WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

14Too


14 นศ.ลั่นสู้ต่อ-ผ่านคุก แกร่งขึ้น 
บิ๊กตู่แนะให้ปลูก หมามุ่ยแทนข้าว'ป๋า'โชว์ออกงาน สยบ-ข่าวลือมั่ว! ศปป.ดึงมาร์ค-ปู ขึ้นเวทีปรองดอง

        14 นักศึกษาได้รับอิสร ภาพแล้วครอบครัว-เพื่อนๆ-ประชาชนพร้อมคณาจารย์รุดต้อนรับตั้งแต่เช้ามืดที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ 'โรม-ไผ่' ประกาศเจตนารมณ์เคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยต่อไป คณาจารย์แถลงการณ์พร้อมปกป้องสวัสดิภาพลูกศิษย์หลังปล่อยตัว พิลึกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พา 'ลูกเกด' ไปปล่อยที่บ้านแฟนหนุ่ม ก่อนจะพามาส่งที่หน้าเรือนจำคืน พท.จี้ยุติดำเนินคดีกับนักศึกษาทั้งหมด 'ประยุทธ์' ปลื้มเยาวชนจากมะกันมาเยี่ยมถึงทำเนียบ เปิดใจสาเหตุต้องหยุดประชาธิปไตย แนะคนไทยปลูก สมุนไพรแทนข้าว เผย 'หมามุ่ย'ส่งขายอินเดีย ได้ก.ก.ละ 8 หมื่น เตรียมให้สธ.หาลู่ทางดำเนิน การ ศปป.เล็งเชิญ 'มาร์ค-ปู'ร่วมเวทีปรองดอง

 

วันที่ 09 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8989 ข่าวสดรายวัน

 

เซลฟี่ - พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถ่ายรูปกับคณะเยาวชนและผู้ปกครองที่เข้าร่วมโครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกาเยือนแผ่นดินแม่ ครั้งที่ 10 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 8 ก.ค.

 

 

บิ๊กตู่สอนเยาวชนให้เลือกเสพสื่อ

      เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 8 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้การต้อนรับคณะโครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกา เยือนแผ่นดินแม่ ครั้งที่ 10 จำนวน 37 คน พร้อมผู้ปกครอง 76 คน โดยโครงการดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อร่วมถวายพระพรและร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมร่วมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เยาวชนถือเป็นทูตพิเศษที่จะทำให้ต่างชาติรู้สึกและเข้าใจสิ่งดีของประเทศไทย วันนี้เป็นห่วงเรื่องสื่อโซเชี่ยล มีเดีย เยาวชนต้องเลือกเสพสิ่งที่มีประโยชน์ ต้องพิจารณาให้ดี มีสติสัมปชัญญะ รู้เหตุผลและหาข้อมูลเพิ่มเติม อย่าไปเชื่อทุกอย่างโดยไม่มีเหตุผล ทั้งนี้ อยากให้ช่วยรัฐบาลทำความเข้าใจกับต่างชาติว่าเรากำลังสร้างประเทศให้เข้มแข็ง เพราะที่ผ่านมามีหลายด้านต้องหยุดชะงัก บ้านเมืองเดินต่อไม่ได้ รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลชั่วคราว ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย แต่มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ 

 

อ้างสาเหตุต้องหยุดประชาธิปไตย

       พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประเทศต้องเดินหน้าเราเข้ามาปกครองตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว แม้ต่างชาติอาจคิดว่าวิธีนี้ดูไม่สมควร แต่เราทำตามกฎหมายทุกอย่าง ทั้งยังแก้ปัญหาความโปร่งใส ความขัดแย้ง ก่อนหน้านี้เราเสียโอกาสไปมาก ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีผลประโยชน์ ไม่มีการเมือง เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อส่วนรวม มุ่งหวังลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับรายได้ ขณะเดียวนั้นประเทศไทยต้องนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาการเกษตร

"ประชาธิปไตยอาจเป็นระบอบที่ดีที่สุด แต่ ไม่ใช่ดีทั้งหมด มีหลายอย่างที่ต่างชาติยอมรับ มันดีตรงที่ประชาชนมีส่วนร่วม โดยหน้าที่ 3 ประการ คือ เลือกตั้ง ลงประชามติ และให้ผู้แทนแก้ปัญหา ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งส่วน และผมก็เลือกตั้งไม่รู้กี่ครั้ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วไม่ได้รับการแก้ไข และหนักขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งต้องหยุดสักระยะหนึ่งก่อน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้เข้มแข็งก่อนเดินหน้าต่อไป ให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทำให้เรียบร้อย ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องอย่างนี้ และต้องขอโทษน้องๆ หลานๆ ด้วย แต่มันเป็นเหตุจำเป็น" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

เผยความจำเป็นต้องมี"มาตรา 112"

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอให้เยาวชนนึก ถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนทั้งชาติมายาวนาน ไม่เหมือนประเทศอื่น หลายคนพยายามนำสถาบันของเราไปเปรียบเทียบกับที่อื่นซึ่งคงไม่ได้ เพราะของเรามีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเก่าแก่ พระมหากษัตริย์ไม่เกี่ยวข้องกับใคร อยู่เหนือความขัดแย้ง เมื่อมีคนก้าวล่วงจึงต้องมีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งคล้ายกับกฎหมายหมิ่นประมาท เพราะเมื่อใครมาหมิ่นเรา เราฟ้องร้องได้ แต่ถ้าเป็นสถาบัน จะไม่สามารถฟ้องร้องได้ เพราะพระองค์ท่านไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร และอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ กฎหมายดังกล่าวทุกรัฐบาลสร้างขึ้นเพื่อปกป้องพระองค์ แต่คนกลับมองในเรื่องสิทธิมนุษยชน 

"ถามว่าถ้ามีใครมาว่าพ่อของคุณ คุณยอมไหม เราก็ไม่ยอมเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นพ่อแม่เรา เราฟ้องได้ แต่พระมหากษัตริย์ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวจึงฟ้องไม่ได้ แล้วใครจะดูแลท่านก็ต้องเป็นคนไทย ใครที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้ ผมว่าไม่ใช่คนไทย แย่ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงฝากคณะทำงานชี้แจงด้วยว่าสถาบันพระ มหากษัตริย์ของไทย ไม่เหมือนที่อื่น" พล.อ. ประยุทธ์กล่าว

 

เปิดใจออกกฎหมายดักไว้หมดแล้ว

       นายกฯ กล่าวว่า ประชาธิปไตยของไทย ถามว่าจะเป็นแบบอเมริกา มันไม่ใช่ เขาเกิดมาก่อนเรา ปฏิรูปมาก่อนเรา เลิกทาสมากี่ปี ตนยังไม่เคยว่าเขาเลยเพราะถือว่าประเทศเราก็คือประเทศเรา ต้องเคารพซึ่งกันและกัน วันนี้เขาไม่ได้แตะต้องตนมาก แต่เขาอยากให้ไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งตนชี้แจงไปแล้วว่าการเลือกตั้งทุกอย่างเดินไปตามโรดแม็ป รัฐธรรมนูญเขียนไว้แล้วและตนไม่ได้แก้รัฐธรรมนูญ อยากได้หรือแก้อะไรก็ทำให้ อยากทำประชา มติก็ทำให้ ซึ่งการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ รัฐ ธรรมนูญต้องผ่าน สปช.ก่อน จากนั้นทำประชามติซึ่งเวลาต้องยืดออกไปอีก 2 เดือน ต้องทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญด้วย เป็นไปตามขั้นตอนตามปกติ 

