WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

111


โต้ล้วงกมธ. 'นายก'ยันไม่จุ้นร่างรธน. 
ชี้ภาษีบาปต้องโปร่งใส ยินดีทูตสหรัฐคนใหม่ 'เสธ.อู้'แจงปมตัดสิทธิ์ 'ปู'โดนแบนตลอดชีวิต

      'บิ๊กตู่'โต้ล้วงลูกกมธ.ร่างฯ ยันไม่มี-เป็นเรื่องอ้างกันไปมา สอนอย่าแบ่งพวกเชียร์ชี้ 'ภาษีบาป'ต้องทำให้โปร่งใส 'วิษณุ'รับจะไปถามพรรคพวก ใครแทรกแซงกมธ. กรรมาธิการลั่นไม่รู้สึกกดดัน เผย 10 ส.ค.นี้ เคาะที่มาส.ว. เสธ.อู้ยันตัดสิทธิ์การเมือง ตามมาตรา 111 (15) 'ปู' ต้องโดนตลอดชีวิต สปช.จี้'ไพบูลย์ นิติตะวัน'แจงปฏิรูปก่อนให้ชัด ตอกอย่าพูดลอยๆ ให้ขัดแย้ง หมอชนบทยื่นจี้ ตั้งกก.สอบวินัยปลัดสธ.


วันที่ 08 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9019 ข่าวสดรายวัน

ของขลัง - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ โชว์ลูกประคำ "น้ำตาพระศิวะ" ของประเทศอินเดีย ซึ่งมีพระสงฆ์ส่งมาให้ทางไปรษณีย์ จึงนำมาสวมใส่ข้อมือ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำงาน ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 


'บิ๊กตู่'ปัดกดดันกมธ.ยกร่างฯ
      เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าข้าราชการและ เจ้าหน้าที่ ตื่นเต้นกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่พบว่ามีเห็ดสีขาวขนาดเล็กขึ้นเรียงแถวกันคล้ายรูปหัวใจบริเวณสนามหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงพากันถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก จากนั้นในช่วงสายเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลได้ทำความสะอาดสนามหญ้าและเก็บเห็ดดังกล่าวออกไปจากบริเวณสนามเพื่อความสวยงาม ทั้งนี้บริเวณสนามหญ้าพบดอกเห็ดขึ้นเป็นระยะโดยสันนิษฐานว่ามาจากปุ๋ยคอกที่นำมาใส่สนามหญ้า
     พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ ระบุว่าคสช.เข้ากดดันการทำงานว่า "ผมยืนยันว่าไม่มีเรื่องนี้ สิ่งที่ไปพูดกันเป็นเรื่องการอ้างกันไปมา ผมบอกไปแล้วและส่งข่าวไปแล้วว่าอะไรที่ไม่ได้ออกจากปากผมเป็นเรื่องของพวกท่าน ท่านก็ว่ากันไป"

วอนอย่าแบ่งพวกเชียร์
       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ไม่อยากให้เป็นเรื่องความขัดแย้ง ถ้ารัฐธรรมนูญดีสมควรจะผ่านก็ผ่านไป และต้องไปทำประชามติกับประชาชนอีก ส่วนจะผ่านหรือไม่ก็ยังไม่ทราบ อย่าไปมองว่าต้องผ่านให้เร็วหรือให้ช้า หรือผ่านเร็วเพื่อจะได้เลือกตั้ง แต่หลายคนบอกว่ายังไม่อยากให้เลือกตั้งอีก หลายคนก็บอกว่าที่ช้าเพราะอยากให้ตนอยู่ในตำแหน่งต่อ ก็กลายเป็น 2 พวกขึ้นมาอีก ไม่อยากให้มีการทะเลาะกันและแบ่งเป็น 2 พวกอีก ดังนั้นทุกๆ ฝ่ายไม่ว่าจะเป็นการเมืองทั้งเก่าและใหม่ ภาคเอกชนก็ต้องเข้ามาช่วยกันดู 
    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ช่วงนี้เป็นช่วงของการเตรียมการเพื่อลงประชามติ ถ้า วันนี้ยังโต้เถียงกันอยู่ก็จะขาดความน่าเชื่อถือ และขอร้องว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่าเอาตนเข้าไปเกี่ยวข้อง ที่สำคัญสิ่งที่ทำวันนี้ไม่ใช่เพื่อตน แต่เพื่อคนไทยในวันข้างหน้า วันนี้ตนโดนด่า ทุกวัน เข้าใจดีเพราะรายได้ทุกวันนี้อาจน้อยลง แต่ก็น้อยลงทุกที่ ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเงินจากไหนมาอุดหรือมีเงินฝังดินอยู่ตรงไหน

