WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Aแตงลกเจแดง

 

บิ๊กต๊อกรับงาน ถอดยศแม้ว คนดังแห่ร่วม แต่งลูกเจ๊แดง

      'บิ๊กตู่'บินร่วมงานวันชาติสิงคโปร์วันนี้ 'บิ๊กโด่ง'เชื่อตั้งผบ.ทบ.คนใหม่ไม่ทำแตกสามัคคี ชี้ทุกคนมีสปิริตพร้อมเป็นอะไรก็ได้ตามที่ผู้บังคับบัญชาให้เป็น'บิ๊กต๊อก'รับบัญชานายกฯ เดินหน้าถอดยศทักษิณ ลั่นไม่หนักใจเพราะยึดมาตรฐานเดียวกัน คาดสิ้นเดือนส.ค.นี้รู้ผลสรุป'สมบัติ'ห่วงร่างรธน.ใหม่ล็อกนายกฯ มาจากคนนอก เตือนระวังซ้ำรอยเหมือนสมัยบิ๊กสุผู้พิพากษากังวล รธน.หมกเม็ดเรื่องอำนาจก.ต. สปช.นัด 11 ส.ค.ถกปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ หวังป้องกันการเมืองแทรกแซงตั้งผบ.ตร.เน้นอาวุโส งานแต่งลูก 'สมชาย-เจ๊แดง' อีกงานลูก 'นิกร' คึกคัก นักการเมืองแห่ร่วมอวยพรคับคั่ง


วันที่ 09 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9020 ข่าวสดรายวัน
แต่งหลาน - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ร่วมอวยพรงานวิวาห์นายยศชนัน บุตรนายสมชายและนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ กับ น.ส.นันทกานต์ ศิลป์เสวีกุล ที่ โรงแรมพลาซ่า แอท ธินีฯ เมื่อ 8 ส.ค.


"บิ๊กตู่"ร่วมงานวันชาติสิงคโปร์
        เมื่อวันที่ 8 ส.ค. พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าร่วมงานฉลองครบรอบ 50 ปี วันชาติสาธารณรัฐสิงคโปร์ ในวันอาทิตย์ที่ 9 ส.ค. พร้อมด้วยประมุข และผู้นำรัฐบาลจากนานาประเทศ อาทิ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ดยุกแห่งยอร์กแห่งสหราชอาณาจักร นายกฯ ราชอาณาจักรกัมพูชา นายกฯ นิวซีแลนด์ นายหลี่ หยวนเฉา รองประธานาธิบดีจีน เป็นต้น
      พล.ต.วีรชน กล่าวว่า การเข้าร่วมพิธี ดังกล่าวของนายกฯ เป็นไปตามคำเชิญ ของ นายกฯ สิงคโปร์ โดยนายกฯ เดินทางในฐานะผู้แทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และผู้แทนรัฐบาล เพื่อแสดงความยินดีกับรัฐบาลและประชาชนชาวสิงคโปร์ในโอกาสเฉลิมฉลองวันชาติสิงคโปร์และการครบรอบ 50 ปีการสถาปนาสิงคโปร์ ในวันที่ 9 ส.ค. ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงไมตรีจิตระหว่างมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยาวนาน โดยไทยถือเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศแรกที่รับรองความเป็นประเทศชาติของสิงคโปร์ และมีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสิงคโปร์ เมื่อเดือนก.ย.ปี 1965 หนึ่งเดือนให้หลังจากการประกาศความเป็นประเทศชาติ ซึ่งนายกฯ ออกเดินทางในช่วงเช้าวันที่ 9 ส.ค. จากท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 โดยเครื่องบินกองทัพอากาศและเดินทางกลับในค่ำวันเดียวกัน

รมต.เกาหลีเหนือเยือนไทย
      พล.ต.วีรชน กล่าวว่า สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสิงคโปร์นั้น มีความใกล้ชิดในระดับที่ดีมาก สิงคโปร์มีมุมมองในแนวเดียวกับไทยที่ให้ความสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของประชาคมอาเซียน เสริมสร้างดุลอำนาจทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมหาอำนาจในภูมิภาค ในระดับทวิภาคี ไทยกับสิงคโปร์ ไทยยังมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนทางความสัมพันธ์กับสิงคโปร์รอบด้าน รวมถึงการค้าและการลงทุน โดยสิงค์โปร์ยังเป็นประเทศผู้ลงทุนอันดับ 1 ของอาเซียนในประเทศไทย และเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทยในอาเซียน และอันดับ 5 ในโลก โดยภาคเอกชนสิงคโปร์มีความเชื่อมั่นในพื้นฐานและศักยภาพทางเศรษฐกิจไทยตลอดระยะเวลาช่วงหลายปีที่ผ่านมา
        พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 10 ส.ค. นายรี ซูยอง รมว. ต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หรือเกาหลีเหนือ จะเดินทางเยือนประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะความสัมพันธ์ไทยเกาหลีเหนือ มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งปีนี้ความสัมพันธ์ทางการทูต ครบรอบ 40 ปี โดยเมื่อเร็วๆ นี้ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าคณะไมตรี ของไทย ได้เดินทางไปเกาหลีเหนือ เพื่อมอบ ของขวัญแก่นายคิม จองอึน ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทยและเกาหลีเหนือ ทั้งนี้ไทยเป็นมิตรกับทุกประเทศและพร้อมเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ ไม่ใช่ว่าเราจะสนิทกับประเทศใดมากเกินไป แต่เรามีความจริงใจให้กับทุกประเทศ

