WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

90วน

 

ไทยไม่พ้นเทียร์ 3 สหรัฐยํ้า เพิ่มปมส่งผู้อพยพ ตกซ้ำค้ามนุษย์ จ่อโทษใน 90 วัน บิ๊กตู่แย้มครบปี ปรับครม.ยกทีม เพื่อไทยไม่เชื่อ หน่อยร่วมคสช.

      สหรัฐหวดไทยซ้ำ สอบตกค้ามนุษย์ ประกาศให้อยู่'เทียร์ 3' ต่อ 'บิ๊กตู่'แย้มครบปี จะปรับครม. ป้องรมต.บิ๊กทหารไม่โง่ ยอมรับมีคนเสนอชื่อ'สมคิด'คนสนิทไม่เชื่อ'เจ๊หน่อย' ร่วมงานคสช. ภูมิธรรมยันต้องระดมความเห็นคนในพรรค ก่อนเลือกผู้นำ'แม้ว'อาสาเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจให้รัฐบาล วิษณุเผยช่องสรรหากสม.ใหม่ ใช้คำสั่งคสช.ยกเลิกเหมือน กสทช.

 

วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9008 ข่าวสดรายวัน

 


ถวายพร - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในฐานะคสช. ร่วมกับนายกฯ และครม.บันทึกเทปโทรทัศน์ถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2558 ณ สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 เมื่อวันที่ 27 ก.ค.

 

 

'บิ๊กตู่-ภริยา'ลงนามถวายพระพร

        เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เป็นประธานเปิดโครงการจัดนิทรรศการและสื่อสารคดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทั้งนี้นายกฯ และภริยา ได้ลงนามถวายพระพรในใบโพธิ์ทองแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และนำไปติดไว้ที่ ต้นโพธิ์ทอง ซึ่งหลังจากนี้สำนักเลขาธิการ นายกฯ จะนำใบโพธิ์ทองทั้งหมดไปหล่อเป็นพระพุทธรูปต่อไป

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯ และภริยา สนใจการทำผ้าไหมมัดหมี่ ซึ่งด.ช.ป้องทอง ศรีสมุทร หรือน้องเคน อายุ 10 ขวบ เป็นชาวบ้านหนองสูง จ.มุกดาหาร มากับคุณยายได้มาสาธิตในการมัดหมี่ลายนาคหัวโพะ และทอหูก (การทอผ้าไหมพุ่งกระสวย) ซึ่งเป็นศิลปะชั้นสูงของชาวอีสาน โดยนายกฯ ชื่นชมและกล่าวว่า อยากให้มีเด็กที่มีความรู้ ความสามารถเรื่องการมัดหมี่ ทอหูกให้มากกว่านี้เพื่อสืบสานประเพณี วัฒนธรรมและศิลปะของไทยต่อไป

 

ย้ำเด็กยึดค่านิยม 12 ประการ

      จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์กล่าวให้โอวาทกับนักเรียน นักศึกษาที่เข้าร่วมงาน ตอนหนึ่งว่า ขอให้ทุกคนตระหนักถึงความพอเพียง สื่อต้องมีคุณภาพและความรับผิดชอบ ไม่ใช่เสนอแต่บันเทิงอย่างเดียวเพราะมันอันตราย ต้องรายงานทั้งสาระและบันเทิง และติดตามโซเชี่ยลมีเดียด้วย หากไม่ตามจะโดนหาว่าโง่ แต่เชื่อไปหมดจะโดนหาว่าบ้า เด็กสมัยนี้ไม่มีจินตนาการ ไม่มีการสร้างการคิดที่ต่อเนื่อง นโยบายของรัฐบาลนี้ นักเรียนต้องมีความสุข ครูต้องมีความสุข ไปหาวิธีมาให้ได้ภายใน 2 ปีที่ตนยังอยู่ ขณะเดียวกันเยาวชนจะต้องหาตัวเองให้เจอว่าชอบอะไร ให้มีภูมิความรู้แล้วค่อยวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น ไม่เช่นนั้นสังคมจะปั่นป่วนกันไปหมด ข่าวสารต้องติดตามแต่ต้องรู้ให้จริง 

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การปลูกข้าว 10 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีการปรับแก้โครงสร้าง ทั้งความต้องการและการผลิต เกษตรกรพยายามปลูกข้าวให้ได้ปีละ 5-6 ครั้ง สุดท้ายทำให้ข้าวไม่มีคุณภาพไปเน่าอยู่ในโกดัง จึงต้องจัดระเบียบใหม่ทั้งหมด หากไม่แก้ก็ต้อง วนมาแบบเดิม ขณะนี้รัฐอยู่ระหว่างการออก พ.ร.บ.การเช่าที่นาและการบริหารจัดการน้ำ

"ค่านิยม 10 ประการไม่ได้ยกเลิกของจอมพล ป. เลยเพียงแต่เพิ่มบางข้อ รัฐบาล ไม่ได้อะไรแต่ได้กับตัวเองทั้งนั้น ยากไหม 12 ข้อ ทำแล้วมันตายไหม คนมันจะว่าอยู่ ทุกวัน ไอก็ว่าแล้ว" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

ป้อง'บิ๊กนมชง'มีผลงาน

      พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสการปรับครม.ว่า จะไม่ทำตามกระแสกดดัน และไม่มีใครมากดดันตนได้ จะทำตามวิจารณญาณ ปรับเมื่อระยะเวลาเหมาะสม คือทำไประยะหนึ่งแล้วต้องมีระยะต่อไปที่ต้องต่อเนื่อง ต้องมีปรับบ้าง แต่ไม่ได้ปรับเพราะมีความผิด หรือเพราะสังคมต่างๆ เราทำงานด้วยหลักการ สังคมอาจจะไม่ทันใจบ้าง ตนก็รับฟัง

เมื่อถามว่าผลโพลสนับสนุนให้ปรับครม. จะมีผลต่อการตัดสินใจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้อนถามว่า โพลบอกว่าต้องปรับใคร 

       ผู้สื่อข่าวกล่าวว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เป็นรมต.ที่โพลระบุ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า เขาทำอะไรผิด เพราะเขาเป็นทหารต้องเอาออกอย่างนั้นหรือ หรือไม่มีผลงาน หรืออย่างไร ทุกคนมองว่าเศรษฐกิจมันแย่ แต่ไม่ฟังว่าแย่เพราะอะไร เมื่อถึงเวลานั้นเศรษฐกิจก็ต้องโดนทั้งหมด ถามว่าวันนี้พล.อ.ฉัตรชัยไปค้าขายอะไรหรือไม่ ขณะนี้ ก็บินไปประเทศแอฟริกา นั่งไปกว่า 20 ชั่วโมง ยังไม่ได้กลับ รู้กันบ้างหรือไม่ว่าเขาทำงานกันอย่างไร มีใครอยากบินไปแอฟริกาเป็นเวลานานๆ หรือไม่ ที่ผ่านมาเขาทำงานไปขายของเพิ่มขึ้นตั้งเท่าไร ต้องดูที่งาน ไม่ใช่บอกว่าเขาไม่สนใจ มีแต่คนไทยที่ให้เกียรติคนของตนเองแล้วมาตีกันเอง ให้ที่แย่อยู่แล้วแย่กว่าเดิม 

 

ลั่นครบปีจะปรับครม.ทั้งคณะ

      เมื่อถามว่า ผลสำรวจพบว่ามี 3 กระทรวงที่ไม่น่าพอใจ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำรวจจากใคร กลุ่มไหน อาชีพอะไร ถ้าแตกต่างกันผลสำรวจก็แตกต่างกัน คำตอบก็จะไปเหมือนกัน ต้องถามว่าสำรวจคนทุกกลุ่มหรือไม่ แต่ตนก็รับฟัง ขณะเดียวกันก็รู้ว่ารัฐมนตรีแต่ละคนทำงานกันอย่างไร

