WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

payut21-

วิษณุ แนะบิ๊กตู่ปรับครม. อย่าเกรงใจ เคยบอก-เปลี่ยนได้ทันที จี้กมธ.แจง"ตัดสิทธิ ให้ชัด หั่น'รธน.'เหลือ 285 มาตรา เสนอ'กฤษฎา'นั่งปลัดมท. สมช.โชว์รูป 109 อุยกูร์ที่จีน โรฮีนจายื่นนายกฯขอลี้ภัย

         'มหาดไทย'โยกย้าย ขรก.ระดับสูง 'กฤษฎา'ผงาดนั่งเก้าอี้ปลัด 'อาทิตย์'ขึ้นอธิบดีปกครอง 'ไมตรี'เป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน'ประยุทธ์'ระบุชัดประเทศไทยต้องร่วมมือสร้างความเข้มแข็ง ไม่มีท้อแท้ 'เลิศรัตน์'เผยร่าง รธน.มีไม่เกิน 285 มาตรา

 

มติชนออนไลน์ :

กำลังใจ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. พบปะกับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน จ.ระยอง ที่มาต้อนรับและให้กำลังใจระหว่างตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานโรงเรียนกำเนิดวิทย์และสถาบันวิทยสิริเมธี ที่โรงเรียนกำเนิดวิทย์ จ.ระยอง เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม

 

@ 'บิ๊กตู่'ลั่นต้องสร้างความเข้มแข็ง

     เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรีและโฆษกประจำสำนักนายกฯ ได้เดินทางมาที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) เพื่อขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปตรวจราชการที่ จ.ระยอง ต่อมาเวลา 09.45 น. คณะของ พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทางถึงอาคารศูนย์กลางเกษตรจังหวัดระยอง ตลาดกลางผลไม้เพื่อการเกษตรตะพง ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง 

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งกับข้าราชการและประชาชนที่มาต้อนรับจำนวนมากว่า ประเทศไทยต้องร่วมมือกันสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้น แต่ให้แก้ไขปัญหาทั้งหมดทีเดียวคงไม่ได้ ต้องทยอยแก้ปัญหา รัฐบาลยืนยันว่าต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ รัฐบาลมีความตั้งใจจริงและต้องมาทำความเข้าใจพูดคุยกับทุกคนว่าขอให้แยกแยะสถานการณ์ทางการเมืองออกไป วันนี้รัฐบาลเข้ามาเพื่อการปฏิรูปประเทศ แก้ไขปัญหาให้เกิดความยั่งยืน ประชาชนจะได้ไม่ลำบากเหมือนเดิมอีกต่อไป และการปรับเปลี่ยนไม่ว่าอะไร ต้องใช้เวลา และวิธีการที่เหมาะสมตามข้อเท็จจริง 

 

@ รับปากจะทำทุกอย่างให้เต็มที่

       พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ประเทศไทยมี 77 จังหวัด ต้องดูว่าแต่ละส่วนงานจะทำอย่างไรไม่ให้ทับซ้อนและประสานกันทั้งระดับล่าง ระดับพื้นที่และส่วนกลาง สิ่งสำคัญที่สุดคือประชาชนต้องเกิดความเข้าใจ การจัดทำแผนงานของรัฐบาล เราดูแลคนทั้งประเทศ รัฐบาลนี้ วันนี้ไม่ได้มองคนเพียง 10 กว่าล้านคน หรืออีกฝ่ายที่มีอีก 10 กว่าล้านคน เหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านๆ มา ประเทศไทยมี 70 กว่าล้านคนต้องนึกถึงความเดือดร้อนของทุกคน อย่าปล่อยให้ใครมาปลุกระดมให้เกลียดชังหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลปัจจุบัน

      "ผมรับปากว่า จะทำทุกอย่างให้เต็มที่ ยังไม่มีท้อแท้ ยิ่งเจอปัญหาหรืออะไรต่างๆ ยิ่งต้องทำงานให้เกิดความยั่งยืนและแก้ให้ได้ ผมเห็นใจทุกคนที่ต้องเจอปัญหาแบบนี้มาตลอดชีวิตไม่ว่าปัญหาเรื่องข้าว ผลไม้ ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาแต่แก้ไม่ได้ มันต้องแก้ในลักษณะภาพใหญ่ทั้งหมด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

