WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

3ฉบบ

แก้ปมรธน.-ตู่แย้ม ยำ 3 ฉบับ ปี 40-50-คสช. เรียกตัว'สื่อ'อีก ปรับทัศนคติซ้ำ ส.นักข่าวจี้ปล่อย เตือนภูมิธรรม เสี่ยไก่-สิบเอก แจ้งความกันวุ่น

     เล็งทางออกรัฐธรรม นูญใหม่ถ้าไม่ผ่านประชา มติ'บิ๊กตู่'ขานรับไอเดีย'ดร.วิษณุ'พร้อมยำรวม 3 ร่างทั้งฉบับพ.ศ.2540,2550 และคสช. ย้ำต่อหน้า'มาร์ค'ยันไม่สืบทอดอำนาจแน่ แต่คปป.มีความจำเป็นกับสถานการณ์อย่างน้อย 5 ปี ฮึ่มคนวิจารณ์ คสช.ในทางเสียหายเรียกปรับทัศนคติทั้งหมด กาชื่อ'ภูมิธรรม'ด้วย ซัด'วัฒนา"ถูกชกเพราะปากเสียใช่หรือไม่ วินธัยยอมรับทหารคุมตัว'ประวิตร โรจนพฤกษ์'ผู้สื่อข่าวอาวุโสเข้าค่ายกักตัวครั้งที่ 2 อ้างโพสต์ข้อความทำให้เกิดความสับสน เสี่ยไก่รุดแจ้งตร.แล้ว พร้อมพาชี้จุดถูกทำร้าย ด้านผบ.พล.ร.2 รอ. ยอมรับ "สิบเอก"ที่ถูกระบุชื่ออยู่ที่เกิดเหตุจริง แต่ไม่เกี่ยวข้อง

 

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9057 ข่าวสดรายวัน

เซลฟี่ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ถ่ายภาพเซลฟี่กับประชาชน หลังเป็นประธานเปิดงานมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของผู้มีรายได้น้อย ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เมื่อ 14 ก.ย.

 

 

คสช.โบ้ยเรื่องส่วนตัว-ชกวัฒนา

     เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 ก.ย. ที่บก.ทบ. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช.กล่าวกรณีนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พาณิชย์ ระบุถูกทหารทำร้ายร่างกาย ที่สนามซ้อมฟุตบอลเมืองทองธานี เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ว่า ในพื้นที่นั้นมีคนไปพักผ่อนและดูกีฬาจำนวนมากในทุกสาขาอาชีพ อาจเป็นเรื่องไม่พอใจส่วนตัว หรือเป็นความผิดปกติของบุคคลที่กระทำ หรือด้วยแรงจูงใจ ต้องมีรายละเอียดเพิ่มเติม ขอร้องนายวัฒนาอย่าเพิ่งกล่าวพาดพิงถึงองค์กรใด เพราะจะดูไม่เป็นธรรมกับหน่วยงานนั้นๆ ขอให้มั่นใจการดำเนินการของ เจ้าหน้าที่รัฐ ทุกอย่างยังเป็นไปตามช่องทางตามระบบราชการ ส่วนที่กล่าวถึงข้าราชการทหารที่อยู่ในบริเวณนั้น หน่วยต้นสังกัด จะสอบถามเพื่อขอทราบรายละเอียดต่อไป

     "เชื่อว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ทุกคนมีแฟนคลับ ทั้งนั้น ใครเกลียดใครหรือรักใคร ยากที่จะคาดเดา ส่วนที่นายวัฒนาจะไปแจ้งความนั้นถือว่าเป็นสิทธิ์ที่ทำได้ หากถูกทำร้ายร่างกาย แต่ยังไม่อยากให้พาดพิงถึงหน่วยงานหรือองค์กร ขอให้รอชัดเจนมากกว่านี้ในเรื่องข้อมูล ซึ่งอาจเป็นคนที่แต่งตัวเลียนแบบคล้ายกับทหารก็ได้ แต่ถึงเป็นทหารจริง หน่วยต้นสังกัดก็ต้องดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง ขอให้มั่นใจว่าคสช.ไม่ทำในสิ่งที่นายวัฒนากังวล เพราะก่อนหน้านี้ก็เรียกมาพูดคุยหลายครั้งแล้ว" พ.อ.วินธัยกล่าว

ฮึ่มเรียกตัว'ภูมิธรรม'พูดคุยซ้ำ

     พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ส่วนที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทยและอดีตรมช.คมนาคม แสดงความเห็นกรณีคสช.เชิญตัวนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน และนายการุณ โหสกุล อดีตส.ส. พรรคเพื่อไทย ตลอดจนวิจารณ์กรณีนายวัฒนานั้น คสช.พิจารณาอยู่ว่าคำพูดเข้าข่าย ที่จะเชิญตัวมาพูดคุยเพื่อปรับทัศนคติด้วย หรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 15 ก.ย. นี้ เจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ของคสช. จะปล่อยตัวนายพิชัยหลังครบกำหนด 7 วัน โดยนายพิชัยให้ความร่วมมืออย่างดีกับเจ้าหน้าที่ และวันที่ 17 ก.ย. จะครบกำหนดการควบคุมตัวนายการุณ แต่ต้องดูว่านายการุณให้ความร่วมมือกับ เจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องหรือไม่ หากยังไม่ให้ความร่วมมือ เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป เนื่องจากถือว่าขัดคำสั่งคสช. ส่วนหลังจากนี้จะเชิญใครมาอีกนั้น อยู่ระหว่าง การตรวจสอบ

ส.อ.ที่ถูกระบุไปจริง-แต่ไม่เกี่ยว

    พล.ต.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ ผบ.พล. ร.2 รอ. กล่าวถึงกรณีนายวัฒนา ระบุ ส.อ.วิษณุพงศ์ คนเพียร หัวหน้าชุดกำลังพล หลักสูตรนายสิบยุทธการและการข่าวรุ่น 48 สังกัด ร.2 พัน 2 รอ. ปรากฏตัวพร้อมรถยนต์ฮอนด้า สีขาว ทะเบียน 1กณ-8691 กรุงเทพมหานคร บริเวณที่นายวัฒนาถูกทำร้ายว่า ได้สอบถาม พ.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ผบ. 2 รอ. หลังจาก ต้นสังกัดได้เรียกตัว ส.อ.วิษณุพงศ์ไปสอบ พบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยในวันเกิดเหตุ ส.อ.วิษณุพงศ์ ยอมรับว่าเดินทางไปสนามซ้อมฟุตบอลเมืองทองธานีจริง แต่ไปดูกีฬาเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวข้องเหตุลอบทำร้ายนายวัฒนา ที่สำคัญไม่เคยรู้จัก หรือทราบว่า นายวัฒนาเป็นใคร

    ทั้งนี้ ส.อ.วิษณุพงศ์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของคสช. เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ธุรการ ดูงานด้านเอกสารเป็นหลัก ขณะนี้ตนได้สั่งการให้พ.อ.สุขสรรค์ รายงานข้อเท็จจริงส่งมาทางบก.ทบ. ให้รับทราบแล้ว

    ด้านพล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวกรณีที่นายวัฒนา อ้างถูกลอบทำร้ายร่างกายโดยระบุพาดพิงถึงทหารยศสิบเอก สังกัด ร2. พัน2 รอ.ว่า นายวัฒนาควรไปหาเจ้าหน้าที่ เพื่อเล่าข้อมูลว่าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไรบ้าง เชื่อว่าเจ้าหน้าที่คงไม่ทำอะไรที่สร้างประเด็น เนื่องจากไม่ฉลาดที่จะทำผิดกฎหมาย เพราะเราดูแลกฎหมายเพื่อความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ ถ้านายวัฒนากังวลเรื่องความปลอดภัย ก็ต้องไปพบเจ้าหน้าที่ ให้ดูแลความปลอดภัย แต่เหตุการณ์ดังกล่าว นายวัฒนาพยายามพูดให้เป็นการเมือง เช่น ต้องไปถามหัวหน้าคสช. ถามนายกฯ คิดว่าตรงนี้ผู้ฟังที่รับฟังก็คงดูออกว่ามีเจตนาอย่างไร

วัฒนา แจ้งความ-พาชี้จุดถูกชก

     เมื่อเวลา 11.30 น. นายวัฒนาเข้าแจ้งความต่อพ.ต.ท.ยศวิน เอี่ยมพุ่ม พนักงานสอบสวน ผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.ปากเกร็ด นนทบุรี กรณีถูกทำร้ายเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา

     นายวัฒนา กล่าวว่า กรณีที่ถูกลอบทำร้ายจากชายฉกรรจ์ตัดผมเกรียน เชื่อว่าต้องมีคนปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวกับทหารและการเมือง ซึ่งเป็นความจริง แต่ส่วนตัวเชื่อว่าทหารมีส่วนเกี่ยว ข้องกับเหตุทำร้ายตนอย่างแน่นอน ซึ่งมีหลักฐานและต้องการคำตอบจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ว่า เมื่อไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรงกับผู้ที่เห็นต่าง จะรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนและจะมีหลักประกันความปลอดภัยให้ตนและประชาชนทั่วไปที่คิดต่างอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายวัฒนาเข้าแจ้งความและให้ปากคำเสร็จ โดยระบุเชื่อว่าทหารมีส่วนเกี่ยวข้องนั้น เวลา 13.30 น. พ.ต.ท. ยศวิน พร้อมฝ่ายสืบสวน ได้พานายวัฒนาไป ชี้จุดเกิดเหตุ บริเวณสนามซ้อมทีมเอสซีจี เมืองทองยูไนเต็ด สนามที่ 2 และ 4 โดยนายวัฒนาชี้จุดที่จอดรถยนต์ของตน พร้อมแสดงท่าประกอบว่าขณะถอดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จหลังจากแข่งบอลสวนกุหลาบ ลีก กับรุ่นน้องแล้ว กำลังจะขึ้นรถยนต์ โดนชายลึกลับใส่เสื้อสีชมพูบุกมาต่อยที่ท้ายทอยด้านหลัง ก่อนวิ่งหนีไปขึ้นรถที่จอดรอ โดยรถยนต์ ของบุคคลที่ตนเองสงสัยจอดห่างออกไปกว่า 200 เมตร หันหัวรถไปทิศทางออกซึ่งย้อนศร เป็นที่ผิดสังเกต พร้อมเปิดภาพที่ได้ถ่ายด้วยโทรศัพท์ มือถือไว้เป็นด้านหลังของชายคนที่แอบมาชกด้านหลังขณะจะเข้าไปนั่งยังที่นั่งคนขับ

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญนายวัฒนาไปโรงพยาบาลกรุงไทย ปากเกร็ด นนทบุรี เพื่อให้แพทย์ตรวจหาร่องรอยที่ถูกชกเข้าด้านหลัง ประกอบสำนวนคดี และพาไปสเกตช์ภาพคนร้ายต่อไป

ส.อ.แจ้งความ-ชี้'เสี่ยไก่'หมิ่น

      เมื่อเวลา 16.00 น. ที่สภ.เมืองปราจีนบุรี ส.อ.วิษณุพงษ์ คนเพียร อายุ 29 ปี พร้อมด้วยร.ท.รุ่งโรจน์ วิเศษอุตร นายทหารฝ่ายธุรการงานกำลังพล ร.2พัน.2รอ. เข้าแจ้งความกับร.ต.ท.สุมิตร อัครเนตร ร้อยเวรสภ.เมืองปราจีนบุรี เอาผิดกับนายวัฒนา ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยโฆษณา จากกรณีนายวัฒนาให้สัมภาษณ์ระบุถูกลอบทำร้ายจากชายฉกรรจ์ ที่ข้างสนามซ้อมฟุตบอลภายในเมืองทองธานี พร้อมเปิดเผยว่า ตรวจสอบทะเบียนรถยนต์ ภาพถ่าย เป็นรถฮอนด้าสีขาว หมายเลขทะเบียน 1 กณ 8691 กรุงเทพมหานคร ผู้ครอบครองคือส.อ.วิษณุพงษ์ รถยนต์ตนเอง จึงมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อแจ้งความดำเนินคดีเอาความผิดกับนายวัฒนา

     ส.อ.วิษณุพงษ์ กล่าวว่า ไม่เคยรู้จักกับนายวัฒนา และมาอยู่ที่สนามกีฬาเพื่อมาชมฟุตบอล และไม่เป็นจริงตามที่ถูกนายวัฒนากล่าวอ้าง โดยส.อ.วิษณุพงษ์ และร.ท.รุ่งโรจน์ ใช้เวลาในการแจ้งความลงบันทึกประจำวันนานเกือบ 3 ช.ม.

