WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1ไมลาออก

'บิ๊กโด่ง'ยืนยันเอง ไม่ออก! 'เต้น'งดไปราชภักดิ์ แต่รอดูผลสอบ-คสช.ฮึ่มอายัดเงิน เพื่อไทยแถลงจี้รบ.ยุติละเมิดสิทธิ์ "ปปช."ตามคาด-ยังไม่พบการทุจริต สั่งจับอีกรองผกก.-โยงแก๊งหยอง

      'บิ๊กโด่ง'ยันไม่ลาออก ย้ำสร้างอุทยาน ราชภักดิ์โปร่งใส เผยป.ป.ช.-สตง.ก็ตรวจสอบอยู่ด้านบิ๊กป้อมชี้จตุพร-ณัฐวุฒิไปราชภักดิ์หวังเรียกแขก ถ้าจะไปกราบไหว้จะพาไปเอง เผยถ้าจะเอาผิดฐานยุยง-ถอนประกันก็ทำได้ แต่ไม่ทำ เปิดข้อตกลงให้จตุพร-ณัฐวุฒิเซ็น ห้ามเคลื่อนไหวการเมือง ถ้าฝ่าฝืนจะยอมถูกดำเนินคดี-อายัดเงิน ส่วน'จตุพร'งงไป ราชภักดิ์กระทบความมั่นคง ชี้ยิ่งทำสังคมเคลือบแคลงสงสัย'ณัฐวุฒิ'เลิกไปราชภักดิ์ แต่ยังเกาะติดผลสอบ แฉทหารเฝ้าหน้าบ้าน เพื่อไทยออกแถลงการณ์บี้ซ้ำ จี้เลิกละเมิดสิทธิมนุษยชน ป.ป.ช.แถลงภาพรวมไม่พบปมทุจริต ออกหมายจับรองผกก.1 บก.ปคม. คดีแอบอ้างรับผลประโยชน์ จ่อสั่งจับพล.ต.ต.ด้วย

วันที่ 02 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9135 ข่าวสดรายวัน

ไม่ลาออก - พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ยืนยันยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรมช.กลาโหม ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ของคณะกรรมการที่กระทรวงกลาโหมแต่งตั้งขึ้น


บิ๊กป้อมชี้ตู่-เต้นหวังเรียกแขก
      เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีทหารเชิญตัวนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. ไปพูดคุยระหว่างจะเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ไม่ได้ห้ามไม่ให้ไป แต่อย่าทำเรื่องสร้างประเด็นไปเรียกแขกเราไม่ต้องการ หากจะไปกราบไหว้ ตนจะพาไปเอง แต่ไม่ต้องการให้ไปเป็นประเด็นการเมือง ส่วนการสอบสวนเรื่องนี้คณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นกำลังตรวจสอบ และเร่งการทำงานให้ได้ผลโดยเร็วอยู่แล้ว ขณะนี้ได้เชิญบุคคลมาให้ข้อมูลแล้ว ใครเกี่ยวข้องก็เชิญมา ทั้งทหารและพลเรือน ขอให้ใจเย็นๆ ไม่ต้องห่วง เมื่อคณะกรรมการตรวจสอบเรียบร้อยคงจะรายงานให้ตนทราบ ถ้ายังไม่เสร็จก็ยังไม่รายงาน ยืนยันว่าจะชี้แจงเรื่องนี้ ทุกอย่างที่ตนพูดเป็นข้อเท็จจริง ไม่มีโกหกหากไปโกหกเดี๋ยวจำไม่ได้ เพราะเรื่องมันเยอะ
     พล.อ.ประวิตรกล่าวอีกว่า ส่วนที่ทหารให้ทั้ง 2 คนลงชื่อยินยอมจะไม่ออกมาเคลื่อนไหวอีกนั้น ก็ไม่อยากให้ออกมาเคลื่อนไหว และเคยขอร้องมานานแล้วว่าอย่าไป ถ้าพาพรรคพวกไปแบบนี้ จะเป็นประเด็นทางการเมือง ส่วนข้อตกลงในการพูดคุยกันนั้น ตนไม่ทราบเพราะเจ้าหน้าที่เป็นคนทำ ไม่มีการรายงานมาให้ทราบ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร เอาเป็นว่าถ้าไม่เป็นประเด็นทางการเมืองทำได้หมด

เผยจะเอาผิดฐานยุยงก็ได้
     เมื่อถามว่า ภาพที่ทหารเข้าควบคุมตัว ดูเหมือนจะมีการใช้กำลังจนเกิดความชุลมุนวุ่นวาย รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ชุลมุน ไม่มีการใช้กำลัง ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
      "ถ้าไม่มีประเด็นการเมืองก็ไม่มีอะไร ก็ปล่อยอยู่แล้ว ถ้าเราเอาผิดก็ได้ตอนนี้ ใช้มาตรา 116 ก็ทำได้แต่ไม่ได้ทำ และเราก็ถอนประกันได้แต่ก็ไม่ทำ ไม่มีอะไร นักข่าว อย่าทำอะไรให้ตื่นเต้น ไม่มีอะไรตื่นเต้น เจ้าหน้าที่พยายามทำดีที่สุด ไม่ต้องกลัวทหารจะเสีย เพราะไม่มีอะไรที่เสียภาพลักษณ์หรอก ไม่ได้ไปลงไม้ลงมือ แม้แต่นิดเดียว" พล.อ. ประวิตรกล่าว
      เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ลาออก เพื่อเปิดทางให้คณะกรรมการตรวจสอบ รองนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่เจอพล.อ.อุดมเดช ยังไม่ได้พูดคุยกัน เรื่องใดที่ตอบไปแล้วก็จะไม่ตอบซ้ำ

บิ๊กโด่งให้รอผลสอบจากกห.
     ด้านพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และอดีตผบ.ทบ. ในฐานะประธานมูลนิธิ ราชภักดิ์ กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า คณะกรรมการที่หน่วยตั้งขึ้นมานั้น ได้ชี้แจงกับคณะกรรมการของกองทัพบกไปแล้ว ขณะนี้ต้องรอการตรวจสอบของกระทรวงกลาโหมก่อน อยากเรียนว่าในการทำงานที่ผ่านมา ทั้งตอนเริ่มทำโครงการอุทยานราชภักดิ์จนถึงที่ตนเกษียณ มีความตั้งใจเรื่องความโปร่งใสในการจัดสร้าง แต่ตั้งแต่ที่เกษียณก็ไม่ได้นำเอกสารอะไรติดตัวมามีแต่ความเข้าใจของการดำเนินการงานต่างๆ
     "ข้อมูลก็มีข้อมูลอยู่กองทัพบก ขณะนั้นก็มีคณะกรรมการมาทำงานในขั้นตอนต่างๆ ไม่ว่าคณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรม การดำเนินการ และคณะอนุกรรมการต่างๆ ผมยังเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ โดยเฉพาะจุดประสงค์การตั้งโครงการ เพื่อให้ประชาชนมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ทำให้เป็นสมบัติของชาติและรำลึกสิ่งที่มีพระคุณต่อชาติ เราไม่คิด ที่จะหวังเอาประโยชน์อะไรจากสิ่งเหล่านี้ มีแต่คิดว่าจะทำอย่างไรให้โครงการนี้ดำเนินไป แม้แต่ว่าทุนทรัพย์ของเราหรือการบริจาค จากคนที่เรารู้จักที่ได้ชักชวนมาก็ตาม" พล.อ.อุดมเดชกล่าว
      พล.อ.อุดมเดช กล่าวอีกว่า ตนก็รอผลสอบอยู่ นอกจากคณะกรรมการของกระทรวงกลาโหมยังมีคณะกรรมการชุดของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็สามารถตรวจสอบได้ ตนคาดหวังว่าการชี้แจงต่อกระทรวงกลาโหมครั้งนี้ คงลงลึกถึงรายละเอียดให้ประชาชนเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรับเงินหรือจ่ายเงินต่างๆ หวังว่ากระทรวงกลาโหมหลังจากตรวจสอบแล้วจะสามารถชี้แจงต่อไปได้ ตนไม่ขอก้าวก่ายการตรวจสอบ

