WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8598 ข่าวสดรายวัน


ศาลสั่งขังต่อ! 'บ.ก.ลายจุด'
โชว์ท่า'ปีกพิราบ'คสช.แจงเด้ง 3 บิ๊ก


พิราบ - นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบ.ก.ลายจุด ทำสัญลักษณ์มือเป็นรูปนกพิราบ ขณะถูกทหารคุมตัวไปขออำนาจศาลทหารฝากขังผลัดแรก ขณะที่ญาติยื่นขอประกันตัวแต่ศาลไม่อนุญาต เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 

      คสช.แจงสั่งย้าย 3 บิ๊ก ข้าราชการอสส.-ปลัดไอซีที-เลขาฯ สภาเพื่อความเหมาะสม ไม่ได้มีความผิด "อรรถพล ใหญ่สว่าง"ฝ่าสายฝนรายงานตัวทำเนียบ ปล่อยมุขขำกับสื่อ ให้ถ่ายรูปได้แต่ห้ามชู 3 นิ้ว ด้านศาลทหารไม่ให้ประกันตัว"บ.ก.ลายจุด" ชี้หากปล่อยตัวไปอาจสร้างความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน เจ้าตัวถูกนำตัวขึ้นศาลฝากขังผลัดแรก พร้อมแสดงสัญลักษณ์ปีกนกพิราบสันติภาพ กับ ชู 3 นิ้วสื่อถึงเสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ

คสช.อ้างเด้ง 3 บิ๊กขรก.-เหมาะสม

      เวลา 11.30 น.วันที่ 12 มิ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก และคณะทำงานโฆษก คสช. กล่าวกรณี คสช.มีประกาศคำสั่ง ฉบับที่ 62/2557 ให้นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด นายสุรชัย ศรีสารคาม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) มาประจำสำนักปลัดสำนักนายกฯ ว่า การโยกย้ายดังกล่าวไม่ใช่เรื่องการกระทำความผิด แต่เป็นไปตามความเหมาะสม

      เมื่อถามถึงการย้ายเลขาธิการสภามาจากสาเหตุทุจริตหรือไม่ พ.อ.วินธัยกล่าวว่า เรื่องที่เกี่ยวกับการทุจริตต้องมีหลักฐานชัดเจนและเป็นเรื่องกระบวนการ จะใช้ความรู้สึกตัดสินไม่ได้ ดังนั้น การโยกย้ายจึงเป็นเรื่องความเหมาะสมเป็นหลักและบางส่วนก็สมัครใจ เช่น กรณีนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม มาเป็นที่ปรึกษานายกฯ เมื่อถามว่าการย้ายทั้ง 3 ตำแหน่งเพราะบุคคลเหล่านี้เคยทำงานสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่ พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ปัจจัยนั้นคงไม่มีผลอยู่แล้ว ที่ผ่านมาบางส่วนก็มีส่วนร่วมในความขัดแย้งบ้าง แต่ยืนยันว่าย้ายเพื่อความเหมาะสม และประสิทธิภาพในการทำงาน

ปัดไล่ล่าผู้ต้องหา 112 ในตปท.

     พ.อ.วินธัย กล่าวถึงการดำเนินการกับบุคคลที่ฝ่าฝืนคำสั่งเรียกรายงานตัวของคสช. และยังเคลื่อนไหวอยู่ในต่างประเทศ เช่น นายจักรภพ เพ็ญแข ที่มีข่าวจัดตั้งองค์กรพลัดถิ่นว่า คสช.จะประสานใช้ช่องทางเดิมจากกระทรวงการต่างประเทศ ขอความร่วมมือจากต่างชาติหยุดให้การสนับสนุนการกระทำยุยง ปลุกปั่น แต่ขณะนี้ คสช.อยากให้ความสำคัญกับสถานการณ์ในประเทศมากกว่า เพราะเชื่อว่าไม่มีผลกระทบที่น่ากังวล เป็นเพียงพยายามเคลื่อนไหวมากกว่า

      พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ส่วนที่ต่างชาติเข้าใจว่า คสช.บังคับใช้กฎหมายจากกฎอัยการศึกในประเทศทั้งหมดนั้นไม่เป็นความจริง คสช.บังคับใช้กฎหมายเท่าที่จำเป็น และเป็นกฎหมายปกติเท่านั้น เนื่องจากผู้กระทำผิดส่วนมากที่ถูกควบคุมตัวในช่วงนี้ผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 116 วรรคสอง เป็นการกระทำผิดเกี่ยวกับความมั่นคง และพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เป็นหลัก 

    ส่วนกระแสข่าว คสช.จะไล่ล่าผู้กระทำผิดมาตรา 112 ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศนั้น พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง ตนคิดว่าหมายถึงกฎหมายอาญามาตรา 116 วรรคสอง และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ดำเนินการมากกว่า และย้ำว่ามาตรการของ คสช.จะเน้นการขอความร่วมมือให้หยุดเคลื่อนไหวต่อต้าน ไม่ได้ไล่ล่าใคร

แกนนำกปปส.-คปท.รายงานตัว

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก คสช.ออกคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 63/2557 ให้บุคคลมารายงานตัว ที่ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-12.00 น. รวม 12 คน ประกอบด้วย 1.นายอิสสระ สมชัย แกนนำ กปปส. 2.นายถนอม อ่อนเกตุพล อดีตที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. 3.นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) 4.นายรัชต์ชยุตม์ ศิรโยธินภักดี แกนนำพธม. 5.นายทินกร ปลอดภัย คนใกล้ชิดนายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. 6.นายนัสเซอร์ ยีหมะ หัวหน้าการ์ด คปท. 7.นายอุทัย ยอดมณี แกนนำ คปท. 8.นายมั่นแม่น กะการดี แนวร่วมกองทัพธรรม 9.พล.ต.สมเกียรติ วัฒนวิกย์กิจ 10.นายศิรวัฒน์ วิยะเศษ 11.นายกิตติไชย ใสสะอาด หัวหน้าการ์ดอาสา พธม. และ 12.นายสมชาย บุญไชย

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายถนอมเข้ารายงานตัวเป็นคนแรกในเวลา 09.45 น. จากนั้นบุคคลตามคำสั่งได้ทยอยเข้ารายงานตัว ได้แก่ นายมั่นแม่น พล.ต.สมเกียรติ นายศิรวัฒน์ นายสมชาย นายอิสสระ และนายทินกร

      กระทั่งเวลา 11.50 น. นายพิภพ นายรัชต์ชยุตม์ นายนัสเซอร์ นายอุทัย และนายกิตติไชยเข้ารายงานตัว โดยมีนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำ คปท.พร้อมคณะมาส่ง

คุม"ทอม ดันดี"ส่งกองปราบฯ

      ที่บก.ป. พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ. นำตัวนายธานัท ธนวัชรนนท์ หรือ พันทิวา ภูมิประเทศ หรือทอม ดันดี อดีตนักร้องชื่อดัง ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารบุกรวบตัวฐานฝ่าฝืนคำสั่งให้ไปรายงานตัวของ คสช. ตามคำสั่งที่ 53/2557 มาจากสถานที่ควบคุมตัว มณฑลทหารบกที่ 15 เพชรบุรี มาส่งพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้ ถูกร้องต่อดีเอสไอให้ดำเนินคดีฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ บนเวทีปราศรัยที่ราชบุรี

      พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. ที่มารับตัวกล่าวว่า จะควบคุมตัวนายพันทิวาเอาไว้ถึงวันที่ 15 มิ.ย. เช้าวันอาทิตย์ จะนำตัวไปฟ้องศาลทหารกรุงเทพฯ ส่วนคดีหมิ่นเบื้องสูงนั้น คดีอยู่ในชั้นพิจารณาของอัยการ ถ้ามีความเห็นมาระหว่างที่ควบคุมตัวอยู่ที่กองปราบฯทาง บก.ภ.ราชบุรีก็จะทำหนังสือมาอายัดตัว

"บิ๊กอู๋"สั่งขรก.สนองงานคสช.

      ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายกิจการพิเศษ เป็นประธานประชุมเพื่อซักซ้อมแนวทางการรายงานข้อมูลสนับสนุนศูนย์ปฏิบัติการ คสช. โดยมีพล.อ.สกล ชื่นตระกูล ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพบกประสานงาน คสช. ทำเนียบรัฐบาล และหัวหน้าส่วนงานราชการทุกกระทรวงเข้าร่วม เพื่อติดตามสถานการณ์และชี้แจงการปฏิบัติราชการของส่วนราชการต่างๆ รวมถึงการจัดทำวงรอบข่าวกรองที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการ เพื่อวิเคราะห์และนำผลสรุปรายงานให้กับหัวหน้าคสช. โดยแต่ละกระทรวงได้ชี้แจงการปฏิบัติงานและปัญหาข้อขัดข้องการรายงานข้อมูลให้ทราบ พร้อมแก้ไขการปฏิบัติให้สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกับนโยบายของหัวหน้า คสช.

       รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.อดุลย์เน้นย้ำให้ข้าราชการฝ่ายต่างๆ มีส่วนช่วยดำเนินการ และเร่งรัดติดตามงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายกิจการพิเศษเพื่อให้งานขับเคลื่อนรวดเร็ว ทั้งนี้ ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อมูลความเคลื่อนไหวต่อต้าน คสช. โดยเฉพาะในสังคมโซเชี่ยลมีเดีย และคาดว่าหลังจาก คสช.ใช้กฎหมายดำเนินการอย่างจริงจัง กลุ่มคนเหล่านี้จะออกไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศซึ่งน่าเป็นห่วง อีกทั้งการเคลื่อนไหวของสถาบันการศึกษาในขณะนี้ยังคงมีกลุ่มคนเคลื่อนไหวอยู่เป็นระยะ ซึ่งพล.ต.อ.อดุลย์ย้ำว่าให้ใช้ทั้งการบังคับใช้กฎหมายและการทำความเข้าใจควบคู่กัน

ปนัดดาเตรียมแบ่งงาน 3 บิ๊กขรก.

    เมื่อเวลา 13.00 น. ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่ปลัดสำนักนายกฯ กล่าวเปิดสัมมนาที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชนประจำปีงบประมาณ 2557 ว่า เราไม่มีเวลาอีกแล้วมาทะเลาะหรือขัดแยังกันเรื่องประชาธิปไตย มีนักวิชาการต่างประเทศที่มาไทยปรารภกับตนว่าหากประชาชนหมางใจถึงขั้นเป็นศัตรู ประหัตประหาร แบ่งฝ่ายแบ่งสีเสื้อ คงกลายเป็นอนาธิปไตย ดังนั้น ข้าราชการต้องช่วยกันปรับกรอบความคิดเพื่อให้ประเทศกลับสู่ความงดงามเหมือนเดิม ซึ่งผู้ตรวจราชการ และผู้ตรวจราชการภาคประชาชนควรมีบทบาทสำคัญในการสร้างความปรองดอง ช่วยให้ประเทศฟื้นคืนเป็นปกติตามเจตนารมณ์ของ คสช. 

