WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

P82--


บิ๊กตู่ 3 อุแว้ 'สมคิด'มา'หม่อมอุ๋ย'ไป  
อภิศักดิ์ รมว.คลัง 'ดาว์พงษ์'คุมศธ. บิ๊กโด่งแรงงาน 'บิ๊กบี้-อรรชกา'ผงาดรมต.ใหม่

      ทูลเกล้าฯ แล้ว ปรับครม.'ประยุทธ์ 3' ล้างไพ่ ทีมเศรษฐกิจ'สมคิด'คุมเอง โยก'บิ๊กจิน'เป็นรองนายกฯ 'อาคม'ขึ้นนั่งรมว.คมนาคม 'บิ๊กโด่ง'รมว.แรงงาน'บิ๊กเต่า'จากรมว.แรงงาน นั่งรมว.ทส. 'ฉัตรชัย'ย้ายจากพาณิชย์มาคุมเกษตรฯ 'อภิรดี'เสียบว่าการ 'อภิศักดิ์"ขุนคลังคนใหม่ 'ดาว์พงษ์'ไปศึกษาธิการ'อนันตพร'รมว.พลังงาน 'ดอน'ขยับขึ้นรมว.ต่างประเทศ สองปลัด'ศิริชัย-อรรชก'คั่วรมต.ใหม่ 'อุตตม' รมว.ไอซีที 'สุวิทย์'รมช.พาณิชย์ คนเก่าหลุดเพียบทั้ง'หม่อมอุ๋ย-สมหมาย-ปีติพงศ์-พรชัย-ณรงค์ชัย-จักรมณฑ์-ณรงค์'นายกฯ ปลอบใจให้เป็นที่ปรึกษาฯ สปช.ร่นวันลงมติร่างรธน.เป็น 6 ก.ย.

 

วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9030 ข่าวสดรายวัน

 

'บิ๊กตู่'ทูลเกล้าฯครม.ตู่ 3 แล้ว

      เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยใช้เวลาประชุมเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง จากนั้นเวลา 10.35 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับครม.ตู่ 3 ว่า ได้ส่งรายชื่อ ครม.ใหม่ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอเพียงการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาเท่านั้น และจะมีการชี้แจงต่อไป ส่วนวันที่ 19 ส.ค. จะไม่มีการยกเลิกภารกิจการเดินทางไปเป็นประธานบวง สรวงและมหามังคลาภิเษก พระบรมราชา นุสาวรีย์ สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม ที่หัวหิน ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ประชุมครม.ได้แต่งตั้ง พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ขึ้นดำรงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เรียบร้อยแล้ว และที่ผ่านมาพล.ต.สรรเสริญ ก็ทำหน้าที่แถลงข่าวและชี้แจงงานมาตลอด

รายงานข่าวเปิดเผยว่า ในการประชุมครม. นายกฯ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่ามีความจำเป็นต้องปรับครม. เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ซึ่งรัฐมนตรีแต่ละคนไม่ได้มีปัญหาหรือข้อบกพร่องในการทำงาน แต่ที่จำเป็นต้องปรับเพื่อให้เกิดความเหมาะสม ซึ่งหลังจากนายกฯแจ้งการปรับครม.อย่างเป็นทางการชัดเจน ทำให้รัฐมนตรีหลายคนมีสีหน้าอึ้งๆ แต่บางคนก็พยักหน้าในทำนองเข้าใจ

 

เผยเจ็บปวดมาเยอะ

      เวลา 15.40 น. ที่อาคารอิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานเปิดงานตลาดนัดนวัตกรรมการแพทย์แผนไทย "ผลิตภัณฑ์จากแนวคิด สิ่งประดิษฐ์ด้านการแพทย์" ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

พล.อ.ประยุทธ์ ปาฐกถาว่า เหตุการณ์ที่ราชประสงค์วันที่ 17 ส.ค. เป็นเรื่องน่าเศร้า เราจึงต้องช่วยกันทำสิ่งดีๆ คนดีๆ ต้องชนะสิ่งไม่ดีให้ได้ ตนจะทำให้ดีที่สุด มิเช่นนั้นประเทศคงเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ซึ่งประเทศ ไทยมีศักยภาพมากพอจะเป็นผู้นำได้ แต่ที่ผ่านมาไม่ได้ใช้ศักยภาพที่มีอย่างเต็มที่ เอาเวลาไปทะเลาะกันเรื่องไร้สาระ เรื่องความแตกต่างทางความคิด จากนี้จำเป็นต้องคิดว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างไร ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายเยอะแยะ ถ้าปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่มีอยู่และทำในเรื่องสร้างสรรค์บ้านเมืองก็ไม่มีปัญหา ขอให้กำลังใจทุกคน และตนเองก็เจ็บปวดมาเยอะ วันนี้ต้องมองการพัฒนาประเทศไปข้างหน้า ไม่ใช่คิดแต่การเลือกตั้ง