      "แต่มากล่าวหาว่าผมอยากอยู่ต่อ ถามว่ามันอยู่ได้หรือไม่ กฎหมาย กติกาว่าอย่างไรก็ต้องตามนั้น ไม่รู้ว่าที่เขากลัวผมนั้น เพราะกลัวผมอยู่หรือกลัวผมไม่อยู่ หรือกลัวผมอยู่นานแล้วเขาจะทำอะไรในวันข้างหน้าไม่ได้ เพราะผมออกกฎหมายไว้มาก เป็นกฎหมายเพื่อประชาชนไม่ใช่เพื่อใคร ผมให้นโยบายว่า การออกกฎหมายทุกฉบับต้องตอบให้ได้ว่ามีประโยชน์กับประชาชนอย่างไร ไม่ใช่ออกมาเพื่อห้ามโน่นนี่นั่น ที่ผ่านมามักทำอะไรไม่ได้เพราะการเมืองเข้าไปยุ่งเกือบทุกเรื่อง ผมไม่อยากพูดมากขี้เกียจเปิดศึกหลายด้าน ให้เขาไปรบกับกฎหมายเอาเอง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

 

แนะนำ-ปลูกหมามุ่ยแทนข้าว 

     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลสนับ สนุนการปลูกพืชสมุนไพร ในเมื่อเราไม่สามารถปลูกข้าวได้ ก็จะให้กระทรวงสาธารณสุขไปดูแลว่าจะปลูกพืชสมุนไพรได้หรือไม่ โดยนำภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน ขณะเดียวกันวันนี้เราขายหมามุ่ยได้ก.ก.ละกว่า 800 บาท เมื่อส่งไปประเทศอินเดียแล้วมีการแปรรูปกลับมาเป็นยา เป็นอะไรต่างๆ ราคากลายเป็นก.ก.ละ 8 หมื่นบาท เหตุใดเรายังโง่ปลูกอย่างอื่นที่มีกำไรเพียงพันบาทหรือไม่กี่บาท แต่เราต้องควบคุม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ข้าวของเรายังดีอยู่ ในส่วนที่เสียก็เป็นภาระของรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาเป็นความคิดที่ไม่ถูกวิธีเพราะเราต้องทำให้เกษตรกรมีความเข้มแข็ง เรากำลังสอนให้เกษตรกรมีการเรียนรู้ เข้าถึงเครื่องจักรทางการเกษตร และที่ผ่านมารายได้มันต่ำจึงต้องกู้เงิน แล้วไร่นาก็ถูกยึด

 

ไม่พูดกรณี 14 นศ.เคลื่อนไหวต่อ

       จากนั้นเวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า ดีใจที่ได้พบกับเยาวชนไทยที่อยู่ในสหรัฐและยุโรป ทุกคนคือทูตพิเศษของไทย ต้องไปสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศให้ได้ว่าบ้านเมืองไทยเป็นอย่างไร ตนได้เล่าให้ฟังทั้งหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง วันนี้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่จะดำเนินการ ตนมีหน้าที่เดินหน้าทำให้ประเทศมั่นคงแข็งแรง มั่งคั่งและยั่งยืน

     เมื่อถามถึงกระแสข่าวกลุ่มนักศึกษาที่ได้รับการปล่อยตัว เตรียมที่จะเคลื่อนไหวอีกว่า "พอแล้วๆ ขี้เกียจพูดแล้ว พอแล้ว จะไปพูดถึงเขาทำไม ก็เขาเมตตาแล้ว ยังพูดยังขุดอยู่นั่น ไม่รู้จะขุดกันไปทำอะไรไม่รู้ สื่อก็ไปเรียกเขาออกมา ไปชวนเขามาเลย พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมพูดว่าอย่างไรก็ตามนั้น เป็นเรื่องของกฎหมาย"

 

รับ-เร่งรัดหม่อมอุ๋ยเร่งเบิกจ่าย

     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีไม่พอใจหลัง จากม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ระบุเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าได้เพียงร้อยละ 50 ของแต่ละกระทรวงว่า ตนอยากให้เบิกจ่ายมาก กว่านี้ จริงๆ แล้วก็มากกว่าทุกปี แต่ยังไม่ทันใจตน และไม่ทันใจประชาชนด้วย ตนให้ไปดูรายละเอียดว่าทำไมเบิกจ่ายไม่ได้ แต่ทำไมก่อนหน้านี้เบิกจ่ายเร็วนัก มันช้าเพราะอะไร เพราะขั้นตอนระเบียบต่างๆ มันรัดกุมเข้มแข็งขึ้น การกระทำต่างๆ ที่มันเคยง่าย มันก็ยาก ซึ่งตนอยากให้มันเร็วกว่าเดิม ข้าราชการเขาทำเต็มที่แล้วแต่การจัดทำงบประมาณในปีที่ผ่านมา จัดงบกระจายไปทุกพื้นที่ เป็นโครงการขนาดกลาง ขนาดเล็กจำนวนมาก ซึ่งมันไม่เคยทำ ที่ผ่านมาทำเป็นพื้นที่ มันก็ง่าย ให้งบฯ เป็นก้อนลงไป ทำให้มีคนมาจัดซื้อจัดจ้าง ง่ายขึ้น มีไม่กี่บริษัทมารับไป ซึ่งมันไม่ทั่วถึง 

     นายกฯ กล่าวต่อว่าวันนี้ต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่ด้วยกันอย่างไร ไม่ใช่อะไรก็รัฐบาล ซึ่งรัฐ บาลทำให้ทุกอย่าง แต่ขอให้ช่วยตัวเองกันบ้าง บริษัทห้างร้านเอกชนไปหาวิธีการว่าจะทำอย่างไร แต่กลับมาบอกว่างบฯ น้อย ไม่ได้กำไร ถ้าไม่ทำก็อย่าทำ เดี๋ยวบริษัทเล็กๆ น้อยๆ มีกี่บริษัทก็ไปประมูลมา บริษัทใหญ่ไม่อยากเอาก็อย่าเอา อยากได้ก็ไปเอารัฐบาลหน้า

 

ปล่อย 14 นศ.-แยกตัวลูกเกดที่อื่น

     เมื่อเวลา 05.30 น. วันเดียวกัน ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีประชาชน พร้อมนักศึกษา คณาจารย์ และทนายจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชนกว่า 30 คน รวมทั้งญาติของนักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ทั้ง 14 คน ซึ่งถูกข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งคสช. และกฎหมายอาญา มาตรา 116 จากการเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้มารอต้อนรับการปล่อยตัว หลังศาลทหารยกคำร้องในการขอฝากขังจากพนักงานสอบสวนผัดที่ 2 ครบ 12 วัน เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำนักศึกษาชาย 13 คนที่คุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ขึ้นรถตู้มาปล่อยตัวที่ด้านหน้าทางเข้าเรือนจำ ริมถนนงามวงศ์วาน โดยทั้งหมดก้าวลงจากรถตู้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมชูมือ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องไชโยของประชาชนและญาติพี่น้องที่มารอรับ พร้อมทั้งโผเข้ากอดกันระหว่างเพื่อนและครอบครัวด้วยความดีใจ ขณะที่นักศึกษาหญิงอีก 1 คนคือน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือน้องลูกเกด ที่ถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิง มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่นำตัวแยกออกไปส่งที่บ้านพักของแฟนหนุ่มก่อนหน้านั้น จึงสร้างความไม่พอใจให้กับนางลมุล แจ้งเร็ว แม่ของน้องลูกเกดที่มารอรับอยู่ด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติตามที่ประสานงานการปล่อยตัวไว้ล่วงหน้า