ยันไม่ลาออก-ไม่หนักใจ
       เมื่อถามว่า ระหว่างที่มีการตรวจสอบขณะนี้จะยังคงดำรงตำแหน่งรมช.กลาโหมต่อไปหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ขณะนี้ตนยังปฏิบัติงานเป็นปกติ ตนทำงานในรัฐบาลทุกคนต่างมีภาระหน้าที่ ไม่ต้องห่วงเพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลได้บอกแล้วว่าพวกเราทุกคนไม่มีอะไรนอกจากใจที่เข้าทำงานให้สำเร็จลุล่วง ถึงเวลาก็ต้องไปไม่ช้าก็เร็ว แต่ไม่ได้ต้องการที่จะผูกในตำแหน่งหน้าที่ที่ยาวนานจะอยู่เท่าที่จำเป็น
     เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่จากกระแส ดังกล่าว พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ยืนยันว่า ไม่หนักใจเพราะเราทำดี แต่อาจมีบางคนที่นั่งยิ้มอยู่ คงคิดว่าสามารถยิงนกได้หลายตัว ลองคิดดูแล้วกันว่าคนที่พยายามทำให้สีขาวเป็นสีขาว กับคนที่พยายามให้สีขาวเป็นสีดำ หากเขาทำสำเร็จประเทศชาติก็อันตราย แต่ไม่อยากจะพูดว่าคนคนนั้นเป็นใคร อะไรที่กำลังกระโดดลงมาก็ไปดูกันเอง ตนจะไม่ไปให้ร้ายใคร ตอนเป็นผบ.ทบ.ก็มีเสียงตอบรับว่างานของกองทัพบกเป็นที่น่าพอใจ เราได้ช่วยรัฐบาลในการควบคุมสถานการณ์ ทั้งการพูดคุย การสร้างความปรองดอง ลองมองย้อนหลังไปจะรู้ว่าเราตั้งใจทำงาน และภายหลังที่ตนไปชี้แจงกับกองทัพบก สิ่งที่กองทัพเปิดเผยมานั้น ก็เป็นธรรม ซึ่งตนไม่ได้พูดคุยอะไรกับพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. หากพล.อ. ธีรชัยเห็นอย่างไรก็ตรวจสอบออกมาเช่นนั้น แต่บางเรื่องอาจลงรายละเอียดไม่พอ จึงต้องอาศัยคณะกรรมการชุดอื่นเข้าตรวจสอบด้วย

พล.อ.สุรเชษฐ์ให้ถามกร.ทบ.
      ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ ในฐานะอดีตรองประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดสร้างอุทยาน ราชภักดิ์ กล่าวว่า ตนพร้อมเข้าชี้แจงข้อมูลของโครงการดังกล่าวต่อคณะกรรมการ ที่มี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เรียกมาให้เข้าไปชี้แจง ถ้าเรียกมาเมื่อใด ก็พร้อมอธิบายที่มาที่ไปของโครงการนี้ให้คณะกรรม การรับทราบ ซึ่งก่อนหน้านั้นเคยให้ข้อมูลกับคณะกรรมการของกองทัพบก ที่มีพล.อ.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก เป็นประธานมาแล้ว
     พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนจำนวนตัวเลขเงินบริจาคโดยรวมของโครงการ รวมถึงยอดเงินที่ใช้ในโครงการทั้งหมดนั้น ตน ไม่ทราบ เนื่องจากมีอนุกรรมการแต่ละส่วนรับผิดชอบ โดยคนที่ทราบจำนวนเงินทั้งหมดคือ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก (กร.ทบ.) ซึ่งเป็นเลขานุการอำนวยการ ดังนั้น ให้ถามข้อมูลเรื่องเงินจากเจ้ากรมกิจการพลเรือนฯ ทั้งนี้การจัดซื้อจัดจ้างบางส่วนได้ใช้จ่ายเงินผ่านหน่วยงานภายใต้กองทัพบก ทั้งกร.ทบ.และกรมยุทธโยธาทหารบก(ยย.ทบ.)

วิษณุ ชี้ถ้าทุจริต-ปธ.สร้างผิดด้วย
     ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถ้าเทียบเคียงความผิดในโครงการจำนำข้าวที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) กับอุทยาน ราชภักดิ์ ถ้าทุจริตจริงใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบนั้น สิ่งที่ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดโครงการรับจำนำข้าว คนที่ต้องรับผิดชอบคือประธาน กขช.และนายกฯ ส่วนกรณีอุทยานราชภักดิ์ ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นจริง คนที่เป็นประธานคณะกรรมการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย แต่ส่วนนี้จะมีความแตกต่างกันกับโครงการที่เป็นงบประมาณแผ่นดินทั้งหมด ที่ความสูญเสียไม่ใช่เป็นเรื่องที่เอางบประมาณแผ่นดินเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่เป็นเรื่องที่ไม่ปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ กรณีอุทยาน ราชภักดิ์เป็นกรณีใช้งบของรัฐส่วนหนึ่ง งบบริจาคอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งต้องดูว่าความเสียหายจากส่วนไหน ตอบสั้นๆ ง่ายๆ ถ้ามีการชี้มูลความผิดทางอาญาก็ต้องรับผิดในทางแพ่ง โดยใช้พ.ร.บ.ว่าด้วยความรับผิดทางละเมิด เจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ได้

แจงหิ้ว'จตุพร-ณัฐวุฒิ'
     แหล่งข่าวจากคสช.เผยว่า ในการเชิญตัวนายจตุพร และนายณัฐวุฒิ ก่อนเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่ผ่านมานั้น เนื่องจากทั้ง 2 คน ทำผิดเงื่อนไขของคสช.เรื่องเคลื่อนไหวโฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนร่วมเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ โดยมีเจตนาแอบแฝง หากเดินทางไปท่องเที่ยวอย่างประชาชนทั่วไป ปัญหาดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น โดยทหารจากมณฑลทหารบกที่ 16 เป็นผู้เข้าควบคุม จากนั้นนำตัวไปที่กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี ก่อนนำอาหารมาให้ทั้ง 2 คนรับประทาน และมีเจ้าหน้าที่ไปร่วมพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจเป็นรายบุคคล
      จากการพูดคุยนายจตุพรและนายณัฐวุฒิให้ความร่วมมืออย่างดี โดยใช้เวลา 2 ช.ม. ทั้งสองคนยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ยังให้โอกาสไม่ดำเนินคดี เพราะอาจมีความผิดเงื่อนไขการประกันตัวในส่วนของการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ศาลอาญาและที่คสช.ได้สั่งห้าม ไม่ให้เคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ทั้ง 2 คนยังเคลื่อนไหวแบบมีนัยยะ เพราะกรณีการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์มีผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบอยู่

คสช.ฮึ่มดำเนินคดี-อายัดเงิน
      แหล่งข่าวเผยอีกว่า หลังทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จึงนำเอกสารเงื่อนไขแนบท้ายประกาศคสช. เพื่อปล่อยตัวทั้ง 2 คนกลับบ้าน โดยในเอกสารมีใจความว่า "ข้าพเจ้าได้รับอนุญาตจากทางราชการให้กลับภูมิลำเนา เพื่อดำเนินชีวิตตามปกติแล้ว และในระหว่างที่ถูกกักตัวในหน่วย ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ไม่ได้ถูกทำร้ายหรือถูกใช้กำลังบังคับ ขู่เข็ญ หลอกลวง ทรมาน ให้คำสัญญาหรือกระทำโดยมิชอบด้วยประการใดๆ และทรัพย์สินต่างๆ ที่ได้นำติดตัวมาระหว่างถูกกักตัวได้รับคืนครบถ้วนทั้งหมดแล้ว
      ข้าพเจ้ารับทราบและเข้าใจคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 ลงวันที่ 1 เม.ย.2558 เรื่องการกำหนดเงื่อนไขข้อ 11 จึงกำหนดวิธีการเพื่อความปลอดภัยตามมาตรา 39 (2) ถึง (5) แห่งประมวลกฎหมายอาญา จึงขอปฏิบัติตามเงื่อนไขดังนี้ ข้าพเจ้าจะละเว้นการเคลื่อนไหวหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ และจะไม่สร้างความขัดแย้ง หรือทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในสังคม รวมทั้งแสดงความเห็นไปในทางต่อต้านการปฏิบัติงานของรัฐบาลและคสช. หากข้าพเจ้าฝ่าฝืนเงื่อนไขดังกล่าว หรือดำเนินการช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมทางการเมืองและข้อกำหนดในเงื่อนไข ข้าพเจ้ายินยอมที่จะถูกดำเนินคดีทันทีและยินยอมถูกระงับธุรกรรมทางการเงิน"