    "วันนี้ประเทศชาติต้องการความร่วมมือ เพราะนี่คือบ้านของเรา Our Home ต้อง Together แปลว่าด้วยกันก่อน แล้วค่อย Stronger คือ แข็งแรง บ้านเมืองจะปล่อยให้เป็นความรับผิดชอบของทหาร ตำรวจ เพียงฝ่ายเดียวไม่ได้แล้ว คนไทยทุกคนต้องช่วยกัน ผมไม่อยากใช้กฎหมายบังคับใคร แต่ต้องการให้คนไทยกลับมาหากรอบวัฒนธรรมที่งดงาม อยากให้คนไทยมีกำลังใจ ผมเจ็บปวดกว่าทุกคนมาก ผมดีใจที่มาร่วมกันทำสิ่งดีๆ แม้จะมีสิ่งที่คนเลวๆ ทำเอาไว้ ดังนั้นเราต้องทำดี เพื่อเอาชนะคนไม่ดี" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

รมต.เก่าหลุดนั่งที่ปรึกษา

     พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงในที่ประชุมครม.ว่า มีความจำเป็นต้องปรับครม.หลังจากทำงานร่วมกันมาระยะหนึ่ง จึงมีการปรับและเปลี่ยนไปตามข้อมูลและสถานการณ์ที่เหมาะสม ไม่ได้ปรับตามกระแสวิพากษ์วิจารณ์หรือตามกระแสข่าวลือ ซึ่งนายกฯ ยืนยันว่ายังมีความเป็นมิตรไมตรี มีความรักเคารพในตัวรองนายกฯ ทุกคน ที่เสียสละทำงานเพื่อชาติร่วมกันมาตลอดเวลาที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละคนที่ถูกปรับหรือเปลี่ยน ไม่ได้หนีหายไปไหนเพราะจะเชิญมาเป็น ที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำต่างๆ

     "นายกฯ ใช้คำว่า จากเดิมเป็นผู้เล่นก็จะมาเป็นโค้ช ฉะนั้นจะมีความคิดเห็น ขอรับคำแนะนำ เราจะทำงานเป็นทีมเพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปให้ได้ และฝ่าฟันวิกฤตในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นมา ซึ่งนายกฯ ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายไปแล้วเมื่อวันที่ 17 ส.ค. ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการรอโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม" พล.ต.สรรเสริญกล่าว

     พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ภายหลังได้รับแต่งตั้งเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำลังตัดสินใจว่าอาจมีการพิจารณาบุคคลมาเพิ่มในทีมโฆษกพื่อให้การทำงานราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

'อุ๋ย'หารือเครียดรัฐมนตรีศก.

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุม ครม. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ได้เรียกทีมรัฐมนตรีจากกระทรวงเศรษฐกิจ ที่ร่วมทำงานมาตั้งแต่เริ่มตั้งรัฐบาล ทั้งนาย สมหมาย ภาษี รมว.คลัง นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายจักรมณฑ์ ผาสุก วนิช รมว.อุตสาหกรรม เข้ามาพบที่ห้องทำงานส่วนตัว ตึกบัญชาการ โดยหารือนานกว่า 20 นาที จากนั้นจึงลงมาด้านล่างพร้อมกันทั้งคณะ ขึ้นรถยนต์ส่วนตัวกลับเข้ากระทรวง

      นายสมหมาย ให้สัมภาษณ์ว่า ได้หารือกับรองนายกฯ และทีมเศรษฐกิจเรื่องงาน ส่วนการปรับครม.นั้น ถ้าจะให้ไปก็มีความพร้อมอยู่แล้ว หากจะถูกปรับออก ไม่ได้รู้สึกกังวลแต่ตอนนี้ยังไม่เห็นรายชื่อ ครม.ชุดใหม่ ต้องรอให้นายกฯ เป็นคนชี้แจงรายละเอียด

 

'จักรมณฑ์'พร้อมคืนเก้าอี้

      นายสมหมายกล่าวว่า ส่วนเรื่องที่หารือกันมี 2 เรื่อง คือร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยตามหลักการจะเก็บเฉพาะที่ดิน แต่ไม่ได้เก็บในทันที เพราะจะเริ่มเก็บภายใน 3 ปี หลังจากประกาศเป็นกฎหมายแล้ว คาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุมครม.เห็นชอบได้เร็วๆ นี้ ส่วนอีกเรื่องคือการ ร่างพ.ร.บ.ให้กระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อบริหารจัดการหนี้ที่รัฐบาลค้างจ่าย วงเงิน 7.2 แสนล้านบาท ประกอบด้วยหนี้จากโครงการรับจำนำข้าว หนี้จากที่รัฐบาลค้างจ่ายชดเชยขาดทุนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และหนี้ที่รัฐบาลค้างจ่ายสมทบกองทุนประกันสังคม ล่าสุดเตรียมการไว้พร้อมหมดแล้ว และรอเสนอให้ที่ประชุมครม.เห็นชอบเช่นกัน

    ด้านนายจักรมณฑ์ กล่าวว่า ส่วนตัวพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หากมีใครมาทำหน้าที่รมว.อุตสาหกรรมคนใหม่ ถือเป็นเรื่องปกติเพราะทำงานมาครบ 1 ปีแล้วตามที่รัฐบาลเคยประกาศไว้ และมั่นใจไม่ว่าใครมาเป็นรมว.อุตสาหกรรม ก็ไม่มีปัญหา เพราะตนได้แก้ไขปรับปรุงและวางรากฐานงานต่างๆ ภายในกระทรวง เพื่ออำนวยความสะดวกให้การดำเนินงานต่างๆ เป็นไปอย่างถูกต้องตามขั้นตอนและโปร่งใส

