WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 01 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8616 ข่าวสดรายวัน


อีก 2 ปลัด เด้งคมนาคม-ทรัพยากร 
อธิบดีสรรพากรด้วย กต.ถอนพาสปอร์ต 6 คน'จารุพงศ์-จักรภพ-สุนัย' ตั้ง'สมยศ'คุมคดีมั่นคง


มอบหน้าที่ - พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ร่วมพิธีส่งมอบหน้าที่ปลัดกระทรวงกลาโหมให้ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ตามคำสั่งคสช. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ขณะที่ตัวพล.อ.นิพัทธ์ไปดำรงตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาปลัดกระทรวงกลาโหม เมื่อ 30 มิ.ย.

      คสช.สั่งย้ายข้าราชการอีกล็อตใหญ่ เด้งปลัด"คมนาคม-ทรัพยากร" ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯอุดมเดชสั่งตอบโต้ "จักรภพ" หลังโวยกลั่นแกล้งจี้โชว์หลักฐาน จี้กต.แจงสื่อตปท.กรณีจับ"อ๋อย" บัวแก้วถอนพาสปอร์ต 6 คน ทั้ง"จารุพงศ์-จักรภพ-สุนัย" สีหศักดิ์ยัน ต่างชาติงดซื้อสินค้าไทยแค่ลือ ตั้งเป้าคุมหวยราคา 80 บาทในกทม.ก่อน ตร.มอบ "สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง" คุมคดีความมั่นคง เลขาฯ กกต.เผยถกคสช. ระบุเล็งจัดเลือกตั้ง ต.ค.58 

คสช.สั่งตอบโต้"จักรภพ"โวย

     เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ. ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการคสช. เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวันโดยแต่ละฝ่ายได้รายงานสถานการณ์และการปฏิบัติที่สำคัญ ผ่านระบบทางไกลผ่านดาวเทียม 

      พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตอบโต้นายจักรภพ เพ็ญแข ที่ระบุให้คสช.แสดงหลักฐานกรณีกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธสงคราม เพื่อให้ประชาชนรับทราบว่า คสช.ไม่ได้กลั่นแกล้ง แต่ดำเนินการตามพยานหลักฐานที่มีการสอบสวนแล้วพาดพิงไปถึง 

จี้กต.แจงสื่อตปท.กรณีจับ"อ๋อย"

       พล.อ.อุดมเดชกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีสื่อต่างประเทศรายงานข่าวคสช. ควบคุมตัว นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย ทั้งยังไม่เข้าใจถึงการเข้าบริหารประเทศของ คสช.นั้น ให้ใช้ช่องทางการทูตของประเทศนั้นๆ ทำความเข้าใจ ชี้แจงให้ได้รับทราบถึงเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินการของ คสช.อย่างแท้จริง 

พล.อ.อุดมเดชกล่าวถึงการประชุมหารือกับผู้บริหารสื่อเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยว่า เรื่องสื่อเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหวในการเข้าไปดำเนินการใดๆ ขอให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องใช้ความระมัดระวัง และวิจารณญาณอย่างรอบคอบ ในการพูดคุยและดำเนินการ รวมถึงควรประสานกับผู้บริหารสื่อก่อน เว้นแต่กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน

ยังอู้อี้จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่

ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง ทีมโฆษกคสช. ให้สัมภาษณ์ถึงการ จัดทำธรรมนูญฉบับชั่วคราวเพื่อใช้บริหารประเทศตามหลักนิติรัฐ เพื่อให้มีสภาปฏิรูปแห่งชาติทำหน้าที่ปฏิรูปประเทศในทุกด้านและนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับถาวรว่า เรื่องนี้เป็นไปตามที่หัวหน้าคสช. กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" เมื่อ วันที่ 27 มิ.ย. ทุกประการและการดำเนินงาน ทุกอย่างตามที่คสช.วางโรดแม็ปไว้ ส่วนธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯกระหม่อมเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยให้มีผลบังคับใช้ภายในเดือนก.ค.นั้น ไม่จำเป็นต้องผ่านการทำประชามติ เพราะคสช.มีอำนาจดำเนินการ

เมื่อถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับถาวรจะมีการทำประชามติหรือไม่ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์กล่าวว่า ไม่ขอตอบ ต้องรอความชัดเจนจาก คสช. ต่อไป

พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษกคสช.ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวคสช.ไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติรัฐธรรมนูญฉบับถาวรว่า ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว

ถอนพาสปอร์ต"จารุพงศ์-สุนัย"

ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติหน้าที่รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีถอนหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ของบุคคล 6 คนที่ถูกออกหมายจับว่า ได้ดำเนินการแล้วตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งต้องมีขั้นตอนตามระเบียบที่จะต้องปฏิบัติต่อไป ส่วน นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ยังมีกระบวนการตามกฎหมาย จากการตรวจสอบว่าขณะนี้ไทยและฮ่องกงยังไม่มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน จึงต้องหารือว่าจะใช้ช่องทางใดได้บ้าง อยู่ระหว่างการประสานงาน ซึ่งต้องมีคำขออย่างเป็นทางการจากอัยการสูงสุด เข้าใจว่าอยู่ในกระบวนการดำเนินการ

รายงานข่าวแจ้งว่า ทั้ง 6 คน ประกอบด้วย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ นายจักรภพ เพ็ญแข นายสุนัย จุลพงศธร น.ส.ฉัตรวดี อมรพัฒน์ หรือโรส นายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง อาชีวะ และนายอรรถชัย อนันตเมฆ ทั้งนี้ การยกเลิกหนังสือเดินทางเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ข้อ 23 (2) ที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่สามารถยกเลิกหรือเรียกหนังสือเดินทางได้ เมื่อปรากฏภายหลังว่าผู้ถือหนังสือเดินทางเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่อาจออกหนังสือเดินทางได้ เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาที่มีการออกหมายจับไว้แล้ว ถือป็น การดำเนินการตามขั้นตอนปกติ หลังกระทรวงการต่างประเทศได้รับหนังสือจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ขอให้เพิกถอนหนังสือเดินทางของทั้ง 6 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ออกหมายจับไว้แล้ว

อสส.ยังมึนคดี"จักรภพ"

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) นาย นันทศักดิ์ พูลสุข โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงศาลทหารอนุมัติหมายจับ นายจักรภพ เพ็ญแข ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งคสช.ที่ไม่มารายงานตัว และข้อหาอยู่เบื้องหลังการจัดหาอาวุธสงครามจำนวนมากว่า หากสำนัก งานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะประสานให้อัยการดำเนินการขอส่งตัวนายจักรภพ เป็นผู้ร้ายข้ามแดน จะต้องประสานนายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เพื่อมีคำสั่งให้อัยการร่วมปฏิบัติหน้าที่กับพนักงานสอบสวน ติดตามขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งอัยการจะต้องปฏิบัติเหมือนรายอื่นๆ คือตรวจสอบว่าประเทศที่ผู้ต้องหาหลบหนีอยู่นั้นมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอันดีต่อกันหรือไม่ หากอยู่ในเงื่อนไขก็ดำเนินการได้ทันที ทั้งนี้ อสส.พร้อมดำเนินการขอส่งตัวนายจักรภพ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีในไทยตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

นายนันทศักดิ์กล่าวอีกว่า ตนไม่แน่ใจว่าการติดตามตัวนายจักรภพนั้น เป็นหน้าที่ ของอสส.หรืออัยการศาลทหาร เพราะหมายจับของนายจักรภพ ออกโดยศาลทหาร ดังนั้นคดีนี้อาจอยู่ในความดูแลของอัยการศาลทหารด้วย แต่ต้องรอดูว่าจะมีการประสานให้อสส.หรืออัยการศาลทหารเป็นผู้ติดตามตัวนายจักรภพอีกครั้ง

ตร.จับคลังอาวุธ"จ่าโก"

ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. และเจ้าหน้าที่ทหาร กองพันทหารม้าที่ 19 ค่ายสุรสีห์ แถลงการจับกุมตัวจ.ส.อ. ภคภูมิ หรือสมศักดิ์ โกศินานนท์ (จ่าโก) อายุ 58 ปี ทหารนอกราชการ อดีตเคยสังกัดกรมทหารม้าที่ 1 ตำแหน่งนายสิบการข่าว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี เลขที่ 9 ก/2557 ลงวันที่ 25 มิ.ย. ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ที่ใช้เฉพาะการสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย พร้อมของกลางจำนวนมาก อาทิ อาวุธปืนเอเค 47 จำนวน 2 กระบอก ปืนเอ็ม 16 เอ 1 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน กล้องเล็ง ระเบิดขว้างชนิด อาร์จีดี 5 จำนวน 10 ลูก ระเบิดเคโม 2 ลูก เชื้อปะทุ 67 อัน ฯลฯ โดยจับกุมตัวได้ภายในห้องเก็บของลานไนน์ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี คลอง 6 จ.ปทุมธานี

