WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

11เดอน

ไล่นวดเท้า-หั่นโรดแมป วิษณุเหน็บ สูตร 11 เดือนเป็นไปไม่ได้ กต.เบรกสูตรพิสดาร ล้างไพ่พรรคยืดอีก 3 ด. บิ๊กตู่เปิดกรธ.สปท.เอง 'เอก'ขอบคุณนั่งสปน. ตั๊นไม่ถอน-ลุ้นติดรตต.

       'วิษณุ'ชี้สูตร 11 เดือนของ'จาตุรนต์'เป็นไปไม่ได้ ชี้ช่วง 2 เดือนสุดท้ายจะทำไม่ทัน แนะเอาฝ่าเท้ายกขึ้นมานวดซักทีแล้วตรองดู เหน็บ รธน.ฉบับใหม่อาจพิสดารกว่าเดิม 'สดศรี'ห่วงพรรคจดทะเบียนใหม่ กกต.ทำไม่ทัน

"ปู"ทำโมจิ - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีนายกฯ ร่วมทำขนมโมจิไดฟูกุ ขนมขึ้นชื่อของ จ.นครสวรรค์ ที่ร้านโมจิจุฬา ระหว่างเดินทางไปทำบุญที่วัดนครสวรรค์หรือวัดหัวเมือง โดยมีประชาชนขอถ่ายรูปจำนวนมาก เมื่อวันที่ 22 กันายาน




ผบ.ทร.อำลา - พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. ร่วมพิธีสวนสนามทางเรือ ที่กองทัพเรือ จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ ผบ.ทร.ในโอกาสเกษียณอายุราชการ บนเรือหลวงจักรีนฤเบศรที่ลอยลำอยู่กลางอ่าวสัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 22 กันยายน

 

@ 'บิ๊กตู่'เผยอาการป่วยดีขึ้น 

      พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.15 น. 

    วันที่ 22 กันยายน ก่อนการประชุมนายศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (อีจีเอ) นำระบบศูนย์กลางข้อมูลและบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ ภายใต้ชื่อ "ช่องทางการเข้าถึงข้อมูลและบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐสำหรับประชาชน (Government Access Channels)" มาจัดสาธิตระบบการทำงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ ครม.ชมและทดลองใช้ที่บริเวณชั้น 1 ตึกบัญชาการ เพื่อเป็นศูนย์กลางการเข้าถึงข้อมูลและบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐของหน่วยงานต่างๆ ได้จากจุดเดียว

      โดย พล.อ.ประยุทธ์ตอบคำถามผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มถึงอาการป่วยว่า "อาการดีขึ้นแล้ว" 

@ หมอฉีดยาแก้ไข้ให้ถึงทำเนียบ

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า จากที่ พล.อ.ประยุทธ์มีอาการป่วยเป็นไข้หวัดและเจ็บคอ ต้องงดภารกิจหลายงาน ซึ่งก่อนเข้าประชุม ครม. แพทย์จากโรงพยาบาลพระมงกุฎฯเดินทางมาที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล มาตรวจอาการและทำการรักษาโดยการฉีดยาและให้ยากับนายกฯไปรับประทานเพื่อลดไข้และอาการเจ็บคอ รวมทั้งสั่งให้พักผ่อนมากขึ้น ตลอดทั้งวัน พล.อ.ประยุทธ์ยังคงมีอาการไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูก และมีอาการอ่อนเพลีย 

@ ฝาก'บิ๊กป้อม'รักษาการนายกฯ

พล.อ.ประยุทธ์แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ได้มอบหมายภารกิจหลายอย่าง โดยเฉพาะได้มอบหมาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการในช่วงเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 30 กันยายน-1 ตุลาคม สำหรับประเด็นการประชุม ครม.มีหลายเรื่อง 

"สิ่งที่ฝากไว้ในช่วงที่ไม่อยู่ก็ให้ดูแลติดตามในเรื่องของการสรรหา ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกในส่วนของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ซึ่งปัจจุบันมีหลายกลุ่มหลายฝ่ายเสนอรายชื่อเข้ามาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเอาใครหรือไม่เอาใคร หรือให้ใครมาเป็นประธาน กรธ. จะต้องพิจารณากันอีกครั้ง ตอนนี้ก็ต้องคุยกันก่อน ผมพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นจากทุกคน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

@ ยันขอเปิดชื่อ'กรธ.-สปท.'เอง 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนของ สปท.ก็เช่นกัน ซึ่งแนวทางที่เคยเรียนไปแล้วว่าให้เอาของที่เขาทำมาแล้วมาพิจารณาอีกครั้งและนำไปสู่การพิจารณาออกเป็นกฎหมายในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต้องสอดคล้องกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ที่ตนจะแต่งตั้งขึ้นมาในช่วงนี้เป็นการนำร่องให้เห็นว่าน่าจะเป็นอย่างไรในช่วงรัฐบาลนี้ ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ก็สุดแล้วแต่พวกเราทุกคนจะเป็นผู้กำหนดว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปในรัฐธรรมนูญ บางครั้งคนไทยต้องหัดคิดย้อนกลับไปกลับมา เพราะบางอย่างถ้าคิดจากต้นทางไปมันไปไม่ได้ทั้งหมด จะเจอแต่ทางตัน แต่ถ้าไปคิดปลายทางกลับมามันก็อาจจะไปได้ ดังนั้นจะต้องหาทางออก

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายนิรันดร์ พันทรกิจ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เสนอให้เปิดเผยรายชื่อ สปท. และ กรธ. ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมยูเอ็น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "อยากให้เปิดเผย แต่ผมไม่อยาก จะทำไม ผมเป็นคนกำหนด ถ้าตามใจคนมากก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง"

@ ไม่หนักใจเลือก'กรธ.-สปท.' 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวบุคคลที่จะเป็นประธาน กรธ. นอกจากนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ปรึกษา คสช. และนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ยังมีชื่อบุคคลอื่นอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ เห็นหนังสือพิมพ์เสนอมาทั้งนั้น เสนอมาสิ บอกแล้วยังไม่ได้ตัดสินใครทั้งสิ้น ปัญหาคือต้องคุยกันว่าจะเดินอย่างไร ถ้าเข้าใจตรงกันก็พอจะหาทางออกคุยกันได้ให้เป็นที่พึงพอใจของทุกฝ่าย เมื่อถามว่าบุคคลที่จะเป็นประธาน กรธ.ยึดหลักอะไรในการเลือก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยึดหลักการทำเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่มีตัวตน 

เมื่อถามว่าหนักใจต่อการสรรหา กรธ.และ สปท.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่หนักใจ จะหนักใจทำไม ให้ทุกคนที่อยู่ไปติดต่อพูดคุย มีความคิดเห็นอย่างไร จะไปหนักใจทำไม เพราะไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อคนไทย 70 ล้าน

@ เตือนการเมืองไม่ร่วมอย่าวิจารณ์

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีฝ่ายการเมืองสนใจเข้ามาให้ความร่วมมือหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนของ กรธ.ต้องเป็นนักกฎหมาย ซึ่งในส่วนของ สปท.มีฝ่ายการเมืองเสนอตัวเข้ามาร่วม แต่มีไม่กี่คน ไม่กี่พรรค เขาไม่เข้ามาก็ช่าง แล้วอย่ามาพูดทีหลังว่าไม่เห็นด้วย ประชาชนทั้งประเทศดูเอาแล้วกัน ว่าเขาอยู่ เขาวางตัวเองไว้ตรงไหน

"สิ่งที่ผ่านมาผมไม่อยากจะโทษ แต่ถ้าผมไม่โทษมันก็กลับมาโทษผมอยู่แบบนี้ วันนี้ที่เกิดเรื่องมันเกิดเพราะใคร ส่วนไหนทำ ถึงเป็นอย่างนี้อยู่ แล้ววันนี้ยังมาคัดค้านอยู่แบบนี้ ตัวเองคนที่ผิดยังไม่ยอมรับความผิดพลาดหรือรับผิดชอบอะไรสักอย่าง ผมว่าไม่ถูก ขณะเดียวกัน จะให้ผมสงบเงียบเรียบร้อย ปรองดองทุกอย่างมันไม่ใช่เวลาของผม" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่า ถามว่ารัฐธรรมนูญต่อให้เขียนวิเศษวิโส ถ้าไม่ปฏิบัติจะเกิดอะไรขึ้น กฎหมายทุกวันนี้มีกี่มาตรา ยังติดคุกกันเป็นแถวอยู่นี่ ฉะนั้น ไม่ได้อยู่ที่กฎหมาย ไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญอย่างเดียว ไม่ได้อยู่ที่กติกา เขาเรียกว่าคนในชาติจะต้องร่วมมือกันอย่างไร ผลประโยชน์ชาติอยู่ตรงไหน ถ้าคิดแบบนั้นก็ไม่ต้องมี ตนก็ไม่ต้องเข้ามา ที่มันยุ่งจริงๆ แล้วไม่ต้องเขียนใหม่ด้วยซ้ำ รัฐธรรมนูญที่ผ่านๆ ถ้ายึดถือก็ไม่ต้องแก้ ทะเลาะกันมาตลอดทุกฉบับ แล้วจะทะเลาะเรื่องรัฐธรรมนูญไปอีกสักกี่ฉบับ จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนผ่านไหมในช่วงนี้ จำเป็นจะต้องเตรียมการประชาธิปไตยที่เป็นสากลหรือไม่ คำว่าสากลต้องกลับมาดูว่าคนของประเทศพร้อมหรือยังที่จะเป็นสากลทุกอย่าง สิทธิ เสรีภาพ เอาสิ่งที่สบายรับมาหมด ที่ไม่สบายไม่เอา ไม่ชอบ แล้วจะเอาอะไร แล้วจะได้อะไรกลับมา ไม่ได้อะไรกลับมาหรอก คนในชาติทุกประเทศต้องมีระเบียบวินัยพอสมควร

@ วิษณุบอกอย่ามาวิ่งเป็นสปท.

