WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

รวบอีก 1 คุมสอบราบ 11 'กุนซือ'บึ้ม แฉวางแผนใน'ร้านนม'บิ๊กตู่เคารพไม่โต้บิ๊กตุ้ย ตร.ปัดจ้องล้าง'ชินวัตร' 'โด่ง'ปัดผบ.พล1ถามนำ เผยมี'บัญชีดำ'กลุ่มป่วน

    มติชนออนไลน์ : 'บิ๊กตู่'ไม่โต้'บิ๊กตุ้ย'ยันให้เกียรติพร้อมขอบคุณที่ให้กำลังใจ 'บิ๊กโด่ง' เผยมีแบล๊กลิสต์กลุ่มป่วน ป้อง ผบ.พล.1รอ.ทำตามหน้าที่ ไม่ได้ชี้นำวันแถลงข่าว ทหารรวบอีก 1 เครือข่ายบึ้มศาลอาญา นำตัวเค้นที่ราบ 11

@ ผบ.ตร.ไม่จ้อคดีบึ้มศาล

    เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าเหตุคนร้ายปาระเบิดอาร์จีดี 5 ใส่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อค่ำวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 5 คนคือ นายยุทธนา เย็นภิญโญ นายมหาหิน ขุนทอง ที่ก่อเหตุขว้างระเบิดและถูกจับกุมหลังก่อเหตุ น.ส.ณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง อายุ 57 ปี ภรรยานายมหาหิน น.ส.ธัชพรรณ ปกครอง อายุ 20 ปี ภรรยานายยุทธนา และนายวิระศักดิ์ โตวังจร อายุ 43 ปี หรือ "ใหญ่ พัทยา" ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี ว่าเนื่องจากได้ออกคำสั่งกำชับในเรื่องการให้ข่าว โดยให้ระมัดระวังเรื่องการนำเสนอข่าวคดีสำคัญที่อาจกระทบต่อการแนวทางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

"ยอมรับว่า เบื้องต้นมีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 4 คน แต่รายละเอียดหรือเบาะแสเครือข่ายที่เกี่ยวข้องนั้นไม่ขอเปิดเผย ให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนในการดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่" พล.ต.อ.สมยศกล่าว

@ ระบุนายกฯไม่เร่งรัดคดี

ต่อมา พล.ต.อ.สมยศให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงเหตุระเบิดที่ศาลอาญาว่า เจ้าหน้าที่จะตั้งอยู่ในความไม่ประมาท จะใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารทั้งนอกเครื่องแบบและในเครื่องแบบไปประจำหรือดูแลสถานที่ที่เชื่อว่าน่าจะมีการก่อเหตุ ทั้งนี้ ให้น้ำหนักหรือให้ความสำคัญกับทุกๆ สถานที่ที่คิดว่าอาจจะเป็นจุดเสี่ยง จุดที่น่าจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น เพื่อทำให้ประชาชนมีความรู้สึกมั่นใจความปลอดภัยในและชีวิตทรัพย์สิน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลักฐานอะไรที่จะขยายผลไปเหนือระดับปฏิบัติการที่จับกุมได้ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ต้องปล่อยให้พนักงานสอบสวนทำงาน ทุกอย่างต้องเป็นไปตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พูดเสมอว่า การสืบสวนสอบสวนและการดำเนินคดีต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริงพยานหลักฐาน จะไม่มีการกลั่นแกล้งให้ร้ายป้ายสี และยังบอกว่าไม่มีการเร่งรัด เร่งรีบ ไม่มีการกดดันการทำงานของพนักงานสอบสวน ที่สำคัญคือต้องละเอียดรอบคอบและถูกต้อง

@ หลักฐานยังไม่ถึง'ชัยสิทธิ์'

เมื่อถามถึง พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.สส. และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น. ยินดีที่จะให้ข้อมูล จะเชิญมาให้ข้อมูลหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน ถ้าต้องการให้เป็นที่ประจักษ์หรือหมดข้อสงสัยก็อาจจะเชิญมา เพื่อให้ปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้อง

"เมื่อวาน (9 มีนาคม) ผมได้ดูทีวี ท่าน พล.อ.ชัยสิทธิ์ยืนยันว่ารู้จักกับคุณณัฏฐพัชร์ ภรรยาของนายมหาหิน เคยทานข้าวด้วยหลายครั้ง และการที่ท่านให้นามบัตรไปก็ด้วยว่ารู้จักเป็นการส่วนตัวและคุ้นเคยก็เลยให้ไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่าท่านจะต้องเข้ามาเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือสนับสนุนในการกระทำความผิด อันนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับท่าน" พล.ต.อ.สมยศกล่าว 

