WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1หวเขาคาย

ไปไม่ถึงราชภักดิ์ หิ้วตู่-เต้น เข้าค่ายทหารแทน ให้เซ็นรับเงื่อนไข แล้วปล่อยกลับ! รวบอาซิ้มวัย 61 ปี โพสต์หมิ่น"บิ๊กตู่" ยันย้าย-ผู้การ'ป.' ปมเหตุบกพร่อง

     ไปไม่ถึงอุทยาน ราชภักดิ์ ทหารบุกรวบ 'ณัฐวุฒิ-จตุพร'พร้อมเพื่อนแกนนำนปช.อีก 2 คน ขณะรวมตัวกันจะเดินทางไปเยี่ยมชม-สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์บุรพกษัตริย์แห่งสยาม นำตัวขึ้นรถตู้พาเข้าค่ายทหารทันที ก่อนจะให้เซ็นรับทราบเงื่อนไขแล้วปล่อยออกมาในช่วงเย็นวันเดียวกัน โฆษกคสช.ซัดเคลื่อนไหวทางการเมือง กล่าวหาโครงการดังกล่าวทุจริตทั้งที่ผลสอบยังไม่ได้ข้อสรุป ส่วนโฆษกกห.ชี้แค่เชิญไปพูดคุยทำความเข้าใจ หวั่นเกิดเหตุม็อบชนม็อบ ขณะที่'ประจิน'งงไม่รู้ใครสั่งจับ หวั่นสถานการณ์บานปลาย แนะพูดคุยหารือกันดีกว่า ด้านเพื่อไทยชี้คุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน ฮิวแมนไรต์ฯห่วงละเมิดสิทธิ์ ด้านผบ.ตร.ชี้กรณีผบก.ป.แค่ปล่อยปละละเลยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปแอบอ้าง ไม่เกี่ยวกับคดี 112

วันที่ 01 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9134 ข่าวสดรายวัน

หิ้วเข้าค่าย - ทหารบุกคุมตัวนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 2 แกนนำนปช. ที่ตลาดมหาชัยเมืองใหม่ จ.สมุทรสาคร สกัดไม่ให้เดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ นำขึ้นรถตู้ไปยังค่ายทหาร จ.กาญจนบุรี ก่อนปล่อยตัวในช่วงค่ำ เมื่อ 30 พ.ย

ณัฐวุฒิแจงเหตุผลไปราชภักดิ์

     เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 30 พ.ย. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก และนายสมหวัง อัสราษี รองประธานนปช. พร้อมคณะรวม 6 คน เดินทางมาพบกันที่ตลาดมหาชัยเมืองใหม่ ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อเดินทางไปที่อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบ คีรีขันธ์

   นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การเดินทางครั้งนี้เพียงเพื่อไปกราบสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยามทั้ง 7 พระองค์ และชมความงามของต้นปาล์ม ตลอดจนสิ่งก่อสร้างภายในอุทยานเท่านั้น

      ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องการไปสำรวจอะไรหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การไปตรวจสอบรายละเอียดของการก่อสร้างนั้น คงไม่มีความสามารถเพียงพอ เพราะไม่รู้เรื่องวิธีการสร้างรูปหล่อ แต่ก็อยากจะไปดูเพื่อเป็นข้อมูล รวมถึงต้นปาล์มที่นำมาปลูกด้วย เพราะเท่าที่ทราบมาเป็นต้นปาล์มที่มีภาคเอกชนสนับสนุน แต่กลับตั้งงบประมาณเบิกจ่าย จุดนี้เพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลดำเนินการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสและคลี่คลายความเคลือบแคลงใจต่อพี่น้องประชาชนให้ได้โดยเร็วที่สุด อีกทั้งยังขอความเห็นใจจากฝ่ายทหารในการเข้าไปเฝ้าหน้าบ้านของตนตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา อยากให้มองเห็นความจริงใจที่ตนและกลุ่มแกนนำต้องการไปเพื่อกราบบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมืองเท่านั้น

พิสูจน์ต้นปาล์มราคาต้นละ 3 แสน

     นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า อยากชี้แจงกับรัฐบาลว่าพวกตนไม่ได้มีเจตนาจะเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาล และไม่ได้มีเจตนาใช้ความตั้งใจเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ เพื่อเป็นเกมการเมืองเผชิญหน้ากับรัฐบาล เพียงแต่ตนคิดว่าถึงเวลาที่ประชาชนทั้งประเทศอยากทราบความจริงอย่างตรงไปตรงมา เกี่ยวกับการสร้างอุทยานราชภักดิ์เท่านั้น สิ่งที่พวกตนกำลังดำเนินการอยู่ น่าจะเป็นประโยชน์กับรัฐบาลมากกว่า เพราะการที่ประชาชนทั้งประเทศลุกขึ้นมามีส่วนร่วมกับการตรวจสอบทุจริตก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลได้ เช่นกัน

      "ความตั้งใจครั้งนี้ของผม เพียงแต่ต้องการไปเดินดูวัสดุที่ใช้หล่อองค์พระมหากษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์ สืบเนื่องจาก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ออกมายอมรับว่าการสร้างมีการหักค่าหัวคิว ซึ่งพวกเราเกรงว่าเมื่อเป็นเช่นนั้นจะทำให้ลดคุณภาพวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการหล่อองค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งจะมีผลต่อความสง่างามและความคงทนถาวร ซึ่งจำเป็นต้องตราจสอบกับผู้รับผิดชอบ อีกกรณีคือต้นปาล์ม ที่ทราบว่าเอกชนมีการบริจาคถึงต้นละ 3 แสนบาท ผมก็ต้องการไปดูให้เห็นว่าเป็นเช่นไร ไม่ได้มีการรวมตัวเพื่อกิจกรรมทางการเมืองแต่อย่างใดทั้งสิ้น พร้อมกันนี้ก็อยากจะขอให้รัฐบาลและฝ่ายทหารเชื่อมั่นได้ว่า การเดินทางไปในครั้งนี้ ไม่มีเจตนาอื่นใดแอบแฝงนอกจากเพื่อเยี่ยมชมความงามของอุทยาน" นายณัฐวุฒิกล่าว

ทหารจู่โจมรวบพร้อมกับจตุพร

     ต่อมาเวลา 10.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายณัฐวุฒิกำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนจำนวนมากอยู่นั้น จู่ๆ มีเจ้าหน้าที่ทหารในเครื่องแบบประมาณ 5 นาย และสารวัตรทหาร 2 นาย เดินฝ่าวงล้อมของสื่อมวลชนเข้ามาล็อกตัวนายณัฐวุฒิโดยการควงแขนทั้งสองข้างและนำตัวนายณัฐวุฒิออกไปนอกบริเวณ สร้างความตกใจให้แก่ประชาชนทั้ง 20 คนและผู้ติดตามที่ตั้งใจมาร่วมเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์กับนายณัฐวุฒิ ขณะที่รอบบริเวณตลาดมหาชัยเมืองใหม่มีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบ กว่า 50 นาย พร้อมรถฮัมวี่ 2 คัน

     ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทหารคุมตัวนายณัฐวุฒิขึ้นรถตู้ที่ทางเจ้าหน้าที่เตรียมมา นายสมหวังและนายยศวริศพยายามจะขึ้นรถตู้คันดังกล่าวไปกับนายณัฐวุฒิด้วย แต่เจ้าหน้าที่ได้กันตัวออกพร้อมกันกับที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. ได้เดินทางมาถึงที่บริวณดังกล่าวพอดี เจ้าหน้าที่ทหารจึงรีบเข้าไปล็อกตัวนายจตุพรนำขึ้นรถตู้ไปพร้อมกับนายณัฐวุฒิ จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารก็ขับรถพาแกนนำนปช.ทั้งสองคนวิ่งออกไปทางถนนพระราม 2 มุ่งหน้าไปทางสายใต้อย่างรวดเร็ว

'สมหวัง-ธนาวุฒิ'โดนดักจับ

    รายงานข่าวแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้ร่วมกันตั้งด่านสกัดรถมวลชนและผู้สื่อข่าวที่กำลังติดตามขบวนรถของเจ้าหน้าที่ทหาร ที่กำลังมุ่งหน้าไปจ.ราชบุรี จึงยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเจ้าหน้าที่ทหารคุมตัวแกนนำนปช.ไปยังค่ายภาณุรังษี จ.ราชบุรี หรืออาจจะเป็นกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี

      ล่าสุด เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงได้รวบแกนนำ นปช. เพิ่มได้อีก 2 คน คือนายสมหวัง อัสราษี และนายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ ซึ่งมาแวะพักที่ร้านกาแฟอเมซอน ภายในปั๊ม ปตท.ใน จ.ราชบุรี พร้อมทั้งนำตัวไปพูดคุยที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ใน จ.ราชบุรี ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็นค่ายใด

     เมื่อเวลา 11.30 น.ผู้สื่อข่าวได้ไปดักรอถ่ายภาพที่บริเวณจังหวัดทหารบกราชบุรี และพบว่ามีขบวนรถที่นำตัว 2 แกนนำนปช. มาที่จังหวัดทหารบกราชบุรีจริง โดยเป็นรถยนต์ตู้ของจังหวัดทหารบกราชบุรี 2 คัน และรถยนต์ส่วนตัวอีก 2 คัน สีขาวทั้งหมด แต่เมื่อเห็นว่ามีผู้สื่อข่าวดักรอถ่ายภาพขบวนอยู่ด้านหน้า จึงได้ขับรถเลยไป โดยไม่ทราบว่านำตัวไปที่ใด เนื่องจากที่ จ.ราชบุรี มีทั้งหมด 5 ค่ายทหาร ประกอบด้วย ค่ายภาณุรังษี ค่ายศรีสุริยวงศ์ ต.ดอนตะโก ค่ายบุรฉัตร ต.เกาะพลับพลา ค่ายกรมสรรพาวุธทหารบก ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.ราชบุรี และค่ายทัพพระยาเสือ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