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุม ครม.ถึงกระแสข่าวจะมีการพิจารณารายชื่อ กรธ.ในที่ประชุม ครม.ว่า ยังไม่พิจารณา คงไปเคาะกันที่อื่น ไม่ใช่ใน ครม. และไม่ได้หารือถึงรายชื่อทั้ง กรธ.และ สปท. แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางไปประชุมยูเอ็นในวันที่ 24-30 กันยายน ก็สามารถกลับมาพิจารณารายชื่อที่มอบให้แต่ละคนไปพิจารณาได้ 

ผู้สื่อข่ามถามว่า มีโอกาสได้คุยกับนายมีชัย กรณีมีชื่อเป็นแคนดิเดตประธาน กรธ.บ้างหรือยัง นายวิษณุกล่าวว่า ได้เจอ แต่ยังไม่ได้คุย ไม่ได้ทาบทาม ไม่ตอบอะไรทั้งนั้น ซึ่งนายกฯบอกว่าให้รวบรวมรายชื่อให้ได้ก่อนที่จะไปประชุมยูเอ็น เสร็จแล้วถ้าเห็นชอบใครให้ไปติดต่อทาบทาม เพราะบางคนต้องใช้เวลาคิดหรือต้องไปลาออกจากตำแหน่งเดิม เพราะเมื่อเข้ามาเป็น กรธ.ไม่สามารถไปทำอะไรได้อีก 2 ปี จึงต้องพูดให้เข้าใจ

"การเลือกคนไม่ใช่เรื่องยาก แต่อยู่ที่เจ้าตัวจะยอมรับหรือไม่ เมื่อนายกรัฐมนตรีกลับมาในวันที่ 2 ตุลาคม ค่อยนำรายชื่อมาคุยกัน ส่วนรายชื่อ สปท. 200 คน ไม่ทราบเพราะไม่ได้ยุ่งอะไรกับเรื่องนี้ กรุณารับทราบว่าอย่ามาวิ่งกับผมในเรื่องนี้" นายวิษณุกล่าว

@ ยันสูตร'อ๋อย'เป็นไปไม่ได้ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเห็นอย่างไรที่มีเสียงวิจารณ์ว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ร่างขึ้นมาเพื่อขจัดพรรคการเมืองใหญ่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่การขจัด ตนไม่ได้พูดในความหมายที่เปิดช่องและรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่มีสื่อมาถามกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย แสดงความคิดเห็นว่าระยะเวลา 20 เดือนถือว่านานไป และเสนอสูตร 3-3-3-2 เท่ากับ 11 เดือน จึงแสดงความคิดเห็นว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเหลือ 11 เดือน การเขียน 20 เดือนถือเป็นกำหนดสูงสุด ถ้ายาวไปก็สามารถลดลงได้ 

"ซึ่งนายจาตุรนต์อาจจะไม่ทราบที่มาของตัวเลข 6-4-6-4 ที่ไม่ใช่การกำหนดไว้ให้ยาว หากไปกำหนดแบบนายจาตุรนต์ โดยเฉพาะ 2 เดือนสุดท้ายจากสูตรนายจาตุรนต์คืออะไร ถ้าหมายถึงว่าให้กฎหมายลูกออกมาแล้วจึงไปหาเสียง ถามว่าจะเป็นไปได้อย่างไร ต้องออกกฎหมายลูกถึง 6 ฉบับ และยกตัวอย่างขึ้นมา 1 ฉบับในนั้น คือกฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อประกาศใช้แล้วไม่รู้ว่าหน้าตาจะว่าอย่างไร เช่น กฎหมายพรรคการเมืองอาจจะเขียนอะไรที่พิสดารขึ้นมา ที่พูดอย่างนี้เพราะผมก็เห็นว่าพิสดารได้สารพัด" นายวิษณุกล่าว และว่า เมื่อเป็นกฎหมายพรรคการเมืองใหม่ กฎหมายเก่าต้องยกเลิก แล้วต้องตั้งพรรคการเมืองใหม่ แล้วพรรคที่ตั้งอยู่เก่าจะทำอย่างไร จะต้องจดทะเบียนหรือต้องหาสมาชิกใหม่หรือไม่ ก็ไม่ทราบ ดังนั้นถ้าใช้เวลา 2 เดือนในการเลือกตั้ง จะทำให้พรรคเก่าได้เปรียบ พรรคใหม่จะเสียเปรียบ เพราะพรรคเก่าเดินหน้านับหนึ่งได้เลย สมมุติถ้าเกิดพิสดาร ไปเขียนให้พรรคเก่าได้รับผลกระทบก็จะวุ่น ระยะเวลา 2 เดือนจะทำไม่ทัน นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องกำหนดไว้ที่ 4 เดือน ไม่ได้ชี้ช่องอะไรทั้งนั้น ไม่รู้ว่าจะเขียนไว้ว่าอย่างไร ถ้าไม่พิสดารก็แล้วไป ถ้ายังไม่เข้าใจคงต้องออกโทรทัศน์เพื่อชี้แจง 

@ ชี้รธน.ใหม่อาจยิ่งกว่าพิสดาร

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคการเมืองระบุต้องการที่จะให้ยุบเพื่อเริ่มนับหนึ่งใหม่ นายวิษณุกล่าวว่า "คนอื่นอยาก แต่ผมไม่ได้เป็นคนบอกอย่างนั้น ไม่ได้โยนหินถามทาง ขอย้ำว่าระยะเวลา 2 เดือนเป็นไปไม่ได้ ให้ช่วยกันคิดโดยสติปัญญา เอาฝ่าเท้ายกขึ้นมานวดซักทีแล้วตรองดูหน่อยว่า 2 เดือนทำได้ทันจริงหรือ รัฐธรรมนูญให้ร่างภายใน 6 เดือน ถ้ายาวไปก็ย่นเวลาลงมาได้ จะมาบอกว่า 2 หรือ 3 เดือนก็ทำได้ จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะเมื่อร่าง ต้องไปถามความเห็นคนด้วย แม้จะยกฉบับ 2540, 2550 หรือ 2558 ขึ้นมาพิจารณาก็ต้องนำมาปรับปรุง ถ้าไม่ปรับปรุงก็คงจะผ่านความเห็นชอบไปแล้ว" 

นายวิษณุกล่าวว่า "เคยตอบไปแล้วว่าถ้านำรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ขึ้นมาพิจารณา ไม่ต้องไปแก้อะไรมาก มีคนมาถามว่าแล้วเหตุใด พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ยึดอำนาจทำไม เมื่อจะเอาปี 2550 ขึ้นมาพิจารณา ก็ถามว่าแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจทำไม พอจะหยิบ 2558 ขึ้นมา เพราะไม่ต้องแก้อะไรมาก ก็มีคำถามมาอีกว่า แล้วไปล้มฉบับดังกล่าวทำไม ฉะนั้นแต่ละฉบับต้องมีการปรับปรุง เมื่อปรับปรุงก็ต้องใช้เวลา ซึ่ง กรธ.ที่จะเข้ามาร่างต้องคำนึงถึงกรอบระยะเวลาด้วย เพราะมีกำหนดเอาไว้ชัดเจน 180 วัน" 

เมื่อถามว่า แสดงว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่พิสดารใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า "อาจจะ ผมไม่รู้ เพราะไม่ได้เป็นคนทำ อาจจะยิ่งกว่าพิสดาร จะได้เป็นข่าวต่อไปอีก 7 วัน หินก้อนแรกโยนไปมันเล็กไป เอาก้อนใหญ่โยนไปดีกว่า"

@ 'บิ๊กป้อม'รับมีรายชื่อกรธ.แล้ว 

พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีการคัดเลือก กรธ. 21 คน ว่ามีรายชื่อแล้ว ชัดเจนหมด แต่ไม่รู้ใครได้บ้างไม่ได้บ้าง จำไม่ได้ว่าใครบ้าง เพราะมีหลายคน 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีใครปฏิเสธที่จะเข้าร่วมบ้างหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ไม่มี ไม่ได้ยินเสียงใครปฏิเสธเลย แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าทาบทามหรือไม่ทาบทาม ยังไม่ได้ทาบทามใครเลย รู้แค่คนไหนเก่งไม่เก่งอย่างไร แต่ยังไม่ได้ทาบทามใครเลย" เมื่อถามว่า นายกฯบอกว่าจะให้หลายฝ่ายไปทาบทาม ในส่วนของ พล.อ.ประวิตรจะไปทาบทามใครหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่รู้ จำไม่ได้ ใจเย็นๆ น่า ไม่ต้องห่วง คสช.และ ครม.ต้องทำตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว

@ เตือน'แม้ว'อย่าสร้างขัดแย้ง

พล.อ.ประวิตรกล่าวกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางพักผ่อนที่ฮ่องกงว่า คงไม่ประเมินอะไร เขามาจะทำอย่างไรได้ ก็เขาจะมา เมื่อถามว่าประเมินว่าการเดินทางมาครั้งนี้มีนัยยะอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "คิดว่าไม่อยากให้มีอะไรนะ บอกไปหลายครั้งแล้วว่าท่านจะทำอะไรก็ได้ แต่อย่าสร้างความขัดแย้งภายในประเทศ เพราะไม่มีประโยชน์หรอก ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ต้องช่วยกันทุกฝ่าย อีกไม่นานเท่าไหร่หรอก เมื่อมีรัฐธรรมนูญเดี๋ยวก็มีการเลือกตั้งแล้ว"

ผู้สื่อข่าวถามถึงการติดตามกลุ่มการเมืองที่จะเดินทางไปพบนายทักษิณที่ฮ่องกง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ทราบสิ ไม่ต้องห่วงหรอก อย่าไปห่วงมาก ทำไมถึงห่วงจังเลย

@ ส่งชื่อให้บิ๊กตู่เลือก'กรธ.-สปท.'

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า การแต่งตั้ง กรธ.และ สปท.มีการเสนอชื่อบุคคลต่างๆ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีและทีมที่ปรึกษา คสช.พิจารณาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่ใช่เวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจ เนื่องจากต้องหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องโดยรอบก่อน เพราะตำแหน่งเหล่านี้มีความสำคัญต่อประเทศ อีกทั้งตำแหน่งเหล่านี้จะเข้ามาช่วยอธิบายระยะเวลาการดำเนินการต่างๆ ตามโรดแมปด้วย อย่างไรก็ตาม หาก พล.อ.ประยุทธ์มั่นใจในการพิจารณารายชื่อต่างๆ แล้ว ก็จะแต่งตั้งหลังกลับมาจากการประชุมยูเอ็น

@ 'สนช.'โยน'บิ๊กตู่'เลือกนั่ง'กรธ.'

ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการเข้าประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือวิป สนช. ถึงการคัดเลือก สนช.ไปร่วมเป็น กรธ.ว่า เป็นอำนาจของหัวหน้า คสช.เท่านั้น ไม่มีโควต้าของ สนช.จำนวน 3 ที่นั่งตามที่มีกระแสข่าว อีกทั้งไม่มีกฎหมายใดระบุให้ สนช.ต้องเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมด้วย 

นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกวิป สนช. แถลงผลการประชุมว่า ในที่ประชุม นายพรเพชรแจ้งว่าจะส่งสมาชิก สนช.ร่วมเป็น กรธ.ไม่มีในวาระประชุมของ สนช. ดังนั้น วิป สนช.จึงไม่ได้นำเรื่องดังกล่าวมาหารือ เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2557 ไม่ได้ระบุว่า สนช.ต้องส่งรายชื่อให้รัฐบาลหรือ คสช.พิจารณา จึงอยู่ที่นายกฯและหัวหน้า คสช.คนเดียวจะพิจารณาเมื่อใด ดังนั้นจึงไม่ส่ง สนช.ไปร่วมเป็น กรธ.อย่างเป็นทางการ

@ สดศรีห่วงจดทะเบียนพรรคไม่ทัน 

นางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติกล่าวถึงขั้นตอนการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 ว่าผู้ที่จะจัดตั้งได้ต้องมีสมาชิกไม่ต่ำกว่า 15 คน จากนั้นดำเนินการตามที่ กกต.กำหนด โดยต้องระบุว่าใครเป็นกรรมการบริหารพรรค ดังนั้น ระยะเวลาการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่จะประมาณ 2 เดือน เสนอเอกสารให้ กกต.เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง นอกจากนี้พรรคการเมืองต้องหาสมาชิกให้ได้ 5,000 คน ในระยะเวลา 1 ปี และมีสาขาพรรค

อย่างน้อยภาคละ 1 สาขา ทั้งนี้ การหาสมาชิกพรรคการเมือง 5,000 คนในระยะเวลา 1 ปี เป็นเรื่องง่าย "แต่หากเป็น พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองฉบับใหม่ ไม่แน่ใจว่าจะต้องหาสมาชิก 5,000 คน ภายในระยะเวลาเท่าไหร่ จะต้องก่อนวันเลือกตั้งหรือไม่ จะพิสดารยิ่งขึ้นเพราะต้องเร่งหาก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง คาดว่าคงไม่ทัน เนื่องจากเป็นเรื่องยุ่งยากมากเพราะ กกต.ก็ต้องดำเนินการให้เร็วที่สุดด้วย" นางสดศรีกล่าว และว่า ยังไม่เห็นว่าจะกำหนดว่าการสมัครรับเลือกตั้งจะต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนานเท่าไหร่ ไม่ต่ำกว่าเท่าไหร่ โดยของเดิมคือไม่ต่ำกว่า 90 วันถึงจะรับเลือกตั้งได้ หากเอาของใหม่หมดไม่ทราบระยะเวลาว่าจะร่นขึ้นหรือไหลได้ หากจะรีบให้เลือกตั้งก็ต้องย่นให้สั้นลง ดังนั้นจะมีปัญหาว่าจะทำทันหรือไม่

@ เตือนล้างไพ่พรรคใหม่ยุ่งแน่ 

นางสดศรีกล่าวว่า การออก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ... ระยะเวลาเป็นเรื่องสำคัญ ต้องดูว่าจะทำทันหรือไม่ หากใช้พรรคเดิมเข้าใจ พรรคใหญ่จะได้เปรียบเพราะมีสมาชิกและสาขาอยู่แล้ว แต่หากให้ทุกพรรคจดทะเบียนใหม่หมดก็ต้องดูที่ กกต.ด้วยว่า ทำงานทันหรือไม่ก่อนเลือกตั้ง 3 เดือน เพราะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบสมาชิกพรรค เนื่องจากต้องเป็นสมาชิกพรรคพรรคเดียวเท่านั้น ซ้ำซ้อนไม่ได้ 

"เรื่องที่จะต้องจดทะเบียนจัดตั้งพรรคใหม่ เชื่อว่าทุกพรรคไม่น่าเห็นชอบทั้งหมด เพราะไม่น่าจะมีใครอยากเริ่มทำงานใหม่ และต้องสอบถามสมาชิกว่าอยากอยู่พรรคเดิมหรือไม่ โดยเฉพาะพรรคใหญ่สมาชิกอาจจะแตกซ่านกระเซ็นก็ได้ การเริ่มต้นล้างไพ่ใหม่เป็นปัญหายุ่งยากไม่ว่าจะพรรคเล็กหรือพรรคใหญ่ และพรรคใหญ่คงไม่อยากให้เริ่มต้นใหม่คงยากให้เหมือนเดิม" นางสดศรีกล่าว

@ ประพันธ์ห่วงยืดเป็น23เดือน

นายประพันธ์ นัยโกวิท อดีต กกต. กล่าวถึงข้อเสนอของนายวิษณุที่ให้เริ่มต้นการจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ว่า ประการแรกถ้ามี พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองใหม่ออกมา แล้วให้พรรคการเมืองเดิมสิ้นสภาพและไปจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ ถ้าเป็นแบบนี้จะมีปัญหาว่าต้องใช้เวลาในการจดทะเบียนกับนายทะเบียนพรรคการเมือง ทั้งนี้ การจดทะเบียนพรรคการเมืองนั้นจะมีขั้นตอนในการตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆ เมื่อตรวจสอบประวัติเสร็จแล้วเห็นว่าเป็นพรรคการเมืองที่สามารถจดทะเบียนได้ จากนั้นนายทะเบียนพรรคการเมืองต้องเรียกประชุม กกต.ทั้งชุด เพื่อให้มีมติจดทะเบียน พอจดทะเบียนเสร็จใช่ว่าจะมีสภาพเป็นพรรคการเมือง เพราะว่าจะต้องส่งไปให้มีการประกาศเป็นราชกิจจานุเบกษาอีก 

"สรุปขั้นตอนการจดทะเบียนพรรคการเมืองจะใช้ขั้นตอนประมาณ 3 เดือน เพราะฉะนั้นถ้าจะดำเนินการตามนี้จะส่งผลให้โรดแมป 6-4-6-4 ยืดออกไปจาก 20 เดือน กลายเป็น 23 เดือน" นายประพันธ์กล่าว 

@ พิเชษฐซัดกม.พิสดารเผด็จการ

นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีที่นายวิษณุระบุถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะออกมา อาจจะมีความพิสดารจนต้องกระทบถึงพรรคการเมืองใหม่อย่างคาดไม่ถึง ตอนหนึ่งระบุว่า คำว่า "พิสดาร" ถูกนำไปตีความต่างๆ จนเป็นประเด็นข่าวตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แท้จริงคำว่า "พิสดาร" ตามความหมายของพจนานุกรมไทย มีความหมายว่า "แปลก พิลึก วิตถาร" เป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป แต่อีกความหมายหนึ่งที่มักใช้กันในทางกฎหมายที่แปลว่า "กว้างขวาง ละเอียดลออ ลึกซึ้ง" ดูเหมือนยังไม่ค่อยคุ้นเคยกันนัก คำนี้มักใช้เรียกชื่อวิชากฎหมายที่เรียนกันในชั้นปริญญาโทเพื่อให้ต่างจากชั้นปริญญาตรี เช่น กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาพิสดาร กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งพิสดาร กฎหมายลักษณะพยานพิสดาร เป็นต้น ซึ่งแปลว่าฉบับลึกซึ้ง กว้างขวาง ละเอียดอย่างพิสดาร

"ด้วยความที่เป็นนักกฎหมายใหญ่เลยใช้คำว่าพิสดารมาออกสื่อ ในความหมายว่ารัฐธรรมนูญใหม่อาจออกมาอย่างละเอียด กว้างขวาง จนมีผลเปลี่ยนแปลงถึงพรรคการเมืองด้วย ตามวิสัยนักร่างรัฐธรรมนูญจอมพิสดารทั้งหลาย ซึ่งมักนิยมประชาธิปไตยแบบพิสดาร คือชื่นชมเผด็จการ รังเกียจการเลือกตั้ง และรอโอกาสส้มหล่นเข้าสภาโดยการลากตั้ง" นายพิเชษฐระบุ

@ พท.ย้อน'มาร์ค'อย่าทำลืม

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมากล่าวหาโครงการประชานิยมว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคมว่า ขอจุดธูปเทียนเรียกความจำของนายอภิสิทธิ์ให้รีบกลับเข้าร่างโดยเร็ว เพราะในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ล้วนทำประชานิยมทั้งสิ้น อีกทั้งเป็นการใช้เงินงบประมาณอย่างฟุ่มเฟือยและอาจไม่เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนนัก นอกจากการหว่านเงินแบบเหวี่ยงแห หรือที่เรียกว่าเฮลิคอปเตอร์มันนี่ ใช่หรือไม่ เช่น โครงการเช็คช่วยชาติ แจกดื้อๆ 2,000 บาท แจกตู้น้ำดื่ม เสาธงโรงเรียน ร้องเพลงชาติ การประกันราคาสินค้าเกษตร ฯลฯ ที่ความเป็นจริงนั้นก็ปรากฏอยู่แล้วว่าเป็นโครงการที่รัฐบาลขาดทุนเป็นแสนๆ ล้าน และมุ่งเน้นเรียกคะแนนเสียงในระยะสั้นเพียงเท่านั้น

"นายอภิสิทธิ์ไม่น่าออกมาแขวะโครงการรับจำนำข้าวและโครงการรถยนต์คันแรก เพราะทั้ง 2 โครงการเป็นโครงการที่ให้โอกาสกับประชาชนที่มีรายได้น้อย ถ้ารัฐบาลทำโครงการแบบนี้แล้วทำกำไรกับชาวไร่ชาวนาได้นี่สิเรื่องแปลก นายอภิสิทธิ์อาจไม่เข้าใจอารมณ์คนนั่งรถเมล์ร้อน นั่ง บขส.กลับบ้านต่างจังหวัด แต่ที่สำคัญจะเป็นการสร้างเงินหมุนเวียนเข้าไปในระบบสุดท้ายปลายทาง รัฐบาลก็จะมีภาษีกลับเข้ามาคงคลังเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของรัฐบาลประชาธิปไตยทั่วโลกที่ต้องดูแลประชาชนและสร้างการหมุนเวียนการเงินในระบบเศรษฐกิจของประเทศ เรื่องอย่างนี้เชื่อว่าหากพรรคการเมืองที่เห็นใจคนจนคงจะเข้าใจจะประชานิยมหรือประชารัฐ ก็ดีทั้งสิ้นเพราะทำเพื่อประชาชนและชาติ" นายจิรายุกล่าว

