WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8873 ข่าวสดรายวัน


ตร.ดักจับพ่อเฌอ เดินต้าน ไม่ขึ้นศาลทหาร 
วันนี้ก็จะเดินอีก บิ๊กตู่เจอที่ญี่ปุ่น ม็อบยกป้ายค้าน 'ปื๊ด'บินเยอรมัน ดูงาน-เลือกตั้ง


ไทย-ญี่ปุ่น - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หารือทวิภาคีกับนายชินโซ อาเบะ นายกฯ ญี่ปุ่น ถึงความร่วมมือพัฒนาระบบรางและสินค้าเกษตร ระหว่างร่วมประชุมด้านภัยพิบัติที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 

      'บิ๊กตู่'ขึ้นเวทียูเอ็นว่าด้วยเรื่องภัยพิบัติ ที่ญี่ปุ่นได้หารือทวิ ภาคี กับ 'ชินโซ อาเบะ' เจอมือดีโพสต์รูปม็อบชูป้ายต้านว่อนเฟซบุ๊ก รัฐบาลเตรียมแถลงผลงาน 6 เดือน 10 เม.ย.นี้ โหมโปรโมตงานผ่านวิทยุ-ทีวี 'บวรศักดิ์' นำคณะบินไปเยอรมัน ศึกษาระบบเลือกตั้งนำมาปรับใช้กับไทย กลุ่มพลเมืองโต้กลับรุกกิจกรรมค้านนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร 'พ่อเฌอ' ถูกตำรวจจับส่ง สน.ปทุมวัน หลังเดินเท้าออกจากบ้านย่านบางบัวทอง เจ้าตัวแจ้งกลับทันทีข้อหาข่มขืนใจ ผบช.น.1 ยันเจ้าหน้าที่จับได้เหตุขัดคำสั่งคสช. ประชาคม สธ.ยังลุยค้านเด้งหมอณรงค์พ้นปลัด ยันเคลื่อนไหวอย่างสงบ 

'บิ๊กตู่'จ่อแถลงผลงาน 6 เดือน

     เมื่อวันที่ 14 มี.ค. รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า การชี้แจงผลงานของรัฐบาลที่มอบหมายให้แต่ละกระทรวงเร่งดำเนินการและชี้แจงต่อประชาชนให้เกิดความเข้าใจนั้น ทางทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เชิญโฆษกกระทรวงต่างๆ ประชุมร่วมกันในวันที่ 16 มี.ค. เพื่อนำเสนอและแลกเปลี่ยนข้อมูลเตรียมการสำหรับการแถลงผลงานรัฐบาลครบ 6 เดือน ที่จะจัดขึ้นในเช้าวันที่ 10 เม.ย.นี้ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยจะถ่ายทอดสดผ่านทางสื่อต่างๆ ให้ประชาชนรับทราบ

     สำหรับ รูปแบบการแถลงผลงานครั้งนี้มีการปรับเล็กน้อย จึงอาจใช้เวลาน้อยกว่าครั้งที่ผ่านมา โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเป็นผู้แถลงในภาพรวมการทำงาน ส่วนรายละเอียดของงานแต่ละด้านมีรองนายกรัฐมนตรี 5 คน เป็นผู้ช่วยนายกฯ ตอบข้อซักถามเพิ่มเติมในบางประเด็น ไม่ใช่แยกแถลง 5 คน 5 ด้าน อย่างไรก็ตามแต่ละกระทรวงอาจมีการแถลงผลงานของตัวเองก่อนถึงวันแถลงผลงานรวมในวันที่ 10 เม.ย.

เพิ่มช่องตีปี๊บผ่านวิทยุ-ทีวี 

      รายงานข่าวเปิดเผยว่า รัฐบาลจะเพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์การทำงานของรัฐบาล นอกจากการจัดทำจดหมายข่าวทำเนียบรัฐบาลเพื่อประชาชน สรุปผลงานในแต่ละสัปดาห์แจกจ่ายในพื้นที่สาธารณะแล้ว จะมีการจัดทำรายการวิทยุ ออกอากาศทั่วประเทศผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประ เทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ในช่วงเช้าของทุกวัน วันละ 5 นาที ซึ่งจะเป็นรายงานการดำเนินงานของรัฐบาลและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม 

     ขณะเดียวกัน จะทำรายการโทรทัศน์ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศ ไทย ช่อง 11 ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 21.30 น. ความยาว 30 นาที เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค.นี้ โดยเป็นรายการสนทนาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับงานของรัฐบาล พร้อมกับให้ข้อมูลเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นๆ เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจให้กับประชาชน

โชว์วิสัยทัศน์ลดภัยพิบัติ

    วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของพล.อ.ประยุทธ์ และคณะ ประกอบด้วย พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รมว.ต่างประเทศ นพ. รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัย พิบัติ ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 13-14 มี.ค.ที่เมือง เซนได ประเทศญี่ปุ่น ว่า ในช่วงเช้าพล.อ. ประยุทธ์ออกจากโรงแรมที่พัก กรุงโตเกียว ไปยังเมืองเซนไดโดยรถไฟความเร็วสูง เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมอย่างเป็นทางการ ณ เซนได อินเตอร์เนชั่นแนล เซ็นเตอร์ ซึ่งมีผู้นำระดับประมุขของรัฐและหัวหน้ารัฐบาลมากกว่า 20 ประเทศเข้าร่วมประชุม เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนายกฯ และคณะเดินทางกลับประเทศไทย ในวันเดียวกันนี้ โดยเครื่องบินพิเศษของกองทัพอากาศ ถึงท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) เวลา 23.50 น. 