    พล.ต.ชวลิต พงษ์พิทักษ์ ผู้บัญชามณฑลทหารบกที่ 16 กล่าวว่า แกนนำทั้ง 2 คนตอนนี้อยู่ในที่ที่ปลอดภัย ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยว่าอยู่ที่ไหน เนื่องจากเป็นเรื่องของความมั่นคง

บิ๊กป้อมระบุไปเพื่อปมการเมือง

      ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงนายจตุพร และนายณัฐวุฒิ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารตรึงกำลังเข้า-ออกบริเวณบ้านพัก หลังระบุจะเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ว่า ตนถามว่าสมควรหรือไม่ที่จะไปอุทยานราชภักดิ์ ขณะนี้กระทรวงกลาโหมมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตามที่ตนเคยให้สัมภาษณ์ไว้ ดังนั้น เรื่องนี้ควรจบได้แล้ว เพราะคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะตรวจสอบเจาะจงที่ตัวบุคคล เมื่อผลสอบสวนออกมาจะได้ทราบรายละเอียดต่อไป แต่ต้องให้เวลาคณะกรรมการได้ทำงานก่อน หากนายจตุพรและนายณัฐวุฒิ ไปอุทยาน ราชภักดิ์ จะกลายเป็นประเด็นการเมือง ดังนั้น อย่าบอกว่าไปเพื่อตรวจสอบเรื่องคอร์รัปชั่น เพราะมันไม่ใช่ เรื่องนี้ทางกระทรวงกลาโหมกำลังดำเนินการอยู่

     เมื่อถามว่า หากสมมติว่าทั้งสองคนยืนยันที่จะไปทางอุทยานราชภักดิ์จะอนุญาตให้เข้าหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "จะไปเพื่ออะไร ถ้าจะไปก็เพื่อเปิดประเด็นทางการเมือง ผมบอกแล้วว่าทหารไม่ได้เล่นการเมือง ทุกอย่างผิดก็ผิด ถูกก็ถูกว่าไปตามนั้น บอกตรงๆ ว่าไม่ควรไป ปล่อยให้เขาไปคิดดู ส่วนจะถูกเจ้าหน้าที่ทหารสกัดหรือไม่นั้น ผมไม่ทราบ ซึ่งประเด็นต้องดูว่ามันสมควรหรือไม่ เชื่อว่าอีกสักพักคงคิดได้ เพราะโตๆ กันแล้ว"

โยน"อุดมเดช"-ให้ตัดสินใจเอง

      เมื่อถามว่าได้หารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในเรื่องนี้ว่าหนักใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่หนักใจ เพราะทุกคนก็โตและมีอายุมากกันแล้ว ตนบอกหลายครั้งแล้วว่าทหารไม่เล่นการเมือง รวมถึงตนด้วย เราทำงานทุกอย่างตรงไปตรงมา ไม่อยากให้ไปเกี่ยวข้องหรือโยงเป็นเรื่องต่างๆ ที่ตั้งข้อสงสัยกันว่าการก่อสร้างอุทยาน ราชภักดิ์มีการทุจริตหรือไม่ก็กำลังตรวจสอบอยู่ หากมีคนทำผิดจริงเดี๋ยวก็หาเจอ

     พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ส่วนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตนก็อำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง หากต้องการเข้ามาตรวจสอบ ยืนยันว่ากองทัพบกทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการด้วยความโปร่งใส ส่วนกระแสกดดันให้พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ลาออกนั้น ตนคิดว่าเขาก็ต้องคิดเอง ส่วนลาออกแล้วจะมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไร ตนยังไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ที่ผ่านมาตนก็ยังไม่ได้คุยกับพล.อ.อุดมเดช ในเรื่องดังกล่าว เพราะคุยเรื่องงานกันมากกว่า

ไม่มีสัญญาณใดๆ จากผู้ใหญ่

     "ผมมองว่าพล.อ.อุดมเดช มีวุฒิภาวะมาก เป็นถึงอดีตผบ.ทบ. ท่านคงคิดอยู่ว่าควรจะทำอย่างไร ผมคงไม่ต้องไปบอกท่านว่าต้องคิดแบบนี้หรือแบบนั้น เพราะไม่ใช่เด็ก อย่างไรก็ตาม คงไม่มีสัญญาณจากผู้ใหญ่บอกให้ท่านดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะผมก็เป็นผู้ใหญ่ ยืนยันว่าเรื่องอุทยานราชภักดิ์ไม่ใช่จุดอ่อนของรัฐบาล เพราะเรามีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรืองทุจริตแล้ว" พล.อ.ประวิตรกล่าว

     พล.ต.คงชีพ ตันตระวานิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ปฏิเสธข่าวการจับกุมตัวนายจตุพร และนายณัฐวุฒิ ว่า เป็นเพียงการเชิญตัวมาพูดคุยเท่านั้น เพราะเกรงจะเกิดปัญหาม็อบชนม็อบขึ้น เพราะทราบว่ามีมวลชนจากราชบุรีและประจวบฯ ได้ไปรอต่อต้านกลุ่มนายจตุพรอยู่จึงอาจเกิดการปะทะกันขึ้น เพราะนายจตุพรก็นำมวลชนไปจำนวนหนึ่งด้วยเช่นกัน จึงเชิญตัวไปทำความเข้าใจ ส่วนสถานที่พูดคุยและจำนวนวันในการควบคุมตัวนั้น ตนไม่สามารถเปิดเผยได้

โฆษกคสช.รับไม่ได้-หาว่าทุจริต

     ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช. เปิดเผยถึงกรณีเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายจตุพร นายณัฐวุฒิ ที่หน้าตลาดมหาชัยเมืองใหม่ว่า เจ้าหน้าที่มองเป็นการพยายามเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างชัดเจน พฤติกรรมเริ่มจากการป่าวประกาศ เชิงชี้นำ ทำนองปลุกปั่นให้เกิดความไม่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่คงใช้ดุลพินิจจากพฤติกรรมจากหลายวาระ รวมทั้งการกล่าวต่อสาธารณะ โดยใช้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนมาตลอด โดยเฉพาะการอ้างใช้คำว่า ทุจริต ซึ่งหน่วยงานหรือผู้มีหน้าที่โดยตรงยังไม่มีใครกล่าวถึง เป็นการใช้เพียงความรู้สึกทั้งสิ้น

    พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ปัจจุบันจะเห็นว่าภาครัฐไม่นิ่งนอนใจเมื่อสังคมต้องการทราบ หลายหน่วยงานก็กำลังร่วมกันดำเนินการภายใต้ขอบเขตความรับผิดชอบเพื่อคลี่คลายไขความกระจ่างให้ ซึ่งหลังจากนี้อาจตั้งข้อสังเกตดูในเรื่องการให้ข้อมูลใดๆ ไปกับสังคม ถ้ายังไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆ ที่สมบูรณ์ชัดเจน แล้วมีบุคคลใดนำมาใช้กล่าวอ้างจนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงองค์กร จะใช้มุมทางกฎหมายเข้ามาดำเนินการอย่างจริงจัง

     "การเคลื่อนไหวของนายณัฐวุฒิ เช่นนี้ ไม่น่าเกิดประโยชน์ต่อกระบวนการไขความกระจ่างเพราะไม่ใช่ผู้มีหน้าที่ ทำให้หลายฝ่ายเคลือบแคลงในท่าทีที่อาจดูไม่ต่างจากรูปแบบเดิมๆ ซึ่งมิได้เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อสังคมอย่างแท้จริง และในความเป็นจริงทุกคนที่สนใจในเรื่องนี้ ติดตามได้ตลอดจากช่องทางที่เหมาะสมต่างๆ" โฆษกคสช. กล่าว

"ภูมิธรรม"จี้ปล่อยตัวโดยทันที

      ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าตนเฝ้าติดตามสถานการณ์ต่างๆ ด้วยความห่วงใยและเห็นว่า การที่เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวทั้ง 2 คนและขัดขวางไม่ให้เดินทางไปอุทยาน ราชภักดิ์นั้น ถือว่าไม่มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ในการเดินทางไปตามที่ต่างๆ โดยสุจริตและอาจสร้างความไม่เข้าใจต่อสาธารณชนในภาพพจน์ของรัฐบาล ที่เสมือนขัดขวางการเรียกร้องและการแสวงหาความเป็นจริงในข้อกล่าวหาการทุจริตที่เกิดขึ้นในโครงการดังกล่าว

      นายภูมิธรรม กล่าวว่า เพื่อให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายโดยเร็ว ขอให้พิจารณาปล่อยตัวนายณัฐวุฒิ และนายจตุพรในทันที ก่อนที่เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จะลุกลามบานปลายมากกว่านี้ และเพื่อให้ปัญหาต่างๆ ดำเนินการอย่างถูกต้องและลดความอึดอัดของสังคมโดยเร่งด่วน ขอให้รัฐบาลและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง รีบจัดการแก้ไขข้อครหาทุจริตใน อุทยานราชภักดิ์ และเร่งนำผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาลงโทษและแสดงความรับผิดชอบโดยพลัน

"ก่อแก้ว"อัดอำนาจเผด็จการคุกคาม

     ด้านนายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ทหารเข้าควบคุมตัวนาย จตุพร และนายณัฐวุฒิก่อนเดินทางไปดูพื้นที่อุทยานราชภักดิ์ เพื่อเป็นข้อมูลตรวจสอบการทุจริต โดยไม่แจ้งให้ทราบว่าจะควบคุมตัวไปที่ใดนานแค่ไหน และด้วยเหตุผลอะไรนั้น เป็นการใช้อำนาจเผด็จการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างชัดเจน โดยไม่สนใจสายตาและความรู้สึกของคนไทยและนานาชาติ นอกจากนี้ยังแสดงถึงความต้องการขัดขวางการตรวจสอบการทุจริตโครงการ อุทยานราชภักดิ์ ทั้งที่คสช.ประกาศต่อสังคมไทยเรื่อยมาว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาทุจริตของประเทศ แต่เมื่อมีบุคลากรของ คสช.เกี่ยวข้องกับการทุจริต คสช.กลับพยายามขัดขวางไม่ให้ตรวจสอบ ซึ่งตอกย้ำให้สังคมเพิ่มความเคลือบแคลงสงสัยในการทุจริตโครงการนี้มากขึ้นไปอีก

    "ในฐานะคนไทยและเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของนายจตุพรและนายณัฐวุฒิ ขอเรียกร้องพล.อ.ประยุทธ์ให้สั่งเจ้าหน้าที่ทหารปล่อยตัวทั้ง 2 คนในทันที โดยไม่มีเงื่อนไข และขอให้ คสช.และรัฐบาลเปิดเผยข้อมูลของการดำเนินโครงการนี้ในทุกประเด็น ตรงไปตรงมา รวมทั้งแต่งตั้งบุคคลภายนอกร่วมเป็นกรรมการตรวจสอบโครงการนี้ มิใช่จำกัดวงเฉพาะผู้ตรวจสอบจากกระทรวงกลาโหม และเปิดให้ประชาชนทั่วไปร่วมตรวจสอบโครงการ ตั้งคำถาม ตรวจสอบข้อมูลที่ปรากฏต่อสาธารณะโดยไม่มีการขัดขวางและคุกคาม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า คสช. รัฐบาล หรือพล.อ.อุดมเดชไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการนี้" นายก่อแก้วกล่าว

ปิดกั้นการตรวจสอบ-รบ.มีพิรุธ

     นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ทหารเข้าควบคุมตัว 2 แกนนำ นปช.แสดงให้เห็นว่าประเด็นการทุจริตในโครงการอุทยานราชภักดิ์เป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่ ทำให้รัฐบาลต้องปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของประชาชน รัฐบาลกำลังมีพิรุธ ทั้งนี้ ตนเห็นว่าการที่ทหารจับกุมตัวบุคคลทั้งคู่ถือเป็นความผิดพลาดของรัฐบาล มีแต่จะสร้างผลเสียโดยเฉพาะทางด้านการเมืองอย่างใหญ่หลวง เท่ากับรัฐบาลต้องการปิดกั้นไม่ให้ตรวจสอบพวกเดียวกันเอง รัฐบาลกำลังกลัวเกินกว่าเหตุถึงได้ควบคุมตัว หวังปิดปากนายจตุพรและนายณัฐวุฒิ สวนทางกับสิ่งที่รัฐบาลทหารประกาศมาโดยตลอดว่าต้องการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่รัฐบาลกลับพยายามปิดบังการทุจริตของตัวเองหรือไม่

      "ขอเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวนายจตุพรและนายณัฐวุฒิโดยเร็วที่สุด และอย่าใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง อย่าใช้เพื่อจับกุมคุมขังประชาชนที่ต้องการเข้ามาตรวจสอบ เปิดโปงเรื่องทุจริต สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้รัฐบาลขาดความชอบธรรม เสียรังวัดเอง ผมเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่สามารถยั่วยุให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวได้ เพราะคนเสื้อแดงรู้ดีว่าสถานการณ์ขณะนี้เป็นอย่างไร เราไม่มีทางเป็นเครื่องมือให้กับกลุ่มผู้มีอำนาจที่กำลังขัดแย้งกันเองอย่างแน่นอน เราอ่านเกมออก" นายวรชัยกล่าว

ฮิวแมนไรต์ฯซัดใช้กฎหมายใด

      วันเดียวกัน นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาประจำประเทศไทย องค์กรฮิวแมนไรต์วอตช์ เรียกร้องให้ คสช.เปิดเผยสถานที่ควบคุมตัวและสภาพความเป็นอยู่ของนายณัฐวุฒิและนายจตุพร หลังทหารบุกควบคุมตัวทั้ง 2 คน ที่ตลาดสดมหาชัยเมืองใหม่ ระหว่างที่นาย ณัฐวุฒิกำลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงวัตถุ ประสงค์และความต้องการเดินทางไปอุทยาน ราชภักดิ์ ซึ่งสุดท้ายถูกคุมตัว ไม่สามารถเดินทางไปได้

     นายสุณัย เรียกร้องว่า คสช. จะต้องชี้แจงเหตุผลว่าอะไรเป็นสาเหตุในการควบคุมตัว และ คสช. ใช้อำนาจกฎหมายใด จะคุมตัวนานแค่ไหน รวมทั้งระหว่างควบคุมตัวจะต้องเปิดให้ทนายความ ครอบครัวและญาติบุคคลทั้ง 2 เข้าเยี่ยมได้

     นายสุณัย กล่าวด้วยว่า การควบคุมตัวพลเรือนในค่ายทหารนั้นเป็นประเด็นที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็น และองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ รวมทั้งฮิวแมนไรต์วอตช์ ได้แสดงความกังวลกับ คสช. อย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาดังกล่าวก็ไม่ได้รับการแก้ไขแต่อย่างใด

ผบ.ทบ.จ่อสั่งปล่อย-ทำข้อตกลง

    ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) กองบัญชาการกองทัพบกว่าหลังจากที่เจ้าหน้าที่ทหารมณฑลทหารบกที่ 16 จ.ราชบุรี นำกำลังเข้าควบคุมตัวนายจตุพร และนายณัฐวุฒิ ที่ตลาดมหาชัยเมืองใหม่ ระหว่างเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยนำตัวทั้งสองคนไปทำข้อตกลงและหารือ ที่กองพลทหารราบที่ 9 จ.กาญจนบุรี ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารแจงถึงข้อตกลงตามคำสั่งคสช.ที่เคยทำข้อตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการห้ามเคลื่อนไหวใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เพราะจะมีความผิดตามมาตรา 44 จึงต้องทำข้อตกลงเพิ่มเติมและให้บันทึกทำความเข้าใจด้วยเพื่อเตือนความจำ

     "เรื่องนี้พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.ในฐานะผบ.กกล.รส. เห็นว่าจะต้องทำบันทึกความเข้าใจ เพราะที่ผ่านมาอาจจะไม่ได้ทำบันทึกเอาไว้ แค่เรียกมาปรับทัศนคติหลายครั้งแล้วก็ปล่อยตัวกลับไป หลังจากรับปากว่าจะไม่เคลื่อนไหวอีก แต่ครั้งนี้ต้องทำบันทึกเพื่อจะได้เตือนสติ ไม่ให้สร้างความวุ่นวายหรือเคลื่อนไหวใดๆ อีก รวมถึงให้ตรวจสุขภาพทั้งสองคนก่อนจะปล่อยตัวในค่ำวันเดียวกันนี้ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะไปอ้างว่าถูกทหารทำร้ายร่างกาย ต้องทำให้รอบคอบป้องกันการฟ้องร้อง" แหล่งข่าวจากกกล.รส.ระบุ

ให้เซ็นรับ-ก่อนปล่อยกลับบ้าน

      แหล่งข่าวจากคสช. เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้พูดคุยกับนายจตุพรและนายณัฐวุฒิแล้ว เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าทั้งสองออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ เรียกสื่อมวลชนมาร่วมทำข่าวด้วยกัน ถือเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง จากการพูดคุยกันแล้ว ทั้ง 4 ครั้งที่ผ่านมาก็ให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ออกมาอีก ครั้งนี้ถือว่าเจ้าหน้าที่จะให้โอกาสอีกครั้ง เซ็นหนังสือสัญญาว่าจะไม่เคลื่อนไหวอีก มีอะไรให้มาพูดคุยกัน ถ้าออกมาอย่างนี้มวลชนจะไม่เข้าใจ ซึ่งทั้งสองยอมเซ็น จากนั้นเจ้าหน้าที่นำทั้งสองขึ้นรถตู้ออกจากค่ายสุรสีห์ ไปส่งที่บ้านพักในเวลา 19.50 น.

     สำหรับนายสมหวังและนายธนาวุฒินั้น เจ้าหน้าที่ได้พูดคุยทำความเข้าใจถึงกรณีดังกล่าวเช่นกัน และปล่อยตัวกลับบ้านในเย็นวันเดียวกัน เมื่อเวลา 22.25 น.นายจตุพรได้โพสต์เฟซ บุ๊กว่าขณะนี้ได้เดินทางกลับถึงบ้านแล้ว

"ประจิน"หวั่นบานปลาย-แนะคุยกัน

    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯกล่าวกรณีทหารรวบตัวนายจตุพรและนายณัฐวุฒิ ระหว่างรวมตัวเดินทางไปชมอุทยานราชภักดิ์ว่า ไม่ทราบ แต่เห็นว่าไม่ควรปล่อยให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย ควรพูดคุยกันให้รู้เรื่อง

    ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดแต่ละฝ่ายไม่ชี้แจงให้สังคมเข้าใจ แต่กลับโต้เถียงกันไปมา พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ตนชื่นชมที่ได้ยินการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ และยังชื่นชมอยู่ที่ทางมูลนิธิอุทยานฯสามารถทำโครงการนี้ให้เป็นจุดรวมและเป็นไฮไลต์ของงาน แต่เมื่อมีการพูดในแง่ลบให้ทำเสียความรู้สึก เสียกำลังใจ จึงต้องช่วยกัน เรื่องนี้จะรายงานให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯและรมว.กลาโหม ให้ทราบถึงข้อสังเกตของฝ่ายต่างๆ เมื่อถามย้ำว่าขณะนี้มีการนำเรื่องดังกล่าวมาเป็นประเด็นโจมตีรัฐบาลและนายกฯ รองนายกฯ กล่าวว่า ตามที่บอกว่าเรื่องดีๆ อย่าทำให้เป็นเรื่องการเมือง เพราะเสียความรู้สึกต่อผู้ที่มีความปรารถนาดีต่อโครงการ

      เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ที่ป.ป.ช. เข้าไปตรวจสอบในเรื่องนี้หลังจากพบว่ามีการใช้งบประมาณแผ่นดินเข้าไปใช้ดำเนินการ พล.อ.อ. ประจินกล่าวว่า ในขั้นต้นทราบว่าเจตนาของมูลนิธิคือใช้เงินบริจาค แต่ไม่ทราบว่ามีการใช้งบฯราชการดังกล่าวด้วย จึงขอไปศึกษาในรายละเอียดก่อน เมื่อถามว่าในฐานะกรรมการคสช.มองว่าอำนาจในการจับกุมแกนนำนปช.เป็นของใคร รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบจริงๆ คงต้องดูแล้วแต่กรณีไป

บิ๊กต๊อกอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง

      ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าคนที่รวบตัวมีเหตุผลอะไร แต่พื้นฐานการควบคุมตัวนั้น ทหารคงมีเหตุผลด้านความมั่นคง และเจ้าหน้าที่อาจมีเหตุในการทำงาน ซึ่งตนเชื่อว่าไม่มีใครทำโดยที่ไม่มีเหตุผล ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้คสช.ไม่ได้พูดคุยกรณีนายจตุพรและนายณัฐวุฒิจะเดินทางไปตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งอาจเป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคงที่ดูแลเรื่องนี้และตนไม่สามารถไปตอบแทนคนอื่นได้

    พล.อ.ไพบูลย์ ยังกล่าวถึงกรณีพล.อ.อุดมเดชสมควรจะลาออกหรือไม่ ว่า ตนเห็นว่าในเรื่องของการลาออกนั้นไม่มีใครสามารถตอบแทนได้ และขณะนี้ถ้าตนตอบด้วยเหตุผลของกฎหมายและเหตุผลของเหตุการณ์วันนี้ต้องบอกว่า เรากำลังสอบสวนอยู่ ซึ่งยังไม่มีข้อยุติ ดังนั้น จะให้พล.อ.อุดมเดชลาออกด้วยเหตุผลใด ซึ่งตรงนี้ต้องพูดให้ชัดว่าประเด็นใด หากให้ลาออกด้วยประเด็นเกี่ยวกับการ กระทำความผิด แต่ขณะนี้การสอบสวนก็ยังไม่ได้ข้อยุติ

     พล.อ.ไพบูลย์กล่าวต่อว่า หากจะเทียบเคียงเรื่องนี้กับกรณีคสช.มีคำสั่งใช้มาตรา 44 เพื่อดำเนินการกับข้าราชการพัวพันทุจริต กรณีดังกล่าวนั้นคือขณะนั้นศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ที่ได้ตรวจสอบแล้วชี้ว่ามีมูลของการกระทำความผิดและมีหลักฐานเพียงพอและตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว และการกระทำความผิดยังไม่ยุติตามกระบวนการยุติธรรม แต่ได้ยุติในขั้นของการตรวจสอบของศอตช.แล้ว จึงได้ประกาศรายชื่อข้าราชการพัวพันทุจริตออกมา ก่อนจะมีการสั่งพักงาน เพื่อจะได้ตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติมต่อไป

โต้ทหารปกป้องกันเอง-รอผลสอบ

     "เรื่องนี้ก็เหมือนกัน เพราะขณะนี้เบื้องต้นศอตช.ยังตรวจสอบกรณีทุจริตอุทยานราช ภักดิ์ไม่แล้วเสร็จ ถ้าจะให้พล.อ.อุดมเดช ลาออก เพื่อให้การตรวจสอบมีความโปร่งใสและลดกระแส เหมือนกับกรณีใช้มาตรา 44 กับข้าราชการทุจริตนั้นมันคงไม่ใช่ เพราะมันยังไม่มีผลสรุป" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว

     เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทหารปกป้องกันเองหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่าอะไรคือการปกป้อง อย่าถามเป็นทฤษฎีว่าต้องมีการปกป้องพวกเดียวกันและการตรวจสอบต้องรู้กัน มันเป็นทฤษฎีที่คาดเดาได้ อย่าคิดว่ารัฐบาลจะทำเหมือนกับรัฐบาลที่ผ่านมา ควรจะรอให้ผลการตรวจสอบออกมาก่อน แล้วถ้าไม่ใช่ให้ใครมีหลักฐานหาหลักฐานมาโต้แย้งแล้วมานั่งคุยกับตน ในเมื่อเรื่องนี้มันเป็นกระแส ทั้งที่เรื่องนี้เป็นการตรวจสอบการทุจริตทั่วไปเหมือนเรื่อง อื่นๆ แต่มีคนในรัฐบาลเกี่ยวข้องแล้วมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ฝ่ายตรงข้ามมันถูกลือสะพัดจนกลายเป็นประเด็นไปแล้ว

     "ผมยอมรับว่า มันมีผลกระทบต่อรัฐบาล ผมไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ และอยากให้ประชาชนมองปัญหาให้ชัด อย่ามองคนชั่งพูด พูดแล้วปะติดปะต่อเรื่องมาทำลายและดิสเครดิตกันมันไม่ถูก ดังนั้น คนที่เกี่ยวข้องต้องออกมาชี้แจงในแต่ละเรื่อง ตอบให้ถูกว่าสังคมสงสัยเรื่องอะไร" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกล่าว

ปชป.โดดใส่-ซัดนปช.ไม่สำนึก

      ด้านนายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าคณะกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเจ้าหน้าที่ทหารเข้าควบคุมตัวนายจตุพร และนายณัฐวุฒิ ก่อนเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ว่า รัฐบาลต้องระวัง ตั้งสติให้ดี เพราะกำลังเผชิญกับการยั่วยุให้เกิดการใช้กำลังในระดับใดระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นเครื่องมือของฝ่ายต้านรัฐบาล เพื่อให้เป็นข่าวออกไปทั่วโลก เหตุการณ์ที่เกิดกำลังเข้าทางใครบางคน น่าจะมีผู้ที่กำลังนั่งพอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ ดังนั้น รัฐบาลโดยเจ้าหน้าที่ต้องชี้แจงถึงเหตุผลควบคุมตัวให้ชัดเจน ว่าข้อหาคืออะไร และนำตัวไปควบคุมไว้ที่ไหน

    เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะกระทบกับเรื่องปรองดองในอนาคตหรือไม่ นายวิรัตน์กล่าวว่า การปรองดองจะเกิดไม่ได้ เพราะแกนนำพวกนี้ไม่ต้องการปรองดองจริง อาจมีกระบวนการสั่งการอยู่อย่างเป็นขั้นเป็นตอน จึงเชื่อว่าปรองดองอาจไม่มีทางเกิดแน่ แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. เคยบอกแล้วว่าจะปรองดองได้ ทุกอย่างต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อน แต่ยังมีบางกรณี เช่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โวยวายว่าถูกรัฐบาลกลั่นแกล้งในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว แทนที่จะสำนึก กลับมาพูดโดยที่หวังว่าจะเอาชาวนามาเป็นพวก

ผบ.ตร.ชี้อัคราเดชไม่เกี่ยวคดี 112

ที่บช.น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงคำสั่งช่วยราชการ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ว่า กรณีพล.ต.ต.อัคราเดช ในส่วนของการไม่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผน หมายความว่า ปล่อยให้มีการไปแอบอ้าง แค่นั้นไม่มีอะไร

     ต่อข้อถามว่า ไม่มีส่วนไปเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกรณีการกระทำความผิดทางคดีใช่หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ต้องเรียกท่านมาคุยเหมือนกัน ส่วนจะสอบสวนเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ ก็ต้องคุยกันก็เป็นการเรียกมาช่วยงานที่ศปก.ตร.อยู่แล้ว

    เมื่อถามว่าแสดงว่าไม่พบข้อมูลว่าเกี่ยวข้อง กับพ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยองผู้ต้องหากระทำผิดข้อหา 112 ใช่หรือไม่ พล.ต.อ. จักรทิพย์กล่าวว่า ก็ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาไม่เป็นไปตามระเบียบแบบแผน ปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปแอบอ้างเท่านั้น

    เมื่อถามว่ามีการออกหมายจับอดีตพล.ต.ต. อีกนายหนึ่งด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เท่าที่ทราบยังไม่ทราบ จะออกหมายจับใครเพิ่มนั้นยังไม่การออกหมายจับเพิ่มเติมแต่อย่างใด ต่อข้อซักถามว่าจะมีการออกหมายจับ ผบก.ป.หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวสั้นๆ ว่า ยังไม่พูดถึงดีกว่า

ผบช.ก.แย้มหมายจับเพิ่มแน่

      ด้านพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ให้สัมภาษณ์คดี 112 จะมีการออกหมายจับตำรวจในสังกัด บช.ก. เพิ่มเติมหรือไม่ว่า คดีดังกล่าวเริ่มต้นจากการจับกุมนายสุริยัน และพ.ต.ต.ปรากรม ที่เสียชีวิตไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยใช้พยานหลักฐาน บางครั้งก็มาเร็ว บางครั้งก็มาช้า บางเรื่องก็ต้องใช้เวลาตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ บางเรื่องได้จากบุคคลในภายหลัง คดีทั้งหมดมีอายุความ ถ้ามีหลักฐานเพิ่มเติมไม่ว่าใครก็ตามแต่ จะดำเนินการขออนุมัติศาลออกหมายจับทุกรายไป ไม่ละเว้น ต่อข้อถามกรณีการโยกย้ายผบก.ป. เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวหรือไม่ พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวสั้นๆ ว่าขอไม่พูด เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา

      ถามว่ายังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกออกหมายจับเพิ่มเติมหรือไม่ พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า ยังไม่มีตำรวจออกหมายจับเพิ่มเติม ณ เวลานี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า วันข้างหน้าจะไม่มี ถ้ามีพยานหลักฐานก็จะดำเนินการต่อไป

จับหญิงวัย 61-โพสต์หมิ่นบิ๊กตู่-บิ๊กป้อม

      เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 30 พ.ย. ที่บช.น. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง.ผบช.น. พล.ต.ต.ชัยพร พานิชอัตรา ผบก.น.3 พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ผบก.น.6 ร่วมกันแถลงข่าวความผิดต่อความมั่นคงและพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มีนางจุฑาทิพย์ เวโรจนากรณ์ อายุ 61 ปี ได้เข้ามอบตัว และรับสารภาพว่า ได้โพสต์ข้อมูลอันเป็นเท็จกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริตเกี่ยวกับการสร้างอุทยานราชภักดิ์ พัวพันไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้แจ้งความดำเนินคดีที่สน.พระโขนงไว้ หลังออกหมายเรียกตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 พ.ย.

       พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า เนื่องจากมีผู้โพสต์ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จในเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่อว่า JENY JENY VEROCHANAKORN ในลักษณะก่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่บก.ปอท. และสน.พระโขนง ทราบว่า ผู้ที่โพสต์ข้อความดังกล่าวคือ นางจุฑาทิพย์โพสต์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2558 เวลาประมาณ 18.49 น. พนักงานสอบสวนสน.พระโขนงจึงแจ้งข้อหา กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(2)(5) ในความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน และเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อัน เป็นเท็จ

      ด้านนางจุฑาทิพย์กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องกล่าวขอโทษผู้ที่ถูกพาดพิงในเนื้อหาที่เป็นเท็จ เพราะช่วงนี้ยอมรับว่าเล่นโทรศัพท์มือถือโดยใช้โปรแกรมแอพพลิเคชั่นไลน์ เล่นโซเชี่ยลมีเดียเฟซบุ๊กค่อนข้างบ่อยมาก ก่อนที่จะได้รับข้อมูลมีการแชร์ข้อมูลกันต่อๆ มาเยอะมากผ่านมา ตนเพียงแค่อ่านข่าวที่น่าสนใจและกดโพสต์ลงเฟซบุ๊กเป็นสาธารณะ บางครั้งก็มีตัดต่อบ้าง ก็ยอมรับว่าผิดพลาดไป อาจจะเป็นข่าวเท็จบ้าง จริงบ้างก็ไม่ค่อยทราบ

      เมื่อถามอีกว่า ปกติโพสต์ข้อความลักษณะเช่นนี้บ่อยหรือไม่ นางจุฑาทิพย์กล่าวว่า ก็ยอมรับว่ามีการโพสต์ลักษณะเช่นนี้บ่อยครั้ง ยิ่งตอนนี้ได้มีกฎหมายใหม่ ตนก็ไม่ทราบรายละเอียดในส่วนนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ หากไม่มีผู้กล่าวหาถือว่าไม่ผิด แต่ตอนนี้ไม่มีผู้กล่าวหาก็ผิด ซึ่งส่วนใหญ่ที่โพสต์ก็จะเน้นไปทางรัฐบาล ส่วนตัวตอนนี้สนใจแต่ข่าวบ้านเมือง เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจทุกอย่าง ตนก็ลำบากใจอยากจะแสดงออกด้วย คือเมื่อก่อนธุรกิจต่างๆ จะราบรื่น แต่ในช่วงนี้ผู้ที่ประกอบธุรกิจต่างๆ ก็ปิดกิจการลง ไม่ได้จงใจจะว่ารัฐบาลแต่อย่างใด

 

กห.อ้างสกัดม็อบชนม็อบ' หิ้ว'ตู่-เต้น' เข้าพล.ร.9 แล้วปล่อย รวบก่อนทัวร์'ราชภักดิ์' พท.ยื่นสตง.สอบอีก12ปม ประวิตรเชื่อโด่งมีวุฒิภาวะ ออก-ไม่ออกตัดสินใจเอง หญิงโพสต์หมิ่นรับข้อหา

@ แกน"นปช."นัดรวมตัวมหาชัย

    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. พร้อมด้วย นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แกนนำ นปช. พร้อมคณะรวม 6 คน นัดรวมตัวกันที่ตลาดมหาชัยเมืองใหม่ ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อที่จะเดินทางไปที่อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

      นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การเดินทางในครั้งนี้เป็นเพียงเพื่อไปกราบสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยามทั้ง 7 พระองค์ และ ชมความงามของต้นปาล์ม ตลอดจนสิ่งก่อสร้างภายในอุทยานเท่านั้น ไม่ได้มีการรวมตัวเพื่อกิจกรรมทางการเมืองแต่อย่างใดทั้งสิ้น พร้อมกันนี้ก็อยากจะขอให้รัฐบาลและฝ่ายทหารเชื่อมั่นได้ว่า การเดินทางไปในครั้งนี้ ไม่มีเจตนาอื่นใดแอบแฝงนอกจากเพื่อเยี่ยมชมความงามของอุทยาน

     ขณะที่ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ต้องการไปสำรวจอะไรหรือไม่ นายณัฐวุฒิก็บอกว่า การไปตรวจสอบรายละเอียดของการก่อสร้างนั้น คงไม่มีความสามารถเพียงพอ เพราะไม่รู้เรื่องของวิธีการสร้างรูปหล่อ แต่ก็อยากจะไปดูเพื่อเป็นข้อมูล รวมถึงต้นปาล์มที่นำมาปลูกด้วย เพราะเท่าที่ทราบมาเป็นต้นปาล์มที่มีภาคเอกชนให้การสนับสนุน แต่กลับมีการตั้งงบประมาณเบิกจ่าย ซึ่งตรงจุดนี้ก็เป็นเพียงเพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลดำเนินการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสและคลี่คลายความเคลือบแคลงใจต่อพี่น้องประชาชนให้ได้โดยเร็วที่สุด อีกทั้งยังขอความเห็นใจจากฝ่ายทหารในการเข้าไปเฝ้าหน้าบ้านของตนเองตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา อยากให้มองเห็นความจริงใจที่ต้องการไปเพื่อกราบบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมืองเท่านั้น

@ สห.รวบ"ตู่-เต้น"ก่อนไปราชภักดิ์

      ทั้งนี้ หลังจากที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเสร็จโดยใช้เวลาประมาณ 10 นาทีแล้วนั้น มีสารวัตรทหาร เข้ามาเชิญตัวนายณัฐวุฒิขึ้นรถตู้ไป ขณะที่นายจตุพร ถูกเชิญขึ้นรถกระบะติดแครี่บอย โดยรถทั้ง 2 คัน มีทหารนั่งควบคุมไปด้วยเต็มคันรถ ก่อนจะมุ่งหน้าออกจากตลาดมหาชัยเมืองใหม่ โดยไม่ทราบว่านำตัวไปที่ใด ส่วนแกนนำที่เหลืออีก 4 คน ได้ขึ้นรถขับตามไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับบรรยากาศที่บริเวณตลาดมหาชัยเมืองใหม่นั้น ตั้งแต่เช้ามีกำลังตำรวจจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร มาเฝ้าสถานการณ์กว่า 50 นาย ขณะที่ทหารมาตรึงกำลังประมาณ 40 นาย

@ รถขบวนเปลี่ยนแผนเข้าค่าย

ผู้สื่อข่าว จ.ราชบุรี รายงานบรรยากาศ ที่หน้ากองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 16 (มทบ.16) จ.ราชบุรี มีการตรวจเข้มการเข้าออก ที่บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าของจังหวัดทหารบกราชบุรี นอกจากนี้ทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งให้ตั้งขบวนแถวทหารเพื่อรอรับขบวนบุคคลสำคัญเข้ามายังพื้นที่ จากการสอบถามทหารผู้รับผิดชอบด้านหน้าป้อม ทราบว่าจะมีขบวนรถนายทหารนำตัวนายณัฐวุฒิ และนายจตุพร มาที่มณฑลทหารบกที่ 16 (มทบ.16) โดยทหารได้แบ่งขบวนรถยนต์ออกเป็น 2 เส้นทาง ขบวนแรกใช้รถโฟล์กสีดำป้ายแดง ขบวนที่ 2 ใช้รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีดำ กระทั่งเวลา 12.00 น.มีขบวนรถทหาร รถตู้ รถฟอร์จูนเนอร์รวม 4 คัน เปิดไฟขอทางวิ่งตรงมาเตรียมจะเข้าประตูทางเข้า มทบ.16 เมื่อเห็นขบวนผู้สื่อข่าวดักรอจำนวนมาก จึงมีการแจ้งวิทยุแจ้งเปลี่ยนแผนวิ่งเลยผ่านประตูทางเข้าก่อนเลี้ยวซ้ายไป ซึ่งยังไม่ทราบทิศทางการเข้าพื้นที่ค่ายทหารใดที่แน่ชัด 

@ "ผบ.พล.ร.9"ส่ง"ตู่-เต้น"กลับ 

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า กองกำลังรักษาความสงบ (กกล.รส.) จากมณฑลทหารบกที่ 16 (มทบ.16) จ.ราชบุรี ได้นำกำลังเข้าควบคุมตัวนายจตุพรและนายณัฐวุฒิ ที่ตลาดมหาชัยเมืองใหม่ เพื่อนำตัวทั้งสองคนไปทำข้อตกลงและหารือ ที่กองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) จ.กาญจนบุรี ทั้งนี้ ทหารได้แจงถึงข้อตกลงตามคำสั่ง คสช.ที่เคยทำข้อตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการห้ามเคลื่อนไหวใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เพราะจะมีความผิดตามมาตรา 44 ดังนั้น จึงต้องทำข้อตกลงเพิ่มเติมและให้บันทึกทำความเข้าใจด้วยเพื่อเตือนความจำ ไม่ให้สร้างความวุ่นวายหรือเคลื่อนไหวใดๆ โดยคาดว่าจะปล่อยตัวทั้งสองคนในค่ำวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ 