       เมื่อถามย้ำว่าห้วงเวลานี้สมควรปรับ ครม.แล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เมื่อใกล้ครบปี ก็ต้องดูก่อนว่าสมควรหรือยัง แต่ไม่ใช่ว่าปรับหรือไม่ปรับเพื่อให้เศรษฐกิจดีขึ้น ตนว่าเป็นความรู้สึกมากกว่า 

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากปรับครม.จะปรับเฉพาะทีมเศรษฐกิจหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ปรับทั้งทีมนั่นแหละ ผมจะดูของผมเอง ทำไมต้องเน้นเศรษฐกิจอย่างเดียว"

 

ยันทหารก็เป็น'มืออาชีพ'

      ผู้สื่อข่าวถามว่าจะปรับใหญ่หรือปรับเล็ก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การปรับครม.ต้องมีการปรับเปลี่ยนหมุนเวียน ดูทุกเหตุผลทั้งสุขภาพ อายุ ยืนยันว่าที่ผ่านมาทุกคนทำงานมาตลอด และเป็นการทำงานในช่วงที่ยากลำบาก ทุกคนเหนื่อย อย่าไปกดดันกันมากนัก

     เมื่อถามว่า จะปรับครม.ในส่วนรัฐมนตรีที่เป็นทหารออกแล้วนำเอามืออาชีพมาทำงานหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ที่ผ่านมามืออาชีพทำมาตั้งนานแล้วและได้อะไรขึ้นมาบ้าง ทหารมันโง่นักหรือไง วันนี้ต้องยอมรับว่าทหารต้องเข้ามา ทหารไม่ได้โง่นัก การทำงานที่ผ่านมาเขาก็ทำกันแบบนี้ ข้าราชการก็ทำงาน ไปถามนักการเมืองด้วยว่าทำกันหรือเปล่า วันนี้สั่งงานทุกเม็ด แต่อยู่ที่ข้าราชการทำได้แค่ไหน ไม่ใช่อยู่ที่ใครเข้ามามีฝีมือหรือไม่มีฝีมือ ผมไม่เชื่อตรงนั้นเพราะคิดว่าไม่ต่างกัน ไม่มีอะไรต่างกัน ใครเข้ามาใหม่ต้องทำแบบนี้ เพียงแต่วันนี้กระแสการตอบรับประชาชนก็เขียนกันเข้าไป ก็เสียกันทุกคน วันหน้าก็เสียกันอยู่แล้ว ไม่มีอะไรดีสักอย่าง วันหน้าก็ต้องเตรียมรับสถานการณ์ ที่มันแย่แล้วกัน"

 

รับมีชื่อ'สมคิด'

      เมื่อถามว่าการปรับครม.จะมีความชัดเจนได้เมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าอยากเปลี่ยนใช่หรือไม่ อย่างนั้นก็ไปเลือกตั้งเข้ามา ใครเขาอยากจะมาทำ อยากจะรู้ ไม่มีใครเขาอยากมา ส่วนจะชัดเจนเมื่อไหร่ ก็เมื่อครบ 1 ปี นี่หนึ่งปีแล้วหรือยัง หรืออาจจะเร็วกว่านั้น

     ผู้สื่อข่าวถามว่าที่คิดว่าเศรษฐกิจล้มเหลว ใครเหมาะสมที่จะมาทำหน้าที่แก้ไข พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่าไม่ได้อยู่ที่คน ใครก็ได้

     เมื่อถามว่ามีชื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษาคสช.ด้านเศรษฐกิจร่วมครม.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าก็มี แต่ตนไม่เคยพูดถึง สื่อไปเขียนกันเองทั้งนั้น นอกจากนี้มีใคร คนอื่นอีกหรือไม่ เสนอมา 

 

ลั่น'ผมจะตั้งของผมเอง'

      ผู้สื่อข่าวถามว่าคนที่มีชื่อดังตอนนี้คือ นายสมคิด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "อ๋อเหรอ นี่ไปรับทางโน้นเขามาหรือเปล่า ถ้าเปล่าก็เฉยๆ ผมจะตั้งของผมเอง"

      เมื่อถามย้ำว่าที่จะให้นายสมคิดเข้ามาเพื่อเรียกความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเสียงดังอย่างมีอารมณ์ว่า เชื่อมั่นตน เพราะตนเป็นคนทำ ทำไมต้องเชื่อมั่นคนโน้นคนนี้ ตนเป็นหัวหน้า เป็นคนรับผิดชอบ ตนเป็นคนสั่งเขาทำ ถ้าไม่เชื่อมั่นใครเลย แสดงว่าไม่เชื่อตนด้วย และถ้าไม่เชื่อตน ตนก็จะทำแบบนี้

 

ยันไม่มีคนจากการเมือง

       ผู้สื่อข่าวถามว่าการปรับครม.ครั้งนี้จะไม่มีข้อจำกัดต้องเป็นคนกลุ่มการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเสียงดังว่า "ไม่เกี่ยว ไม่สนใจเรื่องนี้ คนที่เป็นนักการเมืองอย่าเพิ่งเข้ามาตอนนี้ ชัดเจน อย่าไปเขียนกันให้เลอะเทอะ เวลาผมทักทายคนก็ทักทายทั่วไป ไปเขียนกันเป็นเรื่องเป็นราวว่าจะเอาคนนั้นคนนี้มา จะมารู้ใจผมได้อย่างไร ทุกอย่างผมทำด้วยหลักการ ต้องฟังทั้งหมด ไม่ได้ฟังจากสมองผมคนเดียว คนแนะนำและที่ปรึกษาเยอะไปหมด รัฐมนตรีต้องทำตามที่ผมสั่ง ช้าเร็วว่ามา ถ้าทำช้าต้องหาคนทำเร็วเข้ามา ก็แค่นั้นไม่ยาก ผมไม่ได้ใช้อารมณ์อธิบาย แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับมนุษย์เขาหน่อย ถามว่าถ้าเข้ามาใหม่ไม่ดีจะไปโทษใครอีก โทษผมคราวนี้ เคยมีหลักการดูบ้าง ถ้าทุกอย่างทำมาแล้วผมไม่ต้องมาทำแบบนี้ เศรษฐกิจคงไม่เลวร้ายขนาดนี้"

 

30 ส.ค.รัฐบาลอายุครบ 1 ปี

       พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า นักการเมืองที่มาวิจารณ์ ถามว่ารู้หรือไม่ว่ารัฐบาลทำงานอย่างไร เศรษฐกิจวันนี้เป็นอย่างไร ตนต้องโทษกลับไปบ้าง เพราะตนมารื้อของเก่าจนเจอว่ามีปัญหาอย่างไร ขณะนี้กำลังแก้ให้ดีขึ้น เราต้องใช้เวลา ไม่ใช่เนรมิตให้ดีได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากกระแสข่าวการปรับครม. ที่พูดคุยภายในเซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า "เซฟเฮาส์บ้าอะไร ไม่มี" 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2557 ราชกิจจานุเบกษาประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่่ 30 ส.ค. 2557 ซึ่งจะครบ 1 ปีในวันที่ 30 ส.ค.นี้

 

"บิ๊กจิน"บ่นท้อ

ด้านพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม กล่าวถึงกรณีติดอันดับโพลเป็นรัฐมนตรีที่ควรปรับออกอันดับ 7 ว่า ยินดีรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายรวมทั้งข้อคิดเห็นจากนักวิชาการ หากจะให้ทำงานต่อก็ทำหากจะให้พักก็ยินดี ยอมรับว่ารู้สึกท้อและถอดใจ และรู้สึกท้อ แต่ก็จะเดินหน้าทำงานต่อไปต่อจนกว่าจะมีเสียงเป่าปรี๊ดดังหมดเวลา หรือเมื่อกรรมการเป่าว่าหมดเวลา ส่วนตัวที่ผ่านมาไม่เคยหยุดทำงานเลย หากอยากให้ทำงานต่อก็จะทำ แต่ถ้าอยากให้พักก็ยินดีพัก