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาที่ครอบครองอาวุธสงครามที่สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนขยายผลและออกหมายจับอีก 8 คน กระทั่งจับกุมตัวจ.ส.อ.ภคภูมิ หรือจ่าโก 1 ใน 8 ผู้ต้องหาได้ ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนสอบสวนว่าจ.ส.อ.ภคภูมิ เคยนำอาวุธไปก่อเหตุที่ใดบ้าง เบื้องต้นคาดว่าอาวุธดังกล่าวเชื่อมโยงกับนายจักรภพ ซึ่งหากมีส่วนเกี่ยวข้องจริงจะออกหมายจับต่อไป 

ตั้ง"สมยศ"ดูแลคดีความมั่นคง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน.ผบ.ตร. ลงนามคำสั่งตร.ที่. 320/2557 เรื่องการมอบหมายให้กำกับดูแลงานสืบสวนสอบสวนคดีอาญาเกี่ยวกับความมั่นคง ลงวันที่ 29 มิ.ย. โดยมอบให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร.ด้านความมั่นคง รับผิดชอบดูแลงานสืบสวนสอบสวนคดีอาญาที่เกี่ยวกับความมั่นคง ได้แก่ ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักร และความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา รวมถึงความผิดอาญาตามประกาศหรือคำสั่งของคสช. ตลอดจนความผิดที่ต่อเนื่องและเกี่ยวพันกับคดีดังกล่าว เพื่อให้การสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ต่อเนื่องรอบคอบ รัดกุม ถูกต้องตามหลักกฎหมาย 

ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวให้ยกเลิกคำสั่งตร.ที่ 265/2557 ลงวันที่ 28 พ.ค.2557 ที่ พล.ต.อ.วัชรพล มอบให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร.ด้านป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รับผิดชอบดูแลคดีเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงครามและคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วย

ศปป.พอใจแผนปรองดอง

ที่บก.ทบ. พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ (ผช.เสธ.ทบ.ฝยก.) ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) ให้สัมภาษณ์ว่า ศปป.ดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ มีกิจกรรมหลัก 4 ประการ 1.การคืนความสุขให้กับคนไทย จะเห็นว่าจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งดนตรี กีฬา ขนบธรรมเนียมประเพณี 2.การลดหรือยุติความขัดแย้ง เชิญบุคคลและกลุ่มต่างๆ มาพูดทำความเข้าใจ ถือเป็นจุดเริ่มต้นปรองดองสมานฉันท์ ทั้งที่เป็นรายบุคคลและกลุ่มก้อน 3.ขยายความร่วมมือไปยังภาคประชาสังคม ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี และ 4.การเก็บรวบรวมข้อมูล พร้อมส่งข้อมูลมายังส่วนกลางตามนโยบายของหัวหน้า คสช. และไม่ได้ชี้ถูกผิด เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานคือสิ้นเดือนก.ค. จะรวบรวมข้อมูลให้เป็นหมวดหมู่และส่งให้สภาปฏิรูป ศปป.ประเมินผลและอยู่ในเกณฑ์พอใจ ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือ ส่วนคลื่นใต้น้ำจะอาศัยการพูดคุยและการทำความเข้าใจ 

พล.ท.กัมปนาทกล่าวว่า การสร้างความปรองดองอยู่ที่ความเชื่อใจ และเรามีการตรวจสอบอยู่ ไม่ใช่เฉพาะกระทรวงมหาดไทย หรือกระทรวงสาธารณสุข กองทัพก็มีซึ่งจะลงพื้นที่ในแต่ละหมู่บ้าน 2-3 ครั้งว่ากลุ่มเป้าหมายมีความจริงใจปรองดองหรือไม่ สิ่งที่ทำอยู่เป็นจุดเริ่มต้นความปรองดองสมานฉันท์ เพราะเปิดให้คนมาพูดคุยกันตั้งแต่กลุ่มเล็กๆ มาจนถึงกลุ่มใหญ่

ต้องสอนชาวบ้านรู้จัก"ปชต."

"ขณะนี้จะไม่มีการเรียกใครมารายงานตัวอีก เพราะงานทุกอย่างมีความก้าวหน้าไป 60-70 เปอร์เซ็นต์แล้ว เราพยายามปรับไปตามสถานการณ์ โดยหมู่บ้านเสื้อแดงก็ลงพื้นที่ทำความเข้าใจ ซึ่งชาวบ้านไม่ได้มีปัญหา ที่สำคัญอยู่ที่แกนนำไปบอกข้อมูลผิดๆ หรือฝังชิพในหัวของชาวบ้าน ทำให้เขาเข้าใจบางอย่างคลาดเคลื่อนไป จะเห็นได้ว่า 2-3 ปีที่ผ่านมามีการฝังข้อมูลด้านเดียว และปฏิเสธข้อมูลด้านอื่นๆ ตรงนี้จะต้องชี้แจงกับชาวบ้านให้รับข้อมูลข่าวสารในหลายทาง" พล.ท. กัมปนาทกล่าว

พล.ท.กัมปนาทกล่าวด้วยว่า ส่วนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยก็เช่นกัน ต้องอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจว่าประชาธิปไตยที่ถูกต้องคืออะไร ไม่ใช่แค่การไปลงคะแนนเลือกตั้ง หรือต้องเคารพเสียงข้างมาก ซึ่งถือเป็นเปลือกนอก เราต้องให้ชาวบ้านเรียนรู้ถึงเปลือกในของระบอบประชาธิปไตย รวมถึงเรื่องสถาบันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง ปัญหาต่างๆ มีคนเอาสถาบันและมาตรา 112 ไปเกี่ยวข้อง สร้างความเกลียดชังจนเกิดความขัดแย้ง และจากรับฟังความคิดจากทุกฝ่ายก็ไม่มีใครเสนอให้แก้ไขมาตรา 112 

ที่ปรึกษานายกฯรายงานตัว

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช.และหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ กล่าวถึง คสช.มีคำสั่งที่ 79/2557 เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. เรื่องการกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งในกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ และที่ปรึกษาสำนักนายกฯ ซึ่งมี 10 คน อาทิ นายธงทอง จันทรางศุ นายสุวิจักษณ์ นาควัชระชัย นายสุรชัย ศรีสารคาม ว่า บุคคลที่มีรายชื่อถูกโยกมาเป็นที่ปรึกษาสำนักนายกฯ ตามคำสั่ง คสช.นั้นเดินทางเข้ามารายงานตัวและได้จัดห้องทำงานให้เรียบร้อยแล้ว 

รายงานข่าวแจ้งว่า บุคคลที่เข้ารายงานตัวต่อพล.ต.อ.อดุลย์ ประกอบด้วย นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ นายปรีชา กันธิยะ นายทศพร ศิริสัมพันธ์ นายสุรชัย ศรีสารคาม นายสุวิจักษณ์ นาควัชระชัย โดยเข้าพบเป็นการส่วนตัว ทั้งนี้น่าสังเกตว่าไม่มีบุคคลใดนำดอกไม้ธูป เทียนมาสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาลเหมือนเช่นที่เคยปฏิบัติ

ปลัดกห.ส่งมอบตำแหน่งแล้ว

ที่ลานอเนกประสงค์ ในศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมประกอบพิธีรับ-ส่งหน้าที่และมอบการบังคับบัญชาปลัดกระทรวงกลาโหม ระหว่างพล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก และพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ พร้อมทำพิธีสักการะองค์พระศาลหลักเมือง ที่ศาลหลักเมือง 

พล.อ.นิพัทธ์กล่าวมอบตำแหน่งว่า ตาม คำสั่ง คสช.ฉบับที่ 77/2557 ลงวันที่ 27 มิ.ย. ให้ตนเป็นประธานคณะที่ปรึกษาปลัดกระทรวงกลาโหมนั้น ขอคารวะในความร่วมมือของข้าราชการทุกคนทุกระดับทุกหน่วยงาน ขณะเดียวกันขอโทษด้วยหากมีสิ่งใดทำให้ทุกคนไม่สบายใจ ขอน้อมรับข้อบกพร่องความผิดพลาด ขอให้ตำหนิตนคนเดียวเท่านั้น อย่าตำหนิปลัดกระทรวงกลาโหม แม้ตนจะพ้นจากปลัดกลาโหมคนที่ 45 ก็ยังคงภาคภูมิใจในเกียรติยศและศักดิ์ศรี ความสง่างามในทหารสังกัดกระทรวงกลาโหม