ชี้'ภาษีบาป'ต้องทำให้โปร่งใส
     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงข้อเสนอให้แก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในส่วนของการคลังและงบประมาณว่าด้วยการใช้เงินของกองทุนสนับ สนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย(ไทยพีบีเอส) และกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ จากภาษีสุราและยาสูบว่า เรื่องสื่อตนไม่คิดไปตัดเงินเขาเลย เพียงแต่ทำให้โปร่งใสว่าจะทำอย่างไร หามาตรการแล้วไปคิดกันมา ทั้งไทยพีบีเอสและสสส.ซึ่งได้ให้หน่วยงานไปตรวจสอบความโปร่งใสข้าง ในอยู่ เป็นการตรวจสอบตามปกติที่ทุกหน่วยงาน ทุกกองทุนต้องมีการตรวจสอบ จะให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.)เข้าไปดู ยืนยันไปตรวจสอบไม่ได้ไปกลั่นแกล้ง การไปตรวจสอบเพื่อทำให้มันถูก เรื่องนี้สำนัก งานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ตรวจสอบอยู่แล้ว 
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ไม่ใช่เพราะตนไปเกลียดเขาเป็นการส่วนตัว จะไปทำอะไรให้ประชาชนเกิดความเข้าใจอย่างไรก็ทำไป แต่อะไรที่มันขัดแย้งมากๆ ก็ขอร้อง ขอความร่วมมือเขา วันก่อนกรมประชาสัมพันธ์รายงานว่าจากที่ตนขอความร่วมมือทุกช่องทุกสถานีนำภาพภูเขาหัวโล้นไปออกอากาศ ทุกสถานีเขาทำหมด ยกเว้นไทยพีบีเอส เพราะเขาบอกว่าไม่ตรงตามนโยบายของเขาก็ไปว่ากันเอง ไม่รู้นโยบายเขาว่ายังไง 
   ผู้สื่อข่าวจึงพูดขึ้นมาว่า 'เป็นเวทีสาธารณะ'พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้าเป็นเวทีสาธารณะคือสาธารณะทุกเรื่องใช่ไหม ตนไม่ได้บังคับ แค่ขอความร่วมมือ ตนบังคับสื่อไม่ได้ ญาติผู้ใหญ่ทั้งนั้น ไปบังคับให้สื่อเขียนเชียร์ไม่ได้อยู่แล้ว เขียนตามความเป็นจริง เขียนตามเหตุผล

ชี้อย่าไปสน'ถอดยศแม้ว'
     เมื่อถามถึงการถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีความคืบหน้าแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังทำงานกันอยู่ ต้องมีขั้นตอนของเขา ก่อนหน้านี้พูดเร็วกันไปหน่อยว่าจะทำได้ แต่ในความจริงต้องมีคณะกรรมการตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งตนมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมไปติดตามเรื่องดังกล่าว และไม่ว่าจะถอดถอน วันนี้หรือวันไหนก็เหมือนกัน เพราะวันนี้เขาก็กลับมาประเทศไทยไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าถอดได้ก็ถอดเท่านั้นเอง อย่าไปให้ความสำคัญในเรื่องที่จะทำให้เกิดปัญหาต่อการบริหารราชการแผ่นดิน หน่วยงานที่เกี่ยว ข้องต้องทำออกมาให้เกิดความถูกต้องชอบธรรม ไม่มีความขัดแย้ง ไม่ใช่ทำเพราะกลัว ถ้ากลัวจะมายืนอยู่อย่างนี้ได้อย่างไร 
     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า อย่าไปให้ความสำคัญกับเรื่องที่มันจบไปแล้ว เรื่องจบไปแล้วก็ไปใช้กฎหมายว่ามาตามขั้นตอน จะผิดหรือถูกก็ต้องเชื่อในกระบวนการยุติธรรม เราตัดสินเองไม่ได้ คนไทยอย่าใช้ความรู้สึกมากนักในขณะนี้ ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่เราต้องมีสติในการคิดและเชื่ออย่างมีเหตุมีผลในการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้ง เพราะเป็นอนาคตของทุกคน อย่าตัดสินด้วยหัวใจเราต้องตัดสินด้วยสมองและปัญญา ทุกอย่างถึงจะเดินหน้าต่อไปได้ สื่อก็ต้องช่วยตนด้วย

