WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1วางพวงมาลาร.5

พท.ผวาวุ่น เบรกปลุกนัดแต่งแดง รบ.ไม่ห้ามแต่คสช.ฮึ่ม'ชายหมู'เมินแจง'มาร์ค' ตั้ง'อรรถวิชช์"นั่งกุนซือ

     "บิ๊กตู่"ย้ำรัฐบาลคสช.ยังถืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์ การเรียกร้องต่างๆ ต้องอยู่ใต้กฎหมาย-คำสั่งคสช. "ไก่อู"ไม่ตอบ กรณีทหารตามประกบถ่ายรูป"ยิ่งลักษณ์" เพื่อไทยผวากระแสเชิญชวนแต่งแดง 1 พ.ย. เป็นการสร้างสถานการณ์ให้แตกแยก วอนอย่านัดแนะปลุกระดม ด้านรัฐบาลไม่ห้าม แต่ฝ่ายคสช.ฮึ่มจับ "มาร์ค"ย้ำประเด็นทุจริตกทม. ต้องสอบให้กระจ่าง "สุขุมพันธุ์"บินจีนดูจราจร ตั้ง "อรรถวิชช์" นั่งกุนซือ กรธ.เตรียมเปิดรับฟังความเห็นประเด็น"คปป." สนช.นัดประชุมถอดถอน"ตือ" 29 ต.ค.

วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9096 ข่าวสดรายวัน

'บิ๊กตู่'นำครม.วางพวงมาลา'ร.5'

      เวลา 08.00 น. วันที่ 23 ต.ค. ที่พระลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี อาทิ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ฯลฯ วางพวงมาลาพระ บรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว พระลานพระราชวังดุสิต เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตรงกับวันที่ 23 ต.ค. ของทุกปี โดยก่อนหน้านั้นพล.อ.ประวิตรนำผู้บัญชาการเหล่าทัพทำพิธีวางพวงมาลาถวายราชสดุดี

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการวาง พวงมาลาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว เป็นไปด้วยความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของประชาชนทุกหมู่เหล่าทยอยเดินทางมาถวายราชสดุดี ทั้งผู้แทนองค์กรต่างๆ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน สถาบันการศึกษา ตัวแทนภาคการเมือง ตลอดจนประชาชนทั่วไป ต่างทยอยวางพวงมาลาและดอกกุหลาบสีชมพูอย่างเนืองแน่น 

    ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ นายกฯเดินทางกลับทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์ เมื่อเข้าไปในรถยนต์ส่วนตัวได้ลดกระจกตะโกนว่า "อย่าไปอ่านหนังสือพิมพ์ห่วยๆ"

รบ.เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ

    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติว่า เรื่องสำคัญขณะนี้คือการ กระตุ้นเศรษฐกิจ ปัญหาที่สำคัญเวลานี้คือทุกคนมีหนี้ครัวเรือน จะทำอย่างไรกับหนี้เหล่านี้ และที่เกิดขึ้นมาใหม่จะไม่สูญ สามารถผ่อนชำระได้ รัฐบาลกำลังหามาตรการเพิ่มเติมเรื่องการเงิน การคลัง โดยจะแก้ไขเรื่องหนี้สินก่อนไม่ให้ใครเดือดร้อน หากไม่ทำอะไรเลยธุรกิจก่อสร้าง แรงงาน ก็จะหยุดหมด ต้องใช้จ่ายอย่างระวัง ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกคนต้องช่วยชาติ มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย เพื่อให้เศรษฐกิจจะหมุนเวียนมากขึ้น 

    นายกฯ กล่าวว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวมหลายอย่างทรงตัว หลายอย่างเริ่มดีขึ้น บางอย่างยังแย่อยู่ เพราะมีผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก เราต้องช่วยกันทำให้เศรษฐกิจเข้มแข็ง สร้างขีดความสามารถในการแข่งขั้น สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างการลงทุนให้เกิดในประเทศให้ได้ จะทำให้เศรษฐกิจในปี 2559 ดีขึ้น ประชาชนส่วนใหญ่อาจยังไม่รู้สึกว่าได้อะไรจากการที่รัฐบาลนี้เข้ามา เพราะรายได้ยังไม่เพิ่ม ยังไม่ได้เงิน ไม่ได้อะไรอย่างที่เคยได้มาง่ายๆ ต้องเข้าใจและต้องให้เวลาในการแก้ไขปัญหาทั้งระบบ 

สั่งเร่งแก้ปัญหาประชาชน 

    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนได้ติดตามประเมินผลตรวจสอบผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น อย่าทำงานล่าช้าและไม่เป็นไปตามนโยบาย ทุกคนต้องยอมทุ่มเท เสียสละ เหน็ดเหนื่อยบ้าง รูปแบบการทำงานเชิงรุกมากต้องมีแผนงานล่วงหน้า แผนเผชิญเหตุ เผชิญสถานการณ์ และหลายเรื่องเป็นเรื่องคาดการณ์ไว้ได้แล้วตามหลักวิชาการ ทุกคนต้องลงพื้นที่ ไม่ต้องรอให้ประชาชนเดือดร้อน และให้ติดตามสื่อสิ่งพิมพ์ โซเชี่ยลมีเดีย ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนและตรวจสอบแก้ไขหากไม่เป็นเรื่องจริง และเสนอเข้ามาตามช่องทางการสื่อสารระหว่างภาครัฐ เอกชน ประชาชน คือศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งมีผู้แทนกระทรวงในการปฏิบัติงานอยู่ด้วย 

       นายกฯกล่าวว่า ตนให้นโยบายฝ่ายความมั่นคงไปว่า สถานีตำรวจสามารถเชื่อมโยงกับศูนย์ดำรงธรรมได้ เพื่อสมเป็นทั้งผู้พิทักษ์สันติราษฎร์และโรงพักเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในแผนการปฏิรูปตำรวจระยะที่ 1 ของคสช.และรัฐบาล 