ด้านพล.อ.สุรศักดิ์ให้สัมภาษณ์ถึงการสานต่อนโยบายในช่วง 3 เดือนว่า พล.อ.นิพันธ์วางกรอบไว้ชัดเจน ซึ่งทุกอย่างจะเหมือนเดิม เพียงแต่จะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนที่มองว่าตำแหน่งปลัดกลาโหมเชื่อมโยงกับทางการเมืองนั้น เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากสำนักงานปลัดกลาโหมเป็นฝ่ายอำนวยการให้กับรัฐมนตรี จึงต้องเกี่ยวพันกับฝ่ายการเมืองตลอด แต่เชื่อว่าไม่เป็นปัญหา เนื่องจากทำงานในหน้าที่ของเรา

ถก"กกต."จัดเลือกตั้ง

พล.อ.สุรศักดิ์กล่าวถึงการพูดคุยกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึงแนวทางการปฏิรูปการเลือกตั้งว่า วันนี้เราจะพูดคุยถึงกติกาการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม ประสบการณ์ของกกต. เพื่อลดอุปสรรคการเลือกตั้งและช่องทุจริตหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งที่ผ่านมาได้หารือกับฝ่ายการเมืองทั้งกลุ่มนปช. กลุ่มกปปส. ตัวแทน พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ โดยเราจะรวบรวมความคิดเห็นของทุกฝ่ายมาเป็นกรอบความเห็นร่วมในการปฏิรูปเพราะหากนำคำพูดของคนใดคนหนึ่งมา จะมีแต่ความขัดแย้งกัน

ที่สำนักงาน กกต. นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. แถลงถึงนายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร และคณะเข้าหารือกับปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าฝ่ายคณะทำงานปฏิรูปของคสช.ว่า ได้เชิญกกต.หารือถึงปัญหากฎหมายและการเลือกตั้ง เป็นข้อมูลไว้ให้กับสภาปฏิรูปพิจารณากฎหมายต่างๆ ซึ่งกกต.นำเสนอว่ากฎหมายหลายส่วนยากต่อการปฏิบัติเพราะไม่ชัดเจน หลายส่วนปฏิบัติไม่ได้เลย อาทิ ปัญหาการรับสมัครเช่นกรณีนักบวช นักพรต แม่ชีมารับสมัคร หรือบุคคลที่อยู่ระหว่างการถูก จำคุกโดยคำสั่งศาล แต่ยังไม่ถึงที่สุดและต้องการลงสมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งปัญหาการเลือกตั้งของเทศบาลที่มีปัญหาแบ่งเขต ทับซ้อนกันอยู่

เผยคสช.เล็งเลือกตั้งใหม่ต.ค.58

นายภุชงค์กล่าวว่า วันนี้เป็นเพียงการหารือถึงปัญหาแต่ยังไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดถึงแนวทางแก้ไข เพราะต้องรอให้มีสภาปฏิรูปและกกต.ต้องทำข้อมูลเสนอ ทั้งนี้กกต.จะประชุมในวันที่ 3 ก.ค. ตามที่มอบให้รองเลขาธิการทุกด้านกิจการ ผอ.การเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศไประดมความคิดเห็นสรุปปัญหาและแนวทางแก้ไข แต่ยังยืนยันไม่ได้ว่าในวันนั้นจะมีข้อยุติหรือไม่

เมื่อถามถึงรูปแบบการเลือกตั้งที่มีข่าวจะให้ส.ส.มาจากการสรรหา นายภุชงค์กล่าวว่า คณะทำงานปฏิรูปสอบถามและกกต.ได้ยืนยันว่าไม่เคยได้ยินและที่ผ่านมาก็ไม่เคยจัดการสรรหาส.ส. มีเพียงการสรรหาส.ว.เท่านั้น ซึ่งการสรรหาส.ส.ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ในการหารือไม่มีการกำหนดกรอบว่าจะให้ กกต.จัดทำข้อมูลเพื่อเสนอคสช.เมื่อใด แม้คสช.จะมีเป้าหมายจัดเลือกตั้งในเดือนต.ค.58 ก็ตาม

กต.โต้ต่างชาติงดซื้อสินค้าไทย

ที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัด กต. ปฏิบัติหน้าที่ รมว.ต่างประเทศ แถลงภายหลังหารือร่วมกับภาคประชาสังคมอาเซียน นำโดยนางชลิดา ทาเจริญศักดิ์ ผอ.มูลนิธิศักยภาพชุมชน เกี่ยวกับการทบทวนร่างขอบเขตหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (AICHR) ว่า ในเดือนพ.ย.นี้ ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุม AICHR เพื่อผลักดันด้านสิทธิมนุษยชน โดยฝากให้ช่วยผลักดันบทบาทของกรรมาธิการโดยเฉพาะสิทธิของแรงงานต่างด้าว ประเด็นการค้ามนุษย์และอาชญากรรมข้ามชาติ ที่เป็นปัญหาร่วมกันในภูมิภาค 

นายสีหศักดิ์ยังกล่าวถึงข่าวบริษัทต่างประเทศแถบยุโรปและสหรัฐจะระงับสั่งซื้อสินค้าอาหารทะเลของไทยว่า ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ฝรั่งเศสเข้าใจดี ซึ่งบางอย่างอาจเป็นข่าวลือ อีกทั้งข้อมูลคลาดเคลื่อน ซึ่งกระทรวงได้ประสานกระทรวงพาณิชย์และเอกชนให้ดำเนินการเชิงรุก ล่าสุดมีการประชุมของสมาคมผู้นำเข้าสินค้าอาหารทะเลสหรัฐโดยยังมั่นใจมาตรฐานสินค้าอาหารทะเลจากไทย ดังนั้นข่าวระงับสินค้าจึงไม่จริง นอกจากนั้นในวันที่ 1-2 ก.ค. จะเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ โดยจะชี้แจงถึงวิวัฒนการทางการเมืองไทย รวมถึงพบ สมเด็จฮุนเซน นายกฯ กัมพูชา เพื่อหารือแบบทวิภาคี เนื่องจากต้องการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายต่างประเทศ พร้อมทั้งพัฒนาพื้นที่ชายแดน และการจัดระเบียบแรงงาน ซึ่งสมเด็จฮุนเซน เน้นย้ำว่าทั้งสองประเทศต้องร่วมมือกัน

ตร.ถกเครียดแก้"ค้ามนุษย์"

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร. เป็นประธานประชุมเพื่อหามาตรการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของไทย โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงแรงงาน หลังจากสหรัฐลดอันดับความน่าเชื่อถือปัญหาการค้ามนุษย์ในไทยให้อยู่ในระดับเทียร์ 3 หรือล้มเหลว 

พล.ต.อ.วัชรพล เปิดเผยว่า เพื่อหามาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นในทุกเรื่อง ทั้งการช่วยเหลือเหยื่อ การปราบปรามและเรื่องที่เป็นจุดอ่อนจะปรับให้ดีขึ้น ส่วนปัญหาแรงงานประมงที่ถูกกล่าวหาและโจมตีจากต่างชาติอย่างมากนั้น รัฐบาลก็ให้ความสำคัญ ภาครัฐ เอกชนและสมาคมประมงต้องช่วยกันแก้ปัญหา เพราะประมงเป็นอาชีพที่ตรากตรำจึงไม่มีใครอยากทำ จึงทำให้มีขบวนการค้ามนุษย์นำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานตรงนี้ หากเราประกาศว่าแรงงานในประเทศนี้มีสวัสดิการที่ดีหรือมีค่าตอบแทนที่สูงจะเกิดความโปร่งใสและชัดเจนในการตรวจสอบ ซึ่งต้องมีการร่วมงานจากหลายหน่วยงาน

พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ปีที่ผ่านมาไทยประสบปัญหาถูกใช้เป็นทางผ่านเดินทางไปประเทศที่ 3 ของชาวโรฮิงยา และชาวซินเจียงอูยกูร์ โดยทางการไทยได้ดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชนโดยตลอด โดยในปีนี้จะเฝ้าระวังและแก้ไขอย่างต่อเนื่อง สืบสวนสอบสวนจับกุมขบวนการที่นำคนเหล่านี้เข้ามาและผ่านไปประเทศที่ 3

แรงงานกัมพูชากลับมาทำงานแล้ว

ที่ศูนย์ทำบัตร วันสต๊อปเซอร์วิส ภายในตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว มีแรงงานชาวกัมพูชาและนายจ้างเดินทางเข้ามารับแรงงานกันมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ทำป้ายแขวนแยกประเภทของแรงงานอย่างชัดเจน ทำให้ง่าย ต่อการคัดแยก ส่วนที่หน้าด่านคลองลึก สภ.คลองลึกจัดรถปิกอัพวิ่งรับส่งแรงงานชาวกัมพูชา จากชายแดนไปส่งยังที่ศูนย์รับทำบัตรแรงงาน เพื่ออำนวยความสะดวก ส่วนที่สะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา มีแรงงานแดิน ทางข้ามเข้ามาในฝั่งไทยเพื่อทำบัตรไปทำงานตลอดทั้งวัน 

