WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

70 ป

เบิร์ธเดย์'บิ๊กป้อม'มากันล้น ทหาร-ตร.-ขรก.พรึบ บิ๊กตู่ ถอยถอดยศแม้ว ติดกม.-ไม่ใช่ตร.แล้ว กมธ.เมินรื้อภาษีบาป แต่ให้เพิ่มตรวจสอบ

     มืดฟ้ามัวดิน อวยพร 'บิ๊กป้อม' เบิร์ธเดย์ 70 ปีคึกคัก 'บิ๊กตู่'แจงถอดยศแม้ว ให้ยธ.ดูข้อกฎหมาย เผยติดขัดข้อกม. ใช้เบิร์ธเดย์ 70 ปีบิ๊กป้อมบังคับแต่คนเป็นตำรวจ ตอนนี้ทักษิณไม่เป็นแล้ว บิ๊กต๊อกลั่นไม่ยึดติดชื่อคน กม.ต้องเป็นกม. จะถอดไม่ถอดต้องตอบทุกข้อสงสัยได้เพื่อไทยจี้สปช.แจงเหตุคว่ำรธน. ปื๊ดปัด-ชี้ไม่มีธรรมเนียม กมธ.ถกภาษีบาป ให้ใช้แบบเดิม แต่เพิ่มตรวจสอบ

 

วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9022 ข่าวสดรายวัน

บารมี - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม เปิดบ้านพักในร.1 รอ. ให้พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผบ.ทบ. นำผบ.เหล่าทัพเข้าอวยพรวันเกิด 70 ปี โดยตลอดทั้งวันมีบุคคลจากวงการต่างๆ ทยอยเข้าอวยพรล้นหลาม เมื่อวันที่ 10 ส.ค.

 

 

      เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 10 ส.ค. ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็ก รักษาพระองค์ (ร.1.รอ.) พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เปิดให้เข้าอวยพรล่วงหน้าเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 70 ปี วันที่ 11 ส.ค. โดยมี ครม. ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจระดับสูง พร้อมอดีตข้าราชการและคนสนิทเข้าอวยพรคับคั่ง อาทิ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
      ข้าราชการเหล่าทัพระดับสูง อาทิ พล.อ. ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดฯกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมว.กลาโหม ในฐานะผบ.ทบ. พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. และพล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ.
     ในส่วนทบ. อาทิ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ ในฐานะรองผบ.ทบ. พล.อ. ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วยผบ.ทบ. พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วยผบ.ทบ. พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก ร่วมด้วย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พร้อมรองผบ.ตร.ทุกคน รวมทั้งนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ข้าราชการกระทรวงทส. นำทีมโดย นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดฯและระดับอธิบดี ยังมีนักธุรกิจร่วมด้วย
       ข้าราชการและหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งบุคคลสำคัญทยอยเดินทางมาร่วมอวยพรกันอย่างคึกคักเป็นจำนวนมาก จนล้นออกมานอกพื้นที่มูลนิธิ

แห่อวยพรคึกคัก
     พล.อ.อุดมเดชนำคณะข้าราชการกลาโหม ผบ.เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) อวยพรตอนหนึ่งว่า ตลอดเวลาพวกตนประจักษ์ถึงความวิริยอุตสาหะ ความทุ่มเทเสียสละ อุดมการณ์อันแน่วแน่ที่พล.อ. ประวิตร สร้างความมั่นคง ความเข้มแข็งและความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมและประเทศชาติ มุ่งมั่นพิทักษ์รักษาและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ พวกตนขอยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่สนองนโยบายที่ พล.อ. ประวิตร มอบให้ข้าราชการกระทรวงกลาโหมอย่างดีที่สุด และจะยึดถือแนวทางของพล.อ.ประวิตร ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อพัฒนาชาติบ้านเมืองเป็นปึกแผ่นมั่นคงยิ่งขึ้นไป
     จากนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ปีที่แล้วตนอายุ 69 ปี พรุ่งนี้ (11 ส.ค.) จะอายุ 70 ปีเต็ม ถือว่าอายุมากแล้ว พวกน้องๆ จะต้องเติบโตขึ้นมาเพื่อดูแล รักษาบ้านเมือง และต้องมาช่วยกันเพื่อให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองให้ได้ อยากฝากน้องๆ และข้าราชการทุกคนต้องช่วยกันทำให้ประเทศชาติและสถาบัน หวังอย่างยิ่งว่าในวันเกิด 70 ปีของตนจะทำให้พวกเราร่วมมือร่วมใจทำให้ประเทศชาติ

บิ๊กตู่หอบกระเช้าให้พี่ที่รัก
     เวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาพร้อมกระเช้าดอกไม้ ผู้สื่อข่าวถามว่ามีของขวัญอะไรเป็นพิเศษมอบให้พล.อ.ประวิตร นายกฯ ตอบเพียงสั้นๆ ว่า "มีหัวใจ" ก่อนเข้าไปพบ พล.อ.ประวิตรภายในห้องรับรองมูลนิธิ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ พล.ต.อ.สมยศ และนายพรเพชร
      โดยใช้เวลาพูดคุยเกือบ 1 ชั่วโมง หารือกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ การดำเนินการถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ และการแต่งตั้งผบ.ทบ.คนใหม่ รวมถึงการแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่ด้วย บรรยากาศการหารือเป็นไปแบบกันเองท่ามกลางระบบรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ห้ามผู้สื่อข่าวเข้าร่วมรับฟังหรือบันทึกภาพแต่อย่างใด
        พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่าในฐานะพล.อ.ประวิตรเป็นผู้ใหญ่และเป็นอดีต ผู้บังคับบัญชาที่ตนเคารพนับถือมาก ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นพี่เลี้ยงตนมาตั้งแต่เด็ก "วันนี้มาอวยพรท่าน เนื่องจากเป็นพี่ที่รักของผม การเป็นพี่เป็นน้องแม้แต่วันเดียว ชั่วโมงเดียวก็เป็นแล้ว เป็นไปทั้งชีวิต เพราะฉะนั้นก็ต้องเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกันพร้อมทั้งซื่อสัตย์ต่อกัน"