@ ทนายชี้ปมศาลปรับลายจุด500

นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงกรณีการพิจารณาคดีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ที่ศาลแขวงดุสิต สั่งปรับ 500 บาท ฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน แต่ไม่ผิดข้อหาไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง คสช.ว่า เหตุที่คดีนี้ขึ้นศาลยุติธรรม ไม่ใช่ศาลทหาร เพราะเกิดก่อนวันที่ 25 พฤษภาคม 2557 มีประกาศ คสช. ฉบับที่ 37 เรื่องความผิดที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร บอกว่านับแต่ที่ประกาศนี้ประกาศใช้ให้คดีฝ่าฝืนคำสั่ง คดีมาตรา 112 คดีเกี่ยวกับความมั่นคงไปขึ้นศาลทหาร แต่คดี บก.ลายจุดมีคำสั่งออกมาในวันที่ 23 พฤษภาคม 2557

"เหตุที่ปรับ 500 บาท เพราะการกระทำเดียวสามารถผิดกฎหมายได้หลายอย่าง แต่กรณีนี้ คสช.ออกประกาศย้อนหลังให้มีโทษทางอาญา เลยลงโทษเขาไม่ได้ แต่กฎหมายทั่วไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368 เรื่องการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานก็มีโทษอยู่ เป็นลหุโทษ โทษเล็กน้อย เหมือนตำรวจโบกรถแล้วไม่จอด ปรับ 500 บาท ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน" นายอานนท์กล่าว และว่า ตามประกาศเรียกรายงานตัวของ คสช.ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่มา ต้องดูประกาศของ บก.ลายจุด คำสั่งที่โดนเรียกฉบับที่ 3/2557 หลักอาญานอกจากไม่ย้อนหลังแล้ว ยังไม่สามารถใช้เฉพาะบุคคล คือต้องใช้เป็นการทั่วไป ทีนี้คนที่ประกาศเรียกก็ถือว่าเป็นเฉพาะบุคคล อันนี้อาจจะได้รับแนวบรรทัดฐานจากคดีนี้ อย่างเช่นคดีของนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ คดีนายจาตุรนต์ ฉายแสง แม้อยู่หลังประกาศ คสช.ที่ให้ขึ้นศาลทหาร แต่ประกาศที่ให้มีโทษจำคุก 2 ปี หากไม่มารายงานตัวนั้นจะถือว่าเป็นกรณีที่ใช้เฉพาะบุคคลหรือเปล่า ตามบรรทัดฐานคดีของคุณสมบัติคือใช้เฉพาะบุคคล เพราะระบุชื่อไว้แล้วตามประกาศต่างๆ อาจจะไม่สามารถบังคับใช้ได้ อยู่ที่การตีความของศาลทหาร

นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ตอบคำถามถึงกรณีบุคคลที่โดนข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งของ คสช.ในประกาศฉบับแรกๆ เหมือนนายสมบัติ จะต้องใช้กฎหมายฉบับเดียวกับการตัดสินกรณีนายสมบัติหรือไม่ ว่าคดีของบุคคลนั้นๆ เมื่อเข้าสู่ชั้นพิจารณาคดี ก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาลในการตัดสินพิพากษาในแต่ละกรณี

@ 'บิ๊กตั้ม'อำลาเก้าอี้'ผบ.ทร.'

ที่กลางอ่าวสัตหีบ จ.ชลบุรี พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานพิธีสวนสนามทางเรือโดยกองเรือยุทธการ กองทัพเรือจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ ผบ.ทร. เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ โดยจัดเรือหลวงจักรีนฤเบศรเป็นเรือรับรอง พร้อมให้เรือหลวงปิ่นเกล้าเป็นเรือยิงสลุต 19 นัด จากนั้นอากาศยานได้นำธงราชนาวี พร้อมด้วยธงประจำตำแหน่ง ผบ.ทร.แล่นผ่าน สำหรับเรือที่เข้าร่วมในพิธี ประกอบด้วย เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงกระบุรี เรือหลวงรัตนโกสินทร์ เรือหลวงสุโขทัย เรือหลวงคีรีรัฐ เรือหลวงตาปี เรือหลวงปัตตานี เรือหลวงกระบี่ และเรือหลวงศรีราชา นอกจากนี้ยังมีอากาศยานที่จัดเข้าร่วม ประกอบด้วย เครื่องบินตรวจการณ์แบบดอร์เนีย เครื่องบินปราบเรือดำน้ำแบบ เอฟ-27 เอ็มเค200 เครื่องบินแบบ พี-3ที 

พล.ร.อ.ไกรสรให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำประโยชน์แก่ประเทศชาติ ขอขอบคุณที่กองทัพเรือได้จัดพิธีอย่างสง่างามบนเรือหลวงจักรีนฤเบศร ตนคิดว่าได้ทำหน้าที่ ผบ.ทร.ได้สมบูรณ์ ถึงแม้จะเกษียณอายุราชการแต่ระบบก็ยังเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้ไม่ห่วงการสานต่องานของ ผบ.ทร.คนใหม่ เพราะมีแผนงานรองรับไว้อยู่แล้ว

เมื่อถามถึงบทบาทหลังเกษียณอายุราชการ พล.ร.อ.ไกรสรกล่าวว่า ยังคงทำหน้าที่ใน คสช.และ สนช. ซึ่งขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์จะมอบหมายให้เข้ามาช่วยงานอะไรเป็นพิเศษหรือไม่

 

วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9065 ข่าวสดรายวัน


'เอก'ฉลุย ปลัดสปน.-โยก'กนกทิพย์' 
พ้นจากสมช.-นั่งเก้าอี้ซี 11 ป้อมชี้ 21 กรธ.ได้ชื่อครบ มีชัยกั๊กนั่งเก้าอี้ประธาน 'วิษณุ'สวนแรงสูตร'อ๋อย'

     'บิ๊กตู่'ใช้อำนาจม.44 ย้าย'กนกทิพย์' พ้นรองเลขาฯสมช.ไปเป็นผู้ทรงคุณวุฒิสำนักนายกฯ ครม.โยกพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ จากรองผบ.ตร. นั่งปลัดสำนักนายกฯ 'ประวิตร'เผยได้ชื่อกรธ. เข้ารอบครบ 21 คนแล้ว รอทาบทามเป็นทางการ'มีชัย'งงข่าวนั่งประธานร่างรธน. แต่ยังกั๊กไม่ตอบว่าจะรับหรือไม่รับ วิปสนช.มีมติไม่ส่งตัวแทน แต่ไม่ห้ามสมาชิกเข้าร่วม 'วิษณุ'ฉะโรดแม็ป 11 เดือนของ'จาตุรนต์' บอกให้ไปนวดฝ่าเท้าแล้วตรองดู ว่าทำได้หรือไม่ กรรมการสรรหาเคาะชื่อ 'เตือนใจ-ชาติชาย'2 ว่าที่กสม.

บิ๊กตู่ไปสหรัฐ-ต่อเครื่องญี่ปุ่น

      เวลา 09.30 น. วันที่ 22 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ครม.) เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงอาการไข้หวัด นายกฯ กล่าวว่า "อาการดีขึ้นแล้ว"

      รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเผยว่า จากที่ พล.อ.ประยุทธ์ ป่วยเป็นไข้หวัดและเจ็บคอจนต้องงดภารกิจหลายอย่างตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 ก.ย. นั้น ก่อนเข้าประชุมครม.วันนี้แพทย์จากโรงพยาบาลพระมงกุฎฯมาตรวจอาการถึงบนตึกไทยคู่ฟ้า ได้ฉีดยาและให้ยานายกฯไปรับประทานเพื่อลดไข้และอาการเจ็บคอ รวมทั้งสั่งให้พักผ่อนมากขึ้น ซึ่งตลอดทั้งวัน พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงมีอาการไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูกและมีอาการอ่อนเพลียจนเห็นได้ชัด

      ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับภารกิจของนายกฯในวันที่ 23 ก.ย. จะปฏิบัติภารกิจอยู่ในทำเนียบ และมอบหมายงานต่างๆ ให้รอง นายกฯทำแทน และเวลา 23.50 น. นายกฯและภริยาพร้อมคณะจะเดินทางไปยังท่าอากาศ ยานสุวรรณภูมิ เที่ยวบิน ทีจี 642 ไปยังประเทศญี่ปุ่น และเดินทางต่อด้วยสายการบินออลนิปปอนแอร์เวย์ เที่ยวบิน เอ็นเอช 10 เพื่อเดินทางต่อไปยังท่าอากาศยานจอห์น เอฟ. เคนเนดี และเข้าพักที่โรงแรม One UN New York ก่อนเข้าร่วมประชุมสหประชาชาติระดับผู้นำเพื่อรับรองวาระการพัฒนาภายหลังปี ค.ศ.2015 และการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 70

ฝากงานสรรหา'กรธ.-สปท.'

     จากนั้นเวลา 13.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ แถลงหลังประชุมว่า ตนมอบให้พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รักษาการช่วงที่ตนไปร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ที่สหรัฐอเมริกา วันที่ 24 ก.ย.-1 ต.ค.นี้ สิ่งที่ฝากไว้ช่วงที่ไม่อยู่ให้ดูแลติดตามเรื่องการสรรหาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ซึ่งมีหลายกลุ่มเสนอรายชื่อเข้ามาแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเอาใครหรือไม่เอาใคร หรือให้ใครเป็นประธานกรธ. ต้องพิจารณากันอีกครั้ง ตนพร้อมรับฟังความเห็นจากทุกคน รายชื่อต่างๆ ที่ผ่านสื่อก็รับพิจารณาทั้งหมดและคงหารือกันอีกครั้งในระดับ ครม.-คสช. เพราะทุกคนมีความตั้งใจ อยู่แล้ว

      นายกฯ กล่าวว่า สิ่งสำคัญขอฝากไว้ประเด็น เดียวคือ เราต้องมองจุดมุ่งหมายสุดท้ายว่าต้องการอะไร อย่ามองแค่รัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน การขับเคลื่อนก็เช่นกันแนวทางตนคือเอาของที่เขาทำมาแล้วมาพิจารณาอีกครั้งและออกเป็นกฎหมายในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งต้องสอดคล้องกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ที่จะตั้งขึ้นในช่วงนี้ เป็นการนำร่องให้เห็นว่ามันจะเป็นอย่างไรในช่วงรัฐบาลนี้ และพวกเราทุกคนจะเป็นผู้กำหนดในรัฐธรรมนูญ บางครั้งคนไทยต้องหัดคิดย้อนกลับไปมา บางอย่างถ้าคิดจากต้นทางไปมันก็ไปไม่ได้ทั้งหมด มันจะเจอทางตัน แต่ถ้าไปคิดปลายทางกลับมามันก็อาจไปได้ ดังนั้น เราต้องหาทางออก