พ.ต.อ.ธีรชัย เด็ดขาด ผกก.ตม. สระแก้ว กล่าวว่า ตอนนี้ข่าวลือต่างๆ ไม่มีแล้ว แรงงานส่วนใหญ่ไม่มีใครหลงเชื่อ ส่วนยอดการเข้ามาทำบัตร เมื่อเวลา 15.00 น. มียอดร่วม 400 คน โดยยอดการทำบัตรแรงงานตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.จนถึงปัจจุบัน มียอดมากกว่า 4,000 คน ไม่นับแรงงานที่เข้ามาด้วยพาสปอร์ตเล่มขาวหรือบอร์ดดิ้งพาส

ตั้งเป้าคุมหวย 80 บ.ในกทม.ก่อน

นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เผยว่า ภายในสัปดาห์นี้จะตั้งประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลคนใหม่ แทนนายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ที่แจ้งลาออก แม้ตามระเบียบแล้วประธานสลากฯ จะมาจากปลัดกระทรวงการคลังโดยตำแหน่งก็ตาม แต่ตนจะไม่เข้าไปทำหน้าที่ เนื่องจากมีตำแหน่งกรรมการในรัฐวิสาหกิจครบทั้ง 3 แห่งแล้ว โดยกำลังพิจารณาอยู่ว่าใครควรมาทำหน้าที่ ส่วนจะเป็นอธิบดีกรมศุลกากรหรือพล.ท. อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก คงไม่สามารถยืนยันได้ อาจเป็นคนอื่นก็ได้ เป็นได้ทั้งคนในหรือคนนอก

เมื่อถามถึงกรณีหัวหน้าคสช.สั่งการให้ดูแลราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ให้เกิน 80 บาทนั้น นายรังสรรค์กล่าวว่า ต้องดำเนินการเต็มที่ และคณะกรรมการที่เหลือยังมีอำนาจเต็ม ได้รับรายงานว่าสลากกินแบ่งวดวันที่ 16 ก.ค. จะดูแลกวดขันในเขตกรุงเทพฯ ไม่ให้เกิน 80 บาทได้ก่อน ซึ่งต้องดูความเหมาะสมและค่อยๆ ปรับเปลี่ยน ก่อนจะเริ่มเข้มงวดในต่างจังหวัด ซึ่งการขายสลากเกินราคา ถือว่าผิดข้อตกลงที่ทำไว้กับสำนักงานอยู่แล้ว ระยะต่อไปจะเน้นการกระจายสลากให้กับรายย่อยโดยตรงมากขึ้น เฉพาะต้นทุนสลากอยู่ที่ 72 บาทต่อฉบับ ผู้ค้าก็มีกำไรต่อฉบับละ 8 บาทอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมามีการขายผ่านหลายทอด ทำให้ปรับราคาขายเพิ่มขึ้น อาจต้องพิจารณาโควตาจัดสรร 

ผู้ค้ายันคุมราคาทำได้ยาก

รายงานข่าวจากผู้ค้าส่งสลากกินแบ่งรัฐบาลทั่วไป แจ้งว่า การเร่งรัดจับกุมผู้ที่ขายสลากเกิน 80 บาท ที่ผ่านมา ส่งผลให้การซื้อขายงวดวันที่ 1 ก.ค. ไม่คึกคัก มีการชะลอซื้อ ลูกค้าจำนวนมากต้องการราคาขายปลีกที่ใบละ 80 บาท แต่ร้านค้าไม่สามารถขายได้ เนื่องจากราคาที่รับมากกว่า 88 บาทแล้ว ส่งผลให้ต้องเร่งเทขายสลากออกไปในราคาใกล้เคียงกับราคาต้นทุน เนื่องจากกลัวว่าจะมีลอตเตอรี่เหลืออยู่เต็มแผง ขาดทุนมากกว่าเดิม 

ผู้ค้าส่งสลากกินแบ่งรัฐบาลทั่วไประบุด้วยว่า หากคสช.จะเข้ามาควบคุมราคาคงทำได้ยาก สุดท้ายก็ไม่สามารถทำได้ เรื่องนี้เป็นปัญหาสะสมมานาน หากคสช.จะให้ขายในราคาคู่ละ 80 บาท ต้องยกเลิกโควตาที่มีอยู่ทั้งหมด และให้ประชาชนหรือรายย่อยเข้าไปรับจากสำนักงานสลากฯ ที่เป็นผู้จำหน่าย เพื่อไม่ให้เกิดการกระจายและเป็นเกณฑ์ซื้อขายแบบเดียวกัน เชื่อว่าการแก้ไขของสำนักงานสลากฯ ในงวดวันที่ 16 ก.ค. นี้ อาจไม่ได้ผล แม้จะให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สุ่มตรวจตามร้านค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่าย แต่ไม่ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ซึ่งยังไม่รวมการขายแบบหาบเร่และจักรยาน ซึ่งควบคุมลำบากมาก

จี้"จยย.วิน"ลงทะเบียนให้ถูกต้อง

นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เพื่อจัดระเบียบรถจักรยานยนต์สาธารณะในเขตกทม. มีประสิทธิภาพมากขึ้นตามนโยบายของ คสช. กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่ยังไม่ได้จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย (ที่ยังไม่มีป้ายเหลือง) ยื่นขอจัดตั้งวินหรือขอหนังสือรับรองการใช้รถจักรยานยนต์สาธารณะ เพื่อจดทะเบียนเพิ่มในวินเดิม ภายในวันที่ 4 ก.ค. นี้ ที่สำนักงานเขตที่วินตั้งอยู่ เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย 

นายอัฌษไธค์กล่าวว่า กรณีไม่มีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ ผู้ขอจะต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ และให้ใช้ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลหรือใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ชั่วคราวฉบับจริงพร้อมสำเนา และจัดทำบันทึกถ้อยคำการขอผ่อนผัน ซึ่งผู้ขอจะต้องจัดนำใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะมายื่นต่อนายทะเบียนท้องที่ที่รถนั้น จดทะเบียนไว้ภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2558 หากไม่ดำเนินการ จะเพิกถอนทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะนั้น ส่วนกรณีการเพิ่มผู้ขับขี่ในวินเดิมใช้หลักฐานเช่นเดียวกับขอจัดตั้งวินใหม่ ยกเว้นแผนผังแสดงที่ตั้งวินและแผนผังการจอดรถและบัญชีรายชื่อในวินที่ไม่ต้องนำมาประกอบคำขอ กรณีรถจักรยานยนต์สาธารณะในต่างจังหวัดยังต้องขอหนังสือรับรองการใช้รถจักรยานยนต์สาธารณะจากคณะอนุกรรมการประจำอำเภอเช่นเดิม

คสช.สั่งย้ายบิ๊กขรก.อีกล็อต

     เมื่อเวลา 20.30 น. คำสั่งที่ 81/2557 เรื่องการกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการไปดำรงตำแหน่ง เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ หัวหน้าคสช.มีคำสั่งดังนี้ 1.เพิ่มตำแหน่งข้าราชการ ที่ปรึกษาสำนักนายกฯ 2 ตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง 1 ตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน 1 ตำแหน่ง

2.ให้นายสมชัย ศิริวัฒนโชค พ้นจากปลัดกระทรวงคมนาคม มาเป็นที่ปรึกษาสำนัก นายกฯ เป็นการพิเศษเฉพาะราย

3.นายโชติ ตราชู พ้นจากปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เป็นที่ปรึกษาสำนักนายกฯ เป็นการพิเศษเฉพาะราย

4.นายสุทธิชัย สังขมณี พ้นจากอธิบดี กรมสรรพากร เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง การคลัง

5.นายประวิช เคียงผล พ้นจากอธิบดีกรมการจัดหางาน เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน

6.นางสร้อยทิพย์ ไตรสิทธิ์ พ้นจากรองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นปลัดกระทรวงคมนาคม

7.นางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤกษดิ์ พ้นจากรองปลัดทส. เป็นปลัดทส.

8.นายเกษมสันต์ จิณณวาโส พ้นจากหัวหน้าผู้ตรวจทส. เป็นรองปลัดทส.

9.นายจตุพร บุรุษพัฒน์ พ้นจากอธิบดี กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ

10.น.ส.วิภาณี ปุณณกันต์ พ้นจากผู้ตรวจราชการ ทส. เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม

11.นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล พ้นจากรองปลัดทส. เป็นเลขาธิการสำนักนโยบายและแผน ทส. 

