WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

19ตำแหนง

 

 

ปัดกุนซือ อุ๋ยลาขาด-รบ.บิ๊กตู่ นายกไม่ง้อ-ลั่น 'ไม่รับก็อย่ารับ'โปรดเกล้าแล้ว ครม.ประยุทธ์ 3 สนช.ตีตกกสม. 'บวร-ศุภชัย'ปิ๋ว

    โปรดเกล้าฯครม.ชุดใหม่แล้ว ปรับรวม 19 ตำแหน่ง'หม่อมอุ๋ย'โวยทำงานไม่มีความสุข ถูกจ้องจับผิด ลั่นไม่คัมแบ๊กอีก ที่ปรึกษานายกฯ ก็ไม่รับ 'บิ๊กตู่'สวนทันควันไม่รับก็อย่ารับ แต่ยันไม่โกรธตอบ รมต.ตกเก้าอี้แห่นั่งที่ปรึกษานายกฯ 'สมหมาย-อำนวย-ณรงค์ชัย' นำทีม 'บิ๊กจิน'ปลื้มน้ำตาคลอเบ้า ข้าราชการคมนาคมแห่ส่ง-ให้กำลังใจ สธ.คาดหวัง'หมอปิยะสกล' แก้ปัญหา-ลุยปฏิรูป 'วิษณุ' พอใจกมธ.ยกร่างฯแก้ตามข้อเสนอครม. สนช.เห็นชอบ 5 ว่าที่กสม. ตีตก'บวร ยสินธร' กับ'ศุภชัย ถนอมทรัพย์'

 

วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9032 ข่าวสดรายวัน

 

ไม่ได้ไปต่อ - ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเป็นครั้งสุดท้าย ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ก่อนจะไม่มีรายชื่ออยู่ในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ "ประยุทธ์ 3" ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 20 ส.ค.

 

 

โปรดเกล้าฯครม.บิ๊กตู่ 3

     วันที่ 20 ส.ค. ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูล โดยมีบุคคลที่ได้รับการปรับเปลี่ยนตำแหน่งและบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีใหม่ ดังนี้

      พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็นรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เป็นรองนายกรัฐมนตรี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย เป็นรองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ เป็นรมว.การคลัง นายดอน ปรมัตถ์ วินัย เป็นรมว.การต่างประเทศ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ เป็นรมว.เกษตรและสหกรณ์ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็น รมว.คมนาคม นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ เป็นรมช.คมนาคม พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ เป็นรมว.ทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอุตตม สาวนายน เป็นรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ เป็นรมว.พลังงาน นางอภิรดี ตันตราภรณ์ เป็นรมว.พาณิชย์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นรมช.พาณิชย์ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เป็นรมว.แรงงาน พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เป็นรมว.ศึกษา ธิการ นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เป็นรมว.ศึกษาธิการ นายปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นรมว.สาธารณสุขนางอรรชกา สีบุญเรือง เป็นรมว.อุตสาหกรรมทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. 2558

 

'อุ๋ย'ปัดนั่งที่ปรึกษานายกฯ

      ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ถึงการถูกปรับออกจากตำแหน่งรอง นายกฯ โดยมีข่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์ให้มาเป็นที่ปรึกษานายกฯว่า ไม่เป็นความจริง เพราะไม่เคยมีใครทาบทาม และที่มีข่าวว่านายกฯ มอบให้นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการครม. มาพูดคุยเพื่อให้เป็นที่ปรึกษาก็ไม่เคยติดต่อมา และหากมาทาบทามจริงก็ไม่รับ เพราะไม่เห็นด้วยกับการใช้หลักแบ่งแยกแล้วปกครอง ถ้าเห็นว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษาคสช. เหมาะสมจะเป็นรองนายกฯด้านเศรษฐกิจ ควรสนับสนุนเขาให้ทำงานได้เต็มที่ ไม่ใช่ตั้งที่ปรึกษาไปคอยตามจับผิด อย่างนี้ไม่ดี และยังไม่ได้พูดคุยกับนายสมคิด เท่าที่ดูเหมือนจะมีรองนายกฯด้านเศรษฐกิจ 2 คน

      "ผมกับคุณสมคิดรู้จักกันและผมพร้อมสนับสนุนเต็มที่ ถ้าอะไรที่ไม่เหมาะผมโทร.บอกกันได้ตรงๆ อยู่แล้ว แต่ระหว่างนี้ต้องสนับสนุนเขาเต็มที่ ไม่ใช่มีที่ปรึกษาไปคอยตามงาน ตามจ้องจับผิดกันแบบนี้ คนทำงานไม่มีความสุข เพราะประเทศไทยทะเลาะกันไม่ได้อีกแล้ว ต้องช่วยกันทำให้เศรษฐกิจดี ให้ได้ ขอย้ำว่าไม่เคยมีการทาบทาม ที่ผ่านมา นายกฯก็ไม่เคยทาบทาม ผมจึงต้องปฏิเสธข่าว เพราะจะเข้าใจผิดว่าผมวิ่งไปโน่นมานี่ หลังจากนี้หากนายกฯทาบทามผมก็ไม่รับ ยืนยันที่ระบุเช่นนี้ไม่ได้น้อยใจและไม่เคยน้อยใจ เพราะเข้ามาเพื่อทำงานให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว

 

โวยเจอกับตัวถูกจ้องจับผิด

     ถามว่าเหตุใดมองว่าการปรับเปลี่ยนเป็นการแบ่งแยกแล้วปกครอง ม.ร.ว.ปรีดิ ยาธรกล่าวว่าตนโดนมาแล้ว ทำงานก็โดนตามจับผิดมาตลอด คนทำงานก็หมดแรง และไม่อยากให้นายสมคิดหมดแรง อยากให้เขาทำให้เต็มที่ ไม่ใช่มีที่ปรึกษาไปคอยตามจ้องจับผิด อีกคนทำงานแต่อีกคนเป็นที่ปรึกษา ก็คอยตามจับว่าเรื่องใดถูกเรื่องใดผิด แต่ประเด็นนี้ไม่ใช่จุดอ่อนการทำงานช่วงที่ผ่านมา ขอย้ำว่าไม่ชอบหลักแบ่งแยกแล้วปกครองเท่านั้น เพราะเคยโดนมาแล้วและรู้สึก จึงไม่อยากให้นายสมคิดโดนแบบเดียวกัน

      เมื่อถามว่าผลจากการจับผิดเป็นสาเหตุทำให้ถูกปรับออกจากครม.หรือไม่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่าไม่เกี่ยว และไม่เคยรู้สึกอยู่แล้ว เพราะทำงานของตัวเองรับผิดชอบไป ถามว่ามีเรื่องใดที่รู้สึกว่าถูกจับผิด ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่าระหว่างการทำงานแล้วมีที่ปรึกษามาคอยดูงานอยู่ตลอดเวลา ก็แปลว่าคอยตามดูว่าถูกหรือผิด แค่หนังสือพิมพ์ตามงานก็เหนื่อยพออยู่แล้ว เมื่อถามว่าเป็นเพราะอำนาจของที่ปรึกษา นายกฯที่มาคอยดูงานทำให้ไม่สะดวกใจและติดขัดในการทำงาน ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่าไม่ใช่อำนาจ แต่เป็นวิธีที่คอยมาตามงาน คอยมาจี้แล้วบอกว่าผิดหรือถูก ทั้งที่ไม่เข้าใจ ซึ่งน่ารำคาญเพราะทำให้ทำงานไม่มีความสุข การจะให้ใครมาทำงานต้องทำให้เขามีความสุขและสนับสนุนเขาเต็มที่ เพื่อให้ประเทศไปได้ดี และที่ผ่านมาคิดว่าการทำงานของตัวเองดีมาก