จตุพร ชี้สังคมยิ่งเคลือบแคลง
     วันเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวในรายการมองไกลผ่านสถานีโทรทัศน์พีซ ทีวี กรณีถูกทหารควบคุมตัวก่อนเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ว่า เราไปในฐานะประชาชน ไม่ใช่ในฐานะนปช. ไม่คิดเหมือนกันว่าคนไทยที่เดินทางไปอุทยาน ราชภักดิ์จะกระทบต่อความมั่นคงหรือผู้มีอำนาจ เพราะอุทยานฯ ไม่ได้เป็นสมบัติของใครคนใดคนหนึ่ง การถูกควบคุมตัวไม่ได้กระทบกระเทือนต่อจิตใจ เมื่อเกิดการทุจริตเกิดขึ้น โฆษกคสช.ระบุว่ารับไม่ได้กับคำว่าทุจริต ตนก็รับไม่ได้ที่บอกว่าความทุจริตเป็นความรู้สึก
      นายจตุพร กล่าวอีกว่า แม้รัฐบาลจะอ้างว่าตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมา ล้วนเป็นทหารร้อยเปอร์เซ็นต์ คณะกรรมการตรวจสอบระดับรองปลัดกระทรวงกลาโหมจะกล้าตรวจสอบกระแสข่าวทุจริตอุทยานราช ภักดิ์แก่ครม. รมช.กลาโหมหรือไม่ ไม่มีประเทศใดตั้งผู้ใต้บังคับบัญชาสอบผู้บังคับบัญชา เรื่องนี้ผิดหลักการสอบสวน เป็นการแก้ปัญหาทางการเมือง ทั้งนี้ ผู้มีอำนาจต้องยอมรับความจริงว่าแม้จะห้ามตนไปอุทยาน ราชภักดิ์แล้ว สังคมจะหมดความเคลือบแคลงหรือจะทำให้ทุกเหตุการณ์เปลี่ยน แปลงไป ยิ่งไม่ให้พวกตนสร้างความเคลือบแคลงใจให้เกิดขึ้น
      นายจตุพรกล่าวถึงการควบคุมตัวเมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติต่อตนอย่างดี ไม่ได้ข่มเหงใดๆ ในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะทำตามหน้าที่ ส่วนที่หลายคนห่วงใยว่าตนกับนายณัฐวุฒิ จะถูกเงื่อนไขอะไร ต้องทำข้อตกลงใดหรือไม่นั้น ยืนยันว่ายังมีสิทธิเสรีภาพตามปกติ จะพูดคุยตามปกติ ส่วนข้อตกลงของเจ้าหน้าที่ เป็นข้อตกลงเดิมตามที่เคยถูกควบคุมเมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ แต่ปัญหาใหญ่วันนี้ ผู้มีอำนาจต้องรับรู้ว่าไม่มีใครโค่น พวกท่านได้ ยกเว้นพวกท่านเอง

ณัฐวุฒิเลิกไปอุทยานราชภักดิ์
      ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "เมื่อการเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์เป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ เราก็ยุติเรื่องนี้ เพราะไม่มีเจตนาจะใช้ประเด็นดังกล่าวเป็นเงื่อนไขทางการเมืองเผชิญหน้ากับรัฐบาลแต่อย่างใด ส่วนการ ติดตามผลการตรวจสอบจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเดินหน้าต่อไป"
      "ผมมั่นใจว่าความจริงที่ตรงไปตรงมา ในระยะเวลาที่เร่งด่วนเท่านั้นที่จะคลายความสงสัยของคนในสังคมได้ แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นที่บ้านผม ไม่แน่ใจว่ามาจากเจตนาใดของผู้มีอำนาจ เพราะยังคงมีทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบสลับกันมาเฝ้าหน้าบ้านตลอด 24 ชั่วโมง ช่วงสายวันนี้ผมเดินออกไปสนทนาด้วย เขาบอกว่ามาทำตามหน้าที่ ผมก็ไม่ขัดข้อง แต่การติดตามตรวจสอบการทุจริตก็เป็นหน้าที่ของประชาชนเช่นกัน"

เพื่อไทยออกแถลงการณ์บี้ซ้ำ
     ด้านพรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์เรื่อง โครงการอุทยานราชภักดิ์ ว่าตามที่พรรคเพื่อไทยมีแถลงการณ์ฉบับลงวันที่ 13 พ.ย., 19 พ.ย., 24 พ.ย. และ 27 พ.ย. เรียกร้องให้รัฐบาลและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแสดงความรับผิดชอบกรณีมีข้อกล่าวหาว่ามีการแสวงหาประโยชน์จากโครงการอุทยานราชภักดิ์ และเรียกร้องให้หน่วยงานต่างๆ สอบสวนด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม ปราศจากการแทรกแซงใดๆ พรรคเพื่อไทยเห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันได้มีข้อเท็จจริงปรากฏสู่สาธารณชนในหลายกรณี จึงขอแถลงและมีข้อเรียกร้องดังนี้
     1.มีความพยายามจากผู้มีอำนาจในรัฐบาลที่จะเบี่ยงเบนประเด็น โดยชี้นำสังคมให้เห็นว่าการตั้งข้อเรียกร้องในโครงการอุทยาน ราชภักดิ์เป็นเรื่องทางการเมือง มิใช่เป็นเรื่องการตรวจสอบการทุจริตของโครงการ ทั้งที่พรรคเพื่อไทยแถลงตลอดมาว่าโครงการ อุทยานราชภักดิ์เป็นโครงการที่มีความสำคัญยิ่งต่อความรู้สึกของประชาชนชาวไทย เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงเปิดเผยต่อสาธารณชนว่ามีการกระทำผิด มีการแสวงหาประโยชน์จากโครงการ จึงเป็นเรื่องที่กระทบต่อความรู้สึกของประชาชน การเรียกร้องของพรรคเพื่อไทยจึงตั้งอยู่บนพื้นฐานของการตรวจสอบการทุจริต ซึ่งเป็นหน้าที่ของพรรคและตรวจสอบระงับยับยั้งการกระทำที่กระทบต่อความรู้สึกของประชาชนซึ่งเป็นหน้าที่ของพรรคเช่นกัน
     2.มีความพยายามจากผู้มีอำนาจในรัฐบาลที่จะเบี่ยงเบนประเด็น โดยชี้นำให้เห็นว่าโครงการอุทยานราชภักดิ์มิใช่การทุจริตประพฤติมิชอบ และได้ข่มขู่ทำนองว่าหากมีผู้ใดกล่าวหาว่ามีการทุจริตจะดำเนินการในทางกฎหมายตามที่เห็นสมควร พรรคเพื่อไทยได้นำเสนอไว้แล้วว่าแม้โครงการอุทยาน ราชภักดิ์จะใช้งบประมาณส่วนใหญ่จากการบริจาคของประชาชน แต่ก็เป็นราชการของ กองทัพในชั้นแรก มีการบริจาคผ่านกรมสวัสดิการทหารบก ใช้บุคลากรของกองทัพ ย่อมตกอยู่ในบังคับที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงการคลังว่าด้วยการ รับเงิน หรือรับทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้ทางราชการ พ.ศ.2526 ซึ่งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมีอำนาจเข้าไปตรวจสอบได้
     นอกจากนั้น การที่นายกฯ รมว.กลาโหม ตลอดจนผู้รับผิดชอบโครงการอุทยานราช ภักดิ์ ได้กล่าวยืนยันต่อสาธารณะตลอดมาว่าโครงการดำเนินการโดยโปร่งใส ทั้งยังอ้างว่ามิได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินแม้แต่น้อย แต่กลับปรากฏข้อเท็จจริงภายหลังว่ามีการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินในส่วนงบกลาง ส่อแสดงให้เห็นว่ามีความพยายามจากผู้มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบทั้งหลายในการที่จะปกปิดข้อเท็จจริง นอกจากนั้นข้อเท็จจริงล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากการเปิดเผยของผู้เกี่ยวข้องโดยตรงแทบ ทั้งสิ้น ดังนั้น สำหรับประเด็นที่ว่ามีการทุจริตหรือไม่ พรรคเพื่อไทย ประชาชน ตลอดจนสื่อมวลชน มิได้ยกเมฆหรือเอาความเท็จใดๆ มากล่าว แต่นำคำพูดของผู้รับผิดชอบของโครงการที่เปิดเผยต่อสาธารณชน ตลอดจนข้อเท็จจริงอันเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปของสังคมขึ้นมากล่าวอ้างแทบทั้งสิ้น