ป้อมลั่นไม่ถอดใจ-ยังสู้ไหว
       เวลา 12.00 น. หลังจากพิธีสงฆ์ พล.อ. ประวิตรทักทายผู้สื่อข่าว เมื่อถามถึงโอวาทที่บอกกับน้องๆ ที่มาอวยพรเรื่องการทำงานต่อ เป็นการถอดใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า "ไม่ถอดใจ ยังสู้ ยังไหว" พร้อมชูกำปั้นใส่เฝือกอ่อนบริเวณแขนด้านซ้ายแสดงความ แข็งแรงให้ผู้สื่อข่าวดูจนเรียกเสียงหัวเราะ
      ที่กระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายรี ซู ยอง รมว.ต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หรือเกาหลีเหนือ ว่า เป็นการเยือนตามปกติ เนื่องจากไทยมีความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือในฐานะประเทศร่วมทวีปเอเชียมากว่า 40 ปี และไทยก็เป็นมิตรกับทุกประเทศ ที่ผ่านมาได้มีความร่วมมืออย่างดี ทั้งในระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาค โดยวันนี้เวลา 17.00 น. จะได้หารือในหลายประเด็น อาทิ การหายตัวไปของนางอโนชา ปันจ้อย หญิงไทยที่ถูกสายลับเกาหลีเหนือลักพาตัวไปเมื่อปี พ.ศ.2521 ด้วย ส่วนกรณีที่เกาหลีเหนือได้เชิญไทยให้เปิดสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเปียงยางนั้น พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า การเปิดสถานทูตที่ใดก็ตามถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องคำนึงถึงความจำเป็นและงบประมาณก่อนด้วย

ยงยุทธ ยันสสส.ยินดีให้สอบงบฯ
      ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การนำเงินจากภาษีบุหรี่และสุราหรือภาษีบาป ไปใช้อุดหนุนกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส) ว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติว่าจะเป็นอย่างไร แต่ทราบว่าหลายฝ่ายออกมาแสดงความเห็น ซึ่งทางสสส.แจ้งให้ตนทราบแล้วว่า คณะกรรมการติดตาม และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) จะเข้ามาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ได้แจ้งกลับไปแล้วว่ายินดีให้ตรวจสอบเพราะเงินดังกล่าวเมื่อได้มาต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่ามีการนำไปใช้อย่างถูกต้อง และไม่ฟุ่มเฟือย ดังนั้นเห็นด้วยเต็มที่หากจะมีระบบตรวจสอบที่เหมาะสม
   ผู้สื่อข่าวถามว่า การนำเงินส่วนดังกล่าวไปใช้จะทำให้มีปัญหาด้านการเงินการคลังหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่น่าจะมี เพราะ ผู้จ่ายคือบริษัทเหล้า บุหรี่ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เพิ่งเกิดเป็นประเด็นขึ้นมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และยังไม่ได้ประชุมร่วมกับสสส.แต่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่สสส.บางคน ให้ชี้แจงเรื่องเหล่านี้แล้ว ส่วนนำเข้าสู่การพิจารณาของสภา ถ้ามองในแง่ดีก็ถือว่ารอบคอบขึ้น แต่ถ้ามอง ในแง่ของความเป็นห่วง อาจเป็นไปได้ที่จะถูกแทรกแซงทางการเมืองได้ และหากหน่วยงานที่เกิดขึ้นใหม่ ไปอยู่ใต้กระทรวงซึ่งต่อไปยังไม่รู้ใครจะเข้ามาควบคุมหรือหากเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดที่ส่วนใหญ่รับไม่ได้ ก็จะมีปัญหาได้ ก็ต้องระวัง บางทีอยากทำให้ดี กลับกลายเป็นไม่ดี

บิ๊กอู๋เล็งคนในนั่งปลัดพม.
       ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พม. กล่าวถึงการแต่งตั้งปลัดกระ ทรวงพม.คนใหม่ว่า ยังมีเวลา จะเสนอ ครม.ภายในเดือนส.ค.นี้ อาจเป็นวันที่ 18 ส.ค.หรือ 25 ส.ค.นี้ อยากใช้เวลาพิจารณาให้ถี่ถ้วน ดีที่สุด เพื่อความเป็นธรรม ตนจะวัดจากความสามารถ การมีผลงานเป็นที่ประจักษ์และได้รับการยอมรับจากข้าราชการในกระทรวง และโดยหลักการต้องพิจารณารายชื่อข้าราชการในกระทรวงก่อนเพราะรู้ภารกิจ พม.เป็นอย่างดี ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าที่ผ่านมาปลัดพม. มักมาจากอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.)นั้น ตนไม่ได้วัดว่าต้องเป็นอธิบดีกรมเล็กหรือกรมใหญ่มาก่อนแต่วัดจากผลงานตามนโยบายหรือข้อสั่งการลงไปแล้ว มีผลงานเป็นที่ประจักษ์และจับต้องได้


แนบแน่น - พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ต้อนรับนายรี ซู ยอง รมว.ต่างประเทศของเกาหลีเหนือ ระหว่างการมาเยือนประเทศไทย ที่กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 10 ส.ค.


     พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า ขอยืนยันการแต่งตั้งปลัดพม.ไม่มีปัญหาเรื่องการวิ่งเต้นหรือเด็กฝากจากใคร ตนต้องการให้ทุกคนพิสูจน์ผลงานเพราะผลงานเป็นตัววัดประสิทธิภาพและการเป็นผู้นำหน่วยในภายภาคหน้าที่ดีที่สุด สุดท้ายการแต่งตั้งไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องตอบคำถามกับสังคมได้ว่าเหตุใดเลือกได้เสนอข้าราชการคนนั้นคนนี้เป็นปลัดพม.
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวเลือกปลัดพม.ตอนนี้มีอยู่ 3 คน คือ นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) จะเกษียณปี 2561 นางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) เกษียณ ปี 2562 และนายสมชาย เจริญอำนวยสุข อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) จะเกษียณปี 2560
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งปลัดกระทรวงสาธารณสุข แทนนพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ที่จะเกษียณในสิ้นเดือนก.ย.นี้ โดยมีแคนดิเดตคือนพ.อำนวย การจีนะ รองปลัดกระทรวง ที่เคยเป็นรักษาการปลัด 1 เดือน และนพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) ซึ่งช่วงที่ผ่านมา นพ.โสภณได้รับความสนใจจากทีมรัฐมนตรีอย่างมากเช่นกัน โดยคาดว่าจะมีการเสนอรายชื่อให้ครม.เร็วๆ นี้

ตู่แจงให้ยธ.ดูกฎหมายถอดแม้ว
      พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาการถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังกลั่นกรองอยู่ เมื่อสักครู่ก็นั่งคุยอยู่ว่าเดี๋ยวให้กระทรวงยุติธรรมมาดู ไม่ใช่ให้ไปทำ ให้มาดูว่ากฎหมายที่จะทำเรื่องนี้อยู่ตรงไหน จะผลีผลามและใช้ความรู้สึกทำงานไม่ได้ ถ้าทำอย่างนั้นปัญหาก็จะเกิดต่อๆ ไป ไม่ได้เขาข้างพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะตนเป็นคนพูดเรื่องนี้เอง ก็มาทบทวนมันเป็นอะไร ติดขัดตรงไหน ปรากฏว่ากฎหมายของตำรวจที่เขียนไว้เดิมคิดว่าสามารถนำมาประกอบเรื่องถอดยศตรงนี้ได้ทั้ง 7 ข้อ ที่เจ้าหน้าที่กระทำความผิดเมื่อเป็นตำรวจอยู่ และนี่เขาเป็นตำรวจอยู่หรือเปล่า
      เมื่อถามว่า การถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณจะเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งที่ทำคือเขามีความผิดในการไปพูดต่างๆ นานาที่ทำให้ประเทศเสียหายอะไรหรือไม่ เมื่อมีความผิดก็ต้องไปหาทางว่าผิดกฎหมายตรงไหน ปรากฏว่ากระแส ก็กดดัน บางทีมันพลีพลามเกินไป ไม่ใช่ตนต้องการช่วยใคร และช่วยใครไม่ได้

เห็นใจ'จนท.'ถูกกดดัน
     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ต้องเห็นใจ เจ้าหน้าที่ด้วยทำงานท่ามกลางความกดดัน ท่ามกลางความรู้สึกของทุกคนซึ่งไม่ว่าอย่างไรคนมี 2 ฝ่ายอยู่แล้ว จะทำอย่างไรให้ 2 ฝ่ายไม่ทะเลาะกัน แต่ไม่รวมถึงคนที่มีความผิด นั่นเป็นคนกลุ่มที่ 3 สำหรับกลุ่มที่ 1 และ 2 เป็นผู้ที่หวังดีต่อชาติบ้านเมืองแต่ความคิดไม่ตรงกัน ตนกำลังพยายามจะทำให้กลุ่มที่ 1 และ 2 ไปด้วยกันให้ได้เหมือนที่สิงคโปร์ที่รวมชาติมา 50 ปี ทุกคนเดือนร้อนลำบาก ถูกกฎหมายบังคับ เขาทนกันมา พอมาถึงทุกวันนี้ประเทศเขามีความสุข
      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยทำอะไรก็ไม่ได้ เสรีภาพมาก่อนทุกอย่าง ใครอยากจะพูดอะไรก็พูด ใครอยากเขียนอะไรก็เขียน ใครอยากจะถามอะไรใครก็ถาม แล้วใส่ความคิดตัวเองใส่เข้าไปด้วย คนที่เขาทำงานก็ทำไม่ได้ ถ้าอยากให้ประเทศไทยเป็นแบบสิงคโปร์ บอกเลยว่าไม่มีทาง ทั้งที่โอกาสของประเทศไทยมีมากกว่าทุกประเทศ แต่ใช้โอกาสเหล่านั้นมาทำลายพวกเรากันเอง ถ้าผิดกฎหมายก็ว่ากันไปตามผิดเลย ถ้าไม่ผิดแก้อย่างไรไปว่ามา อย่าเอามาตีกันเลย