12.นายประสงค์ พูนธเนศ พ้นจากผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐ วิสาหกิจ เป็น อธิบดีกรมสรรพากร

13. นายกุลิศ สมบัติศิริ พ้นจากผู้ตรวจกระทรวงการคลัง เป็นผอ.ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ

14.นายพีรพัฒน์ พรศิริเลิศกิจ พ้นจาก ผู้ตรวจกระทรวงแรงงาน เป็นรองปลัดกระทรวงแรงงาน

15.นายสุเมธ มโหสถ พ้นจากรองปลัดแรงงาน เป็นอธิบดีกรมการจัดหางาน

16.ให้ข้าราชการซึ่งดำรงตำแหน่งข้างต้นปฏิบติหน้าที่ตามตำแหน่งตั้งแต่วันที่มีคำสั่ง

17.ให้สำนักงานก.พ.สำนักงบประมาณและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสอบตำแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการดังกล่าวโดยด่วนโดยจัดให้ดำรงตำแหน่งที่ไม่ต่ำกว่าตำแหน่งที่ข้าราชการผู้นั้นดำรงตำแหน่งอยู่

18.เมื่อมีครม.ให้นำกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งข้าราชการตามคำสั่งนี้

19.เมื่อไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งตามข้อ 2, 3, 4 และ5 ให้ตำแหน่งดังกล่าวยกเลิก

ให้อำนาจปธ.บอร์ดอนุมัติ 100ล.

คสช.มีคำสั่งที่ 75/2557 เรื่องผู้รักษาการในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจและขออนุมัติโครงการใหม่และการขออนุมัติวงเงินเกิน 100 ล้านบาทของรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องและรอบคอบ อำนวยความสะดวกโดยรวม คสช.มีประกาศดังนี้ 1.ในประกาศนี้ รัฐวิสาหกิจหมายถึงองค์กรของรัฐ หน่วยงานที่รัฐเป็นเจ้าของ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดที่รัฐมีหุ้นอยู่เกินร้อยละ 50

2.เมื่อประธานบอร์ดว่างลง นอกจากครบตามวาระ ให้รองประธาน รักษาการประธานบอร์ด มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับประธานบอร์ด กรณีมีรองประธานหลายคน ให้บอร์ดเลือกรองประธานคนหนึ่งขึ้นเป็นรักษาการประธานบอร์ด กรณีไม่มีรองประธานหรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้บอร์ดเลือกบอร์ดคนหนึ่งขึ้นมาทำหน้าที่รักษาการประธานบอร์ด

3.กรณีประธานบอร์ดพ้นจากตำแหน่งตามวาระและให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีประธานใหม่ ให้นำความในข้อ 2 บังคับโดยอนุโลม 4.รัฐวิสาหกิจต้องได้รับอนุมัติจากคสช.ก่อน กรณี1.การลงทุนหรือริเริ่มโครงการใหม่เกิน 100 ล้านบาท 2.การทำธุรกรรมเกิน 100 ล้านบาท

ย้ายอีกล็อต'ปลัด-อธิบดี'จัด 14 เก้าอี้ 'สร้อยทิพย์'คุมคมนาคม 'โชติ'หลุด-มิ่งขวัญแทน ถอนพาสปอร์ต'จักรภพ''จารุพงศ์-แดง'โดนด้วย ตร.จับ'จ่าโก'คลังอาวุธ เร่งปรองดองจบกรกฎา

รับมอบ - สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมจัดพิธีส่งมอบตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ระหว่าง พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ประธานคณะที่ปรึกษาปลัดกระทรวงกลาโหม กับ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน



จับอาวุธ - พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. แถลงข่าวจับกุม จ.ส.อ.ภคภูมิ หรือสมศักดิ์ หรือจ่าโก โกศินานนท์ อายุ 57 ปี ทหารนอกราชการ พร้อมของกลางอาวุธสงคราม ระเบิด และกระสุนปืนจำนวนมาก ที่ บช.ภ.1 เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน

มติชนออนไลน์ :

      ศูนย์ปรองดองฯเดินหน้าตามแผนจัดข้อมูล 'คืนความสุข-ลดขัดแย้ง' ให้สภาปฏิรูปดำเนินการต่อ มุ่งให้นายกฯ-ส.ส.เดินไปทุกตารางนิ้วทั่วไทย ไม่ถูกต้าน 'อุดมเดช'สั่งหน่วยงานตอบโต้'จักรภพ'

@ "คสช."ปัดกลั่นแกล้ง"จักรภพ"

        เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 มิถุนายน ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบหมายให้ พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร รอง ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. เป็นประธานในการประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวัน โดยแต่ละฝ่ายได้รายงานสถานการณ์และการปฏิบัติที่สำคัญ ผ่านระบบทางไกลผ่านดาวเทียม 

      พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตอบโต้ นายจักรภพ เพ็ญแข ที่ออกมาระบุ ให้ คสช.แสดงหลักฐานกรณีกล่าวหาว่าเจ้าตัวมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธสงคราม เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบว่า คสช.ไม่ได้กลั่นแกล้ง แต่ได้ดำเนินการไปตามพยานหลักฐานที่ได้มีการสอบสวนแล้วมีการพาดพิงไปถึง ส่วนกรณีสื่อต่างประเทศได้รายงานข่าวถึงการที่ คสช.ควบคุมตัวนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ประจำประเทศไทย ทั้งยังไม่เข้าใจถึงการเข้าบริหารประเทศของ คสช. ได้ขอให้มีการใช้ช่องทางการทูตของประเทศนั้นๆ ทำความเข้าใจ ชี้แจงให้ได้รับทราบถึงเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินการของ คสช.อย่างแท้จริง 

       พล.อ.อุดมเดช กล่าวถึงการที่ได้ประชุมหารือกับผู้บริหารสื่อเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยว่า เรื่องสื่อเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหวในการเข้าไปดำเนินการใดๆ ขอให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ใช้ความระมัดระวัง และวิจารณญาณอย่างรอบคอบในการพูดคุยและดำเนินการ รวมถึงควรประสานกับผู้บริหารสื่อก่อน เว้นแต่กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน

@ ปลัดกต.หาช่องทางตามล่า

       ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการถอนหนังสือเดินทางของบุคคล จำนวน 6 คน ประกอบด้วย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ นายจักรภพ เพ็ญแข นายสุนัย จุลพงศธร น.ส.ฉัตรวดี อมรพัฒน์ หรือโรส นายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง อาชีวะ และนายอรรถชัย อนันตเมฆ ที่ถูกออกหมายจับตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่า ได้ดำเนินการไปแล้วตามกระบวนการ ซึ่งมีขั้นตอนตามระเบียบที่จะต้องปฏิบัติต่อไป สำหรับกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข เลขานุการองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยที่อยู่ในฮ่องกงนั้น จากการตรวจสอบ ประเทศไทยกับฮ่องกงไม่มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน จึงต้องหารือว่าจะใช้ช่องทางใดได้บ้าง อยู่ระหว่างการประสานงาน และต้องมีคำขออย่างเป็นทางการจากอัยการสูงสุดเข้าใจว่าขณะนี้อยู่ในกระบวนการดำเนินการ

      รายงานข่าวแจ้งว่า กระทรวงการต่างประเทศได้เพิกถอนหรือยกเลิกหนังสือเดินทางของบุคคลทั้ง 6 รายดังกล่าว เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 

ข้อ 23 (2) ที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่สามารถยกเลิกหรือเรียกหนังสือเดินทางได้ เมื่อปรากฏภายหลังว่าผู้ถือหนังสือเดินทางเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่อาจออกหนังสือเดินทางได้ เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาที่ได้มีการออกหมายจับไว้แล้ว ทั้งนี้ เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ หลังกระทรวงการต่างประเทศได้รับหนังสือจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ขอให้เพิกถอนหนังสือเดินทางของบุคคลทั้ง 6 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ได้ออกหมายจับไว้แล้ว

