WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

21กรธ

บิ๊กตู่ ทำคลอด 22 กย. เล็ง'ลิขิต'เป็นประธานกรธ. อดีตกมธ.-สปช.ติดโผอื้อ เห็นโฉมพร้อม 200 สปท. เพื่อไทยจี้ปล่อยตัว'พิชัย'ทนายปูจวก-ชี้นำคดีข้าว

       'บิ๊กตู่'นัดเคาะชื่อ 21 กรธ.ชุดใหม่พร้อมสปท. 200 คน22 ก.ย.นี้ก่อนบินไปประชุมยูเอ็นที่สหรัฐ แย้มมีชื่อ"ลิขิต ธีรเวคิน'ติดโผประธานกก.ยกร่างฯ 'วิษณุ'ลั่นโรดแม็ปหั่นสั้นได้ ถ้าคนในชาติปรองดอง อาจหดเหลือ 10 เดือน ชื่อว่าที่กรธ.โผล่เพียบทั้ง"เสธ.อู้-คำนูณ-เจษฎ์-สมคิด-ปริญญา-อุดม-คณิต' เพื่อไทยแนะตั้งส.ส.ร.พร้อมดึงประชาชนร่วมร่างรธน. นายกฯ ยัวะ'พิชัย-เก่ง'ไม่หยุดจ้อท้าทายอำนาจรัฐ ขู่ถ้ายังไม่เข็ดติดคุกไปเรื่อยๆ เพื่อไทยรุมจี้ปล่อยตัว 'กิตติรัตน์'จวกทีมหม่อมอุ๋ย ป้อนข้อมูลบิดเบือนจำนำข้าว-รถคันแรก ทนายปูโวยนายกฯ ชี้นำคดีข้าว ทั้งที่เรื่องขึ้นศาลแล้ว

 

วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9053 ข่าวสดรายวัน

รปภ.เข้ม - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ชมงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ที่เมืองทองธานี โดยทีมรปภ.พยายามกันไม่ให้ประธานจัดงานเข้าใกล้ตัวนายกฯ จนเกิดการต่อว่าต่อขานกันเล็กน้อย เมื่อวันที่ 10 ก.ย.

 

 

'บิ๊กตู่'แนะผลิตอัญมณีราคาถูก

      เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 ก.ย. ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวในการเป็นประธานเปิดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับบางกอกเจมส์ แอนด์จิวเวลรี่แฟร์ ครั้งที่ 56 ว่าทุกวันนี้รัฐบาลเจอแต่ปัญหาเพราะประชาชนมีรายได้แตกต่างกันโดยเฉพาะสินค้าเกษตร แต่รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาเต็มที่ให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน

     นายกฯกล่าวว่า ตนได้พูดคุยรมว.อุตสาหกรรมว่า ถ้าพวกเรามีอัญมณีขนาดใหญ่แล้วจะกล้าใส่หรือไม่ ซึ่งคงไม่กล้าใส่เพราะมันหรู จึงคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าการผลิตอัญมณีต้องมีหลายระดับ เพื่อให้มีตลาดมากขึ้น รูปแบบและขนาดอาจเล็กลง คุณภาพอาจน้อยลง เพื่อที่คนมีรายได้น้อยจะได้ใส่บ้าง ก็ต้องไปดูว่าจะทำได้หรือไม่ จะกระทบกับตลาดระดับบนหรือไม่ นอกจากอัญมณีแล้วยังต้องดูธุรกิจที่มีความต่อเนื่องด้วย ทั้งท่องเที่ยว การบริการ การโรงแรม รวมทั้งการติดต่อกับต่างประเทศจะได้มีการส่งวัตถุดิบเข้ามา เราต้องคำนึงถึงรายได้ประเทศ แต่ต้องใช้เวลาที่จะต้องเปลี่ยนผ่าน และทำทุกอย่างให้ถูกต้อง

รัฐหนุนเงินทุน-เปิดตลาด

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องช่วยกันทั้งภาครัฐและเอกชน โดยรัฐบาลมีหน้าที่อำนวยความสะดวกและเปิดตลาด สนับสนุนเงินทุน ดูแลเรื่องกฎหมาย ซึ่งเอกชนต้องเดินไปด้วยกัน รัฐบาลที่ผ่านมาอาจจะไม่เดินหน้าเรื่องนี้มากนัก แต่เราจะส่งเสริม ซึ่งการจัดงานครั้งต่อไปต้องดีกว่านี้ งานแสดงสินค้าต้องโก้ จะขี้เหนียวไม่ได้ ทั้งนี้ รัฐบาลจะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันให้กับมิตรประเทศ และมั่นใจว่ารัฐบาลนี้ดูแลได้ดีกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมา โดยวิธีส่งเสริมช่องทางการค้าที่ถูกต้อง ลดคอร์รัปชั่น เพราะการค้าขายต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ลดความหวาดระแวง อยู่บนพื้นฐานความเท่าเทียมทั้งในประเทศและต่างประเทศ

      "ผมได้สั่งรัฐมนตรีใหม่ไปแล้วทุกกระทรวง ภายใน 3 เดือนต้องทำงานใหม่ให้เกิดขึ้น พร้อมสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์และกรมการค้าระหว่างประเทศ ดำเนินการในทุกมิติ ทุกกิจกรรมให้ดีขึ้น หวังว่าจะเกิดประโยชน์สูงสุด เปิดประตูเชื่อมโยงอุตสาหกรรมการค้าและเศรษฐกิจ"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

รปภ.นายกฯกันคนดะจนป่วน

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพล.อ.ประยุทธ์เปิดงานดังกล่าวเสร็จ ได้เดินเยี่ยมบูธแสดงสินค้าอัญมณี พร้อมกับนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ โดยมีนายสมชาย พรจินดารักษ์ ประธานสมาพันธ์อัญมณีเครื่องประดับและโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับเป็นผู้พาชม แต่ปรากฏว่าทีมรปภ.ของพล.อ.ประยุทธ์ได้เข้าไปกันและดึงตัวนายสมชายออกโดยไม่รู้ว่านายสมชายเป็นใคร พร้อมแทรกตัวเข้าไปกันออก

     ขณะที่นายสมชายพยายามชี้แจงว่าตัวเองเป็นใครและขอเข้าไปใกล้นายกฯเพื่ออธิบายรายละเอียดของงาน แต่รปภ.คนดังกล่าวไม่ยอมพร้อมเอามือดึงเสื้อสูทที่บริเวณไหล่ ทำให้นายสมชายไม่พอใจ พร้อมกล่าวเสียงดังว่า "ทำไมไม่ให้เกียรติกันบ้าง ผมเป็นคนจัดงานนี้" พร้อมหันไปฟ้องพล.อ.ประยุทธ์ว่า รปภ.ของนายกฯกันมาก ไม่ให้เกียรติกันเลย เมื่อนายกฯเหลือบเห็นเหตุการณ์จึงหันไปตีมือรปภ.คนดังกล่าว พร้อมกล่าวว่า "ต้องให้เกียรติท่านบ้าง" และหันไปตำหนิพ.อ.วรยุทธ์ แก้ววิบูลย์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 หัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยด้วย

เหตุไม่รู้เป็นวีไอพีในงาน

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายกฯกลับทำเนียบรัฐบาล พ.อ.วรยุทธ์ได้เรียกประชุม รปภ.ทั้งหมดทันทีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โดยกำชับทีมรปภ.ทุกคนให้ระมัดระวังบุคคลที่เป็นวีไอพีในแต่ละงาน และแยกแยะบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง ก่อนจะแยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามบุคคลใกล้ชิด ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 ชี้แจงว่า ผู้จัดงานไม่ได้ส่งข้อมูลและรูปภาพของนายสมชายให้กับทีมรปภ. จึงไม่ทราบว่านายสมชายเป็นเจ้าภาพจัดงานนี้

       รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นักเรียนม.5 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งบุกตั้งคำถามนายกฯ พร้อมโชว์ป้ายเรียกร้องให้อธิบายเรื่องการลดการเรียนการสอนหน้าที่พลเมืองลง ในงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่นประจำปี 2558 ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ทีมรปภ.ได้เช็กประวัติและเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นมาอีก เป็นสาเหตุที่ทำให้เพิ่มความเข้มงวดจนเกิดเหตุการณ์ในวันนี้

22 ก.ย.คลอดกรธ.ก่อนไปสหรัฐ

      พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า มองไว้หลายคน คุณสมบัติจะต้องเป็นที่ยอมรับ ข้อสำคัญนักการเมืองยอมรับหรือเปล่า ส่วนคนที่เป็น กรธ.จะดึงคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญชุดเดิมมาด้วยหรือไม่ ยังไม่ได้คิด ซึ่งในวันที่ 22 ก.ย.จะมีการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรี (ครม.)-คสช. ซึ่งจะยังไม่มีรายชื่อเสร็จออกมา แต่เวลานี้มีแนวทางให้เขาไปทำกันมา เพราะทั้งหมดตนต้องเตรียมการก่อนที่จะเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติ ที่สหรัฐในวันที่ 23 ก.ย.

    ผู้สื่อข่าวถามว่าวันที่ 22 ก.ย.นี้จะได้รายชื่อ กรธ.ครบ 21 คนเลยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า 22 ก.ย.ตนจะลงนามแต่งตั้ง ใครอยากเป็นก็สมัครมา และตนจะพิจารณาเอง ประเด็นคือ กรธ.เป็นผู้ที่จะมาทำเรื่องกฎหมาย ก็ควรจะมีความรู้เรื่องกฎหมาย ทั้งกฎหมายเอกชน กฎหมายมหาชน เศรษฐกิจ การค้า การลงทุนด้วย ถ้านักกฎหมายไม่มีบทบาทตรงนี้มันจะมีแต่โจทย์ มีแต่ปัญหาและผลสำเร็จที่คาดหวัง ดังนั้น ต้องมีกระบวนการนี้ โดยแผนงานโครงการต้องจัดระเบียบตรงนี้ให้ได้ เพราะทั้งหมดนี้จะวนกลับไปสู่สภานิติบัญญัติ แห่งชาติ (สนช.) ให้กฎหมายออกมาเพื่อให้รัฐบาลหน้าไปทำ

'นิติราษฎร์-สนช.'ให้สมัครเอง

      ต่อข้อถามว่า ถ้าคณะนิติราษฎร์จะเข้ามาเป็น กรธ.ด้วย เป็นไปได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็สมัครมาสิ แต่พอถึงเวลาก็ไม่อยากเข้ามา นักการเมืองทั้งนั้นแหละที่พูดๆ จำไม่ได้เหรอสื่อเขียนข่าวเองเขาบอกไม่มา เป็น สนช.ก็ไม่เอาใช่ไหม ตนไม่เชิญหรอก อยากมาก็สมัครมา จะไปงอง้ออะไรนักหนา เปิดโอกาสให้เข้ามาสมัครทั้งหมดนั่นแหละ แล้วอย่ามาบอกว่าไม่เชิญอีกต่อไป

    ผู้สื่อข่าวถามว่ามีช่องทางให้สมัครอย่างเป็นทางการหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี เพราะไม่ใช่การเลือกผู้แทน ก็สมัครผ่านสื่อมา ตนจะเอารายชื่อมาดูแต่เวลานี้ไม่เห็นมีมาสมัครกับตนสักคน มีแต่รายชื่อผ่านสื่อ หรือไม่ก็มีคนให้ข่าวมา เพื่อที่จะเล่นงานคนที่เอ่ยชื่อ ส่วนใหญ่พวกนี้จะไม่ค่อยได้หรอก เพราะโดนตีตั้งแต่ต้น คนไทยเป็นแบบนี้ แต่คิดว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่สื่อก็ต้องช่วยตนตรงนี้ ถ้าขยายความขัดแย้งไปเรื่อยๆ มันก็ไปไม่ได้ จะร่างรัฐธรรมนูญกี่คณะก็ไปไม่ได้ แล้วจะตั้งใครล่ะ มันก็มนุษย์นี่แหละ และต้องเป็นมนุษย์ที่รับฟัง ถ้ามนุษย์ด้วยกันไม่รับฟังมันก็จบไม่ได้

'อมร'ป่วย'ลิขิต'ติดโผปธ.

     ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ทาบทามนายอมร จันทรสมบูรณ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นประธาน กรธ.หรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า เขาป่วยอยู่ ต่อข้อถามว่านายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานรัฐสภา ได้ทาบทามหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ท่านไม่รับแล้วไม่ใช่หรือ เมื่อถามว่านายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เขาจะลาออกเหรอ ส่วนนายลิขิต ธีรเวคิน อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2540 พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เดี๋ยวมีชื่อ เขาคงเสนอมาเองเพราะให้ทุกคนไปหามา เดี๋ยวก็มาประชุมร่วมกัน จะเอาคนไหนๆ ว่ามา

     ผู้สื่อข่าวถามว่าหัวใจของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องเป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องแก้ปัญหาประเทศในอนาคตได้ และรักษาบ้านเมืองให้สงบในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน ทำให้ประเทศเข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ควรจะต้องเขียนยาวหลายมาตรา ซึ่งตนเคยพูดมาแล้ว เขาก็ตัดจาก 315 เหลือ 285 มาตรา ต่างประเทศมีเท่าไหร่ไปดูสิ เรื่องเสรีภาพก็เต็มที่กันเข้าไป มันก็ตีอยู่อย่างนี้ ในต่างประเทศกว่าจะมั่นคงได้เขาตีกันมาเยอะกว่าเรา ตายกันไปเยอะกว่านี้ ท่านจะเอาแบบนั้นไหม หมดเวลาตนก็ไปแล้ว ถ้าแก้ไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

คาดตั้งสปท.พร้อมกรธ.

      เมื่อถามว่าคิดที่จะแต่งเพลงใหม่หรือไม่หลังเพลงคืนความสุขมีเนื้อเพลงว่า "ขอเวลาอีกไม่นาน" นายกฯ กล่าวว่า ตอนแรกที่แต่งเพลงหวังให้สังคมมันสงบ กฎหมายรัฐธรรมนูญ เขียนว่าอย่างไร ถ้ามันไม่ผ่านก็ต้องทำต่อ ปัดโธ่ ตนไม่ได้เป็นคนบอกให้ผ่านหรือไม่ผ่าน ถ้าผ่านตนก็ดี ประเทศชาติปลอดภัยหรือไม่ ท่านรับผิดชอบกันเอง ตนไม่รู้

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเปิดเผยว่า กรณีที่มีข่าวว่า คสช.ทาบทามนายอมร จันทรสมบูรณ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ประธานกรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ 4 สำนักงานกฤษฎีกา ประธานคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย และที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานศาลปกครอง ด้านกฎหมาย มาเป็นประธาน กรธ.คนใหม่นั้น เชื่อว่าไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากขณะนี้นายอมรป่วยจากการหกล้ม และรักษาตัวอยู่ที่ร.พ.รามาธิบดี

      ผู้สื่อข่าวารายงาน คาดว่าในวันที่ 22 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จะลงนามแต่งตั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) จำนวน 200 คน พร้อมกับกรธ.ด้วย เนื่องจากต้องแต่งตั้งภายใน 30 วันหลังจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)สิ้นสุดลงเช่นเดียวกัน


กรี๊ด"ปู" - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางไปร่วมลงนามถวายพระพร ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง โดยมีนักท่องเที่ยวชาวจีนที่พบเห็นแล้วจำได้ มาร่วมขอถ่ายรูปด้วยจำนวนมาก เมื่อวันที่ 10 ก.ย.

'บิ๊กป๊อก'วอนอย่าด่วนวิจารณ์

     พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีชื่อนายอมรเป็นประธานกรธ.ว่า ยืนยันว่าการเลือกกรธ.ทั้ง 21 คนเป็นอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งยังไม่มีการปรึกษากันและยังไม่ได้บอกว่าจะพิจารณาใคร เพราะเป็นเรื่องที่นายกฯต้องตัดสินใจเอง

     เมื่อถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ระบุจะหารือเรื่องนี้กับครม.และคสช. พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า หากเป็นเช่นนั้นนายกฯอาจนำเรื่องเข้าหารือในการประชุมครม.สัปดาห์หน้า แต่เมื่อยังไม่ทราบว่าจะตั้งใคร อย่าเพิ่งวิจารณ์ หรือต่อให้รู้ว่าเป็นใครก็ไม่ควรวิจาณ์อยู่ดี เพราะถือเป็นอำนาจของหัวหน้าคสช.

'บิ๊กป้อม'ห่วงไทยล้าหลัง

      ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร(วปอ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวในพิธีปิดหลักสูตร วปอ.รุ่นที่ 57 ว่าปัจจุบันประเทศอยู่ในระยะเปลี่ยนผ่าน ซึ่งสำคัญยิ่งในการทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าให้ได้ และปลายปีนี้ถึงต้นปีจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนแล้ว ประเทศเรายังล้าหลัง ไม่มีสามัคคี มีแต่ขัดแย้ง หวังว่าทุกคนต้องช่วยกันให้ประเทศเดินไปข้างหน้า

      "ถ้าเปลี่ยนผ่านไปไม่ได้ เราจะเป็นประเทศที่ล้าหลังที่สุดในอาเซียน ฉะนั้นปัญหาขัดแย้ง ความไม่เข้าใจกัน เราต้องแก้ไขให้ได้ คิดต่างได้แต่ต้องร่วมมือกันให้ได้ ถ้าไม่ผ่านในห้วง 2 ปีข้างหน้า จะเห็นอนาคตของประเทศชัดเจนโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า จึงอยากฝากทุกคนที่ถือเป็นเพชรน้ำเอกของทุกสาขาอาชีพไว้ด้วย" พล.อ.ประวิตรกล่าว

'วิษณุ'ชี้'ลิขิต'นั่งปธ.กรธ.ได้

      นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการเลือกกรธ. ต้องพิจารณาคุณสมบัติตามที่พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่ารู้เรื่องกฎหมาย เป็นนักกฎหมาย และคงไม่ต้องพิจารณาเลือกคนที่ถูกใจคสช.ทั้งหมด แต่คงไม่เลือกคนที่เห็นขัดแย้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่าประธานกรธ.จำเป็นต้องเป็นนักกฎหมายหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ถ้าได้ก็ดีเพราะประธานคือคนที่คุมเกม แต่จะมาหยุดเกมเพื่อขอเปิดดูกฎหมายก่อนคงไม่ได้ เหมือนสมาชิกขอคัดค้านแล้วประธานบอกว่าขอเวลาเปิดดูกฎหมายก่อนคงไม่ได้ หากได้คนที่เข้าใจกฎหมายจะทำให้การจัดการประชุมง่ายขึ้น แต่ในอดีตไม่ใช่นักนิติศาสตร์ แต่เป็นนักรัฐศาสตร์เข้ามาทำหน้าที่ก็มีมาแล้ว บุคคลที่มีชื่อในข่าวว่าจะมาเป็นประธานกรธ. เช่น นายลิขิต ธีรเวคิน ทำไหวทั้งนั้น แต่ขึ้นอยู่กับคสช.จะตั้งมาหรือไม่ เขาจะยอมเป็นด้วยหรือเปล่า พอไปถามนายลิขิตอาจจะไม่อยากเป็นก็ได้

ตอบยาก'ดิสทัต'เป็นได้มั้ย

      ต่อข้อถามว่ามีชื่อนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นกรธ.ด้วย นายวิษณุกล่าวว่าตอบยาก เนื่องจากเลขาฯกฤษฎีกาเป็นกมธ.ยกร่างฯ ชุดเก่า จึงขึ้นอยู่กับว่าสัดส่วนจะให้มีบุคคลที่มาจาก กมธ.ยกร่างฯเก่าหรือไม่

ส่วนที่มีข่าวว่าประธานสนช. ระบุควรมีสัดส่วนของสนช.เข้ามา 2 ที่นั่ง นายวิษณุกล่าวว่าตนได้พูดคุยกันแล้ว นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ระบุว่าไม่ได้ขอ แต่บอกว่าน่าจะมี ซึ่งไม่ควรมากเกินไป 1-2 คนน่าจะพอ แต่จะไม่มีเลยก็ไม่ว่า ครั้งที่ผ่านมาที่มีสัดส่วนสนช.เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดว่าต้องมีสัดส่วนเข้ามา 5 คน ตอนนี้ยังตอบไม่ถูก ได้แต่นั่งเดา

     นายวิษณุ กล่าวว่า สำหรับรายชื่อกรธ. นายกฯ ระบุเองว่าน่าจะเสร็จก่อนเดินทางไปประชุมสหประชาชาติในวันที่ 23 ก.ย.นี้ ส่วนข้อสงสัยว่านักการเมืองจะเป็นกรธ.ได้หรือไม่นั้น ย้ำหลายครั้งแล้วว่ามีการเขียนล็อกว่าต้องไม่เป็นสมาชิกพรรคย้อนหลัง หรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรค 3 ปี แต่ถ้าจะ 4 ปีย้อนหลังเป็นได้แต่จะหาได้หรือไม่ พวกที่ออกมาพูดกันอยู่ขณะนี้ติดเรื่องคุณสมบัติที่เป็นสมาชิกพรรคย้อนหลัง 3 ปี

ถ้าปรองดองโรดแม็ปสั้นลง

      ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯระบุ กรธ.ต้องเข้าใจเจตนารมณ์ของคสช. เจตนารมณ์ตรงนี้คืออะไร นายวิษณุกล่าวว่า เจตนารมณ์คือ 1.ให้มีการบริหารราชการแผ่นดิน 2.มีการปฏิรูป และ 3.มีการปรองดองเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ นายกฯพูดหลายครั้ง โดยจะผูกกับโรดแม็ปการทำงาน 6-4-6-4 และระยะเวลาจะสั้นลงมาได้หากมีการปรองดอง มีความสงบเรียบร้อยในระดับหนึ่ง จนหาเสียงเลือกตั้งได้ จาก 20 เดือนอาจเหลือ 15 เดือนหรือ 10 เดือนก็ได้

      "ผมถึงบอกว่าเหมือนสุภาษิตฝรั่ง หญ้าแห้งเวลาแดดออกให้นำไปตาก เพราะเวลาหนาวหิมะตกไม่มีหญ้าให้วัวกิน ตอนนี้แดดออกก็เอาหญ้าไปตาก เมื่อฟ้าครึ้มก็เก็บเข้ามา เปรียบเทียบให้เห็นว่า ถ้าบ้านเมืองสงบเรียบร้อยก็ให้เร่งจัดเลือกตั้ง ถ้ายังตะลุมบอน ตีกัน มีระเบิดที่นั่นที่นี่ ยังไม่สามัคคีกัน จะให้เลือกตั้งเพื่อเข้ามาจัดการล้างแค้นกัน อย่างนั้นก็ยากที่จะไปเร่งรัด" นายวิษณุกล่าว