'บิ๊กต๊อก'เรียกถกถอดยศแม้ว
     ที่กระทรวงยุติธรรม(ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณว่า เมื่อช่วงเช้าได้เรียกคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของกระทรวงยุติธรรมมาหารือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยในวันที่ 11 ส.ค.นี้ เวลา 15.30 น. ได้เชิญคณะกรรมการพิจารณาถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) มาประชุมร่วมกับคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของยธ. พร้อมทั้งเชิญสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาเข้าร่วมหารือในครั้งนี้ด้วย และได้สั่งให้คณะทำงานทุกคนที่เกี่ยวข้องเตรียมเอกสารมาชี้แจงให้ครบ เพื่อจะได้ดูว่าตามระเบียบปฏิบัติแล้วสามารถทำได้หรือไม่ เพราะอะไร และที่ผ่านมาติดขัดตรงไหน จะได้ตอบคำถามให้ประชาชนได้ชัดเจน ก่อนจะรายงานผลให้พล.อ.ประยุทธ์ทราบต่อไป
      ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีพล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่าได้พูดคุยกับพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พบการถอดยศต้องทำในขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นตำรวจ พล.อ. ไพบูลย์กล่าวว่ากรณีนี้ผบ.ตร.จะต้องมาชี้แจงรายละเอียดให้ตนทราบอีกครั้ง เพราะไม่สามารถตอบแทนนายกฯได้ อย่างไรก็ตามอำนาจหน้าที่เป็นของตร. ส่วนกระบวนการของตนคือการประชุมในวันที่ 11 ส.ค.นี้ จึงจะสามารถตอบได้ว่าสามารถดำเนินการถอดยศในลักษณะนี้ได้หรือไม่

ชี้ต้องตอบทุกข้อสงสัยได้
      เมื่อถามถึงการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูเรื่องนี้หลายฝ่ายมองว่าอาจจะเป็นการยื้อเรื่อง พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ไม่ได้มองว่าจะยื้อเรื่องหรือไม่ แต่การที่สังคมมองประเด็นนี้ จึงทำให้รัฐบาลมีความรู้สึกกังวล ซึ่งที่จริงแล้วเป็นเรื่องของข้าราชการประจำ แต่เมื่อเป็นเรื่องที่สังคมสนใจฝ่ายบริหารก็ต้องลงไปดูแล ดังนั้นจึงได้บอกว่าต้องตอบสังคมให้ชัดว่าการถอดยศของพ.ต.ท.ทักษิณสามารถทำได้หรือไม่ เพราะกฎหมายก็คือกฎหมาย ซึ่งตนจะพิจารณาในส่วนของกฎหมายเท่านั้น
     "ผมไม่ได้สนใจว่าจะชื่ออะไร ผมสนใจว่าลักษณะอย่างนี้ทำได้หรือไม่ได้ ซึ่งคิดว่าประชาชนอยากรู้เรื่องนี้ ผมจึงต้องทำให้ชัดถ้ากฎหมายบังคับคนนี้ไม่ได้ แต่บังคับอีกคนได้ มันทำให้เราคิดว่า สมมติว่าตร.ได้ถอดยศ เจ้าหน้าที่ของเขามาตลอดไปเกี่ยวพันกับลักษณะอย่างนี้ หรือเหมือนกันกับประเด็นที่เรากำลังพิจารณาอยู่นี้ ตกลงคนที่ถูกถอดไปแล้วจะมีสิทธิเรียกร้องความเป็นธรรมหรือไม่ ว่าอันนั้นได้ อันนี้ไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะต้องตอบสังคมให้ชัดเจน" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว

ลั่นกม.ต้องเป็นกม.
      พล.อ.ไพบูลย์กล่าวถึงกรณีที่มีการระบุ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้กระทำผิดในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นตำรวจ ว่าก็ต้องไปดูว่าลักษณะนี้ตร.ได้เคยถอดถอนยศหรือไม่ ถ้าเคยจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าไม่เคยจะกลายเป็นบรรทัดฐานของสังคม จึงต้องเรียกมาสอบถามว่าลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นหรือไม่ จะได้นำข้อมูลมาพิจารณากัน หากกฎหมายระบุว่าไม่สามารถทำได้ ก็ต้องตอบประชาชนให้ได้ว่าไม่สามารถทำได้ เพราะอะไร
       เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยระบุว่าหากมีการถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณจะทำกระทบความรู้สึกกลุ่มคนที่ชื่นชอบพ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่กลุ่มคนเหล่านั้นต้องยอมรับคำตัดสินของกฎหมาย ไม่สามารถแบ่งแยกกันได้ เพราะกฎหมายก็คือกฎหมาย ต้องเคารพกฎหมาย เพื่อให้สังคมอยู่ได้ ไม่เช่นนั้นกฎหมายจะไม่สามารถบังคับใช้ได้ ต้องแยกความรู้สึกออกไป

สมยศยันทำตามขั้นตอน
      ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เผยว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามขั้นตอนการถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณโดยตลอด ไม่ได้เพิก เฉยต่อการปฏิบัติหน้าที่ วันนี้ได้ชี้แจงกับพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตรว่าเรื่องนี้มีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อกฎหมายมากกว่าที่เป็นข่าว ภายหลังได้รับเรื่องจากสำนักงานกำลังพลได้ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานกฤษฎีกา เพื่อตีความข้อกฎหมาย 2-3 ข้อ แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ซึ่งสำนักงานกฤษฎีกายังไม่ตอบกลับมา
     ผบ.ตร.กล่าวว่า วันนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะส่งตัวแทนเข้าชี้แจงต่อกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับขั้นตอนที่ได้ดำเนินการไป และเชื่อว่าการทำงานร่วมกับกระทรวงยุติธรรมตามที่นายกฯสั่งการจะทำให้ขั้นตอนการพิจารณาถอดยศสั้นลง ขอย้ำว่าเรื่องนี้ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ ถูกต้อง ชัดเจน เพื่อไม่ให้มีข้อโต้แย้งในอนาคตและไม่ใช่เรื่องที่ตำรวจเสียหน้า