บ่นเสียดายค่าโง่คลองด่าน
    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) จ่ายค่าเสียหายให้แก่กลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอส ผู้ก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียคลองด่านเป็นเงิน 9,618 ล้านบาทว่า ก็เป็นบทเรียนต้องเสียเงิน เขาฟ้องมานานแล้วก็ต่อรองลดไปเยอะแล้ว รัฐบาลนี้ก็ต่อรองลดไปเยอะไม่อย่างนั้นดอกเบี้ยมากกว่านี้ ได้ให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีไปดูแลจนถึงนาทีสุดท้าย ลดมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เสียดายไหมแทนที่จะใช้ประโยชน์ได้ตอนนี้ก็พังหมดแล้ว ถ้าจะเอาไปใช้ประโยชน์ไม่รู้ว่าจะเสียเงินอีกเท่าไร คุ้มค่าหรือเปล่าไม่รู้ 
    ผู้สื่อข่าวรายงานระหว่างให้สัมภาษณ์บริเวณทางเชื่อมตึกไทยคู่ฟ้าและสันติไมตรี ขณะจะเดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ผู้สื่อข่าว ถามถึงสร้อยข้อมือที่พล.อ.ประยุทธ์ใส่ ซึ่งมีลักษณะเป็นลูกประคำสีน้ำตาลเข้มที่เรียกกันว่า "น้ำตาพระศิวะ" โดยพล.อ.ประยุทธ์ถอดสร้อยข้อมือให้สื่อมวลชนดู พร้อมบอกว่า "ไม่รู้ เจ้าพระคุณท่านที่ไปทำบุญที่ประเทศอินเดียให้มา ท่านบอกว่าฝากมาให้นายกฯใส่ เป็นการใส่ซองส่งไปรณีย์มาให้ เพิ่งได้เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ก็ใส่หน่อย ใส่แล้วปลอดภัยแคล้วคาด เมื่อถามว่านายกฯชอบของขลังใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "มันอยู่ที่ความดี อันนี้ใส่เป็นกำลังใจให้ตัวเอง ซึ่งตนมีกำลังใจทุกวันอยู่แล้ว 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ใส่แล้วอยู่ต่ออีก 3 ปี หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า 'โธ่' ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที

 

ออกทีวีย้ำไม่ต่อท่ออำนาจ
    ช่วงค่ำ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติตอนหนึ่งว่า ไม่อยากให้ทุกคนกังวลกับคำว่า คสช. รัฐบาล อยากอยู่ต่อ หรือต่อท่ออำนาจอะไร ตนไม่มีความอยากตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว อยากจะเรียนซ้ำอีกครั้ง เพียงแต่ต้องการให้ช่วยกันคิดว่าที่เราอยากมีประชาธิปไตยที่ยั่งยืนนั้นต้องช่วยกันอย่างไร ทำอย่างไรรัฐธรรมนูญฉบับถาวรควรเป็นอย่างไร เพื่อจะให้รัฐบาลที่จะมาบริหารประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ได้ปฏิรูป และเดินตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ร่างไว้ได้หรือไม่ แล้วก็ทำอย่างไรที่รัฐบาลใหม่จะใช้อำนาจในการบริหารอย่างชอบธรรม มีธรรมาภิบาล ไม่อยากให้มาไล่ล่ารัฐบาลในเวลานี้ เพราะเราติดปัญหาเยอะแยะไปหมด เราต้องการทำงานให้เสร็จรวดเร็ว
    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า หากว่ามีความขัดแย้ง ไม่สงบ ต่อต้านทุกเรื่องไป รัฐบาลนี้ก็ทำทุกอย่างให้ก้าวหน้าไปไม่ได้ ก็จะติดอยู่ที่เก่า ตนไม่อยากจะใช้เวลาให้มากไปเรื่อยๆ พยายามจะทำให้พร้อมโดยเร็ว ถ้ายังขัดแย้งกันอยู่แบบนี้ไม่ได้ ถ้าถือคำพูดทุกคำพูดมาตอบโต้กันไม่มีวันจบ งานก็เดินไม่ได้ด้วย ประชาชนก็ไม่เข้าใจเพราะหวาดกลัว หวาด ระแวง ไม่ไว้ใจใครสักคน ตนไม่เคยมีความขัดแย้งกับคำว่าประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยที่ดีควรต้องทำให้ประเทศไทยปลอดภัย มีอนาคต มีความเข้มแข็งเพียงพอกับการต้องเผชิญกับสภาวะแวดล้อม ปัจจัยทั้งภายใน ภายนอกประเทศ เราจะต้องไม่ไปติดกับดักประชาธิป ไตยอย่างที่เคยประสบกันมาแล้วไม่รู้จบ ไม่ ต่ำกว่า 80 ปีที่ผ่านมา 

วอนฟังเสียง'สนช.-สปช.'บ้าง
      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า การทำงานที่ผ่านมามีการสื่อสารระหว่างคสช., สนช., สปช., กับรัฐบาล ตลอดเวลาทุกเรื่องที่คสช.และรัฐบาลทำนั้น เราจะส่งไปให้ทางสนช. สปช.ทราบว่าเราทำอะไรไปแล้วบ้าง กำลังคิดอะไรอยู่ ก็เพื่อให้สปช.ไปคิด นำไปดำเนินการต่อ พิจารณาเพิ่มเติม แล้วก็จัดลงในแผนปฏิรูปเพื่อจะให้รัฐบาลหน้าดำเนินการต่อไป
    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า อยากชี้แจงให้เข้าใจการแสดงความคิดเห็นของสนช., สปช., คณะกมธ.ต่างๆ นั้น มีหลากหลาย มีอิสระ มีผู้ทรงคุณวุฒิทั้งสิ้น ต้องลองฟังดูแล้วกัน ก็ทนฟังสภาหลายสภามานานแล้วก็ลองฟังดูบ้าง ตนไม่อยากเข้าไปจำกัดความคิดเขา ก็หวังดีกันทุกคน หลายกฎหมายที่ส่งไปจากครม.ก็ต้องผ่านกมธ.อีกครั้งหนึ่ง มี 3 วาระในสนช.ไม่ใช่ครม.พิจารณาแล้วส่งไปแล้วประกาศใช้กฎหมายได้เลย