 

หมดแรงไม่กลับร่วมครม.อีก

    เมื่อถามว่าหน้าตาของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า โปรดเกล้าฯเมื่อไรจึงจะคุย แต่ทั้งหมดนี้จะเปลี่ยนอะไรก็ต้องสนับสนุนให้เต็มที่ อย่าไปหาใครมาคอย คานอำนาจหรือตามผลงาน และหากนายกฯเรียกไปพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจก็ไม่ไป เพราะเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีใครมาเป็น เจ้าหัวใจ หากจะขอคำปรึกษาก็ไม่ให้ ส่วนงานในคณะที่ปรึกษาคสช.ในส่วนของพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ขณะนี้ยังไม่ได้คิด เพราะที่ผ่านมาไม่เคยไปทำงานหรือให้คำปรึกษานานแล้ว และตนก็ลืมไปแล้วขอบคุณสื่อที่เตือน

    เมื่อถามว่า จากนี้จะทำอะไรต่อไป ม.ร.ว. ปรีดิยาธรกล่าวว่าไม่ต้องช่วยตนก็อยู่บ้าน จะไปช่วยอะไรแก่แล้ว อายุ 68 ขอเกษียณบ้าง แค่นี้ก็หมดแรงแล้ว ไปอยู่บ้านอ่านหนังสือพิมพ์เห็นสื่อเขียนกันให้เลือดเดือดก็สนุกแล้ว เมื่อถามว่าในอนาคตหากนายกฯเชิญมาร่วมครม.อีกครั้งจะพิจารณาอย่างไร ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่าตนอยู่ของตนสบายดีแล้ว

 

บิ๊กตู่ยันไม่โกรธตอบ

    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับครม.ประยุทธ์ 3 ว่ามีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแล้ว รวม 19 ตำแหน่ง มีรัฐมนตรีใหม่ 10 คน คนเก่าที่พ้นหน้าที่ไปก็มาช่วยตน อย่างนายอำนวย ปะติเส อดีตรมช.เกษตรฯ ก็มาช่วย ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ได้โกรธเคืยงตน ทุกคนก็เป็นเช่นนี้ มีเพียง 2 คนคือนพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ อดีตรมช.สาธารณสุข มีงานเฉพาะต้องไปดูแลเป็นประธานบริษัทเอกชน แต่ก็พร้อมยินดีให้คำปรึกษา ที่เหลือตนตั้งเป็นที่ปรึกษารัฐบาล

     เมื่อถามว่ารัฐมนตรีบางคนเป็นข้าราชการประจำ นายกฯกล่าวว่า ไม่มีปัญหา กฎหมายบัญญัติไว้ว่าทำได้ ในรัฐธรรมนูญไปอ่านดู และอีกไม่นานบุคคลเหล่านี้จะเกษียณอยู่แล้ว

      เมื่อถามว่าม.ร.ว.ปรีดิยาธรแถลงจะไม่รับตำแหน่งที่ปรึกษา นายกฯกล่าวว่าไม่รับก็อย่ารับ ตนจะให้รับแต่เมื่อไม่รับก็ไม่รับ เมื่อถามว่าไม่มีอะไรติดใจใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า "จะไปขัดใจอะไร ท่านก็ร่วมเป็นร่วมตายมากับผม เว้นแต่ท่านจะขัดใจผมเท่านั้น ท่านจะน้อยใจผม โกรธผม ด้วยความเคารพเพราะผมไม่มีอะไรอยู่แล้ว ผมไม่ได้เคยบอกใคร ถามเท่าไรก็ไม่ตอบ ต้องวางระยะของผมไว้"

      เมื่อถามว่านายสมหมาย ภาษี อดีตรมว.คลัง น้อยใจที่ถูกปรับออกหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่าจะมาน้อยใจอะไรตน ที่นายสมหมายเปรยทำนองน้อยใจตนไม่สนใจ ไม่เคยฟัง ตนทำอะไรไม่ดีหรือเวลาไปต่างประเทศก็เห็นรักตนทุกคน มาที่นี่ก็พูดกับตนทุกคน แต่สิ่งที่สั่งให้เขาทำบางอย่างมันยัง ช้าอยู่ ก็ไม่รู้ว่าช้าเพราะตนหรือไม่ ตนอาจบกพร่องก็ได้ เอาเป็นว่ายอมรับว่าบกพร่องเอง ลูกผู้ชายกล้าทำกล้ารับอยู่แล้ว ใครโกรธตนก็ว่าไป ตนไม่โกรธตอบอยู่แล้ว ให้เกียรติทุกคนเสมอ

 

ปรับแล้วก็ไม่สมบูรณ์แบบ

      เมื่อถามว่าคิดว่าครม.ใหม่ครั้งนี้สมบูรณ์แบบหรือไม่ นายกฯกล่าวว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ คนหรือมนุษย์คือคนทำ ปัญหามันทับซ้อน มันยาก เงินทองมีให้แก้ปัญหาหรือไม่ ทำได้หรือไม่ มันคิดได้ทั้งหมด กี่ร้อยเรื่องก็ได้ แต่ปัญหาวันนี้คือรัฐบาลจะเอาเงินจากที่ไหน ไม่ว่าใครก็ทำไม่ได้ วันนี้จะเริ่มทำระยะที่ 1-2-3 ไปก่อน ต้องสะสมทำจากน้อยไปหามาก ส่วนความคาดหวังครั้งนี้เพื่อให้ทุกคนสบายใจว่าเปลี่ยนให้แล้ว คนที่มาต้องทำให้ดีไม่เช่นนั้นก็ถูกเล่นงานอีก เมื่อเข้ามาก็ต้องมาสานต่อในสิ่งที่รัฐบาลได้เริ่มไว้

      นายกฯกล่าวว่า ส่วนรองนายกฯและรัฐมนตรีที่ยังเป็นที่ปรึกษาก็ให้เขาช่วยคิดแนวทางขับเคลื่อนเพิ่มเติมให้ตน เพราะรู้ว่าที่ผ่านมาทำอะไรไปบ้าง สรุปเรื่องมาตนจะส่งต่อให้รัฐมนตรีใหม่ไปดู ก็เหมือนคณะทำงานที่ปรึกษาของคสช. ม.ร.ว.ปรีดิยาธรก็อยู่ในคณะที่ปรึกษาคสช.ด้วย รัฐมนตรี 4-5 คนเป็นที่ปรึกษาคสช.ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2557 ขอให้เชื่อมั่นกันหน่อย ไม่มีอะไรยากหรือง่ายเกินไปที่จะทำให้ประเทศเราเข้มแข็ง ขอให้ใช้คำที่ตนพูดว่าเราต้องเติบโตและเข้มแข็งไปด้วยกัน เพราะที่นี่คือประเทศไทยและเป็นบ้านของพวกเรา

      เมื่อถามว่าสรุปว่าครม.ใหม่มีคนนามสกุลกาญจนรัตน์ 2 คนใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่าไม่ใช่พ่อเดียวกัน คนนามสกุลเหมือนกันชื่อเหมือนกันยังมีเลยในประเทศไทย คงเป็นญาติกัน เมื่อถามว่าถ้าเป็นเช่นนั้นต่อไปผบ.ทบ. ต้องมีนามสกุลเดียวกับนายกฯใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าทำไมต้อง มีใครบอกมาหรือทางสภากลาโหม เดี๋ยวเขาก็พิจารณาเสนอขึ้นมาเอง ไม่ใช่ตน เมื่อเสนอขึ้นมาตนก็เซ็นทุกอย่างเป็นระบบระเบียบของเขาอยู่แล้ว อย่าไปกังวล ใครจะเป็นก็เหมือนกัน

 

