสั่งฟ้องคดีแล้วจะประสาน ป.ป.ช.เพื่อแจ้งไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบ และหากศาลมีคำสั่งรับคำฟ้องจะตั้งองค์คณะตุลาการขึ้นมาพิจารณาวินิจฉัยคดี 

        ทั้งหมดจะอยู่ในอำนาจศาลที่จะมีคำสั่งนัดพิจารณาไต่สวน น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นครั้งแรก และหากศาลมีคำสั่งนัดแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องเดินทางไปชี้แจงต่อศาล ส่วนกระแสข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับหนังสือจากศาลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากอัยการได้สั่งฟ้องต่อศาลแล้ว อาจจะเป็นไปได้ว่าทางอัยการได้ดำเนินการสั่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปแล้ว แต่ไม่ได้ประสาน ป.ป.ช.

       เมื่อถามว่ากระบวนการพิจารณาคดีในชั้นศาลต้องใช้เวลาแค่ไหน นายสรรเสริญกล่าวว่า ถือเป็นคดีปกติ ไม่น่าใช้เวลานาน ต้องขึ้นอยู่กับประเด็นการต่อสู้ที่ผู้ถูกร้องจะต้องแสดงเอกสารหลักฐานพยานบุคคลเพิ่มเติมด้วย 

@ สมชายโต้ไม่ผิดคดีสลายชุมนุม 

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีถูก ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรณีสั่งสลายการชุมนุมเมื่อปี 2551 ว่าเป็นเรื่องราวกันมานานแล้ว ตอนนั้นมีการส่งเรื่องให้อัยการ หลังจากการพิจารณากันอย่างเต็มที่มีมติว่าไม่ฟ้อง พบว่ามีข้อบกพร่องที่ไม่สามารถฟ้องได้ถึง 14 ประการ ต้องตั้งกรรมการร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพิจารณาร่วมกันแล้วก็มีมติว่าไม่ฟ้องอีก คิดว่าเรื่องนี้จบแล้ว มั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ขณะนั้นม็อบปักหลักอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล และทราบว่าม็อบจะเคลื่อนมาสภาในวันที่ตนจะแถลงนโยบาย ได้ระมัดระวังอย่างเต็มที่ ไม่เคยสั่งสลายการชุมนุม

"การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงเย็นวันก่อนหน้าม็อบจะเคลื่อนมาสภา เป็นการประชุมปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรต่อไป จะเปลี่ยนสถานที่แถลงนโยบายของรัฐบาลได้หรือไม่ ทาง ครม.มีมติว่าต้องแถลงนโยบายที่สภา คืนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาพูดคุยกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีทั้งสอง แต่ผมไม่ได้เจอ ตำรวจบอกว่าจะดูแลรักษาความปลอดภัยให้ในวันแถลงนโยบาย ทำให้ ครม.ไปแถลงนโยบาย การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจก็มีระเบียบมีแนวทางปฏิบัติ วันนั้นตำรวจเองก็โดนหนัก เพราะมี 1,800 นาย ขณะที่ม็อบมีเป็นหมื่น ทั้งยังมีคำสั่งไม่ให้ตำรวจพกอาวุธใดๆ ด้วย" นายสมชายกล่าว 

@ น.ศ.มธ.ใช้ชีวิตปกติ-ไม่ถูกสะกิด

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายวชิรวิทย์ คงคาลัย นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะรัฐศาสตร์ มธ. ประธานกลุ่มล้อการเมืองมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงผลกระทบต่อขบวนพาเหรดล้อการเมืองที่ส่วนหนึ่งรอดพ้นการตรวจยึดของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ว่า ตอนนี้ทั้งตนและเพื่อนๆ ภายในกลุ่มยังไม่ได้รับผลกระทบจากการจัดกิจกรรมนี้ รวมถึงยังไม่ได้มีการติดต่อจากอาจารย์หรือเจ้าหน้าที่รัฐให้ไปพูดคุยด้วย ยังใช้ชีวิตภายในมหาวิทยาลัยได้ตามปกติ

นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี มธ. กล่าวว่า ไม่เชื่อว่า คสช.จะเรียกผู้บริหารหรือนักศึกษาไปชี้แจง อาจจะเป็นการปล่อยข่าว กิจกรรมก็ผ่านไปแล้ว ที่ผ่านมาไม่ได้พูดคุยกับตัวแทนนักศึกษาหรืออาจารย์ผู้รับผิดชอบ เพียงแต่ก่อนจัดงานได้กำชับไปว่าจะทำอะไรขอให้นักศึกษาพิจารณาสถานการณ์ของประเทศด้วย ไม่ได้ไปจำกัดสิทธิเสรีภาพหรือสั่งห้ามอะไรทั้งนั้น ถือว่านักศึกษาเป็นผู้ที่มีวุฒิภาวะและความรับผิดชอบเพียงพอ

@ อจ.มธ.โพสต์ชื่นชมนักศึกษา

นายยุกติ มุกดาวิจิตร อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มธ. ได้โพสต์เฟซบุ๊กผ่านเพจ "ชาติพันธุ์นิพนธ์" ตอนหนึ่งว่า "...สำหรับผม การที่นักศึกษาธรรมศาสตร์ปีนี้พร้อมเพรียงกันแสดงออกทางการเมืองในลักษณะส่งเสริมประชาธิปไตย แสดงให้เห็นถึงอะไรหลายๆ อย่างที่ผมมองข้ามไป ที่ว่าพร้อมเพรียงคือไม่ใช่เฉพาะขบวนล้อเลียนการเมือง ซึ่งต้องฝ่าฟันอุปสรรคอย่างชัดเจน จนกระทั่งมีการวางแผนล่วงหน้าในการตบตาทหารตำรวจมาอย่างดี แต่ที่น่าทึ่งมากเข้าไปอีกคือการแปรอักษรบนอัฒจันทร์ที่แสดงความเห็นทางการเมืองอย่างชัดเจน กิจกรรมนี้ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างพร้อมเพรียง ต้องมีการซักซ้อมกันมาก่อน และต้องอาศัยการประสานงานกันหลายฝ่าย แสดงว่าความเห็นของพวกเขาต้องตกผลึกกันมานานพอสมควร"

@ แสดงออกอย่างสงบแบบปัญญาชน

นายยุกติโพสต์อีกว่า ที่ว่ามองข้ามไปคือการปลูกฝังความคิดทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง อาจมีส่วนทำให้อุดมการณ์เหล่านั้นแทรกซึมเข้าไปในความรู้สึกนึกคิดของนักศึกษาได้ เหนือสิ่งอื่นใดคือการรู้สำนึกจนกล้าแสดงออกมาอย่างพร้อมเพรียง แสดงให้เห็นว่านักศึกษารับรู้ถึงผลกระทบของอำนาจเผด็จการที่กำลังทำงานเหนือพวกเขาขึ้นมาบ้างแล้ว คงเริ่มตระหนักว่าวันข้างหน้าเสียงของพวกเขาจะไม่ถูกรับฟัง วันนี้พวกเขาคงได้รู้บ้างแล้วว่า เพียงแค่การขยับตัวแบบขำๆ ของพวกเขาก็ยังแทบจะทำไม่ได้ ยังกลายเป็นอาญาแผ่นดิน

นายยุกติโพสต์ตอนท้ายว่า แสดงให้เห็นว่านักศึกษาธรรมศาสตร์ร่วมมือร่วมใจกันประกาศว่าต้องการประชาธิปไตย เห็นว่าระบอบที่เป็นอยู่ไม่ใช่ประชาธิปไตย เรียกร้องให้คืนอำนาจให้ประชาชน และพวกเขาพร้อมเพรียงกันแสดงความกล้าหาญที่จะท้าทายอำนาจเผด็จการ นี่คือการแสดงออกอย่างสงบ อย่างที่ปัญญาชนพึงและพอที่จะกระทำได้ มากกว่านี้คืออะไร แล้วผลจะเป็นอย่างไร หวังว่าผู้มีอำนาจจะสำเหนียกและไม่ต้องรอให้ถึงวันนั้น