รับไม่มีใครอยากเข้ามา

       เมื่อถามว่านายนิรันดร์ พันทรกิจ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เสนอให้นายกฯ เปิดเผยรายชื่อสปท.และกรธ. ก่อนไปสหรัฐ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เขาอยากให้เปิดเผยแต่ตนไม่อยาก ตนเป็นคนกำหนด ถ้าตามใจคนมากก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง

      เมื่อถามว่านอกจากนายมีชัย ฤชุพันธุ์ และนายอานันท์ ปันยารชุน ยังมีชื่อบุคคลอื่นเป็นประธานกรธ.อีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้ เห็นหนังสือพิมพ์เสนอมาทั้งนั้น บอกแล้วยังไม่ได้ตัดสินใครทั้งสิ้น ปัญหาคือเราต้องคุยกันว่าจะเดินอย่างไร ถ้าเข้าใจตรงกันก็พอจะหาทางออก คุยกันได้ให้เป็นที่พอใจของทุกฝ่าย คนที่จะเป็นประธานกรธ.นั้นตนยึดหลักการทำเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่มีตัวตน เมื่อถามว่ามีคุณสมบัติอื่นมากกว่านี้อีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี แค่นี้ก็ทำไม่ไหวแล้ว เพื่อชาติบ้านเมือง ชาติคือประชาชนทั้งประเทศ 70 ล้านคน

เมื่อถามว่ามีการเสนอรายชื่อบุคคลให้เลือกทั้งกรธ.และสปท.มากแค่ไหน นายกฯ กล่าวว่า ไม่เยอะมีอยู่ 20-30 คน ดูแล้วคงไม่มีใครอยากมา เขาไม่อยากมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง ฉะนั้นข้างนอกต้องไม่ขัดแย้ง ไม่กดดัน การร่างรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของกรธ. จะเห็นชอบหรือไม่ก็ว่ากันไปแต่อย่าไปกดดัน ตนยังไม่อยากกดดันเขาเลย ให้มีอิสระในการทำงาน เอาจุดมุ่งหมายประเทศชาติเป็นหลักมันถึงจะได้คนดีมาทำงาน ไม่อย่างนั้นใครเข้ามาก็หาว่ารับใช้คสช. ไม่เข้ามาก็หาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ สรุปไม่มีใครอยากทำอะไรเพราะโดนก่อน แต่ไม่ได้หนักใจต่อการสรรหา กรธ.และสปท.เพราะให้ทุกคนที่อยู่ไปติดต่อพูดคุย จะหนักใจทำไมเพราะไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแต่ทำเพื่อคนไทย 70 ล้านคน

หั่นโควตาทหารนั่งสปท.ได้

เมื่อถามว่าฝ่ายการเมืองสนใจให้ความร่วมมือหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า กรธ.ต้องเป็น นักกฎหมาย ส่วนสปท.ก็มีฝ่ายการเมืองเสนอตัวมาร่วม แต่มีไม่กี่คน ไม่กี่พรรค เขาไม่เข้ามาก็ช่าง แล้วอย่ามาพูดทีหลังว่าไม่เห็นด้วย ประชาชนทั้งประเทศดูเอาแล้วกัน สิ่งที่ผ่านมาตนไม่อยากโทษ แต่ถ้าไม่โทษมันก็กลับมาโทษตนอยู่แบบนี้ วันนี้ที่มันเกิดเรื่องเพราะใคร ส่วนไหนทำแล้ววันนี้ยังมาคัดค้านอยู่แบบนี้ คนที่ผิดก็ยังไม่ยอมรับความผิดพลาดหรือรับผิดชอบ ซึ่งมันไม่ถูก ขณะเดียวกันจะให้ตนสงบเงียบเรียบร้อยปรองดองทุกอย่าง มันไม่ใช่เวลาของตน

เมื่อถามถึงสัดส่วนทหารที่จะเป็นสปท. นายกฯ กล่าวว่า เขาตั้งไว้เฉยๆ ก็เกลี่ยเอา แค่เดินลงบันไดตนก็เปลี่ยนสัดส่วนได้แล้ว 50 เหลือ 15, 20 หรือ 25 ตนตัดสินใจเองภายหลัง เขาเสนอมา 150 ตนก็ตัดเหลือ 50 ถ้าสัดส่วนมันน้อยก็ลดลง อย่าไปสนใจ ควรสนใจว่าจะทำงานแบบไหน ปฏิรูปกันอย่างไร แต่กลับไปสนใจว่ามีกี่คน จะออกแบบไหน เลือกตั้งเมื่อไรอยู่แค่นี้ ปัญหาโลกแตกเหมือนไก่เกิดก่อนไข่ ไข่เกิดก่อนไก่ มันไปไม่ถึงการขยายพันธุ์ไก่ ประเทศเขาไปไหนแล้วนี่กลับมาที่เก่า

นายกฯ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญต่อให้เขียน วิเศษวิโสถ้าไม่ปฏิบัติจะเกิดอะไรขึ้น กฎหมายทุกวันนี้มีกี่มาตรา ยังติดคุกกันเป็นแถว ฉะนั้นไม่ได้อยู่ที่กฎหมาย ไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญอย่างเดียว ไม่ได้อยู่ที่กติกา ถ้าคนในชาติร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์ชาติตนก็ไม่ต้องเข้ามา วันนี้ที่มันยุ่งจริงๆ แล้วไม่ต้องเขียนใหม่ด้วยซ้ำ รัฐธรรมนูญที่ผ่านมาถ้ามันยึดถือก็ไม่ต้องแก้ แต่ไม่ยึดถือทะเลาะกันทุกฉบับ

"เอก"ปลัดสปน.-หมุนเวียนปกติ

เมื่อถามว่านายกฯกำลังขับเคลื่อนประเทศแต่มีกลุ่มคนไปรวมตัวกันที่ฮ่องกงคอยทำลายสมาธิ จะทำอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ได้ให้ความสำคัญมากขนาดนั้น ถือว่ากำลังทำหน้าที่อยู่ ใครจะว่าอะไรก็ว่าไป เคารพกติกากันบ้าง เวลาเขาอยู่ในหน้าที่ตนไม่เคยไปยุ่งเกี่ยว และวันนี้ตนก็ทำงานของตน ประชาชนดูแล้วกันเขาทำถูกหรือทำผิด ถ้าสิ่งที่เขาทำกลายเป็นว่าถูกมากกว่าสิ่งที่ตนทำ อย่างนี้ก็โอเค โลกตาลปัตรแล้ว แต่ตนไม่ได้หมายความว่าเขาทำถูกหรือผิดทั้งหมด ที่ผิดก็เยอะ ถูกก็คงมีอยู่บ้าง แต่ให้กฎหมายเป็นผู้ตัดสิน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการแต่งตั้งพล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. เป็นปลัดสำนักนายกฯว่า ตนแต่งตั้งไปแล้ว เป็นการหมุนเวียนปกติ สามารถทำหน้าที่ได้อยู่แล้ว ข้าราชการระดับผู้บริหารสามารถบริหารได้หมด ไม่อย่างนั้นตนจะมายืนตรงนี้ได้อย่างไรหากไม่รู้เรื่องอะไรเลย สิ่งสำคัญหากมาต้องให้ความเป็นธรรมและทำประโยชน์ให้ประเทศและหน่วยงาน ไม่ใช่เรื่องความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมเพราะกรรมการได้พิจารณาแล้ว ตนดูแล้วว่าในสำนักนายกฯ มีข้าราชการอาวุโสที่ขยับขึ้นมาได้แต่เราต้องดูความเหมาะสม เมื่อถามว่าใครจะสานต่องานด้านค้ามนุษย์ต่อจากพล.ต.อ.เอก นายกฯ กล่าวว่า ต้องถามตำรวจ อาจตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสักคนมาดูแทน


ทำบุญ - ประชาชนพร้อมแม่ค้าถ่ายรูปคู่กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ขณะมาทำบุญที่วัดนครสวรรค์ และไหว้ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์ เจ้าแม่ทับทิม พร้อมถือโอกาสฝึกทำโมจิไดฟุกุ ที่ร้านโมจิจุฬา เมื่อวันที่ 22 ก.ย.

"เอก"ยันเป็นความสมัครใจ

ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนัก นายกฯ เผยหลังประชุมครม.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแต่งตั้ง พล.ต.อ.เอก มาดำรงตำแหน่งปลัดสำนักนายกฯ แทนตนซึ่งลาออกเพื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเพียงตำแหน่งเดียว การที่พล.ต.อ.เอก ย้ายมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ไม่น่ามีปัญหาและไม่มีสิ่งใดติดใจ คิดว่าตำแหน่งนี้ไม่ได้ปลอบใจใดๆ เพราะการแต่งตั้งเป็นไปตามระเบียบของราชการ เลือกจากอาวุโส จากนี้จะพูดคุยหารือถึงการทำงานและขอฝากให้ปลัดสำนักนายกฯคนใหม่ สานต่องานที่ดำเนินการอยู่ให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี ซึ่งตนไม่เสียดายที่ต้องลาออกก่อนเกษียณ 1 ปี เพราะถือว่าได้เดินในสายนี้แล้ว คนเป็นข้าราชการอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้และจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงครม.มีมติแต่งตั้งเป็นปลัดสำนักนายกฯว่า ตนสมัครใจไปดำรงตำแหน่งปลัดสำนักนายกฯตามที่มีผู้ใหญ่ทาบทาม เป็นโอกาสดีที่ได้ทำงานเพื่อประโยชน์แก่ประเทศชาติในช่วงปีสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการ ขอบคุณผู้ใหญ่ที่ไว้วางใจ ซึ่งได้ทำหนังสือสมัครใจโอนย้ายไปเป็นปลัดสำนักนายกฯต่อผบ.ตร.แล้ว

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่า วันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา มีหนังสือจากสำนักนายกฯ สอบถามมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)ว่า หากจะแต่งตั้ง พล.ต.อ.เอก เป็นปลัดสำนักนายกฯจะขัดข้องหรือไม่ ประกอบกับพล.ต.อ.เอก ทำหนังสือสมัครใจแนบมาด้วย ตนจึงตอบกลับว่า ตร.ไม่ขัดข้อง