รับฟังความเห็นรมต.หลุดเก้าอี้

      ก่อนให้สัมภาษณ์ถึงการปรับครม. ในเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดกองทุนการออมแห่งชาติ(กอช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงโพลที่ระบุคะแนนนิยมรัฐบาลตกว่า ตอนนี้มีประยุทธ์ 3 ที่ต้องทำงานหนักเพราะต้องขับเคลื่อนงานทั้งหมด แต่ประยุทธ์ 1 และประยุทธ์ 2 ต้องรับแรงกดดันในเรื่องต่างๆ เพราะเริ่มทำงาน ทำเรื่องกฎหมายเอาของเก่ามารื้อแก้ มองครม.ตอนนี้ไม่มีให้ปรับแล้ว คนอาสามาทำงานเยอะแต่เราจะไว้ใจได้หรือไม่ ตอนนี้ประยุทธ์ 1 กับประยุทธ์ 2 ต้องไปเป็นที่ปรึกษา ตนจะฟังเขาเหล่านั้นแล้วมากำหนดนโยบาย จำเป็นต้องฟังทุกคน

    นายกฯกล่าวว่า จะเป็นประยุทธ์ 1, 2, 3 หรือจะเป็นประยุทธ์ 4, 5 ก็บอกให้ปรับกันอีก ปรับตนออกง่ายกว่า พอปรับอีกรัฐบาลก็ไม่ดีขึ้น มันจะดีขึ้นได้อย่างไรเพราะเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ไม่มีปัจจัยภายนอกมาเพิ่ม พอมีปัจจัยภายนอกเข้ามาก็มีปัญหา แก้กันทุกวัน ที่มีคนบอกว่าให้ตั้งประชาชนเข้ามานั่งในครม. เป็นไปไม่ได้

 

ไม่กลัวคอลัมนิสต์เห็นต่าง

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หนังสือพิมพ์บางฉบับบอกว่าตั้งกอช.มาก็เท่านั้น เพราะบางคนเงิน 100 บาทยังหาไม่ได้ เขาค้านทุกเรื่อง ไม่รู้มันเป็นอะไร สมองมันสวนทาง ตนไม่ได้ว่าทั้งหมด บางคอลัมนิสต์ก็เขียนอยู่นั้น คนที่ ทำผิดกฎหมายไม่เห็นว่า ไอ้ที่ยังไม่ได้ทำผิดไปแล้ว ตนไม่เข้าใจว่าอยู่ข้างไหน อยู่ข้างประเทศไทยหรือไม่ ตนมีชื่อทั้งหมดอยู่แล้ว หลายคอลัมนิสต์ หลายสื่อน่ารำคาญ ประท้วงไม่ซื้อหนังสือพิมพ์กันสักพักดีหรือไม่ ปลอดหนังสือพิมพ์ ปลอดสื่อ เพราะสื่อควรให้สิ่งดี ให้ประชาชนเรียนรู้ มันเสียหายหรือกลัวว่าจะขายไม่ออก พอออกไปข้างนอกสื่อก็ไม่ถามตนเรื่องนี้ ไปถามเรื่องระเบิดขยายความไปเรื่อย ระเบิดไปแล้วแต่เหมือนระเบิดทุกวัน เพราะสื่อถามแต่เรื่องเดิมๆ ชอบเขียนให้ ขัดแย้งตลอด มีสิทธิพิเศษที่เรียกว่าฐานันดร 4 ทำอะไรก็ได้มันไม่ใช่ เดี๋ยวก็รอสับตนอยู่ข้างนอก บอกไว้เลยไม่กลัวอยู่แล้วเพราะตนทำเพื่อประเทศชาติ

 

"สมหมาย"รับนั่งที่ปรึกษา

     ที่กระทรวงการคลัง นายสมหมาย ภาษี อดีตรมว.การคลัง เผยว่า ได้ตอบรับคำเชิญ ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯแล้ว รวมทั้งได้รับหนังสือขอบคุณจากพล.อ.ประยุทธ์ ด้วย ถือเป็นเรื่องที่ดีและยืนยันว่าเป็นการจากกันด้วยดี ไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งกันเหมือนข่าวที่ออกมา และเป็นเรื่องที่ดีแม้จะมีการปรับเปลี่ยนแต่ไม่ได้แยกย้ายหายหน้ากันไปเลย

      นายสมหมาย กล่าวว่า จากการหารือเบื้องต้นทราบว่า นายพรชัย รุจิประภา อดีตรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) และนายณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีตรมว.พลังงาน ได้ตอบรับคำเชิญร่วมเป็นที่ปรึกษานายกฯ ขณะที่นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช อดีตรมว.อุตสาหกรรม ปฏิเสธ เนื่องจากติดภารกิจที่ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ส่วนม.ร.ว.ปรีดิยาธร เข้าใจว่าไม่ได้รับคำเชิญให้มาร่วมงานดังกล่าว

 

"บิ๊กป้อม"ยันไม่เกี่ยวปรับครม.

       ที่อาคารรับรองบ้านเกษะโกมล พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการปรับครม.ว่า ต้องถามนายกฯ ซึ่งนายกฯต้องการทำให้ดีขึ้นและให้เกิดความเชื่อมั่น ถ้าทำแล้วไม่ดีขึ้นจะทำทำไม แต่ผลจะออกมาดีหรือไม่ดีตนไม่รู้ เป็นเรื่องอนาคต เพราะรัฐมนตรีที่ทำงานมาตั้งใจทุกคนแต่ไม่เกิดความเชื่อมั่น

     เมื่อถามว่า การปรับครั้งนี้เพื่อให้ทุกอย่างขับเคลื่อนเร็วขึ้นใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าปัจจุบันก็ขับเคลื่อนอยู่แล้ว แต่ความเชื่อมั่นของประชาชนมีความสำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องทำให้เกิดขึ้น และเชื่อว่าคนที่ถูกปรับออกจะไม่รู้สึกไม่พอใจ เพราะนายกฯกล่าวขอบคุณในครม.ชัดเจน นายกฯรู้ว่าทุกคนช่วยทำงานแต่จำเป็นต้องตัดสินใจ และตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างที่หนังสือพิมพ์เขียน นายกฯตัดสินใจคนเดียวโดยดูรายละเอียดทุกกระทรวงและทุกเรื่อง เพราะเป็นคนชอบอ่านหนังสือและติดตามงานต่างๆ ด้วยตัวเอง อย่าไปโยนคนโน้นคนนี้

      เมื่อถามย้ำว่าทีมเศรษฐกิจของนายสมคิดจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้นใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าตนหวังว่าจะดีขึ้น ฝากทุกคนช่วยดู ตนคงไม่ต้องให้กำลังใจนายสมคิด เพราะนายสมคิดต้องมีกำลังใจทำงาน เมื่อได้รับตำแหน่งสำคัญเข้ามาแก้ไขปัญหาก็ต้องทำให้ได้ เป็นหน้าที่ของนายสมคิด คิดว่าเมื่อปรับแล้วต้องดีกว่าเดิม เมื่อถามว่าม.ร.ว.ปรีดิยาธรไม่พอใจและมองว่าเป็นการแบ่งแยกและปกครอง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าก็เป็นความคิดของเขา คงไม่มีปัญหา

 