จำเป็นใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงจำเป็นต้องคงอำนาจ รัฏฐาธิปัตย์ว่า รัฐบาลและคสช.ยังต้องใช้อยู่และมีความจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพในบ้านเมืองและมีการเปลี่ยนแปลงให้เกิดการปฏิรูป ในกรณีที่กฎหมายยังไม่มีหรือกฎหมายยังไม่พร้อม หรือต้องการให้เกิดการบูรณาการและมีการตรวจสอบ รัฐบาลและคสช.จำเป็นต้องเข้มงวดกับทุกๆ เรื่องที่มีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศในช่วงนี้ โดยเฉพาะในเรื่องการสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ เรื่องการรักษาชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จึงขอความร่วมมืออย่าต่อต้านขัดขวาง ต้องเข้าใจคำว่ารัฏฐาธิปัตย์ อยากให้ทุกคนคิดว่าประเทศชาติต้องมาก่อนเสมอ สิ่งใดที่จำเป็นและที่ผ่านมาทำไม่ได้ตนก็ต้องตัดสินใจในการใช้มาตรา 44 

      นายกฯ กล่าวว่า อยากให้ทุกคนเตือนตัวเองว่าอย่าทำผิดกฎหมาย หรือขัดคำสั่งคสช. ส่วนใหญ่จะอ้างว่าประชาธิปไตย ละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ได้ดูหรือว่ากฎหมายที่ออกมานั้นเขาประกาศมาเพื่อใคร ไม่ใช่เพื่อตนแต่เพื่อคนอื่น เพราะฉะนั้นการละเมิดสิทธิคนอื่นก็ผิดละเมิดสิทธิมนุษยชนเหมือนกัน เพราะไปละเมิดสิทธิของคนอื่น วันนี้มีการต่อต้านหาว่าตนละเมิดสิทธิมนุษยชน ใช้อำนาจเผด็จการ เพราะหลายอย่างมีความเสียหาย มีการหมัก หมม ปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นเป็นเวลาอันยาว นาน ใครมีอำนาจก็ไม่ได้แก้ไข 

ให้ทำตามกม.-คำสั่งคสช. 

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เรียนอีกครั้งหนึ่งว่า อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ที่ตนใช้อยู่ยังคงมีอยู่ หากใครจะเรียกร้องอะไรก็ขอให้เป็นไปตามกฎหมายและคำสั่งของคสช. จะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้ หรือเราไปทำอะไรที่รังแกประชา ชนก็คงไม่ได้ เพราะประกาศไว้ล่วงหน้าแล้ว ที่ประกาศไปก็เพื่อคนอื่น เพื่อประชาชน ไม่ได้แสวงหาอำนาจเพื่อจะไปปกครองใครในลักษณะที่ต้องการผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เมื่อเรามีรัฐ ธรรมนูญและเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่ดี ก็ไปดำเนินการต่อในช่วงเวลานั้นในการใช้ประชาธิปไตยอย่างเหมาะสมถูกต้อง และขอไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นในอดีตเกิดขึ้นอีก คนที่เข้าใจขอให้อธิบายคนที่ไม่เข้าใจ และห้ามปรามคนที่พยายามจะฝ่าฝืน หลีกเลี่ยง และไปอ้างต่างประเทศ อ้างกฎหมายสิทธิมนุษยชน อ้างประชาธิปไตย ทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไม่สะดวก มีเหตุติดขัดทุกเรื่อง 

บิ๊กป้อมปัดขึ้นบัญชีดำผู้มีอิทธิพล

     พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีพล.อ.ประยุทธ์มอบหมายให้บูรณาการทำงานของหน่วยงานความมั่นคงเพื่อดูแลแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล ว่าตนจะหารือกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวง กลาโหม และคสช. เพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าวและจะให้ลงพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อดูเรื่องอาวุธสงครามว่ายังมีการใช้อยู่หรือไม่ แต่ไม่ใช่ลงไปปราบปราม ส่วนเรื่องผู้อิทธิพลก็มีหลายอย่าง มีทั้งอิทธิพลในทางที่ดี แต่เรื่องใดที่ไม่ดีก็ต้องแก้ปัญหา ขณะนี้ยังไม่เจาะจงว่าจะดูพื้นที่ใดเป็นพิเศษ เพราะต้องคุยกันก่อน ยืนยันว่าไม่มีบัญชีดำอะไรทั้งนั้น

"บิ๊กหมู"ทัวร์เหนือสัปดาห์หน้า 

      เวลา 08.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. นำนายทหารระดับสูงของทบ.พร้อมด้วยพ่อค้า ประชาชนที่อยู่รอบชุมชนทบ. วางพวงมาลาถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 เนื่องในงานน้อมรำลึกครบรอบ 105 ปี วันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากที่มีการปรับภูมิทัศน์ใหม่ทบ.ภายหลังเข้ารับตำแหน่ง 

     หลังเสร็จสิ้นพิธี พล.อ.ธีรชัยกล่าวทักทายผู้สื่อข่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า "มาไหว้และสักการะกันบ้างนะ ขอบคุณนะ" จากนั้นได้เดินดูนิทรรศการบริเวณหน้าห้องรับรองและเดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันที่ 29 ต.ค.นี้ พล.อ. ธีรชัยจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมกองทัพภาคที่ 3 หลังรับตำแหน่งผบ.ทบ. และในวันเดียวกันจะประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการ ตำรวจ ทหารในพื้นที่ภาคเหนือ ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) และเลขาธิการคสช.

"ไก่อู"ปัดตอบทหาร-ตร.ประกบ"ปู"

     พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีมีข่าวและปรากฏภาพทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบติดตามการเดินทางลงพื้นที่ต่างจังหวัดของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าตนไม่ทราบรายละเอียดของเรื่องดังกล่าว อยู่ในรัฐบาลไม่ควรพูดแสดงความเห็นเรื่องนี้ ขอให้สอบถามจากทางคสช.จะดีกว่า และเห็นว่าไม่มีอะไรน่ากังวล เมื่อถามว่าทางการข่าวมีการราย งานความเคลื่อนไหวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่จะหลบออกนอกประเทศหรือไม่ จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่าไม่ทราบ 

   ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการลงพื้นที่ทำกิจกรรมต่างๆ ของน.ส.ยิ่งลักษณ์และด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชาย จ.อุดรธานี หนองคาย และจ.ราชบุรี ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏภาพทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบคอยติดตามบันทึกภาพการทำกิจกรรมของน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นระยะ

คสช.ฮึ่มแต่งแดง 1 พ.ย. 

     พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช. กล่าวกรณีนายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เชิญชวนใส่เสื้อแดงให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯในวันที่ 1 พ.ย. ว่ากรณีดังกล่าวต้องการเชิญชวนเพื่อให้กำลังใจ แต่อีกมุมหนึ่งก็เป็นไปได้ที่อาจทำให้ถูกสังคมมองว่าเป็นความพยายามที่จะแสดงออกเชิงสัญลักษณ์จนถูกตีความว่าเป็นเรื่องการเมือง ดังนั้นการแสดงออกใดๆ ช่วงนี้ยังคงต้องระมัดระวัง เพราะบางครั้งอาจส่งผลในเชิงทางความรู้สึกในมุมต่างๆ ต่อกลุ่ม หรือบุคคลอื่นๆ ได้ ซึ่งไม่อยากให้มองแต่เพียงเรื่องจำกัดสิทธิ์หรือไม่ แต่ขอให้มองว่าเป็นเรื่องการขอความร่วมมือเพื่อความเรียบ ร้อยภายใต้ช่วงเวลาพิเศษ ที่ผ่านมาในหลายๆ กลุ่มก็ได้ให้ความร่วมมือคสช.มาเป็นอย่างดี 

    โฆษกคสช.กล่าวว่า การแสดงออกลักษณะ ดังกล่าวคงต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจและมุมมองของเจ้าหน้าที่ว่าจะพิจารณาอย่างไรตามความมุ่งหมายที่อยากดูแลให้สังคมเกิดความสงบเรียบร้อย ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์นั้นๆ ด้วย โดยขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดใดๆ เพราะอยู่ในช่วงเป็นกระแสข่าว หากมีการเชิญชวนในลักษณะปลุกระดมจริง ทางเจ้าหน้าที่จำเป็น ต้องดำเนินการตามแนวทางที่คสช.เคยขอความร่วมมือไว้

รบ.ไม่ได้ห้าม-วอนสังคมตัดสิน

    พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลไม่ต้อง การตอบโต้เรื่องนี้ผ่านสื่อ เพราะไม่ต้องการขยายความขัดแย้งหรือเป็นผู้ที่สร้างความขัดแย้งขึ้นมาใหม่ ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณ และดุลยพินิจของแต่ละคนพิจารณาว่าการเชิญชวนให้ใส่เสื้อสีแดงแสดงสัญ ลักษณ์นั้น เหมือนกับแบ่งประชาชนให้เป็นกลุ่มเป็นสีต่างๆ ซึ่งถือเป็นความขัดแย้งแต่เดิมที่สังคมไทยเคยประสบมาในอดีต ถามว่าเราจะกลับไปสู่ความขัดแย้งแบบเดิมอีกหรือ สังคมต้องตระหนักและใช้ดุลยพินิจด้วยตัวเอง รัฐบาลไม่ได้เป็นผู้ชี้ว่าถูกหรือผิด เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่จะดำเนินการ ส่วนจะเข้าข่ายรวมตัวชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนหรือไม่นั้น รัฐบาลไม่ขอตอบโต้ เพราะผู้ที่ออกมาปลุกระดมจะกล่าวหาว่ารัฐบาลไม่เข้าใจสิ่งที่เขากำลังจะสื่อสารออกมา

     "รัฐบาลและคสช.ไม่ไปห้ามอะไร แต่จะให้สังคมเป็นคนตัดสินใจว่าจะออกมาทำตามคำเชิญชวนหรือเขาจะเพิกเฉย วันนี้เป็นช่วงเวลาที่จะพิสูจน์ระหว่างกระบวนการยุติธรรม ที่เราไม่อยากให้กลับไปสู่ความขัดแย้งแบบเดิม กับเจตนารมณ์ที่ออกมาชักชวนให้มีการ กระทำในลักษณะการแบ่งแยกมวลชนออกเป็นสีเป็นฝ่าย สังคมคงต้องพิจารณากันเอาเอง" พล.ต.สรรเสริญกล่าว

พท.กังวลจุดชนวนแตกแยก 

    นายวิม รุ่งวัฒนจินดา คณะทำงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์กรณีโซเชี่ยลมีเดียเชิญชวนให้ประชาชนสวมเสื้อสีแดงวันที่ 1 พ.ย. เพื่อให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ต่อสู้คดีในโครงการรับจำนำข้าว ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์รับทราบ เรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ดำเนินการเรื่องดังกล่าว ส่วนตนมองว่าการกระทำดังกล่าวคล้ายกับการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความแตกแยกหรือไม่ 

    "การเชิญชวนให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์โดย ใส่เสื้อสีแดงวันที่ 1 พ.ย.นั้น ทางทีมงานและน.ส.ยิ่งลักษณ์ทราบดีว่าประชาชนให้กำลังใจตลอดเวลา โดยไม่จำเป็นต้องนัดแนะหรือปลุก ระดม เพราะถึงวันหนึ่งถ้าประชาชนทราบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้รับความยุติธรรม วันนั้น ประชาชนก็คงออกมาเอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ดีใจแต่ไม่ได้ดีใจจากการปลุกระดม แต่ดีใจที่เมื่อลงต่างจังหวัดประชาชนยังรักให้กำลังใจให้ การต้อนรับเป็นอย่างดี เหมือนขณะที่เป็น นายกฯอยู่" นายวิมกล่าว

    ส่วนเรื่องความไม่ยุติธรรมในการต่อสู้คดีนั้น นายวิมกล่าวว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ทราบดีว่าประชาชนรับรู้ สังเกตได้จากการลงพื้นที่ไปทำบุญในจังหวัดต่างๆ ที่มีประชาชนให้การต้อนรับน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นอย่างดี เหมือนครั้งที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะเดียว กันยังมีการเรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาบริหารประเทศเพื่อจะได้ช่วยเหลือคนจน

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้น.ส. ยิ่งลักษณ์พร้อมด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ยังคงพักผ่อนที่จ.ราชบุรี โดยเที่ยวชมอัลปากาฮิลล์ และให้อาหารอัลปาที่อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี 