พล.อ.อ.ประจินกล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องการประเมินผลงานนั้นอาจมองได้หลายมิติ ที่ผ่านมาก็ได้รับทราบข้อมูลจากฝ่ายข่าวของ คสช. มีข้อเสนอแนะและเสียงสะท้อนเกี่ยวกับการทำงานของตนในทำนองที่ให้พิจารณาตัวเองด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้ท้อใจในการทำงานเหมือนกัน แต่ก็ขอยืนยันจะยังคงทำงานต่อไป และจะทุ่มเทให้กับการทำงานมากขึ้น รวมทั้งจะวางแผนให้มากขึ้นด้วย ส่วนข้อท้วงติงก็พร้อมรับฟังเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะดึงนายสมคิดเข้าร่วมรัฐบาล ยังไม่ทราบเรื่องว่าจะปรับครม. และไม่ขอออกความเห็น 

 

"บิ๊กเต่า"ไม่หวั่นถูกปรับออก

ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ว่า มาถามอะไรตน ยังไม่รู้เรื่อง ต้องถามนายกฯ เพราะเรื่องนี้เป็นอำนาจและหน้าที่ของนายกฯ เป็นผู้ตัดสินใจ

ด้านพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน กล่าวถึงนิด้าโพลเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนถึงการปรับครม. โดยร้อยละ 33.33 ระบุควรปรับ รมว.แรงงานว่า ตั้งแต่รับตำแหน่ง ตั้งใจทำงานมาตลอด มีผลงานหลายเรื่อง ตรวจสอบดูได้ว่าทำอะไรไปบ้าง แต่ประชาชนไม่ค่อยสนใจมองสิ่งที่ตนทำมาตลอด 5-6 เดือน ตั้งใจทำหลายเรื่องจนทุกอย่างดีขึ้น เช่น การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว การแก้ปัญหาค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเด็ก การส่งเสริมคนไทยมีงานทำ การพัฒนาฝีมือแรงงาน การพัฒนาระบบประกันสังคม ซึ่งบางเรื่องเริ่มทำจากศูนย์ ทุกวันนี้ตัวเลขว่างงานไทยน้อยที่สุดในโลก 


ไทยสอบตก - น.ส.ซาราห์ ซีวัลล์ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา แถลงรายงานการประเมินรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ หรือทิป รีพอร์ต ประจำปี 2558 ที่กรุงวอชิงตัน ระบุว่าไทยยังอยู่ในบัญชีเทียร์ 3 ตามเดิม เมื่อวันที่ 27 ก.ค.

 

      เมื่อถามถึงข่าวลือว่าพล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ อาจโยกมาเป็นรมว.แรงงานแทนนั้น พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ ที่ผ่านมาตนทำงานมามากแล้ว หากจะเปลี่ยนคนใหม่มาทำหน้าที่แทน ถ้าคนใหม่ทำงานได้ ตนก็พร้อมออกไปดูคนอื่นทำงานบ้าง และ ไม่ได้น้อยใจที่ตั้งใจทำงานแต่คนมองไม่เห็น ที่มีโพลระบุควรปรับออกในลำดับที่ 10 เพราะไม่มีผลงานนั้น อยากถามว่าโพลเอาอะไรมาวัด อยากเห็นผลงานก็ต้องมาดูข้อมูลที่กระทรวงแรงงาน ไม่ใช่ถามประชาชน เพราะบางคนไม่รู้ข้อเท็จจริง แต่ถ้าจะปรับออกก็พร้อม เพราะถ้าจะให้ทำมากกว่านี้ก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว

 

วิษณุไม่รู้ปรับครม.

      ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวปรับครม. ที่พล.อ.ประยุทธ์พูดถึงนายสมคิดและคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ว่า สิ่งที่นายกฯ พูดในงาน คิดว่าไม่มีอะไร เป็นการพูดธรรมดา นายกฯ พูดคุยกับคนเหล่านั้นก่อนขึ้นเวที พอขึ้นเวทีก็มองเห็นคนเหล่านั้นก็เลยพูดถึง แต่ถ้าในใจนายกฯคิดอย่างไร ตรงนี้ไม่รู้ ยืนยันว่าการปรับครม.เป็นอำนาจของนายกฯ เพียงคนเดียว เรื่องเหล่านี้จะพูดกันส่งเดชไม่ได้ จึงไม่เข้าใจว่าทำไมต้องถามเรื่องปรับครม.กับคนอื่น

      เมื่อถามว่านายกฯ เคยพูดเรื่องปรับครม.บ้างหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มี ต่อให้นายกฯ คิดก็ไม่พูดเรื่องนี้กับตน แต่จะพูดกับเลขาฯ ครม.หรือไม่นั้น ไม่รู้ เพราะเลขาฯ ครม.มีหน้าที่ในเรื่องนี้ อย่าลืมว่าการปรับครม. การเอาคนออกไม่เท่าไร แต่การตั้งคนใหม่ต้องมีพระบรมราชโองการ ต้องเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน บางทีตั้งแล้วแต่ไม่สามารถเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ ได้ ก็ค้างอยู่ คนเก่าออกไปแล้ว คนใหม่ยัง ไม่เข้าจะทำให้งานเกิดปัญหา ฉะนั้นทุกอย่างต้องคิดให้หมดตั้งแต่ต้นว่าจะราบรื่นในช่วงใด จึงจะทำในช่วงนั้น

 

รับสรรหากสม.ใหม่ได้

     นายวิษณุ กล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า การร่างต้องเป็นไปตามกำหนด หากไม่ตามกำหนด ต้องยุบกมธ.ยกร่างฯ ให้พ้นไป สิ่งที่กังวลคือการเป็นไปตามกำหนด โดยเร่งรีบออกมาไม่รัดกุม หากกมธ.ยกร่างฯ จะทำให้รัดกุมรอบคอบก็ทำได้ ส่วนผู้ได้รับการคัดเลือกเข้าเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) 7 คนนั้น ไม่มีความ เห็นเพราะไม่ทราบว่ากรรมการสรรหาใช้หลักเกณฑ์อะไรพิจารณา จึงไม่กล้าพูดว่าใน 7 รายชื่อนี้ใครรู้หรือไม่รู้เรื่องกฎหมาย เรื่องสิทธิเสรีภาพมากน้อยแค่ไหน

เมื่อถามว่าหากมีผู้คัดค้านส่งข้อมูลให้กมธ.ตรวจสอบและพิจารณาแล้วพบว่าไม่เหมาะสมจะเป็นกสม. สามารถตีตกและ คัดเลือกรายชื่อใหม่ขึ้นมาได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า มีสิทธิสรรหารายชื่อใหม่ขึ้นมาได้ เหมือนกรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการ กสทช. สุดท้ายต้องมาออกเป็นคำสั่งคสช. คือไม่ต้องเลือกกันแล้วให้หยุดอยู่แค่นั้นพอ

 

นักวิชาการแนะฟังประชาชน

      ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จัดเสวนาหัวข้อ "สังคมไทยภายใต้สถานการณ์พิเศษ การปฏิรูปครั้งใหญ่คืนความสุขให้คนไทยจริงหรือ" โดยนายพิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สถานการณ์ของแม่น้ำทั้ง 5 สายตอนนี้มีความขัดแย้งกันเอง ทำให้เราได้เห็นแม่น้ำสายที่ 6 คือประชาชน ซึ่งการปฏิรูปควรรับฟังแม่น้ำสายที่ 6 ด้วย ส่วนการปรองดองคือการเอาผิดกับกลุ่มที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ใช่การตามจับเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการเท่านั้น แต่ต้องเอาผิดถึงระดับผู้สั่งการด้วย

ด้านนายพิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้น จะปรับครม.โดยเอามือเศรษฐกิจที่ไหนมาก็ไม่สามารถแก้ปัญหาในระยะยาวได้ ต้องใช้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีเสถียรภาพ เป็นที่ยอมรับของสากล จึงจะยกระดับได้ นอกจากนี้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่มีโรดแม็ป ตอนจบก็เป็นอ่างที่วนๆ ตราบใดที่รัฐธรรมนูญใหม่ไม่ผ่านก็ร่างกันไป เชื่อว่าร่างนี้คงไม่ผ่าน และไม่เชื่อว่าคสช.อยากให้มีประชามติ ในสถานการณ์ที่คนเริ่มมีเสียงทักท้วงติติงคสช.มากขึ้น เราคงต้องอยู่ในสถานการณ์อีกนาน ปรับครม.ไปตามยถากรรม ไม่เดินหน้าไม่ถอยหลัง เราไม่มีพลังทางสังคมที่จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับถาวรและการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นช่องว่างให้คสช.อยู่ต่อ