สั่งเรียกตัวนักข่าว-กัก'ประวิตร'

     วันเดียวกัน น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่น ถูกเจ้าหน้าที่ทหารเรียกไปรายงานตัว ช่วงบ่ายวันที่ 13 ก.ย. ที่กองทัพภาคที่ 1 โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งเหตุผลเรียกรายงานตัว ขณะนี้ผ่านไป 1 วันแล้ว ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนายประวิตรเลย ก่อนหน้านี้ตนและเจ้าหน้าที่ด้านสิทธิมนุษยชน สำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้ไปพบนายประวิตร และเข้าพบเจ้าหน้าที่ทหารที่กองทัพภาคที่ 1 พร้อมกัน โดยทหารไม่อนุญาตให้นายประวิตร นำโทรศัพท์มือถือติดตัวไป อีกทั้งเมื่อถามว่าจะพาไปที่ไหน ก็ได้คำตอบจากทหารว่าไม่ทราบ

      น.ส.ภาวิณี กล่าวอีกว่า นั่งรอนายประวิตรถึงเวลา 16.00 น. ทหารก็แจ้งว่าไม่อนุญาตให้รอ และให้พวกตนออกนอกกองทัพภาคที่ 1 ทันที กระทั่งสอบถามทหารอีกครั้งในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ก็ได้รับคำตอบว่าเจ้าหน้าที่พานายประวิตรไปที่อื่นแล้ว แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นที่ไหน แม้เจ้าหน้าที่จะไม่ได้แจ้งนายประวิตรล่วงหน้าว่าจะควบคุมตัวไว้ที่ใดและกี่วัน แต่เตรียมเสื้อผ้าพร้อมหนังสือไปส่วนหนึ่ง โดยเห็นว่านายประวิตรยังมีกำลังใจดี

       "คาดว่าเหตุผลที่ทหารเรียกตัวนายประวิตร ครั้งนี้น่าจะมาจากการใช้สิทธิเสรีภาพวิจารณ์ คสช. นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ถูกเรียกไปควบคุมตัวเพื่อปรับทัศนคติ ครั้งแรกนั้น นายประวิตร ถูกประกาศของ คสช. ฉบับที่ 6/2557 เรียกตัวไปไว้ที่กองพลพัฒนาที่ 1 จ.ราชบุรี เป็นเวลา 7 วัน"น.ส.ภาวิณีกล่าว


จุดเกิดเหตุ - นายวัฒนา เมืองสุข อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย พาตำรวจลงพื้นที่ชี้จุดเกิดเหตุถูกชายหัวเกรียนลอบทำร้ายชกเข้าที่ท้ายทอย ที่สนามฟุตบอลเมืองทองธานี เมื่อวันที่ 14 ก.ย.

'วินธัย'อ้างโพสต์ข้อความสับสน

      ด้านพ.อ.วินธัยกล่าวถึงกรณีเชิญนายประวิตร หรือบางบุคคลมาสอบถามพูดคุยว่า ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นไปตามแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งช่วงหลังเริ่มพบบ่อยครั้ง บางครั้งอาจมีเนื้อหาเข้าข่าย พาดพิงบุคคลหรือองค์กรอื่น หรือในเนื้อหาที่อาจส่งผลให้สังคมสับสนเข้าใจผิดได้ โดยเฉพาะ ในบางอย่างพบว่ายังไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆ ที่ชัดเจน ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ส่วนจะใช้เวลาเท่าใด ขึ้นอยู่กับผลสอบสวนและความร่วมมือ หลักฐานที่เจ้าหน้าที่มีอยู่

      "เชื่อว่าทุกขั้นตอน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตามพยานหลักฐานที่พบอย่างมีเหตุผล เพื่อนำเสนอข้อมูลต่างๆ ไม่สับสนหรือเกิดความขัดแย้งของบุคคล กลุ่มหรือองค์กรต่างๆ ในสังคม คสช.จำเป็นต้องขอความร่วมมือทุกส่วน อะไรที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความไม่เรียบร้อยขึ้นในสังคม ยังคงต้องระมัดระวังให้มาก เพื่อให้สังคมเรียบร้อยเพื่อสนับสนุนกระบวนการเดินหน้าประเทศมีความต่อเนื่อง" พ.อ.วินธัยกล่าว

สมาคมสื่อแถลง-จี้ปล่อยตัวทันที

    วันเดียวกัน สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย หรือเอฟซีซีที ออกแถลง การณ์ระบุว่า มีความกังวลต่อกรณีทหารไทยควบคุมตัวนายประวิตร โรจนพฤกษ์ หลังถูกเรียกไปรายงานตัวที่กองทัพภาคที่ 1 โดยไม่มีเหตุอันชอบใดๆ ที่จะควบคุมตัว หากทหารเห็นว่าเขาทำผิด มีช่องทางกฎหมายตามปกติที่จะดำเนินคดีได้อยู่แล้ว เราขอเรียกร้องให้คสช.ปล่อยตัวนายประวิตร โดยทันที และควรเปิดเผยสถานที่ควบคุมตัวโดยทันทีด้วย

      ขณะที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย แถลงเรียกร้องรัฐบาลและคสช. ชี้แจงเหตุผลการควบคุมตัวนายประวิตร แม้จะมีอำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว แต่ในฐานะสื่อมวลชนย่อมมีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลเป็นปกติ การควบคุมตัวนายประวิตร โดยไม่แจ้งสาเหตุ ย่อมไม่ส่งผลดีต่อประเด็นสิทธิเสรีภาพ ของสื่อมวลชนไทย และสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนชาวไทย และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศในด้านสิทธิเสรีภาพของประชาชน ขอให้รัฐบาลและคสช.ปล่อยตัวนายประวิตรในทันที

'บิ๊กต๊อก'อ้างเหตุปรับทัศนคติ

    ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงนายวัฒนา แจ้งความระบุถูกทหารทำร้ายร่างกายว่าเป็นสิทธิทางกฎหมายที่ทำได้อยู่แล้ว แต่ตนไม่ทราบรายละเอียด ไม่ทราบว่าพฤติกรรมของนายวัฒนาและทหารคนนั้นเป็นอย่างไร

     พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวถึงช่วงนี้คสช.เรียกอดีตนักการเมืองหลายคนไปปรับทัศนคติว่า คสช.พยายามจะทำให้ความเข้าใจว่าถ้ายังแสดงความ คิดเห็นอย่างนี้อยู่ การปฏิรูปประเทศจะเกิดขึ้นได้อย่างไร จึงเชิญตัวมาปรับความเข้าใจกัน อย่างกรณีนายการุณ คสช.คงมีคำถามว่าทำไมนายการุณถึงพูดแบบนี้ หรือมีอะไรแนะนำ คสช. ทำไมไม่คิดในแง่บวกบ้างว่าคสช.ต้องการ ปฏิรูป ให้ประเทศเกิดความสงบ ความคิดค้านแบบหลังชนฝา ค้านทุกเรื่อง บางเรื่องอาจเป็นเรื่องดีแต่มันต้องมีวิธีพูด ไม่ใช่พูดเสียดสี เหน็บแนม พูดให้เกิดปัญหาในสังคม ซึ่งคสช.ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมลักษณะนี้ จึงเชิญ ตัวมาปรับทัศนคติ ซึ่งคสช.คิดว่าจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากไม่เห็นด้วยกับคสช. ก็แสดงความเห็นไม่ได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ได้ ตนยอมรับความคิดเห็นของ ทุกคน แต่ต้องพูดสร้างสรรค์ ให้คำแนะนำ ไม่พูดเหน็บ ไม่พูดประชดประชัน และควรพูดในสถานที่ที่จัดไว้ให้ ซึ่งคสช.ไม่เคยปิดกั้น แต่ควรไปแสดงความคิดเห็นในสถานที่ที่คสช. จัดไว้ให้

วิษณุ ย้ำอีกครั้ง-ไม่รับปธ.กรธ.

    ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกระแสข่าวถูกทาบทามเป็นประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า ไม่มี เพราะไม่มีใครมาชวน ขอให้หยุด และเลิกพูดว่าตนจะเป็นประธาน กรธ.ได้แล้ว เพราะหลงประเด็น

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ปรึกษาคสช. ไม่มาเป็นประธานกรธ. จะเป็นเองหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตนเห็นหนังสือพิมพ์ลง แต่ข้อเท็จจริงไม่ทราบ เพราะไม่มีใครมาพูดกับตน

     นายวิษณุ กล่าวถึงกระบวนการคัดเลือก กรธ.ว่า ไม่ทราบว่าคสช.ดำเนินการถึงไหนแล้ว ส่วนที่มีข่าวว่ามีอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เกรดเอ 44 คน จะได้นั่งในโควตา กรธ.นั้น ตนเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ หากเป็นจริง พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ได้มาหารือกับตน ส่วนที่ให้แต่ละกระทรวงเสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมกระทรวงละ 5 คนนั้น อาจมีใครไปสั่งการหรือไม่ แต่ในที่ประชุมครม.ไม่ได้สั่งการเรื่องนั้น ซึ่งนายกฯ อาจสั่งการกับรัฐมนตรีรายบุคคลก็ได้

      รองนายกฯ กล่าวว่า เชื่อว่าการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้น่าจะราบรื่น ซึ่งต้องขอเวลา ส่วนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ วิจารณ์การร่างรัฐธรรมนูญนั้น ก็น่าฟังและตนฟังอยู่ เพราะทั้ง 2 คน พูดแบบผู้ใหญ่ที่เป็นกลาง ส่วนจะให้รัฐบาลนำมาปรับปรุงในส่วนใด ต้องดูเป็นประเด็น เพราะบางทีฝ่ายที่มีความรู้ความเข้าใจก็ส่งสัญญาณบางอย่าง ส่วนร่างรัฐธรรมนูญเดิมนั้น พอจะเห็นจุดอ่อนจากคนที่วิจารณ์ ก็ควรเอามาปรับปรุงแก้ไข

ยอมรับนายกฯเรียกหารือหลายคน

     เมื่อถามว่า การร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะถือเป็นการร่างครั้งสุดท้ายหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ครั้งที่ผ่านมาก็สำคัญ เราคิดว่าควรจะเสร็จและผ่านไป แต่เมื่อไม่ผ่านก็ต้องมาเริ่มใหม่ ยืนยันว่าโรดแม็ปอายุรัฐบาลอีก 20 เดือน ไม่ถือว่าตอกตะปูหรือจะเลื่อนขยับออกไปไม่ได้ แต่ที่ตนพูด อยากให้ประชาชนรู้ไว้ แต่หากโรดแม็ปขยับก็ไม่ใช่ที่รัฐบาลอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับทุกฝ่าย ต้องอาศัยความร่วมมือของ กรธ.ร่างรัฐธรรมนูญให้เร็วกว่า 6 เดือน ส่วนกกต.ต้องทำประชามติให้เร็วขึ้น รวมทั้งการทำกฎหมาย ลูก หากวางแผนให้ดีคงไม่ใช้เวลาถึง 6 เดือน อาจใช้การร่างคู่ขนานกันบางส่วน แล้วไปเพิ่มเติมทีหลัง จะย่นเวลาให้เร็วขึ้นได้

รองนายกฯ กล่าวว่า คำถามสำคัญคือถ้ามีการเลือกตั้งแต่สถานการณ์ยังไม่สงบ มีการก่อเหตุวุ่นวายสร้างความขัดแย้งจะอยู่กันได้อย่างไร เพราะการเมืองไม่นิ่ง ก็เดินต่อไปไม่ได้ หากจะบอกว่าประชาธิปไตยสำคัญสุด การเลือกตั้งต้องมาก่อน เกิดเหตุระเบิดมีการต่อต้านก็ช่างมัน จะพูดอย่างนั้นไม่ได้เพราะจะไม่เป็นธรรม เกิดการหาเสียงไม่ทัดเทียมกัน สุดท้ายการเลือกตั้งจะร้องโมฆะ เสียทั้งเงินและเวลา ต้องมาเริ่มใหม่กันอีก รัฐบาล จึงต้องเตือนไว้ก่อน

    เมื่อถามว่า นายกฯ ได้ปรึกษาเรื่องกรธ.หรือคปป.กับฝ่ายกฎหมายรัฐบาลหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบแต่เชื่อว่านายกฯ คงคุยกับหลายคน เช่น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หรือนายพรเพชร วิชิต ชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คงไม่คุยกับตนคนเดียว แต่ขณะนี้ยืนยันว่าไม่มีการพูดคุยกัน

กรธ.ต้องเข้าใจมิติการเมือง-รธน.