     จากนั้นม.ล.ปนัดดาให้สัมภาษณ์ถึง คสช.มีคำสั่งให้นายสุรชัย ศรีสารคาม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภา และนายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด มาช่วยราชการสำนักนายกฯ ว่า การแบ่งงานคงต้องรอให้มารายงานตัวก่อน เชื่อว่าทั้ง 3 คนเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มีประสบการณ์การทำงานมาก ให้คำปรึกษากับสำนักนายกฯ ได้อย่างดี การแบ่งความรับผิดชอบคงดูจากความถนัดว่าเชี่ยวชาญด้านใด เมื่อถามว่าต้องปรับทัศนคติบุคคลเหล่านี้หรือไม่ ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาในการทำงาน 

'อรรถพล'ฝ่าสายฝนรายงานตัว

      เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด ช่วยราชการสำนักนายกฯ พร้อมด้วยนายกมล สุขสมบูรณ์ รองปลัดสำนักนายกฯ เข้ามาสักการะศาลพระภูมิและศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบ หลังเข้ารายงานตัวตามคำสั่งของคสช. ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก แต่นายอรรถพลยังคงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

    จากนั้นนายอรรถพลให้สัมภาษณ์ว่า ยืนยันการทำหน้าที่ของ อสส.ว่าได้ใช้ดุลพินิจ ไม่เอนเอียงใดๆ ซึ่งตนยืนยันได้ แต่เมื่อมีคำสั่ง คสช.จึงมารายงานตัว เคยมีผู้ใหญ่บอกว่าวันที่สบายใจในการเป็น อสส.มีอยู่ 2 วัน คือวันเข้ารับตำแหน่ง และวันที่พ้นจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ตนไม่มีอะไรอึดอัดใจ ไปดูการสั่งคดีของตนในอดีตได้ ซึ่งเป็นคดีใหญ่ จากนี้พร้อมทำงานทุกอย่าง เป็นข้าราชการต้องทำได้ทุกอย่าง เราไม่ได้สนับสนุนการปฏิวัติ แต่เราสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย

    เมื่อถามว่าติดใจกับคำสั่งของ คสช.หรือไม่ นายอรรถพลกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ 1 สัปดาห์ตนไปตรวจราชการก็พบว่าประชาชนถูกใจการทำงานของคสช. ซึ่งการที่ คสช.มีการบังคับใช้กฎหมาย ตนก็พอใจและบอกกับอัยการคนอื่นๆ ว่า คสช.จะไม่มาก้าวก่ายการทำงานของอัยการ และตนส่งอัยการมาช่วยงาน คสช.หลายคน อะไรที่ทำให้ประเทศชาติเกิดความปรองดองและสามัคคี คนชื่ออรรถพล ใหญ่สว่าง ยิ้มได้เสมอ

ปล่อยมุขถ่ายรูปได้อย่าชู 3 นิ้ว

     เมื่อถามว่ามีการมองว่าการถูกย้ายครั้งนี้เพราะอยู่ฝ่ายเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช่หรือไม่ นายอรรถพลกล่าวว่า ตนไม่รู้จะชี้แจงอย่างไร แต่ให้ดูที่การกระทำเพราะตนมีจุดยืน ตนเป็นคนว่าความในคดียุบพรรคไทยรักไทย และคดีอาญาการเมืองตนก็เป็นคนทำ ชื่อของตนขายได้อยู่แล้วในการทำคดีบู๊ๆ เมื่อถามว่าคิดว่าการย้ายครั้งนี้เกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ นายอรรถพลกล่าวว่า ไม่ทราบ ตอบไม่ได้

       เมื่อถามว่าภาพลักษณ์ของอัยการที่ผ่านมาดูไม่ค่อยดีเพราะมีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองจะแก้ปัญหาได้อย่างไร นายอรรถพลกล่าวว่า ส่วนตัวใครจะมองอย่างไรไปตรวจสอบประวัติดูได้ ส่วนภาพรวมต้องเข้าใจการทำคดีของอัยการในเรื่องการอำนวยความยุติธรรม ต้องอยู่ที่พยานหลักฐาน และข้อเท็จจริง เรารักษาผลประโยชน์ของรัฐและคุ้มครองสิทธิ์ตามกฎหมายของประชาชนซึ่งเป็นภารกิจหลักของอัยการ ทั้งนี้ วันที่ 13 มิ.ย.ตนจะเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่นายอรรถพลจะขึ้นรถกลับออกไป เมื่อช่างภาพขอถ่ายภาพ นายอรรถพลกล่าวติดตลกว่า "ถ่ายรูปได้ แต่ชู 3 นิ้วไม่ได้"