ตั้งผบ.ทบ.ไม่มีรักมากรักน้อย

      พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงความคืบหน้าบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปีโดยเฉพาะตำแหน่ง ผบ.ทบ.ว่า ดำเนินการตามขั้นตอน สื่อไม่ต้องสนใจ รับรองว่าปรับย้ายแล้วไม่มีอะไรเสียหาย ดีขึ้นแน่นอน เพราะคนเก่าเกษียณคนใหม่ก็เข้ามาทำงานแทน เป็นระบบไม่ต้องตื่นเต้น เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ต้องห่วง เพราะคนที่จะได้รับแต่งตั้งเขาทำงานเป็น ตนเป็นรมว.กลาโหม ตั้งคนเป็น ไม่ต้องมาห่วงสบายใจได้ และไม่ต้องไปเขียนว่าคนนั้นคนนี้พวกใคร จำไว้ว่าไม่มีพวกใคร ทุกคนเป็นน้องทั้งนั้น ถ้ามี 10 ตำแหน่งก็เป็นได้เลยสิบคน แต่เมื่อมีตำแหน่งเดียวก็เปลี่ยนกันไป ทำกันไป

     "ไม่มีน้องคนไหนรักมาก รักน้อย เพราะการทำงานไม่มีความรัก การทำงานคือทำตามความมุ่งหมายและภารกิจของรัฐบาล ใครมาเป็นก็ต้องทำตามนี้ ไม่ต้องห่วงใครจะมาเป็นผบ.ทบ. ทหารใกล้เกษียณมีระเบียบเป๊ะทุกคน เชื่อว่าใครที่ขึ้นมาก็สนองนโยบายรัฐบาลและทำงานให้กับประชาชนได้ ทุกเรื่องที่ทำไม่มีแรงกดดัน การตั้งตำรวจถึงเวลาก็ทำไป ดูเหตุและผลว่าใครเป็นและได้ประโยชน์มากน้อยกว่ากัน มีความเหมาะสม และมีคณะกรรมการร่วมพิจารณาในภาพรวม"พล.อ.ประวิตรกล่าว

 

'บิ๊กเข้'เชื่อมือ"ดาว์พงษ์"คนเก่ง

     ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่กระทรวงศึกษาธิการ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย อดีตรมว.ศึกษาฯ กล่าวเปิดใจหลังได้รับการแต่งตั้งไปนั่งรองนายกฯ ว่าตลอด 1 ปีได้แก้ปัญหาหลายเรื่องโดยเฉพาะภาพลบที่เกิดขึ้นในองค์กรต่างๆ ไม่ว่าสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) องค์การค้าของสกสค. และสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา จึงไม่กังวลหรือห่วงอะไร เพราะมั่นใจว่า ผู้บริหารชุดใหม่สานต่อได้ เชื่อมั่นในความสามารถของพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการคนใหม่ เพราะเป็นคนเก่ง เฉียบขาด และอาจตัดสินใจอะไรได้ดีกว่าตนที่เป็นครูใหญ่ใจดี

พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวว่า ไม่รู้สึกน้อยใจกับการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ เป็นเรื่องปกติของการเมือง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ อาจมองว่าหากปรับเปลี่ยนแล้วงานด้านการศึกษาจะรวดเร็วขึ้น ที่ผ่านมานายกฯไม่ได้ถามหรือส่งสัญญาณว่าจะให้ไปดูแลงานอะไรหรือเรื่องไหน ตนรู้พร้อมคนอื่น ส่วนที่ปรับนายกฤษณพงศ์ กีรติกร ออกจากรมช. ศึกษาธิการ ด้วยนั้นไม่ทราบเหตุผล แต่เมื่อมีข่าวปรับครม. เชื่อว่าทุกคนคงทำใจรวมถึงตนด้วย ยืนยันว่าไม่ได้น้อยใจอยู่ตรงไหนก็ทำงานได้เหมือนกัน

 

ดาว์พงษ์เร่งสางงานที่ทส.

      ด้านพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ขอเข้าพบ นายกฯ เพื่อรับทราบนโยบายและขอหารือกับพล.ร.อ.ณรงค์ก่อนถึงแนวทางการทำงานต่อจากนี้ ตอนนี้ขอเร่งสะสางงานที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ให้เรียบร้อยก่อน

     นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่าจะปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ แต่ต้องรอให้การแบ่งงานระหว่าง พล.อ.ดาวพงษ์ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ และตน ให้ชัดเจนก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความทับซ้อน ในฐานะเคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีศึกษาธิการประมาณ 10 เดือน ตนมีแนวทางขับเคลื่อนการศึกษาของชาติให้เดินไปได้อย่างแน่นอน

 

สธ.ขานรับ'หมอปิยะสกล'

      บรรยากาศที่กระทรวงสาธารณสุขซึ่งปรับเปลี่ยนรัฐมนตรียกชุด กระแสในแวดวงสาธารณสุขต่างตอบรับและทุกฝ่ายต่างหวังว่านพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข คนใหม่จะแก้ปัญหาและปฏิรูปกระทรวงได้ ที่ผ่านมานพ.ปิยะสกลได้รับการยอมรับในแวดวงสาธารณสุข ทั้งด้านบริหารและการวางตัวเป็นกลาง

      เวลา 15.00 น. ที่ศูนย์ประชุมคอนเวนชั่นฮอล์ เมืองทองธานี นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อดีตรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า คนในกระทรวงมีความคิดเห็นแตกต่างกันอยู่มาก ตนพยายามดึงทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ใช้วิธีปรึกษาหารือ เจรจา และแก้ไขปัญหาอย่างสันติแบบพี่น้อง คิดว่าขณะนี้บรรยากาศเริ่มดีขึ้นแล้ว เชื่อว่ารมว.สาธารณสุขคนใหม่จะบริหารงานได้อย่างต่อเนื่อง

 

ขรก.แห่ส่ง"บิ๊กจิน"ปลื้มน้ำตาคลอ

     ส่วนที่กระทรวงคมนาคมข้าราชการต่างมารอส่งพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง อดีตรมว.คมนาคม ที่ย้ายไปนั่งรองนายกฯ โดยเวลา 11.30 น. นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดคมนาคม นายวรเดช หาญประเสริฐ นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี นายพงษ์ไชย เกษมทวีศักดิ์ รองปลัดทั้ง 3 คน พร้อมข้าราชการและ เจ้าหน้าที่ประจำกระทรวงได้มายืนรอส่งพล.อ.อ.ประจิน บริเวณห้องโถงชั้น 1 เพื่อมอบพวงมาลัยและเป็นกำลังใจให้ บรรยากาศชื่นมื่นมีการเปิดเพลงเสียงตามสาย เช่น รางวัลแด่คนช่างฝัน และเพลงกำลังใจ ทำให้พล.อ.อ.ประจินน้ำตาคลอด้วยความซาบซึ้งใจในกำลังใจของข้าราชการ โดยข้าราชการและประชาชนที่มาติดต่อราชการได้ขอถ่ายภาพคู่กับพล.อ.อ.ประจินจำนวนมาก

      พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่าขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจ ขณะนี้ได้ส่งมอบเอกสารเกี่ยวกับการทำงานทั้งหมดให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคมคนใหม่ นำไปดำเนินการต่อแล้ว แม้จะมีการแบ่งหน้าที่กันในช่วงนี้เราก็จะมุ่งทำเวลา มีปัญหาก็ช่วยกันวิเคราะห์และเสนอแนะ ในที่สุดก็เป็นโซลูชั่นร่วมกัน เมื่อนายอาคมขึ้นเป็นรมว.คมนาคมก็ทำงานได้ทันที เก็บตกงานที่ยังไม่เต็มให้เรียบร้อยสมบูรณ์ทันที

 