'บิ๊กโด่ง'ลั่นทหารไม่แตกแยก
      ที่กรมการขนส่งทหารบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเสนอชื่อผบ.ทบ.คนใหม่ ขณะที่พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า มีผบ.ทบ.ในใจแล้ว ว่า การแต่งตั้งโยกย้ายถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อถึงรอบปีผู้ที่มีอายุครบเกษียณก็ต้องเกษียณอายุราชการออกไป ต้องมีการเตรียมการในการแต่งตั้งบุคคลต่อไป ซึ่งกองทัพมีหลักเกณฑ์ว่าจะต้องดูบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ขณะนี้ทุกคนที่ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งระดับสูงแล้ว ทุกคนมีความรู้ความสามารถ เป็นไปได้ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ในส่วนกองทัพบกต้องรับ ผิดชอบคัดเลือกบุคคลในเร็วๆ นี้ เพื่อส่งชื่อให้ผู้บังคับบัญชาขึ้นไปพิจารณา ซึ่งคงไม่มีปัญหาอะไร
      "บางทีข่าวมักจะออกไปว่ามีเรื่องของความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่ทุกคนที่อยู่ในวงที่จะถูกคัดเลือก ไม่เห็นมีอะไรต่อกัน ขอให้ผู้สื่อข่าวเข้าใจ ทุกคนสามารถพูดคุย รักใคร่ กลมเกลียว สามัคคีกัน ทุกคนพร้อมเป็นอะไรก็ได้ตามที่ ผู้บังคับบัญชาอยากให้เป็น ผมเชื่อว่าทุกคนมีสปิริตในการทำงาน และไม่ว่าจะไปอยู่จุดใดก็ตาม ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง ฉะนั้นผมคิดและมั่นใจว่าจะไม่เกิดความแตกแยก ทุกคนเข้าใจและพร้อมปฏิบัติงานตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย และคงไม่นานจากนี้ไปจะนำรายชื่อขึ้นเสนอ ต่อผู้บังคับบัญชาระดับสูงเพื่อพิจารณา" พล.อ.อุดมเดชกล่าว

อดใจรอตั้งผบ.ทบ.ใหม่
     พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ในส่วนของทหารมีคณะกรรมการตามพ.ร.บ.ที่กำหนดไว้ มีกรรมการในการพิจารณา โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในการพิจารณา รวมทั้งผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างๆ จะเป็นกรรมการในการพิจารณาด้วย ทุกอย่างที่ออกมาจะต้องมีเหตุมีผล และเกิดผลประโยชน์กับส่วนรวม ขอให้อดใจรออีกไม่นานจะมีการเสนอชื่อขึ้นไป แต่ทั้งหมดรอนายกฯ นำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูล และมีการโปรดเกล้าฯ ลงมาก่อนสิ้นเดือนก.ย.นี้ ซึ่งไม่มีอะไรที่เป็นสิ่งที่น่าวิตกกังวล
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารที่จะเกษียณในเดือนก.ย.นี้ มีตำแหน่งที่อยู่ในความสนใจคือ ผบ.ทบ. คนใหม่ แทนพล.อ.อุดมเดช ที่จะเกษียณอายุราชการ ซึ่งแคนดิเดตผู้ที่จะเป็นผบ.ทบ. คือ "บิ๊กหมู"พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วยผบ.ทบ. และ "บิ๊กติ๊ก"พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วยผบ.ทบ.

'มาร์ค'ชี้การเมืองตรรกะวิบัติสุด
      เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงเรียนบางกอก เพร็พ ทองหล่อ ทีมงานจับวิบัติจัดเสวนา "หนัก หัว ใคร ถ้าฉันใช้ตรรกะวิบัติ" เพื่อให้เกิดการคิดอย่างมีปัญญาลดดราม่าในสังคมไทย โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเปิดงานว่า ความเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคมไทยทำให้เราต้องผ่านการท้าทายหลายอย่าง เราจะผ่านไปได้ ก็อยู่ที่คุณภาพของคน เราต้องการสร้างคนให้เก่ง ดี มีความรู้ แต่ไม่ได้แลกเปลี่ยนว่าจะมีความเก่งหรือความดีอย่างไร
       "วันนี้ อนาคตของเศรษฐกิจอยู่ที่เราจะหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางอย่างไรบ้าง ดังนั้น เราต้องสร้างเศรษฐกิจบนฐานความรู้ ด้านสังคม ปัจจุบันมีความหลากหลายมากขึ้น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากโลกที่ไร้พรมแดนทำให้มีความหลากหลาย เราจะทำอย่างไรให้ความแตกต่างนั้นสร้างสรรค์ปัญญาความรู้ ส่วนเรื่องการเมือง ถ้าไม่เอาความรู้มาแลกเปลี่ยนหรือมาสร้างสรรค์การเมือง จะกลายเป็นการเมืองที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งต้องยอมรับว่าวงการการเมืองนี่แหละที่มีการใช้ตรรกะวิบัติมากที่สุด แต่ถ้าเราไม่ใช้ตรรกะที่ถูกต้องเราจะไม่สามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์เดิมๆ ได้เลย" นายอภิสิทธิ์กล่าว