หนุน'ยธ.'เข้ามาดูแล
      เมื่อถามว่า ตามกฎหมายเป็นอำนาจของตร.เป็นผู้ดำเนินการเรื่องถอดยศ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่าจะนำแต่ละเรื่องมาเทียบเคียงกันไม่ได้ เนื่องจากไม่ใช่เรื่องเดียวกัน อีกทั้งไม่ใช่เรื่องที่ใช้กฎหมายตัวเดียวกัน สำหรับการถอดยศตำรวจนั้นต้องนำระเบียบการถอดยศตำรวจ 2537 มาพิจารณาว่าระเบียบนั้นสามารถนำมาบังคับใช้ได้หรือไม่กับกรณีนี้ หากกฤษฎีกาบอกว่าสามารถนำมาใช้ได้ก็ตอบมา เหตุผลที่ตร.ส่งเรื่องไปให้กฤษฎีกาตีความก็เพื่อความรอบคอบและไม่ให้เกิดข้อถกเถียงในประเด็นข้อกฎหมาย เพราะอาจนำไปสู่การฟ้องร้อง และก่อนหน้านี้พล.ต.อ.วิรุฬห์ พื้นแสน อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงตน จึงต้องนำประเด็นเหล่านี้มาพิจารณาอีกครั้ง จะเพิกเฉยไม่ได้ เพราะอาจเป็นความผิดของตร.ได้ และในเมื่อตร. ไม่มั่นใจในข้อกฎหมายจึงต้องส่งเรื่องให้กฤษฎีกาดังกล่าว
      เมื่อถามถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์สั่งให้กระทรวงยุติธรรมมาดำเนินการแทน พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี พล.อ.ไพบูลย์จะได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตร. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และฝ่ายกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม มาประชุมหารือกันในเรื่องนี้ โดยเฉพาะประเด็นที่ตร.ส่งเรื่องไปหารือกับทางกฤษฎีกา ดังนั้นหากหารือกันทุกหน่วยงานจะได้ข้อสรุปโดยเร็ว และทางตร.จะได้รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป เพื่อตอบสังคมได้ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งกันในสังคม

ย้ำไม่ได้ยื้อเวลา
     พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตร.ไม่ได้ยื้อเวลาหรือขยายเวลาแต่อย่างใด ตนทำด้วยความรอบคอบไปตามขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง เมื่อได้รับข้อสรุปจากสกพ. ก็ได้ส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความตามขั้นตอน ตนไม่สามารถไปเร่งรัดทางกฤษฎีกาได้ แต่หลังการเข้ามาดำเนินการของรมว.ยุติธรรมก็อาจทำให้เรื่องนี้เร็วขึ้น ซึ่งตนเห็นด้วย แต่สุดท้ายแล้วอยู่ที่การประชุมหารือของทาง พล.อ.ไพบูลย์ ว่าจะให้ตร.เป็นผู้ดำเนินการ หรือพล.อ. ประยุทธ์อาจใช้อำนาจสั่งให้กระทรวงยุติธรรม ดำเนินการเลยก็ได้
      พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่ากระทรวงยุติธรรมได้เชิญเจ้าหน้าที่ของตร.ร่วมหารือ อาทิ พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล พล.ต.ท.ปัญญา เอ่งฉ้วน ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมาย และคดี และพล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล

ปชป.หนุนบิ๊กตู่ใช้กม.ปกติ
       ด้านนายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ระบุการถอดยศพ.ต.ท. ทักษิณยังติดกฎหมายตำรวจเดิมทั้ง 7 ข้อ ที่เขียนบังคับใช้กับตำรวจที่อยู่ในราชการว่า กรณีถอดยศมีกฎหมายเฉพาะซึ่งบุคลที่ถูกศาลพิพากษารับโทษจำคุกตามกฎหมายสามารถริบเครื่องราชฯและถอดยศได้ โดยใช้กฎหมายปกติทั่วไปดำเนินการ จึงขอให้นายกฯ ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนให้ถูกต้อง ไม่เห็นด้วยที่นายกฯจะใช้มาตรา 44 ในการถอดยศ แม้จะมีอำนาจก็ตาม เพราะเรื่องนี้ถือเป็นประเด็นการเมืองจึงขอให้นายกฯใช้กฎหมายทั่วไปดำเนินการ หากใช้มาตรา 44 กลุ่มที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ จะออกมาบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณถูกกลั่นแกล้งจากพล.อ. ประยุทธ์

พท.จี้สปช.แจงเหตุคว่ำรธน.
      นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวการร่างรัฐธรรมนูญว่า ดูอย่างไรก็เป็นรัฐธรรมนูญที่คงอำนาจเก่าและอำนาจราชการไว้ โดยให้ความสำคัญกับอำนาจของประชาชนน้อยมาก เป็นการยึดอำนาจคนที่มาจากการเลือกตั้งโดยสิ้นเชิง อย่างที่มาส.ว.อ้างว่ามาจากหลายอาชีพ แต่ทุกครั้งส.ว.ที่มาจากการสรรหาจะได้กลุ่มหน้าเก่าที่คุ้นเคย เป็นมือเป็นเท้าให้กลุ่มอำนาจที่แต่งตั้งเข้ามา ส่วนกลุ่มส.ว.ที่เขียนให้มาจากเลือกตั้งก็ทำเป็นพิธีไปเท่านั้น ขณะที่การร่างแผนยุทธศาสตร์ประเทศ 20 ปี ไว้ในรัฐธรรมนูญเพราะคงกลัวรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่ทำตามกติกาที่ผู้มีอำนาจได้วางไว้ ซึ่งทุกอย่างขัดกับหลักประชาธิปไตย อย่ามาอ้างว่าทำเพื่อให้ประชาชนเป็นใหญ่
      นายสมคิด กล่าวอีกว่า ที่ สปช.บางกลุ่มระบุจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญนั้น ขอให้บอกประชาชนด้วยว่ารับร่างเพราะอะไรไม่รับเพราะอะไร ข้อดีข้อเสียของรัฐธรรมนูญคืออะไร อย่ากลัวแต่ว่าจะไม่ได้รับการแต่งตั้ง ให้เข้าทำงานในสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ คนกลุ่มนี้ก็คือนักการเมืองดีๆ นั่นเอง ปากบอกว่ารังเกียจนักการเมืองแต่กลับเล่นการเมืองได้ทุกวัน ความเดือดร้อนของประชาชนมีอีกมากอยากให้ไปสำรวจความเดือดร้อนของประชาชนมากกว่านั่งอ่านโพลเยินยอกันไปวันๆ