 


ได้อิสระ - 14 นักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ร่วมแสดงพลัง หลังได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพราะศาลทหารยกคำร้องในการขอฝากขังข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. โดยมีประชาชน เพื่อนนักศึกษาไปให้กำลังใจจำนวนมาก เมื่อวันที่ 8 ก.ค

 

'โรม'ขอบคุณกำลังใจประชาชน

      นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่ที่ถูกคุมขังเปิดเผยว่า ตนและเพื่อนทั้งหมดยังมีกำลังใจดี ขอบคุณประชาชนที่ห่วงใย ร่วมกันเรียกร้องสิทธิเสรีภาพมาตลอด 12 วันตั้งแต่พวกตนถูกคุมขัง ที่ผ่านมาได้รับการดูแลจากผู้คุมอย่างดี ให้เกียรติกัน ไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย ส่วนการปล่อยตัวนั้น ผู้คุมเรือนจำปลุกตนตั้งแต่เวลา 04.30 น. ให้เตรียมตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าและพาขึ้นรถตู้ตั้งแต่ภายในเรือนจำ ก่อนนำมาปล่อยที่ด้านนอก 

      นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยที่พวกตนเคลื่อนไหวมาตลอดนั้น จะยังดำเนินต่อไป ตราบใดที่สังคมไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตย ยืนยันจะไม่มีการหลบหนี เพราะพวกตนประกาศมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าเชื่อมั่นในแนวทางสันติวิธีและยินดีให้ถูกจับกุม เพื่อพิสูจน์ให้ทั่วโลกเห็นว่าสังคมไทยเป็นอย่างไร ส่วนฝ่ายที่พยายามทำลายชื่อเสียงของพวกตน ขอให้ใช้ปัญญาคิดทบทวนว่าสิ่งที่พวกตนทำนั้นเป็นความรุนแรงหรือไม่ อีกทั้งมีคนพยายามดิสเครดิตพวกตนว่ารับงานชาวต่างชาติมาเคลื่อนไหว ซึ่งตนได้แต่หัวเราะ เพราะเบื้องหลังของตนที่แท้จริง คือหลักการ 5 ข้อ ได้แก่ ประชาธิปไตย ความยุติธรรม สิทธิมุนษยชนสิทธิชุมชน การมีส่วนร่วม และสันติวิธี 

     "เจ้าหน้าที่หรือคนที่ต่อว่าพ่อแม่และพวกผมว่าอบรมเลี้ยงดูกันไม่ดี ไม่เรียนหนังสือ ออกมาต่อต้านคสช. อยากให้รู้ว่าการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยที่พวกผมทำอยู่นั้น เป็นห้องเรียนขนาดใหญ่ที่ทั้งพ่อแม่ และทุกคนในสังคมกำลังเรียนรู้ไปพร้อมกัน จึงขอให้หยุดการข่มขู่คุกคามและหันมาเปิดใจเรียนรู้ร่วมกัน" นายรังสิมันต์กล่าว

 

"ไผ่"ย้ำจิตสำนึกปชต.หยุดยั้งไม่ได้

     ด้านนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน กล่าวว่า แม้ผู้มีอำนาจจะพยายามหยุดพวกตนทุกวิถีทาง แต่ขอให้รู้ว่าเมื่อสำนึกของประชาชนตื่นแล้วก็ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ การคุมขังก็ขังได้เฉพาะร่างกาย แต่ไม่อาจทำลายความร่าเริงที่พวกตนมีในการต่อสู้เรียกร้องเพื่อความเป็นธรรม ขอขอบคุณชาวบ้าน และเพื่อนนักศึกษาทุกคนที่มาเยี่ยมที่เรือนจำ และส่งกำลังใจมาให้ ส่วนการเคลื่อนไหวหลังจากนี้จะประชุมกับเพื่อนๆ ก่อน เนื่องจากตอนอยู่ในคุกแต่ละคนถูกจับแยกแดนเลยไม่ได้ปรึกษากันไว้ล่วงหน้า 

      "ยืนยันว่าจะไม่มีการหลบหนี เพราะตัดสินใจต่อสู้แล้วก็ต้องสู้จนกว่าจะประสบความสำเร็จ และจะไม่เจรจา ไม่ประนี ประนอม อีก เพราะการอยู่ในคุกมาถึง 12 วัน ทำให้พวกผมแข็งแกร่งขึ้น แม้จะต้องถูกจับกลับเข้าไปอีกก็พร้อมเสมอ เมื่อสังคมยังไม่มีสิทธิเสรีภาพ จะอยู่นอกคุกหรือในคุกก็ไม่ต่างกัน" ไผ่ ดาวดินกล่าว

 

ราชทัณฑ์พา"ชลธิชา"ไปที่บ้านแฟน

     ต่อมาเวลา 06.45 น. น.ส.ชลธิชาเดินทางมาถึงที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พร้อมแฟนหนุ่ม โดยนางลมุล มารดาโผเข้ากอดด้วยความดีใจ ขณะที่น้องลูกเกดอยู่ในสภาพร่าง กายที่ทรุดลง มีอาการชาที่ขาและแขน ต้องเดินกะเผลก เนื่องจากผลของการถูกเจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมมีการฉุดกระชากร่างกายรุนแรง ที่หน้าหอศิลป์ กทม. เมื่อวันที่ 22 พ.ค.

น.ส.ชลธิชากล่าวว่า ขอบคุณที่พ่อแม่พี่น้องและเพื่อนๆ มารอต้อนรับ ปัญหาตอนปล่อยตัวเมื่อเช้ามืด เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะพาตนไปส่งที่บ้าน แต่ตนเป็นผู้หญิงคนเดียว ด้วยความกลัวจึงต้องโทรศัพท์ไปหาแฟนว่าเจ้าหน้าที่ปล่อยตัวแล้วจะพาไปส่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทราบว่าได้ประสานกับแม่ตนว่าจะนำมาส่งที่ หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในเวลา 06.00 น. พร้อมเพื่อนคนอื่นๆ ทำให้แม่ตนกังวลใจ อย่างมาก อยากให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ออกมาขอโทษแม่ตนด้วย เพราะแม่รอรับอยู่ และ เจ้าหน้าที่ควรปล่อยตนในที่สาธารณะที่มีคนอยู่จำนวนมาก ไม่ใช่พาออกไปแบบลับๆ

 