 

พท.ขอระดมกึ๋นก่อนเลือกผู้นำ

       นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยเตรียมดันคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ขึ้นเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทยว่า เป็นเรื่องอนาคต ค่อยคิด หากมีเงื่อนไขให้พรรคประชุมได้ก็ต้องระดมคนที่มีความรู้ ความสามารถภายในพรรคซึ่งมีจำนวนมากมาช่วยกันคิดหาทางแก้ปัญหาที่ยังคั่งค้าง และวิกฤตใดที่เราต้องมาคิดแก้ไขต่อไป ถึงวันนั้นคงมีการประชุมรับฟังความเห็นคนทั่วทั้งพรรค รวมทั้งสมาชิกพรรค เพื่อเลือกผู้นำพรรคที่มีความเหมาะสมต่อไป

     นายภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งที่ควรคิดขณะนี้คือทำอย่างไรให้มีรัฐธรรมนูญที่ดี มีความ เป็นประชาธิปไตยให้คนไทยและนานาอารย ประเทศยอมรับ และรีบเลือกตั้งโดยเร็ว อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แก้ไขความทุกข์ยากให้ประชาชนโดยเร็ว และ หวังว่าคสช.จะรีบเร่งสร้างบรรยากาศให้กลับมาสู่ความเป็นปกติที่ทั่วโลกและคนไทยรอคอยโดยเร็ว

 

คนสนิทไม่เชื่อ'หน่อย'ร่วมคสช.

      นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีตส.ส.นนทบุรี คนสนิทคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่า เท่าที่พูดคุยยังไม่เห็นคุณหญิงสุดารัตน์มีท่าทีที่แสดงออกในทางการเมือง เพราะขณะนี้ทุ่มเททำกิจกรรมเพื่อศาสนา ซึ่งเรื่องคงเกิดจากนายกฯพูดถึงคุณหญิงสุดารัตน์ จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ไม่ทราบในงานแต่งงานของบุตรชายนายสมคิด ทั้งที่เรื่องไม่มีอะไรเลย เพียงแต่คุณหญิงสุดารัตน์เล่นการเมืองมานาน และบุคลิกก็เข้ากับทุกฝ่ายได้ ดังนั้นเรื่องไปร่วมงานกับคสช.ตัดไปได้เลย 

นายอุดมเดชกล่าวว่า ส่วนประเด็นจะขึ้นเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ของพรรคนั้น ขณะนี้พรรคยังไม่สามารถเรียกประชุมกันได้ เพราะติดคำสั่งของคสช. ที่สำคัญกติกาที่จะใช้เลือกตั้งหรือการเข้ามาทำงานการเมืองก็ยังไม่ชัดเจน ส่วนโอกาสที่คุณหญิงสุดารัตน์จะขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของพรรคนั้น พรรคมีบุคลากรและคนที่มีความรู้ ความสามารถจำนวนมาก และคุณหญิงสุดารัตน์ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่คนที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลาด้วย ซึ่งต้องดูกติกากันก่อน

 

เตือนสุดารัตน์ระวังเสียคน

      นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ระบุจะปรับครม.ว่า ปัญหาขณะนี้อยู่ที่ระบบ ไม่ใช่ตัวบุคคล ต่อให้ปรับครม.กี่ครั้ง ดึงคนเก่งอย่างนายสมคิดมาร่วมงานกับรัฐบาล คสช.ก็ไม่มีประโยชน์ ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์พูดว่ามีสายสัมพันธ์อันดีกับคุณหญิงสุดารัตน์ หากคุณหญิงสุดารัตน์จะมีสายสัมพันธ์อะไรกับคสช.ก็ถือเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่หากจะไปร่วมงานกับรัฐบาลคสช. ขอเตือนเลยว่าคุณหญิงสุดารัตน์จะเสียชื่อ เสียคนตอนปลายอย่างแน่นอน

"คุณหญิงมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเพราะมาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย มาจากการทำงานร่วมกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หากคุณหญิงจะเปลี่ยนม้าแล้วไปอยู่กับระบอบเผด็จการ ผมขอเตือนพี่สาวคนนี้ว่าให้ระวังว่าจะเสียคนทางการเมืองในอนาคตอย่างแน่นอน" นายวรชัยกล่าว

 

ณัฐวุฒิยันปชต.ไม่ยุ่งเผด็จการ

      นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่ม แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ แห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่า อยู่ๆ พล.อ.ประยุทธ์ก็พูดถึงคุณหญิงสุดารัตน์แบบจงใจให้เป็นข่าว แล้วมีข่าวปล่อยถึงขั้นต้องการผลักดันให้เป็นปาร์ตี้ลิสต์อันดับหนึ่งของพรรคเพื่อไทย เกมแบบนี้คสช.หวังค้ากำไร นอกจากเบี่ยงกระแสเรื่องปรับครม.แล้ว ยังเอาสภาพทางการเมืองของตัวเอง ซึ่งร่อแร่มากขึ้นทุกวันมาประกบไว้กับพรรคเพื่อไทย สร้างความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่ประชาชนผู้สนับสนุน

     นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าพรรคเพื่อไทยมีบุคลากรคุณภาพจำนวนมาก คุณหญิงสุดารัตน์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ในฐานะสมาชิกพรรคเชื่อมั่นในหลักการว่าหากจะมีใครขึ้นมาถือ ธงนำ ต้องเป็นการตัดสินใจภายในพรรค ไม่ใช่ไปตกลงกับฝ่ายอื่นโดยเฉพาะคสช. เพราะประชาธิปไตยกับเผด็จการเป็นหุ้นส่วนกันไม่ได้ เเม้ 10 ปีที่ผ่านมา การเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยทุกครั้งไม่สามารถรักษาอำนาจรัฐ มีข้อผิดพลาดมากบ้างน้อยบ้างให้อีกฝ่ายหาช่องเล่นงานได้ แต่ถึงไม่มีข้อผิดพลาดเลย ก็ยากยิ่งที่รัฐบาลเลือกตั้งจะต้านทานขบวนการโค่นล้มที่ทรงพลังแบบนี้ ดังนั้นถึงมิอาจรักษาอำนาจรัฐก็ต้องยืนยันด้วยทุกสิ่งที่มี เพื่อรักษาศรัทธาของประชาชนโดยซื่อสัตย์ต่อหลักการประชาธิปไตย ไม่ว่าใครจะใช้อำนาจอย่างไร สังคมไทยก็ไม่มีทางเดินถอยหลัง และทิศทางข้างหน้าคือประชาธิปไตยแน่ๆ ข่าวปล่อยทำลายแบบนี้ต้องปฏิเสธให้ชัด และการปฏิบัติก็ต้องชัดยิ่งกว่าว่า ไม่สมรู้ร่วมคิดกับเผด็จการไม่ว่ากรณีใดๆ 

 

อาสาเป็นที่ปรึกษาศก.ให้รัฐบาล

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศ วันเกิดของพ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่บ้านพักเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ได้จัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 66 ปีอย่างเงียบๆ โดยมีนายพานทองแท้ และอุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร มาร่วมงานด้วย พร้อมกับอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้ต้อนรับคณะคนสนิทที่มาจากประเทศไทยและได้รับของฝากจำนวนมากก่อนทยอยกันร่วมพิธีบายสี เรียกขวัญ ผูกข้อมือให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่ง ผู้ร่วมงานได้รับแจกนาฬิกาเป็นของชำร่วย ทุกคน ก่อนร่วมเป่าเค็ก และร้องเพลง "My Way" อย่างมีความสุข