เล็งปลดล็อกร่างรธน.ถูกคว่ำ

       นายวิษณุกล่าวว่า ครม.ได้พูดคุยกันในเรื่องนี้ว่าการบริหารราชการแผ่นดินมี 3 หน้าที่คือ บริหาร ปฏิรูป และปรองดอง ซึ่งวิธีจัดการปรองดองคือสิ่งใดที่เยียวยาได้ต้องเยียวยา สิ่งใดที่ให้อภัยได้ก็ควรทำ โดยอยู่บนพื้นฐานของการรับผิดเกิดขึ้น หากยังเถียงว่าไม่ผิดจะให้อีกฝ่ายอภัยคงยากเพราะจะมีคนต่อต้านและคัดค้าน และการทำให้ทุกอย่างมีมาตรฐานเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน อย่ามี 2 มาตรฐานหรือหลายมาตรฐาน มีความลำเอียงและเลือกปฏิบัติ ให้สร้างการรับรู้และความเข้าใจ รวมถึงการพัฒนาไม่ให้รู้สึกเหลื่อมล้ำก็จะเกิดความรู้สึกปรองดอง ครม.ในฐานะผู้กำหนดนโยบายต้องเป็นคนผลักดันในระดับสูง ขณะที่ระบบราชการต้องผลักดันในระดับผู้ปฏิบัติ สนช.ต้องเข้ามาช่วยหากจะออกกฎหมายและสปท. ต้องช่วยทำความเข้าใจกับประชาชน

เมื่อถามว่าได้หารือกันหรือไม่ว่าหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่จะร่างใหม่ไม่ผ่านประชามติจะทำอย่างไรต่อไป นายวิษณุกล่าวว่ายังอีกระยะยาว หากมีความจำเป็นคงต้องแก้รัฐธรรมนูญ ต้องดูอีกซักระยะ ในครม.พูดกันว่าถ้าไม่ผ่านแล้วจะทำอย่างไร จะยกร่างฯใหม่ปีละ 3,000 ล้านบาท กลางปีและปลายปีรวมกัน ประเทศคงล่มจมพอดี กับกระดาษไม่กี่หน้า

อดีตกมธ.ยกร่างฯยังแห้ว

      นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ อดีตกมธ. ยกร่างฯ กล่าวว่า หลังหมดหน้าที่กมธ. ยกร่างฯ ตนก็กลับมาทำงานที่ค้างให้เสร็จ และสืบทอดสิ่งที่เราเคยไปอธิบายประชาชน ส่วนที่มีกระแสข่าวทาบทามกมธ.ยกร่างฯ เดิมมาเป็น กรธ.นั้น ยังไม่มีใครทาบทามตน เมื่อวันที่ 9 ก.ย. เจอนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ทักทายแต่ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ หากมีแล้วจะรับหรือไม่ ให้มาถามตนอีกครั้ง แต่เป็นไปได้ยากเพราะมีคนอยากเข้ามาทำงานตรงนี้มาก ข้อดีของกมธ.ยกร่างฯ เก่า คือไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ ส่วนเรื่องสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หากทาบทามตนก็ต้องคิดหนักเพราะหากมีรูปแบบเดิมข้อจำกัดเยอะ ขยับลำบาก ต้องออกแบบกันใหม่ เนื่องจากสภาแบบเดิมไม่ตอบโจทย์การขับเคลื่อน คงต้องมี กมธ.แต่ละเรื่องเดินเรื่องขับเคลื่อนกันไปเลยน่าจะคล่องกว่า

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช อดีต กมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า ยังไม่มีใครติดต่อทาบทามเข้ามาให้เป็นกรธ. นายกฯ จะเลือกใครก็เป็นสิทธิของเขา ช่วงนี้ตนขอพักผ่อนและทำภารกิจส่วนตัวให้เรียบร้อย ถ้ามีใครติดต่อเข้ามาก็เป็นเรื่องอนาคต

'สุรชัย'ยังไม่ถูกทาบทาม

      ด้านนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช. คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการร่วมเป็นกรธ.ว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ ทั้งสิ้น ขณะนี้ตนมีตำแหน่งเป็นรองประธานสนช.และเป็นคณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความเห็นเพื่อการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญของ สนช.อยู่ด้วย ซึ่งคิดว่า คนอื่นน่าจะมีความรู้ความสามารถและมีความเหมาะสมที่จะเข้าไปทำหน้าที่กรธ.มากกกว่าตน สำหรับตนคงทำหน้าที่แค่นำความเห็นเกี่ยวกับผลการศึกษาของ สนช.ไปประสานกับผู้ที่เกี่ยวข้องจะความเหมาะสมมากกว่า

      ผู้สื่อข่าวถามว่า การร่างรัฐธรรมนูญควรหยิบยกรัฐธรรมนูญฉบับใดมาเป็นแนวทางในการยกร่าง นายสุรชัยกล่าวว่า ถ้าจะให้เห็นภาพการพัฒนาหรือการต่อยอด ควรนำรัฐ ธรรมนูญฉบับสุดท้ายที่บังคับใช้ คือ ฉบับปี 2550 มาต่อยอดความคิด ซึ่งรัฐธรรมนูญดังกล่าว ตนร่วมเป็น ส.ส.ร. ด้วย ซึ่งตอนนั้นได้นำรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 มาต่อยอดเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ดังนั้น การยกร่างฉบับใหม่จึงควรนำรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มาต่อยอดและพัฒนา สิ่งใดที่ดีควรคงไว้

ชงชื่อสนช.-อดีตสปช.ร่วมวง

      นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตสปช.กล่าวถึงกระแสข่าวถูกทาบทามให้เป็น กรธ.ชุดใหม่ว่า ยังไม่ได้รับการทาบทามใดๆ และไม่ขอออกความเห็นว่าจะรับเป็น กรธ.หรือไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของ คสช.ในการแต่งตั้ง หากพูดอะไรไปคงไม่เหมาะสม แต่มองว่าองค์ประกอบของ กรธ.ทั้ง 21 คน ควรมีทั้งนักนิติศาสตร์ นักรัฐศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ และนักสังคมศาสตร์ เพราะรัฐธรรมนูญเกี่ยวข้องกับทุกสายงาน จึงต้องมีความหลากหลายในการร่างรัฐธรรมนูญ

      นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สนช. กล่าวว่า อยากให้มีตัวแทนของสนช.เข้าไปร่วมเป็นกรธ. 2 คน อาทิ นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ และนางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ มีตัวแทนจากสปช.คือ นายอลงกรณ์ พลบุตร และนายคำนูณ สิทธิสมาน รวมทั้งอดีตสนช.ปี 2549 อาทิ พล.ร.อ.เกาะหลัก เจริญรุกข์ นายประพันธ์ คูณมี และขอให้มีนักกฎหมายมหาชน นักรัฐศาสตร์ ภาคประชาสังคม และกลุ่มเป้าหมายพิเศษ รวมทั้งตัวแทนของพรรคใหญ่ 2 พรรค ซึ่งระหว่างการร่างนั้นต้องทำงาน 2 ขาในคราวเดียวกัน คือร่างและพบปะประชาชน เพราะหากร่างอย่างเดียวโดยไม่ได้พบประชาชน จะไม่ได้รับฟังความเห็นของประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะทำประชามติ ทั้งนี้ควรใช้เวลาการร่าง 180 วันให้คุ้มค่า

พท.ร่อนแถลงการณ์

      วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยออกแถลง การณ์ว่า สมาชิกพรรคเพื่อไทยจำนวนมากได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะผ่านพรรค สรุปดังนี้ 1.การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ครั้งนี้ เมื่อรวมเวลานับแต่วันที่ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านสปช. จะใช้เวลาอีก 21 เดือนถึงจะมีเลือกตั้ง พรรคเห็นว่ายิ่งการเลือกตั้งที่เป็นธรรมและสุจริตล่าช้าออกไปเท่าใด ประเทศชาติและประชาชนยิ่งเสียหายและเสียโอกาสในทุกด้าน

     2.พรรคเห็นว่าการแก้ปัญหาเแตกแยกและสร้างปรองดองนั้น หัวใจสำคัญอยู่ที่การเปิดเวทีให้ทุกฝ่ายได้พูดจากันเต็มที่ ลดอคติ สร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในการบังคับใช้กฎหมายขององค์กรต่างๆ การใช้ท่าทีที่แสดงถึงความเมตตาปรารถนาดีต่อกันของทุกฝ่าย และการให้อภัยกัน ดังนั้น การสร้างรัฐธรรมนูญใหม่หรือกติกาใหม่ต่างๆ โดยสร้างกลไกที่แปลกพิสดารผิดไปจากหลักสากล โดยอธิบายว่าเพื่อให้เหมาะกับสังคมไทย เป็นข้ออ้างเพื่อสถาปนาหรือสืบทอดอำนาจ ปัญหาไม่ว่าจะเลวร้ายเพียงใด ต้องแก้ไขโดยระบบปกติที่เป็นสากล ยึดถืออำนาจการตัดสินใจของประชาชน ไม่ใช่บุคคลหรือองค์กรใด

เสนอตั้งส.ส.ร.ดึงปชช.ทำงาน

      3.พรรคเห็นว่าหากยังคงร่างรัฐธรรมนูญโดยคณะบุคคลที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร ภายใต้กระบวนการยกร่างที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ปิดกั้นการวิจารณ์ ทำแบบปิดลับเช่นที่ผ่านมา มีแต่จะยิ่งสร้างขัดแย้งไปสู่วิกฤตที่เลวร้าย และไม่มีหลักประกันว่าจะได้รัฐธรรมนูญที่ดี เป็นประชา ธิปไตย และใช้เวลายาวนานเท่าใด

       พรรคจึงเสนอให้ คสช.แก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมยกร่างรัฐธรรมนูญ เช่น การใช้กระบวนการ ส.ส.ร. หรือกระบวนการอื่นใดที่เหมาะสม เปิดเผย เป็นกลาง ภายในเวลาที่แน่นอน เพื่อจะได้รัฐธรรมนูญที่เป็นที่ยอมรับและเห็นชอบของทุกฝ่าย เกิดความชอบธรรมและเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการเยียวยาและแก้ขัดแย้ง คำนึงถึงการจัดให้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพื่อให้ประเทศกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

'เกียรติ'แนะแก้ให้ตรงจุด

       นายเกียรติ สิทธีอมร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ถูกคว่ำไปนั้น มีอยู่ 3-4 ประเด็นที่ตนดูแล้วประเด็นที่เห็นไม่ตรงกันในสังคม มีการตั้งคำถามว่าโครงสร้างที่ถูกบัญญัติไว้จะเป็นประชาธิปไตยแค่ไหน หรือมีปัญหาด้านการทับซ้อนในโครงสร้างการบริหารกันหรือไม่ ดังนั้น จึงควรเอาประเด็นเหล่านี้มาดูว่าตรงไหนที่สมควรจะต้องแก้ไข ไม่จำเป็นต้องเริ่มกันตั้งแต่ศูนย์ อาทิ เรื่องคณะกรรมการยุทธศาสตร์และการสร้างความปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ที่ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องมาทบทวนกันใหม่เพื่อให้มีความเหมาะสมกันมากขึ้น

       ส่วนโรดแม็ป 6-4-6-4 ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุนั้น นายเกียรติกล่าวว่า ถ้าใช้เวลา 6 เดือนเพื่อการรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายอย่างเปิดเผย โปร่งใส เพื่อให้ความเห็นของทุกฝ่ายเข้ามาอยู่จุดเดียวกันได้ ตรงนี้น่าจะเป็นประโยชน์ แต่ถ้าหากอยู่ดีๆ ไปตั้งกรอบเวลาแล้วไม่บอกว่ากระบวนการจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้จะวิจารณ์อย่างไร ที่สำคัญถ้ามีกระบวนการฟังเสียงจากกลุ่มที่เป็นกลุ่มหลักๆ ในสังคมไทยอย่างละเอียดถี่ถ้วน คิดว่า 6 เดือนหรือ 3 เดือนก็ทำได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะเริ่มทำหรือไม่ หากใช้เวลามากขึ้นแล้วได้รัฐธรรมนูญที่ดีขึ้นเวลา 6 เดือนถือว่าไม่เยอะ หากสามารถทำให้ไม่มีปมขัดแย้งเพิ่มเติมก็เป็นประโยชน์

เปิดชื่อว่าที่กรธ.