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ของไทยเกี่ยวกับการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ที่ให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างความตระหนักรู้ของประชาชน การลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยง ระบบเตือนภัยล่วงหน้า ตลอดจนการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้ชุมชนรับมือกับภัยพิบัติ และหัวใจสำคัญของนโยบายและกรอบการทำงานของรัฐบาลในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ คือ การดึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน สตรี เยาวชนและสื่อมวลชน เข้ามามีส่วนร่วมเพราะการลดความเสี่ยงจากเหตุภัยพิบัติเป็นภาระหน้าที่ของทุกคน

แนะเชื่อมสายด่วนแจ้งเหตุ 

      นายกฯ กล่าวว่า ประเทศต่างๆ ควรพัฒนาเครือข่าย สายด่วน ช่องทางติดต่อระหว่างผู้นำ และจุดติดต่อสื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล การแจ้งเตือนภัยที่ทันเหตุการณ์และมีประสิทธิภาพระหว่างกัน โดยเฉพาะระบบการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าที่เชื่อมโยงกันทั้งในและนอกภูมิภาค ผ่านเทคโนโลยีดาวเทียมและเทคโนโลยีอื่นๆ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากโซเชี่ยลมีเดีย ในการเผยแพร่ข้อมูลเพื่อให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางและกลุ่มเสี่ยง เช่น สตรี เด็ก ผู้พิการ ผู้สูงอายุ แรงงานข้ามชาติ ได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสม และเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็น

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับภาคเอกชนจะต้องลงทุนอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและ สิ่งแวดล้อม ไม่ทำร้ายธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อชนรุ่นหลัง เช่น การลงทุนจะต้องไม่ขวางทางน้ำไหล ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมขึ้นได้ภายหลัง ต้องไม่ก่อให้เกิดความเสื่อม โทรมของทรัพยากร ขณะที่ภาคประชาสังคมและนักวิชาการจะต้องช่วยสนับสนุนรัฐบาล ช่วยตรวจสอบการดำเนินงาน ทั้งในส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น เพื่อความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานความช่วยเหลือ และร่วมสร้างจิตสำนึกและวัฒนธรรมเตรียมความพร้อมและการลดความเสี่ยงต่อภัยพิบัติให้แก่สาธารณชน อย่างไรก็ตามแต่ละประเทศมีศักยภาพในการพัฒนาที่แตกต่างกัน ความร่วมมือระหว่างประเทศ และหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาจึงมีความสำคัญยิ่ง

ถกนายกฯญี่ปุ่น-เลขาฯยูเอ็น

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโอกาสเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีญี่ปุ่น นอกจากนี้ได้หารือทวิภาคีกับนายชินโซ อาเบะ นายกฯ ญี่ปุ่น และนายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชา ชาติ (ยูเอ็น) ด้วย

     ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการหารือระหว่างพล.อ.ประยุทธ์กับนายกฯ ญี่ปุ่นว่า นายกฯ ทั้งสองประเทศ ได้ติดตามความร่วมมือด้านต่างๆ โดยเฉพาะความร่วมมือระบบราง โดยเห็นตรงกันที่จะเร่งผลักดันความ ร่วมมือตามบันทึกเจตนารมณ์ (เอ็มโอไอ) เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยกระทรวงคมนาคมของไทย อยู่ระหว่างการจัดตั้งคณะทำงานระดับรัฐมนตรี คาดว่าจะมีการประชุมได้เร็วๆ นี้ สำหรับความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำ ไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับญี่ปุ่น ขณะนี้รัฐบาลได้ทบทวนโครงการบริหารจัดการน้ำใหม่ทั้งหมด และอยู่ระหว่างการดำเนินการจะให้เปิดประมูลโครงการ ซึ่งไทยพร้อมหากญี่ปุ่นสนใจจะส่งคณะมาพูดคุยกับฝ่ายไทยในรายละเอียด

     ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า ขณะที่การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ทางญี่ปุ่นแสดงความสนใจ พร้อมเสนอให้มีการหารือระหว่างผู้นำสามฝ่าย (ไทย-ญี่ปุ่น-เมียนมาร์) ระหว่างการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น ที่โตเกียว ในเดือนก.ค.นี้ ส่วนความร่วมมือด้านความมั่นคง ความร่วมมือไทยและญี่ปุ่น คาดหวังว่าในอนาคตจะสามารถยกระดับเป็นระดับรัฐมนตรีเพื่อหารือในเรื่องที่เป็นนโยบายและขยายความร่วมมือในกรอบกว้าง โดยเฉพาะเรื่องอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ 

ยันนักธุรกิจยุ่นเชื่อมั่นไทย

      โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์และนายกฯ ญี่ปุ่นยังได้หารือเพื่อส่งเสริมการเปิดตลาดสินค้าเกษตร โดยขอให้ญี่ปุ่นนำเข้าสินค้าเกษตรของไทยเพิ่มขึ้น เช่น เนื้อสุกรแปรรูป และผลไม้ อาทิ ขอให้ช่วยเร่งรัดกระบวนการเปิดตลาดมะม่วงอีก 2 สายพันธุ์ คือเขียวเสวย และโชคอนันต์ ซึ่งญี่ปุ่นได้บรรจุมะม่วงทั้งสองชนิดไว้ในรายการที่จะต้องดำเนินการประเมินความเสี่ยง นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้มีการเจรจาการค้าสินค้ารอบใหม่ภายใต้เจเทปป้าโดยเร็ว ซึ่งไทยเห็นญี่ปุ่นเป็นตลาดใหญ่ที่มีความสำคัญมากสำหรับสินค้าไทย 

      ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงผลสำเร็จของการเดินทางเยือนญี่ปุ่นเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมาว่าได้รับฟังข้อเสนอแนะของภาคเอกชนที่เป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมด้านการลงทุนของญี่ปุ่นในไทย และได้กลับไปสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ให้ยืดหยุ่น โดยดำเนินการไปบางส่วนแล้ว ขณะที่ผลการสำรวจของไทยพบว่าภาคเอกชนญี่ปุ่นมีความเชื่อมั่นมากขึ้นและสนใจที่จะลงทุนและดำเนินธุรกิจในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการวิจัยและพัฒนา และการพัฒนาบุคลากร เช่นเดียวกับการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ จึงขอให้ญี่ปุ่นเดินหน้าผลักดันการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งไทยเป็นฐานการผลิตขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น จะได้ช่วยสนับสนุนธุรกิจของญี่ปุ่นให้ขยายไปในอาเซียนอย่างเข้มแข็งต่อไป


