WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8878 ข่าวสดรายวัน


รับฟ้องข้าว ศาลนัด 19 พค.-ปูพร้อมสู้ 
สื่อเทศระบุซ้ำรอย'แม้ว'พรบ.เงินเดือนผ่านฉลุย ครู-ตร.-ทหารเฮถ้วนหน้า


เด็ดดอกไม้ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เด็ดดอกพุดหน้าตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมกล่าวว่า "ดอกที่เหี่ยว ต้องเด็ดทิ้งไปบ้าง" หลังจากให้สัมภาษณ์กรณีศาลฎีกาฯ รับฟ้องคดีจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เมื่อวันที่ 19 มี.ค.

       รับพิจารณาคดีจำนำข้าวที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้องยิ่งลักษณ์ศาลฎีกาฯ นัดแล้ว 19 พ.ค.สอบคำให้การ ชี้อดีตนายกฯ ต้องมาปรากฏตัวต่อศาล เนื่องจากจะมีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวด้วย ด้าน'ปู'แถลงผ่านเฟซบุ๊กยืนยันไม่ได้ทุจริต เพราะเป็นนโยบายที่แถลงต่อสภา พร้อมต่อสู้คดีเต็มที่เนื่องจากกระบวนการที่ผ่านมา ไม่ปกติ หวังจะได้เข้าถึงความยุติธรรมเต็มที่ ด้านอัยการเตรียมพยานบุคคลไว้ 13 ปาก ครู-ตำรวจ-ทหารเฮทั่วประเทศ สนช.ผ่านร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน 3 วาระรวด 'ศรีสุวรรณ' สบช่องอีก เตรียมยื่นป.ป.ช.สอบสภาลูกเมีย สปช. 'ประวิตร'มึนอียูเตรียมให้ใบเหลืองประเทศ ไทยแก้ปัญหาค้ามนุษย์ไม่ได้ ปชป.เริ่มพล่าน 'อู๊ดด้า'เผยดูโหงวเฮ้งรัฐธรรมนูญใหม่แล้วท่าจะอยู่ไม่ยืด บอนไซพรรคการเมืองให้อ่อนแอ ฉะโอเพ่นลิสต์ทำใหญ่ให้ส.ส.ต้องแข่งกัน ในพรรคเดียวกันด้วย

'บิ๊กป้อม'ไม่ขัดข้องนิรโทษฯ

      เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 19 มี.ค. ที่กรมการขนส่งทหารบก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวถึงนายไพบูลย์ นิติตะวัน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เสนอให้นิรโทษกรรมผู้ชุมนุมทางการเมืองทุกฝ่าย เพื่อสร้างปรองดองว่า หากทุกฝ่ายร่วมมือ พูดคุยกันและการดำเนินการไม่ผิดกฎหมาย หรือไม่ใช่เรื่องร้ายแรง เช่น พยายามฆ่าจนเกิดความสูญเสีย ตลอดจนประชาชนยอมรับได้ รัฐบาลก็ไม่ขัด อยากให้คนในประเทศเกิดความปรองดอง หากเสนอกฎหมายเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็ทำได้ แต่ทุกฝ่ายต้องเห็นด้วย 

     "อะไรที่ทำให้เกิดความปรองดองก็ทำไป แต่ขอให้ทุกฝ่ายและประชาชนยอมรับ เรา ก็เห็นด้วย เว้นแต่เรื่องที่ผิดกฎหมายของประเทศ เราทำไม่ได้" พล.อ.ประวิตรกล่าว

      พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ส่วนที่เรียกร้อง ไม่ให้พลเรือนขึ้นศาลทหารนั้น ที่ผ่านมา มีการผ่อนปรนมาตลอด ยกเว้นคดีที่ก่อความไม่สงบเรียบร้อย ยืนยันเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนทำงานเต็มที่เพื่อดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน ทั้งข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร เราร่วมมือบูรณาการทำงาน ตนคงไม่ขอร้องให้หยุดเคลื่อนไหว เพราะคิดว่าเป็นคนไทยต้องมีจิตสำนึก หากยังมีการก่อกวน ถามว่ารัฐบาลจะทำงานได้หรือไม่ ขณะนี้ประเทศต้องการความรักความสามัคคีเพื่อเดินไป ข้างหน้า และขับเคลื่อนการแก้ปัญหาของประเทศในทุกๆ ด้าน

วิษณุขอทุกกระทรวงสะท้อนรธน.

      ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีนายกฯมอบให้ดูแลภาพรวมของรัฐธรรมนูญว่า คงดูใน ส่วนการเตรียมตัวกรณีที่คสช. รัฐบาล สปช. มีข้อมูลจะต้องแจ้งกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญว่า ประสงค์จะให้แก้ไขเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งกมธ.ยกร่างฯ จะเชิญไปซักถามเหตุผล หากเห็นด้วยก็แก้ไขให้ แต่หากไม่เห็นด้วยก็จบ ซึ่งกมธ.ยกร่างฯ จะแก้ไขให้ถูกใจใครหมด ทุกคนไม่ได้ หากแก้ไขตามใจทุกคนจะเละ ไปหมดทั้งฉบับ 

     นายวิษณุ กล่าวว่า เมื่อตนกำกับดูแลเรียบร้อยก็นำเรียนครม. ให้ความเห็นชอบเพื่อเป็นแนวทางของรัฐบาลต่อไป ส่วนจะแก้ไขส่วนใดบ้างนั้น ยังบอกไม่ได้ เพราะหากบอกออกไป สิ่งนั้นจะกลายเป็นท่าทีของรัฐบาลทันที ต้องรอให้ถึงเวลา เราก็เปิดเผยอยู่แล้ว

     เมื่อถามว่า รัฐบาลจะประชุมถึงข้อเสนอเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าไม่ประชุม แต่รัฐบาลขอให้แต่ละกระทรวงช่วยดูปัญหาอุปสรรคว่าต้องแก้ไขอะไรหรือไม่ ซึ่งมีกระทรวงส่งปัญหาอุปสรรคมาให้รัฐบาลแล้ว 10 กระทรวง ตนอยากให้ทำใหม่ เพราะตอนที่แต่ละกระทรวงส่งมายังเป็นร่างเมื่อ 1 เดือนที่แล้ว บางทีกมธ.ยกร่างฯ อาจแก้ไขไปแล้วก็ได้ 

    นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนรัฐบาลคงจะแก้ไขในส่วนที่เห็นว่าเป็นปัญหาใน 315 มาตรา หากคนอื่นเห็นว่าต้องแก้ไขแล้วส่งเรื่องมา ให้รัฐบาล เราต้องดูว่าเหมาะสมที่จะแก้ไขหรือไม่ ดังนั้น เราจะแบ่งเรื่องที่เห็นว่าควรแก้ไข 2 บัญชีคือ 1.บัญชีที่รัฐบาลเ ็นว่าควรแก้ไข และ 2.บัญชีที่ฝ่ายต่างๆ ที่ส่งเรื่องมาให้ แต่ทั้งหมดครม.ต้องเห็นชอบด้วย

กมธ.ยกร่างรับฟังนักวิชาการ

     เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ และคณะอนุกมธ.มีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า จัดงานสัมมนา"สานพลังนักวิชาการในการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญ" โดยมีนักวิชาการ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน มหาวิทยาลัยราชภัฏ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 80 คนเข้าร่วมงาน 

     นางนรีวรรณ จินตกานนท์ รองประธานกมธ.ยกร่างฯ กล่าวเปิดงานว่า การรับฟัง ความคิดเห็นของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่ได้ฟังเสียงประชาชนก็เหมือนไม่ได้ร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาเพื่อประชาชน ซึ่งขณะนี้ร่างรัฐธรรมนูญอยู่ในขั้นตอนทบทวนปรับถ้อยคำและดูบันทึกเจตนารมณ์ รวมทั้งพิจารณามาตราที่แขวนอยู่ คาดว่าจะดำเนินการเสร็จภายในวันที่ 31 มี.ค. 

     นางนรีวรรณ กล่าวว่า จากนั้นกมธ.ยกร่างฯจะนำร่างรัฐธรรมนูญไปเผยแพร่และรับฟังความเห็นประชาชนตามภูมิภาคต่างๆ ก่อน เสนอให้สปช.พิจารณาภายในวันที่ 17 เม.ย. ซึ่งสปช.จะใช้เวลาอภิปรายและเสนอความเห็นวันที่ 20-26 เม.ย. ระหว่างนี้ประชาชนสามารถส่งความเห็นมายังกมธ.ยกร่างฯได้ และถ้าสปช.อยากปรับแก้ไขมาตราใดก็ส่งรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษร มายังกมธ. ยกร่างฯได้ จนกว่าจะถึงขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ 

      รองประธานกมธ.ยกร่างฯกล่าวว่า หลังจากรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ คาดว่าจะต้องใช้เวลา 3 เดือนพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง เมื่อจัดทำเสร็จต้องจัดการเลือกตั้ง ส่วนสอบถามกันว่าจะทำประชามติหรือไม่นั้น การทำประชามติไม่ได้อยู่ในอำนาจของกมธ.ยกร่างฯ เพราะรัฐบาลจะเป็นผู้ตัดสินใจ แต่ถ้าทำประชามติ คาดว่าจะใช้เวลา 3-6 เดือน เพราะต้องมีกระบวนการทำความเข้าใจกับประชาชนด้วย

ศาลฎีการับฟ้องปู-นัดแล้ว 19 พ.ค.

     เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ ศาลฎีกาฯ นัดฟัง คำสั่ง ในคดีหมายเลขดำ อม.22/2558 ที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว

     ก่อนนัดฟังคำสั่ง องค์คณะผู้พิพากษามีมติเลือกนายวีระพล ตั้งสุวรรณ รองประธานศาลฎีกา เป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน

     จากนั้น นายวีระพล พร้อมองค์คณะทั้ง 9 คน ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่ง โดยศาฎีกาฯ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาฯ ตามมาตรา 9 (1) แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาจองผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 และคำฟ้องโจทก์ถูกต้องตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกาฯ พ.ศ.2343 ข้อ 8 จึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้องคดีไว้ และนัดพิจารณาคดีครั้งแรก ในวันที่ 19 พ.ค.นี้ เวลา 09.30 น. โดยให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำเลย โดยให้โจทก์หรือผู้แทนโจทก์นำเจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายภายใน 7 วัน หากการส่งหมายไม่พบจำเลยหรือไม่มีผู้รับแทนโดยชอบให้ปิด หมายแทน

ต้องมาแสดงตัวสอบคำให้การ

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การฟังคำสั่งของศาลฎีกาฯ วันนี้ โจทก์มีคณะทำงานอัยการประกอบด้วย นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอสส. พร้อมคณะทำงานอัยการ มาฟังคำสั่งของศาล ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มาที่ศาล และไม่ได้ส่งทนายความหรือตัวแทนมาฟังคำสั่ง 

     ทั้งนี้ หลังจากองค์คณะฯ มีคำสั่งประทับฟ้องแล้ว ทางศาลฎีกาฯ จะส่งหมายแจ้งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาศาลเพื่อนัดพิจารณาครั้งแรกในวันที่ 19 พฤ.ค.นี้ ซึ่งในวันดังกล่าว น.ส. ยิ่งลักษณ์ จะต้องมาแสดงตัวต่อศาลด้วยตนเองเป็นครั้งแรกตามขั้นตอน โดยจะสอบคำให้การว่าจะรับสารภาพหรือให้การปฏิเสธ

อัยการเตรียมพยานไว้ 13 ปาก

     ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานอสส. ศูนย์ราชการฯ นายชุติชัย นายสุรศักดิ์ และนายโกศลวัฒน์ ร่วมแถลง โดยนายสุรศักดิ์ กล่าวว่า อัยการโจทก์ได้เตรียมพยานบุคคลไว้รวม 13 ปาก ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่รัฐและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. รวมทั้งพยานเอกสาร พยานวัตถุต่างๆ แผ่นซีดี โดยระบุไว้ในการจัดทำบัญชีพยาน เพื่อให้ข้อเท็จจริงส่วนใหญ่รับฟังได้เป็นที่ยุติว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องอย่างไรบ้าง และเพื่อยืนยันการได้มาซึ่งเอกสารราชการต่างๆ รวมทั้งประเด็นในข้อกฎหมายว่าจำเลยมีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ 

      นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์น่าจะเพียงพอแล้ว อัยการมั่นใจว่าหลักฐานครบถ้วนทุกประเด็นตามที่ อสส. มีคำสั่งฟ้องเพื่อให้ศาลรับฟังเป็นที่ยุติได้ ส่วนจะเอาผิดให้ศาลลงโทษจำเลยได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ส่วนพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลยจะยื่นบัญชีพยานเท่าไรบ้างนั้น ต้องรอดูในวันนัดตรวจพยานหลักฐานอีกครั้ง 

จะมีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวด้วย

     นายสุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับวันนัดพิจารณาคดีครั้งแรกในวันที่ 19 พ.ค.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องมารายงานตัวต่อศาลด้วยตนเอง ซึ่งโจทก์ได้ประสานเจ้าหน้าที่ศาล ส่งหมายแจ้งให้จำเลยรับทราบตามแหล่งที่อยู่ที่ระบุในคำฟ้อง ถึงแม้ตัวจำเลยจะไม่อยู่ก็ปิดหมาย ได้เลยและถือว่าจำเลยรับทราบแล้ว แต่หากในวันดังกล่าว จำเลยไม่มารายงานตัว ศาลอาจพิจารณาออกหมายจับก็ได้ 

    นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ขั้นตอนในวันนัดพิจารณาคดีครั้งแรกนั้น ศาลจะอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยเข้าใจ และสอบถามจำเลยว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธอย่างไร รวมทั้งศาลจะมีคำสั่งในเรื่องการขอปล่อยชั่วคราวด้วย จากนั้นจะกำหนดวันนัดตรวจพยานหลักฐานอีกครั้ง โดยคู่ความทั้งสองฝ่ายจะต้องยื่นบัญชีพยานว่ามีกี่ปาก สืบประเด็นไหนและอะไรบ้าง จากนั้นจะกำหนดวันนัดไต่สวนพยาน ซึ่งศาลฎีกาฯ มีอำนาจนัดพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้ ส่วนตัวจำเลย หากอยู่ในอำนาจของศาลแล้วก็ไม่จำเป็นต้องมาศาลในวันนัดไต่สวนพยานก็ได้ 

เทียบเคียงคดีที่ดินรัชดาฯไม่ได้

      เมื่อถามว่าหากในวันที่ 19 พ.ค. น.ส. ยิ่งลักษณ์ จะขอศาลเลื่อนนัดพิจารณาครั้งแรกได้หรือไม่ นายสุรศักดิ์กล่าวว่า หากจำเลย ไม่มาที่ศาลและขอเลื่อนนัดพิจารณาครั้งแรก ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของศาลจะอนุญาตหรือไม่ ส่วนการขอเดินทางออกนอกประเทศนั้น อยู่ในการพิจารณาของศาลเช่นกัน แต่หากศาลสอบถามอัยการโจทก์ว่าคัดค้านเรื่องการขอปล่อยชั่วคราวหรือไม่นั้น ต้องดูข้อเท็จจริง ในขณะนั้นก่อนจะแถลงต่อศาลอีกครั้ง 

     นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า แม้ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราวจำเลยไปแล้ว แต่หากสมมติภายหลังพบว่าจำเลยมีพฤติการณ์ยุ่งเหยิงพยานหลักฐานหรือมีพฤติการณ์ หลบหนี อัยการสามารถยื่นคำร้องคัดค้านการปล่อยชั่วคราวได้เช่นกัน แต่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องอนาคต ขอให้อย่าเพิ่งไปคาดเดา

     เมื่อถามว่า ในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ที่ศาลมีคำสั่งปล่อยชั่วคราวและต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้หลบหนี จะใช้เป็นเงื่อนไขห้ามปล่อยชั่วคราว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้หรือไม่ นายสุรศักดิ์กล่าวว่า เป็นคนละประเด็นกันและเป็นคนละสำนวนกัน จึงไม่สามารถนำมาเทียบเคียงกันได้ 

     เมื่อถามว่า อัยการจะขอคุ้มครองพยานในคดีนี้หรือไม่ นายสุรศักดิ์กล่าวว่า เบื้องต้นอัยการ ยังไม่ได้รับรายงานถึงการข่มขู่คุกคามพยาน

ปูโพสต์ชี้คดีแรกด้านนโยบาย 

      น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพตส์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ตามที่ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งประทับรับฟ้องนั้น ตลอดเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ตนทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รับใช้ประชาชนด้วยอุดมการณ์ที่เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างครบถ้วนถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ข้อกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับของทางราชการทุกประการ และต้องการเห็นประเทศชาติเจริญก้าวหน้า ทุกคนมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะชาวไร่ชาวนาที่ถูกเอารัดเอาเปรียบมาตลอด

     น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า ขอยืนยันอีกครั้งว่าคดีที่กล่าวหาตนนี้ ถือเป็นคดีแรกที่เกี่ยวข้องกับ การจัดทำนโยบายเศรษฐกิจพื้นฐานของประเทศ เป็นนโยบายที่ประชาชนได้มอบหมายความ ไว้วางใจ และเกิดเป็น "ฉันทามติ" ของประชา ชนที่ต้องการให้กลไกตลาดเป็นธรรม สะท้อนความเป็นจริงและยกระดับคุณภาพชีวิต ของชาวนา เพราะที่ผ่านมาชาวนาไม่สามารถกำหนดราคาผลผลิตในตลาดได้ การกำหนดราคาตกอยู่ในมือของผู้ซื้อโดยสิ้นเชิง

ชี้ขั้นตอนก่อนสั่งฟ้องไม่ปกติ

     อดีตนายกฯ ระบุว่า คดีนี้จึงเป็นคดีที่จะมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ การเมือง เกษตรกรและประชาชนอย่างกว้างขวาง ทั้งยังมีผลต่อบรรทัดฐานและการตัดสินใจจัดทำนโยบายที่จะช่วยเหลือประชาชนในอนาคต ตนขอตั้งข้อสังเกตต่อเรื่องสิทธิในกระบวน การยุติธรรม โดยเฉพาะหลักนิติธรรม ที่พึงต้องปฏิบัติต่อบุคคลที่ถูกกล่าวหาเพื่ออำนวยความยุติธรรมนั้น ได้ขาดหายไปในคดีที่เกี่ยวกับตน เห็นได้จากรายงานและสำนวนคดีพร้อมความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุชัดเจนว่า "ไม่มีพยานหลักฐานว่าดิฉันกระทำการทุจริตหรือสมยอมให้ผู้ใดทุจริต" แต่ก็ชี้มูลความผิดกับตน และก่อนที่อสส. จะฟ้องคดี อสส.ได้ชี้ข้อไม่สมบูรณ์ของคดีนี้หลายเรื่อง ต่อมาทั้งที่อัยการยังไม่ได้สืบพยานหลักฐานให้เสร็จสิ้นก่อนฟ้องคดีนี้ แต่กลับเร่งรีบส่งฟ้อง แสดงถึงความไม่เป็นไปตามกระบวนการปกติที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา

หวังได้รับสิทธิความยุติธรรม

     "เมื่อศาลฎีกาฯ มีคำสั่งประทับฟ้องคดีนี้ ดิฉันมั่นใจในความบริสุทธิ์และเชื่อมั่นในพยานหลักฐานที่จะนำมาพิสูจน์ความจริงต่อศาลตามขั้นตอนกระบวนการพิจารณาคดี ของศาล ตามที่กฎหมายกำหนดว่า ดิฉันมิได้กระทำความผิดใดๆ ทั้งสิ้น หวังว่าการพิจารณาคดีในชั้นศาลฎีกาฯ ดิฉันจะมีสิทธิ เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างแท้จริง และมีโอกาสเสนอข้อเท็จจริง ข้อโต้แย้ง และพยานหลักฐานต่อสู้คดีอย่างเพียงพอ ที่สำคัญ ขอให้พิจารณาอย่างถูกต้องโปร่งใส เป็นธรรม ปราศจากอคติใดๆ เพราะที่ผ่านมา ดิฉันยังไม่ได้รับสิทธิในกระบวนการยุติธรรมในชั้นที่ถูกกล่าวหา และมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองที่จะทำลายดิฉันเข้ามาแทรกซ้อนโดยตลอด" น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุ

       อดีตนายกฯ ระบุในตอนท้ายว่า ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายได้โปรดยุติการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ หยุดกดดันหรือชี้นำเพื่อประโยชน์ทางการเมือง จนกว่ากระบวนการพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯ จะเสร็จสิ้น เพื่อให้ความเป็นธรรมกลับคืนสู่สังคมไทยต่อไป

บิ๊กตู่เปรยดอกไม้เหี่ยวก็ทิ้งบ้าง

      เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลฎีกาฯ มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไม่สามารถขออนุญาต เดินทางไปต่างประเทศได้แล้วใช่หรือไม่ว่า เดี๋ยวไปถามศาล มันเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม รอให้เขารายงานมาก่อน