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นั่งร่วมรับประทานอาหารกับอดีตส.ส.เพื่อไทย พ.ต.ท. ทักษิณกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยพร้อมกับแสดงความเป็นห่วงประเทศไทย สงสารประชาชนที่ยากจนอยู่ในขณะนี้ พร้อมกับอาสาเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยกล่าวสั้นๆ ว่า 'บอกมา ถ้าอยากให้ไปช่วย'

 

'แม้ว'เตือนอย่าเดินถอยหลัง

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค. เพจของนายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้เผยแพร่คำกล่าวของพ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องในวันคล้ายวันเกิดเมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่ดูไบว่า "พ่อผมกล่าวว่า ปีนี้ผมอายุ 66 แล้ว หมดเวลาเป็นห่วงตัวเอง ชีวิตจะเป็นอย่างไรจะอยู่ที่ไหนทุกข์สุขไม่ใช่เรื่องสำคัญ คิดถึงแต่ลูกหลานเราว่าจะอยู่กันอย่างไร อดีตมันก็คือประวัติ ศาสตร์ คือสิ่งที่ผ่านพ้นไปแล้ว ย่อมหวนคืนวันไปแก้ไขมันไม่ได้ ควรใช้มันเป็นบทเรียน แต่ก็ไม่ควรไปหมกมุ่น รื้อฟื้นแต่เรื่องราว ในอดีต จนลืมทำหน้าที่ตนเองในปัจจุบัน และไม่สร้างบรรทัดฐานที่ดีให้กับอนาคต ปัจจุบันเป็นสิ่งที่จะต้องผ่านพ้นไป ไม่ควร Enjoy กับมันมากจนเกินไป อนาคตคือสิ่งที่สำคัญ หากเราตั้งเป้าและดำรงความมุ่งหมายที่แน่วแน่ วันที่ฝันซึ่งเราวาดไว้สำเร็จเป็นจริง เมื่อเราหันหลังมองกลับมา มันจะเป็นความภาคภูมิใจ ในทุกสิ่งที่เราได้สร้างเอาไว้ เมื่อปัจจุบันของวันก่อน 

วันนี้ทุกประเทศทั่วโลกเขายินดีและ ภาคภูมิใจ ที่องค์การนาซ่าไปถึงดาวพลูโตแล้ว วันนี้ประเทศอื่นในอาเซียน ต่างเตรียมประเทศตัวเอง พร้อมที่จะผนึกกำลัง ก้าวไปเป็นประชาคมเดียวกัน พร้อมที่จะร่วมแข่งขันกับภูมิภาคอื่น ลองถามตัวเอง แล้วเรากำลังเดินไปข้างหน้า, ย่ำเท้าอยู่กับที่ หรือว่าเรากำลังเดินถอยหลัง??" 

 

พระเทือกปฏิบัติภารกิจก่อนสึก

ที่วัดธารน้ำไหล (สวนโมกขพลาราม) อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พระสุเทพ ปภากโร หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำกปปส. ประธานโครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รุ่นที่ 9 มีผู้เข้าร่วมโครงการ 47 รูป โดยมีพระธรรมวิมลโมลี เจ้าคณะภาค 16 เป็นพระอุปัชฌาย์ มีแกนนำกปปส.และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วม อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชา ธิปัตย์(ปชป.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายอิสสระ สมชัย พร้อมญาติโยมและประชาชนเข้าร่วมกว่า 1 พันคน ทั้งนี้ ถือเป็นการปฏิบัติกิจสงฆ์ ครั้งสุดท้ายก่อนที่ พระสุเทพและพระชินวรณ์ จันทสาโร หรือนายชินวรณ์ บุญยเกียรติ จะลาสิกขาในเช้าวันที่ 28 ก.ค.นี้ 

พระสุเทพกล่าวว่า จากที่บวชมาตั้งแต่ วันที่ 15 ก.ค. 2557 จนถึงวันนี้รวม 1 ปี 12 วัน และจะลาสิกขาบทวันที่ 28 ก.ค.นี้ เวลา 06.00 น. ที่วัดไตรธรรมาราม อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากลาสิกขาแล้วจะอยู่ทำบุญตักบาตร เลี้ยงพระ 3 วัน ในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี และวันที่ 30 ก.ค.จะเข้ากรุงเทพฯ เพื่อแถลงข่าวร่วมกับกรรมการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยว่าในอนาคตจะทำอะไรบ้าง ในเวลา 11.00 น. ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ราชประสงค์ 

 

เตรียมเดินหน้าผลักดันปฏิรูป

เมื่อถามว่ามูลนิธินี้จะเป็นส่วนหนึ่งของสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศได้หรือไม่ พระสุเทพกล่าวว่าเป็นส่วนหนึ่งของภาคประชาชน แต่แนวทางของมูลนิธิจะเน้นผลักดันเรื่องการปฏิรูปประเทศ ส่วนราชการจะทำอย่างไรก็แล้วแต่ อะไรที่เราสนับสนุนได้ก็สนับสนุน อย่างไรก็ตามหากเชิญเข้าไปเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ เราคงไม่เอา แต่หากเป็นสมาชิกของมูลนิธิก็เป็นเรื่องแต่ละบุคคล อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองยินดีทั้งนั้น ส่วนตนประกาศไว้ว่าไม่ไปรับตำแหน่งใดๆ และเรื่องของมูลนิธิจะไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์

พระสุเทพกล่าวถึงนายกฯระบุจะไม่มีอดีตนักการเมืองเข้าร่วมในครม.ชุดใหม่ว่า เป็นเรื่องที่ดีมาก ตนถึงเชียร์พล.อ.ประยุทธ์ มาตลอดเพราะทำอะไรดีๆ มาตลอด ได้ยินแบบนี้ก็ชื่นใจ ขอชื่นชมว่าตัดสินใจถูกต้อง การปรับครม.ไม่ต้องเอานักการเมืองเข้าไป เพราะถ้านักการเมืองเก่งแล้วพล.อ.ประยุทธ์จะมายึดอำนาจทำไม นักการเมืองพาบ้านเมืองไปไม่ได้ จึงเกิดความวุ่นวายเสียหาย วันนี้อยู่ในสถานการณ์พิเศษ รัฐบาลต้องใช้อำนาจพิเศษ มาตรการพิเศษ เพราะไม่ใช่เวลาของนักการเมือง และในเวลานี้หากจะปรับครม. ก็เป็นเรื่องธรรมดา สามารถแก้ไขปรับปรุงตามความเหมาะสมของสถานการณ์

 

มาร์คแนะปรับครม.ให้ยึดงาน 

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกระแสข่าวปรับครม.ว่า เป็นดุลพินิจของนายกฯ การจะปรับเปลี่ยนบุคคลหรือไม่ เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง แต่อีกด้านคือทบทวนแนวคิดวิธีการบริหารจัดการ ส่วนเสียงเรียกร้องให้ปรับทีมเศรษฐกิจโดยเฉพาะหัวหน้าทีมก็น่าเห็นใจ เพราะมีปัจจัย ที่เป็นลบอยู่หลายตัวและเปลี่ยนแปลงยาก แต่ต้องยอมรับว่ามีความอึดอัดหรือความ ไม่พอในแง่ผลงานด้านงานเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประชาชนไม่มีกำลังซื้อ จึงควรเร่งงานที่จะช่วยให้ประชาชนมีกำลังซื้อ จะไป คาดหวังเรื่องส่งออกหรือปัจจัยอื่นไม่ได้ 

เมื่อถามว่าการปรับครม.ครั้งนี้มีข่าวจะดึงนักการเมืองในอดีตมาร่วมด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือควรเน้นงานในเชิงบริหาร เพื่อตอบสนองการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ อย่าไปให้น้ำหนักว่าเป็นพรรคหรือไม่ใช่พรรค เพราะถ้ามีเรื่องนักการเมืองเข้าไปก็จะเพิ่มปัญหาทางการเมืองขึ้นมาอีก เพราะคสช.วางตัวมาตลอดว่าเป็นรัฐบาลชั่วคราวที่ไม่มีแนวคิดที่จะยื้อหรือสืบทอดอำนาจ แต่หากนำนักการเมืองเข้ามาก็จะมีปัญหาเพิ่มขึ้น และเห็นว่าอย่าไปยึดเรื่องคน ให้ยึดเรื่องงานจะดีกว่า อย่างไรก็ตาม หากจะไม่มีการปรับเปลี่ยนบุคคล อยากให้นายกฯประกาศว่า ไม่ปรับแล้วเร่งเดินหน้าทำงาน

 

รับ"สุเทพ"ไม่กลับปชป.