เครือข่ายอาจารย์ฯอ่านแถลงการณ์ 

      ด้านนายอนุสรณ์ อุณโณ อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายประภาส ปิ่นตบแต่ง อาจารย์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตัวแทนกลุ่มเครือข่ายคณาจารย์ผู้ห่วงใยศิษย์ที่ถูกคุมขัง ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯว่า เนื่องจากศาลทหารมีคำสั่งยกคำร้องของพนักงานสอบสวนที่ให้ฝากขังนักศึกษาทั้ง 14 คนอีกหนึ่งผัด เป็นผลให้ทั้ง 14 คนได้รับการปล่อยตัว คณาจารย์ฯขอแสดงความขอบคุณต่อนักศึกษา นักคิด นักเขียน กวี นักแปล ศิลปิน นักเคลื่อนไหว องค์กรพัฒนาเอกชน และประชาชนจำนวนมากที่สนับสนุนแก่นักศึกษาทั้ง 14 คนและร่วมกันเรียกร้องให้ปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข หากปราศจากการผลักดัน นักศึกษาทั้ง 14 คนก็คงถูกคุมขัง สูญเสียอิสรภาพต่อไปอีก 

     นายอนุสรณ์ระบุว่า ยิ่งกว่านั้นประสบ การณ์รูปธรรมที่เราได้พบจากการร่วมกันช่วยเหลือนักศึกษาในครั้งนี้ ทำให้เราเล็งเห็นความเป็นไปได้ที่พลังสังคมฝ่ายต่างๆ ที่อาจมีความเห็นทางการเมืองต่างกันจะก้าวข้ามความแตกต่างนั้นมาร่วมมือร่วมใจกัน บนพื้นฐานหลักการอันถูกต้องดีงามและฉันทามติปกป้องผู้ต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน 

 

ย้ำจะติดตามสวัสดิภาพ 14 ลูกศิษย์

      นายอนุสรณ์ระบุว่า เนื่องจากพนักงานสอบสวนยังคงไว้ซึ่งข้อกล่าวหาต่างๆ ทั้งในคดีนี้และคดีอื่น จึงยังมีความเป็นไปได้ที่จะนำเอาคดีการเมืองเหล่านี้มาดำเนินการกับนัก ศึกษาทั้ง 14 คนอีกเมื่อใดก็ได้ อีกทั้งอาจคุกคามสวัสดิภาพของนักศึกษาด้วยวิธีอื่นๆ อีก คณาจารย์ฯจะยังคงรวมตัวกันในเครือข่ายเพื่อเฝ้าติดตามสวัสดิภาพของนักศึกษาต่อไป ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ยุติการคุกคามนักกิจกรรมและเครือข่าย โดยเฉพาะการออกหมายเรียกตัวนายบารมี ชัยรัตน์และผู้จัดการสวนเงินมีมา ในข้อหากระทำการขัดต่อความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการกล่าวหาเกินจริงและคุกคามในลักษณะหนึ่ง

      นายอนุสรณ์ ระบุว่า จนถึงบัดนี้ยังมีการคุกคามคณาจารย์ในต่างจังหวัดในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าโทรศัพท์ เข้าพบสอบถาม หรือขอนัดประชุมกับคณาจารย์ที่ร่วมลงชื่อและรณรงค์กับพวกเรา ขอย้ำว่าให้ฝ่ายทหารและเจ้าหน้าที่อื่นๆ ยุติการกระทำดังกล่าวทันที คณาจารย์ฯขอยืนยันว่าเราเป็นเพียงอาจารย์ที่รวมตัวกันด้วยความห่วงใยอย่างจริงใจในศิษย์ที่เคลื่อนไหวโดยเปิดเผย บริสุทธิ์ใจ และชอบธรรม ตามสิทธิเสรีภาพอันพึงมีและเรายินดีที่จะสื่อสารแลกเปลี่ยนเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องระหว่างกันในเงื่อนไขที่เปิดเผย รับฟัง จริงใจ

 

ร่วมร้องเพลงแสงดาวแห่งศรัทธา

     ด้านนางพะเยาว์ อัคฮาด แม่ของน.ส. กมนเกด อัคฮาด เหยื่อสลายการชุมนุมเดือนพ.ค. 2553 ที่มาต้อนรับนักศึกษาสู่อิสรภาพ กล่าวว่ายินดีกับน้องๆ ที่ได้ออกมาสู่โลกภายนอก ซึ่งตนเข้าใจหัวอกผู้ปกครองที่ลุ้นมาตลอดว่าพวกเขาจะได้รับการปล่อยตัวหรือไม่ ในด้านหนึ่งตนจึงมองว่า คสช.พยายามลดความตึงเครียดลง เพราะภาพลักษณ์ประเทศ ไทยในสายตาต่างชาติ โดยเฉพาะนักสิทธิมนุษยชนกำลังแย่ลงมาก จึงขอให้คสช.เข้าใจเจตนาบริสุทธิ์ของนักศึกษาว่าการเรียกร้องและการเคลื่อนไหวที่พวกเขาทำนั้นเป็นความชอบธรรม ไม่ได้ใช้ความรุนแรง

       นางพะเยาว์กล่าวต่อว่า หากคสช.ต้องการเห็นสังคมไทยปรองดองได้จริง ต้องมีพื้นที่ให้ทุกฝ่ายได้แสดงออก โดยเฉพาะพวกนักศึกษา เพราะความคิดของพวกเขาบริสุทธิ์ ไม่ใช่แกนนำมวลชนของเสื้อสีใดสีหนึ่ง ตนอยากให้ผู้มีอำนาจทบทวนเหตุการณ์ปี 2553 ที่มีคนบริสุทธิ์ถูกยิงตายจำนวนมาก เพราะมีการปั้นข่าวเท็จและการสร้างผังล้มเจ้าของศอฉ. นำมาสู่การล้อมปราบอย่างโหดเหี้ยม โดยที่ศอฉ.ออกมายอมรับภายหลังว่าเป็นเรื่องแต่ง ซึ่งสิ่งที่พวกนักศึกษาทำนั้นก็ถูกใส่ร้ายอยู่เช่นกัน กุข่าวมีผู้อยู่เบื้องหลัง ขอให้ผู้มีอำนาจศึกษาประวัติศาสตร์ให้ถ่องแท้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักศึกษาทั้ง 14 คนได้กอดคอร่วมกันร้องแพลงแสงดาวแห่งศรัทธา ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน

 

"บิ๊กป๊อก"สั่งผู้ว่าฯชี้แจงชาวบ้าน

      ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวคัดค้านรัฐบาลของนักศึกษาว่า ได้กำชับผู้ว่าฯ ให้ช่วยทำความเข้าใจกับประชาชน ว่าหนทางเดียวที่จะให้ได้ประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด คือการให้รัฐธรรมนูญผ่านและมีการเลือกตั้ง ขอฝากไปยังนักศึกษาให้เข้าใจว่าไม่มีหนทางอื่นนอกจากให้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้วเลือกตั้ง รัฐบาลเข้าใจความคิดเห็นในการเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ขอให้เข้าใจสถานการณ์ด้วยว่าไม่ว่าใครเข้ามาบริหารประเทศในเวลานี้ก็ยังคงมีปัญหาเดิม 

       ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่า เชื่อว่านักศึกษาทั้ง 14 คน ที่ถูกปล่อยตัว จะทราบข้อกฎหมายเป็นอย่างดี หากมีการกระทำผิดซ้ำ เจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอน จากเบาไปหาหนัก หลีกเลี่ยงการใช้กำลังกระทบกระทั่ง และเห็นว่ายังไม่จำเป็นต้องส่งตำรวจสันติบาล ไปติดตามพฤติกรรมและความเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มดังกล่าว เนื่อง จากเชื่อว่ามีหน่วยงานของรัฐ เข้าไปทำความเข้าใจกับนักศึกษากลุ่มนี้แล้ว 