ผบ.ตร.สั่งจับตาแกนนำ 

    วันเดียวกัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีคำสั่งด่วนถึงผู้ช่วยผบ.ตร.และระดับผู้บัญชาการ กรณีนัดหมายใส่เสื้อแดงในวันที่ 1 พ.ย.ว่า อาจมีการนัดหมายรวมตัวกันในพื้นที่ของทั้งสองฝ่ายจนเกิดเหตุกระทบกระทั่งกัน และอาจมีเหตุลุกลามกระทบต่อความมั่นคงจึงให้ดำเนินการ 1.ตรวจสอบความเคลื่อนไหวทั้งทางสื่อและความเคลื่อน ไหวของมวลชนในพื้นที่ 2.เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เกาะติดแกนนำและแนวร่วมระดับนำในพื้นที่ เบื้องต้นให้ทุกหน่วยเจรจา สร้างความเข้าใจและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งแก้ปัญหาหรือยุติความเคลื่อนไหวโดยเร็ว 3.ให้ผู้ปฏิบัติรายงานผู้บังคับบัญชา ต่อเนื่อง กรณีพบความเคลื่อนไหวของมวลชนให้รายงานโดยเร็ว

นปช.พะเยานัดแต่งแดง

     นายศิริวัฒน์ จุปะมัดถา ผู้ประสานงานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จังหวัดพะเยา กล่าวว่าตามที่ทางกลุ่มนปช.ส่วนกลางได้นัดหมายให้เสื้อแดงทั่วประเทศแต่งกายสวมเสื้อสีแดงวันที่ 1 พ.ย. เพื่อให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากต้องขึ้นศาลอาญาสู้คดีจำนำข้าว การนัดหมาย กลุ่มนปช.หรือคนเสื้อแดงทั้งประเทศสวมเสื้อสีแดงดังกล่าวไม่ใช่การนัดชุมนุมหรือทำกิจกรรมการเมืองแต่อย่างใด แต่เป็นการแสดง ออกเชิงสัญลักษณ์ที่คนเสื้อแดงร่วมกันทำขึ้นในวาระวันที่ 1 พ.ย.นี้เท่านั้น ที่ผ่านมาตั้งแต่มีการยึดอำนาจเจ้าหน้าที่ทางทหารได้ขอความร่วมมือมาตลอดคนเสื้อแดงก็ยินดี แต่สำหรับเรื่องจำนำข้าวตนและพี่น้องคนเสื้อแดงเห็นว่าเป็นนโยบายและโครงการของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งมีความตั้งใจในการช่วยเหลือชาวนาทั้งประเทศ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ควรจะได้รับผลตอบแทนหรือรับชะตากรรมดังกล่าว" 

      นายศิริวัฒน์กล่าวว่า สำหรับการนัดหมายนปช.พะเยา ตนและคณะทำงานได้แจ้งประสานงานไปยังนปช.ทุกกลุ่มทั้งทางไลน์ โทรศัพท์ เฟซบุ๊กทุกช่องทาง เพื่อให้ร่วมกันสวมเสื้อสีแดงในวันที่ 1 พ.ย.นี้พร้อมกันทั้งหมด แต่จะไม่มีการชุมนุมหรือทำกิจกรรมใดๆ ทางการเมืองทั้งสิ้น

ปชป.ชี้ชาวนากดดันคดีข้าว 

    นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเชิญชวนใส่เสื้อแดงในวันที่ 1 พ.ย. ว่าเป็นการดิ้น รนของบรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทยว่าตัวเองไม่ผิด รัฐบาล 2 มาตรฐาน ใช้ช่องทางวิธีการไม่ถูกต้อง การแถลงปกป้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ 6 ข้อก็ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดด้วยข้อมูลข้อเท็จจริงที่ถูกกล่าวหา แต่กลับเป็นการโฆษณา ชวนเชื่อ อ้างอิงนโยบายรับจำนำข้าวโดยอ้างชาวนาว่าได้รับประโยชน์ เพื่อปลุกระดมให้ชาวนาออกมาหนุนน.ส.ยิ่งลักษณ์ให้หลุดพ้นจากคดีนี้ทั้งทางอาญาและการชดใช้ค่าเสียหาย

     นางรัชฎาภรณ์ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นความพยายามปลุกระดมให้ประชาชนใส่เสื้อแดงในเชิงสัญลักษณ์มาสนับสนุนเหมือนปี 2544 ที่นายทักษิณ ชินวัตร ใช้วิธีล่ารายชื่อประชาชน หลายล้านคนและระดมคนมาถือกุหลาบแดงปิดล้อมศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อกดดันให้ศาลตัดสินหลุดพ้นจากคดีซุกหุ้นได้สำเร็จ การดิ้นครั้งสุดท้ายนี้เพราะหมดสิ้นปัญญาจึงต้องกลับไปใช้วิธีเดิม เป็นการตรวจสอบวัดกำลังของกลุ่มเสื้อแดงว่ายังใช้ได้และเกาะกลุ่มเหนียวแน่นหรือไม่ เป็นการท้าทายให้พล.อ.ประยุทธ์ ใช้มาตรา 44 ห้ามการใส่เสื้อแดง โดยหวังว่าจะยิ่งเป็นการเพิ่มแรงกระตุ้นให้คนมาใส่เสื้อแดงมากขึ้น ดังนั้นรัฐบาลอย่าสนใจ ปล่อยให้เขาทำไป จะได้รู้ว่าผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวเป็นใครบ้าง พวกแกล้งตาย หรือตายจริงมีเท่าไร 

อนุสรณ์สวนหมอวรงค์ 

     นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชา ธิปัตย์ แสดงความเห็นว่าแถลงการณ์ 6 ข้อของพรรคเพื่อไทยที่ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นการปกป้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะนพ. วรงค์พยายามทำตัวเป็นกูรูเรื่องข้าว แต่ผิดหวังคือการตอบโต้ของผู้พยายามสร้างภาพเป็นกูรู แต่ไม่ได้ใช้ความรู้ถกเถียงในเรื่องนโยบาย มีแต่การคิดรำพึงรำพันและใส่ร้ายตามความถนัด 

     นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ขอตอบสิ่งที่นพ. วรงค์ตั้งคำถาม 1.ที่ระบุว่ามีชาวนาเข้าร่วมโครงการจำนำข้าว 2.2 ล้านครัวเรือนไม่ใช่ 3.7 ล้านครัวเรือนนั้น คำแถลงของพรรค 3.7 ล้านครัวเรือน คือจำนวนครัวเรือนทั้งหมดของชาวนา ที่รัฐบาลประสงค์จะยกระดับความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น พรรคไม่เคยบอกว่ามีชาวนาเข้าร่วมโครงการ 3.7 ล้านครัวเรือน ส่วนที่เข้าร่วมโครงการ 2.2 ล้านครัวเรือน เพราะเป็นนโยบายที่ได้ผลจึงทำให้อีก 1.5 ล้านครัวเรือนสามารถนำไปขายให้พ่อค้าเองโดยไม่ต้องเข้าโครงการรับจำนำกับรัฐบาล ข้อเท็จจริงนี้อย่าลืมบอกคณะกรรมการป้อง กันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่หลับตาท่องอยู่ว่าการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดทำให้รัฐบาลเสียหาย เท่ากับพยานโจทก์อีกปากยอมรับแล้วว่ารัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้รับจำนำข้าวทุกเมล็ดอย่างที่พรรคประชา ธิปัตย์กล่าวหา และป.ป.ช.เป็นผู้รับลูก 