     รายงานข่าวเปิดเผยว่า สำหรับรายชื่อที่คาดว่าจะเป็น กรธ. โดย คสช.ได้ทาบทามทั้งอดีต กมธ.ยกร่างฯ ชุดเดิม สมาชิกสนช. อดีตสมาชิกสปช. นักวิชาการ และนักกฎหมายหลายคนให้ร่วมเป็นทีมกรธ. แม้หลายคนที่มีชื่อจะออกมาปฏิเสธในขณะนี้ก็ตาม ทั้งพล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช นายคำนูณ สิทธิสมาน นายเจษฎ์ โทณะวณิก อดีต กมธ.ยกร่างฯ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ สนช. นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตสปช.

      นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายอุดม รัฐอมฤต อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายคณิต ณ นคร อดีตประธานกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)

'บิ๊กตู่'แจงคสช.คุมตัว'พิชัย-เก่ง'

      ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ถึงการเชิญตัวนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน และแกนนำพรรคเพื่อไทย มาปรับทัศนคติว่า คสช.เขาเรียกตัว รวมถึงนายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทยด้วย เป็นเรื่องการแสดงความคิดเห็นที่มันดีหรือไม่ มันพร้อมจะเกิดความปั่นป่วนอีกหรือไม่ ตนไม่ค่อยอยากใช้อยู่แล้ว แต่ได้มอบอำนาจไปแล้ว เป็นเรื่องที่ คสช.พิจารณากันเอง การพูดจาท้าทายอำนาจรัฐมันทำได้หรือไม่ ตนปล่อยมาเยอะแล้ว

      ผู้สื่อข่าวถามว่าการเชิญตัวครั้งนี้นำไปคุมขังหรือปรับทัศนคติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เอาไปกินข้าว เอาตัวไปเลี้ยงข้าว เลี้ยงปลา ต่อข้อถามว่าปรับทัศนคติ 7 วันเลยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ เขาพิจารณาอยู่ ขึ้นอยู่กับผลที่เขาสอบ ถ้ารับมันก็เร็ว ถ้าไม่รับต่อมันก็มีคดีต่อไป เมื่อถามว่ายังมีคนอื่นเข้าข่ายถูกเรียกตัวอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า บอกแล้วว่าตนจะเป็นผู้พิจารณาเอง มากน้อยหนักเบา เป็นเรื่องของตน ต้องดูว่าสิ่งไหนสร้างความเดือดร้อน สร้างความไม่สงบ คนที่พูดจาไม่ดีให้เกิดความเสียหาย แต่ถ้าไม่อยากให้เกิดความสงบ เดี๋ยวเอาออกมาให้หมด ใครอยากพูดก็พูด แล้วอย่ามาโทษตน อย่ามาโยนความรับผิดชอบให้ตนคนเดียว

ยัวะพูดโจมตีไม่เลิก

      ต่อข้อถามว่าตอนนี้เริ่มมีกระบวนการต่างๆ รวมทั้งเว็บไซต์โจมตีนายกฯ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ดำเนินการอยู่ แต่เว็บเหล่านี้มาจากต่างประเทศ ทำได้เพียงเว็บที่มีต้นทางที่นี่ ซึ่งทำอยู่ ถ้าเว็บมาจากต่างประเทศ เราจะสั่งปิดได้อย่างไร เช่น ยูทูบ เพราะเขาไม่มีกฎหมายมาตรา 112 เราก็ต้องเคารพ เมื่อถามว่านอกจากมาตรการยึดหนังสือเดินทางแล้วจะมีมาตรการอื่นอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เอาพลาสเตอร์ปิดปาก เรื่องนี้คณะทำงานทำอยู่ สื่อไม่ต้องมาถามทุกเรื่อง ไม่ต้องให้นายกฯ มาสั่งทุกเรื่องตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ

     "นักการเมืองและพรรคที่ออกมาพูด ขอร้อง ถ้าไม่มาพูดจาให้ร้าย ผมก็ไม่ไปยุ่ง แต่ถ้ายังพูดโจมตีรัฐบาล อยากถามว่ามีใครเขาทำกันบ้าง ยิ่งเป็นรัฐบาลที่มาอย่างผม มันไม่มีใครพูดได้ ที่ผ่านมาผมก็ให้พูด จะเขียนในโซเชี่ยลมีเดียก็เขียนไป แต่มาต่อต้านผมตรงๆ ไม่ได้ ไม่มีใครเขายอม ถือว่าให้โอกาสมาเยอะแล้ว" พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า

ขู่ยังไม่เข็ดติดคุกไปเรื่อยๆ

       เมื่อถามว่าคนที่พูดทำนองเดียวกับนายการุณ จะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาเรียกไปแล้ว คุยดูก่อนว่าทำไมถึงพูดแบบนั้น พูดท้าทายมันไม่ได้ ถ้าเป็นพ่อแม่คน แล้วลูกมาพูดกับเราแบบนี้ได้หรือไม่ แต่ตนไม่ใช่พ่อเขา ซึ่งคนที่ชอบทำผิดกฎหมาย มาทำอย่างนั้นกับตนไม่ได้ และหากยังไม่เข็ด ก็ติดคุกไปเรื่อยๆ จะยากอะไร ผิดอีกก็ติดอีก

ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นขบวนการดิสเครดิตก่อนที่นายกฯ จะไปประชุมสหประชาชาติใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อก็ต้องช่วยตนบ้าง ต้องเสนอข่าวสองด้าน ถ้าเสนออีกฝ่าย บ้านเมืองฉิบหายใครรับผิดชอบ และขบวนการเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ตนลำบาก เวลาไปต่างประเทศไม่มีใครรังเกียจ และตนไม่เคยหวั่นไหว รู้อันตรายมันอยู่ตรงไหน ยืนยันไม่ได้บอกว่านักการเมืองเลวทั้งหมด ถ้าคนไหนที่รู้ว่าตัวเองผิดแล้วเข้าไปต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม ถ้าผลออกมาไม่ผิดก็คือไม่ผิด แต่ถ้าผิดก็หาวิธีการแก้ปัญหา ถือว่าปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรมแล้ว ถึงจะเรียกว่าปรองดอง

      "วันนี้ยังมาต่อสู้กับผมในเรื่องกระบวนการยุติธรรม แล้วสื่อไปเขียนให้เขาทำไม ขอร้องสื่อเสนอข่าวเป็นธรรมกับผมด้วย อย่างเรื่องจำนำข้าว จะผิดหรือถูกก็อยู่ที่กระบวนการยุติธรรม ผมเพียงแต่ชี้แจงข้อเท็จจริงว่าเสียหายอย่างไร ถ้าวิจารณ์กันมาก อยากให้เห็นใจคนทำงานบ้าง และผมอดทนมาเยอะแล้ว" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่าได้ยกเลิกการไปเยี่ยมชมมหกรรมสินค้า China-ASEAN Expo ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนวันที่ 18-21 ก.ย.นี้ด้วย

'บิ๊กโด่ง'อุบสถานที่-นานกี่วัน

      ที่สโมสรทหารบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคสช. กล่าวยอมรับว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา คสช.เชิญตัวนายพิชัย ไปพูดคุยเนื่องจากแสดงความคิดเห็นไม่ตรงและไม่เป็นไปตามแนวทางที่เคยตกลงกันไว้ จึงเชิญมาพูดคุยอีกครั้งเพื่อทำความเข้าใจ เมื่อถามว่าควบคุมตัวไว้ที่ใด เป็นเวลากี่วัน พล.อ.อุดมเดช ตอบสั้นๆ ว่า คงไม่มีอะไร

      ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคคสช. กล่าวว่า กองกำลังรักษาความสงบ(กกล.รส.) จำเป็นต้องเชิญนายพิชัยมาทำความเข้าใจตามแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยเดิม ซึ่งช่วงหลังนายพิชัย เริ่มแสดงออกไม่เป็นตามเงื่อนไขที่ขอความร่วมมือไว้ เหมือนมีเจตนามุ่งทำลายความน่าเชื่อถือ ใช้เพียงทัศนคติส่วนตัว นำเสนอข้อมูลเชิงพาดพิงกล่าวหา ด้วยมีข้อมูลไม่ครบและพยายามชี้นำให้สังคมสับสนไม่มั่นใจต่อภาครัฐบ่อยครั้ง ซึ่งหลายอย่างไม่สามารถพิสูจน์ได้ เจ้าหน้าที่จะใช้การทำความเข้าใจเป็นหลัก ส่วนจะใช้เวลาแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความร่วมมือและดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายการุณ ได้ถูกเชิญไปที่มทบ.11 และถูกกักตัวไว้ เบื้องต้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะถูกกักตัวไว้นานเท่าใด ขณะที่นางพิมชนา โหสกุล ภรรยา ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ว่า ยังไม่ทราบเรื่อง

'เสี่ยอ้วน-อ๋อย'จี้รับฟังความเห็น

      นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ติดตามข่าวนายพิชัย หายตัวไปด้วยความไม่สบายใจ โดยไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าอยู่ที่ใด จากรายงานข่าวของสื่อมวลชน คาดว่าน่าจะถูกเชิญไปปรับทัศนคติ 7 วัน ที่ผ่านมานายพิชัย พยายามใช้ประสบการณ์ความรู้ เสนอข้อคิดเห็นและเหตุผลให้กับทางออกของประเทศด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยมองว่าเศรษฐกิจประสบปัญหา ซึ่งตรงกับความห่วงใยของหลายฝ่ายในสังคมไทยที่คาดการณ์เศรษฐกิจว่ากำลังวิกฤต หรือใกล้เข้าสู่ภาวะวิกฤตเต็มที อยากเสนอข้อคิดเห็นว่า การระดมความเห็นจากคนในสังคม ยิ่งกว้างขวางยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการคลี่คลายวิกฤต

       นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ที่ผ่านมานายพิชัย วิจารณ์นโยบายและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นไปตามหลักวิชาการและหลักการบริหาร หลายเรื่องพิสูจน์แล้วด้วยซ้ำว่านายพิชัยพูดไว้ถูกต้อง ถ้าทำตามเสียแต่เนิ่นๆ คงลดความเสียหายไปได้ไม่น้อย แต่น่าเสียดายไม่ฟังกัน ซึ่งการจำกัดอิสรภาพนายพิชัย ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลไม่ต้องการฟังความเห็นต่าง และไม่ต้องการให้ประชาชนรับรู้ความเห็นที่หลากหลาย ซึ่งจะส่งผลเสีย ถ้าผู้บริหารประเทศเลือกจะฟังแต่ความเห็นที่ตรงกับตนเองเพียงอย่างเดียว ผู้ใกล้ชิดก็จะไม่กล้าทักท้วง จะเข้ารกเข้าพงไปด้วยกัน

ระบุ"พิชัย"คาดเรื่องศก.ถูกหมด

     ด้านน.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายพิชัย แสดงความเห็นและมีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ โดยออกมาเตือนพร้อมทั้งแสดงความเห็นเรื่องเศรษฐกิจหลายครั้ง ที่สำคัญการคาดการณ์นั้นถูกต้องเกือบทั้งหมด ในปัจจุบันขอใช้คำว่าประเทศไทยอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย เครื่องยนต์ทั้ง 4 ตัวคือการอุปโภคบริโภค การส่งออก การใช้งบประมาณของรัฐ รวมทั้งการลงทุนชะงักงัน

      การจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้นั้น จำเป็นต้องฟังความเห็นและความปรารถนาดีจากทุกฝ่าย เพื่อให้ประเทศฟันฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจนี้ไปให้ได้ ความเห็นที่หลากหลายด้านเศรษฐกิจนี้จะทำให้เราผ่านพ้นไปได้ เปรียบเสมือนการมองเห็นที่เราไม่ต้องการมองเพียงมุมเดียว แต่เราต้องมองโลกให้ครบทุกมุมเพื่อเห็นความสวยงามของธรรมชาติ