ฝาก'อาคม'สานงานต่อ

      พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ตนให้ข้อคิดกับปลัดและรองปลัดว่าเราปลูกดอกไม้ในสวน เป็นดอกไม้เล็กๆ น้อยๆ ปลูกเต็มหมดแล้ว ส่วนดอกไม้ที่เป็นโครงการสำคัญเพิ่งเป็น ดอกตูมหรือเล็กบ้าง ยังไม่เห็นผล ดังนั้น ฝาก รมว. คมนาคมคนใหม่และคณะผู้บริหารดูแลให้ดอกไม้ที่สำคัญเบ่งบานขึ้นมาตามที่ทุกคนปรารถนา ส่วนโครงการท่าเทียบเรือเรือเฟอร์รี่ฝากปลัดใหม่ที่จะเข้ามารับดูแลต่อ สำหรับโครงการรถไฟไทย-จีนยังหวังว่าจะเดินหน้าตามกำหนดการ ส่วนการผลักดันโครงสร้างพื้นฐานนั้น ต้องรอดูความชัดเจนการแบ่งงานรองนายกฯอีกครั้ง

    เมื่อถามว่า นายกฯให้กำลังใจอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับการปรับครม.ครั้งนี้หรือไม่ พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่าตอนนี้สถานการณ์การเมืองและปัญหาเหตุการณ์ระเบิดยังเป็นประเด็นที่ต้องแก้ไข นายกฯก็ทำงานควบคู่ ทุกเรื่องไม่ได้หย่อนเรื่องใดเรื่องหนึ่ง พวกเราก็ช่วยเต็มที่

 

'ปีติพงศ์'ซึ้งขรก.ให้กำลังใจ

      ที่กระทรวงเกษตรฯ หลังเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาประกาศโปรดเกล้าฯครม.ใหม่ เวลา 14.30 น. นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา อดีตรมว.เกษตรฯ และนายอำนวย ปะติเส อดีตรมช.เกษตรฯ ลงจากห้องทำงานชั้น 2 เพื่อไหว้พระพิรุณทรงนาค ที่หน้ากระทรวง ท่ามกลางข้าราชการกระทรวงเกษตรฯที่มาให้กำลังใจจำนวนมาก โดยนายปีติพงศ์และข้าราชการต่างมีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้

      หลังไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เสร็จ นายปีติพงศ์และนายอำนวยได้ถ่ายรูปร่วมกับข้าราชการ พร้อมกล่าวขอบคุณและรับของที่ระลึกจากข้าราชการ จากนั้นนายปีติพงศ์จับมืออำลานายอำนวยพร้อมกล่าวสั้นๆ ว่า "ไว้เจอกันใหม่ ขอให้โชคดี" จากนั้นนั่งรถส่วนตัวออกจากกระทรวงโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์

 

"อำนวย"รับที่ปรึกษานายกฯ

       ด้านนายอำนวยกล่าวว่า ยินดีที่จะเป็นที่ปรึกษานายกฯต่อไป ส่วนงานที่ทำอยู่นั้นได้วางไว้ให้กับรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว ทั้งเรื่องพ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย และเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร ตนได้รับจดหมายขอบคุณจากนายกฯ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 ส.ค. มีข้อความขอบคุณที่เข้าร่วมเป็นรัฐมนตรี ที่ผ่านมาทำงานร่วมกันด้วยดีมาตลอด แต่ขณะนี้มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตำแหน่ง

      นายอำนวยให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์จะแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา นายกฯแจ้งรัฐมนตรีทุกคนทราบแล้วในครม.วันที่ 18 ส.ค. ตนยินดีที่จะได้เป็นโค้ชเพราะถือว่ายังได้ทำงาน ส่วนการพูดคุยกันในทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจก็ไม่มีใครงอนนายกฯที่ปรับออกเพราะทุกคนเข้าใจ และคงไม่จำเป็นต้องส่งมอบงานให้รัฐมนตรีเกษตรฯคนใหม่เพราะได้วางแผนงานและแก้ไขกฎหมายไว้แล้ว หากรัฐมนตรีใหม่ต้องการคำปรึกษาก็ยินดีให้คำปรึกษา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ห้องทำงานของนายปีติพงศ์และนายอำนวยได้เก็บข้าวของออกเรียบร้อยแล้วเพื่อเตรียมรองรับรัฐมนตรี คนใหม่

 

อ๋อยจี้ครม.ปรับใหญ่ทางปริมาณ

      นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษา ธิการ โพสต์เฟซบุ๊กถึงการปรับครม.ว่า เป็นการปรับใหญ่ทางปริมาณ มีรายชื่อมากแต่คุณลักษณะโดยรวมไม่ดีขึ้นหรืออาจแย่ลงกว่าเดิม ตามรายชื่อมีข้าราชการเกษียณกับข้าราชการปัจจุบัน มีทหารเป็นหลักและมีจำนวนเพิ่มขึ้น จึงไม่ได้สับเปลี่ยนเรื่องความรู้ ความสามารถ แต่เป็นความสำคัญในทางอำนาจที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการได้มาและรักษาอำนาจของรัฐบาลนี้ ทำให้เกิดลักษณะผิดฝาผิดตัวไม่น้อยกว่าเดิม ซึ่งเกิดกับกระทรวงสำคัญ

นายจาตุรนต์ระบุว่า ทีมเศรษฐกิจยังอาศัยข้าราชการประจำค่อนข้างมากซึ่งมีข้อจำกัดในการคิดนโยบาย ส่วนคนนอกก็มีจำนวนน้อยและจะพบปัญหาสำคัญ 2 ด้านคือ 1.ต้องอยู่ใต้กรอบการบริหารที่ไม่มีทิศทางนโยบายที่ชัดเจนมาแต่ต้น จะคิดขึ้นใหม่สถานการณ์ก็ไม่อำนวย และ 2.การไม่เป็นที่ยอมรับต่อระบอบการปกครองจากประชาคมโลกที่ส่วนใหญ่เป็นประชาธิปไตย ทำให้เจรจาต่อรองกับใครไม่ได้อยู่ดี คนที่มีความรู้ความสามารถบางคนจึงอยู่ในสภาพมาไม่ถูกที่ ไม่ถูกเวลาและผิดระบบ โดยรวมการปรับครม.ครั้งนี้ จึงอยู่ในสภาพติดกับระบบอำนาจนิยมที่กำลังจ่ายค่าเสียหายให้กับการยึดอำนาจมาโดยไม่ชอบ และการพยายามรักษาอำนาจไว้อย่างไม่ชอบธรรม ไม่อาจคาดหวังได้ว่าจะแก้ปัญหาของประเทศได้ดีขึ้น

 

วิษณุไม่วิจารณ์ครม.ใหม่

      นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯกล่าวว่า ยืนยันว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปตามโรดแม็ปเดิม ส่วนครม.ชุดใหม่ที่ทหารเข้ามารับตำแหน่งเพิ่มขึ้นนั้น ถือเป็นคนละเรื่องกับการเลือกตั้ง ตนไม่กล้าวิจารณ์ครม.ชุดใหม่ และคงบอกไม่ได้ว่าจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นหรือไม่

 

'เสรี-สมบัติ'ไม่เข้าฟังกมธ.

      เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ เป็นประธาน วาระชี้แจงการพิจารณาคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) 4 กลุ่มที่เหลือ และครม.เป็นวันที่ 2 โดยเริ่มที่กลุ่มของนาย สมศักดิ์ โล่สถาพรพิพิธ จากนั้นเป็นของกลุ่มนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และนายเสรี สุวรรณภานนท์ กลุ่มของนายประสาร มฤคพิทักษ์ กลุ่มของนายพงศ์โพยม วาศภูติ และเวลา 16.30 น. เป็นลำดับของครม.

