WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

8อยกร

 

รบ.ปล่อยด่วน 8 อุยกูร์ ส่งให้ตุรกี บินถึง'อิสตันบูล'แล้ว เฉพาะเด็ก-ผู้หญิงก่อน ยังกัก 52 คนผู้ชายล้วน ผลักดันไป'จีน'ยังบาน ยูเอ็น-อียูแถลงอัดไทย

 

กักตัว - สภาพอาคารกักตัวผู้หลบหนีเข้าเมืองของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา มีต่างด้าวถูกควบคุมตัวไว้กว่า 215 คน รวมถึงชาวอุยกูร์อีก 23 คน เจ้าหน้าที่คุมเข้มนำลวดหนามล้อมตัวอาคารไว้ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม



อุยกูร์กลับจีน - ซีซีทีวีนิวส์ของทางการจีนได้แพร่ภาพ การควบคุมตัว ชาวอุยกูร์ 109 คน ที่ประเทศไทยส่งให้จีน เดินทางโดยเครื่องบินกลับไปจีน โดยมีเจ้าหน้าที่จีนประกบตัว และถูกคลุมหน้า ข่าวของซีซีทีวีระบุว่า 13 คน ในจำนวนนี้มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้าย

 

       รบ.ไทยลดแรงกดดันส่ง'เด็ก-ผู้หญิง'อุยกูร์ให้ตุรกีอีก 8 คน 'ธนะศักดิ์'ชี้ทางการจีนยืนยันไม่มีการประหารชีวิต เผยตุรกีเสียใจม็อบพังกงสุลไทย สมช.เตรียมยกคณะไปประเทศจีนสัปดาห์หน้า

 

@ ไทยส่งอุยกูร์เพิ่มอีก 8 คนให้ตุรกี

       ความคืบหน้ากรณีรัฐบาลไทยตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์จำนวน 109 คน ที่ลักลอบเข้าประเทศผิดกฎหมายกลับไปยังจีน ตามคำขอของรัฐบาลจีนที่มีหลักฐานถึงการกระทำผิดและการพิสูจน์ว่าทั้งหมดมีสัญชาติจีน ก่อให้เกิดปฏิกิริยาไม่พอใจ โดยมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งบุกทำลายทรัพย์สินของสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ของไทย ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม และยังมีประชาชนประท้วงหน้าสถานทูตไทยในหลายประเทศของทวีปยุโรป รวมถึงแรงกดดันจากองค์กรนานาชาติ ทั้งสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์), องค์การนิรโทษกรรมสากล, องค์การสิทธิมนุษยชน, กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ที่แสดงความไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลไทยนั้น 


     เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางรัฐบาลไทยได้อนุญาตให้ชาวอุยกูร์จำนวน 8 คน ประกอบด้วย ผู้หญิง 4 คน และเด็ก 4 คน เดินทางไปยังประเทศตุรกีเพิ่มเติมแล้ว หลังได้ทำการพิสูจน์สัญชาติและพบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย ถือเป็นการดำเนินงานสืบเนื่องจากความร่วมมือกันระหว่างไทยกับตุรกีในการให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์

 

@ เหลืออีก 52 คนรอพิสูจน์สัญชาติ

     "ชาวอุยกูร์ทั้ง 8 คน เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่ม 60 คนที่อยู่ในระหว่างการควบคุมของไทย จะทำให้เหลือชาวอุยกูร์รอพิสูจน์สัญชาติเป็นผู้ชายจำนวน 52 คน" พล.ต.วีรชนกล่าว

      สำหรับ กระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงข้อเท็จจริงก่อนหน้านี้ว่า เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้ตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์จำนวน 172 คน ให้กับรัฐบาลตุรกี ซึ่งได้รับบุคคลเหล่านี้ไปตั้งถิ่นฐานในตุรกีเรียบร้อยแล้ว

 

@ เว็บตปท.เผยทั้ง8คนถึงตุรกีแล้ว

    เว็บไซต์ฟ็อกซ์นิวส์ รายงานอ้างการเปิดเผยสำนักงานความช่วยเหลือตุรกีเปิดเผยว่า ชาวอุยกูร์ 8 คน ที่เป็นผู้หญิง 4 คน และเด็ก 4 คน ที่ทางการไทยส่งให้ตุรกีได้เดินทางถึงนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี แล้วในวันเดียวกันนี้ รัฐบาลไทยระบุว่าผู้อพยพชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งไปยังตุรกีต่างมีเอกสารรับรองสัญชาติตุรกี ส่วนชาวอุยกูร์ 109 คนที่ถูกส่งกลับไปจีนนั้นมีแต่เอกสารแสดงความเป็นคนสัญชาติจีนเท่านั้น 

 

@ 'ธนะศักดิ์'บอกไม่มีอุยกูร์ตาย

     พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีการส่งชาวอุยกูร์ให้กับจีนว่า ในความเป็นจริง ไทยแบ่งคนเหล่านี้เป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก 172 คนส่งไปให้กับตุรกี เนื่องจากพิสูจน์สัญชาติไม่ได้ชัดเจนและไม่มีหลักฐานการทำผิด ส่วนอีก 109 คนส่งไปยังจีน มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นคนจีน ส่วนกลุ่มสุดท้าย 60 คนยังไม่มีหลักฐาน เราก็ดูแลต่อไป 