รุกเดิน - นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ พ่อ "น้องเฌอ" กลุ่มพลเมืองโต้กลับ ถูกควบคุมตัวที่สน.ปทุมวัน หลังจัดกิจกรรมรุกเดินหาความยุติธรรม ก่อนได้รับการปล่อยตัวโดยจนท.ไม่แจ้งข้อหาแต่อย่างใด เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 

ว่อนเฟซบุ๊กม็อบต้านหน้าที่พัก

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก 'เสรีไทย ปราบกบฏ 2014'ได้เผยแพร่ภาพบุคคลกว่า 10 คน ยืนถือป้ายผ้าเขียนข้อความประท้วง นายกฯ อาทิ "คัดค้านองค์ลากตั้งไม่เอานายกฯ ลากตั้ง" ทั้งภาษาไทยและภาษาญี่ปุ่นพร้อมโบกธงชาติไทย โดยอ้างว่าเป็นบรรยากาศหน้าโรงแรมอิมพีเรียล โตเกียว ที่พล.อ. ประยุทธ์เข้าพักระหว่างไปประชุมที่ญี่ปุ่น 

     นอกจากนี้ การเผยแพร่ภาพดังกล่าวยังปรากฏในหน้าเฟซบุ๊ก "Pavin Chachavalpongpun" ของนายปวิณ ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ ซึ่งเป็นบุคคลที่คสช.เรียกรายงานตัว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ชูป้ายในลักษณะดังกล่าว เคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ และคณะเดินทางเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการตามคำเชิญนายกฯ ญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 8-10 ก.พ. ที่ผ่านมา 

      พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่คิดจะตรวจสอบ เรื่องที่เกิดนั้นหากเกิดในต่างประเทศจะให้ทำอย่างไร ขณะนี้รัฐบาลกำลังทำในสิ่งที่ต้องรับผิดชอบให้เป็นไปตามโรดแม็ปที่ประกาศไว้กับประชาชน นายกฯ มีวาระการทำงานที่ต้องเดินทางไปประเทศต่างๆ เพื่อทำงาน ดังนั้นใครจะทำอะไรเป็นเรื่องของเขา และนายกฯ ก็ไม่ได้ให้นโยบายใดในเรื่องเหล่านี้ เราไม่มีแนวทาง ไม่ต้องทำอะไร ทุกอย่างเหมือนลมพัดใบไม้ไหว ถ้าไปใส่ใจทุกเรื่องทุกคน คงไม่ต้องทำอะไร

บวรศักดิ์-เสธ.อู้บินไปเยอรมัน

       พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเยอรมนีเชิญตัวแทนกมธ. ยกร่างฯ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปดูระบบรัฐสภาและการเลือกตั้งของเยอรมันระหว่างวันที่ 15-20 มี.ค.นี้ โดยมีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ นำคณะไปว่า รัฐบาลเยอรมันคงเห็นว่าขณะนี้ประเทศไทยอยู่ระหว่างการร่างรัฐธรรมนูญ และมีการนำเสนอระบบเลือกตั้งและรัฐสภาใกล้เคียงกับของเยอรมันที่ใช้ระบบดังกล่าวมากว่า 60 ปี ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่เราจะไปศึกษาว่าระบบของเยอรมันมีข้อดีข้อเสียอย่างไร อีกทั้งยังมีโอกาสไปพบกับนักการเมืองและประธานศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมันด้วย เมื่อเราไปศึกษาก็จะดูว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์ที่จะนำมาปรับใช้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยได้ 

      ส่วนกรณีกมธ.ยกร่างฯ ปรับเปลี่ยนให้ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อเป็นแบบโอเพ่นลิสต์ คือการให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งเลือกอันดับส.ส. บัญชีรายชื่อ พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า ระบบบัญชีรายชื่อแบบเปิด ในแง่ทฤษฎีและหลักการถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่พรรคการเมืองอาจไม่ชอบ รวมทั้งกรณีที่ในร่างรัฐธรรมนูญระบุให้ใช้เครื่องเลือกตั้งอิเล็กทรอนิกส์ได้นั้น อาจยังไม่จำเป็นต้องใช้ในเร็วๆ นี้ เพราะกกต.กำลังพัฒนาเรื่องนี้อยู่ เราเขียนไว้เพื่อให้เป็นทางเลือก หากต่อไปในภายภาคหน้าถ้าเครื่องเลือกตั้งอิเล็กทรอนิกส์พร้อมก็สามารถนำมาใช้ได้เลย ไม่ต้องคอยแก้รัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ร่างรัฐธรรมนูญนี้ยังสามารถแก้ไขได้อยู่ ยังไม่มีอะไรตัดสินหรือเป็นที่สิ้นสุด

ศึกษาระบบเลือกตั้ง

     ด้านน.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธานสปช.คนที่ 2 ซึ่งร่วมเดินทางไปด้วยกล่าวว่า การที่รัฐบาลเยอรมันเชิญหน่วยงานจากประเทศไทยไปดูระบบการเมืองของเยอรมันเป็นสิ่งที่ดี เพราะในเมื่อประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการปฏิรูปและการร่างรัฐธรรมนูญ จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะไปศึกษาว่าระบบของเยอรมันมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง ซึ่งการเชิญครั้งนี้ ทางเยอรมันได้แสดงเจตนาชัดเจนว่าต้องการให้เราไปศึกษา ไม่ใช่เป็นการยัดเยียดให้เอาระบบนี้มาใช้ อีกทั้งหากไปศึกษาด้วยตนเองคงจะดีกว่าการศึกษาเพียงจากเอกสาร

      นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. ซึ่งร่วมเดินทางไปด้วย กล่าวว่า เนื่องจากกมธ. ยกร่างฯ เตรียมที่จะใช้ระบบส.ส.แบบสัดส่วนเป็นลักษณะที่ประเทศเยอรมันใช้ เราจึงต้องไปศึกษาดูว่าระบบนี้เป็นอย่างไร มีวิธีการนับคะแนนเลือกตั้งอย่างไร และจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยหรือไม่เมื่อนำมาปรับใช้ เพราะต้องคำนึงถึงวัฒนธรรมการเมืองของประเทศเราด้วย ซึ่งทางกกต.ต้องเตรียมความพร้อมในทางปฏิบัติให้มากที่สุด แต่จะเอามาใช้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับกมธ.ยกร่างฯ เนื่อง จากกกต.ทำได้เพียงเสนอความเห็นในฐานะองค์กรที่จัดการเลือกตั้ง 

      เมื่อถามถึงข้อเสนอของกมธ.ยกร่างฯ ที่จะเปลี่ยนเป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อแบบเปิด นายศุภชัยกล่าวว่า เท่าที่ทราบจากสื่อเห็นว่ามีพรรคการเมืองออกมาคัดค้าน แต่ก็แล้วแต่กมธ.ยกร่างฯ ส่วนเครื่องเลือกตั้งอิเล็กทรอ นิกส์นั้น คาดว่าคงไม่ทันในการเลือกตั้ง ครั้งนี้ เพราะการจัดทำเครื่องเลือกตั้งต้องใช้งบประมาณสูง เนื่องจากประเทศไทยมีหน่วยเลือกตั้งกว่าหลายหมื่นหน่วย 

'วิษณุ'อาสาคุยกมธ.ยกร่างฯ

      นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ กกต. เตรียมขอหารือในประเด็นที่ร่างรัฐธรรมนูญ กำหนดบทบาท ของกกต.ให้มีอำนาจลดลง ว่า เห็นจากข่าวว่าทั้งกกต.และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ต้องการหารือในประเด็นนี้ และยังมีบางองค์กรที่แสดงเจตนารมณ์ต้องการเข้ามาหารือกับตนเรื่องรัฐธรรมนูญเพื่อจะให้ช่วยสนับสนุน ซึ่งตนยินดีพูดคุย

       "ผมรับทราบข้อวิพากษ์วิจารณ์ และรู้ว่ามีเรื่องที่หลายฝ่ายไม่สบายใจ โดยจะนำเรื่องดังกล่าวพูดคุยกับกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่ ทางกมธ.ยกร่างฯ จะฟังหรือไม่ยังไม่ทราบ คิดว่าหากต้องการให้ข้อเสนอได้ผลทางองค์กรต่างๆ ต้องพูดคุยกับกมธ.ยกร่างฯ เอง และผมได้ยินว่าบางองค์กรได้เสนอตัวนัดพบกับกมธ.ยกร่างฯ แล้ว" นายวิษณุกล่าว

      ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากเห็นร่างรัฐธรรม นูญแล้ว มีเรื่องใดที่น่ากังวลบ้าง รองนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ควรพูดตรงนี้ และไม่ควรเอาความกังวลส่วนตัวมาบอก ซึ่งตนมีวิธีจัดการกับความกังวลดังกล่าว หากกังวลแล้วมาบอกผู้สื่อข่าวก็จะกังวลต่อไป เพราะคนอื่นจะไม่เอาด้วยจึงต้องบอกกับคนที่เขามีอำนาจหน้าที่ 

หนุนใช้เสียง 2 ใน 3 ขอแก้ไข

นายวิษณุกล่าวว่า เห็นด้วยกับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยใช้เสียง 2 ใน 3 ของทั้งสองสภา เพราะไม่เช่นนั้นจะแก้ไขรัฐธรรม นูญได้ง่ายเกินไป วันๆ ไม่ต้องทำอะไร คิดจะแก้รัฐธรรมนูญอย่างเดียว แล้วจะกลับไปสู่วิกฤตเหมือนที่ผ่านมา สิ่งสำคัญคือต้องทำรัฐธรรมนูญออกมาให้ดี เป็นที่พอใจของคนส่วนใหญ่หากยังไม่เป็นที่พอใจแล้วดันทุรังออกรัฐธรรมนูญโดยปิดปาก ห้ามคนแก้ไข จะกลายเป็นวิกฤตอีกแบบหนึ่ง 

นายวิษณุกล่าวว่า ส่วนระบบการเลือกตั้งแบบเยอรมันที่ กมธ.ยกร่างฯ กำหนด ได้อธิบายว่าไม่อยากให้เรียกว่าระบบเยอรมัน แต่เป็นการดัดแปลงบางอย่างให้เข้ากับสังคมไทย แต่กลับมีคนบอกว่าการทำแบบนี้ผิดระเบียบแบบแผน เป็นของพันทางไม่เหมือนของแท้ พอจะนำมาใช้ทั้งหมดก็บอกว่าลอกเลียนแบบ จึงไม่อยากให้นำเรื่องเหล่านี้มาวิพากษ์วิจารณ์ เพราะหากเราพอใจไม่ว่าจะเอาระบบมาจากไหนก็ช่างหัวมัน 

กสม.สรรหากก.ชุดใหม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กสม.ได้ทำหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ และนายบวรศักดิ์ เพื่อสอบถามถึงกรณีการสรรหา กสม. หลังจากกรรมการชุดปัจจุบันจะครบวาระดำรงตำแหน่งวันที่ 24 มิ.ย.นี้ ว่าหากดำเนินการสรรหาจะถือเป็นการขัดหลักการแห่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่กมธ.ยกร่างฯ เขียนบทบัญญัติให้ กสม.ควบรวมกับผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินและพิทักษ์สิทธิมนุษยชน หรือไม่