     2.ที่อ้างว่าหากโครงการจำนำข้าวที่เป็นสัญญาประชาคม มาจากการเลือกตั้งและแถลงผ่านรัฐสภาไปไม่รอดหรือเสียหาย สามารถยกเลิกได้นั้น คำตอบคือที่ไม่ยกเลิกเพราะเป็นนโยบายที่ดี ทำตามรัฐธรรมนูญและชาวนาได้ประโยชน์ และนโยบายนี้จะไปรอดแน่นอนหากไม่มีการสมคบคิดกันเป่านกหวีดเพื่อสร้างเงื่อนไขให้ทหารออกมายึดอำนาจ 

      3.ส่วนที่ระบุรัฐบาลจะต้องตั้งเป็นงบประมาณรายจ่ายเพื่อช่วยประชาชน ขอถามกลับว่าการที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จ่ายเงินช่วยชาวนาไป 130,000 ล้านบาท ได้ตั้งเป็นงบประมาณไว้ก่อนแบบที่พูดหรือไม่ ส่วนที่บอกว่าเป็นการเอาไปทำมาหากินหรือทุจริตเชิงนโยบาย ถือเป็นการกล่าวหาของพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม แต่เมื่อคดีอยู่ในการพิจารณาของศาล พรรคเห็นว่าควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรนำมาพูดกดดันศาล

มาร์คย้ำ"ทุจริตกทม."ต้องกระจ่าง 

     ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์หลังร่วมกับแกนนำพรรควางพวงมาลาเนื่องในวันปิยมหาราช กรณีสมาชิกพรรคออกมาตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างกล้องวงจรปิดของกรุงเทพ มหานคร (กทม.) จนถูกมองว่าเป็นความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ ว่าไม่มีความขัดแย้งอะไร ตนเคยย้ำไปแล้วว่าเวลาที่อดีตส.ส.ได้รับเรื่องร้องเรียนมาเขาก็ต้องตรวจสอบ ซึ่งในส่วนของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ก็พูดชัดเจนแล้วว่าจะไม่ทะเลาะกับใคร แต่ประเด็นที่มีการร้องเรียนมาต้องทำให้เกิดความกระจ่างและตนได้พูดคุยกับนายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีตส.ส. กทม.แล้ว เขาจะช่วยติดตามเรื่องนี้ให้ สิ่งสำคัญคือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยเฉพาะความปลอดภัยโครงการต่างๆ ต้องทำให้เกิดความมั่นใจ

      เมื่อถามว่าจะให้ผู้ว่าฯกทม.เข้าให้ข้อมูลถึงปัญหาที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผู้ว่าฯกทม.จะมอบหมายใครก็แล้วแต่ผู้ว่าฯกทม. แต่ส่วนตัวเห็นว่าต้องทำให้เกิดความชัดเจน อย่างไรก็ตาม ตนไม่สามารถเรียกผู้ว่าฯ กทม.มาชี้แจงได้ เพราะมีคำสั่งคสช.ห้ามประชุมพรรคการเมือง ซึ่งนี่คือปัญหาหนึ่ง เพราะเดิมกระบวนการติดตามเรื่องเหล่านี้จะใช้วิธีการประชุมพรรค มีผู้แทน กทม.มาร่วมประชุมด้วย แต่ช่วงนี้ประชุมไม่ได้ บางคนจึงไปดำเนินการภายนอก

ยันเรื่องระบบไม่เกี่ยวตัวบุคคล 

     เมื่อถามว่าในส่วนของอดีตส.ส.ที่ออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบกทม.นั้นจะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าเขาก็ยังมีประเด็นที่ต้องการคำตอบอยู่เพราะไปยื่นหนังสือต่อกทม. ซึ่งกทม.คงต้องทำเรื่องให้กระจ่าง และตนได้ย้ำไปว่าประเด็นการตรวจสอบปลายทางต้องยึดประโยชน์ของประชาชน ฉะนั้นสิ่งที่คาดหวังไม่ใช่ตัวบุคคล ไม่ว่าฝ่ายใด แต่เป็นเรื่องที่จะทำอย่างไรให้เกิดระบบที่สร้างความมั่นใจว่าโครงการต่างๆ จะมีความโปร่งใส

      เมื่อถามว่าจากปัญหาที่เกิดขึ้นหนักใจเรื่องฐานเสียงในพื้นที่กทม.หรือไม่ เนื่องจากจะ มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในอีกไม่กี่ปี นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.น่าจะเลือกตั้งหลังจากมีเลือกตั้งส.ส. ตนไม่ได้คิดถึงเรื่องคะแนนเสียง แต่คิดเรื่องความรับผิดชอบในการแก้ปัญหาให้คนกทม. เมื่อมีการร้องเรียนมาเราก็ต้องแก้ไขให้ดีที่สุด

ชายหมูตั้งเลขาฯผู้ว่าฯ 

     รายงานข่าวจากศาลาว่าการกทม. แจ้งความ คืบหน้าการแต่งตั้งคณะผู้บริหารฝ่ายการเมืองในตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. 2 ตำแหน่ง เลขานุการผู้ว่าฯกทม. 1 ตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขา นุการผู้ว่าฯกทม. 1 ตำแหน่ง และโฆษกกทม. 1 ตำแหน่งที่ยังว่างอยู่นั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ต.ค. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้ลงนามคำสั่งกทม.ที่ 3124/2558 ให้นางบุศกร คงอุดม พ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษาของผู้ว่าฯกทม. ตั้งแต่ 31 ต.ค. 2558 และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการผู้ว่าฯกทม. ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2558 เป็นต้นไป 