จี้เลิกละเมิดสิทธิมนุษยชน
      3.ปรากฏข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 30 พ.ย. โดยจับกุมและควบคุมตัวนายณัฐวุฒิ และนาย จตุพรโดยเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจในขณะที่กำลังเดินทางไปยังอุทยานราชภักดิ์ เพื่อไปถวายบังคมแสดงความเคารพต่อบูรพกษัตริย์ และตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยทั่วไป ของโครงการ โดยถูกนำตัวไปกักขังในค่ายทหารและถูกปล่อยตัวอย่างมีเงื่อนไขในเวลาต่อมา
    พรรคเพื่อไทยเห็นว่า รัฐบาลและคสช.มีหน้าที่ทำความจริงให้ปรากฏและควรดำเนินการหาข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา และไม่ควรปิดกั้นหน่วยงานหรือบุคคลที่จะร่วมตรวจสอบโครงการอุทยานฯ การจับกุมและควบคุมตัวบุคคลทั้งสองจึงถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะการจับกุมโดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา และปล่อยตัวแบบมีเงื่อนไข เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลและ คสช. ในแง่ของการส่งเสริมให้มีการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น
      เหตุการณ์การควบคุมตัวบุคคลทั้งสองที่กล่าวมา ถือเป็นหนึ่งในหลายเหตุการณ์ที่พบเห็นอย่างกว้างขวางในประเทศขณะนี้ ไม่ว่าจะห้ามเสนอความคิดเห็นที่แตกต่าง การถูกเรียกตัวเพื่อปรับทัศนคติ การใช้หน่วยทหารบางหน่วยติดตามบุคคลสำคัญบางคน ซึ่งที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้รัฐบาลและคสช.ยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกรูปแบบ และคืนสิทธิเสรีภาพให้แก่ผู้ถูกละเมิดโดยเร็วเพื่อสร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการปรองดองและให้บ้านเมืองกลับคืนสู่สภาวะปกติ พรรคเพื่อไทยจึงไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวและขอเรียกร้องให้ยุติการล่วงละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยเร็ว

ป.ป.ช.ไม่พบปมทุจริต
      ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ.นนทบุรี นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. กรณีก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาคณะกรรมการป.ป.ช.ได้ให้สำนักการข่าวของป.ป.ช. ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยได้ข้อมูลภาพรวมทั้งหมดได้ความว่า ยังไม่พบข้อมูลที่ชัดเจนว่าเข้าข่ายการทุจริต แต่ได้ข้อมูลจากผู้เสียหายที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษกรณีนี้ที่กองบังคับการปราบปราบ ขณะเดียวกันสตง.พบว่าการก่อสร้างดังกล่าวมีการใช้งบแผ่นดินจำนวน 63.57 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าใช้งบประมาณถูกต้องหรือไม่ รวมถึงงบบริจาคของมูลนิธิราชภักดิ์และกองทัพบก โดยทางกระทรวงกลาโหมได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว ดังนั้นป.ป.ช.จึงเห็นว่าเมื่อ 3 หน่วยงานข้างต้นตรวจสอบอยู่ หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดต้องส่งเรื่องมาให้ ป.ป.ช. ดำเนินการภายใน 30 วัน และในระหว่างนี้ ป.ป.ช. จะต้องติดตามการดำเนินการของ 3 หน่วยงานนี้ว่ามีข้อมูลหรือเหตุอันควรสงสัยให้ต้องรับเรื่องมาดำเนินการหรือไม่
      ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาป.ป.ช.สามารถตรวจสอบเรื่องใหญ่ๆ ได้โดยไม่ต้องมีผู้ร้อง นายสรรเสริญกล่าวว่า ต้องปรากฏข้อเท็จจริงและเหตุอันควรสงสัย จึงจะถือเป็นหลักเกณฑ์ที่ดำเนินการได้ แต่กรณีนี้คณะกรรมการป.ป.ช. ยังไม่ปรากฏเหตุอันควรสงสัย และยังไม่มีมติให้แสวงหาข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว ทั้งนี้หากมีผู้มาร้องเรียนต่อป.ป.ช.โดยตรงต้องระบุด้วยว่า มาร้องเรียนกล่าวหาใคร เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ และมีพฤติการณ์กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือกระทำการทุจริตอย่างไร มีหลักฐานหรือไม่ จึงจะสามารถนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้มีมติแสวงหาข้อเท็จจริงได้
       เมื่อถามถึงกรณีพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ยอมรับว่า มีการหักค่าหัวคิวโรงหล่อจริงนั้น นายสรรเสริญกล่าวว่า ต้องดูก่อนว่าใครเป็นคนหักค่าหัวคิว มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ กรณีกระแสข่าวเบิกงบประมาณจัดซื้อต้นไม้มาปลูกไว้ภายใน อุทยานราชภักดิ์ที่มีราคาแพงเกินจริงนั้น ต้องตรวจสอบว่าการนำงบประมาณดังกล่าวออกมาเป็นงบบริจาคหรืองบแผ่นดิน ต้องให้ สตง. ตรวจสอบให้ชัดเจนเสียก่อน

ส่งฟ้องแก๊งหยอง 5 สำนวน
       ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง และพ.ต.ต. ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด ตกเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน
      พล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า ล่าสุดพนักงานสอบสวนขอหมายเรียกบุคคล ที่เกี่ยวข้องมา ให้ข้อมูล ส่วนจะเป็นตำรวจหรือพลเรือน ไม่สามารถเปิดเผยได้ ขึ้นอยู่กับศาลเป็น ผู้พิจารณา โดยให้มาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ ส่วนจะมีส่วนเกี่ยวข้องยังไง ขึ้นอยู่กับการให้ข้อมูลในการสอบปากคำของ ผู้ที่ถูกออกหมายเรียก
      พล.ต.ต.ชัยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการแผนงานอาญากรรมสำนักงานยุทธศาสตร์ ทีมสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ม.112 พร้อมคณะ นำสำนวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา (ม.112) ที่มีนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง และพรรคพวก เป็นผู้ต้องหา ส่งพนักงานอัยการศาลทหารกรุงเทพ หลังผ่านขั้นตอนกระบวน การพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยผบ.ตร.มีความเห็นสั่งฟ้องรวม 5 สำนวน ตั้งแต่หมายเลขคดี 103-107/2558

ออกหมายจับพ.ต.ท.-พล.ต.ต.จ่อ
      รายงานข่าวแจ้งว่าศาลทหาร กรุงเทพฯ ออกหมายจับพ.ต.ท.ธนบัตร ประเสริฐวิทย์ รองผกก.1 บก.ปคม. ในข้อหามาตรา 112 และความผิดตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 123 ว่าด้วยเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทําให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสําหรับตนเองหรือผู้อื่น
      สำหรับ การออกหมายจับพ.ต.ท.ธนบัตร จากการสอบสวนพบเชื่อมโยงกลุ่มของพ.ต.ต. ปรากรม วารุณประภา หรือ สว.เอี๊ยด ที่แอบอ้างเบื้องสูงไปเรียกรับผลประโยชน์ในการทำเสื้อ เข็มกลัด ที่ใช้ในงานกิจกรรมสำคัญ หลังจากนั้นมอบหมายให้ผู้ร่วมขบวนการเป็นผู้ไปรับเงินดังกล่าว
     ส่วนนายตำรวจยศพล.ต.ต.นายหนึ่งซึ่งเกษียณราชการไปแล้วและอยู่ในข่ายที่จะถูกดำเนินคดีด้วย ทราบว่าพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อเตรียมขอศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับภายใน 1-2 วัน หลังพบว่าขณะดำรงตำแหน่งราชการนั้นมีส่วนรู้เห็นและเชื่อมโยงกับพ.ต.ต. ปรากรม ในการติดตั้งเครื่องรับส่งวิทยุแบบทบทวนสัญญาณ บนชั้นที่ 84 ของอาคาร ใบหยก 2

 

โด่งลั่นราชภักดิ์โปร่งใส ไม่ไขก๊อก เปิดเงื่อนไขปล่อยตู่-เต้นเคลื่อนไหว-ตัดธุรกรรม 'บิ๊กต๊อก'ขอข้อมูลสอบ หมายจับพตท.คดี 112 ส่งฟ้องอาทอีก 5 สำนวน

     'บิ๊กโด่ง'เผยไม่หวังผลประโยชน์สร้างอุทยานราชภักดิ์ เชื่อในความบริสุทธิ์ ยันไม่ลาออกจาก รมต. รอผลสอบกลาโหม

@ บิ๊กป้อมแจงคุมตัว'ตู่-เต้น'

       เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีทหารเชิญตัวนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. ไปพูดคุยในระหว่างจะเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ไม่ได้ห้ามไป แต่อย่าไปทำเรื่อง สร้างประเด็น ไปเรียกแขก หากต้องการจะเดินทางไปกราบไหว้จะพาไปเอง แต่ไม่ต้องการให้ไปเป็นประเด็นการเมือง ส่วนการสอบสวนเรื่องนี้คณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้น กำลังดำเนินการตรวจสอบ และเร่งการทำงานให้ได้ผลโดยเร็วอยู่แล้ว และขณะนี้ได้เชิญบุคคลมาให้ข้อมูลแล้ว ใครเกี่ยวข้องก็เชิญมาทั้งทหารและพลเรือน ขอให้ใจเย็นๆ ไม่ต้องห่วง เมื่อคณะกรรมการตรวจสอบเรียบร้อยคงจะรายงานให้ตนทราบ ถ้ายังไม่เสร็จก็ยังไม่รายงาน ยืนยันว่าจะชี้แจงเรื่องนี้ ทุกอย่างที่พูดเป็นข้อเท็จจริง ไม่มีโกหกหากไปโกหกเดี๋ยวจำไม่ได้ เพราะเรื่องมันเยอะ