นายบวรศักดิ์กล่าวในประเด็นดังกล่าวว่า กสม.สามารถดำเนินการสรรหากรรมการชุดใหม่ได้ ตามบทบัญญัติของกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ในปัจจุบัน และตามคำสั่งของคสช.ฉบับที่ 48/2557 เรื่อง การสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่าง อย่างไรก็ตามในรายละเอียดเรื่องดังกล่าวยังมีประเด็นที่ต้องพิจารณาถึงวาระการดำรงตำแหน่งของกรรม การ กสม.ชุดใหม่หลังจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ ทั้งนี้ในบทเฉพาะกาลที่ ยกร่างเสร็จแล้ว กำหนดให้กรรมการอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อจนครบวาระ แต่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไม่ให้อยู่เพียงครึ่งวาระ เพราะหากให้อยู่จนครบ อาจถูกครหาว่ามาจากการแต่งตั้ง ดังนั้นที่ประชุม กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ คงต้องกลับไปพิจารณาและทบทวนอีกครั้งหนึ่ง


ไปด้วยกัน - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จับมือทักทายสมเด็จฮุน เซน นายกฯ กัมพูชา ขณะโดยสารรถไฟความเร็วสูงขบวนเดียวกัน จากกรุงโตเกียวไปเมือง เซนได เพื่อร่วมประชุมด้านภัยพิบัติที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 

"ปึ้ง"ติงนายกฯระวังคำพูด

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าสหรัฐไม่ควรตัดเสื้อชุดเดียวสวมให้คนทั้งโลกว่า ถ้าฟังไม่ผิดคือสหรัฐต้องการให้ประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย เมื่อคืนท่านพูดเหมือนกับว่าต่างชาติไม่เข้าใจประเทศไทย เพราะไทยมีมุมมองที่ไม่เหมือนคนอื่น ตนมองว่า สิ่งที่ท่านพูด จะไม่เป็นประชาธิปไตย จะเป็นอะไรก็พูดมาให้ชัดดีกว่า ถ้าการปกครองของเราไม่เป็นประชาธิปไตยก็อย่าใช้คำว่า เดโมเครซี เพราะไม่อย่างนั้นต้องทำให้สากลยอมรับ คือต้องรับฟังเสียงประชาชน แต่นี่รัฐธรรมนูญที่เขียนออกมาก็แตกต่างจากรัฐธรรมนูญในอดีต มีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ เรื่อง เช่น ที่มาของส.ว.ที่ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง การลดจำนวนส.ส. หรือ นายกฯ ไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้ง เป็นต้น

นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า มองว่าน่าจะเปลี่ยนชื่อใหม่ เช่น อาจใช้ชื่อว่า "การปกครองระบอบประยุทธ์ 5 สาย" แล้วอธิบายให้สังคมโลกเข้าใจว่าเราจะปกครองกันแบบนี้ ต่างชาติเขาก็พร้อมรับฟังอยู่แล้ว การที่ผู้นำรัฐบาลพูดอะไรออกไป สังคมโลกเขาจับตามองสื่อก็ต้องตีพิมพ์ และเชื่อว่าวันนี้สหรัฐต้องแปลแล้วเสนอไปให้ผู้นำของเขาได้ทราบแล้ว เมื่อประเทศไหนที่ไม่เป็นประชาธิปไตยสหรัฐจะมีมาตรการในการดำเนินการของเขา เช่น ความร่วมมือก็ไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็น ระดับความสัมพันธ์ต่างๆ ลดลงไป การค้าขาย การลงทุนก็ลดลง สิ่งเหล่านี้จะกระทบต่อประเทศไทยแน่นอน ผู้นำประเทศต้องคิดให้หนัก จะพูดอะไรออกไปไม่ใช่พูดเพื่อความสะใจ โดยเฉพาะเรื่องต่างประเทศ 

สปช.จี้รัฐแก้กม.การค้า

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงแรมเดอะสุโกศล คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สปช. ร่วมกับสถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) จัดสัมมนาและรับฟังความคิดเห็น เรื่อง "10 ประเด็นเด่นนวัตกรรมการเมืองไทย" ครั้งที่ 8 หัวข้อ "อำนาจเหนือตลาดกับชะตากรรมประเทศไทย" 

นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สปช. กล่าวว่า การที่ธุรกิจมีอำนาจเหนือตลาด เกิดมาตั้ง แต่ปี 2490 แต่ขณะนั้นอยู่ในอำนาจของรัฐวิสาหกิจ แต่หลังจากนั้นธุรกิจเอกชนเพิ่มมากขึ้นหลังปี 2516 กลไกของธุรกิจที่เป็น กลุ่มทุนมีอำนาจผูกขาดเหนือตลาดมากขึ้น กลุ่มธุรกิจบางประเภทก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ ผล กระทบที่เกิดขึ้นเป็นทุนที่สังคมไม่ควรยอมรับและไร้ศีลธรรม เช่น ธุรกิจค้าปลีกตลอด 24 ชั่วโมง หรือบริษัทขายน้ำมันที่เป็นผู้ผลิตและมีปั๊มน้ำมันมากที่สุดในประเทศไทย เป็นต้น เหล่านี้จะขายสินค้าต่ำกว่าตลาด บางครั้งลดราคาเพื่อผลักคู่แข่งออกไปให้พ้นตลาด กีดกันกลุ่มธุรกิจรายใหม่จนสามารถกำหนดราคาหรือค่อยๆ ขึ้นราคาได้ สุดท้ายประชาชนต้องแบกรับต้นทุนไม่ใช่เพียงแต่ธุรกิจเอกชนที่มีอำนาจเหนือตลาดเท่านั้นแต่ภาครัฐก็มีอำนาจเหนือตลาดเช่นกัน 

ล้างบางกลุ่มการเมือง

นายสังศิตกล่าวต่อว่า หลังจากเรามี พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 แต่การผูกขาดยิ่งรุนแรงมากขึ้นอำนาจทางธุรกิจเข้มแข็ง กฎหมายมีจุดอ่อนอยู่หลายประการ โครงสร้างคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าเป็นปัญหา เนื่องจากเรากำหนดให้ รมว.พาณิชย์เป็นประธาน ขณะที่ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ต้องเสนอผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการนำญาติหรือพรรคพวกเข้ามานั่งอยู่ในบอร์ด ซึ่งจะไม่เกิดความเป็นกลาง สุดท้ายถูกผูกขาดอำนาจโดยกลุ่มการเมืองอีก