ยกเลิกคำสั่งกษ.ตั้งบิ๊กกรมประมง

เวลา 15.00 น. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงหลังครม.ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติตามที่ม.ล.ปนัดดา เสนอขอรับโอน พล.ต.อ.เอก มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ แต่งตั้งเป็นปลัดสำนักนายกฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ครม.เห็นชอบตามที่รมว.เกษตรและสหกรณ์ เสนอยกเลิกมติครม.เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ในการเสนอแต่งตั้งนายวิมล จันทรโรทัย รองปลัดกระทรวง เกษตรฯ เป็นอธิบดีกรมประมง และแต่งตั้งนางบริสุทธิ์ เปรมประพันธ์ ผู้ตรวจราชการเป็นรองปลัดกระทรวงเกษตรฯ แทน โดยประกาศดังกล่าวเป็นข้อผิดพลาดทางเทคนิค

พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ครม.มีมติอนุมัติตามที่สำนักนายกฯ เสนอแต่งตั้ง น.ส. อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เป็นรองเลขาธิการบีโอไอ แต่งตั้ง นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการรมว.คลัง นายโยธิน มูลกำบิล เป็นที่ปรึกษารมว.ศึกษาธิการ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นที่ปรึกษารมว.อุตสาหกรรม นางวารี จันทร์เนตร เป็นเลขานุการรมว.อุตสาห กรรม ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.เป็นต้นไป

และมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศ เสนอการจ้างนายสุรพิทย์ กีรติบุตร เป็นลูกจ้างชั่วคราวกรณีพิเศษ หลังครบเกษียณอายุราชการเป็นเวลา 1 เดือนตั้งแต่วันที่ 1-31 ต.ค. โดยให้ได้รับค่าจ้างเท่ากับเงินเพิ่มพิเศษสำหรับข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับตามตำแหน่งเอกอัคร ราชทูต ที่ดำรงอยู่ก่อนการเกษียณ

เด้ง"กนกทิพย์"พ้นรองสมช.

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คําสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 31/2558 เรื่อง การกําหนด ตําแหน่งและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดํารง ตําแหน่ง เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปงานด้านความมั่นคงของชาติ อาศัยอํานาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2558 หัวหน้าคสช.โดยความเห็นชอบของคสช. จึงมีคําสั่งให้กําหนดตําแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคงประจําสํานักนายกฯ ในสํานักนายกฯ 1 ตําแหน่ง ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 และให้นางกนกทิพย์ รชตะนันทน์ พ้นจากรองเลขาธิการสมช. และให้ดํารงตําแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคงประจําสํานักนายกฯ เป็นพิเศษเฉพาะราย โดยให้ปฏิบัติหน้าที่ด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคงและหน้าที่อื่นๆ ที่สมช. ตามที่นายกฯหรือรองนายกฯที่ดูแลสมช.มอบหมาย และให้เลขา ธิการครม.นําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตําแหน่งเดิมและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งใหม่ ตามมาตรา 24 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว)

ตั้งอธิบดีดีเอสไอรอกลางต.ค.

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวภายหลังประชุมครม.ถึงการแต่งตั้งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า ตนไม่เกี่ยวข้องเพราะปลัดกระทรวงยุติธรรมมีขั้นตอนพิจารณาอยู่แล้ว และที่ประชุมครม.ยังไม่ได้พิจารณา เนื่องจากเพิ่งโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีกรอบเวลา 40 วันนับจากแต่งตั้งปลัด โดยเปิดให้บุคคลสมัครเข้ามาเพื่อพิจารณาแต่งตั้ง ทั้งนี้ ปลัดระบุว่าจะพิจารณาตำแหน่งอื่นก่อน ส่วนอธิบดีดีเอสไอนั้นคาดว่ากลางเดือนต.ค.นี้น่าจะได้ตัวบุคคล

เมื่อถามว่าได้ประเมินสถานการณ์ก่อน นายกฯจะเดินทางร่วมประชุมยูเอ็นอย่างไรบ้าง พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า นายกฯฝากให้รองนายกฯช่วยทำงานและขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ พร้อมระบุว่าไม่ต้องห่วงเพราะดูแลตัวเองได้ นายกฯมั่นใจเพราะการไปครั้งนี้เพื่อทำความเข้าใจให้กับบ้านเมือง

"บิ๊กต๊อก"พร้อมลุย"แม้ว"ถ้าคสช.สั่ง

เมื่อถามถึงกระแสข่าวนายทักษิณ ชินวิตร มาที่เกาะฮ่องกง พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงดูแลอยู่แล้ว และกระทรวงการต่างประเทศคงดูเช่นกัน ถามว่านายทักษิณไปสร้างปัญหาอะไรเพราะไม่เคยเห็นไปสร้างปัญหา และเป็นเรื่องธรรมดาของการเคลื่อนไหวที่ต้องพูดอะไรบ้าง เมื่อถามว่าแสดงว่าการมาใกล้ประเทศไทยไม่ทำให้เกิดปัญหา พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวว่าไกลหรือใกล้แต่เกี่ยวว่ามีผลกระทบรุนแรงขนาดไหน แต่ขณะนี้เห็นว่าปกติ ยังไม่มีอะไร ส่วนที่มีแกนนำบางคนมาให้สัมภาษณ์นั้นเป็นเรื่องปกติเพราะเป็นความจำเป็นที่ต้องเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่แล้ว นี่คือความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่ภาพรวมทั้งหมดของคสช. เมื่อถามว่าจะประสานเพื่อขอตัวดำเนินคดีหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า เป็นเรื่องของอัยการและกระทรวงการต่างประเทศ ที่ประสานงานกันอยู่ในเรื่องนี้

ทั้งนี้ช่วงเช้าก่อนประชุม พล.อ.ไพบูลย์ เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ บนตึกไทยคู่ฟ้า ราว 30 นาที เพื่อรายงานผลการหารือกับทางการลาวเรื่องความร่วมมือการปราบปรามยาเสพติดและแจ้งว่าจะเดินทางไปจีนอีก 2 วันนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงข่าวความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ที่ขณะนี้อยู่ที่เกาะฮ่องกงและจะเดินทางไปจีน พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า "ให้ไปถามเรื่องนี้กับคสช. ตีตั๋วมาเดี๋ยวผมจะไปให้"

บิ๊กป้อมไม่ห่วงนายกฯไปสหรัฐ

ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการประเมินของฝ่ายความมั่นคงกรณีนายทักษิณ มาที่ฮ่องกงว่า คงไม่ประเมิน เขามาแล้วจะทำอย่างไรได้ เมื่อถามว่าการมาครั้งนี้มีนัยยะหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่อยากให้มีอะไร ตนบอกหลายครั้งแล้วว่าจะทำอะไรก็ได้ แต่อย่าสร้างความขัดแย้งภายในประเทศ เพราะไม่มีประโยชน์ ขณะนี้อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านต้องช่วยกันทุกฝ่าย อีกไม่นาน เมื่อมีรัฐธรรมนูญเดี๋ยวก็มีเลือกตั้งแล้ว เมื่อถามถึงการติดตามกลุ่มการเมืองที่จะไปพบนายทักษิณ ที่ฮ่องกง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ต้องห่วง อย่าไปห่วงมาก ทำไมถึงห่วงกันนัก

ส่วนการเคลื่อนไหวนอกประเทศก่อนที่นายกฯ จะไปร่วมประชุมยูเอ็นที่สหรัฐ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มี ไม่เกี่ยวกัน ก็มีฝ่ายสนับสนุนด้วย และสหรัฐมีกฎหมายของเขา ไม่ใช่ไปได้เฉยๆ ต้องบอกจำนวน ต้องบอกเวลา ดังนั้นไม่ต้องห่วง เมื่อถามว่านายกฯ ห่วงอะไรก่อนไปประชุมที่สหรัฐหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ห่วง นายกฯตั้งใจทำงานให้คนไทยและประเทศ ทำแต่สิ่งที่ดี ไม่ได้ทำร้ายใครเลย ดังนั้น ความดีจะปกป้องนายกฯเอง ไม่ต้องห่วง

มีชื่อกรธ. 21 คนแต่ยังไม่ทาบทาม

พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงการคัดเลือก กรธ. 21 คนว่า มีรายชื่อแล้ว ชัดเจนหมด แต่ไม่รู้ใครได้บ้าง ไม่ได้บ้าง จำไม่ได้เพราะมีหลายคน และตนยังไม่ได้ยินเสียงใครปฏิเสธเลยเพราะยังไม่ได้ทาบทามใคร รู้แค่คนไหนเก่ง ไม่เก่ง แต่ยังไม่ได้ทาบทามใคร ขอให้ใจเย็นๆ ไม่ต้องห่วง คสช.และครม.ต้องทำตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว หนีไม่พ้น


ทำขนม - น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ฝึกทำขนมโมจิ ที่ร้านโมจิจุฬา ขนมของฝากชื่อดัง จ.นครสวรรค์ ระหว่างเดินทางไปทำบุญที่วัดนครสวรรค์ และไหว้ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์ เจ้าแม่ทับทิม เมื่อวันที่ 22 ก.ย.