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการลาสิกขาของ พระสุเทพ ที่ระบุจะวางมือทางการเมืองว่า ไม่ได้บอกว่าจะวางมือทางการเมือง บอกแต่ว่าจะไม่กลับเข้ามาสู่การเมืองในฐานะนักการเมืองระบบพรรค แต่การเมืองภาคประชาชนยังดำเนินการอยู่อย่างที่เคยเป็นผู้นำมวลชนเรียกร้องการปฏิรูป ที่ทุกวันนี้ยังไม่ได้ไปสู่ เป้าหมายนั้น ดังนั้นการขับเคลื่อนเรื่องการปฏิรูปคงเป็นบทบาทของพระสุเทพต่อไป เชื่อว่าการลาสิกขาบทในช่วงนี้จะไม่ทำให้การเมืองร้อนแรงขึ้น คิดว่าพระสุเทพมีหน้าที่ช่วยผลักดันการปฏิรูปต่อไป ขณะเดียวกัน กปปส.ก็แสดงท่าทีไม่ต้องการสร้างปัญหาให้ผู้ที่มีอำนาจในขณะนี้

เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่มูลนิธิที่พระสุเทพดูแลอาจส่งตัวแทนของมูลนิธิไปอยู่ในสภาขับเคลื่อน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าไม่ทราบ เพราะสภาขับเคลื่อนฯเป็นอำนาจของนายกฯที่จะเป็นผู้เสนอแต่งตั้ง ไม่มีโควตาใครทั้งสิ้น

 

สพม.จี้ใช้"ภาษี"สอบทุจริต

นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง (สพม.) ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้นำมาตรการการแสดงรายการภาษีเงินได้ เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐมาใช้ โดยระบุว่า เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตมีประสิทธิภาพ จึงเสนอ 1.ให้ใช้การแสดงรายการภาษีเงินได้ เป็นเกณฑ์ตรวจสอบทรัพย์สิน หนี้สินหรือฐานะความเป็นอยู่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ หากการเสียภาษีเงินได้ไม่สอดคล้องกับทรัพย์สิน หรือหนี้สิน ฐานะความเป็นอยู่ต้องอธิบายถึงที่มาดังกล่าว โดยรัฐไม่ต้องมีภาระพิสูจน์ หากอธิบายไม่ได้ บุคคลดังกล่าวต้องถูกประเมินภาษีย้อนหลัง และถูกดำเนินคดีในข้อหาหลีกเลี่ยงการเสียภาษี

2.ให้เพิ่มคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัคร รับเลือกตั้งเป็นส.ส. ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นส.ว. รัฐมนตรี ต้องแสดงรายการเสียภาษี เงินได้บุคคลธรรมดาย้อนหลังไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยประวัติการเสียภาษีจะใช้ตรวจสอบ เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตได้อีกทางหนึ่ง 3.ให้สิทธิประชาชนร้องขอข้อมูล ติดตามตรวจสอบการแสดงรายการภาษี เงินได้ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้ประชาชนช่วยตรวจสอบ การทุจริตอีกช่องทางหนึ่ง จึงขอให้กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ พิจารณานำมาตรการ ดังกล่าวมาบัญญัติไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ และให้คสช. ครม. ช่วยผลักดันให้นำมาตรการนี้ไปใช้ให้เกิดขึ้น รวมทั้งให้ภาคประชาสังคม ช่วยผลักดันให้บัญญัติมาตรการดังกล่าวไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปใช้ให้เกิดผลต่อไป

 

สปช.จี้แก้ที่มา'นายก-สส.-สว.'

ที่รัฐสภา นายดิเรก ถึงฝั่ง สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะรองประธานกมธ.ปฏิรูปการเมือง กล่าวถึงกรณีกมธ.ปฏิรูปการเมืองและกมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเตรียมจับมือชำแหละร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของกมธ.ยกร่างรัฐธรรม นูญว่า กมธ.ทั้งสองคณะกำลังจับตาการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญอยู่ และหลังจากกมธ.ยกร่างฯส่งร่างรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเสร็จสมบูรณ์มาให้สปช.แล้ว กมธ.ทั้งสองคณะจะหารือกัน อีกครั้งว่าจะยอมรับร่างรัฐธรรม นูญได้หรือไม่ โดยจะพิจารณาจาก 3 ประเด็นหลักคือ 1.ที่มาของนายกฯ 2.ที่มาของส.ส.และการเลือกตั้งส.ส. และ 3.ที่มาของส.ว. ขณะนี้ ทั้ง 3 ประเด็นยังไม่ชัดเจน จึงต้องรอเห็นร่างที่มีการแก้ไขรอบสุดท้ายก่อน 

"ถ้าทั้ง 3 เรื่องนี้ไม่มีการแก้ไขตามที่เสนอ ก็เป็นไปได้ที่จะไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่าน ซึ่งการลงมติของกมธ.ทั้งสองคณะจะเป็นตัวของตัวเอง จะไม่ให้ใครมาโน้มน้าวใจได้ ทั้งนี้ ทั้งสองคณะคงไม่ไปล็อบบี้หรือโน้มน้าวใจสปช.สายอื่นๆ ให้เห็นตามเรา เพราะการลงมติเป็นดุลพินิจของแต่ละคน" นายดิเรกกล่าว

 

กมธ.ให้รอ'รธน.'ตอนร่างเสร็จ

นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ว่า ในสัปดาห์นี้ ที่ประชุมจะพิจารณาประเด็นที่ค้างอยู่ รวมทั้งการปฏิรูปในเรื่องที่คณะทำงาน ที่มีนพ.ชูชัย ศุภวงศ์ ประชุมอยู่ ส่วนบทเฉพาะกาล รวมถึงบันทึกเจตนารมณ์ก็ทยอยพิจารณา เช่นกัน โดยจะเขียนไว้ในบทเฉพาะกาลว่า หากมีปัญหาต่อการตีความหรือการเขียน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายทั่วไป ต้องนำรายละเอียดและยึดถือเจตนารมณ์ไปพิจารณา โดยให้ถือเป็นส่วนสำคัญที่ต้องพิจารณา อนุกมธ.ที่ทำเรื่องเจตนารมณ์ได้พิจารณาเนื้อหาอย่างรอบคอบ เมื่อทำเสร็จจะส่งให้กมธ.ยกร่างฯ เห็นชอบในรายละเอียด สำหรับกรรมการยุทธศาสตร์ และการสร้างความปรองดอง ยังไม่ได้ข้อสรุป ที่ชัดเจน ต้องปรับปรุงเนื้อหา แม้ในหลักการจะยึดตามข้อเสนอของครม. ไว้เป็นหลักแล้วก็ตาม และยังมีประเด็นที่กมธ.ยกร่างฯ ต้องพิจารณาเพิ่มเติมด้วยคือ กรณีครม.กำหนดให้มีกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อทำยุทธศาสตร์ชาติระยะยาว 20 ปีด้วย ต้องพิจารณาว่า จะเขียนในร่างรัฐธรรมนูญเพื่อให้สอดคล้องอย่างไรบ้าง

เมื่อถามถึงท่าทีสปช. ที่มีการหารือและเตรียมวิจารณ์เนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ นายคำนูณกล่าวว่า เป็นสิทธิของสปช. รวมถึงการจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ตนอยากให้สปช.ใช้วิจารณญาณ อ่านและดูเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ เชื่อมั่นว่า เมื่อสปช.เห็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับทางการแล้ว จะใช้ประสบการณ์ความเป็นผู้ใหญ่พิจารณาในประเด็นสาขาที่ถนัด