"ผมเห็นว่ารัฐบาลต้องเร่งปรับปรุงพ.ร.บ. ดังกล่าว ให้โครงสร้างคณะกรรมการเป็นอิสระจากภาครัฐ ปลอดจากกลุ่มการเมืองและอำนาจธุรกิจ นอกจากนี้ ควรส่งเสริมให้ภาคธุรกิจเกิดการแข่งขันกันมากขึ้น ที่สำคัญเมื่อมีการร้องเรียนหรือดำเนินคดีกับกลุ่มทุน ต้องมีการเปิดเผยเพื่อให้ประชาชนร่วมตรวจสอบ ขณะที่ สปช.จะมีการปฏิรูปเรื่องนี้ให้เกิดขึ้น" นายสังศิตกล่าว

เร่งปฏิรูปช่วยโชห่วย

ด้านว่าที่ ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ สปช. กล่าวว่า การขายต่ำกว่าทุน คือความไม่เป็นธรรม กรณีที่ห้างสรรพสินค้าที่ขายราคาต่ำกว่าทุน ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าร้านโชห่วย ทำให้ต้องพิจารณาเพื่อแก้ไข เช่น กระทรวงพาณิชย์ไปตรวจโดยนำราคาตลาดมาพิจารณา แม้ที่ผ่านมาจะมีบทบัญญัติของกฎหมายมาเป็นแนวทางตรวจสอบ แต่ไม่สามารถกำกับให้เกิดความเป็นธรรมได้ ดังนั้นจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้ร่วมด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นรูปธรรม เช่น กฎหมายผังเมือง เพื่อพิจารณาพื้นที่ของการจัดตั้งร้านค้า พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ต้องมีส่วนร่วมตรวจสอบและดำเนินการกลุ่มธุรกิจที่โฆษณาเกินจริง เป็นต้น 

ว่าที่ ร.อ.จิตร์กล่าวว่า สำหรับประเด็นปฏิรูปในเรื่องที่เกี่ยวข้องที่อยู่ระหว่างหารือเพื่อช่วยเหลือกลุ่มโชห่วย เช่น การแก้ไขพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 ในมาตรา 4 ที่ยกเว้นการบังคับใช้บทบัญญัติของกฎหมาย ได้แก่ (2) รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีงบประมาณ โดยรัฐวิสาหกิจ อย่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้าข่ายได้รับการยกเว้นในทางปฏิบัติตามกฎหมายการแข่งขันทางการค้า การบังคับใช้กฎหมายที่ละเอียดอ่อน อาทิ การเก็บภาษี การให้บริการที่ต้องมีศูนย์กลางที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เป็นต้น การปฏิรูปต้องอยู่บนพื้นฐานทางความเป็นจริงของประเทศ หากจะให้ร้านโชห่วยกลับมาแข่งขันเหมือนเดิมคงไม่สามารถทำได้ แต่ต้องทำให้การแข่งขันทางธุรกิจที่เป็นธรรม ด้วยการแก้ไขกฎหมาย หรือออกกฎหมายใหม่

เดินต้านพลเรือนขึ้นศาลทหาร

เมื่อเวลา 07.00 น. ที่บริเวณริมถนนตลาดเทศบาลอำเภอบางบัวทอง จ.นนทบุรี นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ บิดานายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือน้องเฌอ เหยื่อกระสุนจากการสลายการชุมนุมเหตุการณ์พฤษภาคม 2553 ในฐานะสมาชิกกลุ่มพลเมืองโต้กลับ จัดกิจกรรมพลเมืองรุกเดิน เมื่อความยุติธรรมไม่มา ก็เดินหน้าไปหามัน ระหว่างวันที่ 14-16 มี.ค. พร้อมเรียกร้องไม่ให้พลเรือนขึ้นศาลทหาร โดยนายพันธ์ศักดิ์ตั้งใจเดินจากบ้านในพื้นที่ อ.บางบัวทอง ไปที่อนุสาวรีย์นวมทอง ไพรวัลย์ แท็กซี่พลีชีพเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานลอยฝั่งตรงข้ามการบินไทย ถนนวิภาวดีฯ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพันธ์ศักดิ์ซึ่งอยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีฐานฝ่าฝืนประกาศคำสั่ง คสช. จากการจัดกิจกรรมเลือกตั้งที่ลักที่บริเวณหอศิลป์กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้อ่านบทกวี "ฉันก้าวเดินฉันจึงเป็นฉัน" ของนายซะการีย์ยา อมตยา กวี ซีไรต์ ปี 2553 ที่ริมถนน ก่อนเดินเท้ามาถึงบริเวณสี่แยกบางพูล เป็นระยะทางประมาณ 5 ก.ม. ก่อนเข้าถนนรัตนาธิเบศร์

ตร.รวบพ่อเฌอไปสน.ปทุมวัน

ต่อมาเวลา 08.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง 5 นาย นำรถตู้เข้าประกบเพื่อควบคุมตัวนายพันธ์ศักดิ์ โดยระบุว่าจะนำตัวไป สน.ปทุมวัน นายพันธ์ศักดิ์จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าตนตั้งใจจะเดินไปเองอยู่แล้ว และกำหนดการวันเข้ารายงานตัวในคดีของตนก็เป็นวันที่ 16 มี.ค.นี้ แต่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าต้องควบคุมตัวนายพันธ์ศักดิ์เพื่อความสงบเรียบร้อย จากนั้นจึงนำตัวนายพันธ์ศักดิ์ขึ้นรถตู้ไป และเวลา 09.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายพันธ์ศักดิ์มาถึงสน.ปทุมวัน โดยมีพล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 เดินทางมาพบนายพันธ์ศักดิ์ด้วย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ สน.ปทุมวัน ได้เจรจากับนายพันธ์ศักดิ์ พร้อมด้วยทนายความสิทธิมนุษยชน เบื้องต้นเป็นการพูดคุยเพื่อปรับทัศนคติ ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด 