บิ๊กโด่งย้ำอีกยึดโรดแม็ป
       พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์กรณีสมาชิกสปช.บางส่วนจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญและอาจเกิดความขัดแย้งกันว่า นายกฯให้ความชัดเจนแล้วว่าต้องดำเนินการตามกรอบของกฎหมายและเดินทางไปตามโรดแม็ป ก็คงพยายามให้ทุกคนเข้าใจ ทำความเข้าใจกับทุกคน ที่ขอให้ร่วมมือกันและขอให้รู้ว่าทางรัฐบาลได้จัดกมธ.ต่างๆ ที่จะดูแลการปฏิรูป มีสปช.เป็นหลักอยู่แล้ว หลังจากรวบรวมข้อมูลคงเสนอไปตามลำดับขั้น ขอให้ทุกคนได้สบายใจ ในส่วนของรัฐบาลมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ กองทัพก็เป็นกลไกอันหนึ่งของรัฐบาลที่ดูแลเรื่องความมั่นคง
      พล.อ.อุดมเดช กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ก็มีความสบายใจเพราะส่วนใหญ่เข้าใจ อาจมีบ้างที่ไม่เข้าใจหรือคิดเห็นต่างไปบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาและการแสดงออกก็อยู่ในกรอบยอมรับได้ ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป(ศปป.) ก็ยังดำเนินการอยู่ คสช.ที่ดูแลตรงนี้ก็พยายามที่ทำแผนงานต่างๆ ที่มีแผนงานรองรับ สร้างความปรองดองสมานฉันท์ และจะได้เชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ ได้มาออกความคิดเห็น

เทียนฉายแถลงพิธีมอบผลงาน
    ที่รัฐสภา นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองประธานสปช.คนที่ 1 และน.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธานสปช.คนที่ 2 ร่วมกันแถลงข่าวพิธีมอบผลงานสปช. ในงานสปช.รายงานประชาชน เรื่อง "เปลี่ยนประเทศไทยกับสปช."
     นายเทียนฉาย กล่าวว่า ขณะนี้สปช.ทำหน้าที่มาถึง 95 เปอร์เซ็นต์ซึ่งตามที่รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดภารกิจของสปช.ต้องสิ้นสุดลงทันทีหลังจากที่ส่งร่างให้ครม. ขณะนี้รอการตอบรับจากพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งพิธีการส่งมอบจะจัดขึ้นในวันที่ 13 ส.ค. ที่ห้องประชุมคอนเวนชั่น เอ 2 ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชประสงค์ ตั้งแต่เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป โดยจะทำการส่งมอบวาระปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน และจะจัดทำฉบับประชาชนไว้แจกจ่าย
     เมื่อถามถึงกระแสข่าว สปช.จะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ นายเทียนฉายกล่าวว่า ยังไม่เห็นกระแสข่าว แต่ข่าวลือคือข่าวลือ อย่าเอามาเป็นสาระ บ้านเมืองสำคัญกว่านั้นมาก กระแสข่าวที่เป็นคนพูดเพียงคนเดียวถือเป็นเอกสิทธิ์ หวังว่าจะเห็นการวิเคราะห์รัฐธรรมนูญด้วยเหตุและผล ด้วยภูมิปัญญาของตัวเอง สมาชิกควรจะรู้ว่าควรจะตัดสินอย่างไร ส่วนที่สมาชิกออกมาแสดงความคิดเช่นนี้เห็นถือว่าเป็นประชาธิปไตย เพราะถ้าเราเริ่มต้นไม่ให้สมาชิกพูดก็เท่ากับว่าเราเริ่มต้นจุดจบประชาธิปไตย มั่นใจว่าสปช.ทั้ง 249 คนจะลงมติโดยอิสระ

ปื๊ดค้านแจงเหตุผลโหวตรธน.
      ด้านนายบวรศักดิ์ กล่าวว่า กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจะส่งร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 22 ส.ค.นี้ หลังจากนั้นสปช.จะมีเวลาศึกษาร่าง 15 วันและจะลงมติภายในวันที่ 5-7 ก.ย.ซึ่งจะไม่อภิปรายใดๆ ทั้งสิ้น แต่จะลงมติเพียงอย่างเดียวว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ถ้าสปช.ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ก็ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 21 คน โดยคสช.เป็นผู้แต่งตั้ง ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องมาดูว่า คณะกรรมการชุดใหม่จะนำเรื่องปฏิรูปอะไรบ้างที่สปช.ทำไว้ไปใส่ในร่างรัฐธรรมนูญใหม่
    นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า แต่ถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่านสปช.แล้ว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต้องพิจารณากฎหมาย 6 ฉบับภายใน 90 วัน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค การเมือง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปฏิรูปประเทศ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยความปรองดอง และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยยุทธศาสตร์ชาติ
       นายบวรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนที่มีข้อเสนอให้สมาชิกสปช.ทำเอกสารหรือชี้แจงต่อสื่อมวลชนถึงเหตุผลประกอบหลังลงมติว่าเหตุใดถึงรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้น ข้อเสนอนี้คงเป็นความปรารถนาของผู้เสนอ แต่ระบบการปกครองตั้งแต่ปี 2475 ไม่เคยมีข้อเสนอดังกล่าว ที่ผ่านมาเป็นการลงมติแบบเปิดเผยไม่ต้องใช้เหตุผลประกอบ ทำกันมาแต่ 80 กว่าปีแล้ว ก็ควรจะยึดประเพณีนี้ต่อไป