@ ยันไม่ได้โยงตระกูลชินวัตร

เมื่อถามว่า พล.อ.ชัยสิทธิ์ระบุว่า มีความพยายามจะโยงให้ตระกูลชินวัตรเข้ามาเกี่ยวข้อง พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า คงไม่จริง เพราะยังไม่เห็นมีทหารและตำรวจคนไหนพูดเลยว่า พล.อ.ชัยสิทธิ์มีส่วนเกี่ยวข้อง สิ่งที่ปรากฏก็ไม่ได้หมายความว่า พล.อ.ชัยสิทธิ์มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเหลือสนับสนุน จนกว่าพนักงานสอบสวนจะเป็นผู้สอบสวนหรือหาข้อมูลหลักฐานไปสู่ความเกี่ยวข้องเชื่อมโยง เวลานี้ยังยืนว่ายังไม่มีหลักฐานหรือยังไม่มีประเด็นที่จะกล่าวอ้างว่า พล.อ.ชัยสิทธิ์เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงหรือสนับสนุน

เมื่อถามว่าเหตุระเบิดพารากอนและศาลอาญามีอะไรที่เชื่อมโยงกัน พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสรุปได้ว่าน่าจะเกิดจากพื้นฐานของการเมือง ที่กลุ่มบุคคลที่มีแนวคิดไปในทิศทางเดียวกันหรือเหมือนกันย่อมที่จะมีแนวทางหรือความต้องการที่จะปฏิบัติเป็นในทิศทางเดียวกัน ก็ต้องเชื่อว่าหรือเชื่อได้ว่า บุคคลเหล่านี้มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระเบิดที่ใช้เหมือนหรือคล้ายคลึงกัน เพราะฉะนั้นก็คงหนีไม่พ้นเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันแต่แตกต่างที่วิธีการ

@ ทหารควบคุมตัวเพิ่มอีกราย

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยว่า หลังออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้ว 5 ราย ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 4 ราย มีพฤติการณ์ร่วมกันวางแผนเพื่อก่อเหตุขว้างระเบิดที่ศาลอาญา ทั้งนี้ ทหารสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาตามกฎอัยการศึกเพิ่มอีก 1 คนคือ นายวิชัย หรือตั้ม ไม่ทราบนามสกุล ขณะนี้อยู่ระหว่างรอทหารส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดที่ถูกควบคุมตัวไว้แล้ว 5 ราย มาสอบสวน หากพบว่ามีความเชื่อมโยงกับบุคคลใดจะมีการออกหมายจับเพิ่มทันที 

"2 นายพลที่มีทั้งตำรวจและทหาร ที่ปรากฏชื่อในสมุดบัญชีที่ยึดได้จากผู้ต้องหานั้น ขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการ หรือเรียกมาสอบถามแต่อย่างใด และ 2 นายพล ก็ไม่ได้มีการประสานเข้ามาให้ปากคำแต่อย่างใด" พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าว

@ พยานวัตถุเชื่อมโยงหลายคดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์มีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดบริเวณทางเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสยาม พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ระเบิดอาร์ดีจี 5 ล็อตนัมเบอร์ 57 มีความคล้ายคลึงกับเหตุระเบิดบริเวณปากซอยรามอินทรา 26 พื้นที่ของ สน.โคกคราม เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2557, เหตุระเบิดที่บริเวณอาคารสำเพ็งสแควร์ ถนนราชวงศ์ แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ เขตพื้นที่ สน.จักรวรรดิ เมื่อปี 2557 และเหตุระเบิดที่ จ.ชลบุรี ทั้งนี้ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาคดีของศาล

พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า จากพยานวัตถุมีการพาดพิง ส่วนพยานบุคคลและพยานเอกสาร ตำรวจยังไม่ได้รับจากทางทหาร ดังนั้นยังไม่สามารถตอบได้ว่า ผู้ต้องหาเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ แนวทางสืบสวนสามารถตอบได้เพียงพยานวัตถุคือ เศษกระเดื่อง และเศษที่เหลือจากการระเบิด ว่าเป็นชนิดเดียวกับที่เคยมีเหตุระเบิดในปี 2557