@ หวั่นเป็นประเด็นการเมือง

     ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ทหารให้ทั้ง 2 คนลงชื่อยินยอมที่จะไม่ออกมาเคลื่อนไหวอีก พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่อยากให้ออกมาเคลื่อนไหว และเคยขอร้องมานานแล้วว่าอย่าไป ถ้าพาพรรคพวกไปแบบนี้ มันเป็นประเด็นทางการเมือง ส่วนข้อตกลงในการพูดคุยกันนั้นไม่ทราบเพราะเจ้าหน้าที่เป็นคนทำ ไม่มีการรายงานมาให้ทราบ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร เอาเป็นว่าถ้าไม่เป็นประเด็นทางการเมืองทำได้หมด

     เมื่อถามว่า ภาพที่ทหารเข้าควบคุมตัวดูเหมือนจะใช้กำลังจนเกิดความชุลมุนวุ่นวาย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ไม่ชุลมุน ไม่มีการใช้กำลัง ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ถ้าไม่มีประเด็นการเมืองก็ไม่มีอะไร ปล่อยอยู่แล้ว ถ้าเราเอาผิดก็ได้ตอนนี้ใช้มาตรา 116 ทำได้แต่ไม่ได้ทำ และเราถอนประกันได้แต่ไม่ทำ ไม่มีอะไร ผู้สื่อข่าวอย่าทำอะไรให้มันตื่นเต้น ไม่มีอะไรตื่นเต้น เจ้าหน้าที่พยายามทำดีที่สุด ไม่ต้องกลัวทหารจะเสียเพราะไม่มีอะไรที่เสียภาพลักษณ์หรอก ไม่ได้ไปลงไม้ลงมือ แม้แต่นิดเดียว"

@ ปัดไม่ปรับ'ครม.-คสช.'

     เมื่อถามถึงกระแสข่าว พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม จะลาออกเพื่อเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบของคณะกรรมการ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่เจอ พล.อ.อุดมเดช ยังไม่ได้พูดคุยกัน เรื่องใดที่ตอบไปแล้วจะไม่ตอบซ้ำ เมื่อถามย้ำว่า สถานภาพของรัฐบาลยังถือว่าแข็งแรงอยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กหลายชั้น ไม่ต้องห่วง เสี้ยมอย่างไรก็ไม่ได้ เสี้ยมให้ผมทะเลาะกับนายกฯทุกวัน ก็ไม่รู้จะไปทะเลาะกับเขาเรื่องอะไร เพราะผลประโยชน์ก็ไม่มี เป็นอะไรก็ไม่อยากเป็น" เมื่อถามว่า มีแนวโน้มจะปรับ ครม.หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ไม่มีหรอก ส่วน คสช.ยังอยู่ครบ อยู่ดี มั่นคงทุกอย่าง"

@ บิ๊กโด่งแจงไม่คิดเอาประโยชน์

     ขณะที่ พล.อ.อุดมเดช ในฐานะประธานมูลนิธิราชภักดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า คณะกรรมการที่ทางหน่วยได้ตั้งขึ้นมานั้น ได้ชี้แจงกับคณะกรรมการของกองทัพบกไปแล้ว และขณะนี้ก็ต้องรอการตรวจสอบของกระทรวงกลาโหมให้ดำเนินการก่อน อยากเรียนว่าในการทำงานที่ผ่านมาทั้งตอนเริ่มทำโครงการอุทยานราชภักดิ์ จนถึงเกษียณอายุราชการ มีความตั้งใจเรื่องความความโปร่งใสในการจัดสร้าง แต่ตั้งแต่ที่เกษียณอายุราชการไม่ได้นำเอกสารอะไรติดตัวมา มีแต่ความเข้าใจของการดำเนินการในส่วนของงานต่างๆ อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลอยู่กองทัพบก ซึ่งขณะนั้นในการทำงานก็มีคณะกรรมการมาทำงานในขั้นตอนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการดำเนินการ และคณะอนุกรรมการต่างๆ 

     "ผมยังเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ โดยเฉพาะจุดประสงค์การตั้งโครงการก็เพื่อให้ประชาชนได้มีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจทำให้เป็นสมบัติของชาติ และรำลึกสิ่งที่มีพระคุณต่อชาติ เราไม่คิดที่จะหวังเอาประโยชน์อะไรจากสิ่งเหล่านี้ มีแต่คิดว่าจะทำอย่างไรให้โครงการนี้ดำเนินไป แม้แต่ว่าทุนทรัพย์ของเราหรือการบริจาคจากคนที่เรารู้จักที่ได้ชักชวนมาก็ตาม" พล.อ.อุดมเดชกล่าว

@ รอคณะกรรมการกห.สอบ 

     พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ได้ให้นโยบายผู้ใต้บังคับบัญชาในขณะนั้นว่าการทำงานต้องทำให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ และในวันนี้ถ้ามีสิ่งใดที่อาจมีคนไม่เข้าใจ หรือไม่ปรารถนาดีอย่างไรก็แล้วแต่ แต่เชื่อว่าทุกคนคิดได้ แต่ที่หนักใจกับการที่มีคนไม่ปรารถนาดีทำให้อุทยานราชภักดิ์เสื่อมเสีย ซึ่งสื่อบางสำนักก็ให้ข้อมูลดี แต่บางสำนักก็ได้วิเคราะห์วิจารณ์ที่ไม่เป็นธรรม พวกเราทั้งหมดหมายถึงทหารและข้าราชการส่วนใหญ่ทำงานด้วยความตั้งใจเพื่อสิ่งที่เรารักและหวงแหนตั้งแต่เป็นนายทหารชั้นผู้น้อยจนถึงระดับสูง ได้ต่อสู้กับพวกที่จาบจ้วงในสิ่งที่เรารักและเคารพเสมอมา โครงการอุทยานราชภักดิ์เป็นชิ้นหนึ่งและเป็นชิ้นสุดท้ายในฐานะที่ตนเกษียณเมื่อปีที่ผ่านมา "ยืนยันว่าผมรอผลสอบ นอกจากคณะกรรมการของกระทรวงกลาโหม ยังมีคณะกรรมการชุดของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็สามารถตรวจสอบได้ ผมคาดหวังว่าการชี้แจงต่อกระทรวงกลาโหมครั้งนี้คงลงลึกถึงรายละเอียดให้ประชาชนเข้าใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรับเงิน หรือจ่ายเงินต่างๆ หวังว่ากระทรวงกลาโหมหลังจากตรวจสอบแล้วจะชี้แจงต่อไปได้ ผมไม่ขอก้าวก่ายการตรวจสอบ" พล.อ.อุดมเดชกล่าว

@ ยันไม่ไขก๊อก'รมช.กลาโหม'

     เมื่อถามว่า ในระหว่างที่มีการตรวจสอบจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมต่อไปหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า "ขณะนี้ผมยังปฏิบัติงานเป็นปกติ คนทำงานในรัฐบาลทุกคนต่างมีภาระหน้าที่ ไม่ต้องห่วงเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลได้บอกแล้วว่าพวกเราทุกคนไม่มีอะไรนอกจากใจที่เข้าทำงานให้สำเร็จลุล่วง ถึงเวลาต้องไปไม่ช้าก็เร็ว แต่ไม่ต้องการที่จะผูกในตำแหน่งหน้าที่ที่ยาวนาน จะอยู่เท่าที่จำเป็น" 

    เมื่อถามว่า มีความหนักใจหรือไม่จากกระแสดังกล่าว พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า "ยืนยันว่าไม่หนักใจเพราะเราทำดี แต่อาจมีบางคนที่นั่งยิ้มอยู่เพราะสิ่งที่เรากำลังทำสามารถยิงนกได้หลายตัว ลองคิดดูแล้วกันว่าคนที่พยายามทำให้สีขาวเป็นสีขาวกับคนที่พยายามให้สีขาวเป็นสีดำหากเขาทำสำเร็จประเทศชาติก็อันตราย แต่ไม่อยากจะพูดว่าคนคนนั้นเป็นใคร อะไรที่กำลังกระโดดลงมา ก็ไปดูกันเองแล้วกัน แต่ผมจะไม่ไปให้ร้ายใคร และภายหลังที่ไปชี้แจงกับกองทัพบก สิ่งที่กองทัพเปิดเผยมานั้นก็มีความเป็นธรรม ซึ่งผมไม่ได้พูดคุยอะไรกับ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพราะหาก พล.อ.ธีรชัยเห็นอย่างไรก็ตรวจสอบออกมาเช่นนั้น แต่บางเรื่องอาจลงรายละเอียดไม่พอจึงต้องอาศัยคณะกรรมการชุดอื่นเข้าตรวจสอบด้วย"