     "ทั้งหมดนี้ไทยทำตามพันธกรณีที่มี ส่วนที่บอกว่ามีคนตายระหว่างเดินทางไปก็เป็นเรื่องมโนทั้งหมด เรามั่นใจว่าจีนเป็นประเทศใหญ่และมีความน่าเชื่อถือ" พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าว และว่า ก่อนส่งคนเหล่านี้ไปจีนเราได้รับคำยืนยันจากจีนว่าจะดูแลอย่างดี คนที่ทำความผิดจะถูกพิจารณาคดี จีนยืนยันว่าไม่มีการประหารชีวิต ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวข้องจะให้พื้นที่ทำกินและจะให้อยู่ในสังคมได้อย่างบุคคลธรรมดา จีนยังได้เชิญให้ไปเยี่ยมคนเหล่านี้โดยในสภาความมั่นคงแห่งชาติจะเป็นเจ้าภาพ มีกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนศาสนาอิสลาม และองค์การระหว่างประเทศ คาดว่าจะเป็นคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี) ไปด้วย ส่วนจะมีการเชิญประเทศอื่นหรือไม่ต้องขึ้นกับจีนจะพิจารณา 

 

@ ยันไทยให้เกียรติประเทศอื่น

     เมื่อถามว่า ได้มีการชี้แจงกับประเทศต่างๆ รวมถึงองค์การระหว่างประเทศที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ไทยอย่างไร พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า มีการทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลในการดำเนินการของไทยส่งไปแล้ว เรื่องการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ไทยถือว่าเป็นหนึ่ง เรามีศักดิ์ศรี มีความรับผิดชอบ คิดและทำตามเหตุผลที่เหมาะสม หลายประเทศพูดแต่ปัดทิ้ง แต่เวลาที่ไทยทำเรื่องดีไม่มีใครพูด

    "คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลตัดสินใจไปถูกต้องแล้ว สิ่งเหล่านี้ต้องตามดูกัน ไม่ใช่มาติฉินหรือว่ากัน เราคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว เรายืนยันและมั่นใจในความร่วมมือเรื่องมนุษยธรรมของไทยในเวทีนานาชาติ เราไม่จำเป็นต้องมาแก้ตัวทุกครั้ง ประเทศที่ไม่ทำเราก็ไม่เคยไปวิพากษ์วิจารณ์ใคร เราอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะเราให้เกียรติประเทศอื่น ดังนั้นขอให้มั่นใจ" พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกหนักใจในการชี้แจงข้อเท็จจริงหรือไม่ พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า ไม่หนักใจ เพราะชี้แจงตามข้อเท็จจริง เราทำตามหลักการที่มีการพูดคุยปรึกษาหารือกันมาแล้วเกือบปีครึ่ง ไม่ใช่คิดแค่วันเดียวแล้วส่งไป มีการตั้งคณะกรรมการหลายคณะขึ้นมาพิจารณารายละเอียดทั้งหมด

 

@ ตุรกีเสียใจกงสุลไทยถูกทำลาย

เมื่อถามว่าเหตุใดไทยจึงไม่พิจารณาคดีกับบุคคลเหล่านี้ตามขั้นตอนปกติในฐานะผู้ผ่านแดนผิดกฎหมายและส่งกลับโดยกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า คนเหล่านี้ไม่ใช่ผู้อพยพ ไม่ได้มีการบันทึกสถานะ เราไม่ได้ดำเนินคดี แต่กักตัวไว้เพื่อหาทางต่อไป เหมือนกับกรณีของชาวโรฮีนจา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการกำชับอะไรกับทางสถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศหรือไม่หลังเกิดสถานการณ์ประท้วงลุกลามไปหลายประเทศ พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า ได้ประกาศเตือนคนไทยในต่างประเทศไป แต่ไทยแสดงความเป็นมิตรกับทุกคน ตุรกีเองก็แสดงความเสียใจที่สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ของไทยถูกทำลาย ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแล ซึ่งรวมถึงนักท่องเที่ยวและนักการทูตด้วย

 

@ เลขาฯสมช.รอไฟเขียว'บิ๊กป้อม'

      นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ต่อการดำเนินการของรัฐบาลไทยที่ส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังจีนว่า ประเทศเจ้าของสัญชาติอย่างจีนมีความประสงค์พร้อมหลักฐานที่ทำให้เราจำเป็นต้องส่งคนเหล่านี้ไปประเทศจีน แต่เรื่องการดำเนินการตามกฎหมาย รัฐบาลจีนรับรองอย่างชัดเจนพร้อมให้ไทยส่งผู้แทนร่วมติดตามการดำเนินการของรัฐบาลจีน 

        "การดำเนินการที่ผ่านมาเป็นเรื่องความจำเป็นและปฏิบัติตามหลักกฎหมาย ขอให้เข้าใจและเห็นความตั้งใจของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาทั้งมิติความมั่นคงและสิทธิมนุษยชนที่ทำมาตลอด มีหลายชาติหลายพื้นที่ได้เข้ามา รัฐบาลไทยก็เป็นผู้แก้ปัญหาและเป็นพื้นที่รองรับคนที่เข้ามาผิดกฎหมายเหล่านี้ บางส่วนได้ส่งไปยังประเทศที่พิสูจน์สัญชาติได้และบางส่วนก็ส่งไปยังประเทศที่สาม ผมคาดว่าจะนำคณะเดินทางไปประเทศจีนประมาณสัปดาห์หน้า ขณะนี้รอการอนุมัติจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ผมยืนยันว่าในระดับนโยบายได้มีการพูดคุยหารือเรื่องนี้มาโดยตลอด" นายอนุสิษฐกล่าว

 