@ ตร.ใกล้สาวถึงต้นตอเผยแพร่

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทหารกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ได้ควบคุมตัวนายกฤษณ์ บุดดีจีน อายุ 26 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์ ผู้ต้องหากรณีเผยแพร่แถลงการณ์สำนักงานพระราชวัง ฉบับที่ 13 ปลอมตามกฎอัยการศึก ส่งมอบให้ พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) ดำเนินการแจ้งข้อหาต่อ

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. กล่าวว่า นายกฤษณ์ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนโพสต์แต่ไม่ได้เป็นคนทำแถลงการณ์ปลอมฉบับดังกล่าว จากนี้จะนำตัวไปฝากขัง ส่วนการออกหมายจับนายนิรันดร์ เยาวภาว์ ผู้ดูแลเว็บไซต์ข่าวผู้จัดการออนไลน์ 2 ข้อหา คือ ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นั้น ขณะนี้ได้ออกหมายจับแล้ว อยู่ระหว่างการประสานเข้ามอบตัวคาดว่าเป็นวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 

"จากการตรวจสอบทราบว่ามีการเผยแพร่แถลงการณ์ฉบับนี้ตั้งแต่ก่อนเวลา 19.00 น. วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ปอท.สามารถขยายผลถึงผู้ที่ส่งต่อในลำดับต้นๆ ก่อน

นายกฤษณ์ได้แล้ว 2-3 ชั้น มีการยึดอุปกรณ์บางอย่างมาตรวจสอบ กำลังติดตามความเคลื่อนไหวของบุคคลเป้าหมายอยู่ ใกล้ถึงต้นตอมากๆ แล้ว แต่ระหว่างนี้เกรงผู้ต้องสงสัยหลบหนี หากหลบหนียิ่งชัดเจนว่าน่าจะมีความผิด เร็วๆ นี้จะขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม เชื่อว่าสาวถึงต้นตอแน่นอน แม้ข้อมูลที่มีขณะนี้มีการอ้างว่าไม่รู้จักต้นตอหรือคนที่ส่งให้ ต้องพิสูจน์หาความเชื่อมโยง การสืบสวนมุ่งเป้าไปที่ผู้ผลิตเอกสารนี้" พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว

@ "วิชา"พร้อมชงคดีสลายม็อบปี53

รายงานข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. แจ้งว่า การประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นายวิชา มหาคุณ ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีการสลายการชุมนุมทางการเมืองช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 จะรายงานความคืบหน้าคดีนี้ รวมทั้งสรุปรายงานกรณีมีผู้ร้องขอให้ถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในช่วงการชุมนุมทางการเมืองครั้งนั้นออกจากตำแหน่ง โดยมีข้อกล่าวหาเนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อว่าทุจริตต่อหน้าที่ 

ส่อว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานตามจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยอนุกรรมการไต่สวนฯเห็นว่าข้อมูลและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสรุปเรื่องให้ที่ประชุมพิจารณาว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาผู้ถูกร้องหรือไม่

@ ร้องเอาผิด3ประเด็นใหญ่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมืองช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ได้มีผู้ร้องเอาผิดนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เกี่ยวกับการสั่งการสลายการชุมนุมทางการเมืองข้อกล่าวหา อาทิ 1.กรณีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยใช้วิธีสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช.รุนแรงเกินไป ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์และไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 99 คน 2.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยยืนยันสั่งการให้มีการใช้กำลังอาวุธสลายการชุมนุม

ของกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.บริเวณแยกคอกวัว เป็นเหตุให้นายสวาท วางาม, นายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ และนายไพรศล ทิพย์ลม เสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณแยกคอกวัว แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 และ 3.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยภายหลังการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2553

@ ร้องต่อในคดีนักข่าวญี่ปุ่นถูกยิง

นอกจากนี้ ผู้ร้องยังยื่นให้ ป.ป.ช.พิจารณาถอดถอนนายอภิสิทธิ์ออกจากตำแหน่งโดยกล่าวหาเนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อว่าทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานตามจริยธรรมอย่างร้ายแรง ดังนี้ 1.ฆาตกรรมประชาชนโดยนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ พล.อ.อนุพงษ์ กับพวกร่วมกันใช้หรือสั่งการอันเป็นเหตุให้เกิดการ