จี้รบ.แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร
     พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมเปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ที่ประสบอุบัติเหตุที่บ้านพักและได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้อาการดีขึ้น และจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติในสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป
    ที่ศูนย์บริการประชาชน บริเวณสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) กลุ่มนักศึกษาเสียงคนหนุ่มสาว มหาวิทยาลัยรามคำแหง 65 คน นำโดยนายนันทพงศ์ ปานมาศ ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ ผ่านนายปิยะพงศ์ ไทยเสรีกุล นิติกรปฏิบัติการ ศูนย์บริการประชาชนฯ เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะสินค้าข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ผลไม้
   นายนันทพงศ์ กล่าวว่า สินค้าเกษตรตกต่ำส่งผลกระทบต่อเกษตรกรอย่างมาก ยังมีการแทรกแซงกลไกราคาสินค้าจากพ่อค้าคนกลางทำให้เกษตรกรถูกเอาเปรียบในเรื่องราคาที่เป็นจริง รวมถึงเกษตรกรส่วนใหญ่ยังประสบปัญหาภัยแล้งไม่สามารถทำการเกษตรได้ดีเท่าที่ควร ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการหามาตรการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำอย่างเร่งด่วน และตั้งคณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นในการวางระบบการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำอย่างยั่งยืนต่อไป สุดท้ายให้วางระบบการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรแบบบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐและประชาชนในพื้นที่

วิษณุ หาตัวคนกดดันกมธ.
     ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญบ่นถูกคสช.กดดัน การร่างรธน.ให้สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ต้องมาจากรูปแบบสรรหาอย่างเดียว ว่าไม่ทราบรายละเอียดและไม่รู้ที่มาที่ไป ไม่รู้จริงๆ ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ส่วนรัฐบาลเมื่อส่งความเห็นให้แก้ไขไปอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น ขณะนี้กำลังสอบถามเรื่องราวอยู่เพราะไม่รู้ด้วยว่ามีใครอยู่เบื้องหลังบ้าง ซึ่งกมธ.ยกร่างฯที่ออกมาให้ข่าวอาจมีข้อมูลอยู่ แต่จะพูดจริงหรือไม่ ตนไม่รู้ คาดว่าอีกสักพักก็อาจจะรู้ 
    เมื่อถามว่า รัฐบาลยื่นข้อเสนอให้มีส.ว.จากการสรรหาและเลือกตั้ง แต่เจตนาแท้จริงต้องการเพียงส.ว.สรรหาหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าไม่ทราบ รัฐบาลทำตามเอกสารที่ยื่นต่อกมธ.ยกร่างฯ ส่วนที่เป็นข่าวคงไม่ถึงขนาดต้องสืบหาตัวว่าใครเป็นผู้กดดันกมธ.ยกร่างฯ ไม่ต้องตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบ แต่จะสอบถามพรรคพวกหรือผู้ที่เกี่ยวข้องว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร 

ฟ้องแพ่งจำนำข้าว-สอบพยานอยู่
    นายวิษณุ กล่าวถึงการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งในคดีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า ทราบว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) อยากให้เร่งดำเนินการ ซึ่งรัฐบาลก็เร่งอยู่ ล่าสุดได้รับรายงานจากการเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมของพยานคนสุดท้ายที่เรียกมาสอบ ซึ่งพยานคนดังกล่าวทำหนังสือขอเลื่อนเข้าให้ปากคำ และที่ผ่านมามีพยานขอเลื่อนถึง 8 ราย ดังนั้นเพื่อความชัดเจนตามหลักธรรมาภิบาล จึงต้องรอสอบปากคำให้ครบ มิฉะนั้นจะเกิดข้อโต้แย้ง เป็นปัญหาในเชิงคดี ทั้งนี้ในชั้นอัยการมีการแนะนำในเรื่องดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตามบุคคลที่สอบไปแล้ว 8 ราย เป็นบุคคลในฝ่ายรัฐบาลแต่ไม่สามารถบอกได้ว่าได้สอบพยานรายใดไปแล้วบ้าง ขณะนี้เหลือการสอบบุคคลอีก 8 ราย 
     เมื่อถามว่าหากมีการฟ้องร้องจะไม่มีปัญหาเงินค่าธรรมเนียมวางศาลใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าไม่มี รัฐบาลมีเงินเพียงพอ แต่ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบว่าจะเรียกค่าเสียหายแต่ละบุคคลเท่าใด เพราะเกี่ยวข้องกับเงินค่าวางศาลด้วย ไม่ใช่จะฟ้องเป็นหมื่นล้านแสนล้านโดยคิดว่าไม่เป็นอะไรไม่ได้