เมื่อถามว่าเมื่อนายกฯ กลับมาจะมีการประชุมร่วมเลยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เดี๋ยวดูว่านายกฯจะสั่งอย่างไร รอให้ได้รายชื่อแล้วเสนอนายกฯ ให้นายกฯตัดสินใจ อย่าไปตัดสินใจแทน

วิษณุเจอมีชัยแต่ยังไม่ทาบทาม

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมครม. ว่า ครม.จะยังไม่พิจารณารายชื่อ กรธ.ทั้ง 21 คน คงไปเคาะกันที่อื่นไม่ใช่ใน ครม.และไม่ได้หารือถึงรายชื่อ สปท.ด้วย แม้พล.อ.ประยุทธ์ จะไปประชุมยูเอ็นจีเอ ในวันที่ 24-30 ก.ย.นี้ ก็กลับมาพิจารณารายชื่อที่มอบให้แต่ละคนไปพิจารณาได้

เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่มีชื่อเป็นแคนดิเดตประธานกรธ.แล้วหรือยัง นายวิษณุกล่าวว่า เจอแล้วแต่ยังไม่ได้คุย ได้ทักทายแต่ยังไม่ได้ทาบทาม นายกฯระบุให้รวบรวมรายชื่อให้ได้ก่อนไปประชุมยูเอ็นจีเอ เสร็จแล้วถ้าเห็นชอบใครก็ให้ติดต่อทาบทามเพราะบางคนต้องใช้เวลาคิดหรือต้องลาออกจากตำแหน่งเดิม เพราะเมื่อเป็น กรธ.ไม่สามารถทำอะไรได้อีก 2 ปี จึงต้องพูดให้เข้าใจ การเลือกคนไม่ยากแต่อยู่ที่เจ้าตัวจะยอมรับหรือไม่ เมื่อนายกฯกลับมาวันที่ 2 ต.ค. ค่อยนำรายชื่อมาพูดคุยกัน ส่วนรายชื่อ สปท. 200 คน ตนไม่ทราบเพราะไม่ได้ยุ่งเรื่องนี้ กรุณารับทราบว่าอย่ามาวิ่งกับตนในเรื่องนี้

ข้อเสนอจาตุรนต์เป็นไปไม่ได้

เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้รัฐธรรมนูญที่จะร่างใหม่ได้รับการยอมรับจากคนทั้งประเทศ นายวิษณุกล่าวว่า เอาไว้ให้ยกร่างก่อนตอนนี้ยังหาคนไม่ได้ ส่วนที่มองว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างขึ้นมาเพื่อเตรียมขจัดพรรคการเมืองใหญ่นั้น รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่การขจัด

เมื่อถามว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาการแสดงความเห็นของนายวิษณุ ถูกวิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง นายวิษณุกล่าวว่า รู้อยู่ว่าตนไม่ได้พูดในความหมายที่เปิดช่องและรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่มีสื่อมาถามกรณีนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทยระบุ 20 เดือนถือว่านานไปและเสนอสูตร 3-3-3-2 เท่ากับ 11 เดือน ตนจึงแสดงความเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเหลือ 11 เดือน การเขียน 20 เดือนถือเป็นกำหนดสูงสุด ถ้ายาวไปก็ลดลงได้ นายจาตุรนต์ อาจไม่ทราบที่มาของตัวเลข 6-4-6-4 ที่ไม่ใช่การกำหนดไว้ให้ยาว

นายวิษณุกล่าวว่า หากไปกำหนดแบบนายจาตุรนต์ โดยเฉพาะ 2 เดือนสุดท้ายจากสูตรนายจาตุรนต์คืออะไร ถ้าหมายถึงให้กฎหมายลูกออกมาแล้วจึงไปหาเสียงจะเป็นไปได้อย่างไร ต้องออกกฎหมายลูกถึง 6 ฉบับ กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายกกต. เมื่อประกาศใช้แล้ว เราไม่รู้ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร เช่น กฎหมายพรรคการเมืองอาจเขียนอะไรที่พิสดารขึ้นมาได้สารพัด เมื่อเป็นกฎหมายใหม่กฎหมายเก่าก็ต้องยกเลิก ต้องตั้งพรรคใหม่แล้วพรรคที่ตั้งอยู่เก่าจะทำอย่างไร ต้องจดทะเบียนหรือต้องหาสมาชิกใหม่หรือไม่ก็ไม่ทราบ ดังนั้น ถ้าใช้เวลา 2 เดือนเลือกตั้งจะทำให้พรรคเก่าได้เปรียบ พรรคใหม่จะเสียเปรียบ เพราะพรรคเก่าเดินหน้านับหนึ่งได้เลย สมมติถ้าเกิดพิสดารไปเขียนให้พรรคเก่าได้รับผลกระทบก็จะวุ่น เวลา 2 เดือนก็ทำไม่ทัน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้อง 4 เดือน และไม่ได้ชี้ช่อง และไม่รู้ว่าจะเขียนอย่างไร ถ้าไม่พิสดารก็แล้วไป ถ้ายังไม่เข้าใจก็ต้องออกโทรทัศน์ชี้แจง

จวกยับนวดฝ่าเท้า-ใช้สติตรอง

ถามว่ามีการตีความต้องการให้ยุบพรรคเริ่มนับหนึ่งใหม่ รองนายกฯกล่าวว่า คนอื่นอยาก แต่ตนไม่ได้เป็นคนบอกอย่างนั้นและไม่ได้โยนหินถามทาง

"ขอย้ำว่าเวลา 2 เดือนเป็นไปไม่ได้ ให้ช่วยกันคิดโดยสติปัญญา เอาฝ่าเท้ายกขึ้นมานวดซักทีแล้วตรองดูว่า 2 เดือนทำได้ทันจริงหรือ รัฐธรรมนูญให้ร่างเสร็จใน 6 เดือน ถ้ายาวไปก็ย่นเวลาลงมาได้ แต่จะมาบอกว่า 2-3 เดือนทำได้จะเป็นไปได้อย่างไร" นายวิษณุกล่าวและว่า เพราะเมื่อร่างก็ต้องถามความเห็นคนด้วย แม้จะยกฉบับ 2540, 2550 หรือ 2558 ขึ้นมาก็ต้องปรับปรุง ถ้าไม่ปรับปรุงคงผ่านความเห็นชอบไปแล้ว เคยตอบไปแล้วว่าถ้ายกฉบับ 2540 มา ไม่ต้องแก้มาก ก็มีคนถามว่าแล้วพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ยึดอำนาจทำไม เมื่อจะเอาปี 50 ก็ถามว่าแล้วพล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจทำไม พอจะหยิบฉบับ 2558 ก็มีคำถามอีกว่าไปล้มทำไม ฉะนั้นแต่ละฉบับต้องปรับปรุง จึงต้องใช้เวลา กรธ.ต้องคำนึงถึงกรอบเวลาด้วยเพราะกำหนดไว้ชัดเจน 180 วัน

เมื่อถามย้ำว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่พิสดารใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า อาจจะ แต่ตนไม่รู้เพราะไม่ได้เป็นคนทำ อาจจะยิ่งกว่าพิสดารจะได้เป็นข่าวต่อไปอีก 7 วัน หินก้อนแรกโยนไปมันเล็กไป เอาก้อนใหญ่โยนไปดีกว่า

"มีชัย"ยังกั๊กนั่งประธานกรธ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ปรึกษาคสช. ตอบคำถามในเว็บไซต์"มีชัยไทยแลนด์" ถึงกระแสข่าวการรับตำแหน่งประธานกรธ. คิดว่าร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีการแก้ไขใน 180 วัน ต้องร่างโดยใช้สูตร 20 เดือนหรือไม่ แล้วร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่เพิ่งถูกตีตกไปจะนำมาเป็นต้นแบบได้หรือไม่ว่า "กำลังนั่งดูอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้ สื่อมวลชนถึงได้ลงข่าวกันเป็นตุเป็นตะได้ถึงขนาดนั้น"

ต่อมาวันที่ 20 ก.ย. มีผู้ส่งคำถามนายมีชัย ในเรื่องนี้อีกครั้งว่าจริงหรือไม่ แล้วจะรับหรือไม่รับตำแหน่งด้วยเหตุผลอะไร โดยนายมีชัยตอบว่า "การจะรับหรือไม่รับ ทำไมต้องให้เหตุผลด้วยล่ะ"

สนช.ไม่ส่งตัวแทนร่างรธน.

เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสนช. หรือวิปสนช. ถึงการคัดเลือกสนช.ไปร่วมเป็นกรธ.ว่า เป็นอำนาจของหัวหน้าคสช.เท่านั้น ยืนยันว่าไม่มีโควตาของสนช. 3 ที่นั่งตามที่มีข่าว อีกทั้งไม่มีกฎหมายใดระบุให้สนช.ต้องเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมด้วย

เวลา 16.00 น. นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกวิปสนช. แถลงหลังประชุมวิปสนช.ว่า นายพรเพชรแจ้งที่ประชุมว่า เรื่องที่จะส่ง สมาชิกสนช.ร่วมเป็นกรธ. ไม่มีในวาระการประชุมของสนช. ดังนั้น วิปสนช.จึงไม่นำเรื่องนี้มาหารือ เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2557 ไม่ได้ระบุว่าสนช.ต้องส่งรายชื่อให้รัฐบาลหรือคสช.พิจารณา ดังนั้น สนช.จึงไม่ส่งสมาชิกร่วมเป็น กรธ.อย่างเป็นทางการ

นพ.เจตน์กล่าวว่า เท่าที่ตนพูดคุยกันตามโต๊ะอาหารมีสมาชิกสนช.หลายคนสนใจ และมีหลายคนเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย มีประสบการณ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมา จึงน่าเสียดาย ดังนั้น จึงพูดคุยกันนอกรอบว่าจะหาแนวทางเพื่อให้สมาชิกสนช.เหล่านี้เข้าร่วมเป็นกรธ. แต่ไม่ใช่ในนามสนช.

นพ.เจตน์กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาปรับปรุงการทำงานของสนช. โดยเฉพาะการพิจารณากฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาร่างกฎหมายที่ถูกส่งจากครม. สนช.ให้เวลาสมาชิกศึกษาร่างกฎหมายเพียง 3 วันก่อนวาระแรก จากนี้จะขยายเวลาให้ศึกษาร่างกฎหมายเป็น 7 วัน ขณะที่ระยะเวลาการแปรญัตติกฎหมายหลังเข้าสู่วาระแรกแล้วจากเดิมให้เวลา 7 วันจะขยายเป็น 15 วัน และเห็นว่าจากนี้หากกฎหมายใดยุ่งยากซับซ้อน คณะกรรมาธิการวิสามัญจะนำขึ้นมาศึกษาก่อนรับหลักการ 30 วัน เพื่อให้สมาชิกมีเวลาศึกษาและมีส่วนร่วมพิจารณากฎหมายมากขึ้น

อดีตขรก.กฤษฎีกาลุ้น"มีชัย"ตอบรับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้มติวิปจะไม่ส่งตัวแทนเป็นกรธ.ในนามสนช. แต่สมาชิกอาจเข้าร่วมเป็น กรธ.เป็นการส่วนตัวได้ โดยมีรายงานข่าวจากรัฐสภาแจ้งว่า ถึงแม้ขณะนี้จะมีกระแสข่าวว่า นายมีชัยถูกทาบทาม แต่มีการพูดกันภายในสนช.พบว่ามีแนวโน้มสูงที่นายมีชัยจะไม่ตอบตกลง สมาชิกสนช.จึงขอรอดูก่อนว่าใครจะเข้ามาดำรงตำแหน่งนี้ แต่หากนายมีชัยตอบรับ สมาชิกสนช. 2-3 รายที่เป็นข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทั้งปัจจุบันและอดีตก็อาจเข้าร่วมเป็นกรธ.ด้วย

