WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ซัดมโนดึงบิ๊กโด่งคุมกห. 'บิ๊กป้อม'ย้ำ ไม่ทิ้งนายกฯตู่กลางทาง ไก่อู'ฮึ่มฟันลือ'ปรับครม.'พท.ยกทีมเยี่ยม 2 อดีตสส. เมีย-ลูกร่ำไห้พบหน้าพ่อ จนท.ไขก็อกหนี'7 กสม.' สั่งเบรกเลือกกก.หมู่บ้าน

kai

     'บิ๊กป้อม'ยันเดินหกล้มเจ็บจริง จวกสื่อมั่วมโนถูกปลดพ้น รมว.กลาโหม ลั่นช่วยงานนายกฯ ไม่ทิ้งกลางคัน 'ไก่อู'ปัดรบ.-คสช.สร้างข่าว

มติชนออนไลน์ :

เยี่ยมพ่อ - ลูกของนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าเยี่ยมบิดาภายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุก 1 ปี คดีหมิ่นนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม

 

@'ไก่อู'ฉะปล่อยข่าวปรับครม.

      เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าข่าวนี้โตเกินไปสำหรับคนที่มีตำแหน่งโฆษกรัฐบาลที่จะพูด เพราะรัฐมนตรีหลายคนได้อธิบายแล้วว่าการปรับหรือไม่ปรับ ครม.นั้น เป็นดุลพินิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องดูหลายๆ เรื่อง แต่มีกระแสข่าวออกมาเป็นระยะๆ ซึ่งกระแสข่าวทั้งหลายเหล่านี้เข้าใจว่าผู้ที่ปล่อยข่าวน่าจะไม่เกิดจากความหวังดี ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในบรรดานักธุรกิจ นักลงทุนทั้งหลาย ดังนั้น ขอชี้แจงทำความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชนว่า อะไรที่เป็นแหล่งข่าว ขอให้ตรองดูหน่อย ดูตามขั้นตอนที่ถูกต้องของขั้นตอนทางราชการ หากมีการปรับก็จะมีคำสั่งออกมาอย่างชัดเจน 

      "ไม่เชื่อว่ารัฐมนตรีทั้งหลายที่เคยสัมผัสพูดคุย เคยทำงานด้วยกันนี้จะมีวัตรปฏิบัติในทำนองว่าไม่บอกใครเลยแล้วไปยื่นใบลาออกแล้วมาให้ข่าวกับสื่อมวลชน อย่างนี้เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงไปแล้ว ดังนั้น ใครรับข่าวสารประเภทแหล่งข่าวต้องหนักแน่น จะได้ไม่เกิดความตื่นตระหนกตกใจ" พล.ต.สรรเสริญกล่าว

@ ปฏิเสธ'รบ.-คสช.'สร้างข่าว

       ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าถึงเวลาที่จะปรับ ครม.หรือยัง พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า เรื่องนี้ใครก็ตอบไม่ได้ ต้องนายกฯเพียงคนเดียว และระดับอย่างตนนายกฯคงไม่ปรึกษาเรื่องนี้อยู่แล้ว เมื่อถามว่า ทราบหรือไม่ว่าคนปล่อยข่าวอยู่ในกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองก่อนหน้านี้หรือเป็นคนในซีกรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ไม่ได้ติดตามขนาดนั้น และไม่เชื่อว่าจะเป็นคนในรัฐบาล เพราะไม่รู้ว่ารัฐบาลกับ คสช.จะไปสร้างข่าวเพื่อให้เกิดความปริวิตกทำไม แต่สื่อมวลชนเองน่าจะรู้ เพราะเป็นคนไปได้แหล่งข่าวมารายงาน แหล่งข่าวคงไม่ใช่อากาศธาตุ ถามจากใครมาต้องรู้ดี ดังนั้น คงต้องถามกลับไปว่าสื่อได้ข่าวมาจากใคร