     เวลา 13.30 น. นายนิรันดร์ พันทรกิจ และนายอุดม เฟื่องฟุ้ง สมาชิกสปช. ตัวแทนกลุ่มการเมืองและกฎหมายแทนนายสมบัติ และนายเสรี ที่ไม่เข้าฟัง เผยหลังเข้ารับฟังการชี้แจงว่า ภาพรวมการชี้แจงของกมธ.ยกร่างฯถือว่าน่าพอใจระดับหนึ่ง ส่วนใหญ่กมธ. ยกร่างฯ แก้ไขเชิงโครงสร้าง แต่ประเด็นหลักอื่นๆ ไม่ได้แก้ไข แต่ก็เห็นด้วยโดยนำไปใส่ไว้ในกฎหมายลูกแทน

    นายนิรันดร์ กล่าวว่า กลุ่มตั้งคำถามที่มาของส.ว.ที่ให้มาจากการเลือกตั้งและสรรหา 200 คนจะเป็นประชาธิปไตยอย่างไร เนื่องจากให้อำนาจถอดถอนผู้มาจากการเลือกตั้ง กมธ.ยกร่างฯตอบได้ไม่ชัดเจนแต่อธิบายเรื่องการถอดถอนว่าไม่ได้มีเฉพาะส.ว.ที่ทำหน้าที่ อย่างเดียว แต่ถอดถอนในนามรัฐสภา ถือเป็นคำตอบที่มีเหตุผลรับฟังได้

 

ดูสถานการณ์ประกอบโหวต

    นายนิรันดร์ กล่าวว่า กลุ่มถามด้วยว่ามั่นใจได้อย่างไรว่าหลังเลือกตั้งจะไม่เกิดความ ขัดแย้งและความรุนแรงขึ้นอีก กมธ.ยกร่างฯให้คำตอบไม่ได้และไม่สามารถรับประกัน ได้ว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะไม่เกิดขึ้น ดังนั้น ปัจจัยสำคัญที่สปช.จะเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ นอกจากเนื้อหาแล้ว ยังมีเหตุการณ์ในอนาคตมาเป็นปัจจัยตัดสินใจด้วย ตนจะนำผลการชี้แจงไปแจ้งต่อประธานกมธ.ปฏิรูปการเมืองรับทราบ ซึ่งจะประชุมวันที่ 24 ส.ค.นี้

    ด้านนายอุดม กล่าวว่า ตนไม่เคยประกาศว่าจะลงมติไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ พูดเพียงว่าหากบ้านเมืองไม่สงบก็ไม่ควรมีการเลือกตั้ง ตนได้พูดคุยกับหลายฝ่ายแล้วโดยเฉพาะกำนันผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศ ว่าเชื่อหรือไม่ว่าจะเกิดความสงบเรียบร้อยหากมีการเลือกตั้ง ซึ่งได้คำตอบว่าไม่มั่นใจ ดังนั้น ทำไมเราต้องลงทุน 3-4 พันล้านบาทเพื่อจัดเลือกตั้ง ในภาพรวมตนพอใจ เนื่องจากกมธ.ยกร่างฯได้แก้ไขตามที่ร้องขอ เช่น หมวดศาล แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะลงมติเห็นชอบหรือไม่ เพราะต้องอ่านทั้งฉบับอย่างเป็นทางการก่อน

      นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สปช. ให้สัมภาษณ์กรณีไม่เข้ารับฟังการชี้แจงว่า ถ้าเข้าฟังสิ่งที่เขาไม่แก้ไขแล้วเราจะไปฟังทำไม ในเมื่อหลักการไม่ตรงกัน แนวทางแก้ไขไม่ถูกทาง ข้อสำคัญแม้จะเข้ารับฟัง กมธ.ยกร่างฯก็ไม่ให้เห็นร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับก่อนจึงไม่มีประโยชน์ ควรเอาเวลาไปทำอย่างอื่นจะดีกว่า

 

วิษณุ พอใจกมธ.แก้ไข

     เวลา 17.45 น. นายวิษณุ เครืองาม รอง นายกฯ ในฐานะตัวแทนครม. ให้สัมภาษณ์หลังรับฟังคำชี้แจงจากกมธ.ยกร่างฯว่า จากที่ครม.เสนอแก้ไข 100 กว่าประเด็น แต่กมธ.ยกร่างฯยุบบางข้อไปรวมกันเหลือ 70 ประเด็น เท่าที่ฟังรู้สึกพอใจเพราะแก้ตามที่ครม.เสนอ แต่ถ้าถามว่าพอใจร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้นตอบไม่ได้เพราะยังไม่เห็นภาพรวมทั้งฉบับ คงได้เห็นพร้อมสปช. ตนไม่มีประเด็นเห็นแย้งเพราะกมธ.ยกร่างฯแค่สรุปให้ฟัง ถ้าไปอ่านรายละเอียดเป็นมาตราอาจเห็นมากกว่านี้ อาจมีบางคำกำกวม ซ่อนเงื่อน ซ่อนแง่ จากนี้รัฐบาลต้องเตรียมการ โดยสัปดาห์หน้าจะเชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กรมการปกครอง และกมธ.ยกร่างฯ มาประชุมเพื่อเตรียมทำประชามติหากสปช.ผ่านร่างรัฐธรรมนูญ โดยวันที่ 7 ก.ย.นี้จะเริ่มนับหนึ่งของกระบวนการทำประชามติแล้ว จึงต้อง เตรียมการเพราะเกรงจะไม่ทัน

 

กก.ยุทธศาสตร์ฯน่าจะไปได้

     นายวิษณุ กล่าวถึงประเด็นคำถามทำประชามติว่า ครม.จะเป็นผู้เลือกคำถามที่เสนอมาจากสปช.กับสนช.คำถามเดียว ส่วนหลักเกณฑ์เลือกคำถามยังตอบไม่ได้ ต้องรอให้คำถามส่งถึงรัฐบาลก่อน แต่ในหนึ่งคำถาม จะมีแค่ประเด็นเดียว ประชาชนจะได้ไม่สับสน วันนี้ตนหารือกับกมธ.ยกร่างฯว่าเมื่อถามไปแล้วประชาชนเห็นด้วย ถ้าคำตอบที่ได้มาไปขัดแย้งหรือกระทบกับมาตราในร่างรัฐธรรมนูญ กมธ.ยกร่างฯ ต้องเตรียมแก้ไขบทบัญญัติที่เข้ากับคำตอบจากการประชามติไว้ในมือก่อนล่วงหน้า เช่น การถามว่าให้มีรัฐบาลปรองดองแห่งชาติต่อไปอีก 4 ปี ถ้าประชาชนเห็นด้วยก็ถือว่าคำตอบนี้กระทบกับร่างรัฐธรรมนูญ ต้องไปเพิ่มเติมเรื่องดังกล่าวไว้ในบทเฉพาะกาล หากไปรอแก้ไขหลังทำประชามติเสร็จจะไม่ทันต่อการนำร่างขึ้นทูลเกล้าฯ

เมื่อถามถึงคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ นายวิษณุกล่าวว่าไม่ได้พูดถึงเพราะครม.ไม่ได้เสนอ แต่ส่วนตัวเห็นว่าข้อเสนอนี้น่าจะพอไปได้ บ้านเมืองเราไม่เหมือนที่อื่น มีปัญหาขัดแย้งรุนแรง ซึ่งในอนาคตอาจเกิดสภาวะรัฐล้มเหลว มีเหตุการณ์ที่รัฐบาลเอาไม่อยู่ ถ้าเกิดขึ้นมาแล้วรัฐบาลใช้อำนาจเต็มอัตราศึก แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ จะเคลื่อนออกมาประชุมแก้ปัญหาเพื่อป้องกันการยึดอำนาจ แต่ต้องระวังการใช้อำนาจ ถ้าใช้อำนาจเกินเหตุอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญได้ จึงน่าจะรับได้ในส่วนนี้ แต่ไม่มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์

 