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถามเกี่ยวกับคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์เพียงสั้นๆ ก่อนจะเดินขึ้นห้องทำงานบนตึกไทย คู่ฟ้าโดยระหว่างเดินขึ้นบันได พล.อ.ประยุทธ์ ได้หยุดและเด็ดดอกพุดที่เริ่มโรยในกระถาง ที่วางอยู่เชิงบันได พร้อมกล่าวแบบมีนัยยะว่า "ดอกที่เหี่ยวๆ ต้องเด็ดทิ้งไปบ้าง ต้นไม้เราต้องดูมันทุกวัน ดอกมันเก่าแล้ว อย่าไปสนใจ ดอกไม้นี้เรียกว่าดอกพุด บ้านเราเอาไว้ไหว้พระ ส่วนฝรั่งเขามีพวกดอกคาร์เนชั่น เอาไว้จีบกัน" จากนั้นได้เด็ดดอกพุดดอกใหม่ที่บานสะพรั่งมาใส่ในกระเป๋าเสื้อ

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าไหมลายสีเลือดหมูเข้ม ตัดสีดำ โดยพล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกคนแต่งชุดแบบนี้มาทำงานได้ทุกวัน ไม่ต้องใส่ชุดที่แพงให้มันเปลืองเงิน และที่แต่งมาวันนี้เพื่อเป็นแนวทางในวันสงกรานต์

ทีมทนายรอคำฟ้อง-เตรียมสู้คดี

     นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทีมทนายยังไม่ได้หารือกันถึงรายละเอียดคดี เพราะรอดูคำฟ้องของอัยการที่จะส่งสำเนามาให้พร้อมกับหมายก่อน ส่วนที่อัยการระบุเตรียมพยานไว้นำสืบ 13 ปากนั้น เราต้องดูก่อนว่าคำฟ้องของอัยการบรรยายพฤติการณ์กล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างไรบ้าง จึงจะประชุมหารือกำหนดพยานบุคคลอีกครั้งว่าฝ่ายจำเลยจะมีใครบ้าง 

    นายนรวิชญ์ กล่าวว่า ส่วนการเตรียมหลักทรัพย์ประกันตัวนั้น ยังไม่ได้หารือกันว่าจะใช้เงินสด หรือทรัพย์สินใดๆ ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ต้องยื่นเท่าใด เป็นดุลพินิจของศาลจะกำหนดว่าตีราคาประกันเท่าใด ทุกอย่างต้องรอความชัดเจน หลังจากหารือในทีมทนายความอีกครั้งเมื่อได้รับสำเนาคำฟ้องของอัยการโจทก์มาแล้ว

    นายนรวิชญ์ กล่าวว่า เมื่อศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องแล้วก็เข้าสู่กระบวนการพิจารณา ของศาล ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กแล้วว่าพร้อมต่อสู้ตามกระบวนการเพื่อพิสูจน์ ความบริสุทธิ์ ส่วนทีมทนาย เมื่อได้รับคำฟ้องแล้วจะนัดประชุมกันอีกครั้งหนึ่ง ขณะนี้ยังพูดอะไรไม่ได้เพราะเรายังไม่เห็นคำฟ้อง ต้อง รอให้เห็นคำฟ้องก่อนว่าเป็นอย่างไรถึงจะพิจารณาแนวทางการต่อสู้คดี ทั้งนี้ วันที่ 19 พ.ค.ที่ศาลนัดนั้น ตามกฎหมายแล้ว น.ส. ยิ่งลักษณ์จะต้องไปด้วยตัวเอง

'ไก่อู'กรีดสะบัดใส่ยิ่งลักษณ์

      ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวกรณีศาลฎีกาฯประทับรับฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีจำนำข้าวว่า การดำเนินการคดีอยู่ใน ขั้นตอนของศาล ที่หน่วยงานใดไม่สามารถก้าวล่วงได้ ขั้นตอนต่อไปจำเลยต้องมาแถลงเปิดคดี เพื่ออธิบายและยืนยันในความบริสุทธิ์ของตนเองต่อหน้าศาล หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ มั่นใจว่าการดำเนินนโยบายจำนำข้าวทำด้วยความรอบคอบ ไม่มีเจตนาที่มิชอบ ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อประเทศ ก็ควรนำข้อมูลหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ เพื่อหักล้างข้อมูลของอสส. ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง เชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่เลือกที่จะหลบหนีในชั้นศาลเหมือนนัก การเมืองหลายคนในอดีต

     "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ว่ามั่นใจว่านโยบายจำนำข้าวไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย จึงควรมาแถลงเปิดคดีด้วยตนเอง เพื่อให้กระบวนการพิจารณาคดีดำเนินต่อไปได้ มั่นใจว่าศาลจะพิจารณาวินิจฉัยบนพื้นฐานของหลักการและกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรม เมื่อศาลมีคำพิพากษาเช่นไร ถือเป็นที่สิ้นสุด และทุกฝ่ายต้องน้อมรับคำวินิจฉัยนั้น" รองโฆษกรัฐบาล กล่าว 

     ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงศาลฎีกาฯรับฟ้องคดี น.ส. ยิ่งลักษณ์ว่า บางส่วนอาจกังวลว่าเป็นเรื่องกลั่นแกล้งทางการเมือง ตนอยากให้คิดเสมอว่าทุกคนในประเทศนี้อยู่บนหลักของกฎหมาย อย่าไปคิดว่ากลั่นแกล้งหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ ใครทำที่ไม่ถูกต้องก็อยู่ในกระบวนการตามกฎหมาย บางทีคนที่อยู่ไกลก็ไม่รู้ก็ถามกันต่อๆ ว่าเป็นเรื่องกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ ดังนั้น ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบ กระทั่งตนถ้าทำผิดก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย ถ้าเกิดทุจริตก็ต้องดำเนินคดีไป ประชาชนก็จะเข้าใจ 

นักวิชาการชี้คดีปูซ้ำรอยแม้ว

     วันเดียวกัน เอเอฟพีรายงานความเห็นจากนักวิชาการกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รับฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในคดีรับจำนำข้าว โดยรองศาสตราจารย์ ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย กล่าวว่า กรณีที่ศาลรับฟ้อง น.ส. ยิ่งลักษณ์ ในครั้งนี้เป็นตัวอย่างของประวัติ ศาสตร์ที่วนกลับมาในรูปแบบเดิม เหมือนครั้งที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โดนคดีความ ก่อนต้องออกนอกประเทศ และเป็นสัญญาณที่ค่อนข้างแน่ชัดว่า ชนชั้นปกครอง ต้องการถอนรากถอนโคนตระกูล ชินวัตรออกไปจากวงการการเมืองไทย

     ด้านนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ รองศาสตราจารย์ มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น มองว่า การที่ศาลรับฟ้องคดีดังกล่าว ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นจำเลย จะเป็นการเพิ่มอุณหภูมิทางการเมืองให้ดุเดือดมากยิ่งขึ้น และจะทำให้ประชาชนออกมาต่อต้านความ อยุติธรรม และต่อต้านกระบวนการยุติธรรมที่ถูกการเมืองครอบงำ

สปช.จัดตารางเวลาถกร่างรธน.

      เมื่อเวลา 12.30 น. ที่รัฐสภา นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แถลงถึงการเตรียมพร้อมสปช.พิจารณารัฐธรรมนูญร่างแรก ที่เสนอโดยกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญว่า กมธ.ทั้ง 18 คณะ ทุกคนตั้งใจทำเต็มที่ เชื่อว่าสมาชิกทุกคนจะทำได้ดีที่สุด ซึ่งการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกในวันที่ 20-26 เม.ย.นี้ เราจะพิจารณาตั้งแต่เช้าของทุกวัน เว้นวันที่ 23 เม.ย. ที่จะเริ่มในช่วงบ่าย เนื่องจากได้รับหนังสือจากประธานสนช.ว่า ในช่วงเช้ามีวาระต้องพิจารณาอย่างเร่งด่วนตามกรอบกำหนด ดังนั้น วันที่ 23 เม.ย. สปช.จะเริ่มประชุมเวลา 14.00 น. ส่วนกรอบเวลาให้สมาชิกอภิปรายยังไม่ได้กำหนด ซึ่งจะหารือในรายละเอียดเพราะมีเวลาจำกัดแค่ 6 วัน ต้องทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

     นายเทียนฉาย กล่าวว่า ในรายละเอียดต่างๆ สมาชิกทุกคนและกมธ.ที่เกี่ยวข้องต้องหยิบประเด็นที่รับผิดชอบมาพิจารณา เริ่มตั้งแต่หมวด 1 ของรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะหมวด 4 ที่มีความสำคัญเป็นพิเศษ ในเรื่องข้อเสนอการปฏิรูปประเทศ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งเราจะให้ความสำคัญในการกำหนดทิศทางของประเทศเป็นหลัก พื้นฐานสำคัญคือการสนับสนุนสมาชิกทั้งหมด แม้หลายกรณีอาจมีความเห็นไม่ตรงกัน แต่ต้องให้โอกาสสมาชิกแสดงความคิดเห็นอย่าง อิสระ หรือพูดง่ายๆ ว่าเรื่องนี้ไม่มีโพย 

ต้นฤดูฝนพ้นฤดูแล้งถกประชามติ

     นายเทียนฉาย กล่าวอีกว่า กมธ.ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกมธ.ติดตามรับฟังความคิดเห็นของประชาชนได้เดินหน้าไปไกลมาก ทุกภาคส่วนสปช.ได้ประมวลความคิดเห็นทั้งหมดแล้ว และพร้อมให้สมาชิกยื่นญัตติขอแก้รัฐธรรมนูญภายใน 30 วัน

     เมื่อถามว่ากมธ.ยกร่างฯจำเป็นต้องรับฟังหรือทำตามความคิดเห็นและข้อเสนอแนะสปช.หรือไม่ นายเทียนฉายกล่าวว่าไม่จำเป็นต้องทำตาม แต่ต้องมีเหตุผลชี้แจงว่าทำไมไม่ทำตามหรือทำตาม และเมื่อกมธ.ยกร่างฯยืนยันจะไม่ทำตามความเห็นของสปช. ก็เป็นเรื่องที่สปช.ต้องมาพิจารณาด้วยเหตุและผลว่าจะเห็นชอบหรือไม่ ไม่ใช่ใช้อารมณ์

    เมื่อถามถึงการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ประธานสปช.กล่าวว่า สปช.จะพิจารณาในเวลาอันควร คาดว่าจะเป็นช่วงต้นฤดูฝน พ้นฤดูแล้ง ถ้าประชาชนส่งสัญญาณว่าร่างรัฐธรรมนูญเป็นที่ยอมรับแล้วก็ไม่ต้องทำประชามติ หากกรณีจำเป็นต้องทำประชามติจะต้องแก้ไขรัฐธรรม นูญชั่วคราว โดยต้องระบุช่วงเวลาทำประชามติให้ชัดเจน ทั้งนี้ ไม่อยากให้ความคิดเห็นของประธาน สปช. มาเป็นความคิดเห็นชี้นำให้กับสมาชิกคนอื่นๆ 