@ เจอถามเกรงใจรัฐบาลใช่หรือไม่

        เมื่อถามว่าถือว่ารัฐบาลไทยเกรงใจจีนใช่หรือไม่ นายอนุสิษฐกล่าวว่า "อย่าไปใช้คำนั้น ประเทศจีนก็มีศักยภาพของเขา เราเองเมื่อคนหลบหนีไปต่างประเทศและกระทำความผิดเราก็ต้องติดตามผู้กระทำความผิดนั้นมาถูกหรือไม่ และตามหลักกฎหมายคนสัญชาติไหนถ้าเข้ามาอยู่ในไทย เราก็มีพระราชบัญญัติสัญชาติ ก็ต้องส่งกลับไปตามสัญชาตินั้น แต่ที่เราต้องดูคือเรื่องความปลอดภัยให้เป็นไปตามหลักสากล บุคคลเหล่านี้ก็เป็นบุคคลที่หลบหนีเข้าเมืองหรือว่าไทยจะยินดีรับแบบนี้อีกหมื่นอีกแสนคนหรือไม่"

       เมื่อถามว่าทำไมประเทศไทยเป็นประเทศผ่านแดนอยู่ตลอด แสดงว่ามีเรื่องค้ามนุษย์คาบเกี่ยวด้วยใช่หรือไม่ นายอนุสิษฐกล่าวว่า "ก็ด้วย และไทยก็ต้องปกป้องชาติบ้านเมืองในแง่หลักของความมั่นคง ในกรณีชาวอุยกูร์นี้ก็มีส่วนด้วยเช่นกัน ประเทศไทยเฝ้าระวังติดตามและประสานกับจีนในเรื่องของการค้ามนุษย์ รวมถึงประเทศอื่นที่มีความร่วมมือด้วยเช่นกัน อาทิ เวียดนาม มาเลเซีย หลายประเทศต่างมีความเป็นห่วงและประสานร่วมมือกัน ผมอยากให้สื่อมวลชนได้ไปดูความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์อีก 60 คน ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ดูแลอยู่ มีการดูแลอย่างดีตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชน มีกิจกรรมให้ทำให้เรียนหนังสือ มีการสาธารณสุขที่ดี แต่เรื่องเหล่านี้ไม่เคยถูกเผยแพร่ในสังคมไทย"

 

@ เผย13ก.ค.อาจถกปัญหาอุยกูร์

นายอนุสิษฐยังกล่าวถึงวาระการประชุม สมช.ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ไม่มีการบรรจุวาระปมชาวอุยกูร์แต่อย่างใด แต่อาจมีการหยิบยกขึ้นมาพูดคุยได้ โดยที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้มีการประชุมหารือเรื่องอุยกูร์มาเป็นระยะอยู่แล้ว

@ 'สุวพันธุ์'ปัดข่าวอุยกูร์ถูกยิงดับ

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงที่สถานทูตไทยในตุรกีว่า เป็นเพียงเพราะการส่งข้อมูลข่าวสารที่ผิดพลาดของชาวอุยกูร์ที่อยู่ในประเทศไทยไปยังชาวอุยกูร์ที่ประเทศตุรกีว่ากำลังจะมีชาวอุยกูร์นับร้อยคนจะถูกส่งไปยังประเทศจีนและทหารไทยได้ยิงชาวอุยกูร์เสียชีวิตไป 25 คน ทั้งที่ไม่เป็นความจริง ซึ่งกลุ่มคนที่ไปก่อเหตบุกสถานทูตไทยที่ตุรกีนั้นก็เป็นชาวอุยกูร์ และสถานการณ์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ชาวตุรกี ส่วนใหญ่ก็มีความเข้าใจ เชื่อว่าสถานการณ์จะไม่ขยายตัวไปมากกว่านี้

 

@ ด่านสะเดากักตัวไว้ 23 คน

       ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สงขลา ถึงการควบคุมตัวของผู้หลบหนีเข้าเมืองจำนวน 215 คน ซึ่งส่วนหนึ่งอ้างว่ามาจากประเทศตุรกี ที่ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสงขลาพร้อมตำรวจ สภ.รัตภูมิ ได้ให้การช่วยเหลือเมื่อวันที่ 15 มีนาคมปีที่แล้ว โดยมี 23 คนที่ยังอยู่ในอาคารกักตัวผู้ต้องกักของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา ตั้งอยู่ใน ต.สำนักขาม อ.สะเดา ใกล้แนวพรมแดนไทย-มาเลเซีย สภาพโดยรอบของสถานที่ดังกล่าวถูกล้อมไปด้วยลวดหนามหีบเพลงหนาถึง 3 ชั้น รอบตัวอาคาร ส่วนบริเวณชั้น 2 เป็นห้องกัก แยกเป็น 4 ห้อง และส่วนที่เป็นหน้าต่างจะมีลวดหนามหีบเพลงวางป้องกันเอาไว้ด้วย ท่ามกลางการจัดเวรยามดูแลอย่างแน่นหนา

       ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าเหตุที่ต้องดูแลอย่างแน่นหนา สืบเนื่องจากเมื่อช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เคยมีบุคคลชาวต่างด้าวใช้ผ้าผูกต่อๆ กันติดกับเหล็กบริเวณชั้น 2 แล้วโรยตัวลงมาถึงพื้นดินแล้วหลบหนีเข้าไปในป่าด้านข้างอาคารกักตัวมาแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองต้องใช้ลวดหนามหีบเพลงล้อมตัวอาคารดังกล่าวเอาไว้เหลือเพียงประตูทางเข้าเท่านั้น

 