ผบ.ตร.กล่าวว่า ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่ากลุ่มนักศึกษามีเบื้องหลังหรือไม่ เพราะอาจเป็นการให้ร้าย หรือปรามาสมากเกินไป แต่ยอมรับบางกลุ่มอาจถูกยุยง ปลุกปั่น ให้นัก ศึกษาทำผิดและไม่ทราบแน่ชัดว่ามีองค์กรต่างประเทศเข้ามาสนับสนุนกลุ่มนักศึกษานี้หรือไม่ จึงขอให้กลุ่มนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวจนละเมิดกฎหมาย คำนึงถึงอนาคตตนเองเป็นหลัก

 

พท.เรียกร้องให้ยุติคดี 14 นักศึกษา

     วันเดียวกัน นายพนัส ทัศนียานนท์ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการปล่อยตัว 14 นักศึกษา ว่า เขาอ้างว่าศาลยกคำร้องที่ขอฝากขังต่อ เป็นการกระทำที่ทำให้มองเห็นว่าไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาลถอย แต่เป็นศาลยกคำร้อง แต่มีหลายคนเตือนไว้แล้วว่าการปล่อยตัว ไม่ได้ทำให้คดีสิ้นสุด ถ้าเขาเห็นว่ามีหลักฐานที่สามารถฟ้องศาลได้ เขาก็สามารถมาเอาตัวเด็กเหล่านี้ไปได้อีก ส่วนตัวคิดว่าการยกคำร้องเพื่อไม่ให้รัฐบาลเสียหน้า โดยกลัวว่าปัญหาจะลุกลามเพราะเหตุการณ์นี้เกือบซ้ำรอยเหตุการณ์ 14 ตุลาฯแล้ว เนื้อแท้ของการปล่อยตัวคือพยายามจะตัดปัญหาไม่ให้ลุกลามบานปลายต่อไป


สยบลือ - พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาวิชาการวัณโรคและระบบทางการหายใจระดับชาติ พร้อมทั้งเดินชมนิทรรศการต่างๆ ก่อนเดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ เมื่อวันที่ 8 ก.ค.

 

      "ตราบใดที่เขายังไม่สั่งยุติคดี ก็ต้องรอว่าเขาจะสั่งฟ้องหรือไม่ และถ้าเขาฟ้องต่อก็ต้องสู้คดีกัน แต่ผมคิดว่าขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ทางการเมืองด้วย รัฐบาลจะต้องประเมินว่าจะฟ้องหรือไม่ ซึ่งถ้าฟ้องแล้วอาจจะกลายเป็น การจุดชนวนได้ ตอนนี้เขาสกัดการลุกลามและลุกฮือของประชาชน แต่ในเมื่อนักศึกษาไม่ได้ทำผิดอะไรก็อยากให้ผู้ใหญ่หยุดดำเนินการกับนักศึกษาเหล่านี้ เพราะตามหลักแล้ว เรามีสิทธิและเสรีภาพที่จะแสดงความคิดเห็น แม้ความคิดเห็นนั้นจะแตกต่างกับทางรัฐบาลก็ตาม ซึ่งผมเห็นว่าเด็กเหล่านี้ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย"นายพนัสกล่าว

 

กสม.เรียกชี้แจงละเมิดสิทธินศ.

      ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กสม. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง นัดประชุมกรณีการจับกุม 14 นักศึกษาและนักกิจกรรม ข้อหาทำผิดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 116 และขัดคำสั่งคสช. ฉบับที่ 3/2558 มีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการชี้แจง อาทิ พ.อ.นุรัช กองแก้ว รองผอ.สำนักงาน พระธรรมนูญ ตัวแทนคสช. นายสมพร มูสิกะ กรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ นายแสงชัย รัตนเสรีวงษ์ อนุกรรมการด้านสิทธิชุมชน และนายกิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ในฐานะฝ่ายพยานผู้เชี่ยวชาญ

     อนุกรรมการและพยานผู้เชี่ยวชาญซักถามตัวแทนคสช.ว่า ทหารมีส่วนเกี่ยวข้องหรืออยู่ในพื้นที่ขณะจับกุมนักศึกษาหรือไม่ คสช.ได้พิจารณาหรือไม่ว่าความผิดในเชิงสิทธิเสรี ภาพไม่จำเป็นต้องขึ้นศาลทหาร กรณีกล่าวอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบไปพบผู้ปกครองนักศึกษาในลักษณะข่มขู่คุกคาม กรณีพยายามตรวจค้นรถทนาย ความของนักศึกษา และหลังจากนี้หากมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองเกิดขึ้นอีกคสช.จะมีนโยบายในการจัดการเรื่องดังกล่าวอย่างไร

 

ทหารอ้างไม่เกี่ยวจับกุม-คุกคาม 

     พ.อ.นุรัชกล่าวว่า ขั้นตอนการจับกุมมีแต่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น เจ้าหน้าที่ทหารไม่ส่วนเกี่ยวข้องคงไม่ต้องชี้แจงขั้นตอน ยืนยันว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้ดำเนินการจับกุม ส่วนความผิดเชิงสิทธิเสรีภาพต้องขึ้นศาลทหารหรือไม่เป็นเรื่องนโยบาย ไม่สามารถตอบได้ คสช.ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ส่วนที่นักศึกษาอ้างมีคนแต่งกายคล้ายทหารหรือมีทหารนอกเครื่องแบบเข้ามาในลักษณะคุกคาม สะกดรอยตาม ก่อนจะถูกจับนั้นยืนยันไม่มีและยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ ส่วนเรื่องนโยบายคสช.จะเป็นอย่างไรขอให้ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรสอบถามไปยังคสช.โดยตรง ส่วนตัวเห็นว่าเมื่อกฎหมายมีอย่างไรก็ให้ปฏิบัติไปตามกฎหมาย

     ด้านนายกิตติศักดิ์กล่าวว่า การบังคับใช้กฎหมายกำลังเป็นปัญหาในทางปฏิบัติ คำสั่งคสช.ฉบับที่ 3/2558 เป็นการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 มาตรา 44 ประกาศนี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ศาลทหาร แต่ควรเป็นศาลยุติธรรม ก่อนหน้านั้นคดีอื่นที่ขึ้นศาลทหาร เนื่องจากช่วงนั้นมีกฎอัยการศึกและยังมีประกาศคสช.ฉบับที่ 37/2557 การนำตัวนักศึกษามาขึ้นศาลทหารนี้จะทำให้การใช้กฎหมายขัดแย้งกันเอง 

      นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 เคยคุยกับผู้ใหญ่ด้านความมั่นคงยืนยันว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของนักศึกษาที่หวังจะก่อให้เกิดความรุนแรง และรัฐบาลก็ยืนยันเรื่องดังกล่าว หากเป็นเช่นนั้นคสช.ควรดำเนินคดี ถ้ามีหลักฐานมัดตัวผู้ที่จงใจก่อเหตุร้าย แต่กรณีของนักศึกษากลุ่มนี้ต้องแยกให้ดีว่าถูกใช้เป็นเครื่องมือหรือแสดงความเห็นโดยสุจริต ถ้าเป็นสุจริตชนก็ไม่ควรควบคุมตัวและเข้าใจว่าเป็นไปตามแนวทางนี้ เพราะศาลทหาร ก็พิจารณาไม่ฝากขังต่อ เชื่อว่ากสม.สามารถช่วยให้เกิดความชัดเจนในเรื่องการพิจารณาคดี โดย กสม.อาจหารือกับคสช.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อวางแนวทางว่าหากมีความผิดในลักษณะนี้จะถูกลงโทษอย่างไร ใช้เหตุผลมาโต้แย้ง ไม่ใช่หวังผลอื่นกับความเห็นต่าง 