@ เปิดชื่อ4ผู้ต้องหาหมายจับ

"ที่สามารถออกหมายจับได้ขณะนี้ เป็นข้อมูลจากทางกองทัพที่ได้รวบรวมไว้ ทั้งนี้ขอยืนยันว่า เหตุระเบิดดังกล่าวไม่ใช่การสร้างสถานการณ์เพื่อให้กฎอัยการศึกยังมีผลต่อ เพราะผู้ต้องหาที่พบเบื้องต้นมีมากถึง 9 คน คงไม่มีใครที่จะรับจ้างติดคุกมากขนาดนี้" พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวน บช.น. ขออนุมัติศาลทหารกรุงเทพออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 4 ราย ได้แก่ นายณเรศ อินทรโสภา อายุ 32 ปี นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน อายุ 63 ปี นายชาญวิทย์ จริยานุกูล อายุ 61 ปี และนายวิชัย หรือตั้ม อยู่สุข อายุ 49 ปี ทั้งหมดอยู่ร่วมในการประชุมเพื่อเตรียมวางแผนที่ร้านนมแห่งหนึ่งที่ จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 14-15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นร้านของนายณเรศ ทำหน้าที่ในการเตรียมจัดหาสถานที่ ส่วนนายมหาหิน และ น.ส.ณัฏฐพัชร์ ภรรยา ไปร่วมประชุมด้วยและเป็นผู้นำคนมาร่วมในการก่อเหตุดังกล่าว

@ เป้าหมาย100จุดมี'ราม'ด้วย

"ที่ประชุมได้มีการวางแผนเคลื่อนไหวก่อเหตุความรุนแรง โดยอ้างการประชุมธุรกิจเกี่ยวกับน้ำดื่มบังหน้า และที่ประชุมได้มีข้อสรุปเรื่องจัดตั้งองค์กรภาคีภาคประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และประกาศให้ทางกลุ่มติดตามเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหมิ่นเบื้องสูง แล้วนำข้อมูลไปเผยแพร่ต่อ ทั้งนี้ ทางกลุ่มยังมีการผลิตน้ำดื่มคอลลาเจนและสบู่ออกจำหน่ายเพื่อหาทุนในการเคลื่อนไหว ส่วนนายสรรเสริญ นายชาญวิทย์ นายวิชัย เป็นคนบรรยายแนวคิด แผนการสร้างสถานการณ์ รวมถึงเหตุระเบิดที่ศาลอาญาด้วย" แหล่งข่าวกล่าว

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การกำหนดแผนที่จะก่อเหตุกว่า 100 จุด ในวันที่ 15 มีนาคมนี้นั้น หนึ่งในนั้นคือมหาวิทยาลัยรามคำแหง และขณะนี้มีรายงานจากทางฝ่ายทหารว่า ทหารได้จับกุมนายวิชัย อยู่สุข ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา และใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกนำตัวไปสอบสวนที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.)

@ 'บิ๊กตู่'ไม่โต้-ขอบคุณ'บิ๊กตุ้ย'

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงระเบิดบริเวณที่ศาลอาญา ว่ามีความคืบหน้าแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังสืบต่อ มันมีโยงใย ตั้งแต่เหตุการณ์ปี 2553, 2556 และปี 2557 เนื่องจากมีงานข่าวอยู่แล้วว่ามีใครเกี่ยวพันอยู่ที่ไหน อย่างไร แต่ทั้งหมดไม่สามารถบอกในรายละเอียดได้ เป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงทำงานและติดตามอยู่ ใครที่เกี่ยวข้องถ้ามีหลักฐานพอเพียงก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย หากไม่เพียงพอก็ต้องสอบต่อไป 

"ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ต้องตกใจว่าเราจะไปเล่นงานใคร ถ้าใครทำก็ต้องถูกสอบสวน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ผมไม่มีฝ่ายกับใคร ต้องการทำให้บ้านเมืองสงบ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ฟังการชี้แจงของ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า "ผมก็ให้เกียรติท่านและคงไม่ตอบโต้อะไรกับท่าน ก็เป็นเรื่องของท่าน ท่านมีสิทธิชี้แจง ส่วนที่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ให้กำลังใจผมนั้นก็ต้องขอขอบคุณ ขอบคุณครับ และต้องขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ"

@ บิ๊กโด่งเสียใจมีกลุ่มเห็นต่าง

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงเหตุระเบิดที่ศาลอาญาว่า ฝ่ายความมั่นคงได้ติดตามสถานการณ์อยู่ ซึ่งต้องร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบหาข้อมูลต่อไป ขอให้ประชาชนอย่าตกใจและให้มีความไว้วางใจเจ้าหน้าที่ เพราะฝ่ายความมั่นคงมี