สนช.ผ่านพรบ.โอนงบ

     เวลา 10.15 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพ.ร.บ.การโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ..... ที่ครม.เสนอ มีสาระสำคัญคือ การโอนงบประมาณรายจ่ายปี 2558 ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นที่ใช้จ่ายไม่หมดบางรายการไปตั้งจ่ายเป็นงบกลาง จำนวน 7,917,077,700 บาท โดยให้นายกฯ หรือรมว.คลังเป็นผู้รักษาการตามกฎหมาย ที่ประชุมเห็นชอบหลักการในวาระแรกและมีมติตั้งกมธ.เต็มสภาพิจารณาแบบ 3 วาระรวด ก่อนเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนน 176 ต่อ 0 งดออกเสียง 4 เสียง การออกกฎหมายเพื่อโอนงบที่ใช้ไม่หมดของหน่วยราชการต่างๆ ไปให้งบกลางในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 ก่อนหน้านี้เคยโอนงบจากส่วนราชการที่ใช้ไม่หมดไปให้งบกลางเมื่อ 50 ปีที่แล้ว

      นายวิษณุ กล่าวว่า นายกฯกล่าวขอบคุณที่สนช.ผ่านร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ นายกฯจะเร่งนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อลงพระปรมาภิไธยใช้เป็นกฎหมายต่อไป นายกฯยังบอกว่าร่างพ.ร.บ. ฉบับนี้ต้องการปฏิรูประบบงบประมาณของประเทศ และส่งสัญญาณให้หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรอื่นๆ ว่างบที่ผ่านสภาต้องเร่งรัดให้เงินไปสู่ประชาชนโดยเร็ว เพื่อให้เกิดการหมุนเวียน จ้างงานและระบบเศรษฐกิจเคลื่อนไหว

 

'ปึ้ง'ถอนฟ้องปชป.ปมเขาวิหาร

       เวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณา 905 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกคดีหมิ่นประมาท หมายเลขดำ 604/56 ที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรอง นายกฯและรมว.ต่างประเทศ เป็นโจทก์ฟ้องนายชวนนท์ อินทร์โกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์ ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา กรณี วันที่ 4-5 ม.ค.2556 ร่วมกันหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์อาศัยตำแหน่งหน้าที่เพื่อสมยอมกับประเทศกัมพูชาเรื่องปัญหาเขาพระวิหาร ศาลพิเคราะห์เห็นว่าคดีมีมูลเฉพาะนาย ชวนนท์ ที่เหลือให้ยกฟ้อง เมื่อถึงเวลาก่อนสืบพยานศาลไกล่เกลี่ยคู่ความและปรับความเข้าใจกันอีกครั้ง ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นว่าข้อความที่จำเลยให้สัมภาษณ์นั้นมีความคลาดเคลื่อน ทั้ง 2 ฝ่ายจึงตกลงระงับข้อพิพาทคดีนี้ทั้งหมด โดยโจทก์ไม่ติดใจและขอถอนฟ้องคดี

 

สหรัฐจี้ไทยเร่งเลือกตั้ง

    ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังนายดับเบิ้ลยู. แพทริก เมอร์ฟี่ อุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยเข้าพบว่า อุปทูตสหรัฐแสดงจุดยืนชัดเจน อยากให้ประเทศไทยกลับเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศกลับเข้าสู่ความร่วมมือในทุกด้านอย่างเต็มที่ และจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย ตนยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมเดินหน้าเพื่อเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งตามโรดแม็ป เพราะรัฐบาลไม่ประสงค์จะอยู่ในอำนาจต่อ

     รมว.มหาดไทยกล่าวว่า อุปทูตสหรัฐระบุว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการทุกเรื่อง อาทิ การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ การดูแลผู้อพยพ รัฐบาลไทยได้ทำดีอยู่แล้ว ขอให้ทำต่อไป ส่วนการจัดลำดับการค้ามนุษย์ที่ไทยอยู่ในระดับเทียร์ 3 อุปทูตสหรัฐชี้แจงว่าไทยได้แก้ปัญหาดีแล้ว แต่ได้พ้นช่วงการประเมินผลไปก่อนแล้ว ดังนั้นขอให้ไทยดำเนินการแก้ไขเรื่องดังกล่าวต่อไป เพื่อให้การประเมินผลครั้งต่อไปดีขึ้น

 

เส้นทาง 10 รมต.ใหม่ ในรัฐบาล 'บิ๊กตู่ 3'

     มติชนออนไลน์ :

     มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในจำนวนนี้มี 10 คน ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เข้าดำรงตำแหน่งแทนรัฐมนตรีที่ถูกปรับออก ประกอบด้วย

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

รองนายกรัฐมนตรี 

       จากที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับการวางตัวให้เข้ามาดูแลด้านเศรษฐกิจแทน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯ โดยก่อนหน้านี้เคยเป็นที่ปรึกษา รมว.ต่างประเทศ ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ รวมถึงเป็นที่ปรึกษารองนายกฯ เมื่อครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณดำรงตำแหน่งรองนายกฯ 

     ต่อมาในรัฐบาลไทยรักไทย ได้ดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง 4 สมัย รองนายกฯ 4 สมัย และ รมว.พาณิชย์ อีก 1 สมัย จนกระทั่งมีการปฏิวัติในปี 2549 ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ทำความเข้าใจกับชาวต่างชาติในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกฯ

สุวิทย์ เมษินทรีย์

รมช.พาณิชย์ 

     เป็นที่คุ้นเคยในกระทรวงพาณิชย์ มาตั้งแต่เป็นที่ปรึกษานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมัยเป็นรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในปี 2548 

    ได้ชื่อว่า เป็นนักวิชาการและนักจัดทำยุทธศาสตร์ หัวสมัยใหม่ จึงสะท้อนออกมาจากการออกบทความเนื้อหาถึงแนวโน้มใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในโลก และนำมาเป็นหลักการในการผลักดันการทำงานและเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ของรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ในขณะนั้น จึงเชื่อว่าการกลับมาเป็น รมช.พาณิชย์ จะนำหลักแนวคิดการมองไปข้างหน้า และการพัฒนาระบบการทำงานในกระทรวงพาณิชย์มาใช้อีกครั้ง โดยคาดว่าจะได้รับมอบหมายให้ดูงานเศรษฐกิจภายในประเทศ 

อุตตม สาวนายน

รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 

     ถือว่าเป็นหน้าใหม่ทางการเมืองและแวดวงไอที แต่เมื่อครั้งเป็นที่ปรึกษาของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ได้ชื่อว่าเป็นมือสำคัญในการร่างยุทธศาสตร์ส่งออก และการดูแลค่าครองชีพประชาชน ซึ่งเป็นหัวใจหลักของกระทรวงพาณิชย์ 

    เป็นอีกคนที่ได้ชื่อว่า เป็นนักวิชาการและนักวางแผนหัวสมัยใหม่ ซึ่งในการมาร่วมงานวันพาณิชย์ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่กระทรวงพาณิชย์ ได้เปรยกับรัฐมนตรีในกระทรวงพาณิชย์ ว่า "คงต้องผลักดันความร่วมมือกัน เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยการทำงานด้านต่างๆ ของหน่วยงานรัฐและเอกชน ไม่แค่พาณิชย์ แต่ละดึงทุกหน่วยงาน" 

อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์

รมว.คลัง 

     โดดเด่นด้วยเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในภาคการเงินการธนาคารที่ยาวนาน โดยเคยดำรงตำแหน่งที่สำคัญในสถาบันการเงินและองค์กรต่างๆ ได้แก่ รองผู้จัดการทั่วไป บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประธานสมาคมธนาคารอาเซียน และประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นต้น 