@ 'มาร์ค'แนะผู้รับผิดชอบลาออก

       นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการเรียกร้องให้ผู้ดูแลเรื่องนี้แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก ว่า ได้พูดไปแล้วว่าฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะฝ่ายการเมือง คือ บรรดาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องพยายามทำให้ประชาชนมั่นใจในมาตรฐานทางการเมือง เพราะฉะนั้นความรับผิดชอบทางการเมืองสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย และถ้าจะคลี่คลายบรรยากาศทางการเมือง ก็ต้องตัดสินใจ เพราะการตัดสินใจไม่ได้แปลว่า ผิดหรือถูก เพราะผิดหรือถูกต้องถูกชี้โดยผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้มีคณะกรรมการที่ถูกตั้งขึ้นมาสอบ ป.ป.ช.และ สตง.ตรวจสอบอยู่แล้ว และเรื่องนี้เป็นเรื่องของการเมืองแล้ว ถึงแม้ไม่มีเลือกตั้งก็หนีไม่พ้นว่ามีกระบวนการทางการเมืองอยู่

       เมื่อถามว่า จำเป็นแค่ไหนที่ผู้ที่รับผิดชอบต้องลาออก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อะไรที่จะคลี่คลายให้เกิดความมั่นใจในหมู่ประชาชน และการตรวจสอบตรงไปตรงมา อะไรที่ทำให้ คสช.และรัฐบาลได้ไปทำงาน แทนที่จะติดหล่มอยู่กับการต้องมาอธิบาย และถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เพราะหลักสากลก็ทำแบบนี้

@ 'วิษณุ'ชี้'โด่ง'ต้องรับผิดชอบ

      นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงอุทยานราชภักดิ์ ว่า ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นจริง คนที่เป็นประธานคณะกรรมการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย แต่ส่วนนี้จะมีความแตกต่างกันกับโครงการที่เป็นงบประมาณแผ่นดินทั้งหมด ที่ความสูญเสีย โดยไม่ใช่เป็นเรื่องที่เอางบประมาณแผ่นดินเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่เป็นเรื่องที่ไม่ปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ ส่วนกรณีอุทยานราชภักดิ์เป็นกรณีใช้งบของรัฐส่วนหนึ่ง งบบริจาคอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งต้องดูว่าความเสียหายจากส่วนไหน ตอบสั้นๆ ง่ายๆ ถ้ามีการชี้มูลความผิดทางอาญาต้องรับผิดในทางแพ่ง โดยใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ได้ 

@ 'ไก่อู'ซัด'ตู่-เต้น'ปลุกปั่น

      พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการบุกจับนายจตุพรและนายณัฐวุฒิว่า นายกฯประกาศชัดเจนว่าหน่วยงานนอกกระทรวงกลาโหมที่มีอำนาจหน้าที่และต้องการจะตรวจสอบให้แจ้งเข้ามาก่อน และนายกฯจะมอบหมายให้กระทรวงกลาโหมอำนวยความสะดวกให้ ถูกผิดว่าไปตามนั้น แต่วันนี้สังคมเกิดความสับสน เพราะมีแกนนำกลุ่มการเมืองที่พยายามจะปลุกปั่น เอา 2 เรื่องนี้ไปรวมกัน คือเรื่องการตรวจสอบกับเรื่องการปลุกปั่นการเมือง

       "ประชาชนบางกลุ่มจากราชบุรีและประจวบคีรีขันธ์ พอมีข้อมูลแบบนี้ รัฐบาลก็กลัวว่าจะเกิดการปะทะกัน ซึ่งแกนนำกลุ่มการเมือง 2 ท่านนี้ถ้าจะลงไป ท่านก็ไม่ลงโดยลำพังแน่นอน ต้องมีองคาพยพของท่านลงไป หาก 2 กลุ่มปะทะกัน บรรยากาศเก่าๆ จะกลับมาอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การพัฒนาประเทศต่างๆ ที่กำลังไปได้ด้วยดี เมื่อมีความวุ่นวาย ความสับสนทางการเมืองเกิดขึ้นมันก็จะหยุดชะงัก นายกรัฐมนตรีเลยอยากให้รำลึกถึงว่าก่อนหน้าวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เราเจอปัญหาแบบนี้มาแล้ว และกว่าจะผ่านพ้นมาได้" พล.ต.สรรเสริญกล่าว

@ 'บิ๊กจิ๋ว'แนะให้เวลารบ.สอบ

       พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ว่า ทุกคนคงต้องให้เวลา และการสอบต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่มากที่ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองเข้าไปเกี่ยวพัน อีกทั้งยังเกี่ยวกับความเชื่อถือและศรัทธาของประชาชนที่ต้องระมัดระวัง และยังเกี่ยวกับประเทศชาติด้วย จึงต้องให้โอกาสรัฐบาลชี้แจงต่อประชาชน รวมทั้งสอบสวนอย่างรอบคอบที่สุด ทั้งนี้ต้องให้เวลารัฐบาลด้วย อะไรที่ไม่ถูกต้องทำให้ปรากฏออกมา จะปิดบังประชาชนไม่ได้ ทุกประเด็นที่สงสัยต้องชี้แจงให้ชัดเจนทั้งหมด เพราะทุกคนรอฟังผลสอบในเมื่อตอนนี้ยังไม่สรุปผลสอบออกมา โดยไม่มีใครรู้ว่าในการสอบสวนเรียกผู้รับผิดชอบ ผู้เกี่ยวข้อง และพยานเข้าไปแล้วจำนวนเท่าไหร่จากหลายฝ่าย อย่าเพิ่งวิเคราะห์วิจารณ์ ควรให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย 

      ส่วนกระแสเรียกร้องให้ พล.อ.อุดมเดชลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบนั้น พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร และไปถึงใครบ้าง ดังนั้นอย่าเพิ่งไปตัดตอน ก่อนหน้านี้ก็มีทั้งเรื่องจริงและไม่จริงออกมา ส่วนจะไปบอกให้ลาออก คงไม่ถูกต้อง และไม่ยุติธรรมกับ พล.อ.อุดมเดช เพราะไม่ว่าใครก็ต้องการความยุติธรรม ไม่ใช่เอาความรู้สึกมาพูดกัน

@ 'ตู่'ชี้ตั้ง'ลูกน้อง'สอบ'นาย'

     ขณะที่นายจตุพรกล่าวในรายการมองไกลผ่านสถานีโทรทัศน์ Peace TV กรณีที่ทหารควบคุมตัวก่อนเดินทางไปชมอุทยานราชภักดิ์ ว่า ได้เดินทางไปในฐานะประชาชน ไม่ใช่ในฐานะ นปช. ไม่คิดเหมือนกันว่าคนไทยที่เดินทางไปอุทยานราชภักดิ์จะกระทบต่อความมั่นคงหรือผู้มีอำนาจทั้งปวง เพราะอุทยานฯไม่ได้เป็นสมบัติของใครคนใดคนหนึ่ง การถูกควบคุมตัวไม่ได้กระทบกระเทือนต่อจิตใจแต่อย่างใด เมื่อเกิดการทุจริตเกิดขึ้น พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.ระบุว่ารับไม่ได้กับคำว่าทุจริต ตนก็รับไม่ได้

      นายจตุพร กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะอ้างว่าตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาล้วนเป็นทหาร 100 เปอร์เซ็นต์ คณะกรรมการตรวจสอบระดับรองปลัดกระทรวงกลาโหมจะกล้าตรวจสอบกระแสข่าวทุจริตอุทยานราชภักดิ์แก่คณะรัฐมนตรี (ครม.) รมช.กลาโหมหรือไม่ ไม่มีประเทศใดตั้งผู้ใต้บังคับบัญชาสอบผู้บังคับบัญชา เรื่องนี้ผิดหลักการสอบสวน เป็นการแก้ปัญหาทางการเมือง ทั้งนี้ ผู้มีอำนาจต้องยอมรับความจริงว่าแม้จะห้ามไม่ให้เดินทางไปอุทยานราชภักดิ์แล้วสังคมจะหมดความเคลือบแคลงหรือจะทำให้ทุกเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป ยิ่งไม่ให้ไปยิ่งสร้างความเคลือบแคลงใจให้เกิดขึ้น