'จเร พันธุ์เปรื่อง'รก.เลขาฯสภา

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณี คสช.มีคำสั่งให้นายสุวิจักขณ์ไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ มีผลตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. และให้รองเลขาธิการสภาที่อาวุโสสูงสุดมารักษาราชการแทนนั้น บุคคลที่จะมาทำหน้าที่ดังกล่าวคือ นายจเร พันธุ์เปรื่อง รองเลขาธิการ

    เมื่อเวลา 09.00 น. นายจเรได้หารือกับคณะทำงานถึงกรอบการทำงานภายในสำนักงาน ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่ามีอำนาจหน้าที่เทียบเท่านายสุวิจักขณ์ ส่วนภารกิจอื่นๆ ที่ คสช.อาจจะมอบหมายให้ทำ เช่น เป็นฝ่ายธุรการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือสภาปฏิรูป ต้องหารืออีกครั้ง โดยนายจเรให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ทราบว่า คสช.จะมีคำสั่งให้ดำเนินงานเรื่องใดหรือไม่

      ขณะที่ความเคลื่อนไหวของนายสุวิจักขณ์ ตั้งแต่เช้าได้เดินทางเข้ามาที่รัฐสภาเพื่อปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวข้อง โดยแหล่งข่าวระดับสูงของรัฐสภาแจ้งว่า นายสุวิจักขณ์จะไม่เข้าไปทำงานหรือนั่งทำงานประจำที่สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ แต่จะอยู่ที่ห้องทำงานที่สโมสรรัฐสภาเพราะนายสุวิจักขณ์มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการสโมสรรัฐสภา

นำตัวบ.ก.ลายจุดฝากขังศาลทหาร

     รายงานข่าวจากสโมสรทหารบก เทเวศร์ แจ้งว่า เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ป. และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เข้าสอบสวนนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบ.ก.ลายจุด แกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา

      ที่สโมสรทหารบก เทเวศร์ นายอานนท์ นำภา ทนายความของนายสมบัติ เปิดเผยว่า ตนได้ขอเข้าร่วมรับฟังการสอบสวนนายสมบัติด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ทหารว่าจะให้ตนร่วมรับฟังหรือไม่ 

       ต่อมาเวลา 12.10 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจจากบก.ป. ควบคุมตัวนายสมบัติขึ้นรถตู้ ออกจากสโมสรกองทัพบก เทเวศร์ โดยมีรถจีเอ็มซี รถตำรวจกองปราบ ขับนำและปิดท้ายรถตู้ เพื่อนำตัวนายสมบัติไปขึ้นศาลทหาร เพื่ออนุมัติฝากขังผลัดแรก

ที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ สนามหลวง ขบวนรถที่ควบคุมตัวนายสมบัติ เดินทางมาถึงศาลทหาร จากนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและทหาร นำโดย พล.ต.อ.ประสบโชค พร้อมมูล รองผบก.ป. ควบคุมตัวนายสมบัติ ลงจากรถเข้าไปยังภายในสำนักงานเพื่อขออำนาจศาลทหารกรุงเทพ ฝากขังผลัดแรก เป็นเวลา 12 วัน 

โชว์สัญลักษณ์นกพิราบสันติภาพ

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบ.ก.ลายจุด แต่งกายด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์ เดินตามทหารที่รายล้อมด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แววตามุ่งมั่นไม่แสดงความหวาดกลัว ทั้งยังยิ้มเล็กน้อย พร้อมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์โดยใช้นิ้วโป้งสองมือเกี่ยวกันเป็นรูปนกที่หน้าอก หมายถึงสันติภาพ ก่อนตอบคำถามสั้นๆ กับผู้สื่อข่าวว่า "สบายดี" 