แนะนายกฯแจงภารกิจปฏิรูป
      นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกฯ ออกมาย้ำในเรื่องการดำเนินการตามโรดแม็ปว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะทุกวันนี้ความสับสนเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ทั้งจากการนำเสนอของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) การที่นายกฯ ย้ำเรื่องโรดแม็ปสะท้อนว่า รัฐบาลและคสช.ต้องการดำเนินการไปตามกรอบที่วางไว้ ซึ่งทำให้เกิดความมั่นใจในเรื่องของเสถียรภาพและความแน่นอน ซึ่งโรดแม็ปนี้ไม่ตายตัว ที่ผ่านมาเราเห็นว่ามีการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อขยายเวลาให้เกิดการทำประชามติได้ การที่นายกฯ ย้ำเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี ความจริงแล้วตนอยากให้นายกฯ นำเสนอด้วยซ้ำว่าในช่วงที่ดำเนินการตามโรดแม็ปนี้จะทำการปฏิรูปในเรื่องอะไรบ้าง และมีภารกิจอย่างไร
      ผู้สื่อข่าวถามถึงการทำประชามติ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับสปช. ถ้าสปช.เห็นว่ารัฐธรรมนูญนี้ดีก็ลงมติ แล้วให้ประชาชนลงประชามติ อยากให้มองถึงเนื้อหามากกว่าการเอาไปผูกติดทาบการเมือง เช่น อยากอยู่ต่อหรือไม่ เมื่อถามว่าการทำประชามติควรใส่คำถามเรื่องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งไปด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อาจจะสร้างความสับสนมากกว่า

'พิชัย'จี้ปรับครม.เศรษฐกิจ
       ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน พรรคเพื่อไทย กล่าวในงานเดียวกันว่า ประเทศเราเป็นประเทศเล็กและเปิด เราต้องพึ่งพาการส่งออก การที่เราส่งออกได้มากเท่าไหร่ยิ่งเป็นเรื่องดี คิดว่าเศรษฐกิจที่ตกต่ำในขณะนี้จะตกต่ำไปอีกนาน และเรากำลังมีปัญหาในเรื่องการลงทุนที่น้อยลงเรื่อยๆ เราแก้ปัญหาไม่ได้ ผู้ลงทุนใหม่ๆ ไม่ลงทุน เพราะเขากลัวถูกการแซงก์ชั่นจากสหรัฐ ถ้าเราไม่กลับไปสู่ระบอบที่เขาไว้ใจ เศรษฐกิจเราจะไม่ฟื้น นี่คือตรรกะง่ายๆ อย่างไรก็ตาม ตนอยากเห็นการตั้งสถาบันจับตรรกะวิบัติ อยากเห็นผู้บรรยายที่ไม่อิงการเมือง มีความคิดบริสุทธิ์จริงๆ ให้เสียงเตือนสังคมว่าอะไรถูกอะไรผิด อยากเห็นความคิดที่ถูกต้อง บนตรรกะที่ถูกต้อง เชื่อว่าประเทศนี้จะเดินได้
       นายพิชัย ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับครม.เศรษฐกิจว่า ตนได้เตือนไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เพราะการบริหารงานด้านเศรษฐกิจดูไม่กี่เดือนก็ทราบแล้วว่าบริหารแบบนี้จะไปไม่ได้ รัฐบาลควรเร่งปรับครม.เพราะถ้าปรับช้าปัญหาเพิ่มขึ้น แต่ไม่ใช่ปรับแล้วสถานการณ์จะดีขึ้นทันที ปัญหายังอยู่ที่ความเชื่อมั่นของต่างชาติ นอกจากนี้ตนมีความเป็นห่วง โดยเฉพาะหลักคิดที่ว่าเศรษฐกิจไม่ดีไม่ควรกระตุ้นเศรษฐกิจในเวลานี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และควรกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวะที่กำลังแย่ ให้สามารถประคับประคองไปได้ ส่วนข้อเสนอปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ต้องถามว่าจะปฏิรูปอะไร แล้วปีกว่าที่ผ่านมานั้นปฏิรูปอะไรไปหรือยัง ไม่มีการปฏิรูปอะไรที่ทำวันนี้พรุ่งนี้แล้วเสร็จ แต่ต้องทำต่อเนื่องไปตลอด การถ่วงเวลาไปยิ่งทำให้เศรษฐกิจแย่ลง และการไม่กำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจนทำให้ความเชื่อมั่นลดลงเช่นกัน