วอนสปช.อ่านก่อนตัดสินใจ
      พล.ท.นคร สุขประเสริฐ สมาชิกสปช.จังหวัดร้อยเอ็ด และกมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า แม้ร่างรัฐธรรมนูญจะถูกปรับแก้ไขแต่โดยภาพรวมยังเป็นไปตาม 4 เจตนารมณ์เดิมที่กมธ.ยกร่างฯกำหนดไว้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพมากกว่ารัฐธรรม นูญฉบับ 2540 และ 2550 เพราะกมธ.ยกร่างฯคิดว่ารากฐานของระบอบประชาธิปไตยและประเทศชาติจะเจริญก้าวหน้าได้นั้นประชาชนจำเป็นต้องมีสิทธิ เสรีภาพ และมีส่วนร่วมทางการเมืองในทุกมิติและทุกขั้นตอน
      พล.ท.นคร กล่าวว่า ส่วนตัวค่อนข้างมีความมั่นใจว่าเสียงสนับสนุนน่าจะใกล้ 200 เสียง เนื่องจากร่างรัฐธรรมนูญที่ปรับแก้ไขได้ตอบโจทย์ของการแก้ไขปัญหาในอดีตที่ผ่านมา อีกทั้งสมาชิกสปช.ได้เข้ามามีส่วนร่วมโดยเฉพาะหมวดการปฏิรูป ซึ่งกมธ.ยกร่างฯเตรียมจะนำรายละเอียดทั้งหมดไปบัญญัติไว้ในร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปฏิรูปประเทศ แต่หากสมาชิกสปช.ตัดสินใจไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทางกมธ.ยกร่างฯคงต้องยอมรับ แต่อยากฝากให้สมาชิก สปช.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วยความรอบคอบด้วยเหตุและผล พิจารณาดูว่าสิ่งที่กมธ.ยกร่างฯนำเสนอไปนั้นสามารถช่วยตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้มากกว่ารัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 หรือไม่

สมชัยโต้เดือด'เทพเทือก'
      ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง แถลงตอบโต้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ที่ออกมาระบุว่าตั้งแต่ปี 2540-2550 กกต.ไม่เคยจับผู้ทุจริตเลือกตั้งได้แม้แต่เพียงรายเดียว ว่า ถ้านายสุเทพไม่ความจำเสื่อมเพราะสูงอายุก็คงจะมีปัญหาเรื่องการถือศีลข้อ 4 คือการพูดปด เพราะที่ผ่านมากกต.ให้ใบเหลืองและใบแดงมากมาย เช่น นายมาโนช เสนพงศ์ ผู้สมัครนายกอบจ.นครศรีธรรมราช ได้ใบแดงจากกรณีจัดเลี้ยงแจกของ กรณีนายกฯ และสมาชิกอบจ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ที่ศาลอุทธรณ์เห็นตามที่กกต.ให้ใบแดงผู้สมัคร แต่มีการยกคำร้องดำเนินคดีอาญาในส่วนของผู้สนับสนุน ซึ่งเป็นนักการเมืองใหญ่ในจังหวัดที่ได้ร่วมกระทำผิดด้วย
      "และกรณี กกต.เสนอให้ใบเหลือง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.จากที่นายสุเทพกล่าวปราศรัยใส่ร้ายคู่แข่ง และหากมองเฉพาะ กกต.ชุดปัจจุบัน ทำงานเพียงปีครึ่งก็ให้ใบแดงกับผู้สมัครทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นไปแล้ว 126 ใบ ใบเหลือง 26 ใบ" นายสมชัยกล่าว