'โต้ง'ให้'สมคิด'ช่วยเคลียร์

     นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า การออกมาแสดงความเห็นของนายพิชัย ถือป็นความปรารถนาดี และบริสุทธิ์ใจต่อปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ การเชิญตัวนายพิชัยไปปรับทัศนคติ สะท้อนว่าผู้บริหารประเทศไม่อยากเห็นใครแสดงความเห็นแบบนี้ ทั้งที่เป็นประโยชน์และเป็นความห่วงใยต่อประเทศ การเดินทางไปต่างประเทศไม่ว่า นายกฯ หรือคนในรัฐบาล เมื่อมีการพูดคุยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจแล้ว จะถูกตั้งคำถามเรื่องสภาวะทางการเมืองภายในประเทศ ต้องถูกถามว่าจะใช้เวลาเท่าไร ถึงจะมีรัฐธรรมนูญที่นำไปสู่ประชาธิปไตย ฉะนั้นการวางแผนเตรียมพร้อมตอบคําถามเหล่านี้ที่นายพิชัย พูด รัฐบาลควรมองในแง่บวก ยืนยันว่านายพิชัยไม่ได้มีเจตนาทำลายเสถียรภาพรัฐบาลในเรื่องใดๆ

      "ขอเรียกร้องนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ ทำความเข้าใจกับฝ่ายความมั่นคงในเรื่องดังกล่าว เพื่อความสมานฉันท์ปรองดองที่ดี ไม่ว่าฝ่ายไหนออกมาแสดงความเห็นก็ควรรับฟังอย่างใจกว้าง ส่วนจะนำไปดำเนินการหรือไม่อย่างไร เป็นสิทธิ์ของรัฐบาล เชื่อว่าคนเศรษฐกิจด้วยกันต่างรู้เรื่องและเข้าใจ เพราะการแสดงความคิดเห็นไม่มีเจตนาให้เกิดความสับสน แต่เพื่อเป็นประโยชน์ในการทำงานของรัฐบาล" นายกิตติรัตน์กล่าว

โต้นายกฯจำนำข้าวเจ๊ง

        นายกิตติรัตน์โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้พล.อ.ประยุทธ์ กรณีระบุโครงการจำนำข้าว-รถคันแรกของรัฐบาลที่แล้วทำประเทศเจ๊งว่า นายกฯมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอย่างมากต่อโครงการทั้งสอง คงเป็นพราะได้รับฟังข้อมูลที่บิดเบือนจากทีมเศรษฐกิจชุดก่อนที่ตนเคยให้ฉายาว่า รำไม่ดี โทษปี่โทษกลอง ซึ่งเป็นชุดที่ถูกนายกฯปลดออกไปหมาดๆ และการถอดทีมเศรษฐกิจชุดก่อนออกไปนั้นถูกต้องแล้ว เพราะไม่มีฝีมือ เอาแต่โยนความผิดให้รัฐบาลก่อน จนเกิดความเข้าใจผิดอย่างฝังใจมาถึงวันนี้

นายกิตติรัตน์ระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวเปลือก เป็นโครงการที่ดีและมีความคุ้มค่า ช่วยกลุ่มคนรายได้น้อยที่สุดในภาคเกษตรกรรมได้ถึงร้อยละ 23 ให้ลืมตาอ้าปากได้ ตัวเลข 5 แสนล้านที่ถูกหยิบขึ้นมาอ้างราวกับเป็นภาระความเสียหายนั้น แท้จริงเป็นเพดานเงินหมุนเวียนที่ใช้ดูแลโครงการมาแล้วถึง 5 ฤดูการผลิต โดยยังมีข้าวในคลังที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาทที่ยังไม่ได้จำหน่ายออกไป การระบายข้าวที่ล่าช้าเกินควรจนเกิดเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนั้น รัฐบาลนี้ควรตรวจสอบการดำเนินงานว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทำให้การระบายข้าวล่าช้ามากในช่วงปีเศษที่ผ่านมา และเดาว่าทีมเศรษฐกิจชุดเดิมคงไม่เคยใส่ใจจะอธิบายถึงประโยชน์และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น

รถคันแรกช่วยทั้งคนขาย-ซื้อ

      นายกิตติรัตน์ระบุว่า ส่วนโครงการรถ คันแรกนั้น นอกจากช่วยส่งเสริมโรงงานประกอบรถยนต์ขนาดคันเล็กๆ ให้ลงหลักปักฐานในไทย แทนที่จะยกขบวนไปอยู่ประเทศอื่นหลังน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 แล้ว ยังช่วยให้คนจำนวนหนึ่งมีรถยนต์ได้ในราคาสุทธิที่ไม่สูง ด้วยการที่รัฐมอบคืนภาษี ซึ่งเป็นภาษีของผู้ซื้อรถเองที่จ่ายมาให้รัฐ โดยหลักการแล้ว ภาษีสรรพสามิตเป็นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย หากเรายอมรับว่ารถคันเล็กๆ ไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือย เราก็ไม่ควรเก็บภาษีคนซื้อ แต่รัฐบาลเวลานั้นเห็นว่าควรค่อยๆ ทำเป็นขั้นตอน แทนที่จะยกเลิกภาษีสรรพสามิตรถคันเล็กๆ ไปเลย ก็ให้ดำเนินการแบบมีเงื่อนไข ว่าเป็นผู้ใช้รถจริง ไม่ใช่ผู้ค้ารถ และซื้อไปเพื่อใช้เพียงคันเดียว

      "นายกฯ คงเข้าใจผิดว่ารัฐบาลเอารายได้ภาษีจากกองกลางมาจ่ายให้คนซื้อรถคันแรก จนคนซื้อเหล่านั้นเปรมปรีดิ์ ขอย้ำว่าเงินที่คืนเป็นเงินของเขาที่รัฐเก็บมาทั้งที่ไม่ควรเก็บ ไม่มีใครที่มีความอุตสาหะไปซื้อรถคันแรกมาจอดไว้ เพื่อหวังเอาเปรียบรัฐบาลด้วยการได้รับเงินของตนเองคืน พวกรำไม่ดีโทษปี่โทษกลองด้อยความสามารถ ถูกปลดออกไปก็ดีแล้ว และควรลบความทรงจำที่ถูกบิดเบือนเอาไว้โดยทีมเดิม จะได้เดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ถูกทางด้วยสามัคคีปรองดอง อย่ากลายเป็นรำเสียเอง โทษเสียเอง เพราะทุกครั้งที่โทษผิดๆ ผมย่อมต้องโต้เถียง" นายกิตติรัตน์ ระบุ

อัดรำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง

     น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ อดีตส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ได้ยินข่าวผู้นำรัฐบาลตำหนิติติงนโยบายจำนำข้าวและนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรก็ไม่สบายใจ ห่วงรัฐบาลคสช.ว่าไม่มีความสามารถบริหารการจัดการด้านเศรษฐกิจ นำไปสู่สุภาษิต รำไม่ดี โทษปี่โทษกลอง โทษคนนั้นคนนี้ ลืมกลับมามองที่ตนเอง

"หากผู้นำรัฐบาลเลิกว่าคนอื่น เลิกทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง และเอาเวลามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ให้ประชาชนน่าจะเป็นประโยชน์กว่า หรือถ้าพยายามแล้วยังคิดไม่ออก ลองมาปรึกษาทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยได้ มีคนบอกว่าผู้นำรัฐบาลคสช. ทำตัวเหมือนฝ่ายค้านสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีผิด" น.ส.ธีรรัตน์กล่าว

ทนายปูโวยชี้นำคดีข้าว

      นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนายน.ส. ยิ่งลักษณ์ เขียนข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวว่า ในฐานะทนายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ถูกกล่าวหาในโครงการรับจำนำข้าว เห็นข่าวแล้วไม่สบายใจ เพราะสถานะของพล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 44 ใช้อำนาจใน 3 ทาง คือ ตุลาการ บริหาร และนิติบัญญัติ กลับให้ข่าวโดยสรุปว่าโครงการรับจำนำข้าวก่อให้เกิดความเสียหายมาก ขณะที่คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล และบางส่วนยังอยู่ในการไต่สวนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ซึ่งกรรมการชุดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้ลงนามร่วมกับรมว.คลัง แต่งตั้งขึ้นด้วยอำนาจตามมาตรา 44

     นายนรวิชญ์ กล่าวว่า การที่สรุปว่าโครงการรับจำนำข้าว ก่อให้เกิดความเสียหายมากนั้น อาจมีผลกระทบต่อการพิจารณาคดีความของศาล และอาจมีผลกระทบต่อการสรุปข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดได้ จึงขอเรียกร้องพล.อ. ประยุทธ์ โปรดอย่าชี้นำคดีความ ควรปล่อยตามครรลองของกระบวนการยุติธรรม และการทำงานของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด

สมช.ยื้อใบลาออก'กนกทิพย์'

    นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวภายหลังการประชุมสมช. กรณีนางกนกทิพย์ รชตะนันท์ รองเลขาธิการสมช.ยื่นใบลาออกว่า ตนยังไม่ได้อนุมัติหนังสือลาออก และได้คุยกับนางกนกทิพย์ แล้วว่าอยากให้ใช้ความรู้ความสามารถ ช่วยงานด้านความมั่นคงที่ยังมีอีกมาก ตอนนี้คุยกันอยู่ ตนไม่อยากพูดเรื่องนี้แล้ว เพราะไม่เกิดประโยชน์สำหรับผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งใหม่ สิ่งที่สื่อถามขอให้ยุติ เพราะเราทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด และรองเลขาฯเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถและเข้าใจเรื่องนี้ดี ซึ่งการประชุมในสมช.วันนี้ นายกฯ เข้าร่วมประชุมก็ไม่ได้พบกับนางกนกทิพย์

ส่วนนางกนกทิพย์ จะเปลี่ยนใจกลับมาทำหน้าที่หรือไม่ นายอนุสิษฐกล่าวว่า ไม่ได้กลับหรือไม่กลับ อย่าไปพูด ตนจะไม่พูดเรื่องนี้อีกเพราะไม่มีประโยชน์ ขอให้พูดเรื่องงานที่จะทำต่อไปดีกว่า

ใบปลิวว่อนศาลปกครอง

     รายงานข่าวจากสำนักงานศาลปกครอง เปิดเผยว่า มีใบปลิวพิมพ์เป็นจดหมายเปิดผนึก ในนามคณะตุลาการศาลปกครองผู้รักความเป็นธรรม เรียกร้องให้คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง(ก.ศป.) ชี้แจงถึงกรณีนายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ร้องขอให้ก.ศป.คืนความเป็นธรรมให้ หลังคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยกรณีจดหมายน้อยฝากตำรวจ เสียงข้างมาก มีมติว่าไม่มีความผิด รวมทั้งกรณีที่กล่าวหาว่า ก.ศป.สอบสวนนายหัสวุฒิอย่างไม่เป็นธรรมและไม่ชอบด้วยกฎหมาย เผยแพร่ในกลุ่มตุลาการศาลปกครองและสื่อมวลชนบางส่วน ขณะเดียวกัน ก.ศป.ให้เจ้าหน้าที่สำนักประชา สัมพันธ์ รวบรวมเอกสารชี้แจงสื่อของนายหัสวุฒิ รวมทั้งข่าวที่เกี่ยวข้องจากสื่อต่างๆ และสรุปรายงานให้ก.ศป.ทราบ เพื่อจัดทำเอกสารชี้แจงกรณีที่นายหัสวุฒิ ถูกกลั่นแกล้งไม่ได้ความเป็นธรรมในโอกาสต่อไป