พล.ต.ธรรมนูญ วิถี ผบ.พล.ร.9 กล่าวว่า ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.16 ได้นำนายจตุพรและนายณัฐวุฒิเดินทางมาทำข้อตกลงและหารือกับฝ่ายกฎหมาย คสช. ซึ่งหลังจากการพูดคุยเสร็จได้ให้เจ้าหน้าที่ทหารขับรถไปส่งทั้ง 2 คนที่บ้านพัก

@ ค่ายทหารเมืองกาญจน์ปกติ

ผู้สื่อข่าว จ.กาญจนบุรี รายงานว่าหลังมีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ทหารจะนำตัวบุคคลทั้งสองเดินทางมุ่งหน้ามาที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งอาจเป็นที่กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ หรือที่ กองบัญชาการมณฑลทหารบก ที่ 17 พื้นที่ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จึงเดินทางไปสังเกตการณ์ตั้งแต่เวลาประมาณ 11.00 น. จนถึงเวลา 15.00 น. ที่บริเวณหน้าประตูทางเข้ากองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ และที่บริเวณหน้าประตูทางเข้ากองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 17 ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ทหารยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ขณะที่มีรถยนต์และรถจักรยานยนต์วิ่งเข้าออกตามปกติ โดยไม่มีการวางกำลังของเจ้าหน้าที่ทหารเอาไว้เป็นกรณีพิเศษแต่อย่างใด

@ ม็อบเห็นต่าง"นปช."สลายตัว

ผู้สื่อข่าว จ.ประจวบคีรีขันธ์ รายงานบรรยากาศภายในอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน ยังมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาเที่ยวชม เพื่อกราบสักการะ 7 พระบูรพกษัตริย์แห่งสยามตามปกติ โดยไม่มีกลุ่มมวลชนทั้งในและนอกพื้นที่มาแสดงกิจกรรมทางการเมือง ขณะที่หน่วยทหารได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามารักษาความสงบเรียบร้อยมากกว่าช่วงปกติ

ด.ต.ศรพล รานวล หรือ "จ่าแคล้ว" ผู้ช่วยนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน ในฐานะแกนนำมวลชน กล่าวว่า หลังจากทหารรวบตัว 2 แกนนำ นปช.ที่ จ.สมุทรสาคร ทำให้ชาวบ้านจำนวนมาก จากหลายชุมชนในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน ซึ่งเตรียมความพร้อมบริเวณรอบนอกอุทยานได้สลายตัวแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ นัดแนะเพื่อปิดล้อมกลุ่ม นปช. หากเดินทางเข้ามาทำกิจกรรมที่อุทยานราชภักดิ์ เพราะไม่ต้องการให้ใช้พื้นที่เพื่อเปิดประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง

@ "บิ๊กป้อม"ซัด"ตู่-เต้น"ไม่เหมาะ

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายจตุพรและนายณัฐวุฒิออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าถูกทหารตรึงกำลังเข้า-ออกบริเวณบ้านพัก หลังออกมาระบุว่าจะเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ ว่า ขอถามว่าสมควรหรือไม่ที่จะไปอุทยานราชภักดิ์ ขณะนี้ทางกระทรวงกลาโหมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการ ดังนั้น เรื่องนี้ควรจบได้แล้ว เพราะคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะตรวจสอบเจาะจงไปที่ตัวบุคคล เมื่อผลสอบสวนออกมาจะได้ทราบเรื่องของรายละเอียดต่อไป ทั้งนี้ ต้องให้เวลาคณะกรรมการได้ทำงานก่อน หากนายจตุพรและนายณัฐวุฒิไปอุทยานราชภักดิ์จะกลายเป็นประเด็นทางการเมืองไป ดังนั้น อย่ามาบอกว่าไปเพื่อตรวจสอบเรื่องคอร์รัปชั่น เพราะมันไม่ใช่ เรื่องนี้ทางกระทรวงกลาโหมดำเนินการอยู่ 

@ ชี้หวังจุดประเด็นทางการเมือง 

เมื่อถามว่า สมมุติว่าทั้งสองคนยืนยันที่จะไปทางอุทยานราชภักดิ์จะอนุญาตให้เข้าหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะไปเพื่ออะไร ถ้าจะไปเพื่อเปิดประเด็นทางการเมือง บอกแล้วว่าทหารไม่ได้เล่นการเมือง ทุกอย่างผิดก็ผิด ถูกก็ถูกว่าไปตามนั้น บอกตรงๆ ว่าไม่ควรไป ปล่อยให้เขาไปคิดดู ส่วนจะถูกทหารสกัดหรือไม่นั้น ไม่ทราบ ประเด็นต้องดูว่ามันสมควรหรือไม่ เชื่อว่าอีกสักพักก็คงคิดได้ 

เพราะโตๆ กันแล้ว "ผมไม่หนักใจ เพราะทุกคนก็โตและมีอายุมากกันแล้ว บอกหลายครั้งแล้วว่าทหารไม่เล่นการเมือง รวมถึงผมด้วย เราทำงานทุกอย่างด้วยความตรงไปตรงมา ไม่อยากให้ไปเกี่ยวข้องหรือโยงเป็นเรื่องต่างๆ ที่ตั้งข้อสงสัยกันว่าการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ทุจริตหรือไม่ กำลังดำเนินการตรวจสอบกันอยู่ หากมีคนทำผิดจริงเดี๋ยวหาเจอ ในส่วนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ผมอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง หากต้องการเข้ามาตรวจสอบ ยืนยันว่ากองทัพบก ดำเนินการด้วยความโปร่งใส" พล.อ.ประวิตรกล่าว

@ โยน"บิ๊กโด่ง"คิดเองไขก๊อก

เมื่อถามอีกว่า กระแสกดดันให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออกนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "คิดว่าเขาต้องคิดเอง ส่วนลาออกแล้วจะมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไร ยังไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้คุยกับ พล.อ.อุดมเดชในเรื่องดังกล่าว เพราะคุยเรื่องงานกันมากกว่า ผมมองว่า พล.อ.อุดมเดชมีวุฒิภาวะมาก เป็นถึงอดีต ผบ.ทบ. ท่านคงคิดของท่านอยู่ว่าควรจะทำอย่างไร ผมคงไม่ต้องไปบอกท่านว่าต้องคิดแบบนี้หรือแบบนั้น เพราะไม่ใช่เด็ก ทำนองเดียวกันคงไม่มีสัญญาณจากผู้ใหญ่บอกให้ท่านดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะผมก็เป็นผู้ใหญ่ ยืนยันว่าเรื่องอุทยานราชภักดิ์ไม่ใช่จุดอ่อน

ของรัฐบาล เพราะเราตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องทุจริตแล้ว" 

@ "บิ๊กต๊อก"ชี้ผลสอบยังไม่ยุติ

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงทหารรวบตัวนายณัฐวุฒิและนายจตุพร ว่า ไม่รู้ว่าคนที่รวบตัวมีเหตุผลอะไร แต่พื้นฐานการควบคุมตัวของทหารคงมีเหตุผลด้านความมั่นคง และอาจมีเหตุในการทำงาน ซึ่งเชื่อว่าไม่มีใครทำโดยที่ไม่มีเหตุผล ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ คสช.ไม่ได้พูดคุยกรณีนายจตุพรและนายณัฐวุฒิจะเดินทางไปตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ อาจจะเป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคงดูแลเรื่องนี้และตนไปตอบแทนคนอื่นไม่ได้ ส่วน พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม สมควรจะลาออกหรือไม่เห็นว่าการลาออกจากรัฐมนตรี คือคนสองคน คือ พล.อ.อุดมเดช กับนายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ไม่มีใครตอบแทนได้ และขณะนี้ถ้าตอบด้วยเหตุของกฎหมายและเหตุของเหตุการณ์วันนี้ต้องบอกว่าเรากำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ ซึ่งการสอบสวนยังไม่มีข้อยุติ แล้วจะให้ พล.อ.อุดมเดชลาออกด้วยเหตุผลใด ตรงนี้ต้องพูดให้ชัดว่าประเด็นใด ถ้าให้ลาออกด้วยประเด็นการกระทำความผิด แต่ตอนนี้การสอบสวนยังไม่ได้ข้อยุติ

@ "ประจิน"ติงใครใช้อำนาจสั่งจับ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีทหารบุกจับนายจตุพรและนายณัฐวุฒิ ที่ตลาดมหาชัยเมืองใหม่ จ.สมุทรสาคร ก่อนเคลื่อนขบวนพามวลชนชมอุทยานราชภักดิ์ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีทหารไปจับนายจตุพรและนายณัฐวุฒิ แต่มองว่าทหารไม่ควรปล่อยให้เหตุการณ์บานปลายเช่นนี้ ควรพูดคุยกันให้รู้เรื่องและไม่ทราบว่าอำนาจในการสั่งจับครั้งนี้เป็นของใคร เพราะต้องดูเป็นกรณีๆ ไป ส่วนที่ ป.ป.ช.เตรียมสอบเรื่องนี้จากที่พบว่ารัฐบาลมีการอนุมัติงบประมาณส่วนหนึ่งของรัฐไปใช้ในโครงการนั้น ขั้นต้นทราบว่าเจตนาของมูลนิธิใช้เงินบริจาค แต่ไม่ทราบมีส่วนงบส่วนราชการอย่างไร

เมื่อถามว่า สังคมมีความสงสัยอยากให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงว่ากรณีอุทยานราชภักดิ์ดำเนินการอย่างไร ใช้งบจากไหน พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า "ได้ยินข่าวโครงการอุทยานราชภักดิ์ก็มีความชื่นชม ที่ทางมูลนิธิทำโครงการนี้ได้ และท่านอยากให้เป็นไฮไลต์ของงานท่าน แต่พอมาพูดในแง่ลบคนทำเสียความรู้สึก เสียกำลังใจ ต้องช่วยกัน ซึ่งผมจะไปเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้ทราบตามที่สื่อแนะนำ เพื่อไม่ให้เป็นประเด็นการเมือง ไม่อยากให้เรื่องดีๆ กลายเป็นเรื่องการเมือง ส่วนจะส่งผลต่อภาพลักษณ์รัฐบาลหรือ คสช.หรือไม่นั้น มองว่าทำให้เสียความรู้สึกต่อผู้ที่ปรารถนาดีต่อโครงการ"