เมื่อถามว่า การหาตัวคนปล่อยข่าวมีความจำเป็นหรือไม่ พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า รัฐบาลมีภารกิจที่ต้องทำมากมาย แต่ในส่วนของงานด้านความมั่นคงก็พยายามทำทุกอย่างที่จะดูแลพวกข่าวลือข่าวสร้าง ที่ผ่านมาก็จะเห็นว่าพวกที่ปล่อยข่าวทั้งหลายจะโดนจับเป็นระยะๆ ฉะนั้น ก็อยู่ในกระบวนการที่เขาดำเนินการ แต่ถ้าว่าจะได้เมื่อไรนั้น คงไปตอบแทนฝ่ายความมั่นคงไม่ได้

@ ยันทีมเศรษฐกิจทำงานเต็มที่

       เมื่อถามว่า เพราะสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจหรือไม่ ทำให้มีกระแสปรับ ครม.เศรษฐกิจ พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ปัญหารัฐบาลมีหลายเรื่องที่กำลังพยายามแก้ไข ทุกฝ่ายทำงานกันอย่างเต็มที่ แต่จะทำได้มากน้อยขนาดไหนก็ต้องยอมรับอย่างที่นายกรัฐมนตรีเคยพูดว่า ปัญหาต่างๆ สะสมมาเป็นเวลานาน จึงแก้ไขแบบมีระบบ เรื่องเศรษฐกิจนั้นเท่าที่ฟังดูเห็นว่าทีมเศรษฐกิจได้แก้ปัญหา 2 ประการควบคู่กันไป คือ แก้ปัญหาในส่วนโครงสร้าง ไม่ใช่แค่ลูบหน้าปะจมูก หรือแค่พอให้มีเม็ดเงินหมุนก็ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ทำแบบโครงสร้าง ขณะเดียวกันไม่ได้ละเลยที่จะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้เม็ดเงินได้หมุนเวียน แต่ไม่ใช่ลักษณะประชานิยม แต่เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะเรื่อง เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถมีชีวิต สามารถได้รับอานิสงส์ของการแก้ปัญหาระยะยาวได้ ทำทั้ง 2 ส่วน

@ "บิ๊กป้อม"ลั่นเจ็บจริงไม่ได้แกล้ง 

      พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ว่ามีสื่อที่ไม่หยุดเขียน หยุดวิจารณ์ว่านายกฯจะปรับออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทำให้น้อยใจ เลยแกล้งป่วย ไม่สบาย ลา ไม่มาทำงาน 

      "ผมหกล้มจริงๆ ใครจะแกล้ง บ้าแล้ว มั่วข่าว มโนไปได้ จริงๆ เดินหกล้ม ไม่ใช่ขี่จักรยานแล้วล้ม ไม่มี ส่วนที่มีข่าวว่านายกฯนัดพบ คสช.หลายคน ที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่งเพื่อปรับ ครม. และเป็นที่มาของการปรับผมให้เหลือรองนายกฯตำแหน่งเดียวแล้วให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผบ.ทบ.ที่จะเกษียณอายุราชการ มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และให้ พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก ที่จะเกษียณราชการเช่นกัน มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น เรื่องนี้ไม่มี ข่าวมั่ว เขียนกันไปใหญ่ บอกแล้วว่าไม่มีการเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะผมต้องช่วยนายกฯต่อ จะมาทิ้งกันกลางทางไม่มี ตอนนี้ผมอยู่บ้าน ทำงาน อ่านเอกสาร เซ็นแฟ้ม มีคนมาเยี่ยมตลอด นายกฯก็มา วันก่อนน้องๆ มา คนโทรศัพท์มาให้กำลังใจ มาเยี่ยมเยอะ ขอขอบคุณ เดี๋ยวก็หาย" พล.อ.ประวิตรกล่าว

@ โฆษกกลาโหมยันเดินหกล้ม 

      พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีการบาดเจ็บของ พล.อ.ประวิตรว่า พล.อ.ประวิตรเดินออกกำลังกายตามปกติเป็นประจำทุกวัน และเกิดอุบัติเหตุสะดุดจากการก้าวเดินภายในมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เป็นเหตุให้ลำตัว แขน และขากระแทกพื้นได้รับบาดเจ็บ แพทย์ต้องให้การรักษาด้วยการใส่เฝือกอ่อนทั้งแขนและขา และกำหนดให้พักรักษาร่างกายเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ขณะนี้ยังคงทำงานเอกสารตามปกติ โดยคาดว่าจะสามารถกลับมาปฏิบัติงานได้ตามปกติในไม่ช้า

@ "พีระศักดิ์"ขอให้โอกาสรมต.

       นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังเร็วไปที่จะพูดว่าการปรับ ครม.จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้น ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นผู้มีอำนาจ

นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะปรับ ครม. ควรให้โอกาสรัฐมนตรีทำงานต่อไป เพราะ ครม.ชุดนี้เริ่มทำงานประมาณเดือนกันยายน และขณะนี้ทำงานมาได้ประมาณ 10 เดือน ยังไม่ครบ 1 ปี นโยบายหลายอย่างที่ออกไปอาจจะยังไม่เห็นผลสัมฤทธิ์ หรือบางเรื่องกำลังจะเริ่มเห็นผลงาน จึงเร็วเกินไปหากจะปรับ ครม. หากจะปรับควรทำหลังจากที่ ครม.ทำงานมาครบ 1 ปีแล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นจุดอ่อนของรัฐบาลขณะนี้คือ ปัญหาเศรษฐกิจที่รัฐบาลควรเร่งแก้ไข เพราะจากการที่ สนช.ลงพื้นที่พบประชาชนในหลายพื้นที่ต่างพูดตรงกันว่าเศรษฐกิจไม่ดี อยากให้รัฐบาลรีบแก้ปัญหา แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องการปรับ ครม. 

@ "หมอวรงค์"หนุน 3 คนดังร่วมรบ.

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาประเทศในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นที่จะต้องมีการปรับ ครม. ที่สำคัญคือ ต้องได้คนที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์และได้รับการยอมรับจากสังคม ดังนั้นการที่จะทาบทามคนของพรรคการเมืองมาช่วยแก้ปัญหาของประเทศ ถ้าได้คนตามเงื่อนไขดังกล่าวก็ไม่น่าจะมีปัญหา โดยเฉพาะนายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ที่มีรายชื่อมาร่วมทีม เพราะถือว่าแต่ละคนล้วนมีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์และได้รับการยอมรับจากสังคมอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่ที่นายกรัฐมนตรีและผู้มีรายชื่อทั้ง 3 คนว่าจะมีเวลามาช่วยงานหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตที่ว่า การนำคนของพรรคการเมืองมาร่วม ครม. เพื่อไปสู่ความปรองดอง นพ.วรงค์กล่าวว่า ไม่มั่นใจว่าจะเป็นไปตามนั้นหรือไม่ เพราะความปรองดองจะเกิดได้ต้องอยู่บนพื้นฐานของการเคารพกฎหมาย และทำความผิดต้องรู้จักยอมรับผิด 

@ ติง"ครม.ปรองดอง"ไม่เหมาะ 

นายดิเรก ถึงฝั่ง สปช.นนทบุรี กล่าวถึงกรณีนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ กรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สปช. แนะให้รัฐบาลปรับ ครม.ที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการสร้างความปรองดอง โดยดึงบุคคลจากภาคเอกชน และพรรคการเมืองใหญ่เข้าร่วมเป็น ครม.ปรองดองว่า เรื่องปรับ ครม.ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่นายกฯ พิจารณาเอง เพราะเป็นหัวหน้ารัฐบาล รู้ดีว่ามีปัญหาตรงไหน จุดใดควรปรับหรือไม่ควร ส่วนเรื่อง ครม.ปรองดองนั้น คงไม่เหมาะ เพราะขณะนี้รัฐบาลไม่ได้ทะเลาะกัน จึงไม่ต้องทำรัฐบาลปรองดอง ขอย้ำว่าสิ่งที่อยากเห็นคือ ให้รัฐบาลบริหารตามโรดเเมปให้สำเร็จ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็วจะดีที่สุด 