@ นายกฯย้ำจะไม่ใช่กม.รังแกคนจน

     ต่อมาเวลา 13.30 น. คณะของ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาตรวจเยี่ยมโรงเรียนกำเนิดวิทย์ และสถาบันวิทยศิริเมธี ตั้งอยู่ที่ ต.ป่ายุบใน อ.วังจัน จ.ระยอง โดยพบปะผู้บริหารโรงเรียนพร้อมถ่ายรูปร่วมกับคณะผู้บริหาร คณาจารย์ นักเรียน นักศึกษา ก่อนมอบนโยบาย ว่า "วันนี้เราต้องหาตัวเองให้เจอ ทำอย่างไรประเทศไทยถึงจะมีตัวตนและมีบทบาทในเวทีโลก ทำอย่างไรให้เราเข้มแข็ง เลิกขัดแย้งในเรื่องของประชาธิปไตย ที่ผ่านมามันเฟค จอมปลอม วันนี้เราต้องการความเข้มแข็ง หลังจากผมไปแล้ว เราต้องเข้มแข็งต้องรู้ว่าประเทศไทยและคนไทย ยืนอยู่ตรงไหนผมตั้งไข่ไว้ให้แล้วส่วนมันจะล้มหรือไม่ก็อยู่ที่ทุกคนว่าจะกำหนดอนาคตของประเทศอย่างไร ถ้าปล่อยให้มีความขัดแย้งอีกต่อไปเราก็เดินต่อไปไม่ได้"

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า "จะไม่ใช้กฎหมายรังแกคนจน แต่กฎหมายจะใช้เพื่อสร้างความสงบสุขให้ประเทศ ที่สำคัญอย่าให้คนเลวมีอำนาจ พูดแล้วอารมณ์เสีย เราไม่ใช่ศัตรูกับใครเป็นมิตรกับทุกประเทศ เพียงแต่ประเทศต่างๆ เขาเลยเวลานี้ไปแล้วที่เคยมีความขัดแย้งและคนล้มตาย แต่ของเราไม่ตาย เลยต้องเอาสักหน่อยพอหอมปากหอมคอ แต่ปล่อยต่อไปไม่ได้เพราะเราช้ากว่าประเทศอื่นมานาน วันนี้คนไทยต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ตนเข้ามาไม่ได้ต้องการประโยชน์สักสลึงเดียว ประเทศชาติต้องการความสงบ และสำหรับนายกฯไม่มีท้อแท้ ไม่เหนื่อย ยิ่งมีศัตรู ยิ่งไม่ท้อ"

 

@ หวังกำนันผู้ใหญ่บ้านร่วมมือ

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า "วันนี้ยังมีกำลังใจเต็มร้อยเสมอ ไม่มีท้อแท้อะไรทั้งนั้น รู้ว่าหลายคนเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจแล้วค้านทุกเรื่อง มันจะไม่มีทางไปสู่ความสำเร็จได้ ไม่ว่าใครก็ตามทำไม่ได้ทั้งสิ้น ขอฝากทุกคนนี่คืออนาคตของวันหน้า แต่ต้องไม่ลืมปัจจุบันและประวัติศาสตร์ วันนี้เราก้าวมาจุดนี้ด้วยอะไร ความขัดแย้งเกิดจากอะไร แล้วเราจะถอยกลับไปหรือไม่ คิดกันเอาเอง" 

      ผู้สื่อข่าวถามว่า ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองกำลังจะปฏิรูปประเทศ หวังอะไรกับกำนันผู้ใหญ่บ้าน และท้องถิ่นที่ใกล้ชิดประชาชน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "หวังให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ หลายๆ อย่างท้องถิ่นก็ขาด รัฐก็ขาด วันนี้รัฐยังไม่มีงบประมาณตรงนี้ ขณะที่ท่านเองก็หวังงบประมาณ เห็นว่าเราต้องร่วมมือกันทำตามหน้าที่ให้ดีที่สุด เมื่อดีขึ้นทุกอย่างก็จะดีขึ้น รายได้ประเทศก็ดีขึ้น สิ่งที่ต้องการก็จะกลับมาเอง ถ้าวันนี้ทุกเรียกร้องในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี เพราะพื้นฐานเรามีแค่นี้ ดังนั้นเราต้องสร้างความเข้มแข็งใหม่ในยุคนี้ทั้งระบบขึ้นมาให้ได้"

 