 

'ณรงค์ชัย'เก็บของที่พลังงาน

     เมื่อถามว่าเก็บของหรือยัง นายจักรมณฑ์กล่าวว่า ไม่ต้องเก็บเพราะวันที่ตนมาทำงานก็มาตัวเปล่า มีเพียงพระพุทธรูปมาด้วยเท่านั้น วันที่ต้องออกไปจากตำแหน่งก็ไม่ขนอะไรกลับไปบ้านเช่นกัน ของที่ระลึกต่างๆ ที่ได้รับมอบระหว่างทำหน้าที่รมว.อุตสาหกรรม ก็แจกจ่ายให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงไปหมดแล้ว

     นายจักรมณฑ์ กล่าวว่า ส่วนโผแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงนั้น นายกฯ มอบนโยบายให้ทุกกระทรวงเร่งรัดวางตัวบุคคลที่จะแต่งตั้งโยกย้ายให้เสร็จภายในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งตนได้พิจารณาเสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรเป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว 1 ชื่อ แทน นางอรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ที่จะเกษียณสิ้นเดือนก.ย.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนนายณรงค์ชัยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่และผู้ติดตามเก็บข้าวของเครื่องใช้สำนักงานออกจากกระทรวงพลังงานเรียบร้อยหมดแล้วเมื่อบ่ายวันที่ 18 ส.ค. โดยนายณรงค์ชัยอาจจะเข้ามาอำลาตำแหน่งกับ ผู้บริหารกระทรวงอีกครั้ง

 

'บิ๊กต๊อก-สุวพันธุ์'รอลุ้น

      พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องปรับครม.ว่านายกฯ ได้เสนอรายชื่อทูลเกล้าฯ ไปแล้ว ส่วนใครจะเตรียมตัวอย่างไรนั้น ตนไม่ทราบ นายกฯ อาจจะแจ้งเป็นรายบุคคล สำหรับตนยังไม่ทราบเช่นกันว่าได้ดำรงตำแหน่งเดิมหรือไม่

     ด้านนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์แจ้งต่อที่ประชุม ครม. โดยชี้แจงถึงความจำเป็นในการปรับครม. แต่ไม่ได้บอกว่าปรับใครอย่างไร ดังนั้นรัฐมนตรีแต่ละคนจึงไม่มีใครรู้ว่าจะถูกปรับหรือไม่

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม กล่าวว่า การปรับครม. เป็นการตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ปรารถนาดีต่อการทำงานเพื่อประเทศชาติ และประชาชน ที่ผ่านมา นายกฯ ให้เกียรติทุกคนที่ทำงาน และครม. ชุดใหม่ที่จะเข้ามาทำงานด้วย ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นว่าไม่ว่าทีมบริหารครม.ชุดเก่าหรือใหม่ จะมุ่งเน้นทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน ส่วนตนจะไปอยู่ที่อื่นหรือไม่นั้น ต้องรอฟังจาก นายกฯ ตนเพียงแต่ได้รับแจ้งว่าจะมีการปรับอย่างแน่นอน เชื่อว่าการปรับครม.ทำเพื่อพัฒนาทีมงาน และช่วงนี้ก็เหมาะสม เพราะครบรอบการทำงาน 1 ปีพอดี

 

'ประจิน'เผยนายกฯ โทร.หา

     ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯได้หารือเรื่องปรับครม.หรือไม่ พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ตนไปตรวจราชการที่จ.กระบี่ โดยปิดสัญญาณโทรศัพท์ไว้ตั้งแต่เวลา 08.00-20.45 น. เมื่อกลับเปิดดู จึงพบว่ามีสายโทร.เข้ามาหลายสาย มีเบอร์ของนายกฯรวมอยู่ด้วย แต่เนื่องจากขณะนั้นดึกแล้ว ประกอบกับมีสถานการณ์ความไม่สงบและวุ่นวายจากเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ ตนจึงไม่ได้โทร.กลับไปหานายกฯ เพราะอาจจะไม่เหมาะสม จึงยังไม่ทราบว่านายกฯจะโทร.มาพูดคุยเรื่องอะไร และถึงขณะนี้ยังไม่มีโอกาสได้สอบถามกับนายกฯเลย

       "ส่วนกระแสข่าวปรับผมไปนั่งเป็น รมว.พลังงานนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะผมห่างหายงานด้านพลังงานมานานแล้ว ถ้าถาม ส่วนตัวคิดว่าผมอาจจะหลุดโผ ครม.ไปเลย แต่คาดว่าอาจยังมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของคสช.อยู่ตามเดิม ซึ่งที่ผ่านมาผมทำงานอยู่เบื้องหลังมานานแล้ว เหมือนได้กลับไปอยู่เบื้องหลังเหมือนเดิม" พล.อ.อ.ประจินกล่าว

 

เคยถูกเตือนพูดไม่ชัดเจน

     ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกผิดหวังหรือไม่ หากไม่ได้รับตำแหน่งใดๆ เลยในครม.ชุดใหม่ พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ตนเข้ามาทำงานที่กระทรวงคมนาคมก็ทำเต็มที่ ตามภารกิจของรัฐบาลและประชาชน มั่นใจว่าทำเต็มขีดความสามารถแล้ว ถ้านายกฯไม่เป่านกหวีดให้หยุดทำก็จะทำต่อ แต่ถ้านายกฯเป่านกหวีดให้หยุดก็พร้อมจะหยุดพัก