@ ยันทหารไม่ข่มเหง-ข้อตกลงเดิม

      นายจตุพร กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติต่อตนเป็นอย่างดี ไม่ได้ข่มเหงใดๆ ในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะเป็นการทำตามหน้าที่ ส่วนที่ประชาชนหลายคนห่วงใยว่าตนกับนายณัฐวุฒิจะถูกเงื่อนไขอะไรหรือไม่ ต้องทำข้อตกลงใดหรือไม่นั้น ยืนยันว่ายังมีสิทธิเสรีภาพตามปกติ จะพูดคุยตามปกติ ส่วนข้อตกลงของเจ้าหน้าที่เป็นข้อตกลงเดิมตามที่เคยถูกควบคุมเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ ส่วนใครจะมองเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการขุดบ่อล่อปลาให้ คสช.เป็นเหยื่อ ก็เป็นสิทธิที่แต่ละคนจะคิดได้

@ 'ปึ้ง'ชี้ทำภาพรัฐบาลติดลบ

       นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แกนนำพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การที่ คสช.ควบคุมตัวนายจตุพร และนายณัฐวุฒิ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลในสายตาของประชาคมโลกอย่างแน่นอน เพราะเขาจะมองเห็นว่ารัฐบาลนี้มีการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในการเดินทางและการแสดงออกหรือแสดงความคิดเห็นอย่างสงบและสันติ ซึ่งเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เชื่อได้ว่าทั้งสื่อต่างชาติและสถานทูตต่างๆ คงจะรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้กลับไปยังเมืองหลวงของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่เป็นประชาธิปไตยและที่สำคัญที่สุดก็คือสำนักงานตัวแทนข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติที่มีสำนักงานอยู่ในประเทศไทยคงจะแจ้งและรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นกลับไปยังสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติที่นครนิวยอร์กเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ก็จะทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลไทยในสายตาประชาคมโลกแย่ลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

@ พท.แถลงการณ์จี้อีก 3 ข้อ

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ออกแถลงการณ์ เรื่องโครงการอุทยานราชภักดิ์ ว่า ตามที่พรรค พท.ได้มีแถลงการณ์ 4 ฉบับ จึงขอแถลงและมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้ 1. มีความพยายามจากผู้มีอำนาจในรัฐบาลที่จะเบี่ยงเบนประเด็น โดยการชี้นำสังคมให้เห็นว่าการตั้งข้อเรียกร้องในโครงการอุทยานราชภักดิ์เป็นเรื่องทางการเมือง มิใช่เป็นเรื่องการตรวจสอบการทุจริตของโครงการ การเรียกร้องของพรรคจึงตั้งอยู่บนพื้นฐานของการตรวจสอบการทุจริต ซึ่งเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองและตรวจสอบระงับยับยั้งการกระทำทั้งหลายที่กระทบต่อความรู้สึกของประชาชนซึ่งเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองเช่นกัน 2.มีความพยายามจากผู้มีอำนาจในรัฐบาลที่จะเบี่ยงเบนประเด็น โดยชี้นำให้เห็นว่าโครงการอุทยานราชภักดิ์มิใช่การทุจริตประพฤติมิชอบ และได้ข่มขู่ทำนองว่า หากมีผู้ใดกล่าวหาว่ามีการทุจริตจะดำเนินการในทางกฎหมายตามที่เห็นสมควร สำหรับประเด็นที่ว่ามีการทุจริตหรือไม่ พรรค พท. ประชาชน ตลอดจนสื่อมวลชนทั้งหลายมิได้ยกเมฆหรือเอาความเท็จใดๆ มากล่าว แต่นำคำพูดของผู้รับผิดชอบของโครงการที่เปิดเผยต่อสาธารณชน ตลอดจนข้อเท็จจริงอันเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปของสังคมขึ้นมากล่าวอ้างแทบทั้งสิ้น

@ วอนยุติละเมิดสิทธิเสรีภาพ

      3.ปรากฏข้อเท็จจริงเมื่อวันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2558 โดยมีการจับกุมและควบคุมตัวนายณัฐวุฒิและนายจตุพรที่ไปถวายบังคมแสดงความเคารพต่อบูรพกษัตริย์และตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยทั่วไปของโครงการ โดยถูกนำตัวไปกักขังในค่ายทหารและถูกปล่อยตัวอย่างมีเงื่อนไขในเวลาต่อมา พรรคเห็นว่ารัฐบาลและ คสช.มีหน้าที่ทำความจริงให้ปรากฏและควรดำเนินการหาข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา และไม่ควรปิดกั้นหน่วยงานหรือบุคคลที่จะร่วมตรวจสอบโครงการอุทยานฯ การจับกุมและควบคุมตัวบุคคลทั้งสองจึงถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะการจับกุมโดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา และปล่อยตัวแบบมีเงื่อนไข เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลและ คสช.ในแง่ของการส่งเสริมให้มีการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น เหตุการณ์การควบคุมตัวบุคคลทั้งสองที่กล่าวมาถือเป็นหนึ่งในหลายเหตุการณ์ที่พบเห็นอย่างกว้างขวางในประเทศขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการห้ามเสนอความคิดเห็นที่แตกต่าง การถูกเรียกตัวเพื่อปรับทัศนคติ การใช้หน่วยทหารบางหน่วยติดตามบุคคลสำคัญบางคน ฯลฯ ซึ่งที่ผ่านมาพรรคเรียกร้องให้รัฐบาลและ คสช.ยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกรูปแบบและคืนสิทธิเสรีภาพให้แก่ผู้ถูกละเมิดโดยเร็ว เพื่อสร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการปรองดองและให้บ้านเมืองกลับคืนสู่สภาวะปกติ พรรคจึงไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว และขอเรียกร้องให้ยุติการล่วงละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยเร็ว

@ คสช.ยันตู่-เต้นทำผิดเงื่อนไข

       แหล่งข่าวจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า การเชิญตัวนายจตุพรและนายณัฐวุฒินั้น เนื่องจากทั้งสองคนได้กระทำผิดเงื่อนไขของ คสช.ในเรื่องการออกมาเคลื่อนไหวโฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนร่วมเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ โดยมีเจตนาแอบแฝง หากเป็นการเดินทางไปท่องเที่ยวอย่างประชาชนทั่วไปปัญหาดังกล่าวก็จะไม่เกิดขึ้น โดยทหารจากมณฑลทหารบกที่ 16 เป็นผู้เข้าควบคุม จากนั้น ได้นำตัวไปที่กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี แล้วนำอาหารมาให้ทั้งสองคนรับประทาน และมีเจ้าหน้าที่เข้าร่วมพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจเป็นรายบุคคล ซึ่งจากการพูดคุย นายจตุพรและนายณัฐวุฒิให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ทั้งสองคนยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ยังให้โอกาสไม่ดำเนินคดีกับบุคคลทั้งสอง เพราะอาจมีความผิดเงื่อนไขการประกันตัวในส่วนของการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ศาลอาญาและที่ทาง คสช.ได้สั่งห้ามไม่ให้เคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ทั้งสองคนยังเคลื่อนไหวแบบมีนัยยะ เพราะกรณีการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์มีผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบอยู่ และสื่อมวลชนก็ทำหน้าที่ติดตามความคืบหน้าอยู่แล้ว

@ เปิดเอกสารรับเงื่อนไขปล่อยตัว

      แหล่งข่าวกล่าวต่ออีกว่า หลังจากทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้นำเอกสารเงื่อนไขแนบท้ายประกาศ คสช. เพื่อปล่อยตัวทั้งสองคนกลับบ้าน โดยในเอกสารมีใจความว่า "ข้าพเจ้าได้รับอนุญาตจากทางราชการให้กลับภูมิลำเนา เพื่อดำเนินชีวิตตามปกติแล้ว และในระหว่างที่ถูกกักตัวในหน่วย ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ไม่ได้ถูกทำร้ายหรือถูกใช้กำลังบังคับ ขู่เข็ญ หลอกลวง ทรมาน ให้คำสัญญาหรือกระทำโดยมิชอบด้วยประการใดๆ และทรัพย์สินต่างๆ ที่ได้นำติดตัวมาระหว่างถูกกักตัวได้รับคืนครบถ้วนทั้งหมดแล้ว ข้าพเจ้ารับทราบและเข้าใจคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ลงวันที่ 1 เมษายน 2558 เรื่องการกำหนดเงื่อนไขข้อ 11 จึงกำหนดวิธีการเพื่อความปลอดภัยตามมาตรา 39 (2) ถึง (5) แห่งประมวลกฎหมายอาญา จึงขอปฏิบัติตามเงื่อนไขดังนี้ ข้าพเจ้าจะละเว้นการเคลื่อนไหวหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ และจะไม่สร้างความขัดแย้งหรือทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในสังคม รวมทั้งแสดงความเห็นไปในทางต่อต้านการปฏิบัติงานของรัฐบาลและ คสช. หากข้าพเจ้าฝ่าฝืนเงื่อนไขดังกล่าวหรือดำเนินการช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมทางการเมืองและข้อกำหนดในเงื่อนไขข้าพเจ้ายินยอมที่จะถูกดำเนินคดีทันทีและยินยอมถูกระงับธุรกรรมทางการเงิน"