@ คสช.ชี้เหตุเคลื่อนไหวการเมือง 

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษก คสช. กล่าวว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่มองเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างชัดเจน พฤติกรรมเริ่มจากการป่าวประกาศ เชิงชี้นำ ในทำนองปลุกปั่นให้เกิดความไม่เรียบร้อยได้ เจ้าหน้าที่คงให้ดุลพินิจจากพฤติกรรมจากหลายวาระ รวมทั้งการกล่าวต่อสาธารณะ โดยใช้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนมาตลอด โดยเฉพาะการอ้างใช้คำว่า ทุจริต ซึ่งหน่วยงานหรือผู้มีหน้าที่โดยตรงยังไม่มีใครกล่าวถึง เป็นการใช้เพียงความรู้สึกทั้งสิ้น ปัจจุบันจะเห็นว่าภาครัฐไม่นิ่งนอนใจเมื่อสังคมต้องการทราบ หลายๆ หน่วยงานกำลังร่วมกันดำเนินการภายใต้ขอบเขตความรับผิดชอบเพื่อคลี่คลายไขความกระจ่างให้

"หลังจากนี้อาจจะมีการตั้งข้อสังเกตดูในเรื่องการให้ข้อมูลใดๆ ไปกับสังคม ถ้ายังไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆ ที่สมบูรณ์ชัดเจน แล้วมีบุคคลใดนำมาใช้กล่าวอ้างจนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงองค์กร จะใช้มุมทางกฎหมายเข้าไปพิจารณาอย่างจริงจัง การเคลื่อนไหวของนายณัฐวุฒิในลักษณะเช่นนี้ ไม่น่าเกิดประโยชน์ต่อกระบวนการไขความกระจ่างเพราะไม่ใช่ผู้มีหน้าที่ ทำให้หลายฝ่ายเคลือบแคลงในท่าทีที่อาจดูไม่ต่างจากรูปแบบเดิม ซึ่งมิได้เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อสังคมอย่างแท้จริง และในความเป็นจริงทุกคนที่สนใจในเรื่องนี้ ติดตามได้ตลอดจากช่องทางที่เหมาะสมต่างๆ" โฆษก คสช.ระบุ

@ กห.แจงหวั่นม็อบชนม็อบ 

พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้จับกุมนายจตุพรและนายณัฐวุฒิ เพียงแต่เชิญตัวมาพูดคุยเท่านั้น เพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหาม็อบชนม็อบขึ้น เนื่องจากทราบว่ามีมวลชนจาก จ.ราชบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปรอต่อต้านกลุ่มของนายจตุพรและนายณัฐวุฒิอยู่จึงอาจเกิดการปะทะกันขึ้น เพราะนายจตุพรเองก็นำมวลชนไปจำนวนหนึ่งด้วยเช่นกัน จึงได้เชิญตัวไปทำความเข้าใจ แต่ทั้งนี้ขอปฏิเสธที่จะบอกสถานที่การพูดคุย และจำนวนวันในการควบคุมตัว

@ "บิ๊กป๊อก"ลั่นไม่ปล่อยให้วุ่นวาย

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงทหารควบคุมตัวนายจตุพรและนายณัฐวุฒิ ว่า คสช.มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ยืนยันว่าสภาวะนี้ไม่ใช่สภาวะปกติ คสช.เข้ามาดูแลความวุ่นวายของบ้านเมือง หากตัดสินใจว่าอะไรที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายต้องระงับ ไม่ได้ตอบว่าการจับกุมดีหรือไม่ดี แต่ถ้าจะมาก่อกวนหรือก่อให้เกิดเหตุความไม่สงบลืมไปได้เลย ไม่มีใครปล่อยให้เกิด 

"สิ่งที่เกิดขึ้นผมว่าประชาชนน่าจะเข้าใจ เพราะว่าบ้านเมืองเราคงไม่ต้องการความขัดแย้งไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งสิ้น แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ทำตามกฎหมาย ใครต้องสอบต้องสวนอะไรก็ทำไปตามกฎหมาย ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก ประเทศถึงเดินหน้าได้" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว

@ ชี้"ตู่-เต้น"แสดงสัญลักษณ์

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า ทั้งสองแกนนำ นปช.คงต้องการแสดงสัญลักษณ์ พยายามเปรียบเทียบในสิ่งที่ตนเองเชื่อ เพื่อให้สังคมเห็นว่า มีข้อพิรุธที่อาจเกิดการทุจริตในสร้างอุทยานราชภักดิ์จริงหรือไม่ เป็นการแสดงสัญลักษณ์เพื่อสะท้อนให้สังคมเห็นว่า การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงล่าช้าเกินไป อย่างไรก็ตาม มองว่าถ้ามีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้วพบว่า เกิดการทุจริตจริง อาจเป็นปัจจัยเสี่ยง และสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลได้

เมื่อถามว่า ถ้าควบคุมตัวทั้งสองแกนนำไว้นานเกินไป จะเกิดผลกระทบเรื่องสันติวิธีต่อสายตาของนานาชาติหรือไม่ พล.อ.เอกชัยกล่าวว่า ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ แล้วกระทำความผิดก็ใช้กฎหมายปกติดำเนินการได้ ไม่มีผลกระทบอะไร แต่ขณะนี้เมื่อเป็นกฎหมายพิเศษ อาจเกิดผลกระทบบ้าง ซึ่งเรื่องนี้เชื่อว่าทั้งสองแกนนำจะโดนจับกุมข้อหาขัดคำสั่ง คสช.มากกว่า ทั้งนี้ หากทหารควบคุมตัวทั้งสองคนไว้นานเกินไป ก็อาจกระทบต่อสายตาของต่างชาติ 

@ ปชป.เตือนรัฐบาลถูกยั่วยุ

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าคณะกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีทหารเข้าควบคุมตัวนายจตุพรและนายณัฐวุฒิว่า รัฐบาลต้องระวัง ตั้งสติให้ดี เพราะกำลังเผชิญกับการยั่วยุให้เกิดการใช้กำลังในระดับใดระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นเครื่องมือของฝ่ายต้านรัฐบาล เพื่อให้เป็นข่าวออกไปทั่วโลก เหตุการณ์ที่เกิดกำลังเข้าทางใครบางคน ซึ่งน่าจะมีผู้ที่กำลังนั่งพอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ ดังนั้น รัฐบาลโดยเจ้าหน้าที่ต้องชี้แจงถึงเหตุผลในการควบคุมตัวให้ชัดเจนว่า ข้อหาคืออะไร และนำตัวไปควบคุมไว้ที่ไหน

@ "ก่อแก้ว"อัดทหารขวางสอบ

ด้านนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช. กล่าวว่า การที่ทหารเข้าควบคุมตัวนายจตุพร และนายณัฐวุฒิระหว่างแถลงข่าวที่ตลาดมหาชัย ก่อนเดินทางไปดูพื้นที่อุทยานราชภักดิ์เพื่อเป็นข้อมูลในการตรวจสอบการทุจริตโดยไม่แจ้งให้ทราบว่าจะควบคุมตัวไปที่ใด นานแค่ไหน และด้วยเหตุผลอะไรนั้น การเข้าควบคุมตัวทั้ง 2 คนท่ามกลางสื่อมวลชนที่รอทำข่าวและประชาชนจำนวนมาก เป็นการใช้อำนาจคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างชัดเจนโดยไม่สนใจสายตาและความรู้สึกของคนไทยและนานาชาติ นอกจากนี้ ยังเป็นการแสดงถึงความต้องการขัดขวางการตรวจสอบการทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์ ทั้งๆ ที่ คสช.ประกาศต่อสังคมไทยเรื่อยมาว่า จะเข้ามาแก้ปัญหาทุจริตของประเทศ แต่เมื่อมีบุคลากรของ คสช.เกี่ยวข้องกับการทุจริต คสช.กลับพยายามขัดขวางไม่ให้มีการตรวจสอบ ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้สังคมเพิ่มความเคลือบแคลงสงสัยในการทุจริตโครงการนี้มากขึ้นไปอีก

@ "วรชัย"เชื่อรบ.เดินเกมผิดพลาด

นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การที่ทหารเข้าควบคุมตัวนายจตุพรและนายณัฐวุฒิ แสดงให้เห็นว่าประเด็นการทุจริตในโครงการอุทยานราชภักดิ์เป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่ ทำให้รัฐบาลต้องปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของประชาชน รัฐบาลกำลังมีพิรุธ ทั้งนี้ เห็นว่าการที่ทหารจับกุมตัวบุคคลทั้งคู่ถือเป็นความผิดพลาดของรัฐบาล มีแต่จะสร้างผลเสียโดยเฉพาะทางด้านการเมืองอย่างใหญ่หลวง เท่ากับรัฐบาลต้องการปิดกั้นไม่ให้ตรวจสอบพวกเดียวกันเอง รัฐบาลกำลังกลัวเกินกว่าเหตุถึงได้ควบคุมตัว หวังปิดปากนายจตุพรและนายณัฐวุฒิ สวนทางกับสิ่งที่รัฐบาลทหารประกาศมาโดยตลอดว่าต้องการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่รัฐบาลกลับพยายามปิดบังการทุจริตของตัวเองหรือไม่

@ "อ้วน"จี้ปล่อยตัวก่อนบานปลาย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวทั้ง 2 ท่านและขัดขวางไม่ให้เดินทางไปยังอุทยานราชภักดิ์นั้น ถือเป็นเรื่องที่ไม่มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ในการเดินทางไปตามที่ต่างๆ โดยสุจริต และอาจสร้างความไม่เข้าใจต่อสาธารณชนในภาพพจน์ของรัฐบาล ที่เสมือนเป็นการขัดขวางการเรียกร้องและการแสวงหาความเป็นจริงในเรื่องข้อกล่าวหาการทุจริตที่เกิดขึ้นในโครงการดังกล่าว ดังนั้น เพื่อให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายโดยรวดเร็ว ขอให้พิจารณาดำเนินการปล่อยตัวนายณัฐวุฒิ และนายจตุพร ในทันที ก่อนที่เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์จะลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้ 