@'วิษณุ'อัดกมธ.ตัดสิทธิเขียนให้ชัด

     เมื่อเวลา 11.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ พิจารณามาตรา 118 เกี่ยวกับคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.ห้ามผู้ที่เคยต้องคำพิพากษา หรือถูกถอดถอนโดยสภาผู้แทนราษฎร ในกรณีประพฤติมิชอบหรือกระทำการเลือกตั้งไม่สุจริต ไม่สามารถลงสมัครรับสมัครเลือกตั้งตลอดไป ว่า ขอยังไม่ให้ความเห็นเรื่องนี้ เพราะยังไม่เห็นร่างดังกล่าว และยังไม่มีการส่งร่างมาถึง ซึ่ง กมธ.สัญญาว่าจะส่งมาให้ในวันที่ 20 กรกฎาคม หากพูดไปก่อนเกรงว่าจะผิด จึงขอดูในรายละเอียดถ้อยคำก่อน 

      "ส่วนการที่ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษก กมธ.ยกร่างฯ ที่ตอบคำถามประเด็นนี้ว่าเรื่องดังกล่าวตอบไม่ถูก ไม่รู้ ไม่อยากยกตัวอย่าง และทำให้ต้องไปตีความ ผมมองว่าไปพูดแบบนั้นได้อย่างไร ในเมื่อคุณเขียนมาก็ต้องให้ชัดเจน ในเมื่อคุณอธิบายไม่ถูกแล้วคนอื่นจะไปเข้าใจถูกได้อย่างไร ดังนั้น ขอดูรายละเอียดก่อน เรื่องที่พรรคการเมืองแสดงความเห็นต่างๆ ผมยังไม่เห็น เพียงแต่งงๆ ว่าเมื่อให้ กมธ.ยกร่างฯ ช่วยยกตัวอย่าง ก็ยังยกไม่ถูก กรณีนี้เข้ากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ไม่รู้ ตอบไม่ได้ ต้องให้ศาลตีความ แบบนี้จะยุ่ง คุณจะเอาอย่างไรต้องเอาให้ชัด ได้ก็บอกว่าได้ ไม่ได้ก็บอกว่าไม่ได้ คนอื่นจะได้เถียงได้ และคัดค้านได้ถูก เรื่องนี้คงไม่มีเสนออะไรไปที่ กมธ.ยกร่างฯ เพราะผมยังไม่เห็นรายละเอียด"รองนายกฯกล่าว 

 

@ แจงพ.ร.บ.ชุมนุมเพื่อป้องกัน 

      เมื่อถามกรณี พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะ ที่ฝ่ายการเมืองวิจารณ์ว่าเป็นการจำกัดสิทธิพลเมืองมากเกินไปหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า รัฐบาลเชื่อว่าไม่จำกัดเพราะได้พิจารณากันแล้ว ใช้มาตรฐานของรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ในปัจจุบันบวกกับมาตรฐานกฎหมายชุมนุมในที่สาธารณะของต่างประเทศ มีแบบอย่างจากสองถึงสามประเทศมารวมกัน แต่ยังมีคนเข้าใจผิด เรื่องนี้ไม่ได้ใช้วิธีให้ไปขออนุญาตต่อเป็นการแจ้งเพื่อทราบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกคือจัดระบบการจราจร ป้องกันไม่ให้มือที่สามเข้ามาสอดแทรก และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนคนอื่นๆ เพื่อหลบเลี่ยงพื้นที่ ที่สำคัญเป็นกฎหมายที่ตำรวจต้องมีเพื่อให้เกิดความมั่นใจในการปฏิบัติงาน เพื่อไม่ให้เจอกับการฟ้องร้องเหมือนครั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.เคยเจอ

      เมื่อถามว่าหากมีการแจ้งเพื่อทราบแล้วไม่ได้รับอนุญาต แต่ผู้ชุมนุมยังยืนยันจะชุมนุม จะดำเนินการอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า บอกแล้วว่าไม่ใช่การขออนุญาต แต่ไปเพื่อแจ้งให้ทราบว่าจะชุมนุม แต่หากมีการดำเนินการอะไรที่ผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็ต้องมาห้าม แต่ถ้าไม่ไปก็ฟ้องร้องต่อศาล เรื่องเหล่านี้มีขั้นตอนดำเนินการอยู่ หากพิจารณาแล้วไม่มีอะไรต่างไปจากที่เคยทำกันมา

 