กระทำความผิด เกิดการฆาตกรรมบุคคลจนถึงแก่ความตาย จำนวนหลายราย เช่น นายฮิโรยูกิ มูราโมโต ผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นประจำสำนักข่าวรอยเตอร์ นายมานะ อาจราญ พนักงานสวนสัตว์ดุสิต และบุคคลอื่นๆ ระหว่างวันที่ 10 เมษายน-19 พฤษภาคม 2553 และไม่ทบทวนวิธีการหรือหยุดยั้งการกระทำจากเหตุวันที่ 10 เมษายน 2553 กลับสั่งการให้ดำเนินการเช่นเดิม โดยเฉพาะเหตุการณ์วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 2.แทรกแซงการใช้อำนาจขององค์กรในขบวนการยุติธรรมกรณีการชันสูตรพลิกศพ โดยนำคดีการตายของประชาชนและเจ้าหน้าที่ รวมจำนวน 

91 ศพ ให้เสนอเป็นคดีพิเศษ โดยไม่ดำเนินการทำสำนวนชันสูตรพลิกศพตามกฎหมายและจงใจบิดเบือนและเบี่ยงเบนการบังคับการตามกฎหมาย ในเรื่องชันสูตรพลิกศพ และ 3.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องและระงับเหตุวางเพลิงศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์แล้วมีการทำร้ายและไล่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงออกจากศูนย์การค้าทำให้ไม่มีผู้ดับเพลิง

@ "อาเบะ"จี้"บิ๊กตู่"เร่งคืนปชต.

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวเอเอฟพีและสำนักข่าวต่างประเทศอีกหลายสำนักรายงานการแถลงข่าวร่วมหลังการหารือกันระหว่างนายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นว่า นายอาเบะใช้โอกาสนี้เรียกร้องให้รัฐบาลทหารของไทยคืนอำนาจสู่การปกครองโดยพลเรือนโดยเร็วที่สุด 

"นายกรัฐมนตรีประยุทธ์กำลังดำเนินความพยายามอย่างสุดความสามารถ ในการฟื้นฟูประชาธิปไตยในประเทศไทย ญี่ปุ่นมีความคาดหวังอย่างมากต่อความปรองดองแห่งชาติของไทย และการกลับคืนสู่การปกครองโดยพลเรือนโดยเร็วที่สุด" นายอาเบะกล่าว

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเร่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และมีแผนที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า โดยสัญญาที่จะสร้างประชาธิปไตยที่เข้มแข็งขึ้นในประเทศไทย

ในแถลงการณ์ร่วมยังระบุว่า ไทยและญี่ปุ่นได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาระบบรางรถไฟในไทย พร้อมรับรองถึงความสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายโดยความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่น ไทย และพม่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการเยือนประเทศญี่ปุ่นของ พล.อ.ประยุทธ์ได้มีการเผยแพร่ภาพจากเฟซบุ๊ก "เสรีไทย ปราบกบฏ 2014" โดยมีประชาชนกลุ่มหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ถือป้ายโจมตีรัฐบาลไทย พร้อมทั้งเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึก โดยมีข้อความทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่น นอกจากนี้ ผู้ร่วมชุมนุมยังได้แสดงสัญลักษณ์ชู 3 นิ้ว อย่างไรก็ตาม ภาพที่ปรากฏไม่ได้มีการระบุว่าอยู่ที่จุดใดในประเทศญี่ปุ่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มผู้ประท้วงและชูป้ายดังกล่าว มีประมาณ 30 คน ทั้งหมดเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น มารวมตัวกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์มีกำหนดการเข้าพบนายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในเวลา 17.55 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยคนกลุ่มนี้มาชุมนุมตั้งแต่เวลาประมาณ 12.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลาประมาณ 10.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ชุมนุมนานประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นไปตามกรอบเวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นอนุญาต จากนั้นทั้งหมดได้สลายตัวไปก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางมาถึง

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวกรณีดังกล่าวว่า สาระสำคัญไม่ได้อยู่ที่ใครออกมาต่อต้านรัฐบาลหรือไม่ แต่สาระสำคัญคือ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อทำงานของชาติ ซึ่งมีความสำคัญและจำเป็นในหลายประการ กลุ่มที่ไปเคลื่อนไหวก็เป็นสิทธิในประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตย อย่าไปวิตกกังวลเอามาเป็นประเด็นใหญ่ อย่าเอามาเป็นสาระสำคัญ เพราะสิ่งสำคัญคือภาระหน้าที่ต้องทำเพื่อชาติ

@ รวบ"หัสดิน"บิ๊กเครือข่าย"บรรพต"

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษก ตร.พร้อม พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) แถลงความคืบหน้าการสืบสวนขยายผลจับกุมเครือข่าย "บรรพต" ขบวนการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงรายสำคัญ ระบุว่า ศาลทหารกรุงเทพอนุมัติหมายจับผู้ที่ใช้นามแฝง "บรรพต" คือ นายหัสดิน อุไรไพรวัน อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 167 ถนนวิสุทธิ์กษัตริย์ แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กทม. ข้อหาหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

พล.ต.ต.ศิริพงษ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปอท.สนธิกำลังตรวจค้นบ้านพักนายหัสดิน ภายในซอยสุขุมวิท 101 พบอุปกรณ์ผลิตสื่อจำนวนหนึ่ง เอกสารทางการเงิน ตรวจสอบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารแต่ละเดือนหลักแสนบาท คาดว่ามาจากการจำหน่ายสินค้าให้กลุ่มผู้สนับสนุน จะส่งข้อมูลให้ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินต่อ

"นายหัสดินเคยไปร่วมชุมนุมกับ นปช.จากการสืบสวนไม่พบว่ากลุ่ม นปช.มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าว นอกจากนั้นนายหัสดินไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง อาศัยเป็นผู้ที่ติดตามข่าวสารทางอินเตอร์เน็ตตลอดเวลา จึงนำข้อมูลต่างๆ มาเรียบเรียง แต่งเรื่องขึ้นมาใหม่เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง แล้วชี้นำปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังต่อสถาบัน" ผบก.ปอท.กล่าว

ผบก.ปอท.กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ได้จับกุมสมาชิกระดับปฏิบัติการเพิ่มอีก 2 ราย คือ น.ส.สายฝน อินทสร อายุ 48 ปี ภรรยานายหัสดิน ที่บ้านพักย่านพระโขนง และจับกุม นายนที ผสมทรัพย์ อายุ 54 ปี ได้ที่ย่านฝั่งธนบุรี น.ส.สายฝนเป็นผู้เปิดบัญชีธนาคารให้ผู้อื่นโอนเงินมาช่วยเหลือการกระทำผิด เป็นการสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำผิดในการโพสต์คลิปเสียงชื่อ "บรรพต" ทางเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาหมิ่นสถาบัน นอกจากนี้ยังอัพโหลดคลิปเสียงและโพสต์ต่อกันไปอีกหลายทอด

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากแนวทางการสืบสวนมีผู้บงการที่อยู่เหนือกว่านายหัสดินหรือไม่ พล.ต.ต.ศิริพงษ์กล่าวว่า สมมุติฐานของตำรวจเชื่อว่าเป็นอย่างนั้น นายหัสดินเป็นเพียงผู้ผลิตสื่อเพื่อเผยแพร่ออกไป น่าจะมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังหรือระดับผู้บงการที่สูงกว่านี้

ล่าสุด มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้าจับกุมตัวนายหัสดินได้ที่โรงแรมเอวัน ตั้งอยู่ซอยศูนย์วิจัย 4 แขวงห้วยขวาง กทม. จากนั้น นำตัวไปสอบสวนเพื่อหาตัวบุคคลที่เป็นผู้บงการที่แท้จริง

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!