    นายวชิระ ชอบแต่ง รองโฆษกศาลปกครอง กล่าวชี้แจงว่า ยังไม่เห็นเอกสาร ดังกล่าวเลยยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นการกระทำของตุลาการศาลปกครองจริงหรือไม่ ยอมรับว่าการแถลงข่าวของนายหัสวุฒิ ในสำนักงานศาลปกครองเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของศาลปกครองพอสมควร แต่สถานการณ์คงไม่บานปลายจนเกิดเป็นวิกฤตตุลาการศาลปกครองแน่ เชื่อว่าน่าจะหาข้อยุติได้

 

ครม.-คสช.ร่วมเฟ้นกรธ. 22 กย.เคาะ บิ๊กตู่ชี้อมรป่วย-มีชัยปัด เล็งหลายคนเหมาะปธ. เรียกเก่งการุณเข้าค่าย บิ๊กโด่งแจงเหตุกักพิชัย เรียก'รองสมช.'กล่อม

      'บิ๊กโด่ง'ชี้'พิชัย'ทำผิดเงื่อนไข โฆษก คสช.เผยใช้ดุลพินิจกักนานแค่ไหน เพื่อไทยดาหน้าจี้ปล่อยตัว ชี้ความเห็นเป็นประโยชน์ แนะฟังเห็นต่างด้วย 'โต้ง'บี้'สมคิด'ทำความเข้าใจ คสช.ให้รับฟัง ส่วน'เก่ง การุณ'

โดนปรับทัศนคติอีก

  • มติชนออนไลน์ :

@ 'วิษณุ'ชี้ชัดไม่เลือกคนเห็นแย้ง

     เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีการพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า คงต้องพิจารณาคุณสมบัติตามที่นายกรัฐมนตรีระบุ ที่รู้เรื่องกฎหมาย เป็นนักกฎหมาย ส่วนจะหายากหรือไม่นั้น ไม่ทราบ คงไม่ต้องพิจารณาเลือกคนที่ถูกใจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เคยพูดไปแล้วว่า ไม่จำเป็นต้องเห็นเหมือนกับ คสช. แต่ก็คงไม่เลือกคนที่เห็นขัดแย้ง เมื่อถามว่าสัดส่วนผู้ที่มาทำหน้าที่มีชื่อของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาปรากฏด้วย นายวิษณุกล่าวว่า เรื่องนี้ตอบยาก เนื่องจากเลขาฯกฤษฎีกาเป็นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ชุดเก่า จึงขึ้นอยู่กับว่าสัดส่วนจะให้มีบุคคลที่มาจาก กมธ.ยกร่างฯเก่าหรือไม่ 

      เมื่อถามว่า บุคคลที่จะเป็นประธาน กรธ.จำเป็นต้องเป็นนักกฎหมายหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มีที่ไหนเขียนว่าต้องเป็น แต่ถ้าได้ก็ดี เพราะประธานคือคนที่คุมเกม แต่จะมาหยุดเกมเพื่อขอเปิดดูกฎหมายก่อนก็คงไม่ได้ เหมือนสมาชิกขอคัดค้านแล้วประธานบอกว่าขอเวลาเปิดดูกฎหมายก่อนคงไม่ได้ หากได้คนที่เข้าใจกฎหมายจะทำให้การจัดการประชุมเป็นไปได้ง่ายขึ้น แต่ในอดีตไม่ใช่นักนิติศาสตร์แต่เป็นนักรัฐศาสตร์เข้ามาทำหน้าที่ก็มีมาแล้ว บุคคลที่มีชื่อในข่าวว่าจะมาเป็นประธาน กรธ.ที่เอ่ยมานั้น เช่น นายลิขิต ธีระเวคิน นักวิชาการรัฐศาสตร์และราชบัณฑิตนั้นทำไหวทั้งนั้น แต่ขึ้นอยู่กับว่า คสช.จะตั้งเข้ามาหรือไม่ แล้วเขาจะยอมเป็นด้วยหรือเปล่า พอไปถามดูนายลิขิตอาจจะไม่อยากเป็นก็ได้ อย่างไรก็ตามสำหรับรายชื่อ กรธ.นายกรัฐมนตรีระบุเองว่าน่าจะแล้วเสร็จก่อนเดินทางไปประชุมสหประชาชาติในวันที่ 23 กันยายนนี้ 

@ ย้ำนักการเมืองเป็นกรธ.ไม่ได้

     นายวิษณุกล่าวว่า สำหรับข้อสงสัยว่านักการเมืองจะเข้ามาทำหน้าที่ กรธ.ได้หรือไม่ ก็ย้ำไปหลายครั้งแล้วว่ามีการเขียนล็อกว่าต้องไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองย้อนหลัง หรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง แต่ถ้าจะ 4 ปีย้อนหลังก็เป็นได้ แต่จะหาได้หรือไม่ พวกที่ออกมาพูดกันอยู่ขณะนี้ติดเรื่องคุณสมบัติที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองย้อนหลัง 3 ปี เมื่อถามว่านายกฯระบุว่า กรธ.ต้องเข้าใจเจตนารมณ์ของ คสช. เจตนารมณ์ตรงนี้คืออะไร นายวิษณุกล่าวว่า เจตนารมณ์คือ 1.ต้องการให้มีการบริหารราชการแผ่นดิน 2.มีการปฏิรูป และ 3.มีการปรองดองเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ นายกรัฐมนตรีพูดหลายครั้ง ซึ่งจะผูกกับโรดแมปการทำงาน 6-4-6-4 ที่ระยะเวลาจะสั้นลงมาได้หากมีการปรองดอง มีความสงบเรียบร้อยในระดับหนึ่ง จนหาเสียงเลือกตั้งได้ จากระยะเวลา 20 เดือน อาจจะเหลือ 15 เดือน หรือ 10 เดือนก็เป็นได้

     "ผมถึงบอกว่าเหมือนสุภาษิตฝรั่ง หญ้าแห้งเวลาแดดออกให้นำไปตาก เพราะเวลาหนาวหิมะตกไม่มีหญ้าให้วัวกิน ตอนนี้แดดออกก็เอาหญ้าไปตาก เมื่อฟ้าครึ้มก็เก็บเข้ามา เปรียบเทียบให้เห็นว่าถ้าบ้านเมืองสงบเรียบร้อยก็ให้เร่งจัดการเลือกตั้ง ถ้ายังตะลุมบอน ตีกัน มีระเบิดที่นู่นที่นี่ ยังไม่สามัคคีกัน จะให้เลือกตั้งเพื่อที่จะเข้ามาจัดการล้างแค้นกัน อย่างนั้นก็ยากที่จะไปเร่งรัด" นายวิษณุกล่าว

     เมื่อถามว่า ได้มีการหารือกันหรือไม่ว่าหากร่างฉบับนี้ไม่ผ่านประชามติแล้วจะทำอย่างไรต่อไป นายวิษณุกล่าวว่า ยังอีกระยะยาว หากมีความจำเป็นคงต้องแก้รัฐธรรมนูญ ต้องดูอีกสักระยะใน ครม.ก็พูดกันว่าถ้าไม่ผ่านแล้วจะทำอย่างไร จะยกร่างฯใหม่ปีละ 3 พันล้านบาท กลางปีและปลายปีรวมกัน ประเทศคงล่มจมพอดีกับกระดาษไม่กี่หน้า

@ นายกฯมีชื่อปธ.กรธ.หลายคน 

    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งประธาน กรธ. ว่า มองไว้หลายคน โดยคุณสมบัติจะต้องเป็นที่ยอมรับ ข้อสำคัญนักการเมืองยอมรับหรือเปล่า วันที่ 22 กันยายนนั้นจะมีการประชุมร่วม ครม.-คสช เวลานี้มีแนวทางให้ไปทำกันมา เพราะทั้งหมดตนต้องเตรียมความพร้อม และลงนามก่อนที่จะเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 23 กันยายน ตอนนี้ให้โอกาสทุกคนเสนอชื่อมา ใครอยากเป็นก็สมัครมา และจะพิจารณาเอง ประเด็นคือ กรธ.เป็นผู้ที่จะมาทำเรื่องกฎหมาย ก็ควรจะมีความรู้เรื่องกฎหมาย ทั้งกฎหมายเอกชน กฎหมายมหาชน เศรษฐกิจ การค้า การลงทุนด้วย พวกนี้ต้องใช้กฎหมายทั้งนั้น ถ้าไม่เอานักกฎหมายมาร่างกฎหมายไปไม่ได้หรอก ถ้านักกฎหมายไม่มีบทบาทตรงนี้ ก็จะมีแต่โจทย์ มีแต่ปัญหาและผลสำเร็จที่คาดหวัง แต่กระบวนการไม่มีดังนั้นต้องมีกระบวนการนี้ โดยแผนงานโครงการต้องจัดระเบียบตรงนี้ให้ได้ เพราะทั้งหมดนี้จะวนกลับไปสู่ สนช.ให้กฎหมายออกมาเพื่อให้รัฐบาลหน้าไปทำ

@ ไม่เชิญนิติราษฎร์-ให้มาสมัคร

      เมื่อถามว่า ถ้านักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์จะเข้ามาเป็น กรธ.ด้วย เป็นไปได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ก็สมัครมาสิ แต่พอถึงเวลาก็ไม่อยากเข้ามา ไม่เข้ามา ก็นักการเมืองทั้งนั้นแหละที่พูดๆ จำไม่ได้เหรอสื่อเขียนข่าวเองเขาบอกไม่มาเป็น สนช.ก็ไม่เอามาร่างรัฐธรรมนูญก็ไม่เอาใช่ไหม ไม่เชิญหรอก อยากมาก็สมัครมา จะไปง้ออะไรนักหนา ก็เปิดโอกาสให้เข้ามาสมัครทั้งหมดนั่นแหละ แล้วอย่ามาบอกว่าไม่เชิญอีกต่อไป" เมื่อถามว่า มีช่องทางให้สมัครอย่างเป็นทางการหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี เพราะไม่ใช่การเลือกผู้แทน ก็สมัครผ่านสื่อมา จะเอารายชื่อมาดูแต่เวลานี้เห็นสมัครกันทุกวัน คนโน้นคนนี้ ผ่านสื่อหรือไม่ก็มีคนให้ข่าวมา ไม่เห็นมีมาสมัครกับตนสักคนมีแต่รายชื่อผ่านสื่อ หรือไม่ก็มีคนให้ข่าวมา เพื่อที่จะเล่นงานคนที่เอ่ยชื่อ ส่วนใหญ่พวกนี้จะไม่ค่อยได้หรอก เพราะโดนตีตั้งแต่ต้น คนไทยเป็นแบบนี้ 

@ เผย'อมร'ป่วย-'มีชัย'ไม่รับ

      เมื่อถามว่าได้ทาบทามนายอมร จันทรสมบูรณ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา มาเป็นประธาน กรธ.หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เขาป่วยอยู่ เมื่อถามต่อว่า จะให้นายวิษณุลาออกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "เขาจะออกไหมล่ะ"