@ 'บิ๊กหมู'ปรามกลุ่มเคลื่อนไหว 

      การควบคุมสถานการณ์ พ.อ.วินธัยกล่าวชี้แจงในช่วงเดือนมหามงคล ว่า พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ให้ความสำคัญใน 2 ส่วน คือ การดูแลให้สังคมเกิดความเรียบร้อย และการสนับสนุนกิจกรรมในช่วงมหามงคลทุกรูปแบบ ซึ่งการดูแลความสงบเรียบร้อย ก็ขอกลุ่มหรือบุคคลใดอย่าพยายามดำเนินการใดๆ ในเรื่องที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำให้เกิดภาพของความไม่เรียบร้อย และหลีกเลี่ยงนำประเด็นเรื่องราวต่างๆ มาผูกโยง ชี้นำให้สังคมสับสน โดยเฉพาะเพื่อมุ่งหวังให้เกิดผลในมุมต่างๆ ทางการเมือง เชื่อว่าสังคมปัจจุบันคงรู้เท่าทัน เพราะฉะนั้น อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของหน่วยงานหรือผู้มีหน้าที่โดยตรงเพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์

      พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ส่วนการเคลื่อนไหวใดๆ ถ้าเจ้าหน้าที่ประเมินว่าเข้าข่ายจะเกิดความไม่เรียบร้อยขึ้นยังคงจำเป็นที่จะต้องเข้าดำเนินการ เพื่อสร้างบรรยากาศภาพรวมของช่วงเดือนนี้ เป็นช่วงแห่งความสุขของคนไทยทุกคน โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องทำหน้าที่ตามกฎหมาย ด้วยดุลพินิจอย่างเหมาะสม อีกทั้งการทำหน้าที่พยายามปฏิบัติโดยใช้วิธีการที่สมดุลเพื่อไม่ให้เกิดภาพใดๆ ที่ไม่เหมาะสม จนถูกบุคคล หรือองค์กรใดหยิบไปใช้ขยายผลอย่างไม่ถูกไม่ควร

@ 'ศอตช.'ขอข้อมูลทบ.ราชภักดิ์

     พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ว่า ในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่กำกับดูแล คือ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้รับรายงานจากนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการ ป.ป.ท. ในฐานะเลขาธิการ ศอตช.ว่า ได้ทำหนังสือสอบถามขั้นตอนการดำเนินการโครงการอุทยานราชภักดิ์ไปยังกองทัพบกแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างรอเอกสารชี้แจงรายละเอียดที่สอบถามไป ทั้งนี้ ได้กำชับให้ดำเนินการตามขั้นตอนเหมือนกับการตรวจสอบโครงการต่างๆ ที่เข้าไปดำเนินการ ในเรื่องห้วงเวลาการรอเอกสารชี้แจงการเทียบเคียงกับโครงการอื่นๆ ทั้งนี้ หากนานเกินไปหรือติดขัดปัญหา ให้รายงานมายังตน ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีปัญหาหรือติดขัด เพื่อจะได้ให้สังคมเห็นว่าเราจริงจังในการทำงาน อันไหนเร่งรัดก็เร่งรัด ตนได้กำชับไปแล้ว 

     "ไม่ต้องห่วงผมดำเนินการเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่นั่นหมายถึง หลักฐาน กลับมาแค่ไหนก็ได้แค่นั้น มันเป็นเรื่องของงบประมาณ เงินบริจาค และคนได้รับประโยชน์ ผมไม่มีปล่อยปละ แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับบุคคลที่ถูกกล่าวหาหรือพาดพิง ให้ระยะเวลาพอประมาณ" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว

@ ป.ป.ช.ไม่พบจนท.รัฐเอี่ยว

      ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้สำนักการข่าวของสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้ข้อมูลภาพรวมทั้งหมด ยังไม่พบข้อมูลที่ชัดเจนว่าเข้าข่ายการทุจริต แต่ทั้งนี้ได้ข้อมูลจากผู้เสียหายที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษที่กองบังคับการปราบปราม รวมทั้งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบว่ามีงบกลางกว่า 63 ล้านบาท ที่ใช้ในโครงการดังกล่าว โดยกำลังตรวจสอบว่าการใช้งบประมาณถูกต้องหรือไม่ รวมถึงงบบริจาคของมูลนิธิราชภักดิ์ ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ดังนั้น ป.ป.ช.เห็นว่าในเมื่อ 3 หน่วยงานดังกล่าว ตรวจสอบอยู่ถ้าหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำผิดต้องส่งเรื่องมาให้ ป.ป.ช.ดำเนินการภายใน 30 วัน และในระหว่างนี้ ป.ป.ช.ได้ติดตามการดำเนินงานของ 3 หน่วยงานนี้ ว่ามีข้อมูลหรือเหตุอันใดที่ทำให้ ป.ป.ช. ต้องรับเรื่องมาดำเนินการหรือไม่

@ ส่งฟ้อง'อาท'หมิ่นอีก 5 สำนวน

    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการกองแผนงานอาชญากรรม และคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันฯ เปิดเผยว่า หลังจากส่งสำนวนคดีหมิ่น แอบอ้างเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์จากบริษัทเอกชนต่างๆ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จำนวน 5 สำนวน ที่มีนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง และนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาท เลขานุการส่วนตัวนายสุริยัน เป็นผู้ต้องหา ให้กองคดีอาญากลั่นกรองและส่งให้คณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นฯของ ตร.พิจารณา ล่าสุด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีความเห็นสั่งฟ้องทั้ง 5 สำนวนแล้ว วันนี้พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนทั้งหมดให้อัยการศาลทหารมีความเห็นทางคดีแล้ว หลังจากนี้ทางอัยการจะพิจารณาต่อไป โดยกรณีนายสุริยันคดีระงับไม่ฟ้องเนื่องจากเสียชีวิต ทำให้ขณะนี้ส่งสำนวนให้อัยการไปทั้งสิ้น 6 สำนวนแล้ว

@ อนุมัติหมายจับ'พ.ต.ท.'หมิ่น

      พล.ต.ต.ชยพลกล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดมีพฤติกรรมหมิ่นสถาบันและแอบอ้างหาผลประโยชน์ ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด ส่วนอีก 7 สำนวนที่เหลือนั้นพนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน คาดว่าแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้ ขณะที่อีก 3 สำนวน ที่มีนายคชาชาต บุญดี อดีตนายทหารกองทัพภาคที่ 3 ตกเป็นผู้ต้องหานั้น ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการ และยืนยันว่ามีผู้เกี่ยวข้องในขบวนการอีกซึ่งคาดว่าจะออกหมายจับเร็วๆ นี้

     ข่าวแจ้งว่า สำหรับการรวบรวมพยานหลักฐาน กรณี พล.ต.ต. นายหนึ่งที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ครอบครองยุทธภัณฑ์ หลังจากมีพยานหลักฐานที่ระบุว่าขณะดำรงตำแหน่งมีส่วนรู้เห็นและเชื่อมโยงกับการที่ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด แอบติดตั้งเครื่องรับส่งวิทยุแบบทวนสัญญาณ ย่านความถี่ UHF ยี่ห้อโมโตโรล่า รุ่น QUANTAR บนชั้นที่ 84 ของอาคารใบหยก 2 แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวีนั้น พนักงานสอบสวนเตรียมขอศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติหมายจับภายใน 1-2 วันนี้

      รายงานข่าวแจ้งว่า เวลา 13.00 น. พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ไปขอศาลทหารออกหมายจับ พ.ต.ท.ธนบัตร ประเสริฐวิทย์ รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (รอง ผกก.1 บก.ปคม.) ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ร่วมกันความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 ว่าด้วยเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่มิได้มาตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยศาลอนุมัติหมายจับเลขที่ 61/2558 ให้จับกุม พ.ต.ท.ธนบัตรในข้อหาดังกล่าว

@ หมายเรียกคนเอี่ยวสอบ 8 ธ.ค.

     พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีมีขบวนการแอบอ้างสถาบันฯหาผลประโยชน์โดยมิชอบว่า การสอบสวนกรณี นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด และพวก ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันฯมีการขยายผล รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ล่าสุดพนักงานสอบสวนมีการออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ส่วนจะเป็นตำรวจหรือพลเรือน ไม่สามารถเปิดเผยได้ ขึ้นอยู่กับศาลเป็นผู้พิจารณา โดยให้มาพบพนักงานสอบสวนวันที่ 8 ธันวาคมนี้ ส่วนจะมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร ขึ้นอยู่กับการให้ข้อมูลในการสอบปากคำของผู้ที่ถูกออกหมายเรียก

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!