เสธ.อู้ ยันตัดสิทธิ์'ปู'ตลอดชีวิต
      ที่รัฐสภา พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวปฏิเสธกรณีกมธ.ยกร่างฯหารือถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯที่ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ตามฐานความผิดละเลยไม่ยับยั้งการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว อาจลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ได้หลังพ้นกำหนดถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีว่า มาตรา 111 (15) ของร่างรัฐธรรมนูญยังกำหนดเหมือนเดิมคือ ผู้ที่เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งใน 4 ฐานความผิดจะถูกห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต ซึ่งยังคงเจตนา รมณ์ตามเดิมที่กมธ.ยกร่างฯเคยประชุมนอกสถานที่ที่พัทยา จ.ชลบุรี ยืนยันว่ากมธ.ยกร่างฯไม่เคยหารือในระหว่างบันทึกเจตนารมณ์เป็นรายมาตราในมาตรา 111 โดยหยิบยกตัวบุคคลขึ้นมาหารือ


ขอขมา - นายธนา ทุมมานนท์ อ่านแถลงการณ์ขอโทษนายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ประธานบริหารบริษัทโซลูชั่น คอนเนอร์ 1998 จำกัด หรือเอสแอลซี กรณีโพสต์เฟซบุ๊กกล่าวหาเป็น กลุ่มทุนตระกูลชินวัตร จ้องฮุบธุรกิจสื่อดิจิตอล ที่หน้าศาลอาญารัชดาฯ เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 


      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาตรา 111 กำหนดบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งส.ส. โดยการประชุมกมธ.ยกร่างฯนอกสถานที่ กำหนดใน (15) ห้ามบุคคลเคยถูกถอดถอน ใน 4 ฐานความผิด 1.ร่ำรวยผิดปกติ 2.ส่อทุจริตหน้าที่ 3.ส่อทำผิดตำแหน่งราชการ 4.ส่อทำผิดหน้าที่ยุติธรรม จะถูกห้ามสมัคร ส.ส.ตลอดไป ซึ่งเป็นการกำหนดให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว ปี 2557 มาตรา 35 (4) ขณะที่มาตรา 111 (14) จะกำหนดให้ ผู้ที่อยู่ระหว่างต้องห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามมาตรา 247 หรือถูกถอดถอนเหตุมาจากจงใจใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย และประพฤติผิดจริยธรรมร้ายแรง จะห้ามสมัครส.ส.เป็นเวลา 5 ปี 

 

กมธ.ลั่นไม่กดดันถูกบีบ
      น.ส.สุภัทรา นาคะผิว โฆษกกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญเปิดเผยว่า ในวันที่ 10-11 ส.ค.นี้ กมธ.ยกร่างฯจะนำประเด็นที่ค้างการพิจารณาและประเด็นที่มีการเรียกร้องให้ปรับแก้ไขมาหารือใหม่ โดยเริ่มต้นจากประเด็นที่มาส.ว. ต่อด้วยสัดส่วนของโครงสร้างคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง และประเด็นการจัดเก็บและจัดสรรภาษีเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ ทั้งนี้ ประเด็นที่มาส.ว.ที่มีข่าวว่าคสช.ต้องการให้มีส.ว. สรรหาอย่างเดียวนั้น ยืนยันว่ากมธ.ยกร่างฯไม่ได้เกิดความรู้สึกกดดันหรืออึดอัดในการทำงานแต่อย่างใด เนื่องจากการพิจารณาไม่ว่าจะเป็นมาตราใดก็ตาม ได้พิจารณาตามที่ผู้ยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมเสนอเข้ามา โดยประเด็นที่มาส.ว.นั้น เราได้ปรับแก้ไขตามคำขอของครม. ที่เสนอให้ที่มาส.ว.มาจากการเลือกตั้ง 77 คน และมาจากการสรรหา 123 คน
     น.ส.สุภัทรา กล่าวต่อว่า เข้าใจว่าขณะนี้การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญกำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการดำเนินการแล้ว จึงทำให้มีประเด็นต่างๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก โดยหลักการพร้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย แต่ต้องฟังอย่างมีสติด้วยความรอบคอบ การพูดอะไรของสปช.ต้องมีเหตุผล ส่วนที่มีข่าวว่ากมธ.ยกร่างฯได้หยิบยกกรณีคุณสมบัติการลงสมัครรับเลือกตั้งของน.ส.ยิ่งลักษณ์มาหารือในช่วงการพิจารณาบันทึกเจตนารมณ์เป็นรายมาตรานั้น ไม่เป็นความจริง เรา พิจารณาเฉพาะข้อกฎหมายเท่านั้น
      นายไพบูลย์ นิติตะวัน กมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า เท่าที่หารือกับสมาชิกกมธ.ยกร่างฯไม่เห็นมีใครรู้สึกอึดอัดกับการปรับแก้ไขประเด็นที่มาส.ว. ที่มีข่าวว่ารู้สึกอึดอัดน่าจะเป็นความเห็นส่วนตัวของกมธ.ยกร่างฯบางคนเท่านั้น 