'บิ๊กต๊อก'เดินหน้าถอดยศแม้ว
     พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ติดตามเรื่องการถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า ในสัปดาห์นี้จะทำหนังสือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อเชิญพล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ที่ปรึกษา สบ 10 หัวหน้าคณะกรรมการการพิจารณาถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ มาประชุมร่วมกับคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากที่ผ่านมาเรื่องดังกล่าวเป็นการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เมื่อพล.อ. ประยุทธ์มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเข้าไปตรวจสอบข้อกฎหมาย ซึ่งตนต้องเข้าไปดูว่าข้อกฎหมายสามารถกระทำได้หรือไม่ หรือติดขัดในส่วนใด รวมถึงการนำกรณีที่เคยพิจารณาก่อนหน้านี้มาเป็นข้อมูล และมาตรฐานในการพิจารณาว่าการถอดยศลักษณะนี้กระทำได้หรือไม่
       พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า การพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ต้องทำในมาตรฐานเดียวกัน ไม่ใช่มองแค่ชื่อหรือตัวบุคคล กฎหมายต้องใช้เหมือนกัน ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับใครคนใดคนหนึ่ง ที่สำคัญต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่าต้องถอดยศเพราะอะไร และไม่สามารถถอดยศได้เพราะอะไร ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ หรือไม่มีกรณีศึกษา

คาดสรุปผลสิ้นเดือนนี้
     รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ในวันที่ 10 ส.ค.จะเรียกประชุมทีมงานฝ่ายกฎหมาย จากนั้นจะทำหนังสือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคาดว่าอย่างช้าจะสามารถเรียกประชุมได้ภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนส.ค. และจะพยายามให้ได้คำตอบภายในเดือนส.ค.นี้ว่า ถอดยศได้หรือไม่ได้ พร้อมเหตุผลประกอบให้ประชาชนรับทราบ ยืนยันไม่หนักใจ เพราะพิจารณาไปตามหลักเกณฑ์ อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วหากข้อกฎหมายระบุว่าถอดได้ กระทรวงยุติธรรมต้องส่งเรื่องกลับไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้เสนอไปยังรัฐบาลตามขั้นตอน
       พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า เรื่องการถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการในส่วนที่ต้องรับผิดชอบไปหมดแล้ว สุดท้ายขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่จะต้องตัดสินใจ

หมอเหวงห่วงเกิดวิกฤตใหญ่
       นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ระบุว่าหากไม่ปฏิรูปก่อนเลือกตั้งประเทศเละแน่ ว่า ตนเข้าใจว่าสิ่งที่นายสุเทพพูดคือ "ถ้าพวกข้าพเจ้าไม่ได้อำนาจ ประเทศเละแน่" ทั้งที่คณะรัฐประหารตั้งพวกกปปส.จำนวนไม่น้อยไปเป็นสนช. สปช. และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญให้ไปดำเนินการตามสิ่งที่นายสุเทพต้องการ แต่นายสุเทพยังไม่พอใจ นั่นหมายความว่า เท่าที่กรรมา ธิการยกร่างของกลุ่มนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 36 มหาปราชญ์ ออกมา โดยสร้างหลักประกันอย่างแน่นหนา เพื่อให้พวกอำนาจนิยมฝ่ายเขากลับมามีอำนาจ อย่างแน่นอน
      นพ.เหวง กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีการชงให้ตั้งสมัชชาคุณธรรม คณะกรรมการคุณธรรม สมัชชาพลเมือง คณะกรรมการพลเมือง เพื่อประกันว่าพวกอำนาจนิยมมีเครื่องมือไว้ทำลายล้างฝ่ายประชาธิปไตยได้อย่างถึงรากถึงโคนก็ยังไม่เป็นที่พอใจของนายสุเทพ ดังนั้น นายสุเทพคงต้องการกลับมาสถาปนาตนเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์แทน คสช.ที่ทำท่าจะไปไม่รอด เห็นชัดเจนไหม ว่ามูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย คือกปปส.ในเครื่องแต่งกายใหม่ และดูท่าทีที่คสช.มีต่อการแสดงออกของนายสุเทพและพวกนั้น พินอบพิเทา มากจนเกินงาม ทั้งๆ ที่เสียงเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วมีจำนวนมากกว่าครึ่งของประเทศในปัจจุบัน น่าเป็นห่วงว่าอนาคตข้างหน้า คงไม่พ้นวิกฤตทางการเมืองขนานใหญ่อีกครั้ง ใครจะเข้ามายึดอำนาจรัฐประหารอีก