@ ประท้วงไทยลามไปถึงออสเตรีย

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน มีเขตอาณาครอบคลุมประเทศเอสโตเนีย ได้ออกคำเตือนให้คนไทยที่พำนักอยู่ในสวีเดนและเอสโตเนีย หลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นหรือโต้เถียงใดๆ กรณีการส่งกลับชาวอุยกูร์ รวมถึงให้ระมัดระวังความปลอดภัยของตนเองและทรัพย์สิน ขอให้แจ้งเตือนญาติและเพื่อนคนไทยให้รับทราบด้วย หลังจากเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม มีกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นชาวตุรกีจำนวนราว 30 คน รวมตัวกันบริเวณสวนสาธารณะใกล้กับสถานทูตไทยในกรุงสตอกโฮล์มเพื่อประท้วงการดำเนินการดังกล่าวของรัฐบาลไทย ทั้งนี้ อาจมีการขยายไปสู่กลุ่มคนในประเทศต่างๆ ในยุโรปได้ 

      ด้านเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ยังได้รับแจ้งจากตำรวจว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงไทยกรณีการส่งผู้อพยพชาวอุยกูร์ไปจีน บริเวณสถานทูตไทยในกรุงเวียนนา ในเวลา 15.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 10 กรกฎาคม ทางสถานทูตขอให้คนไทยงดการเดินทางมายังสถานทูตในช่วงเวลาดังกล่าว 

ก่อนหน้านี้ สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ของไทย ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ถูกกลุ่มประชาชนเข้าทำลายข้าวของ รวมทั้งการชุมนุมบริเวณสถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี 

 

@ 'รัฐบาลจีน'โต้กลับข้อกล่าวหา

      สำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า ในการแถลงข่าวประจำวันของกระทรวงการต่างประเทศของจีน เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม โดยนายหัว ชุนยิง โฆษกกระทรวงฯ ได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวต่อกรณีการปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยชาวอุยกูร์โดยจีนและไทย ที่ทำให้นานาชาติออกมาประณามในเวลานี้ ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงฯ พยายามหลีกเลี่ยงคำว่า "ชาวอุยกูร์" แต่ใช้คำว่า "ชนกลุ่มน้อยผู้มีสัญชาติจีน" แทน 

      ตอนหนึ่งนักข่าวถามว่า รัฐบาลมีปฏิกิริยาเช่นใดต่อกรณีรัฐบาลสหรัฐ ตุรกี และอีกหลายชาติเรียกร้องให้จีนและไทยปฏิบัติตามหลักกฎหมายจารีตประเพณีของนานาชาติ หลังไทยได้ส่งตัวชาวอุยกูร์สัญชาติจีนและอยู่ในไทยโดยผิดกฎหมายกลับไปยังประเทศจีน พร้อมเรียกร้องให้ไทยหยุดการส่งตัวผู้ลี้ภัยและยอมให้ผู้ลี้ภัยที่เหลือได้รับการส่งตัวไปยังประเทศที่สมัครใจรับ

      โฆษกจีนกล่าวว่า "ไทยและจีนได้พบว่ามีชนกลุ่มน้อยผู้มีสัญชาติจีนจำนวนหนึ่งได้เดินทางเข้าประเทศไทยในหลายช่องทางและพักในไทยโดยผิดกฎหมายมาได้ระยะหนึ่ง จากการสอบสวนด้วยความร่วมมือของทั้งสองประเทศ พบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นพวกลักลอบขนคนเข้าประเทศโดยผิดกฎหมายและผู้อพยพโดยผิดกฎหมายการลักลอบขนคนเข้าประเทศ และการอพยพโดยผิดกฎหมาย โดยใช้เอกสารเดินทางปลอมหรือวิธีการอื่นๆ ถือเป็นอาชญากรรมที่ทั่วโลกเห็นพ้องร่วมกัน เป็นการกระทำที่ทำลายระเบียบนานาชาติของการออกและเข้าประเทศ"

 

@ เรียกร้องให้'ตุรกี'ปฏิบัติตามกม.

      "การส่งตัวพวกลักลอบขนคนเข้าเมืองได้รับการเห็นชอบร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยและจีนภายใต้ข้อตกลงระดับนานาชาติ และสนธิสัญญาความร่วมมือระดับทวิภาคี เป็นความร่วมมือตามปกติระหว่างประเทศเพื่อต่อต้านการลักลอบขนคนเข้าเมือง และการอพยพโดยผิดกฎหมาย และยังเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันของทุกประเทศ" โฆษกจีนกล่าว และว่า รัฐบาลบางประเทศ และกลุ่มอำนาจบางกลุ่มพากันเรียกพวกผู้อพยพโดยผิดกฎหมายว่าเป็น "ผู้ลี้ภัย" และรุมวิจารณ์ไทยและจีนอย่างมัวเมาโดยไม่มีการพิจารณาถึงข้อเท็จจริงเบื้องหน้าพยายามทำให้เป็นประเด็นทางการเมือง ไม่เพียงเป็นการให้ท้ายการลักลอบขนคนเข้าเมือง และการอพยพโดยผิดกฎหมาย แต่ยังเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงนานาชาติ พร้อมประณามการใช้ความรุนแรงต่อทั้งบุคคลและสถาบันของจีนและไทย และเรียกร้องให้รัฐบาลตุรกีปฏิบัติตามหลักกฎหมายนานาชาติ

 

@ จีนอ้างตุรกีส่งอุยกูร์ขายให้ไอเอส

      วันเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานคำกล่าวอ้างของนายต่ง ปี้ซาน หัวหน้าแผนกสอบสวนคดีอาญา กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน ที่ให้สัมภาษณ์กับกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติในกรุงปักกิ่งของจีนว่า ชาวอุยกูร์ในมณฑลซินเจียงที่พูดภาษาเตอร์กิกได้รับการช่วยเหลือจากสถานทูตตุรกีประจำประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสถานทูตตุรกีในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ที่ออกเอกสารยืนยันสัญชาติเป็นชาวตุรกีให้ เพื่อที่คนเหล่านี้จะได้เดินทางไปยังตุรกีได้ ซึ่งเมื่อไปถึงแล้วชาวอุยกูร์เหล่านี้ส่วนหนึ่งถูกขายไปเป็นทหารเข้าร่วมกับกลุ่มกำลังต่างๆ อย่างกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)