ยื่นปปช.สอบสปช.สภาลูกสภาเมีย

     วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงกรณียื่นคำร้องต่อประธานสปช. เพื่อขอสำเนาคำสั่งแต่งตั้งบุลคลต่างๆ ทำหน้าที่เป็นผู้ชำนาญการ ผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ช่วยดำเนินงานประจำตัวสปช.ว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีหนังสือแจ้งให้ตนมารับสำเนาเอกสารดังกล่าวตามที่แสดงเจตจำนงตามพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารราชการ พ.ศ.2540 แต่เมื่อมาถึงที่รัฐสภา ทางเจ้าหน้าที่แจ้งให้ไปรับที่สำนักงานเลขาธิการสภาที่ ถ.ประดิพัทธ์แทน ซึ่งตนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะทำให้ยุ่งยากทำไม หรือมีเจตนาปกปิดอะไรหรือไม่

    นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ในวันที่ 23 มี.ค. เวลา 11.00 น. ตนจะไปยื่นคำร้องต่อป.ป.ช. ขอให้ไต่สวนสมาชิกสปช.ที่ปรากฏรายชื่อ 12 คน และสมาชิกสปช.คนอื่นที่แต่งตั้ง เครือญาติเป็นผู้ชำนาญการ ผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ช่วยดำเนินงานประจำตัวทั้งหมด เนื่องจากมีพฤติกรรมเข้าข่ายมีผลประโยชน์ทับซ้อน ต้องห้ามตามระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2551 และยังเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช. รวมทั้งขอให้ไต่สวนนายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสปช.ด้วย ในฐานะผู้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งดังกล่าว ซึ่งหลังจากยื่นต่อป.ป.ช.แล้ว จะยื่นเอาผิดจริยธรรมต่อผู้ตรวจการแผ่นดินต่อไป 

สนช.นัดถอดถอน 25 รมต.คดีจีทูจี

     เมื่อเวลา 10.20 น. มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้แจ้งให้สมาชิกทราบว่า การประชุมในวันนี้มีวาระการพิจารณากฎหมายและเรื่องอื่นๆ จำนวนมาก จึงขอเลื่อนการรายงานความคืบหน้าการยกร่างรัฐธรรมนูญออกไปเป็นสัปดาห์หน้า 

     ประธานสนช.กล่าวว่า ป.ป.ช.ได้ส่งรายงานการชี้มูลความผิดของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ และนายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อถอดถอนออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีพฤติการณ์ว่ากระทำผิดตามพ.ร.บ. ว่าด้วยป.ป.ช. ส่อว่าทุจริต ส่อว่าใช้อำนาจหน้าที่ไม่ชอบปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติทำให้เกิดความเสียหาย จากกรณีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี)ในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งตนนัดประชุมนัดแรกในวันที่ 2 เม.ย. เพื่อนัดวันแถลงเปิดคดี และเปิดให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายเสนอพยานหลักฐานเพิ่มเติม

ทหาร-ตร.-ขรก.เฮกม.เงินเดือน

      นายพรเพชร กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.เป็นต้นไป ให้สมาชิกรับเอกสารประกอบการพิจารณาได้ ซึ่งมีทั้งหมด 2 ชุด ประกอบด้วยชุดที่ 1 จำนวน 479 หน้า และชุดที่ 2 มี 58,000 หน้า ส่วนสมาชิกคนใดต้องการยื่นญัตติซักถามก็ยื่นได้ก่อนการประชุมครั้งที่ 2 ซึ่งจะนัดประชุมต่อไป

     จากนั้นเข้าสู่วาระพิจารณาเรื่องด่วน ร่างพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ร่างพ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่...) พ.ศ. ... และร่างพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการรัฐสภา (ฉบับที่ ... ) พ.ศ. ... ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว โดยร่างพ.ร.บ.ทั้ง 4 ฉบับมีสาระสำคัญเกี่ยวกับบัญชีเงินเดือน การปรับอัตราเงินเดือนให้เหมาะสมเป็นธรรม และได้มาตรฐาน คำนึงถึงค่าครองชีพที่เปลี่ยนไปและเพื่อแก้ไขปัญหาบางประเด็นอย่างเร่งด่วน ไม่เกี่ยวกับระยะยาวที่อาจต้องปรับทั้งระบบ โดยทั้ง 4 ฉบับไม่มีสมาชิกคนใดอภิปราย ที่ประชุมจึงลงมติเห็นชอบในวาระ 3 ด้วยเอกฉันท์ และประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป

สมาคมครูจี้ปลดพล.ท.สุรเชษฐ์

    ที่รัฐสภา นายเกษม คำมุงคุณ นายกสมาคมครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาแห่งประเทศไทย ในนามสมาคมนักพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งประเทศไทย สหภาพครูแห่งชาติ ยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนายตวง อันทะไชย สมาชิกสนช. ในฐานะประธานกมธ.การศึกษา ให้ตรวจสอบการทำงานของรมช.ศึกษาธิการ 

     นายเกษมกล่าวว่า ในกระทรวงศึกษาฯมีการบริหารที่ไม่โปร่งใส ส่อทุจริตในการบริหารคือ ละเว้นไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีนายสมมาตร มีศิลป์ อดีตผอ.องค์การค้า เป็นผู้มีคุณสมบัติต้องห้ามตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิ ภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ในการสรรหาผอ.องค์การค้า และเสนอให้ผู้มีอำนาจสั่งเลิกจ้าง กรณีไม่ตรวจสอบการกระทำส่อทุจริตในการทำสัญญาเอื้อต่อบริษัท ล็อกซ์เลย์ ไวร์เลส จำกัด (มหาชน) จำหน่ายหนังสือแบบเรียนของนักเรียนมูลค่า 1,400 ล้านบาท ทำให้องค์การค้าของสกสค. เสียหายกว่า 90 ล้านบาท 

     นายเกษม กล่าวว่า นอกจากนี้ยังละเว้นไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีการทุจริตก่อสร้างอาคารพัฒนาวิชาชีพครู ที่จ.เชียงใหม่ มูลค่ากว่า 360 ล้านบาท และการละเว้นไม่ดูแลการนำเงินกองทุนของฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครู(ชพค.) มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาทไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และขัดต่อพ.ร.บ.การฌาปนกิจสงเคราะห์ โดยนำเงินดังกล่าวไปให้เอกชนกู้ เอื้อประโยชน์ต่อกรรมการกองทุนและพวกพ้อง ดังนั้น ขอให้ติดตามการบริหารงานของกระทรวงที่ไม่สนองตอบนโยบายของนายกฯ ในการปราบปรามการทุจริต และขอให้ปรับครม. โดยเฉพาะพล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาฯ ซึ่งเป็นผู้ดูแลกรณีดังกล่าว

อู๊ดด้าเต้นบอนไซพรรคการเมือง

     วันเดียวกัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเขียนรัฐธรรมนูญให้พรรคการเมืองอ่อนแอว่า ตนเป็นห่วงการยกร่างรัฐธรรมนูญขณะนี้ ถ้ากติกายังเป็นเช่นนี้โดยไม่ปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสม ห่วงว่ารัฐธรรมนูญจะอยู่ไม่ยืดเพราะโหงวเฮ้งรัฐธรรมนูญบอก เกรงว่าสุดท้ายจะไม่เป็นที่ยอมรับ ต้องมาเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ทำให้ประชาธิปไตยของประเทศสิ้นเปลื้องโดย ไม่จำเป็น ตนเป็นห่วงด้วยความปรารถนาดี หวังว่ากมธ.ยกร่างฯจะรับฟัง เพื่อความยั่งยืนของประชาธิปไตยของประเทศ

      "ถ้าประชาธิปไตยประเทศไหน พรรค การเมืองอ่อนแอ ง่อยเปลี้ยเสียขา ระบอบประชาธิปไตยจะได้รับผลกระทบไปด้วย ส่วนการใช้ระบบเลือกส.ส.บัญชีรายชื่อแบบระบบโอเพ่นลิสต์นั้น ระบบนี้จะมีผลกระทบต่อความเป็นเอกภาพ ทำให้ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อแต่ละพรรค นอกจากแข่งกับพรรคคู่แข่งแล้ว ยังต้องแข่งหาเสียงกันเองกับผู้สมัครพรรคเดียวกัน ท้ายที่สุดประชาชนจะรู้สึกสับสน" นายจุรินทร์กล่าว

พท.ชี้แนวโน้มศก.ไม่ดีขึ้นเลย

      ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน กล่าวว่า น่าแปลกใจที่สภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดการณ์ตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกก่อนจะจบเดือนมี.ค. โดยระบุว่าจะโต 3% หากเป็นตามนั้นถือว่าขยายตัวต่ำกว่าไตรมาสแรกของปี 2557 ที่มีการประท้วงของกปปส. ทำให้เศรษฐกิจติดลบ 0.6% และโอกาสที่ตลอดทั้งปีจะโตถึง 4% จึงแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจยังไม่มีทิศทางขยับดีขึ้นเหมือนที่นักธุรกิจหลายคนแสดงความเห็น

     "ต้องโทษกปปส.ที่เป็นสาเหตุของปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองในปัจจุบัน หากจำกันได้นักธุรกิจใหญ่หลายคนที่สนับสนุนกปปส.บอกว่าประเทศเสียหายเล็กน้อยรับได้ แต่ตอนนี้เศรษฐกิจเสียหายมหาศาล มากยิ่งกว่าการจำนำข้าว หากรัฐธรรมนูญใหม่ยังออกมามั่วๆ อย่างร่างแรก ประเทศไทยจะยิ่งขาดความน่าเชื่อถือ ทำให้ความเชื่อมั่นของทั้งในและนอกประเทศลดต่ำลงอีก เศรษฐกิจจะยิ่งทรุดหนักกว่าเดิม จึงอยากให้ช่วยกันพิจารณาแก้ไขให้เป็นสากล" นายพิชัยกล่าว

สนช.ตีกลับ4แคนดิเดตกสทช. 