10 ส.ค.ยกร่างที่มาส.ว.
       นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นที่มาส.ว. จะนำมาพิจารณาทบทวนในวันที่ 10 ส.ค.นี้ ซึ่งประเด็นส.ว.จะต้องได้ข้อยุติในวันดังกล่าวแน่นอน หลังจากพิจารณาประเด็นที่ค้างการพิจารณาครบแล้ว ในวันที่ 13-14 ส.ค.นี้ กมธ.ยกร่างฯ จะตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา ความถูกต้องและความเรียบร้อยของร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับให้เสร็จ และในวันที่ 17-19 ส.ค.นี้ กมธ.ยกร่างฯจะเชิญผู้ยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 9 กลุ่มมารับฟังเหตุผลในการปรับแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ
     นายไพบูลย์ กล่าวถึงการทักท้วงกรณีที่บทเฉพาะกาลร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 281 วรรคสี่ กำหนดให้ไทยพีบีเอส สสส. สามารถใช้ภาษีบาปไปได้อีก 4 ปี ว่าจากการทักท้วงของหลายฝ่าย กมธ.ยกร่างฯก็เข้าใจปัญหาที่ไปจำกัดระยะเวลาในการรับภาษีบาปขององค์กรดังกล่าวในเวลา 4 ปี ซึ่งกมธ.หลายคนต้องการที่จะให้ยกเลิกการกำหนดระยะเวลารับภาษีบาปออกไป แต่สุดท้ายการแก้ไขจะออกมาในรูปแบบใด ขึ้นอยู่กับที่ประชุมของ กมธ.ยกร่างฯในวันที่ 11 ส.ค.นี้ 

สปช.จี้ไพบูลย์พูดปฏิรูปให้ชัด
      ที่รัฐสภา นายบุญเลิศ คชายุทธเดช นายนิมิต สิทธิไตรย์ สมาชิกสปช. ร่วมกันแถลงเรียกร้องให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสปช. และสปช. 22 คนที่เข้าชื่อเสนอญัตติให้ทำประชามติว่าควรปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง 2 ปี ว่าขอให้อธิบายให้ชัดเจนเป็นรูปธรรมว่าการปฏิรูป 2 ปีหมายถึงอะไร รัฐบาล สนช. คสช. หน่วยงานรัฐ และองค์กรตามรัฐธรรมนูญจะต้องทำอะไรบ้าง ขณะเดียวกันสภาขับเคลื่อนปฏิรูปที่จะรับช่วงต่อจากสปช.จะต้องทำอะไร ใช้เวลาเท่าไร รวมถึงประชาชนจะเกี่ยวข้องกันแบบไหน และประชาชนจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง 
    "การพูดลอยๆ โดยไม่อธิบายทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่าการเลือกตั้งจะถูกทอดเวลาให้ล่าช้าออกไป 2 ปี รัฐบาลและสนช.ก็จะอยู่ไปอีก 2 ปี รัฐบาลจะถูกวิพากษ์วิจารณ์โจมตีว่าต้องการอยู่ในอำนาจนานๆ กลายเป็นประเด็นทางการเมืองที่เกิดความขัดแย้ง ถกเถียงกันอีก" นายบุญเลิศกล่าว

'ปึ้ง'โต้ปปช.ปมคุณสมบัติ'ภักดี'
     นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรอง นายกฯ และรมว.ต่างประเทศกล่าวว่า กรณีที่ป.ป.ช.ชี้แจงต่อที่ประชุมสนช.เรื่องคุณสมบัติของนายภักดี โพธิศิริ กรรมการป.ป.ช. โดยระบุว่า ตนเคยยื่นฟ้องเรื่องนี้ต่อศาลและศาลได้ยกฟ้องไปแล้วนั้น ความจริงคือศาลไม่รับฟ้อง เพราะศาลเห็นว่าไม่ใช่หน่วยงานอย่างวุฒิสภา ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาคุณสมบัติกรรมการป.ป.ช. และขณะนี้ได้ยื่นเรื่องต่อศาลอุทธรณ์ โดยมอบอำนาจให้นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยดำเนินการแทน 
    นายสุรพงษ์กล่าวว่า ส่วนที่ป.ป.ช.ชี้แจงว่าเคยยื่นให้ส.ว.พิจารณาคุณสมบัตินายภักดีมาแล้วในอดีตนั้น ถือเป็นกรณีน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเคยยื่นเรื่อง คือการเป็นกรรมการของบริษัท ไทยฟาร์มาซูติคอล เด็กซ์โทรส จำกัด ทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นกรรมการป.ป.ช. หรือไม่ เพราะไม่ได้ลาออกตามเวลาที่กฎหมายกำหนด ต่างกับกรณีของตนที่ยื่นให้ตรวจสอบคุณสมบัติ เนื่องจากไม่ได้ลาออกจากกรรมการบริษัท องค์การเภสัชกรรม เมอร์ริเออร์ ชีววัตถุ จำกัด ภายในเวลา 15 วันตามที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นคนละบริษัทกัน