นายพันธ์ศักดิ์กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าตำรวจจะจับตนมาในข้อหาอะไร เพราะเอกสารนำส่งตัวไม่มี อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน ที่จำหน้าตนได้ก็ยังแปลกใจว่าตนมาทำไม เพราะไม่ได้นัดอะไรกันวันนี้ ซึ่งตนไม่ได้คิดจะหลบหนีเพราะได้ประกาศแล้วว่าจะเดินมา จึงคิดว่าจะขอปรึกษากับทนายความสิทธิมนุษยชนเพื่อแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ในข้อหาข่มขืนใจ และหาก สน.ปทุมวันไม่รับฟ้อง ถือว่าผิดมาตรา 157 ในฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ด้วย

ผบช.ภ.1 ชี้มีนัยยะการเมือง

พล.ต.ท.อำนวยกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องแล้ว เนื่องจากการกระทำของนายพันธ์ศักดิ์ที่ประกาศเดินเท้ามา สน.ปทุมวัน ผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กนั้น ถือเป็นการกระทำไม่สุจริต และมีนัยยะทางการเมือง เพราะมีการนัดหมายล่วงหน้า อีกทั้งยังระบุว่าจะทำกิจกรรมใกล้จุดที่นายนวมทองเสียชีวิต ถือเป็นกิจกรรมทางการเมืองโดยไม่ขออนุญาตจาก คสช. จะก่อให้เกิดความวุ่นวายแก่บ้านเมืองได้ จึงต้องให้ยกเลิกกิจกรรมดังกล่าว

น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จับกุมตัวนายพันธ์ศักดิ์มาส่งสน.ปทุมวัน เนื่องจากเข้าใจว่านายพันธ์ศักดิ์มีเงื่อนไขการประกันจากคดีความครั้งที่แล้ว แต่จากการตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ติดเงื่อนไขการประกันตัวแต่อย่างใด และมีเจตนาที่จะมารายงานตัวอยู่แล้วไม่ได้หลบหนีไปไหน ซึ่งตำรวจ สภ.บาง บัวทอง มาแจ้งตามประกาศเตือนของ คสช.เท่านั้น 

นศ.-แม่เกดแห่ให้กำลังใจ

เวลา 12.00 น. กลุ่มนักศึกษาจากศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย (ศนปท.) และกลุ่มเด็กหลังห้อง ประมาณ 10 คน อาทิ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นายปิยรัฐ จงเทพ และนายสิริวิชญ์ เสรีวิวัฒน์ หรือจ่านิว ที่ถูกดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ทั้งหมดใส่เสื้อสกรีนคำว่า "เราคือเพื่อนกัน" ได้เดินจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อให้กำลังใจนายพันธ์ศักดิ์ และทวงถามความยุติธรรม โดยถึงสน.ปทุมวันเวลา 13.40 น. พร้อมนำข้าวกล่องมาให้ด้วย

ต่อมานางพะเยาว์ อัคฮาด แม่น้องเกด พร้อมทีมงาน เดินทางมาให้กำลังใจนายพันธ์ศักดิ์ พร้อมกล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมองแล้วเห็นว่าเป็นวิธีที่สันติ ไม่ใช้ความรุนแรง และทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับตำรวจ ว่าจะเดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมที่ สน. ปทุมวัน แต่กลับมาถูกจับกุมตัว ซึ่งเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ในการเดินเท้ามารายงานตัว และเจ้าหน้าที่ไม่สมควรปิดกั้นการแสดงออกเช่นนี้ ให้พื้นที่ประชาชนแสดงออกบ้างอย่างสันติวิธีก็ได้

แจ้งความกลับจนท.

เวลา 16.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปล่อยตัวนายพันธ์ศักดิ์ ต่อมาเวลา 18.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม นายพันธ์ศักดิ์ได้เดินทางมาแจ้งความฟ้องร้องแก่พล.ต.ท.อำนวย นายชนม์ชื่น บุญญานุศาสน์ ผวจ.นนทบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ในฐานละเมิดสิทธิเสรีภาพ กักขังหน่วงเหนี่ยว และข่มขืนจิตใจ โดยมี พ.ต.ท.สมนึก สันติภาตะนันท์ พนักงานสอบสวน บก.ป. เป็นผู้รับแจ้งความ

ในส่วนของกิจกรรม นายพันธ์ศักดิ์กล่าวว่า ในช่วงเช้าเวลาประมาณ 08.00 น. วันที่ 15 มี.ค. ตนจะยังจัดกิจกรรมพลเมืองรุกเดิน โดยเดินจากที่สดมภ์อนุสรณ์นวมทอง ไพรวัลย์ ไปที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยจะแจ้งรายละเอียดกิจกรรมทางเพจเฟซบุ๊กพลเมืองโต้กลับต่อไป

สธ.ลุยค้านเด้งหมอณรงค์

ส่วนสถานการณ์ความคืบหน้าภายหลัง นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ถูกย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่ง นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข ระบุสาเหตุที่มีการโยกย้ายเพราะมีปัญหาเรื่องการไม่สนองนโยบายรัฐบาลและกระทรวง ทำให้มีปัญหาในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ นั้น 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์ และโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่ภูมิภาค เกือบทุกภาค ได้ขึ้นป้ายสนับสนุน นพ.ณรงค์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังคงมีการแต่งชุดดำเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการคัดค้านคำสั่งย้ายดังกล่าว 

นพ.ณรงค์ให้สัมภาษณ์กรณีถูกตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ที่ลงนามโดยนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรีว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีใครเป็นคณะกรรมการสอบสวนบ้าง และยังไม่เห็นหนังสือคำสั่ง ว่าการสอบสวนนั้นทำในประเด็นใด เรื่องใด แต่คิดว่าวันที่ 16 มี.ค.จะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งย้ายไปก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้กังวลเรื่องการเปลี่ยนเกณฑ์การจัดสรรงบรายหัวระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือไม่ นพ. ณรงค์กล่าวว่า ไม่ทราบว่าใครจะมาผลักดันต่อหรือเปล่า แต่ทุกคนรู้ว่าเรื่องนี้มีปัญหา เพราะฉะนั้นประเทศต้องเป็นผู้ตัดสินใจ