"จริงๆ แล้วพวกเขาเป็นคนจีน แต่จะมีการให้สัญชาติตุรกีแก่พวกเขา" นายต่งกล่าว และว่า เมื่อคนเหล่านี้ไปถึงกลับไม่มีโอกาสที่จะหางานทำที่ถูกกฎหมายและทำให้บางคนหันไปเข้าร่วมกับกลุ่มหัวรุนแรงแทน เช่น ขบวนการอีสต์เตอร์กิสถานอิสลามมิก ที่จีนกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวก่อความไม่สงบในมณฑลซินเจียงของจีนเพื่อจัดตั้งรัฐอิสระของตนเอง หรือถูกขายไปเป็นทหารเข้าร่วมกับกลุ่มก่อการร้ายในอิรักหรือซีเรียในราคาหัวละ 2,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่ามีชาวอุยกูร์จำนวนเท่าไรที่ไปเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอส แต่เห็นวิดีโอและข้อความชวนเชื่อของกลุ่มนี้อยู่ในโทรศัพท์มือถือและเครื่องคอมพิวเตอร์ของชาวอุยกูร์ที่กลับมา"

      รอยเตอร์ให้ความเห็นว่า คำกล่าวอ้างนี้อาจสร้างความไม่พอใจให้แก่ตุรกีมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ตุรกีได้แสดงท่าทีออกมาแล้วในกรณีที่ทางการไทยตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์กว่า 100 คนกลับไปจีน 

 

@ นายกตุรกีไม่เห็นด้วยบุกสถานทูต

     สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายอาเหม็ต ดูวาโทกลู นายกรัฐมนตรีตุรกี เปิดเผยว่า การบุกโจมตีอาคารสถานที่ทางการทูตและการทำร้ายนักท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่ขัดกับค่านิยมทางวัฒนธรรมและหลักการทางการเมืองของตุรกี พร้อมเสริมด้วยว่า ถึงขณะนี้ทางตุรกียังคงมีการพูดคุยกับทั้งไทยและจีนในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง

 

@ 'อียู'ชี้ส่งกลับอุยกูร์ขัดกติกาสากล

      นางเฟเดริกา โมเกรินี ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปและรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ออกแถลงการณ์กรณีการผลักดันชาวเตอร์กิกออกจากประเทศไทย ระบุว่า การผลักดันชาวเตอร์กิกจำนวนประมาณ 100 คน รวมถึงผู้หญิงและเด็ก ออกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีนเป็นการกระทำผิดอย่างร้ายแรงต่อหลักการห้ามผลักดันกลับ (non-refoulement principle) เป็นแก่นสำคัญของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ประเทศไทยมีพันธกรณีในการปฏิบัติภายใต้อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (CAT) และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง (ICCPR) ชาวเตอร์กิกที่ยังพำนักอยู่ในประเทศไทยควรได้รับการอนุญาตให้เดินทางออกจากประเทศไทยได้อย่างสมัครใจไปยังประเทศที่พวกเขาเลือกและประเทศนั้นๆ ยินยอมที่จะรับพวกเขา

 

@ สิทธิมนุษยชนยูเอ็นขอร้องไทย

      นายรูเพิร์ท โคลวิลล์ โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (โอเอชซีเอชอาร์) แถลงที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แสดงความห่วงกังวลต่อการส่งกลับชาวอุยกูร์ไปจีนของไทย ขอให้ทางการไทยให้หลักประกันคุ้มครองชาวอุยกูร์ที่ยังคงอยู่ในความควบคุมที่เหลืออีก 60 คนด้วย 

      "ชาวอุยกูร์ 109 คน เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มชาวอุยกูร์กว่า 350 คนที่ถูกกักขังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แย่มากในสถานกักกันผู้อพยพในประเทศไทยมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2557 หลังจากเดินทางมาจากจีนเพื่อไปยังประเทศตุรกี แต่ทั้งๆ ที่ทางการตุรกีเต็มใจที่จะรับผู้อพยพกลุ่มนี้ไปยังตุรกี แต่มีแค่ 172 คนจาก 350 เท่านั้น ที่ถูกส่งไปตุรกีเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การส่งคนกลุ่มนี้ไปจีนของทางการไทยนั้นขัดต่อหลักการห้ามผลักดันกลับและยังทำให้พวกเขาตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกทารุณ ถูกลงโทษหรือได้รับการปฏิบัติที่โหดร้าย 

      "ขอเรียกร้องให้ทางการไทยรับรองการปกป้องคุ้มครองผู้ที่ยังอยู่ในความควบคุมตัวของไทยอีก 60 คน และให้หลักประกันว่าจะไม่มีการส่งกลับไปยังประเทศที่เชื่อว่าหากพวกเขาถูกส่งกลับไปแล้วจะเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ซึ่งรวมถึงการถูกทารุณทำร้ายได้" นายโคลวิลล์กล่าว พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลจีนให้หลักประกันว่าผู้ที่ถูกส่งตัวกลับไปนั้นจะได้รับการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเต็มที่ด้วย 

 