@ เผยนายกฯปรับครม.ไม่ต้องเกรงใจ

        นายวิษณุยังตอบคำถามกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในขณะนี้ว่า "เคยมีการพูดคุยกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ และรองนายกฯ หากวันใดวันหนึ่งนายกฯคิดว่าอยากจะปรับ ครม.ให้การบริหารงานดีขึ้น ขอให้ปรับได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ และไม่ต้องเกรงว่าจะกระทบกระทั่งอะไรกันเพราะถือเป็นอำนาจของนายกฯ อยู่แล้ว ส่วนตัวคิดว่าการปรับ ครม.เป็นเรื่องธรรมดามาตั้งแต่อดีต ตามสาเหตุการพ้นจากรัฐมนตรีที่มี 4 สาเหตุคือ 1.พ้นเมื่อเสียชีวิต 2.ลาออก สองข้อนี้เป็นเรื่องตัวใครตัวมัน 3.คือถูกปรับออกซึ่งเป็นอำนาจนายกฯ และ 4.ถูกถอดถอนจากสภา อย่างไรก็ตาม นายกฯไม่เคยพูดเรื่องปรับ ครม.กับผมเลย ผมจึงไม่ทราบ และนายกฯก็ไมีเคยพูดว่าจะปรับรองนายกฯคนใดออก" 

 

@ เอกชนชี้ปรับครม.ลดเสียดทาน

      นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากกระแสจากนักลงทุนในตลาดและนักธุรกิจบางฝ่ายมองว่าการปรับเปลี่ยน ครม.อาจจะเกิดขึ้นไม่เกินเดือนกันยายนนี้ เพื่อลดแรงเสียดทานที่ด้านการทำงานของรัฐบาลที่ปัจจุบันโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐยังไม่เกิดขึ้นจริง การปรับ ครม.ชุดใหม่จึงเป็นข่าวดีช่วงสั้นที่ทำให้ตลาดหุ้นดีขึ้นเล็กน้อย จากนั้นนักลงทุนจะติดตามการออกนโยบายของ ครม.ชุดใหม่ ส่วนตัวมองว่าต้องเป็นนโยบายเชิงรุกมากกว่าเดิม เพื่อเร่งสร้างความมั่นใจให้เอกชน 

       นายชัยพรกล่าวอีกว่า ในส่วนของผู้รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ นักลงทุนจำนวนหนึ่งเห็นด้วยที่จะให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ขึ้นมารับหน้าที่ดังกล่าว เพราะเป็นผู้ที่ผ่านการทำงานด้านการเงินมามาก เป็นนักการตลาดที่มีวิธีพูดปลุกความมั่นใจภาคเอกชนได้ดี

 

@ คาดตัดเหลือ 280-285 มาตรา

    พล.ท.นาวิน ดำริกาญจน์ โฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงผลการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่า พอใจในระดับหนึ่ง แต่จะบอกว่าพอใจหมดไม่ได้เพราะหลายเรื่องมีการซาวเสียง มีแพ้บ้าง ชนะบ้าง อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวคิดว่าร่างรัฐธรรมนูญยังไม่สมบูรณ์ ต้องมีการทบทวน ส่วนจะต่อเวลาอีก 30 วันหรือไม่นั้นคงต้องฟังเสียง กมธ.ยกร่างฯทั้งหมด ทั้งนี้หากมีการต่อเวลาร่างรัฐธรรมนูญจะมีการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นเพราะไม่เช่นนั้นจะต่อเวลาทำไม 

      ด้าน พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษก กมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า การประชุมพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญที่พัทยานั้นพอใจมาก ยังมีเรื่องที่พิจารณายังไม่เสร็จ 2-3 เรื่อง เช่น บทเฉพาะกาล เจตนารมณ์ และในหมวดการปฏิรูปและสร้างความปรองดอง ดังนั้น แนวโน้มว่าวันที่ 21 กรกฎาคม เวลา 13.30 น. กมธ.ยกร่างฯคงจะต่อเวลาการทำงานไปอีก 30 วัน เพื่อให้การทำงานเสร็จสมบูรณ์ที่สุด และกมธ.ได้ทบทวนร่างอีกครั้ง พร้อมตรวจข้อมูลตัวสะกดต่างๆ เลขมาตราให้ตรง อย่างไรก็ตามตอนนี้ตัวเลขว่าร่างรัฐธรรมนูญนี้จะมีกี่มาตรา ยังไม่นิ่ง คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 280-285 มาตรา

 