     หากการทำงานของผมไม่สามารถทำให้ประชาชนมีความสุข ผมก็ต้องเปิดโอกาสให้คนอื่น ที่ผ่านมากระแสตอบรับการทำงานของผมออกมาไม่ค่อยดี ไม่ได้เป็นภาพบวก แต่ไม่เคยท้อแท้และยอมรับว่าผมเคยส่งสัญญาณด้วยการพูดผ่านสื่อไปแล้วว่าพร้อมให้โอกาสคนอื่นเข้ามาทำงานแทน" พล.อ.อ.ประจินกล่าว

      ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการปรับรมว.คมนาคมออกจากตำแหน่งจริงคาดว่าจะมาจากสาเหตุใด พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะครบรอบ1ปีการปรับเปลี่ยนครม. หากตนจะถูกปรับออกจาก ครม.สงสัยเป็นเพราะพูดไม่รู้เรื่อง ที่ผ่านมามักมีกระแสข่าวว่าตนเป็นคนมีปัญหาเรื่องการสื่อสารไม่ค่อยเก่ง ซึ่งที่ผ่านมานายกฯเคยเตือนเรื่องการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยว่าพูดไม่ค่อยชัดเจน

 

'อาคม'ไม่รู้นั่งรมว.คมนาคม

     ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม จะขยับขึ้นเป็นรมว.คมนาคมแทนตน พล.อ.อ.ประจินกล่าว ว่าหากเป็นจริงก็เชียร์และขอเอาใจช่วยนายอาคมด้วย เพราะรู้ว่าภารกิจงานของกระทรวงคมนาคมหนักมาก ซึ่งที่ผ่านตนกับรมช.อาคมช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ แต่วันนี้อาจจำเป็นต้องมีทีมงานให้เข้มแข็งขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลา

นายอาคมกล่าวว่าตนไม่ทราบเรื่องโผ ครม.ที่มีชื่อตนเป็น รมว.คมนาคม จึงตอบไม่ได้ว่าจำเป็นอย่างไร เพราะไม่มีใครทราบว่าตำแหน่งจะเป็นอย่างไร และไม่ได้คุยเรื่องนี้กับใครเลย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันที่ 18 ส.ค. พล.อ.อ.ประจิน สั่งให้เจ้าหน้าที่เก็บของใช้ส่วนตัวและเอกสารการทำงานออกจากห้องทำงานที่กระทรวงคมนาคม โดยทีมงานได้เริ่มทยอยขนของออกจากห้องทำงานตั้งแต่เวลา 17.00 น.

 

'สมคิด'รองนายกฯ-'ดอน'รมว.กต.

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อรัฐมนตรีที่นำขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว ในตำแหน่งรองนายกฯ ประกอบด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งจะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง

 


ครบ 83 ปี - นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมทำพิธีทำบุญเนื่องในโอกาสวันเกิดอายุครบ 83 ปี ที่อุทยานพุทธบัญชาข้างศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 18 ส.ค.

 

      ส่วนรองนายกฯ ที่ยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายวิษณุ เครืองาม นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ โดยพล.อ.ธนะศักดิ์ เดิมเป็นรองนายกฯ ควบรมว.ต่างประเทศ ครั้งนี้เหลือตำแหน่งรองนายกฯ ส่วนเก้าอี้รมว.ต่างประเทศ ขยับนายดอน ปรมัตถ์วินัย จากรมช.ต่างประเทศ ขึ้นมาแทน พล.อ.อ.ประจิน โยกจากรมว.คมนาคม มานั่งรองนายกฯ และขยับ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ จากรมช.คมนาคม ขึ้นมาเป็นรมว.คมนาคม

 

'อภิศักดิ์'ขุนคลัง'บิ๊กโด่ง'แรงงาน

     ส่วนกระทรวงอื่นๆ มีดังนี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นรมว.คลัง นางอภิรดี ตันตราภรณ์ ขยับ จากรมช.พาณิชย์ เป็นรมว.พาณิชย์ นางอรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นรมว.อุตสาหกรรม นายอุตตม สาวนายน อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็นรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)ไปเป็น รมว.ศึกษาธิการ "บิ๊กเต่า"พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ จากรมว.แรงงาน เป็นรมว.ทส. "บิ๊กโด่ง"พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม เป็นรมว.แรงงาน "บิ๊กบี้"พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นรมช.กลาโหม นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นรมช.พาณิชย์

 

โละ-ปรับทีมเศรษฐกิจ

     ส่วนพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมการติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็น รมว.พลังงาน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ จากรมว.พาณิชย์ โยกไปนั่งรมว.เกษตรและสหกรณ์ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ เป็นรมว.พาณิชย์

    ส่วนคนที่หลุดจากเก้าอี้ ประกอบด้วย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน นายพรชัย รุจิประภา รมว.ไอซีที นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน นายจักรมณฑ์ ผาสุกวานิช รมว.อุตสาหกรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด พล.อ.ศิริชัย ยื่นใบลาออกจากปลัดกระทรวงกลาโหม และพล.อ.อนันตพร ยื่นหนังสือลาออกจากสภา นิติบัญญัติแห่งชาติสนช.แล้ว