 

'ตู่'ลุ้นมะกันประกาศผลค้ามนุษย์

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีสหรัฐอเมริกาเตรียมประกาศผลการจัดลำดับการปราบปรามการค้ามนุษย์หรือทริปรีพอร์ตในวันที่ 27 ก.ค.นี้ว่า ให้รอเวลา 21.00 น. ก็ต้องรอฟังว่าสหรัฐประกาศอย่างเป็นทางการก่อน ตนมั่นใจในสิ่งที่ทำมาทำได้ดีกว่าเดิม ถ้าไม่มั่นใจก็คงไม่ทำ ส่วนผลขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสหรัฐ เราต้องยอมรับกติกา 

เมื่อถามว่าคาดหวังว่าจะเลื่อนจากระดับเทียร์ 3 เป็นเทียร์ 2 หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ได้คาดหวังว่าลำดับจะขึ้นหรือไม่ แต่คาดหวังว่าสิ่งที่ทำจะมีผลสำเร็จก่อน ซึ่งต้องมีระยะเวลาเปลี่ยนผ่านและระยะเวลาแก้ไข ต้องใช้เวลาทั้งระบบ มั่นใจว่าทำทุกด้านดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ขึ้นอยู่กับสหรัฐจะเชื่อมั่นหรือไว้วางใจหรือไม่ 

เมื่อถามว่าถ้าลำดับของไทยยังอยู่ที่เดิม จะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นกับต่างประเทศหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ว่าออกมาอย่างไรก็เป็นตามนั้น เราต้องทำอยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่ได้ทำเพื่อเรื่องนี้อย่างเดียว แต่ทำเพื่อรักษาทรัพยากรของเราด้วย 

"จากนี้เจ้าหน้าที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ทำตามหน้าที่ ถ้าไม่ทำก็ต้องเล่นงาน เป็นข้าราชการ ไม่ทำต้องถูกลงโทษ ทำไมก่อนหน้านี้ไม่ทำ ถามแค่นี้ วันนี้เขาทำกันอยู่ เรือที่ผิดกฎหมายใช้อวนผิดประเภทก็ไม่ได้ออก ต้องทำให้ถูกต้องก่อน ผิดกฎหมายออกไม่ได้ เราทำแต่เขาจะเห็นอย่างไรต้องแล้วแต่เขา" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

เมื่อถามว่าวงในมีการรายงานให้ทราบผลหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทราบแต่ให้เขาพูดดีกว่า เป็นมารยาทเขาเป็นคนกำหนดกติกาต้องฟังเขาพูด เราพูดในสิ่งที่เราทำ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของไทยในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ว่า รัฐบาลตั้งใจทำดีที่สุด ผลจะออกมาอย่างไรก็ว่ากันไป ตอนนี้ตั้งใจทำให้ดีที่สุด ให้เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น

 

สหรัฐให้ไทยตกซ้ำเทียร์3

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปี 2558 และเป็นวาระครบ 15 ปีการจัดทำรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ หรือ ทิป รีพอร์ต จากการสำรวจ 188 ประเทศทั่วโลก โดยมีน.ส.ซาราห์ ซีวัลล์ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเป็นผู้แถลงและตอบคำถามสื่อมวลชน ขณะที่ประเทศไทยยังติดอยู่ในระดับเทียร์ 3 ที่มี 23 ประเทศ เท่ากับอิหร่าน ลิเบีย เกาลีเหนือ รัสเซีย ซีเรียและซิมบับเว ซึ่งหมายถึงประเทศที่รัฐบาลดำเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำตามกฎหมายด้านการค้ามนุษย์ของสหรัฐ และไม่ได้ใช้ความพยายามอย่างมีนัยสำคัญที่จะแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์

ประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษคือการเลื่อนระดับสถานการณ์ของมาเลเซีย จากเทียร์ 3 ที่อยู่ระดับต่ำสุด ในปีที่แล้ว ขึ้นไปอยู่ในระดับเทียร์ 2 ที่ดีขึ้น คือรัฐบาลที่ปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำของกฎหมายปกป้องเหยื่อการค้ามนุษย์ (ทีวีพีเอ) ไม่ครบถ้วน แต่มีความพยายามอย่างมีนัยสำคัญเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานเหล่านั้น ขณะที่ประเทศไทยยังอยู่ในระดับเทียร์ 3 ตามเดิม 

 

เพิ่มปมเนรเทศไม่เหมาะสม

รายงานระบุว่า ประเทศไทยเป็นต้นกำเนิด ทางผ่าน และจุดหมายปลายทาง สำหรับผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กที่ถูกบังคับเป็นแรงงานและการค้าประเวณี ประมาณการว่ามีแรงงานข้ามชาติในประเทศไทยจำนวน 3-4 ล้านคน ซึ่งส่วนมากมาจากประเทศเพื่อนบ้านเช่น พม่า ลาว และกัมพูชา นอกจากนี้เป็นที่เชื่อกันว่าเหยื่อการค้ามนุษย์ชาวไทยยังถูกบังคับหรือหลอกหลวงเข้าสู่ขบวนการค้าแรงงานหรือค้าประเวณี และมีรายงานว่าในจำนวนเหยื่อการค้าแรงงานเหล่านั้น ยังรวมอยู่ในการประมงเชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรมการประมง และงานภายในประเทศ

"แรงงานต่างด้าวบางส่วนที่เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ถูกเนรเทศออกนอกประเทศโดยไม่ผ่านการคัดกรองที่เหมาะสมเพราะความไม่สอดคล้องกันของกระบวนการระบุตัวตน เหยื่อจำนวนหนึ่งถูกบังคับให้ออกไปขอทานตามถนน ด้านการค้าประเวณียังคงเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทยที่มีอย่างกว้างขวาง" รายงานระบุ

 

มีทั้งค้ากาม-ประมง

ทิปรีพอร์ต 2558 ระบุต่อว่า เหยื่อการค้ามนุษย์จำนวนมากประเทศพม่า กัมพูชา ลาว จีน เวียดนาม อุซเบกิซสถาน และอินเดีย เต็มใจย้ายมาหาการจ้างงานที่ประเทศไทย โดยมักจะมาจากความช่วยเหลือของญาติและสมาชิกในชุมชน หรือเครือข่ายจัดหางานที่ไม่เป็นทางการ มีนายหน้าทั้งที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องและไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นตัวกลางผู้หางานกับนายจ้าง โดยนายหน้าบางส่วนจะร่วมมือกับนายจ้างและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุจริต ขณะที่แรงงานย้ายถิ่นจะต้องติดหนี้ทั้งที่ประเทศไทยและประเทศต้นทาง เพื่อให้ได้งานและเพื่อจะได้ตกเป็นทาสเจ้าหนี้ ขณะที่ผู้ค้ามนุษย์คือนายหน้าค้าแรงงานของทั้งคนไทยและคนสัญชาติอื่นนำเหยื่อต่างชาติเข้ามาในประเทศไทย

มีรายงานว่ามีการยึดเอกสารระบุตัวตนอีกด้วย แรงงานชายสัญชาติไทย พม่า กัมพูชาและอินโดนีเซีย ถูกบังคับใช้แรงงานบนเรือประมงของไทย แรงงานจำนวนหนึ่งถูกบังคับให้อยู่บนเรือหลายปี โดยได้รับค่าจ้างน้อยและไม่สม่ำเสมอ ทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ วันละ 18-20 ช.ม. ต่อวัน หรือถูกขู่และโดนทำร้ายร่างกาย เหยื่อจำนวนหนึ่งในภาคการประมงไม่สามารถกลับบ้านได้เพราะต้องทำงานในสถานที่ที่โดดเดี่ยว ไม่ได้รับค่าจ้าง และไม่มีเอกสารระบุตัวตนที่จะเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดได้ ขณะที่ผู้ชาย เด็กหญิงและเด็กชาย จากประเทศไทย ลาว เวียดนาม และพม่า เป็นเหยื่อของการค้าประเวณีในประเทศไทย และประเทศไทยยังถูกใช้เป็นประเทศทางผ่านของเหยื่อการค้าประเวณีและแรงงานจากจีน เวียดนาม บังกลาเทศและพม่า เพื่อไปสู่อีกหลายประเทศเช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย รัสเซีย เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรปตะวันตก

 

แนะรีบลงโทษพวกค้ามนุษย์

นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอแนะต่อการแก้วิกฤตค้ามนุษย์ของไทย โดยระบุว่าควรดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ และลงโทษผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง เพิ่มมาตรการการลงโทษให้ครอบคลุมถึงผู้จัดหาการค้าประเวณี ผู้บังคับให้ลูกหนี้ขัดดอก และบังคับใช้แรงงาน สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการค้าแรงงานผิดกฎหมายและการบังคับให้ขัดดอกแก่เจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย 

จัดตั้งอัยการเฉพาะทางเพื่อดูแลตรวจสอบคดีการค้ามนุษย์โดยตรง เพิ่มความพยายามในการระบุตัวตนผู้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมค้ามนุษย์ในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยง แรงงานต่างด้าว ผู้ลี้ภัย บุคคลในกระบวนการค้าประเวณี และบุคคลไร้สัญชาติ

เพิ่มการฝึกอบรมแก่ตำรวจน้ำและกองทัพเรือเพื่อตรวจจับขบวนการค้ามนุษย์ที่ลักลอบกระทำอาชญากรรมทางทะเล ปรับปรุงให้ระบบตรวจสอบมีความสอดคล้องต่อเหยื่อการค้ามนุษย์ ทั้งการระบุตัวบุคคล ตรวจคัดกรอง ขั้นตอนการสัมภาษณ์ รวมถึงให้ความสำคัญกับสิทธิและความปลอดภัยของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ

 

ปกป้องสวัสดิภาพแรงงาน

ตรวจสอบและปรับปรุงระบบการจัดหางานสำหรับแรงงานต่างด้าว เพิ่มบริการล่ามในหน่วยงานรัฐเพื่อปกป้องสวัสดิภาพของแรงงานต่างด้าว ผู้ลี้ภัย และผู้ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ เพิ่มศักยภาพในการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลด้วยการฝึกฝนผู้บังคับใช้กฎหมายทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ

ยุติการดำเนินคดีทางอาญากับนักวิจัยหรือผู้สื่อข่าวที่เปิดเผยกรณีค้ามนุษย์ สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้ภาคประชาสังคมแข็งแกร่งและให้ความร่วมมือในการต่อต้านการค้ามนุษย์ อนุญาตให้เหยื่อกระบวนการค้ามนุษย์ที่บรรลุนิติภาวะสามารถทำงาน ท่องเที่ยว และอาศัยอยู่นอกค่ายเหยื่อผู้ค้ามนุษย์ที่ทางการไทยจัดหาได้

ผลักดันให้เหยื่อค้ามนุษย์ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบ และดำเนินคดีผู้กระทำผิด รวมถึงให้ทางเลือกที่ชอบด้วยกฎหมายแก่เหยื่อค้ามนุษย์ต่างด้าวแทนการเนรเทศไปประเทศที่ 3 ซึ่งอาจทำให้กลุ่มคนเหล่านี้เผชิญกับความยากลำบาก 

 

จ่อลงโทษซ้ำใน 90 วัน

จัดตั้งหน่วยงานบริการเฉพาะทางสำหรับเหยื่อค้าประเวณีที่เป็นเยาวชน สร้างความตระหนักในการต่อต้านการค้ามนุษย์โดยตรงต่อเจ้าของธุรกิจและผู้ใช้บริการค้าประเวณี รวมถึงนักท่องเที่ยวในกลุ่มเซ็กซ์ทัวร์ เพิ่มความพยายามในการลดความต้องการแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย เพิ่มความร่วมมือในการปราบปรามการค้ามนุษย์กับประเทศในภูมิภาค ปรับเปลี่ยนสถานะแรงงานต่างด้าวให้ถูกต้องตามกฎหมาย และเพิ่มนโยบายแรงงานต่างด้าวเพื่อลดความเสี่ยงของการค้ามนุษย์

ด้านเอพีรายงานว่า ผลจากรายงานดังกล่าวจะให้เวลา 90 วันแก่ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐ เพื่อตัดสินใจว่าจะดำเนินมาตรการแซงก์ชั่น หรือลงโทษต่อรัฐบาลในกลุ่มเทียร์ 3 อย่างไร ประธานาธิบดีอาจระงับความช่วยเหลือต่างๆ หรือถอนการสนับสนุนการให้เงินกู้แก่ประเทศเหล่านี้จากธนาคาร โลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ แต่ปกติแล้วสหรัฐจะไม่แตะในประเด็นความมั่นคง โดยเฉพาะในกรณีของไทยและมาเลเซียที่ปีก่อน สหรัฐยังมองว่าเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญในเอเชีย

 

ไทยแถลงไม่เห็นด้วย

ขณะเดียวกันสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงวอชิงตัน ออกแถลงการณ์ว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการถูกจัดอันดับอยู่ในกลุ่มเทียร์ 3 และว่าการประเมินผลนี้ไม่ได้สะท้อนข้อเท็จจริง และล้มเหลวที่จะให้ความสำคัญต่อความพยายามของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาในทุกด้านตลอดปีที่ผ่านมา

ด้านนายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผยถึงท่าทีประเทศไทยต่อการประกาศ ทิป รีพอร์ต ของสหรัฐ ว่า ผลการจัดอันดับให้ประเทศไทยอยู่ในระดับเทียร์ 3 ซึ่งไม่สะท้อนความพยายาม และความก้าวหน้าในการดำเนินการต่อต้านการค้ามนุษย์ของไทยที่เกิดขึ้นจริงในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งมีก้าวหน้าอย่างมากในหลายด้าน

 

ยันมุ่งมั่นเดินหน้าแก้ค้ามนุษย์

นายเสขกล่าวว่า โดยตั้งแต่รัฐบาลปัจจุบันเข้าปฏิบัติหน้าที่เมื่อส.ค. 2557 รัฐบาลได้ ปฏิรูปการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ทั้งระบบส่งผลให้เกิดความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมในทุกๆ ด้าน เช่น (1) ด้านนโยบาย รัฐบาล ได้ประกาศย้ำให้การต่อต้านการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติและจัดตั้งกลไกระดับชาติซึ่งมีนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้ามาร่วมขับเคลื่อน มีการแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบ ที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ โดยเฉพาะพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (2) ด้านการบังคับใช้ กฎหมาย มีการทลายเครือข่ายผู้กระทำผิดค้ามนุษย์รายสำคัญ มีการจับกุม ดำเนินคดีและลงโทษเจ้าหน้าที่ ระดับสูงซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ 

(3) ด้านการป้องกัน มีการแก้ไขและจัดระเบียบแรงงานในภาคประมง รวมถึงการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวจำนวนกว่า 1.6 ล้านคนให้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย เช่นเดียวกับคนไทย และแก้ปัญหาที่ต้นทางโดยลดความเสี่ยงที่แรงงานเหล่านี้จะตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์และการถูกเอาเปรียบ (4) ด้านการคุ้มครอง การเพิ่มประสิทธิภาพการคัดแยกและการดูแลคุ้มครองผู้เสียหาย (5) ด้านความร่วมมือและการสร้างความเป็นหุ้นส่วน ประเทศไทยได้มีบทบาทนำทั้งในกรอบทวิภาคีและภูมิภาค ในการป้องกันแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์บนพื้นฐานของหลักสิทธิมนุษยชนและความมั่นคง อย่างไรก็ดี รัฐบาลไทยยังคงมุ่งมั่นดำเนินการต่อต้านการค้ามนุษย์อย่างจริงจังต่อไป เพื่อความมั่นคงและมนุษยธรรม พร้อมกับเพิ่มพูนความร่วมมือกับภาคเอกชนและภาคประชาสังคม ตลอดจนขยายความร่วมมือกับประเทศและองค์การระหว่างประเทศต่อไป 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!