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการปรับ ครม.ที่มีรายชื่อบุคคลของ พท.ด้วยว่า พท.มีบุคลากรที่มีความสามารถเยอะ ถ้ามีการพูดถึงบุคคลที่มีความสามารถเพื่อมาทำงานบริหารประเทศ ก็คงหนีไม่พ้น พท. แต่ยังไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องบุคคลของ พท.จะไปเป็น ครม.แต่อย่างใด 

@ อดีตส.ว.แนะลดแรงกดดัน

นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีต ส.ว.อุทัยธานี กล่าวว่า หากนายกรัฐมนตรีจะปรับ ครม.ในช่วงนี้จะสามารถลดกระแสความกดดันได้ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่ขณะนี้มีปัญหา และจะมีประโยชน์ในด้านจิตวิทยา ด้านการปฏิบัติ เพราะแต่ละคนที่มีรายชื่อเป็นแคนดิเดตรัฐมนตรีกับคนเก่า ดูแล้วความรู้ความสามารถไม่แตกต่างกันมาก การเปลี่ยนคนใหม่จะทำให้คนมองว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ลดความหงุดหงิดของประชาชนที่ประสบปัญหาปากท้อง อาจมองว่ามีความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น 

"รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร อำนาจจะอยู่ที่นายกฯ ครม.เป็นเพียงแค่ส่วนประกอบ ขณะนี้ ครม.เองก็ไม่มีพลังเลย หากนายกฯมีความชัดเจนในนโยบายปล่อยงบประมาณ อัดฉีดเงินเข้าระบบ ใช้อำนาจในระบบราชการแก้ไข ก็จะสามารถแก้ปัญหาในระยะสั้นได้" นายสิงห์ชัยกล่าว

@ "หญิงหน่อย"ปัดแอบคุยคสช.

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีมีข่าวว่าเดินทางไปหารือกับ คสช.ที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เพื่อช่วยกันออกแบบการเมืองหลังการเลือกตั้งว่า ยืนยันว่าไม่ได้มีการเดินทางไปคุยกับ คสช.หรือใครที่เขาใหญ่ตามที่มีข่าว และตามจุดยืนประชาธิปไตยของตนเองนั้น หากจะหยุดคือหยุด ถ้าจะทำการเมืองต้องลงเลือกตั้ง แต่ขณะนี้รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขเฉพาะหน้า สร้างกติกาเพื่อให้เกิดสมดุลในประเทศ เพื่อมุ่งสู่การเลือกตั้ง ตามที่ได้ประกาศเจตนารมณ์ไว้หลังรัฐประหาร ดังนั้น เรื่องรัฐบาลแห่งชาติหรือการจับมือกันเพื่อทำการเมืองหลังเลือกตั้งเป็นไปไม่ได้ 

"ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดถึงมีชื่อเข้าไปโยงการทำรัฐบาลแห่งชาติ หรือใครหวังดีประสงค์ร้าย ไม่ได้มีการพบ 5 ส. เพื่อหารือวางแผนเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ แต่อาจพบบาง ส. ตามงานในสังคมต่างๆ และมีการพูดคุยในฐานะที่เคยทำงานด้วยกัน แต่ยืนยันไม่ได้มีการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ และเชื่อว่ารัฐบาลแห่งชาติไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

@ "บิ๊กตู่"ชวน"หญิงหน่อย"เดินหน้าปท.

ที่โรงแรมแมนดารินโอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวบนเวทีระหว่างเป็นประธานพิธีฉลองมงคลสมรสระหว่างนายณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ บุตรชายนายสมคิด-นางอนุรัชนี จาตุศรีพิทักษ์ กับ น.ส.วณิศรา บุญยะลีพรรณ บุตรสาว นพ.เฉลิมชัย-พญ.สิรินันท์ บุญยะลีพรรณ ตอนหนึ่งว่า ต้องการให้ประเทศเดินหน้าไปได้ อยากให้มีแต่เสียงหัวเราะแบบในวันนี้ ขออย่ากลับมาทะเลาะกันอีก คนไทยเก่งทุกคน 

"คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางมาร่วมงานด้วย ผมรู้จักมานานแล้ว ตั้งแต่มียศ พ.ต. อยากให้เตรียมเดินหน้าประเทศเพื่อคนรุ่นใหม่ อยากให้ทุกคนจับมือกัน ลืมความบาดหมางเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น คดีความต่างๆ ขอให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

@ "วันชัย"บอกรมต.อย่ายึดติด

นายวันชัย สอนศิริ สปช. กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ว่า ต้องยอมรับว่าประชาชนบ่นเรื่องปัญหาเศรษฐกิจกันมาก และต้องยอมรับว่าปัญหาเศรษฐกิจเป็นตัวทำลายความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล ถ้ายังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ อาจทำให้ประชาชนหมดศรัทธา จะเป็นอันตรายต่อรัฐบาลอย่างยิ่ง แม้ว่าจะไม่มีรัฐมนตรีคนใดทำงานผิดพลาดบกพร่อง แต่ถ้าไม่มีการขยับปรับเปลี่ยน ปล่อยไว้เหมือนเดิมคนจะเซ็งๆ เบื่อๆ ความรู้สึกที่ดีที่มีต่อรัฐบาลจะพลอยเซ็งๆ เบื่อๆ กับรัฐบาลไปด้วย 

"การปรับ ครม.ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้รัฐมนตรีคนนั้นเสียหน้า ถ้าทำแล้วประเทศและประชาชนได้ประโยชน์ควรจะทำ และควรรีบทำในภาวะเช่นนี้ เพราะสถานการณ์และเสียงเรียกร้องมีมากขึ้นๆ ในหลายภาคส่วน นอกจากนี้การปรับ ครม.ถือเป็นเรื่องปกติ รัฐมนตรีทุกคนไม่ควรยึดติดเก้าอี้ ควรบอกนายกฯไปเลยว่าพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ จะให้ออกก็ไม่ว่าอะไรกัน ถือเป็นการช่วยนายกฯ ให้นายกฯทำได้เต็มที่ การปรับ ครม.ในสถานการณ์เช่นนี้ นายกฯมีแต่ได้ ถ้าไม่ปรับจะมีแต่เสียกับเสีย" นายวันชัยกล่าว

@ นักวิชาการหนุนรื้อทีมเศรษฐกิจ

นายโอฬาร ถิ่นบางเตียว รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวถึงกระแสการปรับ ครม.ว่า อันดับแรกคือ แก้ปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้ารัฐบาล ประการที่สองคือ แก้เสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลเองที่เข้าใจว่า ในกลุ่ม ครม.น่าจะมีความขัดแย้งกันเองพอสมควร ทั้งในแง่การทำงาน จุดยืนทางการเมือง และประการสำคัญคือ ปรับเพื่อที่จะกระชับอำนาจรัฐบาล โดยเฉพาะการปรับความสัมพันธ์เชิงอำนาจให้ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีบทบาทมากยิ่งขึ้น เพราะการเมืองใน คสช. เอง อำนาจของ คสช. เป็นอำนาจซึ่งเป็นตัวแทนของชนชั้นนำ แล้วฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณที่เป็นกลุ่มอำนาจเก่าก็ยังมีอิทธิพลทางการเมืองอยู่พอสมควรในเวทีการเมืองไทย

"ที่สำคัญคือ พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นพี่ใหญ่ของ คสช. ยังมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับขั้วอำนาจเก่า ทำให้หากจะปรับ ครม. จึงมีนัยยะทางการเมืองอยู่พอสมควร นอกจากการแก้ปัญหาสภาพเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้" นายโอฬารกล่าว และว่า ส่วนตัวมองว่าหากจะปรับ ครม. ขอให้ปรับโดยคนที่มีความรู้ความสามารถในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจก่อน ส่วนในมิติทางการเมือง ในการปรับความสัมพันธ์หรือกระชับอำนาจ ขอให้เป็นทางเลือกสุดท้ายหรือทางเลือกที่สอง เพราะตอนนี้อยากให้รัฐบาลคำนึงถึงปากท้องของประชาชนก่อน หากจะปรับ ครม. ควรปรับภายในช่วงนี้ ยิ่งเร็วยิ่งดีเพราะภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ถดถอยลง ถ้าสามารถปรับช่วงนี้ได้ก็อาจทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

@ แนะใช้ยาแรงกระตุ้นศก.