 

'เติ้ง'ทำบุญวันเกิดครบ 83 ปี

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมครอบครัวศิลปอาชา ร่วมทำบุญเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของนายบรรหาร ครบ 83 ปี ในวันที่ 19 ส.ค. แต่ได้จัดล่วงหน้าหนึ่งวัน โดยเวลา 07.00 น. นายบรรหาร เป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกองค์พระยูไล ที่อุทยานพุทธบัญชา ข้างศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นทำบุญถวายภัตตาหารเพลพระสงฆ์ 102 รูป ที่วัดป่าเลไลยก์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี

     ในงานมีคนใกล้ชิด สมาชิกพรรค และอดีตส.ส.พรรค อาทิ นายธีระ วงศ์สมุทร หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค นายนิกร จำนง ผอ.พรรค นายประภัตร โพธสุธน ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค นายภราดร และนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล อดีตส.ส.อ่างทอง นายจองชัย เที่ยงธรรม อดีตส.ว.สุพรรณบุรี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผบช.น. พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย รวมถึงข้าราชการ เจ้าหน้าที่ส่วนราชการในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี และประชาชนเข้าร่วมงานและมอบกระเช้าและร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ นายบรรหาร ยังมอบเงินบริจาค 3.2 ล้านบาท ให้กับ โรงพยาบาล ในพื้นที่จ.สุพรรณบุรี จำนวน 10 แห่งด้วย

เบ่งกล้ามโชว์ยังแข็งแรง

      นายบรรหาร ให้สัมภาษณ์ว่า การทำบุญวันเกิดครบ 83 ปี มีคนมาให้กำลังใจมากมายและยังมีข่าวลือว่าตนเสียชีวิต ก็เป็นการต่ออายุให้ ทั้งที่จริงคนที่ตายคือบรรหาร ศิษย์หอมหวล ลิเกคนดังต่างหาก ส่วนตนร่างกายยังแข็งแรง ยังมีหน้าตาสดใส จากนั้นนายบรรหาร ทำท่าเบ่งกล้ามโชว์

     ผู้สื่อข่าวถามถึงนายกฯ ระบุมีการปรับครม.และนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมแล้ว นายบรรหารกล่าวว่า เรื่องปรับครม. นายกฯ ต้องเอากล้องส่องดูให้ดีว่าใครเหมาะสมนั่งตรงไหน ไม่ใช่เอาผู้ช่วยรัฐมนตรีขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการ ต้องดูว่าคนนั้นมีความรู้ความสามารถแค่ไหน ฟังข้อมูลให้รอบด้าน ถึงจะแก้ปัญหาได้และมีหลายกระทรวงน่าจะปรับเปลี่ยนแต่ไม่ขอลงในรายละเอียด รอยลโฉมครม.ชุดใหม่ เข้าใจว่าหลังจากปรับแล้ว ทุกอย่างคงดีขึ้น

     ผู้สื่อข่าวถามว่า หากตั้ง ครม.ใหม่แล้ว รัฐบาลควรเร่งงานด้านใด นายบรรหารกล่าวว่า เร่งทุกด้าน ดูเรื่องภาษีว่าตัวไหนควรจัดเก็บให้มากที่สุด ตัวไหนควรผ่อนปรน ภาษีตัวไหนควรเพิ่ม มีหลายตัวด้วยกัน และการส่งออกจะต้องหาวิธีแก้ไขอย่างไรก็ต้องดูให้ดีขึ้น และตอนนี้ค่าเงินบาทอ่อนตัวมากแล้วอาจเป็นผลดี เมื่อถามว่าด้านการเมืองควรดำเนินการอย่างไร นายบรรหารกล่าวว่า "การเมืองผมไม่พูด เพราะไม่พูดมาปีกว่าแล้ว เรื่องรัฐธรรมนูญก็ไม่ขอออกความเห็น จะออกมาอย่างไรก็แล้วแต่"

 

รัฐสภายกระดับรปภ.ขั้นสูงสุด

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุระเบิดที่ราชประสงค์เมื่อช่วงค่ำวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น เวลา 10.15 น. ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 ได้ตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยของรัฐสภา ตั้งแต่จุดเอกซเรย์ใต้ท้องรถยนต์ และจุดตรวจอาวุธประตูทางเข้าอาคารรัฐสภา 1 ซึ่งพบว่า จุดเอกซเรย์ใต้ท้องรถยังมีความล่าช้า และจุดตรวจตรงประตูทางเข้าอาคารรัฐสภา ที่มีการติดตั้งเครื่องตรวจจับวัตถุโลหะที่ต้องสงสัย หรือวัตถุต้องห้ามที่ซุกซ่อนในตัวบุคคลนั้นมีปัญหา