     ต่อมา พ.ต.อ.ประสพโชค ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการขออำนาจศาลทหารฝากขังผลัดแรก 12 วัน เรามีอำนาจขอศาลฝากขังได้ 4 ผลัด รวม 48 วัน ครั้งแรกนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของตุลาการศาลว่าจะเห็นอย่างไร จะให้นายสมบัติ ประกันตัวหรือไม่ ส่วนทางกองปราบฯ จะดำเนินการหาข้อมูลหลักฐานเพื่อทำสำนวนส่งฟ้องต่อไป ซึ่งข้อหาที่แจ้งต่อนายสมบัติ มี 3 ข้อคือ 1.ยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 2.กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ3.ไม่ไปรายตัวตามประกาศเรียกตัวของ คสช. ซึ่งนายสมบัติ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม ตลอดเวลาการควบคุมตัวก่อนหน้านี้ นายสมบัติก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี

      จากนั้น เวลา 14.20 น. องค์คณะตุลาการศาลทหารขึ้นนั่งบัลลังก์ เริ่มกระบวนการพิจารณาคดี โดยพนักงานสอบสวนให้การต่อตุลาการฯ ว่า มีความจำเป็นในการขออำนาจศาลทหารฝากขังนายสมบัติ ผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน เนื่องจากพนักงานสอบสวนจำเป็นต้องสืบพยายานอีก 5 ปาก และหาข้อมูลหลักฐานประกอบสำนวนเพิ่มเติม

สมบัติยกมือชู'สัญลักษณ์ 3 นิ้ว'

      ขณะที่นายสมบัติกล่าวว่า ระหว่างการควบคุมตัวตลอด 7 วันที่ผ่านมา ตนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่างดี ส่วนการสืบพยานและหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมนั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานสอบสวน ลายนิ้วมือตนก็พิมพ์ไปแล้ว จึงคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องควบคุมตนไว้แล้ว อีกทั้งตนมีความจำเป็นต้องออกไปดูแลลูกสาวและครอบครัวที่ไม่มีคนดูแล และตนพร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลทุกประการ 

     ภายหลังให้การกว่า 20 นาที ตุลาการศาลทหารจึงเห็นว่า กระบวนการของเจ้าพนักงานสอบสวนไม่มีความเกี่ยวข้องต่อนายสมบัติแล้วจริง แต่เนื่องด้วยฐานความผิดที่มีโทษควบคุมตัวมากกว่า 3 ปี จึงอนุญาตให้ฝากขังตัวนายสมบัติ ผลัดแรก 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-23 มิ.ย.ตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ

     ต่อมาเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวนายสมบัติ ลงมาเพื่อนั่งรถไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อฝากขังผลัดแรก 12 วันตามคำสั่งศาล โดยระหว่างเดินไปขึ้นรถ มีประชาชน 5 คนมายืนตะโกนให้กำลังใจนายสมบัติ ว่า "บ.ก.ลายจุดสู้ๆ พวกเราเป็นกำลังใจให้" ขณะที่นายสมบัติ ได้ยิ้มตอบและยกมือชู 5 นิ้วก่อนลดลงเหลือ 3 นิ้วคือนิ้วชี้ นิ้วกลางและนิ้วนาง เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ให้ผู้สื่อข่าว และประชาชนที่มาให้กำลังใจได้รับรู้ก่อนจะถูกคุมตัวขึ้นรถไป

ศาลทหารไม่อนุญาตให้ประกัน

       ด้านนายอานนท์ นำภา กลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน (กนส.) ทนายผู้ดูแลคดีนายสมบัติ เปิดเผยว่า ญาติผู้ต้องหาได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวนายสมบัติด้วยวงเงิน 4 แสนบาท พร้อมขอแถลงเงื่อนไขและคำมั่นในการปฏิบัติตัวว่าพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งศาลทุกประการ

       ต่อมาเวลา 16.10 น. ภายหลังนายอานนท์ ได้ยื่นขอประกันตัวนายสมบัติ แต่ตุลาการพระธรรมนูญ พิจารณาแล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง เมื่อพิจารณาพฤติกรรมแห่งคดีแล้ว ผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ซึ่งอยู่ระหว่างประกาศใช้กฎอัยการศึก หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาอาจไปกระทำการใดๆ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน หรืออาจไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น ดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว

     นายอานนท์ให้สัมภาษณ์ว่า จะพยายามยื่นขอประกันตัวนายสมบัติ อีกครั้งเมื่อครบกำหนดฝากขังเป็นเวลา 12 วัน

อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์กลับคืนมท.