     เมื่อเวลา 16.20 น. วันที่ 19 มี.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. เป็นประธานการประชุม พิจารณาวาระเลือกกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประเภท ผู้ที่มีผลงานหรือมีความรู้ และความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ทางด้านกฎหมาย แทนนายสุทธิพล ทวีชัยการ ที่ลาออก

    ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกสทช. พิจารณาเสร็จแล้ว โดยการพิจารณาเป็นการประชุมลับ มีการเสนอชื่อผู้ที่สมควรได้รับเลือกเป็นกสทช. 4 คน ประกอบ นายทวีเดช เส้งแก้ว ทนายความ สำนักงานกฎหมายนิติธาดา, นายธนกรณ์ พูนภิญโญศักดิ์ ทนายความและที่ปรึกษากฎหมาย, นายนิพันธ์ จิตะสมบัติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม และพล.ต.สุพิชาติ เสนานุรักษ์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เพื่อให้ที่ประชุมเห็นชอบเพียงคนเดียว ใช้เวลาประชุมเกือบ 2 ชั่วโมง 

     กระทั่งเวลา 18.00 น. จึงเปิดประชุมอีกครั้ง ผลปรากฏว่าที่ประชุมมีมติไม่รับพิจารณาให้ความเห็นชอบรายชื่อตามบัญชีที่ กมธ.เสนอ ด้วยคะแนน 138 ต่อ 13 งดออกเสียง 24 และให้ดำเนินการตามขั้นตอนธุรการเนื่องจากทั้ง 4 ราย ยังมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติที่ยังไม่ชัดเจน

      นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกวิปสนช. กล่าวว่า สนช.พิจารณาแล้วทั้ง 4 คนแล้วมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ดังนั้นสมาชิกสนช.จึงเห็นว่า อยากให้ส่งรายชื่อทั้งหมดคืนกลับไป แต่ในทางกฎหมายทำไม่ได้ จึงใช้ช่องทางรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 มาตรา 5 ให้สมาชิกสนช. ใช้มติที่ประชุม ไม่รับพิจารณาเรื่องดังกล่าวและให้ดำเนินการตามขั้นตอนธุรการต่อไป โดยส่งเรื่องกลับให้คณะกรรมการสรรหาต่อไป

คทช.จัดสรรที่ดินระยะ 2-เล็ง 8 จว.

     วันที่ 19 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแหง่ชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติครั้งที่ 1/2558 ว่า เราคาดหวังจัดสรรที่ดินทำกินให้แก่ประชาชนอย่างยั่งยืน โดยที่ประชุมได้วางหลักการว่าจะทำอย่างไร ให้ป่าไม้ในประเทศอยู่ได้ ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าเดิม ป้องกันการบุกรุก การใช้ประโยชน์ที่ไม่ถูกต้องผิดกฎหมาย ดูแลป่าต้นน้ำ ป่าสมบูรณ์ โดยกำหนดเป้าหมายไว้ด้วยกันหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่อยู่ในข่ายที่เป็นมติครม. กลุ่มที่มีสิทธิใช้ที่ดินของรัฐ ซึ่งมีมติเดิมอยู่แล้ว โดยรัฐจะดูแลในกรอบกติกา ส่วนกลุ่มที่ไม่มีที่ดินทำกินนั้นจะจัดสรรที่ดิน แต่ไม่เป็นกรรมสิทธิ์ ซึ่งกำลังพิจารณาเรื่องสิทธิประโยชน์อื่นให้แทน 

     "อย่ามาเร่งรัดในเวลานี้ เดี๋ยวจะทำอะไรไม่ได้และขอร้องอย่าทำอะไรที่ผิด ที่ดินที่เราให้ไปแล้วนั้นจะให้กรมพัฒนาที่ดินดูแลว่าจะทำอย่างไร ต้องเริ่มทำโซนนิ่งพื้นที่ เป็นการนำร่องพื้นที่การเกษตร นอกจากนี้ยังใช้แนวทางพระราชดำริ ทั้งเกษตรทฤษฎีใหม่ เศรษฐกิจพอเพียง ขอร้องให้ช่วยกัน รอเวลาบ้าง ฟังเวลาที่ผมพูดจะได้เข้าใจ ถ้าทุกคนเรียกร้องทั้งหมด ผมให้ไม่ได้" นายกฯ กล่าว

     พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แถลงว่า ในการจัดสรรที่ดินอย่างเป็นรูปธรรม โดยพื้นที่ที่จะดำเนินการได้ไม่เกินเดือนเม.ย.นี้ อาทิ ต.แม่ทา อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ เนื้อที่ 6,000-7,000 ไร่ จัดสรรให้แก่ประชาชน 2,000 ครอบครัว ในที่ประชุมเสนอเรื่องการจัดสรรที่ดินเข้าสู่การพิจารณา ซึ่งเป็นที่ของกรมป่าไม้ทั้งหมด 51,000 ไร่ ที่ดินสปก. 5,000 ไร่ โดยที่ประชุมอนุมัติให้ส่งมอบ 50,000 ไร่แรก กระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างจัดสรรให้ประชาชนเข้าไปอยู่อาศัยในที่ดินส.ป.ก.ว่างเปล่า นอกจากนั้นที่ประชุมอนุมัติตามที่กระทรวงทส.เสนอขออนุมัติงบฯ เพิ่มเติม 65 ล้านบาท เป็นงบฯ การเดินทาง เบี้ยประชุมรวมให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวว่า นายกฯ ย้ำเรื่องการจัดรูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินและป่าไม้ต้องควบคู่กันไป ส่วนพื้นที่ที่มีการจัดสรรจะประเมินผลต่อเนื่อง เช่น โครงการบ้านแม่ทา ซึ่งเป็นโครงการแรกที่ดำเนินการ จะขอเวลานายกฯ เดินทางไปตรวจเยี่ยมในพื้นที่เพื่อจะได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าหากประเมินไม่ผ่านแล้วจะไล่ออกจากพื้นที่ มั่นใจว่าประชาชนมีจิตสำนึกอยู่แล้วหากทำอะไรที่รุนแรงอาจกระทบความรู้สึกประชาชนได้ เนื่องจากตอนนี้เราต้องมีความไว้วางใจกันก่อน

    เมื่อถามว่า ที่ดินที่จะจัดสรรล็อตแรกจะเริ่มเดือนเม.ย.หรือไม่ พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวว่า น่าจะเริ่มได้ เพราะที่ดินทั้งหมดเมื่อส่งมอบไปแล้วขั้นตอนต่อไป ผู้ว่าฯ จะลงไปดูในรายละเอียด ชื่อบุคคลซึ่งขณะนี้เรียบร้อย และผู้ว่าฯ จะส่งหนังสือขออนุญาตกรมป่าไม้เพื่อขอใช้ประโยชน์พื้นที่ เมื่อถามว่ากำหนดกฎเกณฑ์ที่ดินที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ไว้อย่างไร พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวว่า ในเมื่อที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ก็ไม่สามารถนำไปทำอะไรได้อยู่แล้ว และที่ดินดังกล่าวเป็นของหลวงใครจะนำไปขายไม่ได้

    รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า คทช.ได้อนุมัติให้ดำเนินการในระยะที่ 2 เดือนมี.ค.-พ.ค. 2558 ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่เป้าหมาย 8 พื้นที่ 8 จังหวัด ประกอบด้วย จ.กาญจนบุรี ราชบุรี ลำปาง อุตรดิตถ์ เชียงราย พะเยา ยโสธร และจ.อุบลราชธานี เนื้อที่ 51,929 ไร่ ซึ่งกรมป่าไม้ได้ส่งข้อมูลให้ คทช.จังหวัดรับไปดำเนินการแล้ว ส่วนในพื้นที่ ส.ป.ก. อนุกรรมการจัดหาที่ดินได้เสนอพื้นที่เป้าหมายประจำปีงบประมาณ 2558 ใน 4 พื้นที่ 4 จังหวัด เนื้อที่ 5,584 ไร่ รองรับราษฎร 824 ราย ทั้งนี้ นายกฯ กำชับเรื่องมาตรการป้องกันการบุกรุกใหม่และการจัดเกษตรโซนนิ่งหลังมติครม.เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2541 เนื่องจากมีการบุกรุกมาก

'ตู่'เยือนสิงคโปร์-ถกท่องเที่ยว

       วันที่ 19 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์และเนการาบรูไนดารุสซาลามอย่างเป็นทางการ วันที่ 24-26 มี.ค.นี้ว่า จะหารือถึงความร่วมมือในทุกมิติ ขณะนี้มีความร่วมมือทางทหารและความมั่นคงอยู่แล้ว จึงจะหารือเรื่องการค้าการลงทุน รวมถึงการซื้อขายสินค้า เช่น ผลไม้ ข้าวต่างๆ แต่เรื่องสำคัญคือเรื่องธุรกิจและการท่องเที่ยวที่ต้องคุยกัน

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ต้องขอบคุณรัฐบาลสิงคโปร์ ที่มาช่วยดับไฟป่า ทั้งของกองทัพบกและกองทัพอากาศมาช่วยกัน มันต้องซื้อเครื่องบินใหม่ๆ มาบ้างเพราะใช้ประโยชน์อย่างนี้ ไม่ใช่รบอย่างเดียว ไม่ใช่มาบอกจะไปรบกับใคร รบกับความยากจน อะไรใช้ได้ก็ใช้

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการเดินทางเยือนบรูไนนั้น ปกติก็คุยกันอยู่แล้ว แต่ต้องไปเยือนอย่างเป็นทางการ ตั้งคณะพูดคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ที่ผ่านมาก็คุยกับนายกฯตามที่ต่างๆ พระราชินีของประเทศเขาก็ดีกับเรา ให้กำลังใจมาตลอด ทุกประเทศรอบบ้านไม่มีใครขัดแย้งกับเราเลย ให้กำลังใจ 

      "เขาบอกยาก ขอให้ผ่านวันเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้ ผมจึงต้องขอความร่วมมือทุกคนเอาวิกฤตเป็นโอกาส มันไม่มีโอกาสอีกแล้วที่เราจะแก้ปัญหา ต้องแก้เป็นระยะๆ ใช้เวลาด้วยความร่วมมือกับทุกคน ดูแลคนทุกระดับ" นายกฯกล่าว

มึน-อียูให้ใบเหลืองไทยค้ามนุษย์

     เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 19 มี.ค. ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสหภาพยุโรป (อียู) จะให้ใบเหลืองแก่ประเทศไทย เนื่องจากปัญหาประมง และการค้ามนุษย์ว่า นายกฯ แต่งตั้งตน เป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยพยายามแก้ไขในทุกเรื่อง ทั้งการแก้กฎหมายต่างๆ เรื่องเรือประมง ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จดทะเบียนและติดจีพีเอสให้กับเรือที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงกระทรวงแรงงาน จัดระเบียบแรงงานไทยในเรื่องวันสต๊อปเซอร์วิส 

     รองนายกฯ กล่าวว่า ยืนยันว่าเราดำเนินการตามขั้นตอนและหลักสากล เราแก้ไขกฎหมายให้ชัดเจน ทั้งกระทรวงแรงงาน ตำรวจน้ำ ที่ปฏิบัติภารกิจต่างๆ ไปตรวจพื้นที่ทางทะเล รวมถึงกองทัพเรือ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบก็ทำทุกอย่าง แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด อียูจึงให้ ใบเหลือง ทั้งที่เราทำทุกอย่างตามหลักสากล ที่ผ่านมาเราพูดคุยกับ รมว.กลาโหม ของอินโดนีเซียและรมว.กลาโหม เวียดนาม ในการแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรม

      เมื่อถามว่า จะใช้มาตรการอะไรตอบโต้เรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราคงไม่ไปตอบโต้ แต่เราจะดำเนินการและชี้แจงทำความเข้าใจ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ก็กังวลเรื่องนี้มาตลอด ยืนยันว่า เราทำเต็มที่ และตนจะไปเยือนอินโดนีเซีย เพื่อพูดคุยและแก้ปัญหาแรงงานที่ยังมีแรงงานติดค้างอยู่ที่เกาะอำบล ประมาณ 500-600 คน 

ศาลรับฟ้อง-นัด 19 พค. ปูสู้คดีข้าว ขอยุติธรรม-ไม่มี'อคติ' สนช.ถอด'บุญทรง'2 เมย. 'ศรีสุวรรณ'เล็งร้องปปช. ฟัน 12 สปช.ตั้งเครือญาติ ทนายโวยมือบึ้มโดนช็อต ผบ.คุกปัดซ้อม-แค่ถลอก

เด็ดทิ้ง - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เด็ดดอกพุดพร้อมพูดปริศนาที่เหี่ยวๆ ต้องเด็ดทิ้งบ้าง ก่อนเดินขึ้นห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 19 มีนาคม



ชี้แจง - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กพร้อมภาพล่าสุด ขอความเป็นธรรมในการต่อสู้คดี ภายหลังศาลฎีกาฯมีคำสั่งรับฟ้อง ฐานละเลยไม่ดำเนินการยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า 6 แสนล้านบาท เมื่อวันที่ 19 มีนาคม

      ศาลฎีกาฯรับฟ้อง'ปู'คดีจำนำข้าว พิจารณานัดแรก 19 พ.ค. อัยการแถลงมั่นใจหลักฐาน 'ยิ่งลักษณ์'โพสต์ข้อความเป็นธรรม

@ ศาลฎีการับฟ้องคดีปู-นัด 19 พค.

      เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 19 มีนาคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลฎีกานัดฟังคำสั่งในคดีหมายเลขดำ อม.22/2558 ที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว โดยก่อนนัดฟังคำสั่งองค์คณะผู้พิพากษาได้มีมติเลือกนายวีระพล ตั้งสุวรรณ รองประธานศาลฎีกา เป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน

      จากนั้นนายวีระพลพร้อมองค์คณะทั้ง 9 คนได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่ง โดยศาลฎีกาฯพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาฯ ตามมาตรา 9 (1) แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 และคำฟ้องโจทก์ถูกต้องตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกาฯ พ.ศ.2343 ข้อ 8 จึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้องคดีไว้ และนัดพิจารณาคดีครั้งแรกในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ เวลา 09.30 น. โดยให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำเลย โดยให้โจทก์หรือผู้แทนโจทก์นำเจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายภายใน 7 วัน หากการส่งหมายไม่พบจำเลยหรือไม่มีผู้รับแทนโดยชอบให้ปิดหมายแทน

@ 'ปู-ทีมทนาย'ไม่มาร่วมฟัง 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การฟังคำสั่งของศาลฎีกาวันนี้ โจทก์มีคณะทำงานอัยการประกอบด้วยนายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมคณะทำงานอัยการเดินทางมาฟังคำสั่งของศาล ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฝ่ายจำเลย ไม่ได้เดินทางมาที่ศาล และไม่ได้ส่งทนายความหรือตัวแทนมาฟังคำสั่งแต่อย่างใด ทั้งนี้ภายหลังจากที่องค์คณะมีคำสั่งประทับฟ้องแล้ว ทางศาลฎีกาฯจะส่งหมายแจ้งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางมาศาลเพื่อนัดพิจารณาครั้งแรกในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ ในวันดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์จะต้องเดินทางมาแสดงตัวต่อศาลด้วยตนเองเป็นครั้งแรกตามขั้นตอน โดยจะสอบคำให้การว่าจะรับสารภาพหรือให้การปฏิเสธ

@ อสส.แถลงมั่นใจหลักฐาน 

     ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ นายชุติชัย นายสุรศักดิ์ และนายโกศลวัฒน์ ร่วมแถลงข่าวโดยนายสุรศักดิ์กล่าวว่า ทางอัยการโจทก์ได้เตรียมพยานบุคคลไว้รวมจำนวน 13 ปาก ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่รัฐและเจ้าหน้าที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมทั้งพยานเอกสาร พยานวัตถุต่างๆ แผ่นซีดี โดยระบุไว้ในการจัดทำบัญชีพยาน เพื่อให้ข้อเท็จจริงส่วนใหญ่รับฟังได้เป็นที่ยุติว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องอย่างไรบ้าง และเพื่อยืนยันการได้มาซึ่งเอกสารราชการต่างๆ รวมทั้งประเด็นในข้อกฎหมายว่าจำเลยมีการ กระทำฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ ขณะนี้พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์น่าจะเพียงพอแล้ว ทางอัยการมั่นใจว่าหลักฐานครบถ้วนทุกประเด็นตามที่ทางอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องเพื่อให้ศาลรับฟังเป็นที่ยุติได้ สำหรับวันนัดพิจารณาคดีครั้งแรกในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำเลยจะต้องเดินทางมารายงานตัวต่อศาลด้วยตนเอง (อ่านรายละเอียดหน้า 2)

@ 'ทนายปู'เตรียมหลักทรัพย์ประกัน

     นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ทีมทนายความยังไม่ได้หารือกันถึงรายละเอียดคดี เพราะรอดูคำฟ้องของอัยการที่จะส่งสำเนามาให้พร้อมกับหมายก่อน ส่วนที่อัยการระบุเตรียมพยานไว้นำสืบ 13 ปากนั้น ต้องดูก่อนว่าคำฟ้องของอัยการบรรยายพฤติการณ์กล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างไรบ้าง ทีมทนายความจึงจะประชุมหารือกำหนดพยานบุคคลอีกครั้งว่าฝ่ายจำเลยจะมีใครบ้าง สำหรับการเตรียมหลักทรัพย์ประกันตัวนั้น ยังไม่ได้หารือกันว่าจะใช้เงินสดหรือทรัพย์สินใดๆ ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ต้องยื่นเท่าใด เป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดว่าตีราคาประกันเท่าใด อย่างไรก็ดีทุกอย่างต้องรอความชัดเจน หลังจากการหารือกันในทีมทนายความอีกครั้งเมื่อได้รับสำเนาคำฟ้องของอัยการโจทก์มาแล้ว 

@ 'ปู'วอนขอความเป็นธรรม 

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุตอนหนึ่งว่า "ดิฉันเพียงหวังว่าในการพิจารณาคดีในชั้นศาลฎีกาฯ ดิฉันจะมีสิทธิที่จะเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างแท้จริง และมีโอกาสเสนอข้อเท็จจริง ข้อโต้แย้ง และพยานหลักฐานของดิฉันในการต่อสู้คดีอย่างเพียงพอ ที่สำคัญดิฉันขอให้มีการพิจารณาอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม ปราศจากอคติใดๆ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาดิฉันเห็นว่าดิฉันยังไม่ได้รับสิทธิในกระบวนการยุติธรรมในชั้นที่ถูกกล่าวหา และมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองที่จะทำลายดิฉันเข้ามาแทรกซ้อนโดยตลอด สุดท้ายนี้ ดิฉันขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายได้โปรดยุติการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ หยุดกดดันหรือชี้นำเพื่อประโยชน์ทางการเมือง จนกว่ากระบวนการพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯจะเสร็จสิ้น เพื่อให้ความเป็นธรรมกลับคืนสู่สังคมไทยต่อไป"

@ 'บิ๊กตู่'อารมณ์ดีพูดเป็นนัยยะ 

     ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถามเรื่อง น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไม่สามารถขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศได้แล้วใช่หรือไม่ ว่า "เดี๋ยวไปถามศาล มันเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม เดี๋ยวรอให้เขารายงานมาก่อน"

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถามเกี่ยวกับคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เพียงสั้นๆ ก่อนที่จะเดินขึ้นไปยังห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า โดยระหว่างเดินขึ้นบันได พล.อ.ประยุทธ์ได้หยุดและเด็ดดอกพุดที่เริ่มโรยในกระถางที่วางอยู่เชิงบันได พร้อมกล่าวแบบมีนัยยะว่า "ดอกที่เหี่ยวๆ ต้องเด็ดทิ้งไปบ้าง ต้นไม้เราต้องดูมันทุกวัน ดอกมันเก่าแล้ว อย่าไปสนใจ ดอกไม้นี้เรียกว่าดอกพุดบ้านเราเอาไว้ไหว้พระ ส่วนของฝรั่งเขาก็มีพวกดอกคาร์เนชั่น เอาไว้จีบกัน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างอารมณ์ดี พร้อมเด็ดดอกพุดดอกใหม่ที่บานสะพรั่งมาใส่ในกระเป๋าเสื้อ

@ 'สรรเสริญ'เชื่อ'ปู'ไม่หนีศาล

    พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์มั่นใจว่าการดำเนินนโยบายจำนำข้าวที่ผ่านมาทำไปด้วยความรอบคอบ มิได้มีเจตนามิชอบ รวมทั้งมิได้สร้างความเสียหายต่อประเทศ ควรนำข้อมูลหลักฐาน และมาแสดงตนเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ จึงควรมาแถลงเปิดคดีด้วยตนเองและเชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์น่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่เลือกที่จะหลบหนีในชั้นศาลเหมือนนักการเมืองหลายคนในอดีต

@ สปช.ยันไม่มีโพยถกร่างรธน. 