@ เฟซ"เต่านา"เขียนอ้างถึงบิดา

        วันเดียวกัน ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล หรือ เต่านา ได้เขียนลงเฟซบุ๊ก Taona Sonakul อ้างถึง ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล บิดาเกี่ยวกับการบริหารของรัฐบาล ตอนหนึ่งว่า "เมื่อประมาณสักสิบวันก่อน ม.ร.ว.จัตุมงคลได้กิ่งวิ่งกึ่งเดินอย่างมีความสุขเหมือนนางเอกหนัง Sound of Music ฉากที่วิ่งร้องเพลงอย่างมีความสุขอยู่บนขุนเขาเขียวขจี ม.ร.ว.จัตุมงคลบอกเราว่า น่าสงสัยรัฐบาลนี้จะบ๊ายบายแล้ว เพราะตอนนี้ฉันถูกเรียกให้ไปเป็นหนึ่งในกลุ่มกฤษฎีกาด้านการคลัง ที่ต้องเป็นคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลนี้เท่านั้นถึงจะมาเป็นได้"

       ม.ล.มิ่งมงคลโพสต์ในเฟซบุ๊กต่อว่า "บิดาเราได้ย้ำถึงสามครั้งว่าต้องเป็นคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลนี้เท่านั้นจึงจะมาเป็นได้ และท่านก็คิดว่าเมื่อจัดตั้งแล้ว ก็จะทำให้มีการเลือกตั้งในเร็ววันนี้ ....เมื่อเราได้ฟังแล้ว เราก็ได้ทำตามสิ่งที่ ท่านพลเอกประยุทธ์ พูดอยู่เสมอคือให้ช่วยท่านด้วย ช่วยเป็นปากเสียงให้ท่านด้วย ก็คือ เราได้เชิญให้บิดาเรามานั่งกลางโต๊ะทานอาหารและจับปรับทัศนคติในระดับสาม (เราตั้งไว้ทั้งหมดหกระดับ) ดังนี้ คือ ป๊ะที่รัก (คือเราเรียกบิดาเราว่าป๊ะ ตามที่ท่านขอเพราะเป็นคำๆ แรกที่เราพูดได้หนะค่ะ) ห้ามพูดว่ารัฐบาลนี้จะบ๊ายบายแล้วอีกอย่างเด็ดขาด เพราะพล.อ.ประยุทธ์ แม้ว่าจะไม่อยากอยู่ แต่ก็ต้องอยู่ให้ครบสี่ปี เพื่อทำให้โรดแมปสำเร็จ ดังนั้น แม้ท่านจะไม่ได้ส่งให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ แต่เราก็ต้องขอร้องให้ท่านห้ามพูดให้ใครทั้งนั้นได้ยินอีกว่า รัฐบาลนี้จะไม่อยู่แล้ว"

 

@ "อาณันย์"ยันไม่ใช่ตั้งพ.ร.บ.กาสิโน

        พ.ต.อาณันย์ วัชโรทัย สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะประธานกลุ่ม สปช.รักชาติที่เสนอการตั้งกาสิโนถูกกฎหมาย กล่าวกรณีรายงานการตั้งกาสิโนถูกกฎหมายทำเสร็จแล้ว เหลือเพียงสรุปจะใช้แนวทางไหนเพื่อนำเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ข้อเสนอเกี่ยวกับการตั้งบ่อนกาสิโนนั้นเป็นการนำเสนอต่อรัฐบาล ไม่ใช่ต่อนายกฯ เพราะนายกฯบอกแล้วว่าไม่อยากให้เสนอ ดังนั้นจะเสนอต่อรัฐบาล เพราะรัฐบาลบอกว่าใครมีอะไรก็ให้เสนอมา และ สปช.ไม่ให้มีการปฏิรูปในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ได้ทำเรื่องนี้มาหลายเดือนแล้ว เมื่อเสนอออกมากลายเป็นประเด็น หลักการจะทำเปรียบเทียบโดยมีแนวคิดเหมือนการทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในเรื่องการจัดหารายได้เข้าประเทศน่าจะดี หรือไม่ดีก็เปรียบเทียบกัน เห็นว่าน่าจะดีกว่าจึงได้เสนอเรื่องนี้

       "ไม่ได้ทำเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แต่เป็นข้อเสนอที่เสนอไปยังรัฐบาลให้พิจารณา มีลักษณะคล้ายกฎหมาย แต่ไม่ใช่กฎหมาย อยู่ที่รัฐบาลว่าจะรับหรือไม่รับ หากไม่รับทุกอย่างหยุดหมด หรือรับไว้แต่ไม่ทำอะไรต่อ ทุกอย่างก็หยุดเหมือนกัน ข้อเสนอดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์ เพราะยังไม่ตรงเจตนารมณ์ จึงให้ดูข้อท้วงติง และข้อห่วงใยคืออะไร รวมทั้งฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอ หากเราพูดกับสังคมไม่ได้ เราก็ไม่เอา ทั้งนี้คาดว่า 2-3 สัปดาห์น่าจะเสร็จ" พ.ต.อาณันย์กล่าว