@ อัยการพร้อมติดตามตัวให้

นายนันทศักดิ์ พูลสุข โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวกรณีศาลทหารจังหวัดสระบุรีอนุมัติหมายจับนายจักรภพ เพ็ญแข ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ไม่มารายงานตัว และข้อหาอยู่เบื้องหลังการจัดหาอาวุธสงครามจำนวนมาก ว่า หาก ตร.จะประสานให้อัยการดำเนินการขอส่งตัวนายจักรภพเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ก็ต้องประสานไปยังนายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เพื่อมีคำสั่งให้อัยการร่วมปฏิบัติหน้าที่กับพนักงานสอบสวนในการติดตามขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน อัยการจะต้องปฏิบัติเหมือนกับการติดตามตัวผู้ร้ายข้ามแดนรายอื่นๆ คือจะต้องตรวจสอบว่าประเทศที่ผู้ต้องหาหลบหนีอยู่นั้นมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอันดีต่อกันหรือไม่ หากอยู่ในเงื่อนไขสามารถดำเนินการได้ทันที ทั้งนี้ หากทางอัยการสูงสุดได้รับการประสานจากพนักงานสอบสวนเข้ามาจริง ทางอัยการมีความพร้อมในการดำเนินการขอส่งตัวนายจักรภพเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป 

นายนันทศักดิ์กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ดี ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าการดำเนินการติดตามตัวนายจักรภพ จะเป็นหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุดหรืออัยการศาลทหาร เพราะหมายจับของนายจักรภพถูกออกโดยศาลทหาร คดีนี้อาจต้องอยู่ในความดูแลของอัยการศาลทหารด้วย แต่ต้องรอดูว่าจะมีการประสานให้อัยการสูงสุดหรืออัยการศาลทหารเป็นผู้ติดตามตัวนายจักรภพอีกครั้ง 

@ "จารุพงศ์"โต้ผ่านเฟซบุ๊ก

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.50 น. เฟซบุ๊กของนายจักรภพ เพ็ญแข มีการอัพเดตข้อมูลข่าวนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะเลขาธิการองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ที่กล่าวถึงการที่นายจักรภพถูกออกหมายจับในคดีมีส่วนร่วมในคดีครอบครองอาวุธสงคราม โดยไม่มีหลักฐานประกอบใดๆ รวมถึงที่มีการควบคุมเนื้อหาข่าวสารของสื่อ

@ "สมยศ"โต้หลักฐานจักรภพ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.ด้านความมั่นคง กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีเกี่ยวข้องกับอาวุธสงคราม ว่า กรณีการขออนุมัติหมายจับนายจักรภพ เพ็ญแข มาจากการจับกุมอาวุธปืนในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้ต้องหาให้การซัดทอดว่านายจักรภพมีส่วนรู้เห็นกับการนำมาซึ่งอาวุธ รู้เห็นการจัดหาอาวุธซึ่งเกี่ยวข้องอย่างไรได้บันทึกอยู่ในสำนวนคดี ส่วน กรณีนายจักรภพออกมาโวยวายว่าตำรวจและ คสช.สร้างหลักฐานขึ้นมาเพื่อดำเนินการใช้สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น บอกเลยว่าไม่จำเป็นต้องใช้ตรงนี้ นายจักรภพมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 215-216 กรณีนำมวลชนแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปก.) ปิดล้อมบ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2550 คดีนี้ดำเนินการส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้อยู่แล้ว

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ล่าสุด พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ออกคำสั่งแต่งตั้งพนักงานงานสอบสวนคดีอาวุธปืนทั้งหมด มีตนเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน จะมีการนำสำนวนคดีอาวุธปืนอาวุธสงครามที่เกิดขึ้น ทั้ง บช.น. บช.ภ.1, 2, 4 และ 6 เข้าไว้ด้วยกันทั้งหมด จะโยงใยให้เห็นว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร 

@ รวบรวมคดีปืนเชื่อมโยงทั้งหมด

รายงานข่าวแจ้งว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีอาวุธปืนอาวุธสงครามกำลังรวบรวมเชื่อมโยงคดีที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เบื้องต้นมีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่านายจักรภพมีความเกี่ยวข้องกับขอนแก่นโมเดล ทั้งนี้ กฎหมายอาญามาตรา 215 ผู้ใดมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ บรรดา

ผู้ที่กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้า หรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิดนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 216 เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมเพื่อกระทำความผิด ตามมาตรา 215 ให้เลิกไป ผู้ใดไม่เลิก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

@ ตร.แถลงจับคลังอาวุธเพียบ

เมื่อเวลา 14.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท. ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. และเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารม้าที่ 19 ค่ายสุรสีห์ ร่วมกันแถลงจับกุม จ.ส.อ.ภคภูมิ 

โกศินานนท์ หรือจ่าโก อายุ 58 ปี อดีตทหารสังกัดกรมทหารม้าที่ 1 ตำเเหน่ง นายสิบการข่าว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี ในข้อหา ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ที่ใช้เฉพาะการสงคราม ที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครอง โดยฝ่าฝืนกฎหมาย พร้อมของกลาง 

ดังนี้

1.อาวุธปืน เอเค 47 จำนวน 2 กระบอก หมายเลขปืน 2925713 และ 2506728 ซองกระสุน 3 ซอง 2.อาวุธปืน เอ็ม 16 เอ 1 จำนวน 1 กระบอก หมายเลขปืน 4919694 ซองกระสุน 4 ซอง 3.กล้องเล็งยิง 2 กล้อง 4.เครื่องกระสุน ชนิดเอเค 47 ขนาด 7.62 มม. จำนวน 561 นัด 5.เครื่องกระสุนชนิดเอ็ม 16 ขนาด 5.56 มม. จำนวน 235 นัด 6.กระสุนขนาด 12.7 มม. จำนวน 17 นัด 7.กระสุนขนาด .45 จำนวน 15 นัด 8.กระสุนขนาด .32 จำนวน 41 นัด 9.กระสุนปืนคาร์บิน ขนาด .30 จำนวน 108 นัด 

10.ระเบิดเคโม 2 ลูก พร้อมม้วนสายไฟ 2 ม้วน 11.เครื่องจุดแม็คนิโต 2 อัน 12.ระเบิดแบบขว้างสังหาร ชนิดอาร์จีดี 5 จำนวน 10 ลูก พร้อมชุดกระเดื่อง 1 กระป๋อง เลขล็อตที่ 58-89 ระเบิดควัน 1 ลูก 13.เชื้อปะทุไฟฟ้า 67 อัน 9.เสื้อเกราะกันกระสุนแบบใยแก้ว 1 ตัว 14.กระเป๋าใส่ซองกระสุน 1 ตัว แส้ทำความสะอาดปืน 

1 ชุด และหม้อสนาม 1 ใบ โดยจับกุมตัวได้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

@ ตรวจสอบใช้ก่อเหตุที่ไหนบ้าง

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาที่ครอบครองอาวุธสงครามในพื้นที่ สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนสอบสวนขยายผลและออกหมายจับผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารจังหวัดทหารบกสระบุรีอีก 8 คน สามารถจับกุมตัว จ.ส.อ.ภคภูมิ หนึ่งในผู้ต้องหาได้ โดย จ.ส.อ.ภคภูมินำเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นอาวุธสงครามของกลางทั้งหมดได้ภายในห้องเก็บของลานไนน์ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี คลอง 6 จ.ปทุมธานี อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถระบุได้ว่าอาวุธทั้งหมดนี้เคยถูกใช้ก่อเหตุที่ใดบ้าง เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนของการขยายผล 

@ "บิ๊กโชย"สรุปผลศูนย์ปรองดอง

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของ ศปป.ว่า ศูนย์ปรองดองฯ ดำเนินการตามแผนงานที่ได้วางไว้ มีกิจกรรมหลัก 4 ประการ คือ 1.การคืนความสุขให้กับคนไทย จะได้เห็นว่ามีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งดนตรี กีฬา ขนบธรรมเนียมประเพณี 2.การลดหรือยุติความขัดแย้ง โดยได้เชิญบุคคลและกลุ่มดังกล่าวมาพูดทำความเข้าใจ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความปรองดองสมานฉันท์ ทั้งที่เป็นรายบุคคลและกลุ่มก้อน ทั้งจัดเวทีสัมมนา และดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามแบบแผน 3.ขยายความร่วมมือไปยังภาคประชาสังคมก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี คนไทยทุกคนต่างเห็นด้วยที่จะให้ประเทศไทยกลับไปมีความรักความสามัคคีเหมือนเดิม และ 4.การเก็บรวบรวมข้อมูล พร้อมกับส่งข้อมูลมายังส่วนกลางตามนโยบายของหัวหน้า คสช. และไม่ได้ชี้ถูกผิดเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนงาน คือสิ้นเดือนกรกฎาคมจะรวบรวมข้อมูลให้เป็นหมวดหมู่และส่งไปให้กับสภาปฏิรูป