     ที่รัฐสภา นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แถลงถึงการเตรียมพร้อม สปช. ในการพิจารณารัฐธรรมนูญร่างแรก ที่เสนอโดยคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ว่าการเตรียมการของ กมธ.ทั้ง 18 คณะ สมาชิกทุกคนตั้งใจทำเต็มที่ ในรายละเอียดต่างๆ สมาชิกทุกคนและ กมธ.ที่เกี่ยวข้องต้องหยิบประเด็นที่เกี่ยวข้องกับที่ตนรับผิดชอบมาพิจารณา โดยเริ่มตั้งแต่หมวด 1 ของรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะหมวด 4 ที่มีความสำคัญเป็นพิเศษ ในเรื่องข้อเสนอการปฏิรูปประเทศ โดยจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แม้หลายกรณีอาจมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่ต้องให้โอกาสสมาชิกได้แสดงความคิดเห็นกันอย่างเป็นอิสระ หรือพูดง่ายๆ ว่าเรื่องนี้ไม่มีโพย เมื่อถามว่า กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ จำเป็นจะต้องรับฟังความคิดเห็น สปช.หรือไม่ นายเทียนฉายกล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องทำตาม แต่ กมธ.ยกร่างฯจะต้องมีเหตุผลชี้แจงว่าทำไมไม่ทำตาม หรือทำตามเพราะเหตุใด เป็นเรื่องที่ สปช.ต้องมาพิจารณาร่วมกันด้วยเหตุและผลว่า จะเห็นชอบหรือไม่ โดยไม่ใช่การใช้อารมณ์ หากจำเป็นต้องทำประชามติ จะต้องไปแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว โดยต้องระบุช่วงเวลาการทำประชามติให้ชัดเจนด้วย ตนไม่อยากให้ความคิดเห็นของประธาน สปช. มาเป็นความคิดเห็นชี้นำให้กับสมาชิกคนอื่นๆ จึงขอเก็บความคิดเห็นใส่กระเป๋า

@ 'วิษณุ'ชี้แก้ตามใจทุกคนไม่ได้ 

     ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กมธ.ยกร่างฯจะแก้ไขให้ถูกใจใครหมดทุกคนไม่ได้ หากแก้ไขตามใจทุกคนจะเละไปหมดทั้งฉบับ และเมื่อตนกำกับดูแลเรียบร้อยก็นำเรียนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบเพื่อเป็นแนวทางของรัฐบาลต่อไป ส่วนจะแก้ไขส่วนใดยังบอกไม่ได้เพราะหากบอกออกไปสิ่งนั้นจะกลายเป็นท่าทีของรัฐบาลทันที เมื่อถามประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่หลายถกเถียงกัน นายวิษณุกล่าวว่า รัฐบาลจะแก้ไขอะไรคงเป็นในส่วนที่รัฐบาลเห็นว่าเป็นปัญหาใน 315 มาตรา แต่หากคนอื่นเห็นว่าต้องแก้ไขแล้วส่งเรื่องมาให้รัฐบาลต้องดูว่าเหมาะสมที่จะแก้ไขเห็นไม่ ดังนั้น จะแบ่งเรื่องที่เห็นว่าควรแก้ไข 2 บัญชีคือ 1.บัญชีที่รัฐบาลเห็นว่าควรแก้ไข และ 2.บัญชีที่ฝ่ายต่างๆ ที่ส่งเรื่องมาให้แต่ทั้งหมด ครม.ต้องเห็นชอบด้วย

@ 'บิ๊กป้อม'ขานรับชงนิรโทษฯ

     พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน กมธ.ยกร่างฯเสนอแนวทางนิรโทษกรรมให้กับผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมาทุกกลุ่มเพื่อสร้างความปรองดองว่า พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลไม่ขัดข้องเพราะอยากให้คนในชาติเกิดความปรองดอง เพราะฉะนั้นต้องคุยกัน และเสนอกฎหมายไปที่ สนช.คิดว่าก็น่าจะทำได้ เมื่อทุกคนเห็นตรงกันแล้วอะไรต่างๆ ก็ทำสามารถได้ นอกเสียจากอะไรที่ผิดกฎหมายร้ายแรงเพียงเท่านั้น สิ่งใดที่ทำให้เกิดความปรองดองสามารถทำได้ หากทุกฝ่ายยอมรับ และประชาชนเห็นด้วย

@ สนช.นัด 2 เม.ย.ถอด'บุญทรง'

   ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นประธานการประชุม สนช. ได้แจ้งให้สมาชิกว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ส่งรายงานการชี้มูลความผิดของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อถอดถอนออกจากตำแหน่งเนื่องจากมีพฤติการณ์ว่ากระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.โดยส่อว่าทุจริต ส่อว่าใช้อำนาจหน้าที่ไม่ชอบปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติทำให้เกิดความเสียหาย จากกรณีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในโครงการรับจำนำข้าว ได้นัดประชุมนัดแรกในวันที่ 2 เมษายน เพื่อนัดวันแถลงเปิดคดี และเปิดโอกาสให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้เสนอพยานหลักฐานเพิ่มเติม และตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคมเป็นต้นไปเพื่อให้สมาชิกรับเอกสารประกอบการพิจารณาได้ ซึ่งมีทั้งหมด 2 ชุด ประกอบด้วยชุดที่ 1 จำนวน 479 หน้า และชุดที่ 58,000 หน้า ส่วนสมาชิกคนใดต้องการยื่นญัตติซักถามก็สามารถยื่นได้ก่อนการประชุมครั้งที่ 2 ซึ่งจะได้การนัดประชุมต่อไป

@ 'ศรีสุวรรณ'เล็งร้องป.ป.ช.ฟันสปช.

     นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงกรณีที่ได้ยื่นคำร้องต่อประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อขอสำเนาคำสั่งแต่งตั้งบุลคลต่างๆ เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ชำนาญการ ผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ช่วยดำเนินงานประจำตัว สปช.ว่า ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้มีหนังสือแจ้งให้ตนมาติดต่อขอรับสำเนาเอกสารดังกล่าวได้ตามที่ได้แสดงเจตจำนง ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารราชการ พ.ศ.2540 แต่เมื่อมาถึงที่รัฐสภา ทางเจ้าหน้าที่แจ้งให้ไปรับที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่ถนนประดิพัทธ์แทน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะทำให้ยุ่งยากทำไม หรือมีเจตนาปกปิดอะไรหรือไม่ ดังนั้น จึงตัดสินใจว่า ในวันที่ 23 มีนาคมนี้ เวลา 11.00 น. จะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนสมาชิก สปช. 12 รายและสมาชิก สปช.คนอื่นๆ ที่มีการแต่งตั้งเครือญาติเข้าดำรงตำแหน่ง เนื่องจากมีพฤติกรรมเข้าข่ายมีผลประโยชน์ทับซ้อนต้องห้ามตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2551 และยังเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. รวมทั้งขอให้ไต่สวนนายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในฐานะผู้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งดังกล่าวด้วย ซึ่งภายหลังจากยื่นต่อ ป.ป.ช.แล้ว จะยื่นเอาผิดจริยธรรมต่อผู้ตรวจการแผ่นดินต่อไป 

@ ตร.ไล่ล่า'เอนก ซานฟราน'

     ความคืบหน้าเหตุคนร้ายปาระเบิดอาร์จีดี-5 ใส่ลานจอดรถศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มีนาคม โดยจับกุมนายมหาหิน ขุนทอง คนขี่รถจักรยานยนต์ นายยุทธนา เย็นภิญโญ คนปาระเบิด น.ส.ณัฏฐ์พัชร์ อ่อนมิ่ง ภรรยานายมหาหิน และ น.ส.ธัชพรรณ ปกครอง ภรรยานายยุทธนา ร่วมกันประชุมวางแผนจัดเตรียมอาวุธก่อเหตุ และไปขออำนาจทหารฝากขัง ต่อมาขยายผลออกหมายจับนายสรรเสริญ หรือสัน ศรีอุ่นเรือน อายุ 63 ปี นายวิชัย หรือตั้ม อยู่สุข อายุ 49 ปี และนายณเรศ อินทรโสภา อายุ 32 ปี เจ้าของร้านนมสดใน จ.ขอนแก่น ทำหน้าที่จัดสถานที่ประชุมวางแผน รับเงินค่าจ้าง 20,000 บาท จากนางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือเดียร์ อายุ 49 ปี ผู้จ้างวานทางไลน์ นายวิระศักดิ์ โตวังจร อายุ 43 ปี หรือใหญ่ พัทยา ผู้จัดหาอาวุธ นายชาญวิทย์ จริยานุกูล อายุ 61 ปี นายนรภัทร เหลือผล หรือบาส ผู้เข้าร่วมประชุม นายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน ผู้ต้องหาความผิดตามมาตรา 112 ฐานหมิ่นเบื้องสูง เหตุเกิดที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. นางวาสนา บุษดี ผู้รับคำสั่งจากนางสุภาพรให้โอนเงินค่าจ้าง 10,000 บาท ให้กลุ่มผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุ นายเจษฎาพงษ์ วัฒนพรชัยศิริ อายุ 44 ปี ผู้ร่วมประชุมวางแผน นายวสุ เอี่ยมละออ ผู้รับโอนเงิน นายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ และ น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือแหวน พยาบาลอาสาสมัคร พยานปากเอกคดี 6 ศพ วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร หลังพบหลักฐานการโอนเงิน

      ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษก ตร. แถลงความคืบหน้าว่า ในวันที่ 20 มีนาคมนี้ พนักงานสอบสวนจะรับตัวผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 คน คือ นายวสุ เอี่ยมละออ มีหมายจับข้อหาร่วมกันก่อการร้าย และนายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ จากเจ้าหน้าที่ทหารเพื่อนำตัวมาสอบปากคำพร้อมบันทึกประวัติและแจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอนต่อไป ส่วนกรณีการติดตามตัวนายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาก่อการร้าย ในฐานะผู้บงการและผู้จ้างวานนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพล เพื่อขอทราบความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาคนดังกล่าว ว่าหลบหนีอยู่ในประเทศหรือเมืองใด ก่อนจะทำเรื่องส่งหมายแดงให้กับประเทศที่เชื่อว่าผู้ต้องหาไปหลบหนีอยู่ให้ช่วยส่งตัวกลับมาตามสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่ทางการไทยจะได้ตัวผู้ต้องหาคนดังกล่าว เนื่องจากข้อหาก่อการร้ายนั้นถือเป็นข้อหาสากลซึ่งประเทศสมาชิกในสนธิสัญญาฯมีข้อหาดังกล่าวระบุอยู่ทั้งสิ้น 