     เมื่อเวลา 10.00 น. นายประภาส บุญยินดี รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานนำวัตถุโบราณและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของกระทรวงมหาดไทยกลับคืนมาประจำกระทรวงมหาดไทย ประกอบด้วย หลวงพ่อนาค พระพุทธรูปสมัยอู่ทอง ซึ่งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย อัญเชิญจากวัง วรดิศมาประดิษฐานที่ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย และงาช้างเก่าประจำศาลาว่าการ จำนวน 8 กิ่ง (4 คู่) กลับมาประดิษฐานที่ห้องทำงานของ รมว.มหาดไทย ห้องรับรองและห้องพิพิธภัณฑ์ หลังจากอัญเชิญออกไปเก็บไว้ภายนอก ก่อนที่ผู้ชุมนุม กปปส.จะเข้ายึดพื้นที่กระทรวงมหาดไทยในช่วงเดือนม.ค.

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จพิธีนายประภาสสั่งการให้เจ้าหน้าที่ถ่ายภาพและทำบัญชีวัตถุโบราณ สิ่งของสำคัญที่อยู่ในห้องรับรอง ห้องพิพิธภัณฑ์ และห้องทำงาน รมว.มหาดไทยทุกชิ้น ให้ระบุตำหนิอย่างละเอียดเพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงในอนาคต ทั้งนี้ การอัญเชิญวัตถุโบราณกลับคืนกระทรวงมหาดไทยวันนี้ถือเป็นการลบล้างข้อกังขาและข่าวลือว่างาช้างและวัตถุโบราณสำคัญของกระทรวงสูญหายในช่วงชุมนุมทางการเมือง

กกต.พร้อมเดินหน้าคดียุบ 9 พรรค

     ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. แถลงว่าตั้งแต่ กกต.ชุดนี้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 16 ธ.ค. 2556 จะครบ 6 เดือนในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ กกต.ได้เร่งพิจารณาสำนวนคดีการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ค้างอยู่และเข้ามาเพิ่มเติม 1,002 สำนวน เสร็จแล้ว 399 สำนวน เหลือ 609 สำนวน ส่วนสำนวนคดีคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งส.ส.และส.ว. ซึ่งมีอยู่เดิมรวม 74 สำนวน พิจารณาไปแล้ว 57 สำนวน ยังมีสำนวนที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคอยู่ 3 เรื่อง คือเรื่องยุบพรรคประชาธิปัตย์ ยุบพรรคเพื่อไทย และเรื่องรวมที่มีการร้องยุบพรรคเพื่อไทย ชาติไทยพัฒนา พลังชน รวมใจไทย ภูมิใจไทย มาตุภูมิ รักประเทศไทย และมหาชน ซึ่งเป็นกรณีคำร้องคัดค้านที่เกี่ยวกับการกระทำของหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งการปกครองประเทศโดยไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย

     นายภุชงค์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีสำนวนที่เกี่ยวกับคดีอาญาซึ่งขัดกับพ.ร.บ. พรรคการเมือง มาตรา 49 เกี่ยวกับการไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน 29 พรรค รวมถึงเรื่องที่ขัดกับมาตรา 56 เกี่ยวกับเงินบริจาคเข้าพรรค 1 พรรค รวมถึงสำนวนค่าปรับทางปกครองตามความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง 44 เรื่อง รวมเป็นเงินกว่า 5.7 ล้านบาท

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!