เมื่อถามว่านายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานรัฐสภา ได้มีการทาบทามหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ท่านไม่รับแล้วไม่ใช่หรือ" ส่วนนายลิขิต ธีระเวคิน อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 นายกฯ ตอบว่า "เดี๋ยวมีชื่อ เขาคงเสนอมาเองเพราะให้ทุกคนไปหามา เดี๋ยวก็มาประชุมร่วมกัน จะเอาคนไหนๆ ก็ว่ามา" เมื่อถามว่า หัวใจของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า "ต้องแก้ปัญหาประเทศในอนาคตได้ และรักษาบ้านเมืองให้สงบ ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน ทำให้ประเทศเข้มแข็ง มั่งคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ไม่ควรจะต้องเขียนยาวหลายมาตรา ซึ่งตนเคยพูดมาแล้ว เขาก็ตัดจาก 315 เหลือ 285 ต่างประเทศมีเท่าไหร่ไปดูสิ แต่ไปบอกเอาแบบนี้ ไม่ได้ ถ้าบอกไปก็เอาเรื่องอื่นมาอีก เรื่องเสรีภาพเต็มที่ เต็มที่กันเข้าไป ก็ตีอยู่อย่างนี้ล่ะ ในต่างประเทศกว่าจะมั่นคงได้ตีกันมาเยอะกว่าเรา ตายกันไปเยอะกว่านี้ จะเอาแบบนั้นไหม ก็เอาสิ หมดเวลาผมก็ไปแล้ว ถ้าแก้ไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร" 

@ 'บิ๊กป๊อก'เผยสเปกสภาขับเคลื่อน 

     พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอยืนยันว่าการเลือก กรธ.เป็นอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งยังไม่มีการปรึกษากันและยังไม่ได้บอกว่าจะพิจารณาใคร เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าจะหารือเรื่องนี้กับ ครม.กับ คสช. พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า หากเป็นเช่นนั้นคงนำเรื่องเข้าหารือสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม เมื่อยังไม่ทราบว่าจะตั้งใคร อย่าเพิ่งไปวิพากษ์วิจารณ์หรือต่อให้รู้ว่าเป็นใครก็ไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์อยู่ดีเพราะถือว่าเป็นอำนาจของหัวหน้า คสช.อยู่ดี เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกันถึงบุคคลที่จะเข้าไปนั่งในสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันบ้างในเรื่องนี้ โดยคุณสมบัติที่มีการพูดคุยกันไว้คือ 1.มาจาก สปช.เดิม 2.จากผู้ที่เป็นอดีตข้าราชการของกระทรวงต่างๆ และ 3.ข้าราชการปัจจุบันของกระทรวงต่างๆ โดยจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ทางด้านกฎหมายเป็นอย่างดี

@ สุรชัยปัดร่วมนั่งร่างรธน.

     ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ ทั้งสิ้น สื่อเป็นคนแต่งตั้งให้ โดยที่ตนไม่ทราบว่าสื่อนำชื่อมานำเสนอได้อย่างไร เพราะขณะนี้มีตำแหน่งเป็นรองประธาน สนช.และเป็น กมธ.สามัญพิจารณาศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความเห็นเพื่อการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญของ สนช.อยู่ด้วย คิดว่าคนอื่นน่าจะมีความรู้ความสามารถและมีความเหมาะสมที่จะเข้าไปทำหน้าที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญมากกว่า คิดว่าคุณสมบัติของคนที่จะเข้ามาเป็นกรรมการร่างฯนั้น ถ้าได้คนที่มีประสบการณ์ต่อการร่างรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่ฉบับปี 2540-2550 และฉบับที่ไม่ผ่าน สปช.จะเป็นประโยชน์ ต้องไม่ลืมว่าการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญจะต้องใช้ทฤษฎีกฎหมายหรือทฤษฎีทางการปกครองเพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถได้รัฐธรรมนูญที่ดีและมีความเหมาะสมกับสังคมไทยได้

@ 'ครูหยุย'ชงชื่อสมคิด-ชูเกียรติ

     นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า อยากให้มีตัวแทนของ สนช.เข้าไปร่วม 2 คน อย่างนายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ หรือนางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ รวมทั้งมีตัวแทนจาก สปช.คือ นายอลงกรณ์ พลบุตร และนายคำนูณ สิทธิสมาน และอดีต สนช.คือ พล.ร.อ.เกาะหลัก เจริญรุกข์ และนายประพันธ์ คูณมี นอกจากนี้ขอให้มีนักกฎหมายมหาชน นักรัฐศาสตร์ ภาคประชาสังคม และกลุ่มเป้าหมายพิเศษ รวมทั้งตัวแทนของพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค โดยในการร่างรัฐธรรมนูญต้องมีส่วนร่วมของประชาชน 

     นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ อดีต กมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า ยังไม่มีใครทาบทามเมื่อวานก็เจอนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มีการทักทายแต่ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ ส่วนหากมีแล้วจะรับหรือไม่นั้นให้มาถามตนอีกครั้ง แต่เป็นไปได้ยากเพราะมีคนอยากเข้ามาทำงานตรงนี้มาก

      พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช อดีต กมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่อทาบทาม เพราะทางนายกรัฐมนตรีจะเลือกใครก็เป็นสิทธิ ช่วงนี้ขอพักผ่อนและทำภารกิจส่วนตัวให้เรียบร้อย ถ้ามีใครติดต่อเข้ามาก็เป็นเรื่องอนาคต

@ พท.แนะให้ปชช.ร่วม-ตั้งสสร.

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ออกแถลงการณ์จากกรณีที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญว่า สมาชิกพรรคจำนวนมากได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะผ่านพรรคเพื่อไทย ซึ่งสรุปได้ดังนี้ 1.โรดแมปจะสั้นหรือยาว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประชาชนเลย แต่ขึ้นอยู่กับ คสช.เพียงองค์กรเดียว การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่และการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดย สปช. ก็ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมกำกับของ คสช.ทั้งสิ้น พรรคเห็นว่ายิ่งการเลือกตั้งที่เป็นธรรมและสุจริตล่าช้าออกไปเท่าใด ประเทศชาติและประชาชนก็ยิ่งเสียหายและเสียโอกาสในทุกๆ ด้าน 2.การแก้ปัญหาเรื่องความแตกแยกและสร้างความปรองดองนั้น หัวใจสำคัญอยู่ที่การเปิดเวทีให้ทุกฝ่ายได้พูดจากันอย่างเต็มที่ การลดอคติ การสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในการบังคับใช้กฎหมายขององค์กรต่างๆ การใช้ท่าทีที่แสดงถึงความเมตตาปรารถนาดีต่อกันของทุกฝ่ายและการให้อภัยซึ่งกันและกัน 3.หากยังคงร่างรัฐธรรมนูญโดยคณะบุคคลที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร ภายใต้กระบวนการยกร่างที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ปิดกั้นการวิพากษ์วิจารณ์ กระทำแบบปิดลับเช่นที่ผ่านมา มีแต่จะยิ่งสร้างความขัดแย้งจนไปสู่วิกฤตที่เลวร้าย และไม่มีหลักประกันใดๆ ว่าจะได้รัฐธรรมนูญที่ดี เป็นประชาธิปไตย และใช้เวลายาวนานเท่าใด พรรคเพื่อไทยจึงเสนอให้ คสช.แก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการยกร่างรัฐธรรมนูญ เช่น การใช้กระบวนการ ส.ส.ร. 

@ สมบัติเผยยังไม่ได้รับติดต่อ

      นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตสมาชิก สปช. กล่าวถึงกระแสข่าวถูกทาบทามให้เป็นคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ชุดใหม่ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อทาบทามใดๆ และไม่ขอออกความเห็นใดๆ ว่าจะรับเป็นคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นหน้าที่ของ คสช.ในการแต่งตั้ง หากพูดอะไรไปคงไม่เหมาะสม แต่ส่วนตัวมองว่าองค์ประกอบของคณะกรรมการทั้ง 21 คน ควรมีทั้งนักนิติศาสตร์ นักรัฐศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ นักสังคมศาสตร์ เพราะรัฐธรรมนูญเกี่ยวข้องกับทุกสายงาน จึงต้องมีความหลากหลายในการร่างรัฐธรรมนูญ

@ 'นายกฯ'เหน็บเรียกไปเลี้ยงข้าว

       กรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เชิญตัวนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ไปควบคุมปรับทัศนคติ 7 วัน หลังจากที่ออกมาแสดงความเห็นต่อการบริหารงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล

      พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "เป็นเรื่องที่ทาง คสช.เขาเรียกตัวไปมั้ง" เมื่อถามว่า รวมถึงนายการุณ โหสกุล ด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ด้วยมั้ง" เมื่อถามว่า การเรียกตัวไปครั้งนี้ สาเหตุและความผิดมาจากอะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "เป็นไปตามคำสั่ง คสช. ซึ่งเป็นเรื่องการแสดงความคิดเห็น แล้วพวกสื่อเห็นว่าความคิดเห็นที่พูดออกมานั้นมันดีหรือไม่เล่า มันสร้างอะไรให้กับสังคม มันพร้อมจะเกิดความปั่นป่วนอีกหรือเปล่า ผมเองก็ไม่ค่อยจะอยากใช้อยู่แล้วล่ะ แต่ได้มอบอำนาจไปแล้ว เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่เขาพิจารณากันเอง ถ้าการพูดจาไปในลักษณะที่ท้าทายอำนาจรัฐมันทำได้ไหม ผมปล่อยมาเยอะแล้ว'เมื่อถามว่า การเชิญตัวครั้งนี้นำไปคุมขังหรือปรับทัศนคติ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวแบบประชดว่า 'เอาไปกินข้าว เอาตัวไปเลี้ยงข้าว เลี้ยงปลา'เมื่อถามว่า เอาไปปรับทัศนคติ 7 วันเลยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่รู้ เขากำลังพิจารณาอยู่ มีอำนาจกี่วันเล่า จะ 7 วันหรือเปล่า ผมไม่รู้ ขึ้นอยู่กับผลที่เขาสอบกันมาว่า ถ้ารับมันก็เร็ว ถ้าไม่รับต่อมันก็มีคดีต่อไป" 

@ วอนนักการเมืองอย่าพูดจาให้ร้าย

      เมื่อถามว่า นอกจากกรณีของนายพิชัยแล้ว ยังจะมีคนอื่นที่เข้าข่ายถูกเรียกตัวอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้บอกแล้วว่าตนจะเป็นผู้พิจารณาเอง มากน้อย หนักเบาก็เป็นเรื่องของตน เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าจะมีอีกใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า "ไม่รู้ ก็ต้องมาดูว่าสิ่งไหนที่สร้างความเดือดร้อน สร้างความไม่สงบ สื่ออยากให้บ้านเมืองสงบหรือไม่ แล้วคนที่พูดจาไม่ดี พูดจาแล้วทำให้เกิดความเสียหาย มันควรจะพูดหรือไม่ หรือถ้าไม่อยากให้เกิดความสงบ เดี๋ยวก็เอาออกมาให้หมด ใครอยากพูดอะไรก็พูด แล้วอย่ามาโทษผม อย่ามาโยนความรับผิดชอบให้ผมคนเดียว นักการเมืองและพรรคการเมืองที่ออกมาพูดวันนี้ ก็ขอร้องเถอะครับ ถ้าท่านไม่มาพูดจาให้ร้ายผม ผมก็ไม่ไปยุ่งกับท่าน แต่ถ้ายังมาพูดโจมตีรัฐบาล อยากถามว่ามีใครเขาทำกันบ้าง ยิ่งเป็นรัฐบาลที่มาอย่างผมเช่นนี้ มันไม่มีใครพูดได้ ที่ผ่านมาผมก็ให้พูด จะเขียนในโซเชียลมีเดียอะไรก็เขียนไปเถอะ แต่มาต่อต้านผมตรงๆ ไม่ได้ ไม่มีใครเขายอม นี่ถือว่าให้โอกาสมาเยอะแยะแล้ว" 

    ทั้งนี้ ในช่วงท้ายนายกฯกล่าวยอมรับว่า ได้ยกเลิกการเดินทางไปเยี่ยมชมมหกรรมสินค้า China-ASEAN Expo ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงวันที่ 18-21 กันยายนนี้ด้วย