ธนารับ'เอสแอลซี'ไม่เกี่ยวแม้ว
    เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 ส.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดา นายธนา ทุมมานนท์ ได้อ่านแถลงการณ์ผลการไกล่เกลี่ยต่อนายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ 1998 จำกัด (มหาชน) หรือเอสแอลซีในคดีที่เขียนเฟซบุ๊กระบุ กลุ่มทักษิณพยายามครอบงำบริษัทสื่อต่างๆ และทีวีดิจิตอลอีกหลายช่อง และบริษัทเอสแอลซีก็เป็นนอมินี หรือตัวแทนเชิดของกลุ่มชินวัตร 
     "ตนได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้วทราบว่า ข้อความดังกล่าวของตนในเฟซบุ๊กไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อความที่ว่า เอสแอลซีเป็นหุ้นกลุ่มตระกูลชินวัตร เป็นข้อความเท็จโดยสิ้นเชิง และได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงของเอสแอลซี ตนและทีมงานต้องขออภัยต่อเรื่องดังกล่าว จึงมาชี้แจงผ่านสื่อมวลชน เพื่อให้สังคมรับทราบรวมทั้งขออภัยต่อเอสแอลซีด้วย"
        หลังจากแถลงการณ์เสร็จ นายอารักษ์ได้เดินเข้ามาที่ศาลเพื่อถอนฟ้องนายธนา ในคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

'บิ๊กตู่'ลั่นนานาชาติเข้าใจไทย
      เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดให้นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก นำคณะผู้แทนประจำยูเอ็นเข้าเยี่ยมคารวะ ก่อนที่นายกฯจะเดินทางไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญประจำปี 2015 ที่ประเทศสหรัฐ ในเดือนก.ย.นี้ จากนั้นเปิดให้คณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน (US-ASEAN Business Council :USABC) เข้าหารือเกี่ยวกับการค้าการลงทุนในประเทศไทย 
     พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์หลังหารือว่า นักธุรกิจอเมริกา 50-60 บริษัท ที่ลงทุนในไทยที่มาพบถือเป็นประเทศที่มาลงทุนในไทยอันดับสอง ประเทศญี่ปุ่นเป็นอันดับหนึ่ง วันนี้กลุ่มที่มาพบรวม 5 กลุ่มพร้อมจะร่วมลงทุนในไทยในโอกาสต่อไปโดยเร็ว และได้พูดให้เข้าใจสถานการณ์การเมือง ก็บอกไปว่าเรากับอเมริกาเป็นมิตรกันมายาวนานถึง 180 ปี อย่างไรเราก็ต้องเป็นมิตรกัน จะย้ายประเทศหนีกันไม่ได้ ถ้าไม่ชอบตนก็ให้ลืมๆ ไป
    เมื่อถามถึงผลกระทบจากอันดับการปราบปรามการค้ามนุษย์ที่ไทยอยู่เทียร์ 3 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กลุ่มนักธุรกิจสหรัฐพูดถึงแต่ไม่ได้ให้ความสำคัญมากมายเพราะรู้ว่าเราแก้ปัญหาอยู่ 
    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับคณะผู้แทนประจำยูเอ็นกันมากพอสมควร ในประเด็นทางด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และด้านการแก้ปัญหาของยูเอ็น สถานการณ์โลกในปัจจุบัน และได้พูดถึงในเรื่องการเมืองของเรา ยืนยันในเจตนารมณ์ของเรา และเรื่องโรดแม็ปที่กำลังเดินอยู่ เขาก็เข้าใจหมด มีแต่ประเทศไทยที่ยังไม่เข้าใจอยู่ เขาได้ถามถึงเรื่องรัฐธรรมนูญอธิบายเรื่องปฏิรูปว่าจะเป็นอย่างไร เขาก็พอใจ วันนี้ต้องเดินหน้าประเทศให้ทุกประเทศไว้วางใจ ไม่ใช่แค่ประเทศใดประเทศหนึ่ง เราไม่สามารถที่จะเทไปข้างหนึ่งข้างใดมาก ในวันข้างหน้าก็จะต้องคบกันอีกแม้กระทั่งสหรัฐอเมริกา
    พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการที่วุฒิสภาสหรัฐอเมริกามีมติแต่งตั้งนายเกล็น ทาวน์เซนด์ เดวีส์ เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทยคนใหม่ เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า ยินดี ทางทูตก็บอกเองว่าอยากจะมา อยากให้รีบมาเร็วๆ ให้มาพบตนก่อน พร้อมจะคุยทำความเข้าใจกันก่อน ถ้าไปฟังที่อื่นมาแล้วไม่ฟังตนเลยมันก็จะไม่เข้าใจกันตั้งแต่ต้น 
     เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐจะดีขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ได้เสียอะไรกับเขา ไม่ได้ไปทำลายความสัมพันธ์กับเขา แต่เห็นใจเขาเพราะเขาเป็นประเทศที่เป็นแกนนำด้านประชาธิปไตยแบบตะวันตก ก็ต้องพูดแบบนั้น จะไปว่าอะไรเขาได้เพราะตนมาอย่างนี้ ก็ต้องแสดงให้เขาเห็นว่าเมื่อมาอยู่ตรงนี้ ตนทำและสร้างสรรค์อะไรบ้าง