"อุ๊งอิ๊ง - น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็กพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ภาพพ.ต.ท.ทักษิณร่วมรับประทานอาหารกับน้อง"เอมิ-นานิ"หลานสาวฝาแฝด บุตร"เอม"พินทองทา คุณากรวงศ์ พร้อมระบุข้อความ "Twins breakfast view" ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว aimpintongta


'สมบัติ'เตือนปมนายกฯคนนอก
        นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง สปช. ให้สัมภาษณ์ว่า ล่าสุดคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญบอกว่าวันที่ 10-11 ส.ค.จะเร่งนำประเด็นที่ค้างไว้กับประเด็นที่มีผู้เรียกร้องให้ปรับแก้ไขในร่างรัฐธรรมนูญมาทบทวนอีกครั้ง อาทิ ประเด็นที่มาส.ว. สัดส่วนของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและการสร้างความปรองดองนั้น กมธ.ยกร่างฯคงยืนยันแล้วว่านายกฯอาจจะเป็นคนนอกก็ได้ กำหนดแบบนี้ขัดต่อหลักประชาธิปไตย ถ้าถือตรรกะว่าคนนอกเป็นนายกฯได้ ต่อไปก็ถือตรรกะว่าส.ส.ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน หรือมาจากการสรรหาได้ บทเรียนสมัยพล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกฯ มีต่อต้านเรื่องนายกฯคนกลาง จนกระทั่งเสียเลือดเสียเนื้อกันไปมาก เราไม่อยากให้มันเกิดซ้ำ หรือทำให้เหตุการณ์ย้อนหลังกลับไปแบบนั้นอีก
     ส่วนที่มีรายงานข่าวกมธ.ยกร่างฯออกมาบ่นว่าอึดอัด เพราะถูกคสช.ล้วงลูกประเด็นแก้ที่มา ส.ว. เท่าที่รับฟังมาจากข่าว พูดกันว่ายังไม่มี คำสั่งใดจากคสช. มีแต่คนกลางมาบอกกล่าว ไม่แน่ใจว่าจริงหรือไม่ กมธ.ยกร่างฯจึงไม่ควรหวั่นไหว ควรจะมีจุดยืน แต่การกล่าวแบบนี้ไม่ดีต่อคสช. เพราะคสช.คงไม่ยอมรับว่าทำ

'ไพบูลย์'ยึดปฏิรูปฉบับกมธ.
      ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน สปช. ในฐานะผู้นำเสนอญัตติให้มีการปฏิรูปประเทศอีก 2 ปีก่อนจัดการเลือกตั้งต่อสปช.กล่าวถึงกรณีที่มีสปช.ต้องการให้ชี้แจงถึงวิธีการและประเด็นปฏิรูปในห้วง 2 ปีที่จะขอให้ยืดออกไปก่อนการเลือกตั้ง ว่ารายละเอียดของประเด็นปฏิรูปและกระบวนการที่จะดำเนินการเป็นไปตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่กมธ.ยกร่างฯกำลังจัดทำ ในภาค 4 ว่าด้วยการปฏิรูป ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญ 4 มาตรา ว่าด้วยการปฏิรูปด้านต่างๆ และ เป็นไปตามรายละเอียดของร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปฏิรูปประเทศ ที่มีนพ.ชูชัย ศุภวงศ์ รองประธานกมธ.ยกร่างฯเป็นประธานอนุกมธ.ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและดำเนินการ
      นายไพบูลย์ กล่าวว่าเบื้องต้นทราบว่ามีเนื้อหากว่า 20 มาตรา และรายละเอียด 100 อนุ ซึ่งเอกสารทั้งหมดนั้น สมาชิกสปช.จะได้เห็นในวันเดียวกันกับที่สปช.มีประชุมเพื่อลงมติร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ ที่อาจจะเป็นวันที่ 6 ก.ย. หรือ 7 ก.ย.นี้ ส่วนการวัดผลนั้นจะเกี่ยวกับการออกพ.ร.บ.ที่เกี่ยวกับกลไก กระบวนการการปฏิรูปตามที่กฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปและร่างรัฐธรรมนูญกำหนด

 