@ เว็บ'อียู'แถลงเป็นการละเมิด

     เว็บไซต์สหภาพยุโรป เผยแพร่แถลงการณ์ ลงวันที่ 10 กรกฎาคม กรณีรัฐบาลไทยเนรเทศผู้อพยพเชื้อสายเตอร์กิก (กรณีอุยกูร์) ว่า การส่งตัวบุคคลชนชาติเดิมเตอร์กิกราว 100 คน รวมถึงผู้หญิงและเด็กไปประเทศจีนนั้น เป็นการละเมิดหลักการไม่ส่งผู้ลี้ภัยกลับไปยังดินแดนหรือถิ่นที่ชีวิตและเสรีภาพของคนเหล่านี้จะถูกคุกคาม อันเป็นข้อบัญญัติสำคัญในกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

     "ประเทศไทยเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง บุคคลเชื้อชาติเตอร์กิกดั้งเดิมนั้นควรได้รับการอนุญาตให้ไปยังประเทศที่พวกเขาเลือกและประเทศนั้นยินดีรับคนเหล่านี้"

 

@ ซีซีทีวีแพร่ส่งอุยกูร์กลับจีน 

     สำนักข่าวซินหัวสื่อรัฐบาลจีนรายงานว่า กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนยืนยันว่า ผู้อพยพโดยผิดกฎหมายทั้งหมด 109 คนที่ถูกส่งตัวจากไทยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อยู่ระหว่างการเตรียมตัวเดินทางไปยังตุรกี, ซีเรีย หรืออิรักเพื่อร่วมกับกลุ่มก่อการร้ายในตะวันออกกลาง

รายงานได้อ้างข้อมูลจากกระทรวงความมั่นคงฯว่า จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนสามารถเปิดโปงกลุ่มนอกกฎหมายในตุรกีที่ทำการจัดหาสมาชิกใหม่เพื่อเข้าร่วมกลุ่มก่อการร้ายได้หลายกลุ่ม และในบรรดาผู้อพยพ 109 คนที่ถูกส่งตัวกลับ มี 13 รายที่หลบหนีจากจีนหลังเข้าไปเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายและอีก 2 รายที่หลบหนีการควบคุมตัว โดยนำเอาแนวคิดทางศาสนาแบบสุดโต่งมาโน้มนำให้ประชาชนเดินทางไปยังซีเรียและอิรักเพื่อทำสงครามศาสนา

นอกจากนี้ ซีซีทีวี (CCTV) สื่อโทรทัศน์ของรัฐบาลจีนยังได้เผยแพร่ภาพของกลุ่มชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวไปจากประเทศไทย ซึ่งจากภาพชาวอุยกูร์เหล่านี้ถูกใช้ผ้าสีดำคลุมศรีษะขณะควบคุมตัวไว้ด้วย

 

 

วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8992 ข่าวสดรายวัน


เตือนคนไทยในยุโรป ให้ระวัง พิษอุยกูร์ลามทั่ว '
สวีเดน-ออสเตรีย'ฮือ'อียู'ออกแถลงจวกซ้ำ สื่อจีนเปิดเองรูปจนท. คุมขึ้นเครื่องกลับปท. บิ๊กเจี๊ยบโต้ไม่เอาไปฆ่า

 


คุมอุยกูร์ - สำนักข่าวซีซีทีวีของทางการจีน เผยแพร่ภาพข่าวในทวิตเตอร์ ขณะเจ้าหน้าที่จีนควบคุมตัวผู้อพยพชาวอุยกูร์ 109 คน ที่รัฐบาลไทยส่งตัวให้ พร้อมระบุในจำนวนนี้มี 13 คนเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้าย จึงมีการคลุมศีรษะ

     ม็อบอุยกูร์ ลามทั่วยุโรป ที่ออสเตรีย สวีเดน เอสโตเนีย ก็มี สถานทูตเตือนคนไทยยุติหลีกเลี่ยงแสดงความเห็น หรือโต้แย้ง หวั่นสถานการณ์บานปลาย 'อียู' ออกแถลงจวกไทย ผลักดันชาวอุยกูร์ 109 คนไปจีน ละเมิดหลักการกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เรียกร้องให้ดูแลชาวอุยกูร์ที่เหลืออยู่ พร้อมให้โอกาสเดินทางไปยังประเทศที่ต้องการไทยส่งเพิ่ม 8 อุยกูร์ เป็นหญิง 4 เด็กอีก 4 กลับตุรกีแล้ว ธนะศักดิ์ โต้ลั่น ยันจีนดูแลผู้อพยพดี ไม่มีโทษประหารชีวิต เตรียมส่งเลขาฯสมช.บินดูความเป็นอยู่ 

      จากกรณีที่กลุ่มมุสลิมอุยกูร์ในประเทศตุรกี ก่อเหตุประท้วงพร้อมบุกเข้าทำลายทรัพย์สินภายในสำนักงานสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ในนครอิสตันบูล ขณะเดียวกันก็มีม็อบฮือประท้วงหน้าสถานทูตไทยในกรุงอังการา เมืองหลวงตุรกี เพราะไม่พอใจที่รัฐบาลไทยส่งผู้อพยพชาวอุยกูร์ 109 คนกลับไปประเทศจีน ทั้งที่ตุรกีพร้อมรับตัว ทำให้องค์กรต่างๆ อาทิ กระทรวงต่างประเทศตุรกี ฮิวแมนไรต์วอตช์ ยูเอ็นเอชซีอาร์ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ต่างประณามไทยกรณีละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ จนหวั่นบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งกับมุสลิมทั่วโลก

     ขณะที่พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯเตรียมส่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติไปประเทศจีน เพื่อดูความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ทั้ง 109 คน ว่าได้รับการปฏิบัติที่ดีหรือไม่ 