ยันเคลื่อนไหวอย่างสงบ

พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ที่ปรึกษาสมาพันธ์โรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) และประชาคมสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ประชาคมสาธารณสุขได้ประชุมถึงแนวทางในการขับเคลื่อนการทำงานภายหลัง นพ.ณรงค์ถูกย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ข้อสรุปว่า ประชาชนจะยังคงเดินหน้าเพื่อสนับสนุนแนวทางในการปฏิรูประบบสาธารณสุขต่อไป โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนระบบการเงินการคลัง และยังคงยืนยันว่าประชาคมไม่เห็นด้วยกับคำสั่งย้าย นพ.ณรงค์ ซึ่งในสัปดาห์นี้ตัวแทนของประชาคมสาธารณ สุขจะเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือต่อนายกฯ เพื่อให้ได้รับทราบปัญหาที่แท้จริงของกระทรวง

"ยืนยันว่าสิ่งที่ประชาคมเรียกร้องนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงและปฏิรูประบบสาธารณสุข ไม่ได้ต้องการสร้างความไม่สงบ หรือต่อต้านรัฐบาล ซึ่งแนวทางของประชาคมในการคัดค้านคำสั่งย้าย นพ.ณรงค์ แต่ละโรงพยาบาลจะมีวิธีของตนเองที่ทำอย่างสงบ เช่น การขึ้นป้ายข้อความคัดค้านการรังแกข้าราชการประจำ การใส่ชุดดำตามที่สมัครใจ ซึ่งการที่ฝ่ายความมั่นคงจับตามองการเคลื่อนไหว หรือให้แกนนำที่เคลื่อนไหวรายงานตัวนั้น ถือเป็นเรื่องตลกและไม่มีความจำเป็น ยืนยันได้ว่าการเรียกร้องครั้งนี้เป็นเรื่องของระบบไม่เกี่ยวกับการเมืองแต่อย่างใด" พญ.ประชุมพรกล่าว

หมอชนบทวอนร่วมมือทำงาน

นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล และกรรมการชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ประเด็นการโยกย้าย นพ.ณรงค์คงไม่ขอแสดงความคิดเห็น ส่วนการทำงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นพ.อารักษ์กล่าวว่า หลังจากนี้ถ้าเคารพกติกากันก็ไม่น่ามีอะไรที่ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ทุกอย่างคงต้องยึดระเบียบและกฎหมาย ส่วนข้อสงสัยที่กล่าวหากันไปมาก็ต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจน แต่เรื่องที่จะมีการสมยอมกันนั้นคงเป็นไปไม่ได้ การทำความจริงให้ปรากฏในกระบวนการทำงานของ สปสช. คณะกรรมการต่างๆ ก็ทำหน้าที่อยู่แล้ว 

นพ.อารักษ์กล่าวว่า ส่วนเรื่องที่ประชาคมสาธารณสุขยังยืนยันว่าจะสนับสนุนแนวทางการเงินการคลังที่ นพ.ณรงค์เสนอนั้น ที่ผ่านมาการทำงานเรื่องดังกล่าวมีการลงมติผ่านบอร์ด สปสช. มีการทำงานผ่านคณะกรรมการกลั่นกรอง มีการทดลองทำตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ แต่สุดท้ายข้อมูลก็ไม่เป็นไปตามที่กระทรวงสาธารณสุขคิด จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำต่อ ไม่อยากให้เอาประเด็นการทำงานมาเป็นประเด็นในการแย่งอำนาจกัน เพราะขณะนี้รัฐบาลมีเวลาจำกัดในการทำงาน จำเป็นต้องร่วมกันทำงานให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้

เปิดตลาดศิลปะริมคลองผดุงฯ

เมื่อวันที่ 14 มี.ค. น.ส.เรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลเปิดตลาดน้ำวิถีไทยคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อส่งเสริมการค้าและวัฒนธรรมไทยรวมถึงใช้พื้นที่ลำคลองให้เกิดประโยชน์ จนได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก จึงมีแนวคิดใช้พื้นที่ริมคลองผดุงกรุงเกษมหน้าวัดโสมนัสราชวรวิหาร จัดเป็นตลาดศิลปะ ระหว่างวันที่ 13-29 มี.ค.โดยเปิดตั้งแต่เวลา 15.00 - 20.00 น.ของทุกวัน เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาชมงานศิลปะ ซึ่งรูปแบบของงานศิลปะในแต่ละสัปดาห์จะไม่เหมือนกัน เช่น สัปดาห์แรกจัดภายใต้สโลแกน "Eat & Art @Klongpadung" มีการแสดงงานศิลปะทั้งแบบเก่าและร่วมสมัย รวมทั้งมีการจำหน่ายอาหาร สัปดาห์ที่สองแบบ "เริงลีลาศ"มีการแสดงดนตรีเริงลีลาศ โดยสุนทราภรณ์ยุคขวัญเรียม ซึ่งจะเปิดฟลอร์ลีลาศกลางคลองผดุงกรุงเกษม มีกิจกรรมกินขนมชมจันทร์ และการประกวดคู่เหมือนนางเอกยุคทอง และสัปดาห์ที่สาม สโลแกน"โก๋หลังวัง" ที่จัดประกวดการแต่งกายยุค พ.ศ.2499 มีให้บริการรถโบราณชมเมือง การแสดงมหกรรมดนตรี และไฮไลท์ของงานคือการฉายหนังกลางคลองผดุงกรุงเกษม

ทั้งนี้การเปิดตลาดงานศิลปะของรัฐบาลครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดตลาดนัดเป็นตลาดที่ 4 แล้ว เริ่มจาก 1.ตลาดนัดกล้วยไม้คุณภาพ 2.ตลาดน้ำวิถีไทย ซึ่งทั้งสองตลาดหมดเวลาของการจัดงานไปแล้ว 3.ตลาดข้าว ยังเปิดจำหน่ายจนถึงวันที่ 5 เม.ย. และ 4. ล่าสุดคือ ตลาดงานศิลปะ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!