@ 'บิ๊กโด่ง'เผย'พิชัย'ผิดเงื่อนไข

     พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า เนื่องจากแสดงความคิดเห็นไม่ตรงและไม่เป็นไปตามแนวทางที่เคยตกลงกันไว้ จึงต้องเชิญมาพูดคุยอีกครั้งเพื่อทำความเข้าใจ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า คสช.คุมตัวนายพิชัยไว้ที่ใด และควบคุมตัวกี่วัน ทาง พล.อ.อุดมเดชปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว ตอบเพียงแค่สั้นๆ ว่า'คงไม่มีอะไร'

    พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. กล่าวว่า เนื่องจากช่วงหลังนายพิชัยเริ่มแสดงออกไม่เป็นตามเงื่อนไขที่ได้ขอความร่วมมือไว้ ประกอบกับเหมือนมีเจตนามุ่งทำลายความน่าเชื่อถือ โดยใช้เพียงทัศนคติส่วนตัวมาอย่าง

ต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีการนำเสนอข้อมูลในลักษณะเชิงพาดพิงกล่าวหาที่มีข้อมูลไม่ครบ ในทำนองเดียวกันก็มีความพยายามชี้นำให้สังคมสับสนไม่มั่นใจต่อภาครัฐบ่อยครั้ง หลายอย่างก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เพราะฉะนั้นทางเจ้าหน้าที่คงจะพยายามใช้การทำความเข้าใจเป็นหลัก ใช้เวลาแค่ไหนต้องขึ้นอยู่กับความร่วมมือและดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ

@ เพื่อไทยดาหน้าจี้ปล่อยตัว 

      นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตนติดตามข่าวเรื่องนายพิชัยหายตัวไปด้วยความไม่สบายใจ จนถึงขณะนี้นายพิชัยหายตัวไปเกิน 24 ชม. ขอแสดงความห่วงใยอย่างจริงใจ ในฐานะที่เป็นเพื่อนนักการเมืองด้วยกันและเป็นนักการเมืองของพรรคที่ตนเป็นรักษาการเลขาธิการพรรคอยู่ บทบาทที่ผ่านมาของนายพิชัย ได้พยายามใช้ประสบการณ์ความรู้ของตัวเองเสนอข้อคิดเห็นและเหตุผลให้กับทางออกของประเทศด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยมองว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังประสบปัญหา ซึ่งก็ตรงกับความห่วงใยของคนหลายๆ ฝ่ายในสังคมไทย นายพิชัยเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่ายิ่งอีกคนหนึ่งของสังคมไทย ปล่อยตัวนายพิชัยและเปิดโอกาสให้ได้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการเสนอแนะมุมมองต่อปัญหาและทางออกของบ้านเมือง ประเทศ จะได้ประโยชน์มากกว่า

@ 'อ๋อย'ชี้ไม่ฟังเห็นต่างอันตราย

      นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า การจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกของคนคนหนึ่ง ความจริงก็คือการจำกัดเสรีภาพของคนทั้งหลายในสังคม จำกัดทั้งเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลความคิดเห็น ที่ผ่านมานายพิชัยเสนอความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองอย่างมาก หลายๆ เรื่องพิสูจน์แล้วด้วยซ้ำว่าพูดไว้ถูกต้อง แต่น่าเสียดายไม่ฟังกัน การจำกัดอิสรภาพเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลไม่ต้องการฟังความเห็นต่าง และไม่ต้องการให้ประชาชนรับรู้ความเห็นที่หลากหลาย ซึ่งจะส่งผลเสีย ถ้าผู้บริหารประเทศเลือกที่จะฟังแต่ความเห็นที่ตรงกับตนเองเพียงอย่างเดียวแล้ว ผู้ใกล้ชิดจะไม่กล้าทักท้วงจะเข้ารกเข้าพงไปด้วยกัน การปิดกั้นความเห็นต่างยังจะกระทบความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจ ต่อนโยบายและการแก้ปัญหาด้วย เพราะข้อมูลที่ให้โดยรัฐฝ่ายเดียวไม่น่าเชื่อถือ การไม่รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลายเป็นอันตราย น่าเป็นห่วงประเทศชาติบ้านเมืองอย่างยิ่ง

@ 'โต้ง'จี้'สมคิด'เคลียร์คสช.

      นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การออกมาพูดแสดงความเห็นของนายพิชัย ถือว่าเป็นความปรารถนาดีและบริสุทธิ์ใจต่อปัญหาภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ฉะนั้นการแสดงความเห็นที่ผ่านมาถือว่าเป็นประโยชน์ รัฐบาลโดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงควรจะรับฟังด้วยใจที่เปิดกว้าง การที่เชิญตัวนายพิชัยไปปรับทัศนคติหลายครั้งและล่าสุดได้มีการควบคุมตัวไว้ 7 วัน สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริหารประเทศในปัจจุบันไม่อยากเห็นใครออกมาแสดงความเห็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่การแสดงความเห็นเป็นประโยชน์และเป็นความห่วงใยต่อประเทศ

      "ทั้งนี้การเดินทางไปต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นตัวนายกรัฐมนตรี หรือคนในรัฐบาลคนใดก็ตาม เมื่อมีการพูดคุยความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแล้ว ก็จะต้องถูกตั้งคำถามเรื่องสภาวะทางการเมืองภายในประเทศที่มีการสะดุดของรัฐธรรมนูญเกิดขึ้น โดยต้องถูกถามว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ ถึงจะมีรัฐธรรมนูญที่นำไปสู่ประชาธิปไตย ฉะนั้นการวางแผนเตรียมความพร้อมในการตอบคําถามเหล่านี้ที่นายพิชัยออกมาพูด รัฐบาลควรมองในแง่บวก" นายกิตติรัตน์กล่าว และว่า ขอเรียกร้องไปยังนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ทำความเข้าใจกับฝ่ายความมั่นคงในเรื่องดังกล่าว เพื่อความสมานฉันท์ปรองดองที่ดี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนที่จะออกมาแสดงความคิดเห็น ก็ควรรับฟังอย่างใจกว้าง

@ 'เก่ง การุณ'โดนปรับทัศนคติอีก

     ขณะเดียวกัน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายพิชัยเช่นกัน

      รายงานข่าวแจ้งว่า นายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) ถูกเชิญไปที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) และถูกกักตัวไว้ เบื้องต้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะถูกควบคุมตัวไว้นานเท่าใด

ด้านนางพิมชนา โหสกุล ภรรยานายการุณ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆ ว่า "ยังไม่ทราบเรื่อง"

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ขณะนี้นายการุณอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ไม่แน่ใจว่าได้มีการตั้งข้อหาด้วยหรือไม่ เพราะจากการดูพฤติกรรมส่วนตัวของนายการุณ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้แสดงออกที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ คสช.ขอความร่วมมือไว้ เพราะฉะนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องควบคุมตัวมาเพื่อทำความเข้าใจและแลกเปลี่ยนทัศนคติ อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบว่าควบคุมตัวนายการุณไว้ที่ไหนและจำนวนกี่วัน เพราะขึ้นอยู่กับการพูดคุยกับนายการุณเองว่าจะสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของเจ้าหน้าที่ได้หรือไม่

@ 'ทนายปู'ชี้'บิ๊กตู่'ชี้นำคดีข้าว

นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ได้อ่านข่าวเมื่อวันที่ 9 กันยายน ซึ่งมีเนื้อข่าวกล่าวอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ข่าวบางช่วงบางตอนว่า "ไม่อยากจะพูดว่าคดีไหน คดีที่หนักที่สุดคือโครงการรับจำนำข้าว ถ้าไม่หยุดวันนี้จะเป็นหนี้อีกเท่าไหร่ ทำไป 2 ปีถ้าไม่หยุดทำ จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ กระทบที่ละ 5 แสน เกิดความเสียหายมากมาย" ตนในฐานะทนายความที่ทำหน้าที่แก้ต่างคดีให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ถูกกล่าวหาในโครงการรับจำนำข้าว เห็นข่าวดังกล่าวแล้วไม่สบายใจ เพราะด้วยสถานะที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดนั้น พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้ลงนามร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้แต่งตั้ง ดังนั้นการให้ข่าวโดยสรุปว่าโครงการรับจำนำข้าวก่อให้เกิดความเสียหายมากมายนั้น ทั้งที่คดีความยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล และบางส่วนก็ยังอยู่ในระหว่างการไต่สวน จึงอาจมีผลกระทบต่อการพิจารณาคดีความของศาล และอาจมีผลกระทบต่อการสรุปข้อเท็จจริงด้วย จึงขอเรียกร้องต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ได้โปรดอย่าชี้นำคดีความ 

@ 'โต้ง'สวนเข้าใจคลาดเคลื่อน

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กกรณีเดียวกันว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอย่างมาก จึงขอชี้แจงว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่คุ้มค่า สามารถช่วยกลุ่มคนรายได้น้อยที่สุดในภาคเกษตรกรรมได้ถึงร้อยละ 23 ตัวเลขห้าแสนล้านบาทที่ถูกหยิบขึ้นมากล่าวอ้างราวกับว่าเป็นภาระความเสียหายนั้น เป็นเพดานเงินหมุนเวียนที่ใช้ดูแลโครงการมาแล้วถึง 5 ฤดูกาลผลิต โดยยังมีข้าวในคลังที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาทที่ยังไม่ได้จำหน่ายออกไป การระบายข้าวที่มีความล่าช้าจนเกิดเป็นต้นทุนที่เพิ่มเติมขึ้นมานั้น รัฐบาลควรตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น สำหรับโครงการรถคันแรกนั้น นายกฯคงเข้าใจผิดคิดว่ารัฐบาลต้องไปเอารายได้ภาษีจากกองกลางมาจ่ายให้คนซื้อรถคันแรก ขอย้ำว่าเงินที่คืนเป็นเงินของประชาชนที่รัฐเก็บมาทั้งๆ ที่ไม่ควรต้องเก็บ ไม่มีใครจะอุตสาหะไปซื้อรถคันแรกมาจอดไว้ เพียงเพื่อหวังจะเอาเปรียบรัฐบาลด้วยการได้รับเงินของตนเองคืน ทั้งนี้ พวกรำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง ด้อยความสามารถ ถูกปลดออกไปก็ดีแล้ว ควรจะลบความทรงจำที่ถูกบิดเบือนเอาไว้โดยทีมเดิมออก จะได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ถูกทาง

@ เลขาสมช.กล่อมกนกทิพย์อยู่ต่อ 

นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวภายหลังการประชุม สมช.กรณีที่นางกนกทิพย์ รชตะนันทน์ รองเลขาธิการ สมช. ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากน้อยใจไม่ได้รับการผลักดันเป็นเลขา สมช. ว่ายังไม่ได้อนุมัติการยื่นหนังสือลาออก และได้คุยกับนางกนกทิพย์แล้วว่าอยากให้ใช้ความรู้ความสามารถช่วยงานด้านความมั่นคงที่ยังมีอีกมาก ตอนนี้กำลังคุยกันอยู่ ไม่อยากพูดเรื่องส่วนตัวนี้แล้ว เพราะไม่เกิดประโยชน์สำหรับผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งใหม่ สิ่งที่สื่อถามขอให้ยุติ เพราะกำลังทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด และรองเลขาฯเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถและเข้าใจเรื่องนี้ดี ซึ่งการประชุมในวันนี้นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมก็ไม่ได้พบกับนางกนกทิพย์แต่อย่างใด เมื่อถามว่า จากนี้นางกนกทิพย์จะเปลี่ยนใจกลับมาทำหน้าที่หรือไม่ นายอนุสิษฐกล่าวว่า ได้กลับหรือไม่กลับ อย่าไปพูด และตนจะไม่พูดเรื่องนี้อีก เพราะไม่มีประโยชน์ต่อการที่จะพูดต่อไป ขอให้พูดเรื่องงานที่จะทำต่อไปดีกว่า

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!