@ อยากให้นายกฯเดินได้ทุกตารางนิ้ว

"ทั้งนี้ ศปป.มีการประเมินผลและอยู่ในเกณฑ์พอใจ ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือ ส่วนคลื่นใต้น้ำก็จะต้องอาศัยการพูดคุยและการทำความเข้าใจ เราได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ ถ้าหากว่าศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปสำเร็จ เราก็จะได้เห็นว่านายกรัฐมนตรี นักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน ทุกคนต้องเดินได้ทุกตารางนิ้วในประเทศไทยนี้ ไม่ใช่เดินได้เฉพาะในภาคใดภาคหนึ่ง ต้องเดินให้ได้ในทุกพื้นที่ นายกรัฐมนตรีต้องบริหารราชการได้ ส่วน ส.ส.ก็จะต้องลงพื้นที่ดูแลประชาชนทุกกลุ่มก้อน นี่คือสิ่งที่เราปรารถนา" พล.อ.กัมปนาทกล่าว

@ ลงสำรวจหมู่บ้านเช็กปรองดอง

พล.ท.กัมปนาทกล่าวว่า การดำเนินการสร้างความปรองดองอยู่ที่ความเชื่อใจ และเราก็มีการตรวจสอบอยู่ ไม่ใช่เฉพาะกระทรวงมหาดไทย หรือ กระทรวงสาธารณสุข ในส่วนกองทัพเองก็มี ซึ่งจะลงพื้นที่ในแต่ละหมู่บ้าน 2-3 ครั้ง ว่ากลุ่มเป้าหมายดังกล่าวมีความจริงใจในการปรองดองหรือไม่ สิ่งที่ทำอยู่เป็นจุดเริ่มต้น

ของความปรองดองสมานฉันท์ เพราะเปิดโอกาสให้คนมาพูดคุยกันตั้งแต่กลุ่มเล็กๆ มาจนถึงกลุ่มใหญ่ ขณะนี้จะไม่มีการเรียกให้ใครมารายงานตัวอีก เพราะงานทุกอย่างมีความก้าวหน้าไป 60-70 เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยพยายามปรับไปตามสถานการณ์ ในส่วนของหมู่บ้านเสื้อแดงก็มีการลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจ มองว่าชาวบ้านไม่ได้มีปัญหาแต่ที่สำคัญอยู่ที่แกนนำไปบอกข้อมูลที่ผิดๆ หรือเป็นการฝังชิปในหัวของชาวบ้าน ทำให้เข้าใจบางสิ่งบางอย่างที่คลาดเคลื่อนไป จะเห็นได้ว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการฝังข้อมูลด้านเดียวปฏิเสธข้อมูลด้านอื่นๆ ตรงนี้จะต้องเข้าไปชี้แจงกับชาวบ้านเพื่อให้รับข้อมูลข่าวสารในหลายทาง ในส่วนของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยก็เช่นกัน ต้องไปอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจว่าประชาธิปไตยที่ถูกต้องคืออะไร ไม่ใช่เฉพาะแค่การเดินไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง หรือต้องเคารพเสียงข้างมาก นี่ถือเป็นเปลือกนอกของระบอบประชาธิปไตย แต่ในส่วนของเปลือกในของระบอบประชาธิปไตยคืออะไร

@ สถาบันอยู่เหนือความขัดแย้ง

"สิ่งเหล่านี้จะต้องให้เขาเรียนรู้เหมือนกับเรื่องสถาบันก็จะต้องเข้าไปชี้แจงว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง ท่านไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง แต่ปัญหาต่างๆ มีคนเอาสถาบัน และ ม.112 ไปเกี่ยวข้อง สร้างความเกลียดชังจนทำให้เกิดความขัดแย้ง จากรับฟังความคิดจากทุกฝ่ายก็ไม่มีใครเสนอให้แก้ไข ม.112 อย่างกรณีของนายโจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซี ประเทศอังกฤษ ที่มาสัมภาษณ์ เขาก็ได้สอบถามในประเด็น ม.112 ซึ่งผมได้ถามไปว่าในประเทศของคุณมีกฎหมายที่ปกป้องผู้นำหรือไม่ ทุกประเทศมีกฎหมายที่คุ้มครองผู้นำทั้งหมด แต่พอประเทศของผมมี คุณก็มาว่า ซึ่งผมว่ามันไม่ถูกต้อง มันไม่ใช่ ในแต่ละประเทศก็จะต้องมีศักดิ์ศรีของประเทศเขา ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องเป็นแบบนี้หมดมันไม่ใช่การจัดระเบียบโลก บ้านของเราเรามีสติปัญญาคิดเองเป็น แก้ปัญหาเองได้ และเราก็มีความเป็นประชาธิปไตย" พล.ท.กัมปนาทกล่าว

@ คสช.เผยก.ค.ใช้รธน.ชั่วคราว

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. ให้สัมภาษณ์กรณีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเพื่อใช้ในการบริหารประเทศตามหลักนิติรัฐว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีสภาปฏิรูปแห่งชาติทำหน้าที่ปฏิรูปประเทศในทุกด้านนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับถาวรต่อไป เป็นไปตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ทุกประการ และให้สังคมได้เห็นกรอบการทำงานตามโรดแมปที่ชัดเจน การดำเนินการจะเป็นไปตามนั้น โดยรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวจะมีการนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยให้มีผลบังคับใช้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้

เมื่อถามถึงความชัดเจนในเรื่องที่รัฐธรรมนูญฉบับถาวรนั้นจะมีการทำประชามติหรือไม่ พ.อ.หญิงศิริจันทร์กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวคงต้องรอความชัดเจนจาก คสช.ก่อน

@ "บิ๊กแป๊ะ"ส่งมอบเก้าอี้ปลัดกห.

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ลานอเนกประสงค์ ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการประกอบพิธีรับ-ส่งหน้าที่และมอบการบังคับบัญชาปลัดกระทรวงกลาโหมระหว่าง พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ประธานคณะที่ปรึกษาปลัดกระทรวงกลาโหม กับ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมทั้งทำพิธีสักการะองค์พระศาลหลักเมือง ที่ศาลหลักเมือง จากนั้น พล.อ.สุรศักดิ์ได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทำพิธีลงนามในเอกสารรับมอบ-ส่งหน้าที่

@ ภูมิใจได้พิทักษ์รักษาอธิปไตย

พล.อ.นิพัทธ์กล่าวมอบตำแหน่งว่า เป็นไปตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 77/2557 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2557 ให้ไปดำรงตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งนับตั้งแต่ได้รับตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมมีความรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯให้ปฏิบัติหน้าที่ ดำรงตำแหน่งที่สำคัญตามลำดับชั้นที่เป็นงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้เคร่งครัดการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎกระทรวงกลาโหมกำหนด คือการเป็นส่วนหนึ่งในการพิทักษ์รักษาอธิปไตยของชาติ ทำหน้าที่ประสานภารกิจของเหล่าทัพ และส่วนราชการ

อื่นๆ โดยเฉพาะภารกิจเพื่อชาติ และราชบังลังก์ ทั้งนี้เพื่อนข้าราชการในสำนักปลัดกระทรวงกลาโหมทั้งหลายคือปัจจัยแห่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2556 เป็นต้นมา ขอน้อมคารวะในความร่วมมือร่วมใจของเพื่อนข้าราชการในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมทุกท่าน ทุกระดับ ทุกหน่วยงาน และไม่ละเลยที่จะขอบคุณแม้กระทั่งพนักงานราชการที่เคยทำความสะอาดห้องให้

@ "แอ่นอก"รับคำตำหนิคนเดียว

"ตลอดระยะเวลาที่ผมเข้ามารับราชการในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ขอเอ่ยคำขอโทษ หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ทำให้ทุกท่านไม่สบายใจ ผมขอน้อมรับข้อบกพร่องความผิดพลาดทั้งปวง ขอให้ท่านตำหนิ พล.อ.นิพัทธ์คนเดียวเท่านั้น ขออย่าได้ตำหนิปลัดกระทรวงกลาโหม แม้ว่าผมจะพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ปลัดกระทรวงกลาโหมคนที่ 45 ผมยังคงภาคภูมิใจในเกียรติยศและศักดิ์ศรี ความสง่างาม ในทหารสังกัดกระทรวงกลาโหมตราบจนกว่าชีวิตจะหาไม่" พล.อ.นิพัทธ์กล่าว 

และว่า สำหรับปลัดกระทรวงกลาโหมคนใหม่ เป็นนักเรียนนายร้อยรุ่นพี่ของตน ที่เคยปกครองดูแลตน ในขณะที่ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า พล.อ.สุรศักดิ์เป็นนายทหารที่มีศักยภาพ มากด้วยความรู้ ความสามารถและเพียบพร้อมด้วยประสบการณ์ที่ได้ทุ่มเทให้กับแผ่นดินไทยและกับสังคมไทยมาเกือบทั้งชีวิตจนปัจจุบัน ขอแสดงความยินดี