การติดตามข่าวสาร บูรณาการกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อดูแลสถานการณ์ ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา 

"น่าเสียใจนะครับ ที่ยังมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งซึ่งมีแนวความคิดที่ไม่เป็นไปในทางเดียวกันกับคนส่วนใหญ่ ยังมีความพยายามที่จะก่อปัญหาให้เกิดขึ้น อันนี้ต้องพยายามทำความเข้าใจกันต่อไป แล้วใครที่ยังอยู่ในกระบวนการเหล่านี้เราต้องหาวิธีระงับเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อไป" พล.อ.อุดมเดชกล่าว และว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ดูแลพื้นที่ต่างๆ อย่างทั่วถึง โดยฝ่ายความมั่นคงทั้งทหารและตำรวจ ได้ประสานงานกันอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว

@ ป้องผบ.พล.1รอ.-ปัดชี้นำ

ต่อมา พล.อ.อุดมเดชให้สัมภาษณ์อีกครั้งที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก กรณี พล.อ.ชัยสิทธิ์จะฟ้องเจ้าหน้าที่ทหารถามนำผู้ต้องหาคดีระเบิดศาลอาญา ว่าในส่วนของ พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) ไม่ได้ไปพูดเพื่อชี้นำ ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ตามอำนาจหน้าที่มี ผบ.พล.1 รอ.เป็นผู้ปฏิบัติงานภายใต้คำสั่งของแม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) และรับคำสั่งมาจาก ผบ.ทบ.อีกทอดหนึ่ง

"พื้นที่ที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ ผบ.พล.1 รอ. ซึ่งท่านปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง ผมฟังแล้วก็ไม่ได้ไปก้าวล่วงใคร แต่วันนั้นจะมีนายทหารพระธรรมนูญด้วย และเจ้าหน้าที่มีการสอบถามผู้ต้องหาจนได้ข้อมูลเบื้องต้นก่อนที่จะนำมาแถลงข่าว ถือเป็นการถามย้ำข้อมูลที่ได้มากับผู้ต้องหาอีกครั้งหนึ่ง เพราะเป็นข้อมูลที่อยู่ในความสนใจของเจ้าหน้าที่" พล.อ.อุดมเดชกล่าว

@ ยันเคารพขรก.ชั้นผู้ใหญ่

พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ยืนยันว่าให้ความเคารพ ไม่ว่าจะเป็นประชาชน ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ในราชการ หรือเกษียณอายุราชการไปแล้ว ในส่วนของเจ้าหน้าที่ก็ต้องระมัดระวัง ด้วยการให้ความเคารพและความเป็นธรรม การจะทำอะไรต่างๆ ในปัจจุบันนี้ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าจะถูกจับจ้องว่าดำเนินการด้วยความเรียบร้อยและยุติธรรมหรือไม่ ไม่คิดว่าจะมีใครที่มีเจตนาเช่นนั้น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาก็จะต้องมีความจำเป็นที่จะต้องชี้แจง เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ และเป็นเรื่องร้ายแรงที่มีการใช้วัตถุระเบิด ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปก้าวล่วงใคร

พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่จะต้องเข้มงวดในการดูแลพื้นที่ให้มากขึ้น ที่ผ่านมาทหารและตำรวจมีความระมัดระวังอยู่แล้ว ตั้งแต่เกิดเหตุที่รถไฟฟ้าบีทีเอส บริเวณห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน

@ เผยมีแบล๊กลิสต์กลุ่มป่วน

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ชัยสิทธิ์ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น. และกลุ่มคนเสื้อแดง มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาอย่างไร พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า เรื่องรายชื่อนั้นจะไม่ระบุว่ามีใครบ้าง เพราะมีมากหลายคนด้วยกัน ในส่วนที่เป็นหลักฐานที่เกิดขึ้นจะต้องมีการสอบข้อเท็จจริง เมื่อมีการเอ่ยชื่อใครขึ้นมาจะรู้ทันทีว่า ชื่อของคนนั้นอยู่ในกลุ่มใด 