บิ๊กตู่อยากให้นักการเมืองร่วมสปท.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงการประชุม ครม.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ปรารภก่อนประชุมถึงการตั้งกรธ.และสปท. เข้าใจความรู้สึกและเจตนารมณ์ของประชาชนทุกส่วน ทั้งกลุ่มการเมือง กลุ่มผู้เห็นต่าง ข้าราชการ ภาคสังคม เมื่อยังมีเวลาอยู่ถึงวันที่ 5 ต.ค. ก็มีเวลาพิจารณาและจะนำรายชื่อที่เสนอมาดูอย่างรอบคอบและจะปรึกษาคสช.อีกครั้ง ยืนยันว่านายกฯในฐานะหัวหน้าคสช.จะใช้ดุลยพินิจอย่างดีที่สุด ยึดประโยชน์ของบ้านเมืองเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยอดีต

พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า นายกฯอยากให้มีฝ่ายการเมืองเข้าร่วมในสปท. จึงหารือเรื่องนี้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในครม. และกำหนดให้มีสัดส่วนของฝ่ายการเมืองร่วมในสปท. แต่กังวลว่ากลุ่มที่เชิญชวนแล้วไม่เข้าร่วมจะมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลในภายหลัง จึงอยากให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้าร่วมในสปท.ทั้งหมด

รายงานข่าวจากทำเนียบแจ้งว่า การแต่งตั้งกรธ.และสปท. ขณะนี้ผู้ได้รับมอบหมายทยอยเสนอชื่อบุคคลต่างๆ ให้นายกฯและทีมที่ปรึกษาพิจารณาอย่างต่อเนื่อง แต่พล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจหลังจากหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องโดยรอบด้านก่อน เพราะตำแหน่งเหล่านี้มีความสำคัญต่อประเทศ อีกทั้งจะเข้ามาช่วยอธิบายระยะเวลาการดำเนินการต่างๆ ตามโรดแม็ป ด้วย หากพล.อ.ประยุทธ์มั่นใจในรายชื่อต่างๆ แล้ว ก็จะแต่งตั้งหลังกลับจากสหรัฐ

ผบ.ทร.พร้อมร่วมสภาขับเคลื่อน

ที่กลางอ่าวสัตหีบ จ.ชลบุรี พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. เป็นประธานพิธีสวนสนามทางเรือ โดยกองเรือยุทธการ กองทัพเรือจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ผบ.ทร. เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ

พล.ร.อ.ไกรสรให้สัมภาษณ์ว่า บทบาทหลังเกษียณยังคงทำหน้าที่ในตำแหน่ง สมาชิกคสช. และสมาชิกสนช. ซึ่งขึ้นอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์จะมอบหมายให้เข้ามาช่วยงานอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มีการทาบทามให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกสปท. เชื่อว่านายกฯมีบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และมีความเหมาะสมอยู่ในใจ ส่วนถ้านายกฯทาบทามพร้อมรับตำแหน่งนี้หรือไม่ พล.ร.อ.ไกรสรกล่าวว่า หากอะไรที่ทำเพื่อบ้านเมืองได้ขออย่าให้ยึดติดที่ตัวบุคคล แต่ขอให้คำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

พิเชษฐเหน็บวิษณุ

นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีตส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนายวิษณุ ระบุรัฐธรรมนูญฉบับร่างใหม่อาจพิสดาร จนกระทบถึงพรรคการเมืองอย่างคาดไม่ถึงว่า คำว่าพิสดารถูกนำไปตีความต่างๆ แท้จริงคำว่าพิสดารตามพจนานุกรมไทยในความหมายว่า แปลก พิลึก วิตถาร ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป แต่อีกความหมายหนึ่งที่มักใช้ในทางกฎหมายแปลว่า กว้างขวาง ละเอียดละออ ลึกซึ้ง คำนี้มักใช้เรียกชื่อวิชากฎหมายที่เรียนกันในชั้นปริญญาโท เพื่อให้ต่างจากชั้นปริญญาตรี เช่น กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาพิสดาร กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งพิสดาร กฎหมายลักษณะพยานพิสดาร ซึ่งแปลว่าฉบับลึกซึ้ง กว้างขวาง ละเอียดอย่างพิสดาร

"ความที่เป็นนักกฎหมายใหญ่เลยใช้คำว่าพิสดารมาออกสื่อในความหมายว่ารัฐธรรม นูญใหม่อาจออกมาอย่างละเอียด กว้างขวาง จนมีผลเปลี่ยนแปลงถึงพรรคด้วย ตามวิสัยนักร่างรัฐธรรมนูญจอมพิสดารทั้งหลาย ซึ่งมักนิยมประชาธิปไตยแบบพิสดารคือชื่นชมเผด็จการ รังเกียจการเลือกตั้ง และรอโอกาสส้มหล่นเข้าสภาโดยการลากตั้ง" นายพิเชษฐระบุ

ปูไหว้พระนครสวรรค์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯพร้อมคณะประกอบด้วย นาย นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรมว.พาณิชย์ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศ นายวราเทพ รัตนากร อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯและรมช.เกษตรและสหกรณ์ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง อดีตรองเลขาธิการนายกฯ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย และคณะ เดินทางมา สักการะหลวงพระศรีสวรรค์ พระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดนครสวรรค์ ที่วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ และกราบนมัสการท่านเจ้าคุณพระโสภณวราภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ และพระครูนิภาธรรมประสิทธิ์ รองเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง โดยมีอดีตส.ส.นครสวรรค์และพิจิตร พรรคเพื่อไทย รวมถึงประชาชนต้อนรับและขอถ่ายรูป

จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ฝึกทำโมจิไดฟุกุที่ร้านโมจิจุฬา ขนมขึ้นชื่อของนครสวรรค์ ท่ามกลางความสนใจจากชาวนครสวรรค์จำนวนมาก รวมทั้งแวะรับประทานต้มเครื่องในหมูนายซุ้ย ร้านชื่อดัง พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับด.ช.ทักษิณ เจริญวุฒิกุล ลูกชายเจ้าของร้านต้มเครื่องในหมูนายซุ้ย ก่อนที่คณะน.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ

เปิดตาราง"บิ๊กตู่"เยือนมะกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติระดับผู้นำเพื่อรับรองวาระการพัฒนาภายหลังปี ค.ศ. 2015 และการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นวีเจ) สมัยสามัญ ครั้งที่ 70 ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา วันที่ 23 ก.ย.-1 ต.ค. เป็นการเดินทางออกนอกประเทศที่นานที่สุดของพล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่รับตำแหน่ง ประธานคสช.และนายกฯ ใช้เวลา 7 วัน โดยเวลา 23.50 น. วันที่ 23 ก.ย. นายกฯ ภริยาพร้อมคณะออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยังกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเปลี่ยนเครื่อง และเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติ จอห์น เอฟ. เคนเนดี นครนิวยอร์ก เวลา 10.45 น. (นิวยอร์กช้ากว่ากรุงเทพฯ 11 ชั่วโมง) เข้าพักที่โรงแรม One UN New York เวลา 15.00-16.30 น. เป็นประธานการประชุมทีมประเทศไทยในสหรัฐ (ทีมไทยแลนด์)

วันที่ 25 ก.ย. คณะนายกฯไปถึงสำนักงานใหญ่ยูเอ็น เวลา 10.00 น. ร่วมรับฟังการกล่าวปราศรัยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เวลา 11.00-13.00 น. ร่วมพิธีเปิดการประชุมเต็มคณะในการประชุมยูเอ็นระดับผู้นำ เวลา 12.00-15.00 น. กล่าวถ้อยแถลงในการเสวนา Interactive Dialogue 1 "Ending Poverty and Hunger" เวลา 15.00 น. เยี่ยมชมนิทรรศการเศรษฐกิจพอเพียง เวลา 18.30 น. พบปะวงเล็กกับผู้แทนระดับสูงจากบริษัทต่างๆ และจากสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน เวลา 19.00-20.45 น. ร่วมหารือระหว่างอาหารค่ำกับสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน พร้อมกล่าวสุนทรพจน์

ถกทวิภาคีเลขาฯยูเอ็น

วันที่ 26 ก.ย. ช่วงเช้า-กลางวัน นายกฯ ร่วมประชุมสหประชาชาติระดับผู้นำ เวลา 18.00-22.00 น. ร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำในโอกาสฉลองครบรอบ 150 ปี สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) และพิธีมอบรางวัล

วันที่ 27 ก.ย. กล่าวถ้อยแถลงในการประชุม High-Level Special Event หัวข้อ "Catalyzing Implementation and Achievement of the Water Relate SDGs" เวลา 09.00-13.30 น. กล่าวถ้อยแถลงในการประชุม Global Leaders" Meeting on Gender Equality and Women"s Empowerment: A Commitment to Action เวลา 15.00-18.00 น. กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม ในลำดับที่ 13 ต่อจากนายกฯญี่ปุ่น เวลา 18.20-18.30 น. พบหารือทวิภาคีกับนายบัน คีมูน เลขาธิการยูเอ็น ช่วงค่ำเอกอัคร ราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก และภริยา เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำ

วันที่ 28 ก.ย. เวลา 08.00-08.50 น. นายกฯ ร่วมงานเลี้ยงรับรองต้อนรับหัวหน้าคณะผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุม เวลา 09.00-13.00 น. ร่วมพิธีเปิดการประชุม และรับฟังการกล่าวถ้อยแถลงของนายบัน คีมูน นายโมนส์ เลิคเคทอฟ ประธานสมัชชาสหประชาชาติ นางดิลมา รูสเซฟฟ์ ประธานาธิบดีบราซิล และนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ

เวลา 13.15-14.15 น. เลขาธิการยูเอ็นเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารกลางวันผู้นำประเทศต่างๆ เวลา 14.45-18.00 น. นายกฯร่วมประชุมสุดยอดว่าด้วยการรักษาสันติภาพ เวลา 16.30 น.พบหารือทวิภาคีกับนายมิลอช เซมัน ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเช็ก เวลา 19.00 น. นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐและภริยา เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงรับรองแก่หัวหน้าคณะผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุม

วันที่ 29 ก.ย. ตลอดช่วงเช้า-กลางวัน นายกฯพบหารือทวิภาคีกับผู้นำประเทศต่างๆ เวลา 16.00-18.00 น. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เวลา 19.00-20.00 น. กล่าวถ้อยแถลงในการอภิปรายทั่วไปการประชุมยูเอ็นวีเจ วันที่ 30 ก.ย. เวลา 12.30 น. นายกฯและภริยา พร้อมคณะเดินทางกลับ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!