 

@ ผอ.พระธรรมนูญเบิกความคดี"ทักษิณ" 

       เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครั้งแรก คดีหมายเลขดำ อ.1824/2558 ที่กองทัพบกมอบอำนาจให้ พล.ต.ศรายุทธ กลิ่นมาหอม ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 ตามคำฟ้องโจทก์บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2558 จำเลยได้ใส่ความโจทก์ว่า เป็นบุคคลน่ารังเกียจ เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ และเป็นบุคคลที่ทำความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ ซึ่งไม่ใช่ความจริง โดยจำเลยได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเมืองในประเทศไทยที่มีการเผยแพร่ผ่านยูทูบและสื่อออนไลน์ การกระทำนั้นส่งผลให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง 

        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ศรายุทธ ผู้รับมอบอำนาจจากกองทัพบก โจทก์ เดินทางมาเบิกความด้วยตนเอง ยื่นแผ่นซีดีและคำถอดเทปการสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2558 ส่งศาลด้วย โดยเบิกความสรุปว่า ระหว่างวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2558 พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลย ได้ให้สัมภาษณ์จากประเทศเกาหลี เกี่ยวกับการยึดอำนาจกระทบต่อองคมนตรี และทหารที่หมายถึงกองทัพบก รวมทั้งกล่าวหาว่าโจทก์ชื่นชอบประชาธิปไตยแบบประเทศพม่า ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย การให้สัมภาษณ์อยู่ในบรรยากาศที่เป็นห้องส่วนตัว แต่ไม่ทราบว่ามีบุคคลอื่นอยู่ด้วยหรือไม่ ซึ่งการยึดอำนาจที่ผ่านมากองทัพบกเป็นผู้ริเริ่มจริง แต่ไม่ได้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือพวกพ้อง เพราะก่อนหน้านั้นเกิดความขัดแย้งทางการเมืองของหลายฝ่ายจนหาทางออกไม่ได้ และมีการใช้อาวุธสงครามจนมีผู้บาดเจ็บเสียชีวิตที่จะกระทบต่อความมั่นคง สังคม เศรษฐกิจ กองทัพบกจึงต้องสร้างความสงบสุข และป้องกันเหตุการณ์ไม่ให้เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ ขณะที่การยึดอำนาจไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ เพราะเท่าที่ทราบประชาชน 80-90% และนักวิชาการส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย มีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยแต่ก็มีจำนวนน้อย ขณะที่การยึดอำนาจนั้นไม่ได้มีผู้ใดสั่งการ และโจทก์ไม่เคยมีแนวคิดเป็นเผด็จการเหมือนประเทศพม่าตามที่จำเลยให้สัมภาษณ์

 

@ กปปส.ชุมนุมไม่ได้ร้องให้ยึดอำนาจ

       พล.ต.ศรายุทธ ยังตอบการซักค้านของทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยว่า การชุมนุมของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ไม่ได้เรียกร้องให้มีการยึดอำนาจ แต่เป็นการชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะนั้นลาออก การยึดอำนาจไม่ได้ทำให้ฝ่ายบริหารและสภาเสียหาย แต่การยึดอำนาจสืบเนื่องจากที่ฝ่ายบริหารทำให้เกิดความเสียหาย ส่วนที่ผ่านมาประชาชนไม่สามารถออกมาชุมนุมก็เนื่องมาจากมีกฎอัยการศึก แต่ก็เพราะก่อนหน้าที่จะมีการยึดอำนาจจนเกิดการชุมนุมที่ไม่สามารถจัดการได้ จึงต้องใช้กฎอัยการศึกควบคุมเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ส่วนถ้อยคำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ส่วนหนึ่งก็ทราบมาจากเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ หยุดดัดจริตประเทศไทย แต่การโพสต์ลงสื่อโซเชียลไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นใคร

      ภายหลัง พล.ต.ศรายุทธ เบิกความเสร็จสิ้นแล้ว อัยการแถลงหมดโจทก์ที่จะนำมาไต่สวนมูลฟ้องอีก ศาลจึงนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องคดีนี้หรือไม่ ในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ เวลา 09.00 น.