"ในรายชื่อที่เรามีอยู่ทั้งหมด ไม่จำเป็นว่าทุกคนจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว แต่ต้องยอมรับว่าบางคนที่เรามีรายชื่อมีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความแน่นหนาในเรื่องของความเชื่อมโยงต่างๆ อย่างไรก็ตาม เราจะต้องเอาข้อเท็จจริงออกมาให้ได้ ดังนั้นใครก็ตามที่มีความคิดจะก่อเหตุความรุนแรงขอให้เลิก เพราะประเทศชาติเราก็เดินมาด้วยดีแล้ว อีกไม่นานทุกอย่างก็จะเป็นไปตามโรดแมปที่นายกรัฐมนตรีกำหนดไว้" พล.อ.อุดมเดชกล่าว และว่า ส่วนที่ผู้ต้องหาระบุว่ามีการเตรียมก่อเหตุ 100 จุด ในวันที่ 15 มีนาคมนั้น คิดว่าต้องมีการสอบสวนถึงการโยงใย เพราะเบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือทำ จึงต้องหาคนที่เกี่ยวข้องว่าเป็นผู้ใดบ้าง จะต้องนำมาลงโทษทั้งสิ้น

@ 'บิ๊กป้อม'บอกเป็นหน้าที่ตร.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังประชุม ครม.ว่า ไม่มีการรายงานเรื่องระเบิดใน ครม. ทุกอย่างเรียบร้อย เรื่องจบไปแล้ว จะถามย้อนทุกวันทำไม ช่วงนี้เป็นเรื่องของตำรวจที่ต้องทำหน้าที่ ยังไม่ถึงขั้นต้องรายงานให้ ครม.ทราบ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มเสรีชนที่คนร้ายอ้างถึงนั้นมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มเสรีไทย ที่มีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นเลขาธิการหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "อย่าไปถามไกล ผมยังไม่รู้ ข้อมูลยังไม่มี เรื่องนี้ละเอียดอ่อน ต้องดูว่าใครบ้างที่เกี่ยว ต้องสอบสวนกันไป ก่อนที่จะโยงไปถึงใครก็ว่ากันไป"

ขณะที่นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม.ถึงการเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มเสรีชนกับกลุ่มเสรีไทย ว่า ไม่อยากชี้ชัดว่าเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ แต่ต้องติดตามความเคลื่อนไหวว่าสอดรับกันหรือไม่ ขณะนี้เชื่อว่ามีหลายกลุ่มพยายามเคลื่อนไหว 

@ 'บิ๊กป๊อก'ซัดย้อนยุคป่าเถื่อน

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังประชุม ครม.ว่า ที่ประชุม ครม.ไม่มีการพูดคุยเรื่องระเบิดที่ศาลอาญา โดยหลักการแล้วทุกหน่วยงานต้องเพิ่มการดูแลให้เข้มข้นในพื้นที่ของตัวเองตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วย หากพูดเกินไปก่อนจะวิตกกันไป 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่มีประกาศกฎอัยการศึกถือว่าเป็นการท้าทายหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ทุกคนต้องช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบ ที่พอใจหรือไม่พอใจก็นำระเบิดมาใช้ เป็นเรื่องที่ย้อนยุค ป่าเถื่อน และไม่ใช่ระบอบของประชาธิปไตยที่ต้องอยู่บนหลักของกฎหมาย ถ้าสาวไปแล้วจับตัวคนร้ายได้ก็จะเห็นชัด หากสาวไม่ถึงก็เป็นเรื่องของสังคม 

เมื่อถามกรณีมีข่าวว่า หน่วยงานความมั่นคงส่งหนังสือไปยังหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ 42 แห่งให้มีมาตรการดูแลเข้มข้นขึ้น พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า "หากสั่งตามหน้าที่ก็รับทราบกันไปว่ามีมาตรการอะไร แต่สื่ออย่าไปเขียนให้เกิดความวิตกเพื่อประโยชน์ของเรา"

@ 'สุภรณ์'แจ้งป.ไม่เกี่ยวข้อง

ด้านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ "แรมโบ้อีสาน" อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช.) เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.กำธร นิยม พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อลงบันทึกประจำวันกรณีมีการจับกุมผู้ต้องหาขว้างระเบิดใส่ศาลอาญา และมีการนำผ้าพันคอของ อพปช.มาเป็นหลักฐานในการแถลงข่าวว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว

นายสุภรณ์กล่าวว่า เหตุที่ต้องมาขอให้ตำรวจลงบันทึกประจำวัน เพราะต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา และ อพปช.ได้แถลงยุบองค์กรและยุติบทบาทไปตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2557 ส่วนตัวไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองอีก โดยยืนยันว่าไม่ขอเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองอีกต่อไป

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!