 

นิรันดร์ยันเปล่าจับผิด-จี้เข้าใจสิทธิ

     นพ.นิรันดร์กล่าวว่า กสม.ไม่ได้ตรวจสอบเพื่อจับผิด หากแต่เป็นการสร้างความชอบธรรมให้หน่วยงานรัฐที่ต้องใช้หลักนิติรัฐนิติธรรม ความสำคัญของคสช.คือต้องเข้าใจเรื่องสิทธิเสรีภาพและความเห็นต่างทางการเมือง ซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชนข้นพื้นฐาน แม้แต่รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ก็ให้การรับรองเรื่องดังกล่าวไว้ แม้คำสั่งหรือประกาศคสช. รวมทั้งกฎอัยการศึกจะเคยใช้แก้ปัญหาความรุนแรงที่มีอยู่จริงในช่วงแรก แต่จากวันนี้ความ เห็นต่างนั้นอยู่ขอบเขตของสันติวิธี ดังนั้น จึงไม่ควรใช้อำนาจเด็ดขาด แต่ควรใช้วิธีทางการเมืองด้วยการพูดคุยและหลักสิทธิมนุษยชน อีกทั้งสิทธิในกระบวนการยุติธรรม เช่น กรณีการอ้างมาตรา 116 ของกฎหมายอาญา การ กล่าวอ้างเช่นนี้ต้องมีกระบวนการรับฟังข้อเท็จจริงก่อน ไม่ใช่สร้างเรื่องขึ้นมาเองเฉยๆ รวมทั้งการกระทำที่อาจไปก้าวล่วงวิชาชีพทนาย ประเด็นทั้งหมดนี้กสม.จะทำหนังสือไปยังคสช. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องให้พิจารณา

 

ศปป.เชิญ"จาตุรนต์"ร่วมออกทีวี

      ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีฯ พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) จะเชิญนักการเมืองมาแสดงความคิดเห็นว่า ถือเป็นแนวความคิดที่จะเปิดช่องทางให้คนทุกกลุ่ม ทุกพวก ได้แสดงความคิดเห็น ผ่านช่องทางที่ถูกต้องเพื่อนำไปใช้ประโยชน์หรือปรับในสิ่งที่เป็นไปได้ เพราะหลายคนมีความรู้และประสบการณ์นำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับปัจจุบัน โดยจะให้พูดผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และเอ็นบีที จากเดิมทุกวันพุธ เป็นทุกจันทร์แทน รอแค่การอนุมัติจากพล.อ.ประยุทธ์

       ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช.กล่าวว่า คสช.ได้เพิ่มช่องทางเพื่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้แทนของสปช. เพื่อประโยชน์ต่อการเดินหน้าประเทศในอนาคต โดยเฉพาะการปฏิรูปประเทศ โดยเชิญนักการเมือง หรืออดีตผู้บริหารหน่วยงาน ซึ่งไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นใคร แต่จะพิจารณาถึงตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่น่าสนใจไว้เป็นหลัก ในวันที่ 8 ก.ค.เป็นเรื่องการศึกษาจึงเชิญนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ มาร่วมพูดคุย สำหรับสัปดาห์ต่อไปจะประชุมหารือกำหนดประเด็นอีกครั้ง

       พล.อ.อุดมเดช กล่าวด้วยว่า ศปป. จะเชิญทุกกลุ่มทุกฝ่ายรวมถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ทั้งนี้ต้องดูความพร้อมของบุคคลที่เชิญด้วย

กมธ.ตัดทิ้งอำนาจส.ว.-ปม"ก.ต."

      ที่รัฐสภา พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญรายมาตราว่า กมธ.ยกร่างฯได้พิจารณามาตรา 147-154 เกี่ยวกับกระบวนการตรากฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในส่วนนี้กมธ.ยกร่างฯได้ตัดอำนาจการเสนอกฎหมายของส.ว. ทิ้งไป 

       โฆษกกมธ.ยกร่างฯกล่าวว่า ส่วนข้อห่วงใยจากองคมนตรีกรณีที่กำหนดสัดส่วนคณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) ให้มีคนนอก เพิ่มขึ้นนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้พิจารณา ต้องรอพิจารณามาตราที่เกี่ยวข้องก่อน แต่แนวโน้มจะมีการปรับแก้ให้เป็นเหมือนเดิมตามที่รัฐธรรมนูญ 2550 กำหนดไว้คือ คนนอกเป็นก.ต.ได้ 2 คน โดยผ่านการเห็นชอบจากวุฒิสภา ยืนยันว่าเราจะพิจารณาข้อเสนอปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญทุกคำขอ โดยจะไม่ปรับมากไปกว่ารัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมา 

       ส่วนที่กำหนดให้กกต.เป็นผู้จับสลากส.ว. ที่มาจากองค์กรวิชาชีพนั้น พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า เนื่องจากองค์กรวิชาชีพทั้ง 21 องค์กรมีสถานะเท่าเทียมกัน หากให้เลือกกันเองเหลือ 15 คน เกรงจะมีการล็อบบี้ จึงมอบให้กกต.เป็นคนกลางจับสลากออก 6 คน เมื่อทั้ง 21 องค์กร มีมติร่วมกันแล้วว่าจะส่งใครมาเป็นตัวแทน และยังป้องกันมิให้มีการซื้อขายตำแหน่งอีกด้วย 

 

กระจายคณะสรรหา"ส.ว.ลากตั้ง"

       พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า ส่วนส.ว.ที่มาจากการสรรหานั้น คุณสมบัติของคณะกรรมการสรรหา จะกำหนดไว้ในตัวรัฐธรรมนูญ คาดว่าจะเสร็จในสัปดาห์หน้า เบื้องต้นบุคคที่เหมาะจะมาเป็นคณะกรรมการจะต้องมีทั้งคุณวุฒิวัยวุฒิ ต้องมีจำนวนมาก อาจจะเป็น 9, 11 หรือ 15 คน และต้องมาจากหลายภาคส่วน อาทิ วงวิชาการ หรือองค์กรอิสระ ซึ่งเราจะออกแบบองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหาอย่างระมัดระวัง ให้มีความหลากหลายมากที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ซื้อขายตำแหน่ง

พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า การทำงานของ กมธ.ยกร่างฯยังยึดตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 ที่ยังไม่ได้แก้ไข ซึ่งร่างรัฐธรรม นูญจะเสร็จภายในวันที่ 20 ก.ค. และหากมีเวลาเหลือจะนำมาทบทวน ดังนั้น หากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวประกาศใช้ไม่ทัน กมธ.ยกร่างฯก็จะไม่ได้ต่อเวลาทำงาน 30 วัน และไม่อาจเชิญผู้เสนอขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ทุกภาคส่วนเข้ารับฟังคำชี้แจง เพราะต้องทำตามกรอบเวลาเดิม คือส่งร่างรัฐธรรมนูญให้สปช.วันที่ 23 ก.ค. เพื่อลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในวันที่ 6 ส.ค.ต่อไป