ผู้พิพากษากังวลรธน.หมกเม็ด
       นายศรีอัมพร ศาลิคุปต์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ที่เคยเป็นตัวแทนผู้พิพากษาศาลยุติธรรมกว่า 2,000 คน ร่วมลงชื่อจดหมายเปิดผนึกคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญที่กระทบความเป็นอิสระของตุลาการ กล่าวว่า กรณีที่กมธ.ยกร่างฯ ได้พิจารณาการบันทึกเจตนารมณ์ไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ ตนได้ทราบว่าในการประชุมเมื่อวันที่ 7 ส.ค.มีการเสนอให้ตัดและไม่ต้องระบุเจตนารมณ์ในเรื่องการอุทธรณ์มติของคณะกรรมการตุลาการ(ก.ต.) สำหรับผู้พิพากษาที่ถูกลงโทษทางวินัย ซึ่งแต่เดิมเคยมีแนวคิดและกระแสข่าวว่าจะมีการแก้ให้สามารถอุทธรณ์มติก.ต.ไปยังศาลปกครอง แต่พอมีการออกมายื่นหนังสือคัดค้านจากผู้พิพากษากว่าครึ่งประเทศ ซึ่งในครั้งนั้นนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯก็ออกมาปฏิเสธ และจะให้การพิจารณาโทษของผู้พิพากษาเป็นอำนาจของก.ต.ผู้ทบทวนมติเอง
       "การเสนอให้มีการตัดและไม่ต้องระบุเจตนารมณ์ในเรื่องนี้จะทำให้มีปัญหาในการออกกฎหมายลูก และอาจทำให้เกิดความยุ่งยากตามมา หรือเกิดข้อถกเถียงกันในอนาคต เพราะต่อไปกฎหมายจะต้องตีความตามตัวอักษรของกฎหมายลูกในภายหลัง ทำให้ผมและผู้พิพากษาหลายคนเป็นห่วงและกังวลว่าในเรื่องนี้มีการหมกเม็ดลับลวงพรางอะไรหรือไม่" นายศรีอัมพรกล่าว
      ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้พิพากษาจะออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่ นายศรีอัมพรกล่าวว่า หากไม่มีการระบุในเจตนารมณ์ก็ขอให้นายบวรศักดิ์แถลงยืนยันในเรื่องนี้ให้ชัดเจนไว้เป็นหลักฐาน เพื่อปรากฏอยู่ในสังคมและสื่อมวลชนต่อไป

สปช.นัด 11 ส.ค.ถกปฏิรูปตร.
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 11 ส.ค.นี้ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช.นัด ประชุมสปช. พิจารณาวาระการปฏิรูปที่ 6 เรื่อง การจัดทำแผนการปฏิรูปกิจการตำรวจ ซึ่งจัดทำโดยคณะกรรมการจัดทำแผนปฏิรูปตำรวจ สปช. ที่มีนายธีรยุทธ์ หล่อเลิศรัตน์ สมาชิก สปช.เป็นประธาน โดยในข้อเสนอเพื่อการปฏิรูปมีรายละเอียดดังนี้
      1.ปัญหาการแทรกแซงในกิจการตำรวจ จนทำให้เกิดผลกระทบในการบริหารงานภายในองค์กร ทำให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ขาดความเป็นอิสระ อยู่ในความครอบงำของฝ่ายการเมืองขาดจุดยืนในการทำงานของตน องค์กรกลางในการบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติถูกครอบงำ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจในทุกระดับ เกิดผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง จึงต้องมีแนวทางการปฏิรูปดังนี้
     1.1 ปฏิรูปองค์ประกอบคณะกรรมการ ข้าราชการตำรววจ (ก.ตร.) องค์ประกอบ ของ ก.ตร.ควรมี 16 คน ประกอบด้วย (1.) ประธานก.ตร. ให้คัดเลือกจากอดีตข้าราชการตำรวจระดับตำแหน่งรองผบ.ตร.หรือเทียบเท่าขึ้นไป (ยศพล.ต.อ.) โดยการลงคะแนนเลือกจากข้าราชการตำรวจระดับตำแหน่งผู้กำกับการหรือเทียบเท่าขึ้นไป (ยศพ.ต.อ.ขึ้นไป) (2.) ผบ.ตร. และเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง (3.) จเรตำรวจแห่งชาติ รองผบ.ตร.หรือเทียบเท่า (ยศพล.ต.อ.) 6 คน โดยการลงคะแนนเลือก จากข้าราชการตำรวจระดับตำแหน่งผู้กำกับการหรือเทียบเท่าขึ้นไป (ยศพ.ต.อ.ขึ้นไป)

หวังปลอดการเมืองล้วงลูก
      (4.) อดีตข้าราชการตำรวจตำแหน่งผู้บัญชาการหรือเทียบเท่าขึ้นไป (ยศพล.ต.ท. ขึ้นไป) 3 คน โดยการลงคะแนนเลือกจากข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับการหรือเทียบเท่าขึ้นไป (ยศพ.ต.อ.ขึ้นไป) (5.) ผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก ได้แก่ ผู้แทนจากคณะรัฐมนตรี 1 คน ผู้แทนจากวุฒิสภา 1 คน ผู้มีความรู้ในสาขาต่างๆ เช่น นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นต้น โดยให้กรรมการก.ตร.สรรหา 2 คน เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบของก.ตร.จะเห็นได้ว่าการบริหารงานบุคคลภายในของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในอนาคตจะไม่ถูกครอบงำจากฝ่ายการเมือง มีการถ่วงดุลกันที่เหมาะสม
       1.2 การปฏิรูปองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ในข้อเท็จจริงปรากฏว่าฝ่ายการเมืองใช้องค์กรนี้เพียงประโยชน์ในการแต่งตั้งผบ.ตร.เท่านั้น การทำให้ผู้นำองค์กรตำรวจไม่ถูกแทรกแซง จากฝ่ายการเมืองจำเป็นต้องแก้ไขอำนาจหน้าที่ของก.ต.ช.โดยกำหนดให้การแต่งตั้งผบ.ตร.เป็นอำนาจของคณะกรรมการก.ตร. ซึ่งเป็นองค์กรบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
      ดังนั้น เพื่อสร้างให้ก.ต.ช.เป็นองค์กร ในการกำหนดนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติปฏิบัติเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง จึงควรกำหนดองค์ประกอบก.ต.ช.ดังนี้ ให้ก.ต.ช.มี 11 คน ประกอบด้วย 1.นายกฯ เป็นประธาน 2.รองนายกฯ ที่นายกฯ มอบหมาย เป็นรองประธาน 3.ปลัดกระทรวงกลาโหม 4.ปลัดกระทรวงมหาดไทย 5.ปลัดกระทรวงยุติธรรม 6.อัยการสูงสุด 7.ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ 8. ผู้แทนจากสภาทนายความ 9. ผู้แทนจากวุฒิสภา 10.ผู้แทนจากกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ 11.ผบ.ตร. เป็นกรรมการ