     เมื่อถามว่า ทหารเกษียณอายุราชการเป็นกรธ.ได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตามกฎหมาย ไม่ได้ห้าม ขอแค่อายุเกิน 40 ปี จะอยู่ใน หรือนอกราชการก็ได้ จะเป็นพลเรือนก็ได้ แต่ไม่ใช่เข้ามานั่งโก้ๆ ให้เต็มโควตา 21 คน แต่ต้องเข้ามาทำงาน คนที่เข้ามาต้องเข้าใจ ในรัฐธรรมนูญและเข้าใจมิติการเมืองไทย ในอดีต เพราะเราร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ 20 ดังนั้นทุกคนต้องรู้ความเป็นมาของ 19 ฉบับ เพื่อนำมาปรับปรุงใช้ สิ่งสำคัญต้องเข้าใจร่างรัฐธรรมนูญที่เพิ่งตกไปด้วย

     เมื่อถามว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจจะใช้หลักเกณฑ์ ผู้มาใช้สิทธิหรือผู้มีสิทธิทั้งหมด นายวิษณุกล่าวว่า เราตัดสินตั้งแต่ครั้งที่แล้ว เป็นเรื่องของผู้มาใช้สิทธิ เพราะเราไม่สามารถใช้หลักเกณฑ์ผู้มีสิทธิทั้งหมดได้ เนื่องจากมีกว่า 60 กว่าล้านคน ส่วนผู้มีสิทธิลงประชามาติกว่า 40 ล้านคน ถ้าหากเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิ โดยไปนับผู้ไม่ออกมาใช้สิทธิ ให้ถือเป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญก็จะพิลึกเกินไป แต่ถ้าจะแก้แค่ประเด็นนี้ประเด็นเดียวคงไม่มีใครแก้ แต่ถ้ามีประเด็นอื่นก็จะแก้ในคราวเดียวกันเลย ซึ่งทำได้ไม่มีปัญหา

รองปธ.สนช.ไม่พร้อมนั่งกรธ.

     ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่ 1 กล่าวถึงสนช.เสนอชื่อเป็นกรธ. ว่า เกรงว่าตนจะไม่มีเวลา เนื่องจากภารกิจของสนช.มีมาก แต่ยังมีสมาชิกสนช.อีกหลายคนที่มีความรู้ความสามารถ ทั้งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และอดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เคยมีประสบการณ์ร่างรัฐธรรมนูญมาแล้ว ซึ่งเหมาะสมทำหน้าที่กรธ. แต่อย่านำประธานและรองประธานสนช.ทั้ง 2 คนไปเลย เพราะมีภารกิจด้านนิติบัญญัติมาก ส่วนที่มีรายชื่อนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานกรธ.นั้นก็เหมาะสม แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจส่วนตัว ล่าสุดทราบว่า นายมีชัยมีภารกิจที่ต่างประเทศ


เดินตลาด - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินจับจ่ายซื้ออาหารและผลไม้ ที่ตลาด อ.ต.ก. จตุจักร กทม. และถือโอกาสสอบถามสภาพเศรษฐกิจจากแม่ค้า โดยมีแม่ค้าและคนที่ไปเดินตลาดมาขอถ่ายรูปที่ระลึกจำนวนมาก เมื่อวันที่ 14 ก.ย.

       นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. คนที่ 2 กล่าวถึงข้อเสนอให้สมาชิกสนช. 1-2 คนร่วมเป็นกรธ.ว่า ต้องหารือกับครม. หากมีการร้องขอให้สนช.เข้าไปทำหน้าที่มากกว่าจำนวนดังกล่าว ก็พร้อมส่งสนช.เข้าไปทำหน้าที่ เนื่องจากสมาชิกสนช.มีความสามารถ แต่ไม่ควรมีนักการเมืองเป็นกรธ. เพราะจะเกิดข้อครหาได้ นักการเมืองควรให้ความเห็นจะเหมาะสมกว่า ทั้งนี้ การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ควรนำข้อเสนอของกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานมาเป็นที่ตั้งเพราะมีเวลาทำงานเพียง 6 เดือน ส่วนข้อครหา ในประเด็นการเมืองก็ควรรับฟังความเห็นของประชาชนมาตัดสินใจน่าจะเป็นทางออกที่ดี

     นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า การประชุมร่วม คสช. ครม.และสนช.ในวันที่ 15 ก.ย.นี้ คิดว่าน่าจะหารือถึงการตั้งแต่งบุคคลเป็น กรธ.กับสปท.ด้วย

ปชป.ขอแค่ดู-ไม่ร่วมเป็นผู้เล่น

     นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเคยพูดว่า ที่ผ่านมาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา โดยเฉพาะการบัญญัติเรื่องคปป. เป็นเหตุผลสำคัญทำให้ร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำ การกระทำ แบบนี้ ถือว่ากมธ.ยกร่างฯลักหลับ เพราะประกาศในช่วงโค้งสุดท้ายโดยไม่มีสัญญาณใดๆ ถ้าบัญญัติกันก่อนหน้านี้ก็คงวิจารณ์กันว่าเรื่องนี้ มีผลได้หรือผลเสียอย่างไร ดังนั้น การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรนำฉบับที่ถูกคว่ำมาปรับแก้ให้เหมาะสม และแก้ไขมาตราที่เกี่ยวกับอำนาจของป.ป.ช. ให้ทำงานได้เต็มที่โดยยึดหลักการของรัฐธรรมนูญปี 2550 รวมถึงควรนำเอาสิ่งดีๆ ในร่างฉบับของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกมธ.ยกร่างฯมาปรับ ปรุงแก้ไข แล้วตัดคปป.ออกไป เชื่อว่าวันเดียวก็เสร็จ แล้วดึงข้อดีของรัฐธรรมนูญฉบับปี 40- 50 เข้ามาผนวกกัน เท่าที่ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 และเพิ่มอำนาจให้ ป.ป.ช. ถ้าทำแบบนี้น่าจะเดินไปได้

     เมื่อถามถึงกระแสข่าวการแต่งตั้ง สปท. จะมีนักการเมืองเข้าร่วมด้วยนั้น นายวิรัตน์ กล่าวว่า เท่าที่ตนรู้พรรคหลักอย่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยนั้น เลือกจะอยู่ในตำแหน่งของผู้ชมที่คอยติติงสิ่งต่างๆ แต่จะไม่เข้าไปเป็นผู้เล่นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่าจะไม่มีใครรับการทาบทาม

มาร์คร่วมฟัง"บิ๊กตู่"เปิดแผนฯ12

      เมื่อเวลา 09.00 น. ที่เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. เป็นประธานเปิดการประชุมประจำปี 2558 ของ สศช. เรื่อง ทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) ในงานนอกจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม และเลขาฯ สศช.ยังมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ร่วมงานด้วย

       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 12 ถือว่าสำคัญ เพราะอยู่ระยะที่คสช.เข้ามาทำงาน มีเป้าหมายให้ประชาชนเกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน และไม่ทำให้เกิดปัญหาในอนาคต

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก่อนวันที่ 22 พ.ค.57 ทุกคนทราบดี นายอภิสิทธิ์ก็ทราบดีว่า ทุกอย่างมันไปไม่ได้ นายอภิสิทธิ์ก็เหนื่อย ตนก็เหนื่อย อีกข้างก็เหนื่อย เหนื่อยกันไปหมด ตนต้องเข้ามาดำเนินการ วันนี้ ประเทศไทยมีปัญหาเกี่ยวโยงกัน เริ่มจากนักการเมือง ซึ่งไม่ได้บอกว่า นักการเมืองไม่ดี ร้อยละ 90 เป็นนักการเมืองที่ดี แต่โดยระบบของการเมือง ทำให้นักการเมืองต้องเป็นอย่างนั้น นอกจากนี้ ก็ข้าราชการต้องทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติและประชาชนโดยไม่มีใครมาก้าวล่วง ไม่มีอำนาจบริหารมาก้าวล่วง ปัญหาจะเบาลง ประชาชนต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างไร ไม่ให้ใครมาบิดเบือน

ยันต่อหน้าไม่ต้องการสืบอำนาจ

     นายกฯ กล่าวว่า ขอบอกนายอภิสิทธิ์ เลยว่า ตนไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ วันเดียวก็ยังไม่อยากอยู่เลย นักการเมืองที่ดีต้องช่วยตนสร้างรากฐานประเทศก่อน เรากำหนดประเด็นปฏิรูป 11 ด้าน เรื่องรัฐธรรมนูญ ก็เหมือนเดิม ตนไม่ได้ต้องการให้ผ่านหรือ ไม่ให้ผ่าน ตนไม่สนใจ เพียงแต่ให้ไปทำ ไปคิดมา อย่าให้ตนต้องรับผิดชอบทุกเรื่อง ถ้าตนรับผิดชอบเองคง ไม่ต้องตั้ง สปช. และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ คงเขียนรัฐธรรมนูญเองซึ่งหลายประเทศก็ทำกัน แต่ตนแต่งตั้งคนร่างรัฐธรรมนูญ แต่ร่างเสร็จก็ไม่เห็นชอบ กลับมาให้เป็นอำนาจของนายกฯ เป็นคนตั้ง โดยหัวหน้า คสช.เป็นผู้รับผิดชอบร่วมด้วย

"เรื่องนี้ไม่เป็นธรรมกับผม คราวหน้าถ้าใคร ไม่เข้ามาอยู่ในสปช. ก็ห้ามไปพูดในทุกๆ ที่ มีอะไรให้ไปพูดในสปช. แล้วคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จะเป็นผู้ทำ รับฟังจากความคิดเห็นทุกฝ่าย วันนี้ไม่ต้องมาวิ่งเต้น กับผม ใครวิ่งเต้นเข้ามาก็จะขีดชื่อทิ้งก่อนเลย ซึ่งมีเยอะมาก"นายกฯ กล่าว