      ก่อนมารับตำแหน่ง รมว.คลัง ดำรงตำแหน่งรองประธาน คณะกรรมการบริหารการเงิน บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กรรมการอิสระและประธานคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กรรมการอิสระ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กรรมการอิสระ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ประธานกรรมการ บริษัท ควอลิตี้ เฮาส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการอิสระ กรรมการตรวจสอบ และประธานคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง บริษัท บางกอก กล๊าส จำกัด (มหาชน)

ออมสิน ชีวะพฤกษ์

รมช.คมนาคม

     อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ที่ทำให้ไปรษณีย์ไทยสามารถมีกำไรขึ้นมาได้ จากเดิมที่ประสบปัญหาขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นในช่วงที่ คสช.เข้ามาได้รับความไว้วางใจให้เข้ารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ช่วยผลักดันการดำเนินโครงการต่างๆ ให้เดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง 

คาดว่าการเข้ารับตำแหน่ง รมช.คมนาคม ในครั้งนี้ จะผลักดันโครงการรถไฟทางคู่หลายเส้นทาง รวมถึงรถไฟไทย-จีน และรถไฟไทย-ญี่ปุ่น ให้เป็นไปตามแผนงานของรัฐบาล

อรรชกา สีบุญเรือง

รมว.อุตสาหกรรม

    จากปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เลื่อนเป็น รมว.อุตสาหกรรม คนที่ 52 และยังเป็นรัฐมนตรีผู้หญิงคนแรกของกระทรวง ได้ชื่อเรื่องเป็นผู้บริหารหญิงที่มากด้วยความสามารถ เคยผ่านงานสำคัญ ทั้งการเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และก้าวขึ้นเป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

     บุคลิกในการทำงานผู้บริหารหญิงร่างเล็กท่านนี้ค่อนข้างเจ้าระเบียบ งานที่ทำต้องเป๊ะ โปร่งใส และด้วยหน้าตาที่ถือว่าสะสวยบวกกับความชื่นชอบแฟชั่นผ้าไหม ทำให้ทุกครั้งที่ออกงานทุกชุดจะสวยสะดุดตา ได้รับการชื่นชมทุกครั้ง

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร

รมว.สาธารณสุข 

     มีตำแหน่งทางวิชาการคือ ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ จบคณะแพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ผ่านหลักสูตร วปอ.ปี 2538 เคยดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล 

     ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองประธานกรรมการบริหารศิริราชมูลนิธิ คนที่ 2 นายกสภาสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา นายกสภามหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 

สมัย "ครม.ประยุทธ์ 1" เคยปรากฏชื่อของ นพ.ปิยะสกลเป็นแคนดิเดตที่จะเข้ามาเป็น รมว.สาธารณสุข มาแล้วครั้งหนึ่ง

พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล

รมว.แรงงาน 

     "บิ๊กบี้" นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 13 (ตท.13) จะเกษียณอายุราชการในตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมเดือนกันยายนนี้ เป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก่อนหน้านี้เคยเป็นเสนาธิการทหาร ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบก ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ เจ้ากรมข่าวทหารบก ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เสนาธิการทหารบก 

      สมัยดำรงตำแหน่งเป็นเสนาธิการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. มอบหมายให้ดูแลงานด้านต่างด้าว ในฐานะประธานอนุกรรมการประสานงานการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ (อกนร.) ทำหน้าที่จัดระเบียบแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาทำงานผิดกฎหมายในไทย โดยการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ พม่า ลาวและกัมพูชา จึงถือว่ามีบทบาทในการบริหารจัดการและมีความรู้ในการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว

พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์

รมว.พลังงาน

     "บิ๊กโย่ง" นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 15 (ตท.15) คนสนิทและไว้ใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. รับราชการทหารในสายงานภายในสำนักงานปลัดบัญชีทหารบก (สปช.ทบ.) และมาช่วยงาน คสช.ในตำแหน่งสำคัญ อาทิ ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ,ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.), ประธานอนุกรรมการพิจารณาและกลั่นกรองแผนงานการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจ และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์

รมช.ศึกษาธิการ

      อัพเกรดจากผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็น รมช. เป็นหมออีกคนที่นอกจากจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงด้านการศึกษาแล้ว ผลงานทางการแพทย์ อาทิ เป็นคนไทยที่ได้รับเกียรติเป็นสมาชิกของราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งสหราชอาณาจักร อดีตที่ปรึกษา รมช.สาธารณสุข (นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม) และรองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 

      ส่วนผลงานทางด้านการศึกษานั้น อาทิ ผู้อำนวยการศูนย์จิตวิทยาการศึกษา มูลนิธิยุวสถิรคุณ, ผู้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนสัตยาไส โรงเรียนตัวอย่างในการพัฒนาจริยธรรมและศีลธรรม, การศึกษาอิทธิผลของโรงเรียนต่อพัฒนาการเด็ก, ผลงานหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เช่น กุญแจในการปฏิรูปการศึกษา นอกจากนี้ยังเป็นที่ปรึกษา บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด 

และเขียนหนังสือเรื่อง "ความฉลาดทางด้านจริยธรรมและศีลธรรม (MQ)"

โฉมใหม่-หวังใหม่

บทนำมติชน

     พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ตัดสินใจปรับคณะรัฐมนตรีล็อตใหญ่หลังคณะรัฐมนตรีชุดดังกล่าวได้บริหารราชการแผ่นดินมาจะครบกำหนด 1 ปี สิ้นเดือนสิงหาคมนี้ โดยมีข้อน่าสังเกตในการปรับปรุงบุคคล

     ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีครั้งนี้ว่ามีการปรับเอาทีมเศรษฐกิจที่มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีออกไป แล้วใช้ทีมเศรษฐกิจใหม่นำโดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีคุมเศรษฐกิจแทน ซึ่งทำให้รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น

      นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตว่า กระทรวงที่มีภารกิจติดต่อกับต่างประเทศ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเคยมีนายทหารเป็นผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี การปรับ ครม.ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช้นายทหารเป็นรัฐมนตรีแล้ว ขณะเดียวกัน บรรดานายทหารที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเดิมก็มีการจัดสรรเก้าอี้ให้ไปอยู่ในส่วนอื่น เช่น ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เป็นรัฐมนตรีดูแลด้านการเกษตรกรรม รวมถึงเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น 

      การปรับโฉมหน้ารัฐมนตรีใหม่ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์เริ่มมองเห็นความจำเป็นในเชิงบริหารราชการแผ่นดินหลายประการ เช่น ความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนทีมงาน เพื่อผลักดันให้ภารกิจบรรลุเป้าหมาย อีกทั้งยังยอมรับความเป็นจริงในโลกว่ารัฐบาลทหารปัจจุบันติดต่อกับนานาชาติในยุคนี้ลำบาก ดังนั้น การรับฟัง และการนำสิ่งที่รับฟังไปปรับปรุง ย่อมมีโอกาสทำให้รัฐบาลประสบความสำเร็จมากกว่าการดื้อรั้นไม่ยอมปรับเปลี่ยน 

     การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้จึงเป็นอีกความหวังที่ว่าทีมงานใหม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์คัดสรร จะสามารถทำให้เป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการคลัง นโยบายการค้า บรรลุผล และหวังว่าการเปลี่ยน

      โฉมจากรัฐบาลที่มีนายทหารเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจและต่างประเทศ มาเปิดทางให้พลเรือน ซึ่งหมายรวมถึงอดีตข้าราชการ นักวิชาการ รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ ได้เข้าไปบริหารกระทรวง คงจะช่วยให้ประเทศไทยดูดีในสายตาชาวโลก และผลักดันให้เศรษฐกิจไทยกระเตื้องขึ้นมากกว่าปัจจุบัน

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!