      นอกจากนี้ได้ลงนามคำสั่งกทม. ที่ 3125/ 2558 เรื่อง แต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. โดยระบุว่า เพื่อให้การบริหารราชการกรุงเทพ มหานครเป็นด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิ ภาพ อาศัยอำนาจในมาตรา 49(3) และมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 จึงแต่งตั้งให้บุคคลดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของผู้ว่าฯกทม.จำนวน 2 รายดังนี้ 1.นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี 2.นายอดิศักดิ์ ขันตี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2558 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังเหลือตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯกทม. 1 ตำแหน่ง และโฆษกกทม. 1 ตำแหน่ง ที่ยังว่างอยู่

ตั้ง"อรรถวิชช์"เป็นกุนซือ

    นายอรรถวิชช์กล่าวว่า ตนจะไปเริ่มงานในวันที่ 1 พ.ย. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ให้คนมาติดต่อประสานขอให้ไปช่วยงานด้านการเงินของกทม. เพราะตนคลุกคลีกับประชาชนในพื้นที่ จึงรับปากว่ายินดีและพร้อมให้ความช่วยเหลือ และแจ้งให้นายอภิสิทธิ์ทราบแล้ว นายอภิสิทธิ์ก็ยินดีและสนับสนุนการเข้าไปทำงานครั้งนี้ เพื่อช่วยประสานงานเชื่อมโยงการทำงานของกทม.ให้ดีขึ้น ส่วนการตัดสินใจเข้าช่วยงานม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ครั้งนี้จะทำให้ไม่ได้ลงลงสมัครเลือกตั้งส.ส.สมัยหน้าหรือไม่ นายอรรถวิชช์กล่าวว่ายังไม่ตัดสินใจ เลือกตั้งส.ส.ยังอีกยาวไกล การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ไม่รู้ และผู้ว่าฯกทม.จะครบเทอมก่อนมีเลือกตั้งส.ส.ครั้งใหม่ 

      ส่วนการเข้าไปรับตำแหน่งที่ปรึกษาฯ ผู้ว่าฯกทม. จะเป็นกาวใจระหว่างคนในพรรคหรือไม่ นายอรรถวิชช์กล่าวว่าตนทำหน้าที่เป็นตัวกลาง เป็นหนังหน้าไฟ เป็นทุกอย่างอยู่แล้ว การเข้าไปทำหน้าที่ดังกล่าวก็เป็นการไปช่วยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์อีกแรง

     เมื่อถามว่าเกรงจะถูกมองว่าการได้ตำแหน่ง ครั้งนี้เป็นลักษณะต่างตอบแทนหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาออกมาปกป้องกทม. นายอรรถวิชช์กล่าวว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น ตนเห็นประชาชนเดือดร้อนจากปัญหาเรื่องกล้องซีซีทีวีก็ออกมาช่วยให้ปัญหาได้รับการแก้ไข คนเป็นผู้แทนฯเขาก็ทำกันแบบนี้

ลุ้นควบเก้าอี้โฆษกกทม. 

     ด้านนายอดิศักดิ์ ขันตี อดีตรองปลัดกทม. กล่าวว่าในวันที่ 1 พ.ย.นี้จะเข้าทำงานเป็นวันแรก หลังจากเกษียณอายุราชการ เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยผู้ว่าฯกทม.ได้ทาบทามให้เข้ามาช่วยงานด้านการระบายน้ำ ซึ่งตนจะทำงานอย่างเต็มที่และสุดความสามารถ

     รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับนางบุศกรเป็นบุคคลที่ทำงานใกล้ชิดกับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มานาน ทำให้ได้รับการไว้วางใจในการมอบหมายงานหลายครั้ง ส่วนนายอรรถวิชช์เป็นอดีต ส.ส.กทม. เขตจตุจักร มีความคุ้นเคยในปัญหาพื้นที่คนกรุงเทพฯเป็นอย่างดี ขณะที่นาย อดิศักดิ์เป็นอดีตรองปลัดกทม. ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีความใกล้ชิดกับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำกทม. 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดทีมงานฝ่ายการ เมืองของกทม.ยังว่างอยู่ 3 ตำแหน่งประกอบด้วย ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯกทม. 2 ตำแหน่ง และโฆษกกทม. 1 ตำแหน่ง โดยเฉพาะในตำแหน่งโฆษกกทม.อยู่ระหว่างการพิจารณาแต่งตั้งโดยเร็วที่สุด ภายหลังกทม.ถูกกระแสโจมตีที่ผ่านมา โดยมีการคาดการณ์ว่านางเบญทราย กียปัจจ์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯกทม. และรองโฆษกกทม. หรือนายอรรถวิชช์จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนี้ 

"ชายหมู"ยกขบวนบินจีน

   รายงานข่าวระบุด้วยว่า ส่วนกรณีที่นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแถลงถึงความไม่ชอบมาพากลการใช้งบประมาณของกทม.นั้น ฝ่ายการเมืองกทม.ได้หารือกันว่าจะไม่มีการตอบโต้ ภายหลังนายอมร กิจเชวงกุล และนายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าฯกทม. ได้ออกมาชี้เเจงเเล้ว โดยหลังจากนี้หากจะมีการตรวจสอบการทำงานของกทม.ในส่วนใด กทม.ก็พร้อมให้มีการตรวจสอบได้ทุกอย่าง อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 24 ต.ค.นี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ นายอมร และคณะผู้บริหารสำนักจราจรและขนส่งกทม. จะเดินทางไปยังประเทศจีน เพื่อ จะศึกษาดูงานเกี่ยวกับการบริหารการจราจรของเมือง ก่อนที่จะเดินทางกลับมาในวันที่ 30 ต.ค.นี้

กรธ.เปิดฟังความเห็นปม"คปป."

    นายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษกคณะกรรมการ ร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่า การทำงานของ กรธ.เวลานี้มาได้เกือบครึ่งทางแล้ว ในส่วนของแนวนโยบายแห่งรัฐ กรธ.พยายามป้องกันไม่ให้นักการเมืองเข้ามาใช้อำนาจที่อยู่ในรัฐธรรมนูญมาเป็นนโยบายของตัวเอง หากเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญมากจะกลายเป็นว่าเราเป็นผู้กำหนดนโยบายของรัฐบาลต่อไป ดังนั้น ควรให้เขาออกนโยบายเองบ้าง เวลานี้ต้องดูความเหมาะสมว่าควรจะมีมากหรือน้อยสำหรับหน้าที่ที่รัฐต้องจัดให้ประชาชน กรธ.ก็กังวลเรื่องประชานิยม เพราะที่ผ่านมานัก การเมืองเอานโยบายด้านการศึกษา ด้านการสาธารณสุข ที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญไปดัดแปลงเป็นนโยบายเพื่อสร้างความนิยมให้กับตนเอง ทั้งที่เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำให้ประชาชนซึ่งเราไม่เห็นด้วย

      นายอมร กล่าวว่าสำหรับในสัปดาห์หน้าจะมีรายงานของคณะอนุโครงสร้างอำนาจหน้าที่ฝ่ายบริหารและคณะอนุโครงการอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ โดยจะต้องนำสาระสำคัญที่ศึกษามา เช่น ระบบเลือกตั้ง ว่าจะเอาแบบสัดส่วนผสมหรือวันแมนวันโหวต ที่ยังไม่ได้ข้อยุติต้องมีการหารือกันอีกครั้ง กับโครงการสร้างการ บริหาร เสนอต่อกรธ. ส่วนกรณีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ถ้าจำเป็นต้องมีก็สามารถแก้ไขได้ โดยมองช่องทางที่เชื่อมต่อไปได้ ซึ่งไม่มีใครมาสั่งแต่ขึ้นอยู่กับการรับฟังความคิดเห็น โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เห็นด้วยคือผู้เสียประโยชน์บางกลุ่ม นักการเมืองและนักวิชาการบางกลุ่ม กรธ.จะให้พรรคการเมืองเข้ามาร่วมแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญด้วย โดยเชิญนักการเมืองทุกพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองมาร่วมสัมมนาหรือเสวนาให้มากที่สุด 

26 ต.ค.ถกโครงสร้างสภา

     นายนรชิตกล่าวว่า การทำงานของกรธ.ในเวลานี้ยังไม่ได้มีการพิจารณาเนื้อหาเกี่ยวกับที่มาของนายกรัฐมนตรีว่าจะต้องเป็นส.ส. หรือมาจากคนที่ไม่ได้เป็นส.ส. และเรื่องคปป. โดยกรธ.จะประชุมครั้งต่อไปวันที่ 26 ต.ค. เรื่องระบบการเมืองในส่วนของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งจะเปิดให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังการพิจารณาของกรธ.ด้วย เพราะการร่างรัฐ ธรรมนูญ เป็นภารกิจร่วมกันของคนทั้งสังคม ไม่ใช่เรื่องของคน 21 คนเท่านั้น

สปท.ดันตั้งกก.วางเกณฑ์นิรโทษ

    พ.ต.อาณันย์ วัชโรทัย สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงแนวทางสร้างความปรองดองในวาระการปฏิรูปประเทศของสปท.ว่า ในการประชุมกลุ่มย่อยของสปท.ด้านการเมืองช่วงที่ผ่านมา ที่ประชุมพูดถึงแนวทางการสร้างความปรอง ดองว่า ขอรอดูการประชุมแม่น้ำ 5 สาย ในวันที่ 28 ต.ค.เพื่อนำมาเป็นแนวทางการทำงาน ของสปท. ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า เรื่องการปรองดองควรมีแนวทางเป็นรูปธรรม ชัดเจนออกมาว่าจะทำอะไรบ้าง ไม่ใช่มีแค่ผลการศึกษาเหมือนที่ผ่านมา ส่วนเรื่องนิรโทษกรรมมีการพูดคุยกันบ้างโดยเห็นตรงกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ว่าขั้นตอนนิรโทษกรรมจะต้องผ่านกระบวนการยุติธรรมก่อน ขณะที่สปท.บางส่วนเห็นว่าควรมีคณะกรรมการกลางที่ได้รับการยอมรับจากสังคม เช่น นักกฎหมาย นักรัฐศาสตร์ มาพิจารณาว่าคดีใดเป็นคดีร้ายแร้ง หรือคดีเล็กน้อยที่ควรได้รับการนิรโทษกรรมบ้าง จะต้องทำเป็นเรื่องเร่งด่วน ส่วนตัวอยากให้แยกเรื่องการปรองดองออกไปทำต่างหาก ไม่เกี่ยวกับสปท.

สนช.จ่อถกถอดถอน"ตือ"

    นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีคำสั่งให้นัด ประชุมสนช. วันพฤหัสบดีที่ 29 ต.ค. และวันศุกร์ที่ 30 ต.ค.นี้ เวลา 10.00 น. การประชุมในวันที่ 29 ต.ค. มีวาระเรื่องด่วนที่ต้องพิจารณาคือการดำเนินกระบวนการถอดถอนนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการ ออกจากตำแหน่ง กรณีร่ำรวยผิดปกติจากการสร้างบ้านมูลค่า 16 ล้านบาทที่จ.อ่างทอง ตามมาตรา 6 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ประกอบมาตรา 56(1) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้อง กันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 พ.ศ. 2550 และมาตรา 58 โดยจะเป็นขั้นตอนการแถลงเปิดสำนวนของป.ป.ช. และการแถลงคัดค้านโต้แย้งคำแถลงเปิดสำนวนของนาย สมศักดิ์ พร้อมพิจารณาประเด็นซักถามตามญัตติของสมาชิกสนช. และตั้งคณะกรรมา ธิการซักถาม

     ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะผู้ถูกกล่าวหากล่าวว่า ในการแถลงเปิดคดีของคณะกรรมการป.ป.ช.ตนไม่ได้มอบหมายใคร แต่จะเดินทางไปแถลงคัดค้านสำนวนด้วยตัวเอง โดยจะนำข้อเท็จจริงไปชี้แจงให้สมาชิกสนช.ได้รับทราบ ไม่กลัวหรือหนักใจอะไร เพราะคิดว่าทุกอย่างหนีความจริงไม่พ้น ที่ผ่านมาไม่มีโอกาสได้พูด ดีเสียอีกที่สังคมจะได้รับรู้ว่าเราเป็นอย่างไร ส่วนรายละเอียดเป็นอย่างไร อยากให้รอวันแถลง อย่างไรก็ตาม ทางสนช.ได้อนุญาตให้ตนได้เพิ่มพยานหลักฐาน 2 รายการที่ยังไม่เคยได้ชี้แจง คือแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ และชาร์ตภาพการก่อสร้างบ้านหลังดังกล่าวว่ามีความเป็นมาอย่างไร

"หมอวิชัย"ชี้ไอ้โม่งบิดปม"สสส."