ตั้งผบ.ตร.เป็นอำนาจก.ตร.
      1.3 ปฏิรูปการแต่งตั้งผบ.ตร. ควรให้คณะกรรมการก.ตร.แต่เพียงองค์กรเดียวเป็น ผู้ดำเนินการ ด้วยการพิจารณาคัดเลือกจากข้าราชการตำรวจตำแหน่ง จเรตำรวจแห่งชาติ รองผบ.ตร.หรือเทียบเท่า (ยศพล.ต.อ.) 3 คน แล้วให้ข้าราชการตำรวจระดับตำแหน่ง ผู้กำกับการหรือเทียบเท่าขึ้นไป (ยศพ.ต.อ. ขึ้นไป) ลงคะแนนเลือกเหลือ 1 คน เพื่อเสนอก.ตร.พิจารณานำเสนอนายกฯ เพื่อนำความกราบบังคมทูลโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งผบ.ตร.ต่อไป ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการแต่งตั้ง ในลักษณะรูปแบบเช่นนี้ จะทำให้ผู้มีสิทธิได้รับการแต่งตั้งเป็นผบ.ตร.ต้องสั่งสมผลงาน มาเป็นระยะยาวพอสมควร ต้องประพฤติปฏิบัติตัวดีมาแต่ต้น ไม่เพียงแต่วิ่งเต้นรับใช้ฝ่ายการเมืองเพียงอย่างเดียว การแต่งตั้งจะทำให้ผบ.ตร.มีเสถียรภาพมั่นคงในการดำรงตำแหน่งพอสมควร
     2.การวางแนวทางมาตรฐานการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ให้พิจารณาโดยยึดความอาวุโส ประกอบความรู้ความสามารถตามเกณฑ์มาตรฐานในระดับตำแหน่ง ของผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ การที่จะพิจารณาแต่งตั้งโดยข้ามอาวุโส จะต้องมีเหตุผลจำเป็นตามข้อมูล ข้อเท็จจริง เฉพาะเรื่องเฉพาะรายที่มีน้ำหนักเหนือกว่าลำดับอาวุโสเท่านั้นซึ่งจะทำให้ข้าราชการตำรวจมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ มองเห็นเส้นทางการเจริญเติบโตในหน้าที่ ลดการทุจริตคอร์รัปชั่นเพื่อนำเงินมาวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง หรือเอื้อประโยชน์กับผู้มีอิทธิพลต่างๆ เพื่อหวังผลในการเลื่อนตำแหน่งจากอิทธิพลภายนอก

ถ่ายโอนงานให้หน่วยอื่น
     3.การถ่ายโอนภารกิจให้หน่วยงานที่มีภารกิจหน้าที่โดยตรงไปดำเนินการเพื่อแบ่งเบาภาระของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำหน้าที่ได้อย่างเต็มความสามารถ สมควรให้มีการถ่ายโอนภารกิจให้แก่หน่วยงานอื่นที่มีภารกิจหน้าที่โดยตรง ไปดำเนินการ เพื่อลดภาระการปฏิบัติของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังต่อไปนี้ (1) ถ่ายโอนกิจการด้านการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการบังคับใช้กฎหมายในงานจราจรไปให้กทม. เมืองพัทยา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม
      (2) ถ่ายโอนกิจการด้านการป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการ (3) ถ่ายโอนกิจการด้านการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในงานท่องเที่ยวไปให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการ (4) ถ่ายโอนกิจการด้านการอำนวยความสะดวกและการบริการจัดการจราจรในพื้นที่ทางหลวงไปให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการ (5) ถ่ายโอนกิจการด้านการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในงานรถไฟไปให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการ (6) ถ่ายโอนกิจการด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดและรักษาความสงบในเขตน่านน้ำไทย (ตำรวจน้ำ) ไปให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการ (7) ถ่ายโอนกิจการด้านการตรวจคนเข้าเมืองไปให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม หรือกระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการ

งานแต่งลูก"เจ๊แดง"คึกคัก
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 18.00 น. มี งานแต่งงานของบุตรชายนักการเมืองถึง 2 งาน งานแรกที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นประธานในพิธีฉลองมงคลสมรสของ ผศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ บุตรชาย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และ "เจ๊แดง"นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กับ น.ส.นันทกานต์ ศิลป์เสวีกุล บุตรสาวนายวิโรจน์ และนางภาวิณี ศิลป์เสวีกุล โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีและด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชาย เดินทางมาถึงงานในเวลา 19.00 น.
      หลังจากน.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางมาถึง มีบรรดาแขกเหรื่อในงานขอถ่ายภาพร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เขียนคำอวยพรให้กับคู่บ่าวสาวว่า "ขอแสดงความยินดีกับหลานเชนและเอ็มจ๊ะ ขอให้ ครองรัก ครองเรือน อย่างมั่นคง อบอุ่น ตลอดไปค่ะ" ส่วนภายในงานมีบรรดาอดีตรัฐมนตรี สมาชิกพรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา แกนนำ นปช. อดีตข้าราชการ แวดวงไฮโซ มาร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์ อดีตภริยาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมด้วยน.ส.กัญจนา ศิลปอาชา บุตรสาว นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายเสนาะ เทียนทอง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นต้น ซึ่งภายในงานน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้นั่งร่วมโต๊ะกับคุณหญิงพจมานและ คุณหญิงสุดารัตน์ด้วย

'สมชาย'ขึ้นเวที-รอกติกาชัด
      เวลา 20.09 น. นายสมชายกล่าวอวยพรบ่าวสาวว่า ดีใจที่วันนี้มีส.ส.มามากเป็นพิเศษ ตั้งแต่วงแตกก็ไม่ได้เจอกันอีก วันนี้ไม่มีใครพูดเรื่องการเมือง แต่เท่าที่ได้ฟังเสียงซุบซิบที่ผ่านมาเห็นว่ามีบางคนไปแก้คดีที่สนช. ไม่รู้ว่าจะรอดหรือเจ็บตัว แต่ขอให้รอดปลอดภัยทุกท่าน มั่นใจว่าพวกท่านได้ทำทุกอย่างในคดีอย่างเหมาะสมแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจว่าจะพิจารณาอย่างไร เราได้แต่เห็นอกเห็นใจกัน วันนี้เห็นเพื่อนฝูงมากหน้าหลายตามาร่วมงานก็เห็นถึงน้ำใจที่ไม่ทอดทิ้งกัน ทำให้มองว่าอนาคตตนยังไม่มืดมนเพราะได้รับความเมตตาจากทุกคน
    "หากมีอะไรแน่นอนเป็นไปตามกติกาก็พร้อมจะทำงานเพื่อประชาชน เราเคารพในกติกาในสถานการณ์ตลอดเวลา จะขอดำรงตนเป็นประโยชน์ต่อพวกท่าน ต้องขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานลูกชายผมในวันนี้ หากวันข้างหน้ามีอะไรให้รับใช้ก็ยินดี และเชื่อว่าหากตนมีความเดือดร้อนหรือมีเรื่องต้องการความช่วยเหลือจะมีเพื่อนฝูงยื่นมือมาช่วยเสมอ" นายสมชายกล่าว

อดีตนายกฯยินดีงานลูกนิกร
     เวลา 18.00 น. ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ มีงานฉลองมงคลสมรสระหว่างนายนิค จำนง บุตรชายนายนิกร จำนง แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา และน.ส. อาภาภร อธิธนาถาวร ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่นและครึกครื้นไปด้วยคนในแวดวงนักการเมืองจากพรรคต่างๆ รวมทั้งอดีตนายกฯ ที่ทยอยมาร่วมงาน อาทิ นายบรรหาร ศิลปอาชา นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และน.ส.ยิ่งลักษณ์
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางมาร่วมอวยพรก่อน และได้ถ่ายรูปกับคู่บ่าวสาวพร้อมครอบครัวอยู่ ขณะนั้นนายอภิสิทธิ์ก็เดินทางมาถึง และเมื่อนายอภิสิทธิ์มองเห็นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้หยุดยืนรอ พร้อมกล่าวว่า ต้องให้สุภาพสตรีก่อน จากนั้นอดีตนายกฯ ทั้งสองได้หันมาสวัสดีซึ่งกันและกัน ก่อนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินมาร่วมถ่ายรูปกับ นายบรรหาร ที่เพิ่งมาจากการร่วมงานบุตรชาย นายสมชาย โดยนายบรรหารกล่าวชม น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า แต่งตัวสวย และยังเป็นกำลังใจให้ตลอดเวลา สำหรับตนตอนนี้ไม่ค่อยสบายเป็นหืดหอบ ต้องระวังสุขภาพนิดหน่อย แต่ขอให้พวกเราทุกคนสู้ๆ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!