     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การดำเนินการตามโรดแม็ปในระยะที่ 3 ขอให้รอ ตอนนี้มันเลื่อนไป 20 เดือน ถ้าเร็วขึ้นได้ก็เร็ว และ 20 เดือนนี้จริงๆ พวกตนไม่อยากได้เลย เพราะนานพอสมควร แต่มันเป็นเรื่องรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องของกรธ. และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ถ้าทำเร็วก็เร็วกว่า 20 เดือน ไม่รู้นายอภิสิทธิ์จะเตรียมตัวทันหรือไม่ แต่เชื่อว่าทุกคนพร้อมอยู่แล้ว ตนก็พร้อมให้ แต่ปัญหาคือมันยังไม่เรียบร้อย ไม่สงบ ในประเทศไทยตนไม่เข้าใจว่าทำไมคนแบบนี้มีเยอะ พูดจาแบบไม่รู้ฐานความผิด ความรับผิดชอบสำนึกตัวเอง ตนมาไม่ได้หวังอะไรแล้วมาด่าตนได้อย่างไร อย่างนี้ตนไม่ยอม เพราะตนไม่ใช่นักการเมือง

ยันต้องมีกก.ขับเคลื่อน-อยู่ 5 ปี

     นายกฯ กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาประเทศ ถึงเวลาแล้วที่ทุกพรรคต้องร่วมมือกันเดินหน้าประเทศ อย่าเพิ่งตีกัน ถ้าเราดีกันวันนี้ วันหน้าก็จะไม่ทะเลาะกัน ซึ่งรัฐบาลต้องมีคณะกรรม การขับเคลื่อน ทั้งเศรษฐกิจและเรื่องต่างๆ เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศต่อไปในระยะหนึ่ง ขอแค่ 5 ปีพอ ถ้าทุกกระทรวงมีเป้าหมายแล้วนำงบมาบูรณาการร่วมกันก็จะไม่ซ้ำที่เดิม

นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้เสนอให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) แต่ตนเห็นสปช.คิดมา ก็ดูว่ามันไปได้หรือไม่ ไม่ได้ต้องการไม่ให้ผ่านเพื่อมาอยู่ตรงนี้ เบื่อจะตายอยู่แล้ว แต่มันทิ้งไม่ได้ เพราะยังไม่พร้อม ถ้าพร้อมแล้วพวกหนึ่งขี้นมาเป็นรัฐบาล อีกพวกหนึ่งจะเลิก หรือไม่ มันไม่เลิกทั้งคู่แล้วจะทำอย่างไร ฝากนักการเมืองไว้ด้วย อยากจะเลือกตั้ง ตนไม่มีปัญหาแต่หากมันเกิดเรื่องขึ้นมาอีก คงไม่มีใครมาอยู่ตรงนี้แล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นไปขบวนรถไฟที่ 1 ใหม่ ตนพูดไม่ได้ให้ร้ายใคร ไม่มีใครเสียหาย

      "ผมเคยทำงานกับอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา กับอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ผมก็เป็นลูกน้อง เพราะเป็นระบบการบังคับบัญชา แต่เมื่อมีอะไรที่ไม่เรียบร้อย ก็ต้องแก้กันเท่านั้น กฎหมายก็ว่ากันไป คนถือว่าสำคัญที่สุด ถ้ามันคิดไม่ดี คนมันก็ไม่ดี ถ้าเป็นคนดี คนเก่งแล้วคิดดีทุกอย่างก็ไปโลด อย่าสอนให้คน สุดโต่ง ถ้าบ้านเมืองไหนไม่มีวินัยภายในชาติ มันก็ไปไม่รอด สิ่งที่ทุกคนต้องการอย่างแรกคือเสรีภาพ และประชาธิปไตย"นายกฯ กล่าว

โวยครู-เปล่าสั่งท่องจำ 12 ค่านิยม

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยสั่งให้ท่องค่านิยม 12 ประการ แค่เขียนให้ดูว่า ทำได้หรือไม่ แต่นี่มาท่องเอาใจ เขาก็มาด่าตนว่า โง่ที่สั่งเด็กให้มาท่อง เวลาที่นำมาโชว์ ซึ่งอยากทุบหัวครูเหลือเกิน ของจอมพล ป. ก็มีอยู่แล้ว เด็กเอ๋ยเด็กดี ตนแค่มาเติม ก็ ป.เหมือนกันเป็น ป.ประยุทธ์ แต่ไม่ได้ไปเทียบอยู่แล้ว ฉบับ 1 ฉบับ 2 ก็ทำทั้ง 2 อย่าง ไม่เห็นต้องมานั่งท่อง

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้รัฐบาลทำโครงสร้างการปฏิรูป และฝากให้รัฐบาลต่อไปทำ สิ่งไหนทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็คุยกัน อย่าไปกลัว ทำเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีก นั่นแหละเขาเรียกว่าการแก้การรัฐประหาร ซึ่งต้องมี คปป. ทุกคนบอกว่าจะไม่มีเรื่อง เอาอะไรมาประกันว่าไม่มีเรื่อง ทุกวันนี้ก็เห็นตัวอยู่แล้ว ใครจะเป็นรัฐบาลมันมีแค่นั้น จะเลิกกันได้หรือยัง ต้องกรีดเลือดสาบานกันก่อนหรือไม่ ถ้าถึงเวลาก็ต้องมีการเลือกตั้ง เราจะดูการเลือกตั้งให้ปลอดภัย ขอให้ช่วยกันทำบ้านเมืองสงบในช่วงนี้ ไม่นาน อย่าเสียเวลากับประชาธิปไตยที่มาจากความไม่เป็นธรรม ไม่มีธรรมาภิบาล ซึ่งต้องดูว่ารัฐธรรมนูญเราควรเป็นอย่างไร เพื่อคนไทยทุกคน เพื่อศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์และศักดิ์ศรีของประเทศในสายตาต่างชาติ อย่าไปเอาใครเข้ามาทาบทับใช้อำนาจตรวจสอบ พวกนี้มันท่าทางจะบ้า ถ้าไทยตัดสินใจอะไรไม่ได้แล้วเอาใครเข้ามา มันก็จะเหมือนบ้านอื่น เหมือนผู้อพยพจากยุโรป จะรับไหวหรือไม่ ขอร้องสื่อทุกคนด้วย บางเรื่องไม่จำเป็น อย่ามาคุ้ยเขี่ยให้เป็นเรื่อง

กรธ.ไม่เอานักการเมือง-สปท.ได้

     ต่อมาเวลา 11.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้ง กรธ.ว่า จะพูดคุยกันในสัปดาห์นี้ ส่วนสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) จะมีสัดส่วนของนักการเมืองเข้าไปหรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า แล้วแต่เขาจะมาหรือไม่ แต่กรธ.คงไม่ต้อง เอาคนที่เขาร่างมาดีกว่า และทางนี้ก็เสนอความคิดเห็นเข้าไปซึ่งจะดีกว่า เพราะถ้าเอาเข้าไปแล้ว เดี๋ยวจะร่างกันไม่ได้

เมื่อถามว่าอดีตปลัดกระทรวงจะเข้ามาร่วมด้วยโดยเสนอผ่านสื่อ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าเสนอผ่านสื่อไม่รับเลย แต่หากใครจะเข้ามา ก็รวบรวมรายชื่อแล้วนำมาคัดกรองอีกครั้งหนึ่ง ขณะนี้ยังไม่มีรายชื่อครบทั้ง 200 คน เพราะต้องจัดเป็นกลุ่ม ดูว่าครบพวกหรือยัง มีนักการเมือง ข้าราชการหรือไม่ และสปช.เก่าควรมีด้วยหรือไม่ เพราะทั้งหมดต้องทำงานต่อ ต้องเขียนแผนทำงาน แผนงานโครงการ และแผนงบประมาณเพื่อส่งต่อให้รัฐบาลหน้า สปท.ไม่ใช่ว่าจะไม่มีงานทำ เพราะ สปช.ชุดแรกเขาร่างแผนไว้แล้ว 36 วาระ กับอีก 7 วาระพัฒนา ซึ่ง สปท.ต้องนำแผนต่างๆ มาย่อยและจัดทำแผนโครงการอีกครั้งเพื่อ จัดส่งรัฐบาลหน้า หรือถ้ามีคปป. ก็ให้นำส่งรัฐบาลหน้าทำ

ยังไม่คิดดึงอดีตกมธ.ร่วมร่างรธน.

      เมื่อถามว่าการร่างรัฐธรรมนูญ จะนำเอาอดีตกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญเข้ามาด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้ ยังไม่ได้คิด แต่ตอนนี้ยังไม่มีคนเก่า คนเก่าเขาทำไว้ดีแล้ว ซึ่งเป็นผลงานของ กมธ.และสปช. ตนนำมาใช้ประโยชน์ ไม่ใช่ว่าทำแล้วใช้ไม่ได้ ใช้ได้ทั้งหมดแต่จะเอามาทำอย่างไรให้ราบรื่นและทำงานได้ ต้องขอบคุณทั้ง กมธ.และสปช.ด้วย ไม่มีอะไรบกพร่องเลย ทำเต็มที่แล้ว แต่ถ้าไปขยันขยายความขัดแย้งไปเรื่อย ก็ไม่เสร็จสักอย่าง

      เมื่อถามว่า นายอภิสิทธิ์ มาร่วมงานด้วยได้หารืออะไรกันหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่พูดคุยนอกรอบ และการที่พูดแหย่ไปบนเวที ไม่ว่าจะเป็นอดีตนายกฯ ไหนมา ตนก็แหย่หมด เพราะตนไม่ใช่ศัตรูเขา แต่อยากให้ฟังว่าตนคิดอะไร และคิดว่าเขาจะไม่รังเกียจและเข้าใจ ถ้าเขาไม่ฟังจากปากตนก็จะไม่เข้าใจสักที และได้อธิบายถึงหน้าที่ คปป. และสปท. ซึ่งรู้แล้วว่ามีอำนาจเหนือรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งตนไม่เห็นว่า จะมีส่วนที่นายอภิสิทธิ์ และนักการเมืองไม่เห็นด้วยกับการตั้ง คปป.นั้น ก็เรื่องของเขา แต่เมื่อได้รับฟังแล้ว จะคิดได้หรือไม่ ต้องไปถามเอาเอง งานนี้เมื่อนายอภิสิทธิ์ มาคนเดียวก็พูดกับเขาคนเดียว ถ้ามีใครมาอีกก็พูดอีก ฝากให้เข้าใจว่า ในวันหน้าทำงานกันอย่างไร ถ้าไม่ได้ ก็คือไม่ได้ ไม่ได้ก็สู้กันไปเหมือนเดิม

เปิดทางยำรวมรธน.ปี 40-50-คสช.

     เมื่อถามว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวหรือไม่ เพื่อรองรับสถานการณ์หากร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทำประชามติไม่ผ่าน นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิด เมื่อถามย้ำว่านายวิษณุระบุถ้าไม่ผ่านประชามติ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำเอารัฐธรรมนูญฉบับเก่ามาเป็นตัวตั้งร่างรัฐธรรมนูญ นายกฯ กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ โดยนำรัฐธรรมนูญ ทั้งปี"40 และ 50 รวมถึงร่างของกมธ. ที่ตกไป มายำรวมกัน เชื่อว่าไม่จำเป็นต้องผ่านครม.