     วันที่ 23 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ถึงการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินขององค์กรอิสระภายใต้การกำกับดูแลของฝ่ายบริหาร ว่าเป็นไปตามรายงานข้อเท็จจริงที่หน่วยงานส่งขึ้นมา ไม่ได้ไปจับผิดใคร และไม่มีใครสั่งตนได้ สิ่งที่ตั้งใจคือต้องการเห็นการใช้เงินภาษีของประชาชนมีความคุ้มค่า เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนมากที่สุด ไม่อยากให้กังวลเกินกว่าเหตุ 

     นพ.วิชัย โชควิวัฒน์ รองประธานคณะกรรมการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (บอร์ดสสส.) คนที่ 2 กล่าวกรณีตรวจสอบการใช้งบประมาณของสสส.มีหลายโครงการผิดวัตถุประสงค์ว่า ยืนยันว่าโครงการต่างๆ ของสสส.ที่ทำไปนั้นอยู่ในขอบข่ายด้านสุขภาพตามที่พ.ร.บ.สสส.กำหนดไว้ ถ้าไปดูนิยามคำว่าสุขภาพขององค์การอนามัยโลกที่เขียนจำกัดความหมายถึงสุขภาวะที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม และไม่เพียงปราศจากโรคและความพิการเท่านั้น ในกฎบัตรออตตาวาปี 2529 ว่าด้วยการสร้างเสริมสุขภาพระบุว่าต้องประกอบด้วย 5 อย่าง 1.การสร้างนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ 2.การสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ 3.การสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน 4.พัฒนาทักษะส่วนบุคคล 5.ปรับปรุงระบบบริการสุขภาพมุ่งสู่การป้องกันโรคและสร้างเสริมสุขภาพ ทั่วโลกยึดการนี้ ประเทศไทยจะยึดหลักการสากลหรือยึดหลักอำเภอใจ 

     "รายงานสตง.ที่ปรากฏเป็นข่าวอย่างกว้างขวางบอกว่าสสส.ทำผิดวัตถุประสงค์ เกินอำนาจเป็นเรื่องสวดมนต์ข้ามปี สตง.มีความเห็นเช่นนี้ได้อย่างไร ให้ข่าวเรื่องนี้ได้อย่างไร สตง.ทำหน้าที่คล้ายดีเอสไอสมัยหนึ่งที่ไปตรวจสอบและให้ข่าวถือว่าผิด สสส.ไม่ได้ไปยุ่งงานของคนอื่น แต่เป็นการไปทำร่วมกับหลายฝ่าย วัด กระทรวงวัฒนธรรม กทม. และหลายหน่วยงาน ที่ทำมาทั้งหมดอยู่ในกรอบวัตถุประสงค์ ไม่ใช่นอกลู่นอกทาง" นพ.วิชัยกล่าว 

     นพ.วิชัย กล่าวว่า ส่วนโครงการของสถาบันอิศราฯซึ่งมีเรื่องการเมือง การอบรมนักข่าว ตนไม่ทราบรายละเอียดมากนัก ที่ทราบคือเพื่อพัฒนาทักษะผู้สื่อข่าวในการทำข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน เพื่อให้เห็นความเชื่อมโยง เพราะสุขภาวะของสังคม เหล้า บุหรี่ การเมือง สื่อมีบทบาทสำคัญ ที่จริงสถาบันอิศราฯไม่ได้รับงบฯจากสสส.อย่างเดียว รับจากที่อื่นด้วย เช่นเดียวกับโครงการของอาจารย์มิ่งขวัญ ขาวสะอาด ผอ.แผนงานสร้างเสริมการเรียนรู้กับสถาบันอุดมศึกษาไทยเพื่อการพัฒนานโยบายสาธารณะที่ดี ทำการศึกษาด้านสุขภาวะแน่นอนว่ามีเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่มีการบิดเบือนว่าเป็นการวิจัยทางการเมือง จงใจพูดเรื่องที่ทำให้เกิดความสับสน เชื่อว่ามีไอ้โม่งอยู่ข้างหลังกระพือข่าวแน่นอน

ห้ามขายเหล้าใกล้สถานศึกษา

     เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.ลงนามในประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา พ.ศ. 2558 เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา และประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยไม่ให้มีสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงสถานศึกษาหรือหอพักใกล้เคียงสถานศึกษา 

     คำว่าบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา หมายถึง บริเวณต่อเนื่องติดกับสถานศึกษาและบริเวณถัดออกไป เช่น 1.เป็นบริเวณที่เด็ก เยาวชน นักศึกษา สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย เมื่อพิจารณาจากระยะห่างจากสถานศึกษา 2.เป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะสมต่อเด็ก เยาวชน นักศึกษา 4.เป็นแหล่งมั่วสุมหรือมอมเมาเด็ก เยาวชน นักศึกษา และ 4.เป็นสถานที่พึงเห็นได้ว่าจะก่อความเดือดร้อนรำคาญต่อเด็ก เยาวชน นักศึกษาในสถานศึกษา

      พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า นายกฯมีนโยบายชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อดูแลสวัสดิภาพและความปลอดภัยของเด็กและเยาวชน ประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง และขอให้ทุกส่วนปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 22/2558 ที่ซักซ้อมความเข้าใจไปก่อนหน้านี้ แม้จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด แต่ต้องไม่เป็นการรังแกประชาชน หรือสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ประกอบการจนไม่สามารถปฏิบัติได้จริง โดยเฉพาะร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการ ก่อนวันที่คำสั่งหัวหน้าคสช.จะมีผลใช้บังคับ เพื่อให้สามารถประกอบการต่อไปได้ แต่ต้องไม่กระทำผิดตามข้อ4 ของคำสั่งดังกล่าวคือ ห้ามเปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด และขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี มิฉะนั้นอาจถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตหรือสั่งปิดสถานประกอบการได้ ขณะเดียวกันให้เจ้าหน้าที่งดเว้นการออกใบอนุญาตเพิ่มเติมแก่ผู้ประกอบการรายใหม่ในเขตนั้น ส่วนการกำหนดเขตพื้นที่โซนนิ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวนและปรับปรุงให้เหมาะสมตามสภาพของแต่ละจังหวัด

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!