 

@ "อสส."ตั้งคณะสอบคดี112

       พล.ต.ศรายุทธ ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า เดินทางมาเป็นพยานไต่สวนมูลฟ้อง ได้กล่าวถึงถ้อยคำตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ แต่เป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวนคดีไม่สามารถเปิดเผยได้ หากภายหลังศาลมีคำสั่งรับฟ้องแล้ว เรื่องการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ดำเนินคดี ก็คงเป็นกระบวนการในชั้นศาล

        เมื่อถามถึงกรณีเจ้าหน้าที่ บก.ปอท. ติดตามดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ นั้น พล.ต.ศรายุทธกล่าวว่า กองทัพบกฟ้องในส่วนที่มีการพาดพิงถึงหน่วยงานเท่านั้น ส่วนคดีที่ผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ให้เป็นหน้าที่ของ บก.ปอท. เป็นผู้ดำเนินการ 

นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวกรณีนายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด (อสส.) ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานพนักงานสอบสวนในคดี พ.ต.ท.ทักษิณ หมิ่นเบื้องสูง ว่า เมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมาอัยการสูงสุดได้แต่งตั้ง ผบก.ปอท. เป็นเจ้าพนักงานผู้สอบสวนคดีนี้ โดยมีพนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวนเข้าร่วมในทีมสอบสวนด้วย ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะทำงาน หลังจากนั้นตามขั้นตอนก็จะส่งสำนวนการสอบสวนให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งคดี โดยในคดีนี้ทางอัยการสูงสุดไม่ได้มีการกำชับในเรื่องระยะเวลาการสอบสวนกับคณะทำงานแต่อย่างใด เนื่องจากต้องให้เป็นความอิสระแก่พนักงานสอบสวน อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งขึ้นอยู่กับการรวบรวมพยานหลักฐานในการทำสำนวนของคณะทำงาน

 

@ "บิ๊กต๊อก"ส่งชื่อ"ปวิน"ให้ทูตยุ่น

      เวลา 14.00 น. นายชิโระ ซะโดะชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เดินทางเข้าพบ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อหารือในประเด็นต่างๆ ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) 

       พล.อ.ไพบูลย์ ให้สัมภาษณ์ต่อมาว่า นายชิโระได้สอบถามความคืบหน้าในคดีของนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ ชาวญี่ปุ่น ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์การสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ได้ชี้แจงว่า ปัจจุบันคดีอยู่ในขั้นตอนของศาลแล้ว อยู่ระหว่างการไต่สวนสาเหตุการตาย

       ผู้สื่อข่าวถามว่า การเข้าพบครั้งได้พูดคุยถึงผู้ต้องหาในคดีอาญามาตรา 112 ด้วยหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ได้หารือในเรื่องนี้ด้วย โดยได้ส่งรายชื่อผู้ต้องหาที่ลี้ภัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นให้กับทางการญี่ปุ่น 1 ราย พร้อมทั้งชี้แจงว่าคดีอาญามาตรา 112 ไม่ใช่คดีทางการเมือง เชื่อว่าทางประเทศญี่ปุ่นเข้าใจ อย่างไรก็ตาม ประเทศญี่ปุ่นมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการลี้ภัยทางการเมือง ทั้งนี้ การส่งรายชื่อในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการสั่งให้ไปจับ แต่ให้ทางการญี่ปุ่นได้เข้าใจและศึกษา เพื่อพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่ ที่กลุ่มเหล่านี้ใช้เหตุผลในการลี้ภัยทางการเมือง รวมถึงอยากให้เข้าใจความรู้สึกของคนไทยด้วย

       รายงานข่าวแจ้งว่า รายชื่อที่ พล.อ.ไพบูลย์ ส่งให้ทางการญี่ปุ่น คือ นายปวิน ชัชวาลย์พงศ์พันธ์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น 

 

@ เลื่อนอีกคดีพธม.ไป 1 ก.พ.59 

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมเพื่อตรวจพยานหลักฐานคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กับพวกแกนนำ และแนวร่วม รวมจำนวน 98 คน เป็นจำเลยฐานร่วมกันก่อการร้ายเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง กรณีพวกจำเลยบุกเข้าไปในสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2551

โดยวันนี้ พล.ต.จำลอง พร้อมด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุลและพวกจำเลยรวม 92 คน เดินทางมาศาล ทางทนายความแถลงต่อศาลว่ามีจำเลย 6 คนไม่มาศาล เนื่องจากป่วย ขณะที่ฝ่ายอัยการโจทก์แถลงต่อศาลว่ายังเตรียมเอกสารพยานหลักฐานไม่เสร็จสิ้นเนื่องจากมีจำนวนมาก ศาลพิเคราะห์แล้วจึงได้เลื่อนตรวจพยานหลักฐานไปอีกครั้งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 09.00 น. 