หมอชนบทจี้สอบวินัยปลัดสธ.
      เมื่อวันที่ 7 ส.ค. นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมแพ จ.ขอนแก่น ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท และนพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จ.นครศรีธรรมราช และกรรมการชมรมแพทย์ชนบท เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนพ. รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข (สธ.) เพื่อทวงถามกรณีตั้งคณะกรรมการสอบสวน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง เหตุเพราะผลสอบเบื้องต้นมีมูล โดยมีนพ.สุเทพ เพชรมาก เลขานุการรมว.สธ. รับหนังสือแทน
     นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ชมรมได้ยื่นข้อมูลและหลักฐานต่อนพ.รัชตะ เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงนพ.ณรงค์ กรณีปฏิบัติราชการส่อผิดวินัย ซึ่งนพ. รัชตะได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นเมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา และผลการสอบเบื้องต้นพบว่ามีมูลข้อเท็จจริงตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค. แต่ยังไม่เห็นตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง หากรัฐมนตรีไม่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงจะเข้าข่ายละเว้น อย่างไรก็ดีจะนำข้อมูลที่ได้เพิ่มเติมไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบอีกทาง
    "การเรียกร้องให้สอบสวนดังกล่าว ไม่ได้ต้องการสร้างความแตกแยกให้สธ. แต่เป็นเรื่องของความโปร่งใสที่ต้องดำเนินการเพื่อความถูกต้อง ส่วนระยะเวลาในการสอบสวนนั้นไม่ได้จำกัด เพราะหากเกษียณไปแล้ว และมีผลว่าผิดวินัยร้ายแรงจริงก็สามารถเอาผิดย้อนหลังได้" นพ.เกรียงศักดิ์กล่าว
    นพ.อารักษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้อยากให้แยกคนละส่วนระหว่างการสร้างความปรองดองในกระทรวงกับเรื่องการตรวจสอบนพ.ณรงค์ เพราะเรื่องนี้เป็นธรรมาภิบาล และนพ.ณรงค์ชูเรื่องดังกล่าวมาตลอด ที่สำคัญไม่เพียงแต่นพ.ณรงค์เท่านั้น กรณีการสืบข้อเท็จจริงครั้งนี้ ยังมีนพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดสธ.ที่พ่วงเรื่องการใช้รถราชการเช่นกัน ติดตรงว่า ขณะนี้ปลัดสธ. มาดำรงตำแหน่งเต็มตัวแล้ว จะกล้าตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงนพ.วชิระ ด้วยหรือไม่ เพราะคนที่จะตั้งสอบได้ ต้องอาศัยอำนาจปลัดสธ. ใช้อำนาจรัฐมนตรีไม่ได้ เพราะไม่ได้ขึ้นตรง ดังนั้น ทางชมรมจะติดตามอีก 2-3 สัปดาห์นับจากนี้ว่าปลัดสธ.จะทำอย่างไรต่อไป

ปปช.เชิญ'จิตติพจน์'ให้การ'99 ศพ'
     เมื่อวันที่ 7 ส.ค. นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีที่นพ.เหวง โตจิราการ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ยื่นขอต่อป.ป.ช.ให้ดำเนินการสอบพยานเพิ่มเติมในส่วนของนายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ประธานคณะกรรมการเพื่อติดตามสถานการณ์บ้านเมือง ที่ตั้งโดยวุฒิสภา กรณีการสั่งสลายการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ.2553 ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่อยู่ระหว่างการถูกดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีถอดถอน ว่า ล่าสุดป.ป.ช.อยู่ระหว่างการรอให้นายจิตติพจน์ มาให้ถ้อยคำในคดีดังกล่าว คาดว่าจะมาภายใน 1-2 สัปดาห์นี้
    ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าภายในเดือนส.ค.นี้จะสามารถชี้มูลความผิดเรื่องนี้ได้หรือไม่ นายวิชากล่าวว่า แล้วแต่ว่าจะมีการขอให้สอบพยานเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เพราะมีผู้ที่อ้างมาอีกว่าตัวเองมีพยานที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้จำนวนมาก และคิดว่าพยานที่ป.ป.ช.สอบไปยังไม่เพียงพอ จึงอยากขอเพิ่มพยานเข้ามา เราก็ต้องพิจารณาว่าสมควรให้เพิ่มหรือไม่ ซึ่งขั้นตอนในส่วนนี้จะทำให้คดีล่าช้า แต่ถ้าไม่มีการขอเพิ่มพยานอีก ป.ป.ช.จะสามารถชี้มูลคดีนี้ได้เลย เพราะข้อมูลที่ป.ป.ช.สรุปไว้ก่อนหน้านี้เพียงพอแล้ว

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!