     นายสุรชัย ชี้แจงว่า เท่าที่ตรวจสอบ 1 เครื่องพบว่าใช้งานไม่ได้ จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเครื่องทั้งหมด และหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเครื่องขัดข้องเกิดจากปัญหากระแสไฟฟ้าหรือไม่ ส่วนการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อความไม่ประมาท รัฐสภาเป็นสถานที่เชื่อมโยงโดยตรงกับปัญหาทางการเมือง จึงยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด พร้อมเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาเต็มอัตราและให้แก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ให้เสร็จภายใน 1 วัน ตนไม่กังวลว่าสภาจะเป็นจุดเสี่ยง แต่เพื่อ เพิ่มความมั่นใจให้กับสมาชิกทั้งสองสภา ประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในสภา เมื่อถามว่าหน่วยข่าวกรองแจ้งเตือนมายังรัฐสภาหรือไม่ นายสุรชัยกล่าวว่า ยังไม่มี

      นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ และนายยุทธนา ทัพเจริญ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.)แถลงภายหลังการประชุมว่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ได้กำชับในที่ประชุมวิป สนช.ให้มีการยกระดับความปลอดภัยภายในอาคารรัฐสภาในระดับสูงสุด โดยจะมีการสแกนระเบิดรถทุกคันที่เข้าออก และจะอนุญาตให้รถยนต์ของสมาชิกที่มีสติ๊กเกอร์เท่านั้นที่สามารถเข้ามาจอดภายในบริเวณอาคารรัฐสภาได้

 

สนช.นัดโหวต 7 กสม.

    โฆษกวิปสนช. กล่าวว่า สำหรับวาระการประชุมสนช.ในสัปดาห์นี้ มีวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบ 7 กรรมการสิทธิมนุษยชน(กสม.) หลังคณะกมธ.ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเป็นกสม.ที่มี พล.อ.อู้ด เบื้องบน เป็นประธาน ได้พิจารณาเสร็จเรียบร้อย และจะมีการนำเสนอรายงานการพิจารณาต่อที่ประชุมในการประชุมวันที่ 20 ส.ค.นี้ ซึ่งการพิจารณาในวาระดังกล่าวจะมีทั้งแบบเปิดเผย และการประชุมลับ ผู้ได้รับเลือกจะต้องได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกสนช.ทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังมีวาระการพิจารณาร่างกฎหมาย อีก 2 ฉบับคือ ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. ... กับ ร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .. ซึ่งมีสาระในการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น หลังจากที่ส่วนราชการต่างๆ ไม่สามารถเบิกจ่ายงบได้ทันตามกำหนดไปตั้งจ่ายเป็นงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 7,917 พันล้านบาท โดยหน่วยงานที่มีการโอนงบมากที่สุด คือ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการ

กมธ.แบ่งงานแจงสปช.

     เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ เป็นประธานการประชุม มีวาระพิจารณาทบทวนเจตนารมณ์ที่ค้างการพิจารณา ภายหลังได้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 285 มาตราเสร็จสิ้นแล้ว รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องและความเชื่อมโยงของร่างรัฐธรรมนูญให้เกิดความเรียบร้อยก่อนที่จะนำไปจัดพิมพ์เป็นรูปเล่มและส่งให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พิจารณาในวันที่ 22 ส.ค.นี้

นายไพบูลย์ นิติตะวัน กมธ.ยกร่างฯ เปิดเผยว่า กระบวนการชี้แจงเหตุผลในการปรับแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญต่อสมาชิกสปช.และครม. ทั้ง 9 กลุ่ม ระหว่างวันที่ 19-20 ส.ค.นั้น เบื้องต้น กมธ.ยกร่างฯ ได้มอบหมายสมาชิก กมธ.ยกร่างฯที่เกี่ยวข้อง แบ่งเป็น 8 คณะ คณะละ 2-3 คน เพื่อทำหน้าที่อธิบายและชี้แจงภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญทั้งหมด หากผู้ยื่นคำขอแก้ไขเกิดความสงสัยหรือติดใจในประเด็นใดก็ซักถามได้ กมธ.ยกร่างฯ พร้อมตอบทุกคำถาม โดยกระบวนการนี้จะเป็นลักษณะแลกเปลี่ยนความเห็นและสร้างความเข้าใจร่วมมากกว่ามาตอบโต้หรืออภิปรายถกเถียงกัน

สปช.เลื่อนถกคำถามประชามติ

     เมื่อเวลา 17.20 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธานสปช.คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม พิจารณาญัตติเรื่อง การขอให้มีปฏิรูปอีก 2 ปี ก่อนจัดการเลือกตั้ง ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสปช.และกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ และนายวรวิทย์ ศรีอนันต์รักษา สมาชิกสปช.เป็นผู้เสนอ

     ก่อนเข้าสู่การพิจารณา นายนิรันดร์ พันทกิจ สมาชิกสปช. ได้เสนอญัตติให้เลื่อนการพิจารณาญัตติดังกล่าวออกไปเป็นวันลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ

      นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการวิป สปช. ชี้แจงว่า การเสนอญัตติในวันนี้ไม่ได้ขัดรัฐธรรมนูญหรือข้อบังคับ ซึ่งวิป สปช.เห็นว่าเป็นการดำเนินการตามมาตรา 37 วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข ชั่วคราว 2557 สามารถตั้งประเด็นคำถามออกเสียงประชามติได้โดยให้สมาชิกรับรองญัตติตามข้อบังคับและเสนอมายังสปช. โดยวิปสปช.เป็นผู้บรรจุวาระ เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ามี 2 ญัตติจึงให้บรรจุเป็นวาระได้ โดยการพิจารณาจะไม่มีการลงมติ แต่เปิดให้ผู้เสนอญัตติได้แสดงเหตุผลและสมาชิกแสดงข้อคิดเห็น ส่วนการลงมติจะเกิดขึ้นในวันเดียวกับการลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ

   จากนั้น สมาชิกได้อภิปรายสนับสนุนให้เลื่อนญัตติออกไป และที่ประชุมเห็นด้วยให้เลื่อนญัตติดังกล่าวออกไปเป็นในวันลงมติร่างรัฐธรรมนูญ

 

ร่นลงมติรธน.6ก.ย.-ขานชื่อ

   ต่อมานายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช. แจ้งที่ประชุมว่า ตนมีข่าวประกาศเป็นความลับ 3 เรื่อง คือ 1.ตนเตรียมการให้สมาชิกที่ประสงค์จะเข้าร่วมจัดรายการเพื่อปรึกษาหารือนัยยะเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 25 ส.ค. เวลา 09.00-17.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ สามารถลงชื่อได้ 2.ตนสั่งการว่าจะเปิดประชุมสภาสปช.ในวันที่ 22 ส.ค. เวลา 11.30 น. เพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญจากมธ.ยกร่างฯ อย่างเป็นทางการ และจะส่งร่างเอกสารทั้งหมดให้สมาชิกไปพิจารณา ซึ่งสมาชิกสามารถรับเอกสารได้ตั้งแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไป หรือจะให้ส่งไปตามที่อยู่ก็ได้ และ 3.กำหนดวันเปิดประชุมสปช.ในวันที่ 6 ก.ย. เวลา 10.00 น. เพื่อลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นจะพิจารณาประเด็นคำถามทำประชามติ ทั้งนี้กระบวนการลงมติร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นไปตามจารีตที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2475 โดยการขานชื่อสมาชิกรายบุคคล

     นายเทียนฉาย กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าเราทำสำเร็จใน 3 เรื่องแล้ว คือให้ประชาชนได้รู้ สปช.ได้รู้ และรัฐบาลได้รู้ว่าเราทำอะไร จึงขอบคุณทุกคนที่มาร่วมทำสิ่งนี้ได้สำเร็จด้วยใจจริง และป่วยการที่จะไปขอบคุณหรือสรรเสริญใคร ขอให้ขอบคุณตัวเองดีที่สุด และจะไม่มี สปช.ครั้งที่ 2 อีกแล้วในแผ่นดินนี้ ส่วนเรื่องชมรมสปช.ที่นายอลงกรณ์ เสนอนั้นถึงไม่มีชมรม เราก็ติดต่อกันได้ ดีใจจริงๆ และชื่นใจมากที่ในที่สุดเราก็เป็นฝั่งเป็นฝา เป็นฝั่งหมายความว่าถึงฝั่ง เป็นฝาหมายความว่าสำเร็จแล้ว

จากนั้นนายนิมิต สิทธิไตร สมาชิก สปช. ได้ขอบคุณประธาน และให้สมาชิกทุกคนยืนขึ้นปรบมือให้กับประธาน และปิดการประชุมในเวลา 18.45 น. ทั้งนี้เดิมวันลงมติร่างรัฐธรรมนูญกำหนด 7 ก.ย. แต่ล่าสุดเปลี่ยนเป็น 6 ก.ย.

 

 

 

วัดใจ 249 สปช. คว่ำ-ไม่คว่ำ รธน.ฉบับปฏิรูป 285 มาตรา

 

มติชนออนไลน์ :

 


    เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าร่างรัฐธรรมนูญ (ฉบับปฏิรูป) ที่มี "บวรศักดิ์ อุวรรณโณ" ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมคณะ กมธ.ยกร่างฯทั้ง 36 ร่วมกันยกร่างฯ จะมีทั้งสิ้น 285 มาตรา ภายหลัง กมธ.ยกร่างฯ พิจารณาปรับแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ จากร่างแรกที่มี 315 มาตรา 

 

    หากไล่เรียงร่างรัฐธรรมนูญที่ปรับแก้ไขให้เหลือ 285 มาตราแล้วนั้น ประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงและถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งฝ่ายการเมือง นักวิชาการ รวมทั้งสมาชิกสภาปฏิรูป (สปช.) คงไม่พ้นสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญในมาตรา 260 ที่บัญญัติให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ ที่ถูกมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร 

 

     เนื่องด้วย กมธ.ยกร่างฯได้บัญญัติให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯมีอำนาจพิเศษเพื่อควบคุมความขัดแย้งรุนแรงที่คณะรัฐมนตรีไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ไว้ในบทเฉพาะกาลไว้ด้วยว่า "ภายในห้าปีนับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ถ้ามีความจำเป็นเพื่อรักษาความเป็นเอกราชของชาติ บูรณภาพแห่งดินแดน หรือเพื่อป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือมีกรณีที่เกิดความขัดแย้งอันอาจนำไปสู่ความรุนแรงขึ้นในประเทศ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร ทั้งการดำเนินการตามปกติของสถาบันทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญและคณะรัฐมนตรีไม่อาจดำเนินการเพื่อยุติกรณีดังกล่าวได้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและปรองดองแห่งชาติมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ มีอำนาจใช้มาตรการที่จำเป็นสำหรับจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าวแทนได้ภายหลังจากที่ได้มีการปรึกษาหารือกับประธานศาลรัฐธรรมนูญและประธานศาลปกครองสูงสุด ทั้งนี้ เพื่อให้สถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว 