 

"ป๋า"โชว์ตัว-เปิดงานหลังข่าวลือ

      เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ก.ค. ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เป็นประธานเปิดงานประชุมวิชาการวัณโรคและโรคระบบทางการหายใจระดับชาติ ประจำปี 2558 หลังจากมีกระแสข่าวลือในโลกโซเชี่ยลมีเดีย โดยพล.อ.เปรมสวมเสื้อสีเทา มีสีหน้าสดใส ได้ขึ้นกล่าวเปิดงาน หลังจากนั้นได้เดินชมนิทรรศการ และเดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ 

      พล.อ.เปรมกล่าวว่า น่ายินดีที่สมาคมปราบวัณโรคฯ ก่อตั้งมาครบ 80 ปีแล้ว และทำงานร่วมกับร.พ.รัฐและเอกชนในการควบคุมป้องกันโรคในประเทศ สถานการณ์ปัจจุบันมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น จึงต้องสนใจในการรักษา ป้องกันโรคอย่างต่อเนื่อง ขอชื่นชมการทำงานของทุกฝ่ายที่ผ่านมาที่จัดให้มีการประชุมวิชาการเพื่อให้ความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานร่วมกันด้วย

       ด้าน ศ.เกียรติยศ นพ.สงคราม ทรัพย์เจริญ ประธานกรรมการกลาง สมาคมปราบวัณโรคแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่าขณะนี้องค์การอนามัยโลกจัดให้ไทยเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยวัณโรคเป็นอันดับที่ 18 ของโลก จากเดิมอยู่อันดับที่ 22 ในกลุ่มที่มีผู้ป่วยวัณโรคมากที่สุด ที่สำคัญถือว่าไทยยังมีปัญหาเชื้อวัณโรคดื้อยาจำนวนมาก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ เช่น กทม. นอกจากนี้ ยังมีปัญหากลุ่มโรคถุงลมโป่งพองและโรคติดเชื้อที่ติดต่อกันได้ ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขต้องเฝ้าระวังป้องกันในกลุ่มโรคเหล่านี้ด้วย

 

เล็งยืดอายุซูเปอร์การศึกษา

      เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษา มีหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วม จากนั้นนายยงยุทธ เปิดเผยผลการประชุม ว่า มีการหารือถึงความคืบหน้าซุปเปอร์บอร์ดการศึกษาระหว่างพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านการศึกษา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ด้านการศึกษา ซึ่งทั้งสปช.และสนช.มีความประสงค์จะจัดทำพระราชบัญญัตินโยบายการศึกษา เพื่อให้ซูเปอร์บอร์ดการศึกษาที่ตั้งขึ้นจากอำนาจคณะรักษาความความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำงานต่อไป เพราะมีความกังวลว่าเมื่อพ้นรัฐบาลนี้ไปแล้วการทำงานของซูเปอร์บอร์ดอาจไม่ต่อเนื่อง ตนจึงมอบให้นายวิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ สนช.ด้านการศึกษาเป็นผู้ดำเนินการ

       "รัฐบาลคิดว่าซูเปอร์บอร์ดมีแนวทางในการทำงานปฏิรูปการศึกษาที่ถาวรและยั่งยืน ส่วนการจัดตั้งสถานศึกษาให้เป็นนิติบุคคลนั้น ทางคณะกรรมการได้คุยกันมานานแล้ว เพราะมองเห็นศักยภาพของสถาบันเหล่านี้และเห็นว่าน่าจะทำให้เป็นอิสระ จึงมาคุยกันว่าจะทำอย่างไรให้สถานศึกษาเหล่านี้เป็นนิติบุคคล และกระทรวงศึกษาธิการเป็นเพียงผู้กำกับดูแลเท่านั้น ที่ผ่านมารัฐให้การสนับสนุนสถาบันการศึกษาฝ่ายเดียว จึงมีแนวคิดว่าต้องสนับสนุนผู้ปกครองของนักเรียนเพื่อให้เลือกสถาบันการศึกษาให้บุตรหลานอย่างมีคุณภาพ" นายยงยุทธกล่าว

นายยงยุทธกล่าวว่า ส่วนการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ได้สั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการเพิ่มบุคลากรทางการศึกษาให้แก่โรงเรียนตามต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมให้เด็กสามารถสนทนาและสอบถามข้อสงสัยจากครูได้จริง ซึ่งจะวัดคุณภาพความเข้าใจเด็กได้ทันที

 

"บิ๊กตู่"บ่ยั่นแท็กซี่หยุดวิ่ง

      เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีบริษัทแท็กซี่ ระบุถ้าชะลอการปรับมิเตอร์ขึ้นให้ก็จะหยุดวิ่งให้บริการว่า ถ้าชะลอก็ต้องชะลอ ตนต้องฟังคณะกรรมการของกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีเขาไม่ได้พูดคนเดียว แต่มีคณะกรรมการดูอยู่ 

"เรื่องค่าโดยสาร ค่าแรง อย่าให้มีปัญหา ถ้าหยุดผมจะหารถไปวิ่งแทน ดูว่ามันจะเป็นอย่างไร เคยตัวกันมามากแล้วทุกเรื่อง บ้านเมืองมีปัญหาอย่างนี้ คนอื่นเขาไม่มีหรืออย่างไร มันมีทุกพวก ถ้าอันนี้ได้ อันนั้นก็ต้องเอา แล้วจะเอาเงินที่ไหน เอาข้าวไป ข้าวในคลังเอาไป" นายกฯกล่าว

       ขณะที่เวลา 11.00 น. นายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้มายื่นหนังสือกับนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคม เพื่อขอให้กระทรวงคมนาคมปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่รอบที่ 2 ตามที่เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งในช่วงบ่าย ทางเครือข่ายสหกรณ์จะหารือกับนายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในเรื่องดังกล่าวด้วย

 

ทส.แจงผลประชุมมรดกโลก

      เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม (ทส.) พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทส. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 39 ที่เมืองบอนน์ ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 29 มิ.ย.-8 ก.ค.ว่า พอใจผลการประชุมเพียง 50 เปอร์เซ็นต์ จากการที่ไปปกป้องมรดกโลกดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ไม่ให้ถูกขึ้นบัญชีมรดกโลกในภาวะอันตราย และคณะกรรมการพอใจแผนการดำเนินงานหรือโรดแม็ปที่เรานำเสนอ โดยไทยต้องดำเนินการตามโรดแม็ปดังกล่าวต่อคณะกรรมการมรดกโลกภายในวันที่ 1 ก.พ. 2559 จากนั้นในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 40 ที่ประเทศตุรกีในปี 2559 จะมีการพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง หากประเทศไทยปฏิบัติตามได้อย่างเข้มข้น คณะกรรมการมรดกโลกก็จะไม่นำเรื่องนี้เข้าสู่วาระการประชุมอีกต่อไป

       พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวต่อถึงกรณีการเสนอขึ้นบัญชีกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกว่า ที่ประชุมให้ไทยจัดทำบัญชีความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่เพิ่มเติม และแก้ปัญหาชนกลุ่มน้อย ในพื้นที่ ซึ่งปัญหาชุมชนกะเหรี่ยงในพื้นที่นั้นต่างชาติมองว่าเป็นชนเผ่าดั้งเดิมเหมือนกับ ชาวอินเดียนแดง อะบอริจิน หรือชนเผ่าอินคา ซึ่งเราก็ได้ชี้แจงไปแล้ว ถ้าเป็นชนเผ่าดั้งเดิมก่อนเกิดประเทศไทยเราก็ต้องดูแลอยู่แล้ว แต่นี่เพิ่งอพยพเข้ามา จากเดิมแค่ 200-300 คน แต่เวลานี้เพิ่มเป็น 3,000 คน และยังมีการย้ายเข้าออกพื้นที่ประเทศใกล้เคียง ซึ่งทางคณะกรรมการมรดกโลกต้องการทราบจำนวนประชากรที่ชัดเจน รวมทั้งการจัดการดูแลชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ด้วย โดยต้องรายงานไปยังคณะกรรมการมรดกโลกภายในวันที่ 1 ก.พ. 2559 เพื่อพิจารณาว่าจะนำเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 40 หรือไม่

      เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการทำทางเชื่อมถนนสาย 304 ระหว่างอุทยานฯ เขาใหญ่และอุทยานฯ ทับลาน ซึ่งล่าสุดมีกระทิงถูกรถชนตาย 1 ตัว และบาดเจ็บสาหัส 1 ตัว ที่เป็นข้อห่วงใยหนึ่งของคณะกรรมการมรดกโลก พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวว่า เรื่องการทำทางเชื่อมป่าเป็นแผนที่มีอยู่แล้วโดยกรมทางหลวง ตนอยากให้สื่อเขียนเชียร์ในทางดี เพราะถ้าข่าวไม่ดีต่างชาติก็เอาไปตีเป็นการเมืองด้วย

      ด้านนายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า สาเหตุที่กระทิงออกมาเนื่องจากปัญหาภัยแล้ง ที่ทำให้แหล่งน้ำในอุทยานฯ เขาใหญ่แห้งขอด กระทิงจึงข้ามมายังฝั่งทับลานที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำกว่าเพื่อหาแหล่งน้ำและออกมากินใบมันสำปะหลังในไร่ของชาวบ้าน ซึ่งได้แก้ปัญหาเบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่เร่งปรับปรุงแหล่งน้ำในอุทยานฯ เขาใหญ่เพิ่มเติม รวมทั้งตั้งจุดสกัดกระทิงไม่ให้ข้ามฝั่ง 3 จุด ถ้าเห็นกระทิงออกมาเจ้าหน้าที่ก็จะไล่กลับเข้าป่าไป คาดว่าหากสถานการณ์ภัยแล้งดีขึ้น ปัญหานี้ก็จะคลี่คลายลง

 

"บิ๊กตู่"รับข้อเสนอแก้ประมง

       เมื่อวันที่ 8 ก.ค.นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้รับทราบข้อเสนอของภาคเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุม (ไอยูยู) โดยมอบหมายให้กรมประมง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการทำประมง เช่น เรื่องของแรงงาน และการทำสมุดบันทึกการประมง โดยไม่ผิดระเบียบของไอยูยู และไม่กระทบกับการทำประมงพื้นบ้าน ซึ่งเรื่องนี้นายกฯ ได้มอบหมายให้ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี รับเป็นแม่งาน ไปพิจารณาปรับปรุงข้อเสนอให้เสร็จภายใน 1 สัปดาห์ 

      ด้านนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในข้อปฏิบัติภายในของไทยเกี่ยวกับเรื่องของประมง เช่น เรือที่ออกไปต้องทำการจดบันทึก ต้องสอนวิธีว่าต้องให้ทำอย่างไรเวลาที่จะออกเรือไป หรือกรณีที่ต้องนายท้ายเรือเป็นคนไทย ต้องทำยังไงให้ถูกต้อง ซึ่งกระทรวงแรงงาน และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องรับไปดูแนวทางว่าจะแก้ไขอย่างไร เพื่อไม่ให้กระทบกับไอยูยู

       ขณะเดียวกัน ในการทำประมงพื้นบ้าน ที่มีอยู่กว่า 30,000 ลำ ต้องหาวิธีดูแลไม่ให้ได้รับผลกระทบ เพราะแม้ว่าตอนนี้ประมงพื้นบ้านจะออกเรือทำการประมงได้ แต่ก็ยังติดขัดระเบียบบางประการ เช่น การกำหนดให้จับสัตว์น้ำได้เพียงชนิดเดียว ต้องไปดูว่า ระเบียบจะต้องปรับปรุงอย่างไร เพื่อช่วยเหลือไม่ให้ประมงพื้นบ้านได้รับความเดือดร้อน 

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการช่วยเหลือผ่อนปรนเรือประมงที่ไม่สามารถออกทำการประมงได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากเรือประมงเหล่านั้นยังไม่ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายว่ารัฐบาลได้จัดชุดเคลื่อนที่ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จไปในพื้นที่ 22 จังหวัดชายฝั่ง เพื่อให้บริการ ณ จุดที่เรือขึ้นท่า อำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าของเรือ ไต๋เรือ และลูกเรือได้มาแสดงหลักฐานเอกสารเพื่อให้สามารถออกทำการประมงได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

      "ท่านนายกฯ ต้องการให้ทุกอย่างมีความชัดเจน และเอื้อต่อชาวประมงที่ประกอบอาชีพสุจริตมากที่สุด โดยชุดเคลื่อนที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ระหว่างวันที่ 6-15 กรกฎาคมนี้ โดยแบ่งชุดปฏิบัติการออกเป็นหลายชุด ลงพื้นที่ครอบคลุมท่าเทียบเรือหลักทุกจังหวัด เพื่อให้บริการ หลายเรื่อง อาทิ จดทะเบียนเรือ ต่อใบอนุญาตการใช้เรือ ออกใบประกาศนียบัตรนายท้ายเรือ ผู้ควบคุมเรือ การเปลี่ยนแปลงรายการในใบอนุญาตใช้เรือ เป็นต้น โดยเป็นภารกิจที่บูรณาการหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง กสทช. รวมถึงหน่วยงานท้องถิ่น ท้องที่ เชื่อว่าการอำนวยความสะดวกเช่นนี้จะช่วยให้เรือประมงจำนวนหนึ่งซึ่งไม่ได้ออกเรือ แต่มีเอกสารหลักฐานครบถ้วนมาแสดง สามารถกลับไปออกเรือได้ตามปกติ ส่วนเรือที่ไม่มีเอกสาร หรือ ไม่สามารถดำเนินการได้ถูกต้อง ก็ต้องหยุดออกเรือ" รองโฆษกรบ.กล่าว

     พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่าเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม จะต้องดำเนินการตรวจสอบ ความถูกต้องของเอกสารและอุปกรณ์ประจำเรือ จำนวน 12 รายการ ดังนี้ 1.ทะเบียนเรือไทย 2.ใบอนุญาตใช้เรือ 3.ใบอาชญา บัตร หรือ ใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมง 4.สมุดบันทึกการทำประมง หรือ LOG BOOK 5.บัตรประชาชนไต๋เรือ 6.บัตรประชาชนนายท้ายเรือ 7.บัตรประชาชนช่างเครื่อง 8.ทะเบียน ลูกจ้าง 9.บัตรสีชมพู 10.สัญญาจ้าง 11.ใบประกาศนายท้ายเรือ 12.ใบประกาศช่างเครื่อง

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!