จวกเทือก"ตรรกะวิบัติ"
     นายสมชัย ยังกล่าวด้วยว่า กรณีที่นายสุเทพกล่าวหาว่า กกต.ไม่สามารถจับทุจริตการซื้อสิทธิ์ขายเสียงได้นั้น ยอมรับว่าการซื้อสิทธิ์ขายเสียงมีอยู่จริงและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย สาเหตุสำคัญคือนักการเมืองมุ่งแต่จะเอาชนะกันในการเลือกตั้ง ไม่สนกฎหมายบ้านเมือง แม้จะออกระเบียบมาป้องกันอย่างไร ฝ่ายการเมืองก็หาทางที่ทำให้เกิดความได้เปรียบ ดังนั้นปัญหาดังกล่าวจะมองว่ามาจากกกต.ฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะกกต.ก็อยู่ภายใต้ข้อจำกัดของกฎหมาย ในสมัย กกต.ชุดแรกแจก ใบเหลืองใบแดงได้มาก เพราะไม่มีกติกาว่าต้องประกาศรับรองผลภายใน 30 วัน แต่ในรัฐธรรมนูญ 50 มีหลักเกณฑ์ดังกล่าว ซึ่งไม่ช่วยเสริมการแก้ไขปัญหาการทุจริต ขณะเดียวกันข้อเสนอของ กกต. ที่เสนอไปยังกมธ.ยกร่างฯ หลายเรื่องที่จะจัดการกับผู้ทุจริตก็ไม่ได้รับการตอบสนอง ถ้าเป็นอย่างนี้คดีเลือกตั้งจะใช้เวลายืดเยื้อ แม้อาจจะไม่ยาวถึง 16 ปี เหมือนกรณีของนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม แต่สิ่งที่กมธ.ยกร่างฯ กำลังดำเนินการถือเป็นการออกแบบที่ไร้เดียงสาที่สุดในทางการเมือง เหมือนไม่เคยรู้สภาพปัญหา
     นายสมชัย กล่าวว่า ส่วนการที่นายสุเทพเสนอให้มีการปฏิรูปกกต. โดยให้เลือกตั้งกกต.ทั้งส่วนกลางและจังหวัดนั้น เป็นข้อเสนอที่ใช้ตรรกะวิบัติ ไร้สาระทางการเมืองที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา แค่คิดเรื่องค่าใช้จ่ายที่เท่ากับเลือกตั้ง ส.ส. ถามว่า 3 พันล้านบาทคุ้มค่าหรือไม่ การที่นายสุเทพบอกว่าไม่ควรเลือกตั้งส.ส. แต่จะมาเลือกตั้งกกต. ข้อเสนอดังกล่าวออกมาจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเชี่ยวชาญทางการเมืองได้อย่างไร การบอกให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้งก็เห็นว่าหลังจากวันที่ 22 พ.ค.2557 มีเวลาปฏิรูปพอสมควรจนกว่าจะถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า

กมธ.เมินภาษีบาปเข้าสภา
       ที่รัฐสภา นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นประธานประชุม กมธ.ยกร่างฯ พิจารณาบทเฉพาะกาล มาตรา 281 ที่ยอมให้ 3 องค์กร ได้แก่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ไทยพีบีเอส กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ที่ได้รับการจัดเก็บค่าภาษีและธรรมเนียมเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ (ภาษีบาป) หรือ Earmarked Tax ให้สามารถรับภาษีบาปได้อีกไม่เกิน 4 ปี นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ประกาศใช้
      ล่าสุด กมธ.ยกร่างฯ แก้ไขให้ทั้ง 3 องค์กร สามารถรับภาษีบาปต่อไปเช่นเดิม โดยไม่กำหนดอายุเวลา แต่ให้แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทั้ง 3 องค์กรให้เสร็จสิ้นภายใน 2 ปี นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ประกาศใช้ โดยต้องเพิ่มให้มีคณะกรรมการประเมินผลแห่งชาติ ให้แต่งตั้งองค์กรอิสระเพื่อมาประเมินผลงาน 3 องค์กรดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งองค์กร รวมถึงให้ทั้ง 3 องค์กรไปกำหนดเงินเพดานขั้นสูงสุดที่จัดเก็บหรือจัดสรรได้ในแต่ละปีเพื่อให้เกิดความชัดเจน จะไม่ยึดรูปแบบเดิมที่แต่ละองค์กรได้เพิ่มมาตามเปอร์เซ็นต์ อาทิ สสส.ได้ 2 เปอร์เซ็นต์ของรายได้การจัดเก็บภาษีบาปในแต่ละปี เป็นต้น รวมทั้งให้จัดสรรงบประมาณการใช้เงิน และเพิ่มการตรวจสอบมากขึ้นด้วยการให้ทั้ง 3 องค์กร รายงานถึงเงินเหลือจ่ายในแต่ละปี ต่อครม. สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา
       แหล่งข่าวในกมธ.ยกร่างฯ เผยว่า นอกจากนี้ ในอนาคตกมธ.ยกร่างฯ ยังไม่อนุญาตให้ใช้ภาษีบาปกับองค์กรอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะให้องค์กรเหล่านั้นไปใช้วิธีการจัดสรรงบประมาณตามปกติ หรือพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี

ปื๊ดชี้ต้องตรวจสอบรัดกุมขึ้น
       นายบวรศักดิ์ เผยว่า ที่ประชุม กมธ.ยกร่างฯเห็นชอบให้คงหลักการที่บัญญัติไว้คือการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินต้องเข้าสู่ระบบของ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีในทุกกรณี แต่จะไม่ให้มีผลกระทบต่อองค์กรที่มีอยู่ก่อนที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ โดยจะต้องแก้กฎหมายขององค์กรที่อยู่ก่อนรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีระบบควบคุม ตรวจสอบที่รัดกุมมากขึ้น โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาของสภา
     ล่าสุด ในเวลา 17.30 น. ที่ประชุมกมธ.ยกร่างฯ เข้าสู่การพิจารณาทบทวน หมวด 3 รัฐสภา ส่วนที่ 3 เกี่ยวกับที่มาของวุฒิสภา (ส.ว.) มีการเสนอให้ปรับแก้ไขทบทวนประเด็นที่มาส.ว. ซึ่งได้วางไว้ 3 แนวทาง คือ 1.พิจารณาว่าจะคงหลักการเดิมให้มีส.ว.เลือกตั้ง 77 คน และส.ว.สรรหา 123 คน หรือไม่ 2.ประเภทของส.ว.สรรหาทั้ง 4 กลุ่มที่กำหนดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญมีความหลากหลายเกินไปหรือไม่ และ3.รูปแบบที่มาของคณะกรรมการสรรหา ทั้ง 4 กลุ่ม มีความเหมาะสมหรือไม่

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!