@ ส่งแพทย์ตรวจเพิ่มปมถูกซ้อม 

      ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ต้องหา 4 รายว่าถูกเจ้าหน้าที่ทรมานโดยการชกต่อย กระทืบบริเวณศีรษะ ทรวงอกและหลัง รวมทั้งชอร์ตด้วยไฟฟ้า เพื่อให้ได้ซึ่งข้อมูลนั้น พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าก่อนที่เจ้าหน้าที่ทหารจะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 รายมาส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนนั้น แพทย์ทำการตรวจร่างกายผู้ต้องหาอยู่แล้ว และตอนนั้นมีการสอบถามแล้วว่ามีบาดแผลตรงจุดไหนหรือไม่ แต่ผู้ต้องหาไม่ได้บอกว่าถูกทำร้ายแต่อย่างใด ทั้งนี้การส่งตัวผู้ต้องหามีขั้นตอนที่ชัดเจน มีการซักถามว่าเจ็บตรงไหนหรือได้รับบาดเจ็บส่วนไหนบ้างหรือไม่ หากมีการแจ้งภายหลังในเรือนจำต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าเกิดจากสาเหตุใดและอาวุธชนิดใด มีแพทย์ประจำเรือนจำอยู่แล้ว ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังประสานกับแพทย์อยู่ว่าในวันดังกล่าวได้ทำการตรวจร่างกายละเอียดเพียงใด แต่เท่าที่ทราบผู้ต้องหาทั้งหมดมีสติดีทุกประการ แต่อย่างไรก็ต้องตรวจสอบเป็นรายคนพร้อมกับตรวจสอบเอกสารบันทึกความเห็นของแพทย์ในวันดังกล่าวอีกครั้ง รวมทั้งอาจต้องสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 4 รายเพิ่มเติมอีกด้วย ปกติการตรวจร่างกายจะไม่ค่อยตรวจตามผิวหนัง จะเป็นการตรวจเช็กความดัน การเต้นของหัวใจ จำนวนออกซิเจนในเลือด และฟังเสียงหัวใจ ดังนั้นบาดแผลดังกล่าวอาจเกิดก่อนหรือหลังก็ได้ จึงต้องส่งทีมแพทย์ไปตรวจร่างกายเพิ่มเติม ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะนำความเห็นของแพทย์ทั้งในวันส่งตัวและแพทย์ในเรือนจำมาวิเคราะห์อีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุของบาดแผล บาดแผลดังกล่าวเกิดในช่วงเวลาไหน เป็นช่วงที่อยู่กับทหาร ตำรวจ หรือเกิดก่อนหน้านั้น ประกอบกับดูคำให้การของผู้ต้องหาด้วยว่าถูกทำร้ายจากใครและเมื่อไหร่ 

@ ตร.นำ'เดียร์'ทำแผนสารภาพ 

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 04.00 น. เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือเดียร์ นายมหาหิน ขุนทอง และนายยุทธนา เย็นภิญโญ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นบ้านของนางสุภาพร และใช้เป็นที่ใช้วางแผนโอนเงินจ้างวานนายมหาหินเเละนายยุทธนา ให้ก่อเหตุปาระเบิดใส่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก

     ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. ที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นำตัวนายเจษฎาพงษ์ วัฒนพรชัยสิริ มาขออำนาจศาลทหารกรุงเทพเพื่อขอฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน โดยพนักงานสอบสวนได้แนบท้ายคำร้องฝากขังคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวข้องกับความมั่นคงและเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี จากนั้นเวลา 14.45 น. เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน บช.น. ได้นำตัวนางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือเดียร์ มาขออำนาจศาลทหารกรุงเทพเพื่อขอฝากขังผลัดแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 19-30 มี.ค.58 โดยในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คัดค้านการขอประกันตัวเช่นกัน 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสุภาพรมีสีหน้าอิดโรยหลับตาและจับแขนเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แน่นตลอดทาง ขณะที่บรรยากาศหน้าศาลทหารฯ มีสื่อมวลชนจำนวนมากให้ความสนใจมารอทำข่าว

@ ฝากขัง'เดียร์-เจษฎาพงษ์' 

     จากนั้นในเวลา 16.30 น. ที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพได้ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาอ่านคำร้องที่เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ยื่นเรื่องขอฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ประกอบด้วย นายเจษฎาพงษ์ วัฒนพรชัยสิริ และนางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือเดียร์ คณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพพิเคราะห์แล้วเห็นว่ามีเหตุผลเพียงพอ จึงอนุญาตให้ฝากขังตามที่เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 19-30 มี.ค. จากนั้นเจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์ได้นำตัวนายเจษฎาพงษ์ไปฝากขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วนนางสุภาพรถูกนำตัวไปฝากขังไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง

@ ผบ.คุกเผย'ยุทธนา'แผลถลอก 

      นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ขณะนี้เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้ตรวจร่างกายของผู้ต้องหาแล้ว 2 ราย คือ นายยุทธนา เย็นภิญโญ และนายมหาหิน ขุนทอง โดยเป็นการตรวจตามระเบียบปกติ ผลการตรวจร่างกายนาย

มหาหินมีผลตรวจร่างกายปกติ ส่วนนายยุทธนาพบมีร่องรอยบาดแผลตามร่างกาย สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าจับกุมตัว เนื่องจากเป็นบาดแผลคล้ายรอยถลอกซึ่งอาจเกิดจากรถจักรยานยนต์ล้ม และบาดแผลที่ถูกยิงด้วยอาวุธปืน แต่ได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลมาแล้ว ก่อนถูกนำตัวมาฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

นายอายุตม์กล่าวต่อว่า ส่วนผู้ต้องหาอีก 4 คน คือ นายชาญวิทย์ จริยานุกุล, นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือง, นายวิชัย อยู่สุข และนายนรพัฒน์ เหลือผล เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ผลการตรวจร่างกายเป็นไปด้วยความปกติ ไม่พบโรคประจำตัว เนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง 6 คน เป็นผู้ต้องหาในคดีสำคัญ จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ในเรือนจำดูแลเป็นพิเศษ และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับด้วยว่าหากผู้ต้องหามีอาการป่วยหรืออาการเครียดก็เร่งให้การรักษาและรายงานให้เจ้าหน้าที่ทราบด้วย แต่เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ยังไม่มีความเครียด

@ 'อานนท์'เผยมือบึ้มถูกไฟชอร์ต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอานนท์ นำภา ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน หนึ่งในผู้ต้องหาคดีร่วมก่อเหตุปาระเบิด บริเวณศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายว่า "ผมมีโอกาสได้คุยกับพี่สรรเสริญ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีระเบิดหน้าศาลอาญา แกโดนชอร์ต ด้วยไฟฟ้า มีบาดแผลชัดเจน ทั้งยังยืนยันว่าถูกกระทำอย่างทารุณระหว่างการควบคุมของทหาร เมื่อวานผมยื่นหนังสือขอให้ราชทัณฑ์ส่งตัวไปรักษาแล้ว บ่ายนี้จะไปตามเรื่องอีกครั้ง เชิญทุกท่านร่วมส่งกำลังใจให้พี่สรรเสริญโดยคอมเมนต์ในกระทู้นี้เลยครับ ผมจะพรินต์ไปมอบให้แกในเรือนจำ อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจและยืนยันว่า เราจะไม่ทอดทิ้งกัน"

@ 'บิ๊กป๊อก'เชื่อไม่มีใครทำ 

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า คิดว่าไม่มีใครทำอย่างนั้น เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องทำตามกฎหมาย ถ้าทำนอกกฎหมายต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้ หากมีเจ้าหน้าที่ทำร้ายจริงต้องรับผิดชอบ เชื่อว่าทหารไม่สามารถทำร้ายพลเรือนได้ ทุกคนไม่มีอำนาจที่จะไปทำอย่างนั้น ฟ้องได้ สืบสวนได้ ก็ทำไปตามนั้น เมื่อถามว่าเรื่องดังกล่าวจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.

อนุพงษ์กล่าวว่า ไม่มี ถ้าสื่อพูดให้เข้าใจ หรือถ้ามีใครทำก็ต้องโดนลงโทษ แต่ภาพลักษณ์คือว่าใครทำผิดก็ลงโทษ เจ้าหน้าที่คนไหนไปซ้อมก็ต้องรับผิดชอบ

@ กสม.เล็งเยี่ยมผู้ต้องหาบึ้ม 

นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้มีผู้ยื่นคำร้องมาที่ กสม.แล้ว โดยคณะอนุกรรมการสิทธิพลเมืองฯจะทำหน้าที่ในการพิจารณาข้อเท็จจริง ภายในสัปดาห์หน้าทางคณะอนุกรรมการฯจะประสานไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์เพื่อลงพื้นที่ไปเยี่ยมผู้ต้องหาคดีดังกล่าวที่เรือนจำ และจะตรวจสอบว่ามีร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายหรือการซ้อมทรมานจริงหรือไม่ เนื่องจากสถานะของผู้ต้องหาตอนนี้ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะยังไม่ผ่านกระบวนการตัดสินของศาล และเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถกระทำการใดๆ ที่รุนแรงกับผู้ต้องหาได้

พล.ต.อ.วันชัย ศรีนวลนัด กสม. กล่าวว่า การทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาระหว่างการสอบสวนนั้นเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะหากกระทำจริงจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225-226 เนื่องจากหากพบว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้ใช้ความรุนแรงกับผู้ต้องหานั้น ศาลก็จะไม่รับคำให้การของผู้ฟ้องคดี เพราะถือว่าได้มาโดยวิธีบังคับขู่เข็ญหรือกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

@ 'แม่เกด'อ้างทำลาย'แหวน' 

นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร เมื่อปี 2553 กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ก็ต้องตรวจสอบพิสูจน์พยานหลักฐานว่า น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือแหวน พยานปากสำคัญคดี 6 ศพวัดปทุมฯ มีส่วนต่อเหตุระเบิดจริงหรือไม่ แต่การทำหน้าที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงคดีระเบิดนี้จะต้องห้ามนำมาเกี่ยวพันกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมคดี 6 ศพวัดปทุมฯเมื่อปี' 53 อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นความพยายามทำลายความน่าเชื่อถือในคำให้การของแหวน หรือพยายามให้มีผลกระทบใดๆ ในทางคดี จะเฝ้าระวังด้วยการจะจับตามองสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด เพราะพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่มีพิรุธอยู่หลายอย่าง 

@ 'อ๋อย'อัดคุมตัวลับลดน่าเชื่อถือ 

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เห็นข่าวการจับกุมคุมตัวแบบลับแล้ว ส่งต่อให้พนักงานสอบสวนซึ่งกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้ ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดภาคใต้ขึ้นมาทันทีจนนำไปสู่ความไม่สงบ น่าเสียดายและน่าห่วงใยอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่ไม่มีความตระหนักต่อความเสียหายที่เกิดจากปัญหาสามจังหวัดภาคใต้ การจับกุมคุมตัวผู้ต้องสงสัยแบบลับโดยไม่มีใครทราบว่าไปขังไว้ที่ไหน ไม่แจ้งญาติ ไม่ให้พบทนายความนานถึง 7 วัน แล้วส่งต่อให้พนักงานสอบสวนอย่างที่กำลังทำกันอยู่นี้ ทำให้กระบวนการสอบสวนขาดความน่าเชื่อถือไปอย่างมาก ไม่มีใครรู้ว่ามีการซ้อมผู้ต้องหาหรือไม่ มีการข่มขู่ บังคับให้รับสารภาพหรือซัดทอดอย่างมีเงื่อนไขหรือไม่ ทำให้สงสัยได้ว่าผู้ที่ถูกดำเนินคดีทั้งหลายเป็นผู้กระทำความผิดจริงหรือไม่ ถ้าผู้ที่ถูกลงโทษไม่ใช่ผู้กระทำผิดจริง ก็หมายความว่าผู้กระทำผิดจริงยังลอยนวลอยู่และอาจจะกระทำผิดและสร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองอีกก็ได้

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!