นายชำนาญ จันทร์เรือง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่ตอนนี้แย่ลงทุกวัน น่าจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดกระแสข่าวปรับ ครม.ในช่วงนี้ และอาจจะเป็นการปล่อยข่าวจากภายในรัฐบาลหรือ คสช.เอง เพื่อโยนหินถามทางก็เป็นได้ เพราะด้วยนิสัยทหารนั้น มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน ทาบทามมาแล้วถ้าจะปรับเลยก็คงดูน่าเกลียด เลยโยนหินถามทางว่ามีกระแสความต้องการให้ปรับ ครม.มาแรง เลยต้องมีการปรับ 

"ในความเห็นของผม จริงๆ ควรจะปรับตั้งนานแล้ว ยิ่งปรับเร็วยิ่งดี เพราะตอนนี้คนต้องการยาแรงมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่กระแส ครม.ที่ออกมายังมองว่าไม่น่าจะต่างจากเดิมเท่าไหร่ ข่าวที่ออกมาจะให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจหัวหน้า คสช. มาคุมทีมเศรษฐกิจแทน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ผมมองว่าไม่น่าจะต่างกันเท่าไหร่ เพราะมันเป็นปัญหาที่โครงสร้าง ปัญหาจากภายในประเทศ ประกอบกับปัญหาภายนอกคือการยอมรับจากต่างประเทศ" นายชำนาญกล่าว และว่า ถ้ามีการปรับ ครม.จริง อย่างมากแค่ช่วยเปลี่ยนในเรื่องภาพลักษณ์ และช่วยทำให้เกิดความหวังในส่วนของภาคประชาชนและภาคธุรกิจที่อยากลองของใหม่ ตรงนี้น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นมาอีกนิดหน่อย ทำให้มีความหวัง แต่การแก้ปัญหามันไม่ง่าย ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร อาจจะต้องผ่าตัดใหญ่ ต้องใช้ยาแรง 

@ กมธ.ยกร่างฯสรุปปฏิรูป17ด้าน

นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงความคืบหน้ากระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญว่า ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา กมธ.ยกร่างฯได้พิจารณาปรับแก้ไขบันทึกเจตนารมณ์รายมาตราตามบทบัญญัติที่ได้มีการปรับแก้ไขไป 

รวมทั้งได้มีการพิจารณาเนื้อหาและสาระสำคัญในหมวดปฏิรูป ซึ่งได้ข้อยุติแล้วว่าจะมีด้วยกัน 4 มาตรา แบ่งออกเป็น 17 ด้านการปฏิรูป ขณะเดียวกันที่ประชุมได้มีการพิจารณาทบทวนเนื้อหาในบางมาตราที่ยังไม่ได้ข้อยุติด้วย 

นายคำนูณกล่าวว่า ส่วนบางประเด็นและบางมาตราที่ยังมีเสียงเรียกร้องให้ปรับปรุงใหม่นั้น ก็สุดแท้แต่สมาชิก กมธ.ยกร่างฯว่าจะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งหรือไม่ แต่เข้าใจว่าคงจะมีไม่มากแล้ว เพราะถ้าหากไม่รวมเนื้อหาในส่วนบทเฉพาะกาลนั้น ขณะนี้ทาง กมธ.ยกร่างฯสามารถพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือเฉพาะบางประเด็นที่ยังมีการแขวนไว้อยู่เท่านั้นเอง 

@ แกนนำพท.เยี่ยม"พร้อมพงศ์"

ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อเวลา 09.00 น. แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ทีมกฎหมายพรรค และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรค เข้าเยี่ยมนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รักษาการโฆษกพรรค และนายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ อดีต ส.ส.อุดรธานี พท. ที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุก 1 ปี คดีหมิ่นนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ

นายพงศ์เทพให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าเยี่ยมว่า กรณีนี้ถือเป็นคดีแรกที่ไม่มีการรอลงอาญา ที่ผ่านมามีหลายคดีแต่ยังมีการรอลงอาญา ทั้งนี้ ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ดังนั้นกรณีนี้ต้องเป็นกรณีศึกษา ให้นักศึกษาที่เรียนเกี่ยวกับระบบนิติธรรมนำไปศึกษาถึงบรรทัดฐานการใช้กฎหมาย หากในอนาคตมีการตัดสินแบบนี้ ต่อไปนักการเมืองทุกฝ่ายหากจะพูดอะไรก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น 

@ เล็งขอพระราชทานอภัยโทษ

นายอนุสรณ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเยี่ยมว่า ทั้ง 2 คนฝากบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะยอมรับคำตัดสินของศาล เป็นการต่อสู้ทางกระบวนการยุติธรรมอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ นายพร้อมพงศ์ได้แสดงความจำนงขอผ้าปิดตาเพื่อใช้ในเวลานอน อีกทั้งยืนยันว่าจะปรับตัวเพื่ออยู่ในเรือนจำต่อไป และขอให้ผู้ที่อยู่ด้านนอกเรือนจำทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ส่วนอาการป่วยของนายเกียรติอุดม สืบเนื่องจากอายุ 66 ปีแล้ว จึงมีอาการปวดหลัง เป็นความดันและเบาหวาน ถือเป็นอาการป่วยของคนอายุมาก อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าทั้ง 2 คน มีกำลังใจดี โดยแกนนำและสมาชิกพรรคจะเดินทางเข้าเยี่ยมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้กำลังใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากแกนนำ พท.เข้าเยี่ยมแล้ว ยังมีครอบครัวของนายพร้อมพงศ์และนายเกียรติอุดมเข้าเยี่ยมด้วย โดยระหว่างเข้าเยี่ยม นายพงศ์เทพได้พูดคุยกับทั้ง 2 คน เรื่องข้อกฎหมาย โดยถามทั้ง 2 คน ว่าจะขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ ซึ่งทั้ง 2 ได้ตกลงว่าจะขอพระราชทานอภัยโทษ โดยนายพิชิต ชื่นบาน คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พท. รับว่าจะเป็นผู้ดำเนินการให้ 

@ ครอบครัวปล่อยโฮห้องเยี่ยม

ทั้งนี้ ระหว่างที่ภรรยาและลูกๆ เข้าพูดคุยกับนายพร้อมพงศ์ ปรากฏว่าต่างคนต่างร้องไห้ โดยลูกสาวนายพร้อมพงศ์ได้ขอสัญญาจากพ่อว่า ให้พ่อดูแลสุขภาพและออกกำลังกาย นายพร้อมพงศ์จึงได้ยกนิ้วก้อยขึ้นให้สัญญาทั้งน้ำตา ขณะที่นายเกียรติอุดม เมื่อเจอหน้าภรรยาก็ร้องไห้เช่นกัน โดยภรรยาได้พูดคุยกับนายเกียรติอุดมเป็นภาษาอีสานว่าสบายดีหรือไม่ ทั้งนี้ ได้ฝากให้แกนนำ พท.ดูแลภรรยาของตนด้วย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมงาน พท.ได้เตรียมหนังสือ ทั้งหนังสือธรรมะและหนังสืออ่านทั่วไปมาฝากทั้ง 2 คนด้วย ขณะที่นายชวลิตได้นำหนังสือสวดมนต์มาให้ และก่อนที่จะหมดเวลาเยี่ยม นายพร้อมพงศ์และนายเกียรติอุดมได้ขอรองเท้าผ้าใบ และเครื่องใช้ส่วนตัวเพิ่มเติมจากทางครอบครัวด้วย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!