@ "บิ๊กเต่า"ไม่หนักใจนั่งเก้าอี้ปลัด

ด้าน พล.อ.สุรศักดิ์กล่าวรับตำแหน่งว่า ตลอดระยะเวลาประธานคณะที่ปรึกษาปลัดกระทรวงกลาโหมได้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมได้ใช้ความรู้ ความสามารถและความเป็นผู้นำ ปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมให้มีความเจริญก้าวหน้าในทุกด้าน โดยเฉพาะการมุ่งเน้นให้ทุกหน่วยมีการพัฒนา เพื่อให้เป็นหน่วยทหารชั้นดี และกำลังพลมีประสิทธิภาพ รวมทั้งดูแลเอาใจใส่ทุกข์สุขของผู้ใต้บังคับบัญชามาโดยตลอด จะรับภาระหน้าที่และสานต่อการปฏิบัติดังกล่าวต่อไป 

"คสช.ได้ตั้งศูนย์เตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยมี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ที่กำกับดูแลด้านความมั่นคง เป็นหัวหน้าศูนย์ ส่วนผมทำหน้าที่รองหัวหน้าศูนย์ และปลัดกระทรวงกลาโหมจะเป็นหัวหน้าคณะทำงานด้านการเมืองและความมั่นคง โดยจะเน้นหนักมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผมไม่หนักใจที่ได้มาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม เพราะได้ผ่านการทำงานในตำแหน่งรักษาการปลัดฯมา 1 เดือนแล้ว" พล.อ.สุรศักดิ์กล่าว 

@ ถกกกต.วางแนวปฏิรูปเลือกตั้ง 

พล.อ.สุรศักดิ์ยังให้สัมภาษณ์ไปถึงการพูดคุยกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึงแนวทางการปฏิรูปการเลือกตั้งว่า กรอบคณะการทำงานการเตรียมการปฏิรูปที่มีอยู่ 11 ประเด็น หนึ่งในนั้นคือประเด็นการปฏิรูปทางการเมือง มีการแบ่งข้อย่อยไว้ 6 ข้อ ยังไม่ได้มีข้อยุติ อาทิ 1.เป็นเรื่องของโครงสร้างของฝ่ายนิติบัญญัติ 2.โครงสร้างของฝ่ายบริหาร 3.การสรรหาหรือการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม 4.การตรวจสอบการใช้อำนาจการควบคุม รวมถึงการถอดถอนการลงโทษ 5.การปฏิรูปพรรคการเมือง 6.การกระจายอำนาจ 

"สำหรับวันนี้ทางเราจะพูดคุยถึงเรื่องกติกาการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม จะพูดคุยถึงประสบการณ์ของ กกต.ที่ผ่านมาเพื่อลดอุปสรรคของการเลือกตั้ง และช่องการทุจริตในการหาเสียงการเลือกตั้ง ที่ผ่านมาได้หารือกับฝ่ายการเมืองทั้ง กลุ่ม นปช. กปปส. ตัวแทนพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ เราจะรวบรวมความคิด

เห็นของทุกฝ่ายมาเป็นกรอบความเห็นร่วมในการปฏิรูป หากยึดความคิดเห็นของคนใดคนหนึ่งก็จะมีแต่ความขัดแย้งกัน" พล.อ.สุรศักดิ์กล่าว

@ "โคราช"จัดเสวนาปรองดอง

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 09.00 น. ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ด้านหลังศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา พล.ต.วุฒิ แสงจักร ผู้บัญชาการมณฑลทหารที่ 21 (มทบ.21) กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี ฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 และผู้อำนวยการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดนครราชสีมา พร้อมนายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าฯนครราชสีมา จัดเวทีเสวนาสร้างความสุขอย่างยั่งยืน "สรุปผลจากเวทีเสวนาปรองดองสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูประดับจังหวัด" โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนภาคประชาชน ภาคการเมือง มีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) และชาติพัฒนา (ชพ.) เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ต่างเสนอให้แก้ปัญหาเรื่องสองมาตรฐาน และระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่มีความแตกต่างชัดเจนระหว่างคนเมืองและคนชายขอบ โดยเฉพาะการคอร์รัปชั่นต้องจัดการให้เด็ดขาด ต่อมาได้แยกเวทีเสวนาสรุปประเด็นตามที่ คสช.ต้องการรับความคิดเห็น 10 แนวทางของการปฏิรูปด้านต่างๆ 

@ ต้องไม่มี2มาตรฐาน-คืนเลือกตั้ง

ทั้งนี้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองโฆษก พท. อดีต ส.ส.เขต 14 จังหวัดนครราชสีมา พท. ฐานะตัวแทนภาคการเมือง กล่าวในเวทีเสวนาว่า ปัญหาความขัดแย้งที่สะสมนานหลายปี ไม่ควรสืบค้นหาสาเหตุย้อนรอยเหตุการณ์ต่างๆ มิเช่นนั้นกิจกรรมปรองดองสมานฉันท์ก็ไม่บรรลุผล เนื่องจากแต่ละกลุ่มต้องอ้างความถูกต้องชอบธรรมของตนเอง ความยุติธรรมต้องมาก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง การเลือกตั้งคือคำตอบสุดท้ายเพื่อให้นานาประเทศยอมรับ พวกเรายินดีปฏิบัติตามแนวทาง คสช. ให้ความร่วมมือในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เพื่อให้ ประเทศกลับคืนสู่ความเจริญรุ่งเรืองและอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

ด้านนายประเสริฐ เฉยพุดซา กำนันตำบลพุดซา ฐานะตัวแทนกำนัน ขึ้นกล่าวว่า เป็นนิมิตหมายที่ดี คสช.ให้ความสำคัญของทุกภาคส่วน ให้ตัวแทนชาวบ้านในเขตชายขอบหรือคนชนบทที่มีความน้อยเนื้อต่ำใจมาตลอด ได้แสดงความคิดเห็น สิ่งแรก ขอให้เร่งแก้ไขปัญหาความยากจน เศรษฐกิจ การเกษตร 

เสริมศักยภาพนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค และขจัดสิ้นปัญหาสองมาตรฐาน คสช. ต้องมีความจริงใจในการประสานรอยร้าวความเห็นต่างทางการเมือง กำหนดเงื่อนไขการดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้มีความชอบธรรมเป็นไปตามการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากนั้นควรจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว ทุกอย่างจะเข้าสู่โหมดสงบสุข ไร้แรงต้าน 

@ "กฤษฎา"พร้อมสางทุจริตรร.นอภ.

นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าฯสงขลา ที่ถูกคำสั่งล่าสุดของกระทรวงมหาดไทยที่ 341/2557 ให้ย้ายไปรักษาราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2557 เป็นต้นไป โดยให้นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุถึงแนวนโยบายที่ชัดเจนได้ เนื่องจากเพิ่งทราบคำสั่ง และอธิบดีคนเก่าก็ยังคงอยู่ในตำแหน่ง แต่เมื่อรับตำแหน่งแล้วยืนยันจะทำให้ดีที่สุด ในส่วนเรื่องของการทุจริตโรงเรียนนายอำเภอนั้นจะดำเนินการไปตามระเบียบและขั้นตอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังชาวสงขลาทราบว่านายกฤษฎาได้รับตำแหน่งใหม่ ต่างเดินทางเข้ามาแสดงความยินดีทั้งขอเข้าพบและโทรศัพท์กันเป็นจำนวนมาก

@ คสช.ย้าย"ปลัด-อธิบดี"14เก้าอี้

เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 30 มิถุนายน คณะรักษาความสงบแห่งชาติออกคำสั่งที่ 81/2557 เรื่อง การดำรงตำแหน่งเพิ่มและแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง ดังนี้ 

1.นายสมชัย ศิริวัฒนโชค ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 2.นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 3.นายสุทธิชัย สังขมณี อธิบดีกรมสรรพากร เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง

4.นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน 5.นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นปลัดกระทรวงคมนาคม 6.นางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษดิ์ รองปลัด ทส. เป็นปลัด ทส.

7.นายเกษมสันต์ จิณณวาโส หัวหน้าผู้ตรวจราชการ ทส. เป็นรองปลัด ทส. 8.นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ 9.น.ส.ภาวิณี ปุณณกันต์ ผู้ตรวจราชการ ทส. เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม

10.นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองปลัด ทส. เป็นเลขาธิการสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 11.นายประสงค์ พูนธเนศ ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เป็นอธิบดีกรมสรรพากร 12.นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็น ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ 13.นายพีรพัฒน์ พรศิริเลิศกิจ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เป็นรองปลัดกระทรวงแรงงาน และ 14.นายสุเมธ มโหสถ รองปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นอธิบดีกรมการจัดหางาน

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!