     "รัฐธรรมนูญ 50 ก็ดีบ้าง ฉบับ 40 ก็อ้างว่ามาจากประชาชน ส่วนฉบับกมธ.ก็บอกว่ามาจากคสช. วันนี้ผมมาทำให้บ้านเมืองเรียบ ร้อยเดินหน้าได้ ผมก็มีสิทธิเอาฉบับของผม ใส่เข้าไปด้วย ต้องไปดูว่าอันไหนใส่ได้ไม่ได้ ถ้าประชาชนเข้าใจ ผมถามว่าประชาธิปไตยกับไม่ประชาธิปไตยต่างกันตรงไหน ถามว่าประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งอย่างเดียว หรือมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งอย่างเดียวหรือไม่ ถ้าใช่ ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลย คิดแล้วช่วยผมอธิบาย ถามว่าทำอย่างไรให้มีรัฐบาลที่มี ธรรมาภิบาล แล้วปฏิรูปต่อไปอย่างที่เราเสียเวลามาอย่างทุกวันนี้ ผมเหนื่อย ที่ต้องอธิบายทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ไม่มีปัญหาแล้ว ก็ขุดมาให้มีปัญหาให้ได้ ถามว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้วทรยศประชาชน มันคืออะไรที่ดีๆ มีเยอะ แต่ที่ไม่ดี พวกที่มีเรื่อง ฟ้องศาล ขี้โกง ต้องไม่มีอีกแล้ว"นายกฯ กล่าว

อ้างใช้อำนาจกับคนไม่ดีเท่านั้น

     จากนั้นเวลา 13.30 น. ที่อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม ฮอลล์ 9 เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานเปิดปฏิบัติการ "มาตรการส่งเสริม ความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย และมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ" โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ยืนยันว่าตนไม่ใช่เจ้านายของทุกคน แต่ถือว่าประชาชนทุกคนเป็นผู้มีอำนาจตัวจริง ซึ่งไม่ต้องทำเพื่อตนหรือรัฐบาล แต่ขอให้ทำเพื่อประเทศ เพื่อครอบครัว ซึ่งตนเข้ามาทำงานเกือบ 2 ปี ทำให้บ้านเมืองสงบได้แบบนี้ ดีขึ้น ในระดับหนึ่ง สบายใจขึ้น

    "เราไม่สามารถคุมสมองและปัญญาของคนได้ เพราะบ้านเมืองปล่อยแบบนี้มาระยะหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครชอบให้บังคับ ผมก็ไม่ชอบให้ใครบังคับ การใช้อำนาจไม่ใช่สิ่งที่ดี จะใช้เมื่อจำเป็น ผมไม่ใช้พร่ำเพรื่อ แต่ผมจะใช้กับคนที่ไม่ดี ถ้าคนดีๆ ผมไม่ไปรบกวนอยู่แล้ว ขอให้เข้าใจกันด้วย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าวและว่า ตนอยากเห็นพวกเราเป็นเหมือนพี่จูงน้อง เพื่อนจูงเพื่อน คุยกัน เลิกทะเลาะเห็นต่างกันเสียที เราขัดแย้งกันมากพอแล้ว ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน และขอฝากดูแลบ้านเมือง ตนรบกวนมาปีกว่า ถ้าเบื่อแล้วอยากจะเลือกต้องเลือกให้ดี ตนไม่ได้ขัดแย้ง ให้หารัฐบาลที่รับช่วงทำต่อจากตนให้เสร็จ หลายจังหวัดตนอยากจะไปเยี่ยมแต่ติดปัญหาเรื่องงาน แต่ก็ส่งใจไป

    นายกฯ กล่าวตอนท้ายว่า เรื่องการปฏิรูป หากใครอยากเข้ามาก็เชิญเข้ามา ซึ่งไม่นานนี้จะประชุมกันแล้ว แต่ตนคงไม่ไปเชิญใครส่วนตัว ถ้าเชิญจะเชิญไปยังพรรค ส่วนพรรคจะส่งใครก็ให้ส่งมา

ขู่เรียกภูมิธรรมปรับทัศนคติอีก

    พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ถึงข่าวคสช.เตรียมเชิญตัวนายภูมิธรรมเข้าปรับทัศนคติ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารเชิญตัวนายประวิตรไปตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. โดยไม่เปิดเผยสถานที่คุมตัวว่า "ใครถ้าพูดเสื่อมเสียก็ต้องโดน เอาอย่างนี้ สื่ออย่าไปลงพาดหัวว่าภูมิธรรม โดนคาดหัว ช่วยไปสอนเขาด้วยว่า อย่าพูดให้มันเสียหาย ประเทศชาติเดินหน้าอยู่ จะพูดไปทำไม ไปดูเรื่องของตัวเอง ทำมา กี่ปีแล้ว คนยากจน คนเดือดร้อนมีเยอะ ก็จะเอาแต่การเมือง เรื่องการเมืองก็ทำในวันหน้าโน่น"

ส่วนที่นายวัฒนาตั้งข้อสังเกตทหารเป็น ผู้ทำร้ายร่างกายตนเอง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไปหามา ไปแจ้งความ เมื่อเขากล่าวหา ก็ต้องฟังเขา เราจะได้จับตัวมาให้ได้ ไม่รู้ว่าไปพูดแล้วเป็นศัตรูกับใครเขาอีก ปากเสียอีกหรือเปล่า แล้วโทษทหารตลอด ทหารมันนักเลงมากหรืออย่างไร สื่อไปฟังเขาทำไม น่าเชื่อถือหรือไม่คนแบบนี้ คนที่พูดปาก แบบนี้ สื่อก็ขยายให้เขาไปเรื่อยๆ คนดีไม่ค่อยไปพูดให้ คนที่ไม่ค่อยดีก็ไปพูดให้เขาทุกวัน แล้วบ้านเมืองมันจะสงบได้หรือไม่

    เมื่อถามว่า จะเชิญมาปรับทัศนคติอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบ ก่อนจะเดินออกไปจากวงสัมภาษณ์ทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันเดียวกัน น.ส. ยิ่งลักษณ์ได้เยี่ยมชมและเดินตลาดอ.ต.ก. เพื่อซื้อขนม ผลไม้และกับข้าว อาทิ ผัดเผ็ดปลาดุก จับฉ่าย ไข่ลูกเขย ผลไม้ฝรั่ง ทับทิม เงาะ ขนมหวานร้าน 9 พี่น้อง พร้อมสอบถามถึงสภาพเศรษฐกิจและการประกอบอาชีพ โดยมีประชาชนมาทักทาย ให้กำลังใจ และถ่ายรูปด้วยอย่างคึกคัก

แถลงจี้ยุติคุกคามคนเห็นต่าง

      ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ว่า การเรียกบุคคลซึ่งมีความเห็นแตกต่างกับรัฐบาลไปซักถามและควบคุมตัวโดยปราศจากฐานทางกฎหมายรองรับ เป็นการ กระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและละเมิดต่อข้อ 9 กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง จึงเรียกร้องให้รัฐบาลหรือคสช. ยุติการเรียกบุคคลให้รายงาน ตัวและควบคุมตัว เนื่องจากเป็นการคุกคาม ผู้ที่เห็นต่างกับรัฐบาลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 เนื่องจากไม่มีเหตุจำเป็นต้องประกาศใช้ ยุติการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 44 และปล่อยตัวผู้ถูกควบคุมตัวทันที

      ทั้งนี้ การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล หรือ คสช.โดยสุจริต เป็นสิทธิพึงกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ประชาธิป ไตยไม่อาจเกิดขึ้นได้หากปราศจากความยุติธรรม

ขรก.ระทึกล็อต 3-ปปท.จ่อชงชื่อ

      ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวถึงการพิจารณารายชื่อข้าราชการพัวพันทุจริตล็อต 3 เสนอให้นายกฯ พิจารณาว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ป.ป.ท. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อยู่ระหว่างตรวจสอบรายชื่อว่ามีข้าราชการคนใดที่มีแนวโน้มเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด แต่ยังไม่ถูกลงโทษทางวินัยอีกบ้าง เพื่อเสนอเข้าที่ประชุม ศอตช. ที่มีพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เป็นประธานภายใน 2 สัปดาห์ จากนั้นจะส่งให้รัฐบาลดำเนินการต่อไป

    นายประยงค์ กล่าวว่า นายกฯ ใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อกระตุ้นให้มีการตรวจสอบการ กระทำผิดทางวินัยของหน่วยงานภาครัฐ เพราะที่ผ่านมายังมีบางส่วนราชการละเลยการลงโทษทางวินัย ทั้งนี้ในระยะยาว หากการลงโทษทางวินัยได้ผล ก็ปล่อยให้กลไกปกติดำเนินการไป ไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจตามมาตรา 44 อีก นายกฯ กำชับว่าการดำเนินการต้องเป็นธรรม อย่ากลั่นแกล้ง และต้องให้ความเป็นธรรมในการหยิบยกเรื่องใดมาพิจารณา หากตรวจสอบแล้วไม่มีความผิด จะต้องปล่อยไป

 

 

บิ๊กตู่ ฮึ่มวิ่งเต้นกรธ.-สปท. ลั่นตัดชื่อ ปัดนักการเมืองร่างรธน. แม่น้ำ 3 สายถกคัดวันนี้ วัฒนาจี้ตร.เอาผิดคนชก ส.อ.แจ้งกลับฐานหมิ่น คสช.แจงคุม'ประวิตร'ส.สื่อแถลงให้ปล่อยตัว

       'บิ๊กตู่'ลั่นตัดชื่อพวกวิ่งเต้นขอเป็น'กรธ.-สปท.'ออก ยันไม่เอานักการเมืองมาร่าง รธน.

 

มติชนออนไลน์ :

คุม'ประวิตร' ภาพจากเฟซบุ๊กนายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสเครือเดอะเนชั่น เข้าพบทหารที่กองทัพภาคที่ 1 ก่อนถูกควบคุมตัวไปที่ มทบ.11 ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน

 

@ 'บิ๊กตู่'คุยไม่สืบทอดอำนาจ

     เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 กันยายน ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดการประชุมประจำปี 2558 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เรื่องทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและเลขาฯ สศช. ร่วมงาน โดย สศช.ได้เชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมงานในฐานะอดีตนายกฯด้วย

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า "ขอเรียนท่านอภิสิทธิ์ ผมไม่ต้องการที่จะสืบทอดอำนาจ ขอให้บอกกับพวกเขาเลยว่าผมไม่ต้องการ วันเดียวยังไม่อยากอยู่เลย เมื่อวันนี้มีปัญหาเยอะ นักการเมืองที่ดีต้องช่วย ให้ผมทำอย่างไรให้สร้างรากฐานประเทศก่อน ที่ผ่านมาสร้างไม่ได้เพราะการแข่งขันทางการเมืองสูง ประชาชนเลยต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมืองเป็นส่วนใหญ่ ไม่สนใจเรื่องอื่น สนใจแต่เรื่องการเมือง

      "ดังนั้นทำอย่างไรจะทำให้การเมืองคือเรื่องการบริหารประเทศ ทำให้ทุกคนเข้าใจเดินหน้าไปให้ได้ โดยมีธรรมาภิบาล ไม่ใช่มาต่อสู้กัน โดยเอาประชาชนมาต่อสู้ ผมไม่เห็นด้วย เมื่อเรื่องมันผ่านไปแล้วอย่าให้มีขึ้นอีก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

@ ลั่นใครวิ่งร่วม'กรธ.-สปท.'คัดออก 

    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องรัฐธรรมนูญเหมือนเดิม ไม่ได้ต้องการให้ผ่านหรือไม่ให้ผ่าน ไม่สนใจเพียงแต่ให้ไปทำ ไปคิดกันมา อย่าให้ต้องรับผิดชอบทุกเรื่อง ถ้ารับผิดชอบเองคงไม่ต้องตั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) คงเขียนรัฐธรรมนูญเอง 

      "วันนี้ไม่ต้องมาวิ่งเต้น ใครวิ่งเต้นขอเป็น สปท.และ กรธ.จะขีดชื่อทิ้งก่อน วันนี้เยอะมาก การดำเนินการตามโรดแมปในระยะที่ 3 ขอให้รอหน่อย ตอนนี้เลื่อนไป 20 เดือน ถ้าเร็วขึ้นได้ก็เร็ว และ 20 เดือนนี้จริงๆ ไม่อยากได้เลย เพราะเป็นเวลาที่นานพอสมควร แต่มันเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ไปสั่งให้ผ่านหรือไม่ผ่าน เรื่อง กรธ.และ สปท.ว่ากันไป ถ้าทำเร็วก็เร็วกว่า 20 เดือน ไม่รู้ว่านายอภิสิทธิ์จะเตรียมตัวทันหรือไม่ แต่เชื่อว่าทุกคนพร้อม แต่ปัญหาคือยังไม่เรียบร้อย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ได้เสนอให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) เพื่อไม่ให้มันไปไม่ได้ แต่เห็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คิดมา เขาเริ่มต้นมาแล้วมาดูว่าไปได้หรือเปล่า ไม่ได้ต้องการไม่ให้ผ่านเพื่อจะมาอยู่ตรงนี้ แต่มันทิ้งไม่ได้เพราะยังไม่พร้อม ถ้าพร้อมวันนี้แล้วพวกหนึ่งขี้นมาเป็นรัฐบาล อีกพวกหนึ่งจะเลิกไหม ไม่เลิกทั้งคู่แล้วจะทำยังไง ฝากนักการเมืองไว้ด้วย ทุกคนบอกว่าจะไม่มีเรื่อง เอาอะไรมาประกันว่าไม่มีเรื่อง ทุกวันนี้เห็นตัวอยู่แล้ว ใครจะเป็นรัฐบาลมันมีแค่นั้น จะเลิกกันได้หรือยัง ต้องกรีดเลือดสาบานกันก่อน

@ ไม่เอานักการเมืองนั่ง'กรธ.'

     ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้ง กรธ.ว่า สัปดาห์นี้จะคุยกัน แต่คงไม่ต้องมีสัดส่วนการเมือง เอาคนที่เขาร่างมาดีกว่า ทางนี้เสนอความคิดเห็นเข้าไป เพราะถ้าเอาเข้าไปแล้วเดี๋ยวจะร่างกันไม่ได้สักที

     ผู้สื่อข่าวถามว่า การร่างรัฐธรรมนูญจะนำอดีตกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญเข้ามาด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ทราบ ยังไม่ได้คิด แต่ตอนนี้ยังไม่มีคนเก่า คนเก่าเขาทำไว้ดีแล้ว เป็นผลงานของ กมธ.ยกร่างฯและ สปช. ตนนำมาใช้ประโยชน์ ไม่ใช่ว่าทำแล้วใช้ไม่ได้ ใช้ได้ทั้งหมดเพียงแต่ว่าจะเอามาทำอย่างไรให้ราบรื่นและสามารถทำงานได้ ต้องขอบคุณทั้ง กมธ.ยกร่างฯและ สปช.ด้วย ไม่มีอะไรบกพร่องเลย ทำเต็มที่แล้ว 

        เมื่อถามว่า สัดส่วนของ สปท.มีนักการเมืองเข้าไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แล้วแต่ว่าเขาจะมาหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีอดีตปลัดกระทรวงเสนอที่จะเข้ามาร่วมด้วยนั้น ถ้าเสนอผ่านสื่อไม่รับ แต่หากใครจะเข้ามาให้รวบรวมรายชื่อมาแล้วจะนำมาคัดกรองอีกครั้งหนึ่ง ขณะนี้ยังไม่มีรายชื่อครบทั้ง 200 คน เพราะจะต้องจัดเป็นกลุ่มก่อน ดูว่าครบพวกหรือยัง มีนักการเมือง ข้าราชการหรือไม่ และ สปช.เก่าควรจะมีด้วยหรือไม่ เพราะทั้งหมดนี้ต้องทำงานต่อ ต้องเขียนแผนทำงาน แผนงาน โครงการ และแผนงบประมาณเพื่อส่งต่อให้รัฐบาลหน้า สปท.ไม่ใช่ว่าจะไม่มีงานทำ เพราะ สปช.ชุดแรกเขาร่างแผนดำเนินการไว้แล้ว 36 วาระกับอีก 7 วาระพัฒนา สปท.จะต้องนำแผนงานต่างๆ มาย่อยและจัดทำแผนโครงการอีกครั้งเพื่อจัดส่งรัฐบาลหน้า หรือถ้ามี คปป.ให้นำไปส่งรัฐบาลหน้าทำ

@ เมิน"มาร์ค"ค้านแนวคิด'คปป.'

    ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอภิสิทธิ์มาร่วมงานด้วย ได้หารืออะไรกันหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่คุยอะไรกันนอกรอบ ที่พูดแหย่ไปบนเวที ไม่ว่าจะเป็นอดีตนายกฯคนไหนมา ตนแหย่หมด เพราะไม่ใช่ศัตรูเขา แต่ต้องการให้ฟังว่าคิดอะไร และคิดว่าท่านจะไม่รังเกียจและเข้าใจ ถ้าเขาไม่ฟังจากปากตนจะไม่เข้าใจสักที ที่พูดบนเวทีมีอะไรเสียหายหรือไม่ และที่พูดไป อธิบายไปว่าบ้านเมืองต้องเดินหน้าไปยังไง เสียหายหรือไม่ และได้อธิบายถึงหน้าที่ คปป.และ สปท. ซึ่งรู้แล้วใช่หรือไม่ว่ามีอำนาจเหนือรัฐบาลหรือเปล่า ตนไม่เห็นว่าจะมี

    เมื่อถามว่า ที่อธิบายเรื่อง คปป. เพราะต้องการบอกให้นายอภิสิทธิ์และนักการเมืองทราบใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ต้องการพูดให้ทุกคนที่รับฟังในห้องได้คิด ไม่ใช่นักการเมืองอย่างเดียว เพราะประเทศนี้ไม่ได้มีแต่นักการเมือง ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์และนักการเมืองไม่เห็นด้วยกับการตั้ง คปป.นั้น ไม่เห็นด้วยก็เรื่องของท่าน แต่เมื่อได้รับฟังแล้วจะคิดได้หรือไม่ ต้องไปถามเอาเอง

@ เล็งนำปี 40-50 ยำรวมฉบับคสช. 

       ผู้สื่อข่าวถามว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย ระบุว่าถ้าไม่ผ่านประชามติ เป็นไปได้ที่จะนำเอารัฐธรรมนูญฉบับเก่าฉบับใดฉบับหนึ่งมาเป็นตัวตั้งร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นไปได้ โดยจะนำเอารัฐธรรมนูญ ทั้ง ปี 2540 และ2550 รวมถึงร่างของ กมธ.ยกร่างฯที่ตกไปมายำรวมกัน เชื่อว่าไม่จำเป็นต้องผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.)

      "รัฐธรรมนูญ 2550 ดีบ้าง ฉบับ 2540 ก็อ้างว่ามาจากประชาชน ส่วนฉบับ กมธ.บอกว่ามาจาก คสช. ใช่หรือไม่ ผมมาทำให้บ้านเมืองเรียบร้อยเดินหน้าได้ ผมก็มีสิทธิที่จะเอาฉบับของผมใส่เข้าไปด้วย ต้องไปดูว่าอันไหนใส่เข้าไปได้ไม่ได้ ถ้าประชาชนเข้าใจ ผมถามว่าประชาธิปไตยกับไม่ประชาธิปไตยต่างกันตรงไหน ถามว่าประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งอย่างเดียว หรือต้องมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งอย่างเดียวหรือไม่ ถามว่าการที่เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้วทรยศประชาชน คืออะไร ที่ดีๆ ก็มีเยอะ แต่ที่ไม่ดี พวกที่มีเรื่องฟ้องศาล ขี้โกง ต้องไม่มีอีกแล้ว ถ้าบอกว่าผมทำแย่กว่า ไปเช็กดูว่าผมทำดีกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหรือไม่ ถามคนไทยสิ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่าการปฏิรูปหากใครอยากจะเข้ามา เชิญเข้ามาไม่นานนี้จะประชุมกันแล้ว แต่คงไม่ต้องไปเชิญใครเป็นการส่วนตัว ถ้าจะเชิญจะเชิญไปยังพรรคการเมือง ส่วนพรรคจะส่งใครให้ส่งมา

@ วิษณุปัดถูกทาบนั่งประธานกรธ.

      นายวิษณุกล่าวถึงกรณีกระแสข่าวถูกทาบทามเป็นประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า "ไม่มี เพราะไม่มีใครมาชวน ดังนั้น ขอให้หยุดพูดเรื่องผมจะเป็นประธาน กรธ.ได้แล้ว พวกคุณกำลังหลงประเด็น แต่หากสื่อสนุกก็ไม่เป็นไร ก็ขอสนุกด้วย" เมื่อถามว่า หากนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ปรึกษา คสช.ไม่ตกลงมานั่งเป็นประธาน กรธ. จะเป็นประธาน กรธ.เองหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เห็นหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งลง แต่ข้อเท็จจริงไม่ทราบ เพราะไม่มีใครมาพูดกับตนในเรื่องนี้ทั้งสิ้น

นายวิษณุกล่าวถึงกระบวนการคัดเลือก กรธ.ว่า ยังไม่ทราบ และไม่ทราบว่า คสช.ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ที่มีกระแสข่าวว่า มีอดีต สปช.เกรดเอ 44 คน ที่จะได้เข้ามานั่งในโควต้า กรธ.นั้น เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ หากเป็นจริงตนไม่ทราบ และ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้มาหารือ ส่วนที่ให้แต่ละกระทรวงเสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมมากระทรวงละ 5 คนเพื่อเป็น สปท.นั้น ก็เห็นจากสื่อ อาจจะมีใครไปสั่งการหรือไม่ เพราะในที่ประชุม ครม. ไม่ได้สั่งการแต่นายกฯอาจจะไปสั่งการกับรัฐมนตรีรายบุคคลหรือไม่ก็ไม่ทราบ

      นายวิษณุ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนายอภิสิทธิ์ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ฟังอยู่ เพราะอดีตนายกฯ ทั้ง 2 คนพูดแบบผู้ใหญ่ที่เป็นกลาง ส่วนจะให้รัฐบาลนำมาปรับปรุงในส่วนใดต้องดูเป็นประเด็น เพราะบางทีฝ่ายที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้แสดงว่าพวกเขาอาจส่งสัญญาณบางอย่าง

@ แจงโรดแมป 20 ด.อาจเร็วขึ้น 

    ผู้สื่อข่าวถามว่า การร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะถือเป็นการร่างครั้งสุดท้าย หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ครั้งที่ผ่านมาก็มีความสำคัญ คิดว่าควรจะเสร็จ และผ่านไป ในเมื่อไม่ผ่านก็ต้องมาเริ่มใหม่ ขอยืนยันว่าโรดแมปอายุรัฐบาลอีก 20 เดือนไม่ถือว่าเป็นการตอกตะปู หรือจะเลื่อนขยับออกไปไม่ได้ แต่ที่พูดอยากให้ประชาชนรู้และรับทราบไว้ เดี๋ยวจะหาว่ารัฐบาลไม่สร้างความรับรู้ แต่หากโรดแมปขยับขยายไม่ใช่ที่รัฐบาลอย่างเดียว แต่จะต้องขึ้นอยู่กับทุกฝ่าย แล้วต้องอาศัยความร่วมมือของ กรธ. ที่จะต้องร่างรัฐธรรมนูญให้เร็วกว่า 6 เดือน ส่วนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องทำประชามติให้เร็วขึ้น รวมทั้งการทำกฎหมายลูก หากวางแผนให้ดีคงไม่ใช้เวลาถึง 6 เดือน 

      เมื่อถามว่า นายกฯได้ปรึกษาเรื่อง กรธ. หรือเรื่อง คปป. กับฝ่ายกฎหมายรัฐบาลหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบแต่เชื่อว่านายกฯคงคุยเรื่องนี้หลายคน เช่น นายสมคิด หรือนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คงไม่คุยกับตนคนเดียว