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในประเทศเอสโตเนียด้วย ประกาศเตือนเกี่ยวกับกรณีการประท้วงทางการไทยที่ส่งชาวอุยกูร์กลับจีนผ่าน ทางเฟซบุ๊กของทางสถานทูตว่า บ่ายของวันที่ 9 ก.ค. 2558 ตามเวลาท้องถิ่น มีการชุมนุมประท้วงการดำเนินการดังกล่าวของรัฐบาลไทยที่บริเวณสวนสาธารณะใกล้สถานเอกอัคร ราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม โดยผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นชาวตุรกี ประมาณ 30 คน และความไม่พอใจในเรื่องดังกล่าวอาจมีการขยายไปสู่กลุ่มคนในประเทศต่างๆ ในยุโรปได้ ดังนั้นสถานทูตจึงขอให้ชาวไทยที่พำนักในสวีเดนและเอสโตเนีย ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นหรือโต้เถียงใดๆ ในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งใช้ความระมัดระวังดูแลความปลอดภัยของตนเองและทรัพย์สิน ตลอดจนแจ้งเตือนญาติและเพื่อนชาวไทยให้ทราบด้วย

     ทั้งนี้ หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ท่านสามารถติดต่อสถานทูต นอกเวลาทำการ ได้ที่หมายเลขฉุกเฉิน 070 23 44 191 และ 070 09 16 192 หากเป็นกรณีในเวลาทำการ โปรดติดต่อที่หมายเลข 08 588 04 250

ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบครอบคลุมประเทศสโลวะเกีย และสโลวีเนียด้วย ประกาศผ่านเฟซบุ๊กของสถานทูตว่า รับแจ้งจากตำรวจว่า จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงไทยกรณีการส่งผู้อพยพชาวอุยกูร์ไปจีน บริเวณสถานทูต ในวันที่ 10 ก.ค. 2558 ในช่วงเวลา 15.30 น.เป็นต้นไปตามเวลาท้องถิ่น จึงขอให้งดการเดินทางมาสถานทูตในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ ในกรณีฉุกเฉิน สามารถติดต่อสถานทูต ได้ที่หมายเลขฮอตไลน์ +43 664 999 0424 

      นอกจากนี้ สถานทูตขอความร่วมมือชาวไทยที่พำนักในออสเตรีย สโลวะเกีย และสโลวีเนีย โปรดระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นหรือโต้เถียงใดๆ ในเรื่องการส่งผู้อพยพชาวอุยกูร์ไปจีนกับชาวตุรกี รวมทั้งใช้ความระมัดระวังดูแลความปลอดภัยตนเอง ตลอดจนแจ้งเตือนเพื่อนชาวไทยให้ทราบด้วย

    ด้านสหภาพยุโรปหรืออียูออกแถลง การณ์โดยโฆษกของนางเฟเดริกา โมเกรินี ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปและรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เกี่ยวกับการผลักดันชาวเตอร์กิกหรือชาวอุยกูร์ ออกจากประเทศไทย ว่า การผลักดันชาวเตอร์กิกจำนวนประมาณ 100 คน รวมถึงผู้หญิงและเด็ก ออกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีนเป็นการกระทำผิดอย่างร้ายแรงต่อหลักการห้ามผลักดันกลับ (non-refoulement principle) ซึ่งเป็นแก่นสำคัญของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และว่าประเทศ ไทยมีพันธกรณีในการปฏิบัติภายใต้อนุ สัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ (CAT) และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง (ICCPR) ชาวเตอร์กิกที่ยังพำนักอยู่ในประเทศไทยควรได้รับการอนุญาตให้เดินทางออกจากประเทศไทยได้อย่างสมัครใจไปยังประเทศที่พวกเขาเลือกและประเทศนั้นๆ ยินยอมที่จะรับพวกเขา

     นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีจะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในวันจันทร์ที่ 13 ก.ค.นี้ว่า เป็นการประชุมเรื่องเกี่ยวกับแผนบริหารจัดการตามแนวชายแดน เรื่องยุทธศาสตร์ทางด้านข่าวกรอง เรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นนโยบายที่ สมช.เป็นผู้กำหนดและต้องนำเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ทุกส่วนราชการขับเคลื่อน มีกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจน สิ่งที่ห่วงคือแผนบริหารจัดการตามแนวชายแดน คือทำอย่างไรให้ประเทศมีความพร้อมในการเผชิญวิกฤต เช่น มีระบบของการเฝ้าระวังเพียงพอหรือไม่ มีการใช้กลไกต่างๆ มาตรการ เมื่อเฝ้าระวังแล้วหากมีเหตุมีระบบการแจ้งเตือน การประสาน งานกันอย่างไร จากนั้น ภาครัฐหรือภาคประชาชนที่เข้าไปทำงานนั้นมีความเข้าใจถึงปัญหาภัยคุกคามที่มาจากรอบด้านนี้โดยมีกฎหมาย มีมาตรการใดรองรับเพียงพอหรือไม่ เหล่านี้เป็นหน้าที่ของสภาความมั่นคงต้องเข้าไปตรวจสอบและทำแผน

     เลขาฯสมช. กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีเรื่องงานข่าวกรองที่ต้องวางระบบการทำงาน กลไก การพัฒนาระบบข่าวกรอง การพัฒนาคน การเชื่อมโยง การบูรณาการ ภาพเชิงยุทธศาสตร์ข่าวกรอง และยังมีเรื่องอาชญา กรรมข้ามชาติในอนาคต อีกหลายๆ เรื่อง อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องชาวอุยกูร์นั้นไม่มีเรื่องดังกล่าวในวาระการประชุมสภาความมั่นคงที่จะประชุมกันในวันจันทร์นี้แต่อย่างใด แต่อาจมีการหยิบยกขึ้นมาพูดคุยได้ ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มีการประชุมหารือเรื่องอุยกูร์มาเป็นระยะๆ อยู่แล้ว

      พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 10 ก.ค. ทางการไทยอนุญาตให้ชาวอุยกูร์ 8 คน ประกอบด้วยผู้หญิง 4 คน และเด็ก 4 คน เดินทางไปยังประเทศตุรกีเพิ่มเติมแล้ว หลังจากได้พิสูจน์สัญชาติ และพบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งถือเป็นการดำเนินงานสืบเนื่องจากความร่วมมือกันระหว่างไทยกับตุรกีในการให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ ทั้งนี้ชาวอุยกูร์ทั้ง 8 คน เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่ม 60 คน ที่ก่อนหน้านี้อยู่ในระหว่างการควบคุมของไทย ทำให้ขณะนี้ เหลือชาวอุยกูร์อยู่รอพิสูจน์ในไทยเป็นผู้ชายจำนวน 52 คน 

      วันเดียวกัน ที่กระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รมว.ต่างประเทศ เผยว่า ก่อนที่จะส่งชาวอุยกูร์ไปจีน เราได้รับคำยืนยันจากจีนว่าจะดูแลอย่างดี คนที่ทำความผิดจะถูกพิจารณาคดี ซึ่งจีนยืนยันว่าไม่มีการประหารชีวิต ส่วนคนที่ไม่เกี่ยว ข้อง เขาก็จะให้พื้นที่ทำกิน และจะให้อยู่ในสังคมได้อย่างบุคคลธรรมดา นอกจากนี้จีนยังเชิญให้ไปเยี่ยมคนเหล่านี้ โดยในส่วนของไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติจะเป็นเจ้าภาพ มีกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนศาสนาอิสลาม และองค์การระหว่างประเทศซึ่งคาดว่าจะเป็นคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ(ไอซีอาร์ซี) ไปด้วย ส่วนจะมีการเชิญประเทศอื่นหรือไม่ต้องขึ้นกับจีนจะพิจารณา หลังจากนี้ก็จะหาช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป ส่วนกรณีข่าวลือว่ามีชาวอุยกูร์เสียชีวิตระหว่างขนย้ายนั้น พลเอกธนะศักดิ์กล่าวว่า เป็นการมโน ขอย้ำว่าไม่เป็นความจริงแต่ อย่างใด 

      "สิ่งที่รัฐบาลตัดสินใจไปถูกต้องแล้ว สิ่งเหล่านี้ต้องตามดูกัน ไม่ใช่มาติฉินหรือว่ากัน เราคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว เรายืนยันและมั่นใจในความร่วมมือเรื่องมนุษยธรรมของไทยในเวทีนานาชาติ เราไม่จำเป็นต้องมาแก้ตัวทุกครั้ง ประเทศที่ไม่ทำเราก็ไม่เคยไปวิพากษ์วิจารณ์ใคร เราอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะเราให้เกียรติประเทศอื่น ดังนั้นขอให้มั่นใจ" พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกหนักใจในการชี้แจงข้อเท็จจริงหรือไม่ พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า ไม่หนักใจ เพราะเราชี้แจงตามข้อเท็จจริง เราทำตามหลักการที่มีการพูดคุยปรึกษาหารือกันมาแล้วเกือบปีครึ่ง ไม่ใช่คิดแค่วันเดียวแล้วส่งไป มีการตั้งคณะกรรมการหลายคณะขึ้นมาพิจารณารายละเอียดทั้งหมด

    เมื่อถามว่า เหตุใดไทยจึงไม่พิจารณาคดีกับบุคคลเหล่านี้ตามขั้นตอนปกติในฐานะผู้ผ่านแดนผิดกฎหมายและส่งกลับโดยกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า คนเหล่านี้ไม่ใช่ผู้อพยพ ไม่ได้มีการบันทึกสถานะ เราไม่ได้ดำเนินคดีแต่กักตัวไว้เพื่อหาทางต่อไปเหมือนกับกรณีของชาวโรฮิงยา

     ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการกำชับอะไรกับทางสถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศหรือไม่ เพราะดูเหมือนขณะนี้สถานการณ์จะลุกลามบานปลายไปหลายประเทศ พล.อ. ธนะศักดิ์กล่าวว่า ประกาศเตือนคนไทยในต่างประเทศไป แต่ไทยแสดงความเป็นมิตรกับทุกคน ตุรกีก็แสดงความเสียใจที่สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ของไทยถูกทำลาย และส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแล ซึ่งรวมถึงนักท่องเที่ยวและนักการทูตด้วย

      เมื่อถามว่ามีข่าวว่าไทยได้ส่งคนอุยกูร์อีก 8 คนให้กับจีนเพิ่มเติม พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า "ยัง ยัง ยัง แต่ถ้าไม่มีอะไรก็คงจะส่งตัวไป ถ้าทุกคนไม่หยุดพูดการพิจารณาล็อตต่อไปก็คงทำไม่ได้ ต้องรอจนกว่าให้เรื่องนี้เป็นปกติเสียก่อน"

ค่ำวันเดียวกัน สำนักข่าวซีซีทีวี ทวีตข่าวการส่งผู้อพยพชาวอุยกูร์จากไทย จำนวน 109 คน มายังประเทศจีน โดยระบุว่า 13 คนจาก 109 มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อการร้าย ทั้งนี้ภาพที่ปรากฏเป็นภาพเจ้าหน้าที่จีนนั่งประกบชาวอุยกูร์ บางคนมีถุงดำคลุมหน้า โดยเมื่อถึงประเทศจีนก็มีเจ้าหน้าที่หิ้วลงจากเครื่องบินด้วย

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!