 

     เมื่อได้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้ประธานกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติมีอำนาจสั่งการ ระงับยับยั้ง หรือกระทำการใดๆ ได้ ไม่ว่าการกระทำนั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติหรือในทางบริหาร และให้ถือว่าคำสั่ง การกระทำ และการปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว เป็นคำสั่ง การกระทำ หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้ และเป็นที่สุด ทั้งนี้ เมื่อได้ดำเนินการดังกล่าวแล้ว ให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติรายงานประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานศาลปกครองสูงสุดทราบโดยเร็ว และแถลงให้ประชาชนทราบถึงการใช้มาตรการดังกล่าว"

 

     แม้ประเด็นร้อนในมาตรา 260 ที่เป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว ทาง กมธ.ยกร่างฯยืนยันว่าจะไม่มีการปรับแก้ไข พร้อมกับให้เหตุผลว่าควรมีไว้ตามเดิม เพราะเจตนารมณ์ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯคือการผลักดันการปฏิรูปประเทศให้เกิดเป็นรูปธรรม หลังจาก สปช.ได้หมดวาระลงแล้ว และอำนาจพิเศษเกี่ยวกับการแก้วิกฤตก็เป็นเพียงอำนาจส่วนหนึ่งของคณะกรรมการเท่านั้น ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะการใช้อำนาจพิเศษดังกล่าวจะต้องให้เกิดวิกฤตทางการเมืองก่อนเท่านั้น ไม่ใช่นำมาใช้โดยพลการ 

 

    รวมทั้งในช่วงวิกฤตของประเทศที่ผ่านมาหลายครั้ง ไม่เคยมีกลไกตามรัฐธรรมนูญที่สามารถแก้ปัญหาได้ มีแต่การอ้างถึงการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 7 ซึ่งในทางปฏิบัติไม่สามารถใช้ได้ จนนำไปสู่การรัฐประหารถึง 2 ครั้ง ดังนั้นการมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯขึ้นมาก็เพื่อให้มีกลไกแก้วิกฤตตามรัฐธรรมนูญ ป้องกันไม่ให้มีการฉีกรัฐธรรมนูญอีกครั้ง 

 

   อีกทั้ง กมธ.ยกร่างฯยังมั่นใจด้วยว่า จะชี้แจงเหตุผลในการปรับแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญกับตัวแทนของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จำนวน 8 กลุ่ม และตัวแทนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ กมธ.ยกร่างฯกำหนดให้ทั้งคณะบุคคลทั้ง 9 กลุ่มที่เสนอคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ เข้ารับฟังเหตุผลการปรับแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคมนี้ ให้มีความเข้าใจตรงกันได้

 

     โดยประธาน กมธ.ยกร่างฯได้มอบหมายสมาชิก กมธ.ยกร่างฯที่เกี่ยวข้องออกเป็น 8 คณะ คณะละ 2-3 คน เพื่อทำหน้าที่อธิบายและชี้แจงภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญทั้งหมด หากผู้ยื่นคำขอแก้ไขเกิดความสงสัยหรือติดใจในประเด็นใดก็สามารถซักถามได้ ทาง กมธ.ยกร่างฯพร้อมจะตอบทุกคำถาม โดยกระบวนการดังกล่าวนี้จะเป็นลักษณะแลกเปลี่ยนความเห็นและสร้างความเข้าใจร่วมมากกว่ามาตอบโต้หรืออภิปรายถกเถียงกัน

 

      ก่อนที่ กมธ.ยกร่างฯจะส่งร่างรัฐธรรมนูญที่จัดพิมพ์เรียบร้อย ด้วยฤกษ์พานาทีในเวลา 11.59 น. วันที่ 22 สิงหาคมนี้ ให้กับ สปช.ทั้ง 249 คน นำไปศึกษาร่างรัฐธรรมนูญเป็นเวลา 15 วัน ก่อนที่ สปช.จะร่วมประชุมเพื่อพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวหรือไม่ 

 

     ซึ่ง กมธ.ยกร่างฯวิเคราะห์ถึงทิศทางการโหวตรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปของ สปช.ไว้เป็น 3 แนวทาง คือ แนวทางแรก คือ สปช.ที่ประกาศจุดยืนไม่รับร่างฯแน่นอน แนวทางที่สองคือ สปช.ที่ประกาศจุดยืนรับร่างฯแน่นอน และแนวทางที่สามคือ สปช.ที่ยังไม่แสดงท่าทีว่ารับหรือไม่รับ เนื่องจากขอรอดูเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญฉบับสุดท้ายก่อนตัดสินใจ โดย สปช.ในกลุ่มที่ยังไม่แสดงท่าทีว่าจะรับหรือไม่รับร่างฯถือว่ามีจำนวนที่มากที่สุด และเป็นตัวแปรสำคัญในการโหวตรับหรือไม่ร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 กันยายนนี้

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!