      ผู้สื่อข่าวถามว่า ทหารเกษียณอายุราชการเป็น กรธ.ได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตามกฎหมายไม่ได้ห้าม ขอแค่อายุเกิน 40 ปี จะอยู่ใน หรือนอกราชการก็ได้ หรือจะเป็นพลเรือนสามารถเข้ามาได้ แต่ไม่ใช่เข้ามานั่งโก้ๆ ให้เต็มโควต้า 21 คนเท่านั้น แต่ต้องเข้ามาทำงาน เพราะทุกอย่างมีความสำคัญ คนเข้ามาต้องมีความเข้าใจในรัฐธรรมนูญ และเข้าใจมิติการเมืองไทยในอดีต เพราะร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ 20 ดังนั้นทุกคนต้องรู้ความเป็นมา ความเป็นไปของรัฐธรรมนูญ 19 ฉบับ ก่อนหน้านั้นเพื่อจะนำมาปรับปรุงใช้ และสิ่งสำคัญต้องเข้าใจร่างรัฐธรรมนูญที่เพิ่งตกไปด้วย

@ ให้ดูร่างรธน.ก่อนประชามติ

     ผู้สื่อข่าวถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเพื่อทำประชามติ นายวิษณุกล่าวว่า เป็นการพูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะไม่ใช่เวลามาพูดกันในตอนนี้ เนื่องจากไม่คิดจะทำในตอนนี้ ขณะนี้ต้องตั้ง กรธ.ให้เสร็จ แล้วร่างรัฐธรรมนูญไประยะหนึ่ง จะเห็นภาพว่าหน้าตาออกมาเป็นอย่างไร เป็นที่พอใจของแต่ละฝ่ายหรือไม่ ต่อจากนั้นประเมินกันว่าจะผ่านประชามติหรือไม่ แล้ววันนั้นมาคิดต่อว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ 

      เมื่อถามว่ายังไม่ได้ตัดสินใจที่จะใช้หลักเกณฑ์ผู้มาใช้สิทธิ หรือผู้มีสิทธิทั้งหมด นายวิษณุกล่าวว่า ตัดสินตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ชัดเจนแล้วว่าเป็นเรื่องของผู้มาใช้สิทธิ เพราะไม่สามารถใช้หลักเกณฑ์ผู้มีสิทธิทั้งหมดได้ เนื่องจากประชากรในประเทศไทยมีกว่า 60 ล้านคน ส่วนผู้มีสิทธิลงประชามติกว่า 40 ล้านคน ถ้าหากเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิ โดยไปนับแม้กระทั่งผู้ไม่ออกมาใช้สิทธิให้ถือเป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญจะพิลึกเกินไป แต่ในความจริงกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนและแปลความเป็นอีกอย่างหนึ่งก็พอจะมีช่องทางให้แปลได้ อย่างไรก็ตามถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงแค่ประเด็นนี้ประเด็นเดียวคงไม่มีใครจะแก้แน่นอน แต่ถ้ามีประเด็นอื่นเข้ามาจะแก้กันไปในคราวเดียวกันเลย ซึ่งสามารถทำได้ไม่มีปัญหา

@'ไก่อู'เผยสเปกนั่ง'สปท.'

     พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีให้กระทรวงต่างๆ เสนอรายชื่อข้าราชการในกระทรวง กระทรวงละ 5 คนเข้ามาเพื่อพิจารณาเป็น สปท. ว่า ด้านคุณสมบัติที่ พล.อ.ประยุทธ์จะพิจารณาคือ 1.ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านกฎหมาย 2.เข้าใจในสถานการณ์ของประเทศปัจจุบันว่าที่ผ่านมาประเทศชาติเกิดอะไรขึ้น 3.เข้าใจในเจตนารมณ์ของรัฐบาลและ คสช. ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเห็นด้วยกับรัฐบาลและ คสช.ไปหมดทุกอย่าง แต่ต้องเข้าเจตนารมณ์การเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง

     "เมื่อกระทรวงต่างๆ เสนอชื่อข้าราชการมาจนครบแล้ว นายกฯจะพิจารณารายชื่อเหล่านั้นโดยพิจารณาร่วมกับที่ปรึกษาคนสำคัญของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม การที่ให้แต่ละกระทรวงเสนอชื่อข้าราชการ ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับการพิจารณาทั้งหมด เพราะที่เสนอมานั้นเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งเมื่อนำไปรวมกับส่วนอื่นทั้ง 200 คน แต่เชื่อว่าข้าราชการกระทรวงจะสามารถสานต่องานด้านปฏิรูปได้ เพราะไม่ใช่มีแค่นักการเมืองเท่านั้นที่ยึดโยงกับประชาชน ข้าราชการที่ทำงานมาเป็นเวลานานต่างก็รู้ถึงปัญหาและจะสามารถหาวิธีการแก้ไขปัญหาได้" พล.ต.สรรเสริญกล่าว

@ อุตฯส่งขรก.ชิงสปท.3 คน 

    นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยถึงการส่งรายชื่อข้าราชการกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อคัดเลือกเป็น สปท. ว่า กระทรวงได้ตัดสินใจส่งรายชื่อข้าราชการที่กำลังจะเกษียณอายุวันที่ 30 กันยายน จำนวน 3 ราย แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้เพราะหากไม่ได้รับการคัดเลือกอาจส่งผลกระทบได้ เหตุที่ส่งเพียง 3 รายเพราะส่วนใหญ่ปฏิเสธเนื่องจากต้องการพักผ่อน ทั้งข้าราชการที่กำลังจะเกษียณและที่เกษียณไปแล้ว

      รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรมแจ้งว่า ข้าราชการระดับสูง หรือซี 10 ของกระทรวงอุตสาหกรรมที่จะเกษียณอายุปีนี้มี 8 คน เบื้องต้นเป็นที่แน่นอนว่าผู้ที่ได้รับเสนอชื่อเป็น สปท.คือ นายเสรี อติภัทธะ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนอีก 2 คนที่มีแนวโน้มได้รับเลือก คือ นางรัชดา อิสระเสนารักษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง และนายมาณพ ชิวธนาสุนทร ผู้ตรวจราชการกระทรวงเช่นกัน

    แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า รายชื่อข้าราชการกระทรวงพลังงานที่นายคุรุจิต นาครทรรพ ปลัดกระทรวงส่งชื่อให้พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน พิจารณาประมาณ 20 รายชื่อนั้น หนึ่งในนั้นมีนายทรงภพ พลจันทร์ อดีตอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ

     นางทรงพร โกมลสุรเดช ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า ในฐานะปลัดกระทรวงไอซีทีที่เป็น 1 ใน 5 รายชื่อที่เสนอ พล.อ.ประยุทธ์ไปแล้ว อีก 4 คนขอไม่เปิดเผยรายชื่อ เนื่องจากรายชื่อที่เสนอไปไม่แน่ว่านายกรัฐมนตรีจะเลือกมาทำหน้าที่ทั้งหมด การที่ไปเปิดรายชื่อและบุคคลนั้นๆ ไม่ได้รับเลือกอาจเป็นการเสียมารยาทได้ ทั้ง 4 คนเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงไอซีที ได้แก่ อธิบดีหน่วยงานหนึ่งในหน่วยงานสังกัดกระทรวงไอซีที อดีตปลัด และรองปลัดกระทรวงไอซีที 

@ 'สุรชัย'เมินนั่งกรธ.-หนุน'มีชัย'

     นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์กรณี สนช.บางคนระบุเหมาะสมเป็น กรธ.ว่า เกรงว่าจะไม่มีเวลาให้ เนื่องจากภารกิจของ สนช.มีจำนวนมาก ยังมี สนช.อีกหลายคนที่มีความเหมาะสม และมีความรู้ความสามารถ เป็นทั้งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และอดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เคยมีประสบการณ์ร่างรัฐธรรมนูญมาแล้ว เหมาะสมมาทำหน้าที่ กรธ. แต่ขออย่านำประธานและรองประธาน สนช.ทั้งสองคนไป เพราะมีภารกิจด้านนิติบัญญัติจำนวนมาก 

"ที่มีรายชื่อนายมีชัยเป็นประธาน กรธ.นั้น เห็นว่ามีความเหมาะสม แต่ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจส่วนตัวว่าจะรับหรือไม่ เพราะล่าสุดทราบว่านายมีชัยก็มีภารกิจที่ต่างประเทศ"นายสุรชัยกล่าว

@ ถกคัด'สปท.-กรธ.'15 ก.ย.

     นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 กล่าวถึงข้อเสนอให้ สนช. 1-2 คนเข้าไปร่วมเป็น กรธ.ว่า คงต้องหารือกับ ครม.หากร้องขอให้ สนช.เข้าไปทำหน้าที่มากกว่าจำนวนดังกล่าว มีความพร้อมที่จะส่ง สนช.เข้าไปทำหน้าที่ สนช.ล้วนมีความสามารถ ขณะที่คุณสมบัติของ กรธ.นั้นไม่ควรมีนักการเมือง เพราะจะทำให้เกิดข้อครหาได้ ดังนั้น นักการเมืองควรให้ความเห็นจะเหมาะสมกว่า ขณะเดียวกันการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ควรนำข้อเสนอของ กมธ.ยกร่างฯที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานมาเป็นตัวตั้ง เพราะระยะเวลาในการทำงานมีเพียง 6 เดือนเท่านั้น ส่วนประเด็นที่มีข้อครหาในประเด็นทางการเมืองก็ควรรับฟังความเห็นของประชาชนมาเป็นการตัดสินใจก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี

     "ขณะที่คุณสมบัติของ สปท. อยากให้คัดสรรบุคคลที่มีความสามารถด้านการปฏิรูปเป็นที่ตั้ง ในการประชุมร่วม คสช. ครม. และ สนช.ในวันที่ 15 กันยายนนี้ คิดว่าน่าจะหารือถึงการแต่งตั้งบุคคลเข้าไปเป็น กรธ.กับ สปท." นายพีระศักดิ์กล่าว

@ วันชัยปัดกลุ่มล้มร่างรธน.วิ่งเต้น

      นายวันชัย สอนศิริ อดีต สปช. กล่าวถึงกระแสข่าวอดีต สปช.ที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญวิ่งเต้นขอตำแหน่ง สปท. ว่า ได้ประสานกับกลุ่ม สปช.ที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและได้คุยสอบถามแล้วทุกคนยืนยันว่า ไม่มีอดีต สปช.ที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญคนใดไปวิ่งเต้น ล็อบบี้เพื่อขอเป็น สปท. รวมทั้งขอโควต้าว่าต้องได้จำนวนตามที่เป็นข่าว เพราะทุกคนรู้กันดีว่าอำนาจในการแต่งตั้งเป็นของพล.อ.ประยุทธ์ และเคยประกาศไว้ในวันที่ไปรับผลงานปฏิรูปของ สปช.เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่าใครมาวิ่งเต้นเพื่อจะเป็น สปท.นั้นจะไม่แต่งตั้งโดยเด็ดขาด ดังนั้น อดีต สปช.ทุกคนรู้และเข้าใจในเรื่องนี้ดี

@'เทียนฉาย'ให้รัฏฐาธิปัตย์เลือก

      นายเทียนฉาย กีระนันทน์ อดีตประธาน สปช. กล่าวว่า อดีต สปช.หรือใครไม่ควรเคลื่อนไหว เพราะการแต่งตั้ง กรธ.กับ สปท. เป็นวินิจฉัยของรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้แบกภาระทั้งหมด อย่างไรกระบวนการฝากเนื้อฝากตัว นั้นคงไม่ผิด ทำได้ แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดควรปล่อยให้รัฏฐาธิปัตย์เป็นผู้เลือกอย่างมีอิสระ สังคมจะไม่สับสน เป็นผลดีกับประเทศมากกว่า 

      "ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีรู้ดีว่าใครทำงานอะไรหรือไม่ รู้ว่าข้อผูกพันเรื่องงานปฏิรูปจะสานต่ออย่างไร จึงไม่จำเป็นต้องมีใครไปแสดงตน สมัครงาน หรือขวนขวายเพื่อได้ตำแหน่ง"นายเทียนฉายกล่าว