@ ทหารส่ง"ตู่-เต้น"กลับถึงบ้าน

นายสมหวัง อัสราษี แกนนำ นปช.ให้สัมภาษณ์เมื่อเวลา 22.05 น. ว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทหารได้ปล่อยตัวนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แล้ว โดยได้โทรศัพท์พูดคุย ทราบว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้ใช้รถส่งทั้งสองถึงบ้าน ที่ซอยวัชรพล เมื่อเวลาประมาณ 21.55 น.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นอกจากนายจตุพรและนายณัฐวุฒิ แล้ว นายสมหวัง อัสราษี เป็นอีกคนที่ทหารเรียกตัวเข้าไปพูดคุยในวันเดียวกันนี้ ขอร้องไม่ให้เคลื่อนไหว ทั้งนี้ นายสมหวังกล่าวว่า ได้ติดตามคณะนายณัฐวุฒิไปที่ จ.ราชบุรี ต่อมาไม่สามารถติดต่อและติดตามกันได้ จึงได้แวะปั๊มน้ำมัน ดื่มกาแฟที่ราชบุรี ระหว่างนั้น ทหารโทรศัพท์มาหา ว่า จะขอพูดคุยด้วยจึงได้นัดหมายกัน และเดินทางกลับ กทม.ทันที เข้าพบทหารที่หน่วยในเขตราษฎร์บูรณะ เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. คุยกันประมาณ 45 นาทีก็ได้รับการปล่อยตัวออกมา บรรยกาศการพูดคุยก็เป็นไปด้วยดี ทหารขอร้องไม่ให้เคลื่อนไหว ส่วนกระแสข่าวการคุมตัวนายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ แกนนำ นปช.อีกคนนั้น ไม่ทราบว่าเป็นจริงหรือไม่ แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ 

เมื่อเวลา 22.54 น. เฟซบุ๊กของนายจตุพร พรหมพันธุ์ Jatuporn Prompan ได้โพสต์ข้อความสั้นๆ ว่า "ถึงบ้านโดยปลอดภัย ขอขอบคุณทุกความห่วงใยของพี่น้องครับ" โดยมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก

@ "เรืองไกร"ยื่นเพิ่มสอบ 12 ข้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ส่งข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ ถึงผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน โดยเอกสารประกอบด้วย 1.สำเนาราคากลาง งานสร้างป้ายทางเข้าและสร้างอาคารรักษาความปลอดภัย งบประมาณที่ได้รับจัดสรร 7,286,000 บาท 2.สำเนาราคากลาง งานติดตั้งหินอ่อนรอบแท่นพระรูป 7 รัชกาล วงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร 11,963,600 บาท 3.สำเนาราคากลาง งานปูพื้นหินลานสักการะ บันได และลานชั้นบนรอบแท่นพระบรมรูป มีวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร 34,980,200 บาท 4.สำเนาราคากลาง งานสร้างรั้ว รอบบริเวณภายในอุทยาน มีวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร 9,343,500 บาท 

@ ถามใช้งบชอบกม.หรือไม่

นายเรืองไกรกล่าวว่า 5.สำเนาราคากลาง งานเหมาออกแบบปั้นขยายพระรูปต้นแบบ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อรวมราคากลางตามข้อ 1 ถึงข้อ 4 จะได้ทั้งสิ้น 63,573,300 บาท ซึ่งควรตรงกับตัวเลขงบประมาณที่ สตง.ได้ตรวจสอบพบแล้ว แต่มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีสินทรัพย์ถาวร เนื่องจากโครงการอุทยานราชภักดิ์ได้รับการชี้แจงว่า เป็นโครงการที่ใช้เงินจากการรับบริจาค ดังนั้น เมื่อตรวจพบว่ามีการใช้งบประมาณแผ่นดินร่วมด้วย ปัญหาที่ตามมาคือ วิธีปฏิบัติทางบัญชีที่อาจจะเกิดความยุ่งยาก ว่าการใช้งบประมาณดังกล่าว เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และมีการขึ้นทะเบียนทรัพย์สินไว้อย่างไร 

@ จี้เปิดสำเนาราคากลาง

นายเรืองไกรระบุว่า 6.สำเนาราคากลาง งานเหมาออกแบบปั้นขยายพระรูปต้นแบบ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 7.สำเนาราคากลาง งานเหมาออกแบบปั้นขยายพระรูปต้นแบบ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 8.สำเนาราคากลาง งบประมาณปี 2558 งานจ้างปั้นซ่อมแซม ปรับแต่งพระบรมรูปต้นแบบ ทำพิมพ์ และหล่อรูปต้นแบบปูนปลาสเตอร์ พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 9.สำเนาราคากลาง งานจ้างเหมาแรงงานบุคคลภายนอกทำพิมพ์และหล่อต้นแบบปูนปลาสเตอร์ 3 พระบรมรูป 10.สำเนาราคากลาง งานซื้อวัสดุ 19 รายการ เพื่อใช้งานพิธีบวงสรวงและอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยามทั้ง 7 พระองค์ 11.สำเนาราคากลาง จัดพิมพ์หนังสือพระบรมราชานุสรณ์สัตตบูรพกษัตริยาธิราช และ 12.สำเนาราคากลาง งานก่อสร้างรั้วด้านหน้าของโรงเรียนนายสิบทหารบก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

@ "บิ๊กแป๊ะ"แจงปมเด้ง"ผบก.ป."

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีมีคำสั่งให้ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ว่า พล.ต.ต.อัคราเดชไม่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผน หมายความว่า ปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปแอบอ้างเท่านั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ เมื่อถามว่ามีส่วนไปเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกรณีกระทำความผิดทางคดีหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวสั้นๆ ว่าต้องเรียกมาคุย ส่วนจะสอบสวนเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ ก็ต้องคุยกัน ก็เป็นการเรียกมาช่วยงานที่ ศปก.ตร.อยู่แล้ว

เมื่อถามว่ามีการออกหมายจับอดีต พล.ต.ต. อีกนายหนึ่งด้วยหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังไม่มีการออกหมายจับเพิ่มเติมแต่อย่างใด เมื่อถามว่าจะมีการออกหมายจับ ผบก.ป. หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า "ยังไม่พูดถึงดีกว่า" 

@ ปัดหมายจับเพิ่ม-รอขยายผล 

ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสืบสวนในคดีขบวนการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงหาผลประโยชน์ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ให้สัมภาษณ์ถึงการออกหมายจับตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพิ่มเติม ว่าขณะนี้ยังไม่มี แต่ไม่ได้หมายความว่าต่อไปจะไม่มี การออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบันทั้งหมด มาจากการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งสิ้น ส่วนพยานหลักฐานบางเรื่องรวบรวมได้เร็ว บางเรื่องได้ช้า ก็ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คดีทั้งหมดมีอายุความ เมื่อพยานหลักฐานเกี่ยวข้องเชื่อมโยงเพิ่มเติมก็จะออกหมายจับทุกราย ไม่มีข้อละเว้น

@ จับนักธุรกิจโพสต์"ราชภักดิ์"

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. แถลงข่าวรับมอบตัว นางจุฑาทิพย์ เวโรจนากรณ์ อายุ 61 ปีผู้ผลิตสินค้าส่งออก กรณีโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ วิพากษ์วิจารณ์การทุจริตในการก่อสร้าง ในเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่อว่า JENY JENY VEROCHANAKORN เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน เวลา 18.49 น. 

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ตรวจสอบพบ จึงแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.พระโขนง ก่อนแจ้งข้อหากระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(2)(5) ในความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน และเผยแพร่หรือส่งต่อ ข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ

@ รับอึดอัดธุรกิจส่งออกกระทบ

ด้านนางจุฑาทิพย์กล่าวว่า ขอโทษผู้ถูกพาดพิงในเนื้อหาที่เป็นเท็จ ช่วงนี้ยอมรับว่าเล่นไลน์ เล่นเฟซบุ๊กบ่อยมาก มีการแชร์ข้อมูลต่อๆ มาเยอะมาก ตนเพียงแค่อ่านข่าวที่น่าสนใจและกดโพสต์ลงเฟซบุ๊กเป็นสาธารณะ บางครั้งมีตัดต่อบ้าง ยอมรับว่าผิดพลาดไป อาจเป็นข่าวเท็จบ้างจริงบ้างก็ไม่ค่อยทราบ เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว คนที่โดนพาดพิงอาจเสียหายมาก จึงอยากขออภัยและขอเตือนพี่เพื่อนน้องที่เล่นเฟซบุ๊ก หรือ ไลน์ ให้ระมัดระวังในการโพสต์ข่าวต่างๆ 

"ปกติโพสต์ข้อความลักษณะนี้บ่อย ตอนนี้มีกฎหมายใหม่ๆ ไม่ทราบรายละเอียดในส่วนนี้ ก่อนหน้าหากไม่มีผู้กล่าวหาถือว่าไม่ผิด แต่ตอนนี้ไม่มีผู้กล่าวหาก็ผิด ส่วนใหญ่ที่โพสต์จะเน้นไปทางรัฐบาล ไม่สนใจข่าวบ้านเมือง รู้สึกอึดอัดเพราะกระทบกับการดำเนินการทำธุรกิจ อยากจะแสดงออก เมื่อก่อนธุรกิจต่างๆ ราบรื่น แต่ในช่วงนี้ผู้ประกอบธุรกิจต่างๆ ปิดกิจการลง ไม่ได้จงใจจะว่ารัฐบาลแต่อย่างใด" นางจุฑาทิพย์กล่าว 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!