 

@ เผยอัยการส่งหลักฐานซีดีไม่ครบ

       นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของกลุ่มพันธมิตร กล่าวว่า วันนี้ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีก่อการร้ายกรณีที่กลุ่มพันธมิตรไปชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง โดยก่อนหน้านี้อัยการได้ส่งหลักฐานเป็นแผ่นซีดีให้เราตรวจสอบกว่า 300 แผ่น ปรากฏว่าได้ซีดีไม่ครบถ้วนตามจำนวนและไม่ตรงกับรายชื่อจำเลย จึงขอให้อัยการส่งพยานหลักฐานมาใหม่อีกครั้ง ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานอีกครั้งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559

        ผู้สื่อข่าวถามกรณีศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาในคดีแพ่ง ที่บริษัทการท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน)หรือ ทอท. เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.จำลอง กับพวกที่เป็นแกนนำและแนวร่วมกลุ่มพันธมิตร รวม 13 คน เป็นจำเลยฐานละเมิดและขับไล่ พร้อมเรียกค่าเสียหาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำเลยทั้ง 13 คน ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายต่อโจทก์ รวมเป็นเงิน 522,160,947.31 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่ 3 ธันวาคม 2551 และศาลได้ออกใบสำคัญคดีถึงที่สุด ต่อมาทนายความยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาฎีกา โดยอ้างเหตุสุดวิสัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 นั้น

 

@ ศาลไม่ยืดฎีกาคดีปิดสนามบิน

        นายสุวัตร กล่าวว่า ในคำร้องแรกที่ยื่นขอขยายระยะเวลาฎีกาเหตุสุดวิสัย ตาม ป.วิแพ่ง มาตรา 23 นั้น ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง โดยช่วงเที่ยงวันนี้ ตนทีมทนายความจะได้ประชุมหารือกันการต่อสู้คดี ที่ศาลยกคำร้องเพราะเห็นว่าทนายความจำเลยได้รับทราบหมายโดยชอบแล้ว เบื้องต้นจะยื่นอุทธรณ์ เนื่องจากตนไม่ทราบหมายนัดเพราะในวันที่มีการปิดหมายศาลที่สำนักงานของตนเป็นวันหยุดทำการ และมีฝนตกหนักพายุลมแรง รวมทั้งวันดังกล่าวได้เดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลปิยะเวท เป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ

      นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำพันธมิตรและหนึ่งในจำเลยคดีแพ่ง กล่าวว่า จะนัดประชุมกับจำเลยทั้ง 13 คนพร้อมทีมทนายความ เพื่อหารือแนวทางการต่อสู้คดี คาดว่าน่าจะยังพอมีช่องทางอยู่ รวมถึงจะปรึกษากันเรื่องเงินบริจาค 7 ล้านบาท ที่ต้องใช้เป็นค่าธรรมเนียมศาลในการยื่นฎีกา มีพี่น้องประชาชนถามเข้ามาว่าจะให้ช่วยเหลืออย่างไรบ้าง รวมทั้งการขอทุเลาคดีด้วย ทราบว่าเจ้าหน้าที่ศาลได้ปิดหมายบังคับคดีจำเลยบางคนแล้ว แต่ในส่วนของตนยังไม่เห็นหมายดังกล่าว

 

@ มท.ชง"กฤษฎา"ปลัด-"อาทิตย์"ปค.

       รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า การประชุม ครม.วันที่ 21 กรกฎาคม มีแนวโน้มความเป็นไปได้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะเสนอ ครม.รับทราบการแต่งตั้ง-โยกย้ายข้าราชการระดับสูงหลายตำแหน่ง อาทิ นายกฤษฎา บุญราช อธิบดีกรมการปกครอง (ปค.) ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย แทนนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ที่จะเกษียณอายุราชการสิ้นเดือนกันยายนนี้ นายอาทิตย์ บุญญะโสภัต รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมการปกครอง นายไมตรี อินทุสุต รองปลัด เป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ รองปลัด เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายจรินทร์ จักกะพาก รองปลัด เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าฯนราธิวาส นายชยพลธิติศักดิ์ ผู้ว่าฯนครสวรรค์ นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าฯอุบลราชธานี เป็นรองปลัดกระทรวง

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!