@ 'จ้อน'ชู'2พรรค-ม็อบ'ร่วมปฏิรูป

     นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีต สปช. โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ว่า ถึงเวลาที่ 2 พรรคการเมืองใหญ่ คือ พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยกับ 2 กลุ่ม คือคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มาร่วมร่างรัฐธรรมนูญและขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ

     "ประชาชนคงอยากเห็นพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองใหญ่หันหน้ามาร่วมจัดทำรัฐธรรมนูญและปฏิรูปประเทศมากกว่าการหันหลังเหมือนที่ผ่านมา การที่พรรคการเมืองปฏิเสธการเข้ามาร่วมร่างรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่านักกีฬาไม่ควรเขียนกติกาเอง เพราะเกรงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนคงฟังไม่ขึ้น ซึ่งที่บอกว่าฟังไม่ขึ้น เพราะในอดีตทั้ง 2 พรรคเคยจัดทำรัฐธรรมนูญและลงมติรัฐธรรมนูญมาแล้วหลายครั้ง เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ ปี 2550 ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว" นายอลงกรณ์ระบุ

@ 'ปึ้ง'แนะนายกฯใช้เวทียูเอ็นแจง 

      นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่า อาจจะเจอคำถามเรื่องประชาธิปไตยของไทยกับเรื่องการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นเมื่อใด เป็นคำถามที่ต่างชาติอยากได้ยินคำชี้แจงจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ 

      "เห็นข่าวออกมาว่าในเวทียูเอ็น นายกฯจะไม่ใช้เวทีแก้ต่างทางการเมืองนั้นเป็นเรื่องที่สามารถทำได้แต่คำถามเรื่องประชาธิปไตยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต่างชาติอยากได้ยินคำชี้แจง ซึ่งประโยชน์จะเกิดกับรัฐบาลและประเทศชาติทั้งสิ้น โดยเฉพาะเวทีการประชุมที่ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนนานาชาติที่สังคมโลกคงอยากจะฟังคำชี้แจงจากไทยในประเด็นต่างๆ ดังนั้น อยากให้นายกฯใช้เวทีเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ" นายสุรพงษ์กล่าว

@ บิ๊กตู่ฮึ่มใครพูดเสียหายต้องโดน

     พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า คสช.เตรียมเชิญนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) และทหารเชิญตัวนายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสเครือเนชั่นไปตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน โดยไม่เปิดเผยสถานที่คุมตัวว่า "ใครนะ ถ้าพูดเสื่อมเสียก็ต้องโดน เอาแบบนี้แล้วกัน สื่ออย่าไปลงพาดหัวว่า นายภูมิธรรมโดนคาดหัว ช่วยไปสอนเขาด้วยว่า อย่าพูดให้เสียหาย วันนี้ประเทศชาติเดินหน้าอยู่จะพูดไปทำไม ไปดูเรื่องของตัวเองทำกันมากี่ปีแล้ว คนยากจน คนเดือดร้อนมีเยอะแยะ จะเอาแต่การเมืองกันนั่นแหละ การเมืองทำในวันหน้าโน่น"

@ 'คสช.'แจงคุมตัว'ประวิตร'

     พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.กล่าวถึงกรณีที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) เชิญนายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสหนังสือพิมพ์เนชั่น หรือบางบุคคลมาสอบถามพูดคุยในกองทัพภาคที่ 1 ว่า ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นไปตามแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อย ช่วงหลังเริ่มพบบ่อยบางครั้งอาจมีเนื้อหาที่มีลักษณะเข้าข่ายไปพาดพิงบุคคลหรือองค์กรอื่น หรือในเนื้อหาที่อาจส่งผลให้สังคมสับสนเข้าใจผิดได้ โดยเฉพาะในบางสิ่งบางอย่างพบว่ายังไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆ ที่ชัดเจน

     "ขณะนี้ คงอยู่ในระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ส่วนจะใช้เวลาเท่าใดต้องขึ้นอยู่กับผลสอบสวน การให้ความร่วมมือ และหลักฐานที่เจ้าหน้าที่มีอยู่" พ.อ.วินธัยกล่าว

@ เชิญตัวเข้าทัพภาค1เมื่อ 13 ก.ย.

     ทั้งนี้ นายประวิตรโพสต์เฟซบุ๊กว่า เมื่อประมาณเวลา 12.35 น. วันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมาว่า "ทหาร 2 นาย มาเยี่ยมที่บ้าน แต่ผมไม่อยู่ มีอะไรก็โทรมาได้นะครับ คสช.มีเบอร์มือถือผมอยู่แล้ว ผมไม่หนีจากสภาพบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างแน่นอน" และครั้งสุดท้ายระบุว่า "เราไม่สามารถรักษาเสรีภาพในสังคมได้ หากเราไม่พร้อมที่จะจ่ายราคาค่างวดของเสรีภาพโดยการพยายามปกป้องรักษามัน"

     ต่อมามีรายงานว่า นายประวิตรถูกทหารควบคุมตัวตั้งแต่บ่ายวันที่ 13 กันยายน โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อนายประวิตร ระบุว่า ขอเชิญไปพบที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ถนนราชดำเนิน เวลา 15.30 น. ก่อนจะถูกนำตัวออกจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 โดยไม่ทราบว่าขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ไหน

     ขณะที่บีบีซีไทยรายงานข่าวโดยการเปิดเผยของ น.ส.ภาวินี ชุมศรี ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งได้ยืนยันว่ามีการดำเนินการเรื่องดังกล่าวจริง และเจ้าหน้าที่ทหารไม่อนุญาตให้ทนายความเข้าไปสังเกตการณ์ ทนายจึงรออยู่ด้านนอกจนถึง 16.30 น. จึงได้สอบถามทหารรักษาการณ์บริเวณประตูหน้ากองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 และได้รับแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ทหารพาตัวนายประวิตรออกไปแล้ว แต่ไม่ระบุว่าพาไปที่ไหน และไม่ระบุว่าจะใช้เวลาในการควบคุมตัวกี่วัน

@ บิ๊กต๊อกชี้เชิญคุยหวังปฏิรูปเดินหน้า

     พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) กล่าวถึงกรณีที่คสช.เรียกอดีตนักการเมืองหลายคนไปปรับทัศนคติว่า เป็นเรื่องที่ คสช.พยายามจะให้ความเข้าใจว่าถ้ายังออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างนี้อยู่แล้วจะทำให้การปฏิรูปประเทศเกิดขึ้นได้อย่างไร การที่อดีตนักการเมืองหลายฝ่ายออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยกระแทกการทำงานของรัฐบาลและ คสช. จึงทำให้ คสช.ต้องเชิญตัวมาปรับความเข้าใจกันว่าการแนะนำควรให้เหตุให้ผลกัน อย่างกรณีของนายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย ที่ถูก คสช.เรียกไปปรับทัศนคตินั้น ทาง คสช.คงมีคำถามว่าทำไมนายการุณถึงพูดแบบนี้ หรือมีอะไรแนะนำ คสช.หรือไม่ ทำไมจึงไม่คิดในแง่บวกแบบนี้บ้าง เพราะ คสช.ต้องการที่จะปฏิรูป ต้องการให้ประเทศเกิดความสงบ 

      "ความคิดค้านแบบหลังชนฝา ค้านทุกเรื่องทั้งเรื่องดีและไม่ดีก็ออกมาค้านก่อน แต่ว่าสิ่งที่เขาแสดงความคิดเห็นบางเรื่องอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ แต่ว่าต้องมีวิธีการพูด การพูดส่อเสียดนั้นเป็นการพูดให้เกิดปัญหาในสังคมไม่ใช่หรือ ถ้าคุณพูดให้ปัญหามันเกิดขึ้นในสังคม จะนำไปสู่การปฏิรูปได้อย่างไร" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว และว่า คิดว่าวิธีการพูดมีหลายวิธี แต่การพูดแบบเหน็บแนม เสียดสี หรือการพูดให้เกิดปัญหาขึ้นในสังคม ตรงนี้ที่ คสช.ค่อนข้างจะไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมในลักษณะนี้ จึงได้เชิญตัวมาปรับทัศนคติ การที่เรียกไปปรับทัศนคตินั้นทาง คสช.คิดว่าจะสามารถทำให้ทุกอย่างดีขึ้น 

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสัมภาษณ์ พล.อ.ไพบูลย์ได้ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า หากมีคนมาเตือนคุณในลักษณะเหน็บแนมคุณจะชอบหรือไม่ ซึ่งผู้สื่อข่าวก็ตอบว่าคงไม่ชอบ พล.อ.ไพบูลย์จึงกล่าวว่า "ก็นั่นไง คุณยังไม่ชอบเลย" 

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าไม่สามารถแสดงความคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วยกับ คสช.ได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า "ได้สิ ผมยอมรับความคิดเห็นของทุกคน แต่ต้องพูดในลักษณะที่สร้างสรรค์ ให้คำแนะนำ ไม่พูดเหน็บ"

@ 'เอฟซีซีที'จี้ปล่อยตัว'ประวิตร'

      สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (เอฟซีซีที) ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลใจเป็นอย่างยิ่งหลังทราบว่ามีการคุมตัวนายประวิตร โรจนพฤกษ์ โดยทหาร ทั้งนี้ นายประวิตรทำงานให้กับหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น ถูกเจ้าหน้าที่สั่งให้มารายงานตัวที่กองทัพภาคที่ 1 เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นไม่มีใครสามารถติดต่อนายประวิตรได้

แถลงการณ์เอฟซีซีทีระบุว่า การคุมตัวผู้สื่อข่าวหรือใครก็ตามที่แสดงความเห็นของตนเองอย่างสันติ ได้ส่งกระทบต่อพันธกิจของไทยภายใต้กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ

     ทั้งนี้ เอฟซีซีทีขอเรียกร้องให้ คสช.ปล่อยตัวนายประวิตรและบุคคลอื่นที่ถูกคุมตัวในเหตุผลเดียวกันทันที และสถานที่ควบคุมตัวควรได้รับการเปิดเผยต่อสังคมโดยทันทีเช่นกัน

@ สมาคมสื่อจี้คสช.แจงคุม"นักข่าว" 

      นายมานพ ทิพย์โอสถ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและปฏิรูปสื่อ และโฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีทหารกองทัพภาคที่ 1 ควบคุมตัวนายประวิตร ว่า สมาคมนักข่าวฯขอเรียกร้องให้กองทัพภาคที่ 1 ชี้แจงเหตุผลในการควบคุมตัวนายประวิตร และทราบว่านายประวิตรไม่ได้รับอนุญาตให้นำโทรศัพท์ติดตัวไป ทำให้ไม่สามารถทราบความเคลื่อนไหวและความเป็นอยู่ของนายประวิตรได้นับตั้งแต่คุมตัวไปเมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา การดำเนินการของฝ่ายความมั่นคงที่กระทำต่อสื่อมวลชน พึงกระทำไปด้วยความระมัดระวัง แม้มีอำนาจตามมาตรา 44 ที่หัวหน้า คสช.ได้ออกประกาศไว้ แต่บทบาทของนายประวิตรที่มีฐานะเป็นสื่อมวลชน ย่อมจะต้องวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลเป็นปกติ การควบคุมตัวนายประวิตรโดยไม่แจ้งสาเหตุหรือมีการแจ้งความดำเนินคดีใดๆ ย่อมไม่ส่งผลดีต่อประเด็นสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนไทยและสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนชาวไทยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) มาตรา 4 ได้ให้การรับรองไว้

     "การดำเนินการในลักษณะดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศที่ตกต่ำลงในด้านสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งนี้ สมาคมนักข่าวฯขอสนับสนุนแถลงการณ์ของเครือเดอะ เนชั่น ที่ขอให้รัฐบาลและ คสช.ปล่อยตัวนายประวิตรในทันที และให้ทำความกระจ่างเรื่องการควบคุมตัวนายประวิตรต่อสาธารณชน"นายมานพกล่าว

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!