WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Cสขมพนธ บรพตรชายหมู นิ่ง-เมินปชป.บี้ กรธ.เอาแน่'คนนอก' สมช.ย้ำไม่พบไอเอส

       'ชายหมู'ไม่ตอบโต้ ชี้ปชป.แฉทุจริตเป็นเรื่องการเมือง พร้อมให้ตรวจสอบ ปชป.ไล่บี้ ปล่อยยืดเยื้อกระทบฐานเสียงในกรุง'วิลาศ' เหน็บข้อมูลสาวถึงผู้ว่าฯยาก เพราะเอาแต่นั่งบนดอย แนะพรรคออกแถลงการณ์ชี้แจงประชาชน'จุติ'เล็งยื่นอุทธรณ์ถ้า คสช.ไม่อนุญาตให้จัดประชุม'ไก่อู'ให้อดใจรอตามกติกา หวั่นพรรคอื่นเอาอย่าง แนวโน้ม กรธ.ไม่ปรับแก้ที่มานายกฯ ยึดหลักการให้พรรคเสนอ 5 ชื่อ เปิดช่องคนนอก สมช.ย้ำไม่พบ'ไอเอส'ในไทย

วันที่ 06 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9139 ข่าวสดรายวัน

'ไก่อู'ให้ปชป.อดใจรอกติกา

       วันที่ 5 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีพรรคประชาธิปัตย์ ทำหนังสือถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ขอให้ทบทวนคำสั่งคสช. 57/25557 ห้ามพรรคการเมืองประชุม และทำกิจกรรมทางการเมืองว่า รัฐบาลมีหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มการเมืองในเรื่องดังกล่าวคงต้องถามความชัดเจนจากคสช. เวลานี้เรากำลังวางกฎกติกา จัดระเบียบสังคมให้เรียบร้อย ไม่ให้เกิดความขัดแย้งเหมือนเหตุการณ์ก่อนวันที่ 22 พ.ค.2557 ที่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารงาน

     พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า การที่กลุ่มการเมืองจะจัดกิจกรรมหรือลงพื้นที่ต้องถามสังคมว่ายอมรับได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาความขัดแย้งเกิดจากความขัดแย้งกันเองของกลุ่มการเมืองต่างๆ ถามว่าหากวันนี้หากพรรคการเมืองหนึ่งออกมาเรียกร้องขอดำเนินการใดๆ แล้วพรรคอื่นๆ จะเรียกร้องบ้าง แล้วเหตุการณ์กลับไปเป็นเหมือนในอดีตใครจะเข้ามาแก้ปัญหาอีก เวลานี้รัฐบาลกำลังเดินตามโรดแม็ปที่ประกาศไว้ ไม่มีอะไรที่ผิดเพี้ยน ขณะที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ก็ทำหน้าที่ร่างกติกาของประเทศ ดังนั้น ขอเวลาให้ฝ่ายต่างๆ เขาทำงานให้ลุล่วง ขอให้แต่ละพรรคการเมืองอดใจไว้สักนิด ในเมื่อกติกายังไม่เรียบร้อย แล้วต่างฝ่ายต่างเรียกร้องจนเกิดปัญหาขัดแย้งขึ้นอีกใครจะมาแก้ไขอีก และการที่ไม่สามารถประชุมพรรคได้นั้นไม่ได้หมายความว่าพรรคการเมืองจะเสนอความเห็นไม่ได้ เพราะแม่น้ำทั้ง 5 สายเปิดรับฟังข้อเสนอต่างๆ อยู่แล้ว โดยขอให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่การกระแหนะกระแหนเหน็บแนม

'วิลาศ'เฉ่ง'ชายหมู'ซ้ำอีก

       นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า หากคสช.อนุญาตให้พรรคประชาธิปัตย์เปิดประชุมพรรคได้ ตนในฐานะที่เป็นผู้เสนอให้มีการตรวจสอบรองผู้ว่าฯกทม. ก็ไม่แน่ใจว่าม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. จะมาประชุมด้วยหรือไม่ ขนาดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เชิญพบยังไม่มาเลย ถ้ามาประชุม ซึ่งไม่ใช่เป็นการพบคนเดียว ต้องเผชิญทั้งพรรค โดนหนักๆ แค่2 คน ผู้ว่าฯกทม.ก็เซแล้ว ตั้งแต่ตนแถลงเรื่องทุจริตใน กทม.ออกไป หัวหน้าพรรคพยายามประสานติดต่อกับผู้ว่าฯกทม. ปรากฏว่าผู้ว่าฯกทม.ไม่ให้พบเลยและไม่รับโทรศัพท์ ทำให้ประชาชนสับสน เมื่อไม่รับโทรศัพท์หัวหน้าพรรคก็นัดพบโดยไปพบที่วังสวนผักกาดในเวลา 09.30 น. เมื่อต้นเดือนพ.ย. แต่พอหัวหน้าพรรคไปถึงก็ให้ผู้ช่วยเลขานุการมาบอกว่า ขอเลื่อนเป็นเวลา 10.30 น. พอถึงเวลาจริงๆ ก็ยกเลิก ให้เลื่อนออกไปก่อนแล้วจะนัดใหม่แต่ไม่บอกว่าเมื่อไร จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ยังไม่มีการติดต่อ กลายเป็นว่าหัวหน้าพรรคต้องไป ตามเอง

     นายวิลาศ กล่าวว่า หากพรรคสามารถประชุมได้ก็ต้องพูดกันว่าการบริหารขณะนี้บกพร่องอย่างไร เพราะประชาชนและข้าราช การก็วิจารณ์กัน แต่ก็คาดไม่ได้ว่าจะไปถึงขั้นไหน ขึ้นอยู่กับตัวผู้ว่าฯกทม.เอง หากมาพบหัวหน้าพรรคตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องไปขออนุญาตคสช.อย่างนี้ ส่วนจะถึงขั้นมีมติให้ออกเหมือนที่พรรคเคยมีมติให้สมาชิกสภากรุงเทพ มหานคร(ส.ก.) ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคมาแล้วหรือไม่ยังแน่ใจ เพราะอาจจะไม่ทุจริต แต่ถือดีว่าข้าเป็นคนสำคัญ

สาวไม่ถึงเพราะไม่ทำงาน

     "ยืนยันได้ว่าในกทม.มีการทุจริตแน่นอน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะโยงไปถึงใครบ้างก็ต้องตรวจสอบ เพราะเรื่องต่างๆ บอกเลยว่าไหลมาเรื่อยๆ เมื่อมีการประชุมก็จะเปิดฉากด้วยเรื่องของสำนักการศึกษา กทม.ซึ่งมีข้อมูลเข้ามาแล้ว ส่วนเรื่องของรองผู้ว่าฯกทม. 2 คนก็มีมาอีก คนหนึ่งมีเรื่องทุจริต 3-4 เรื่อง" นายวิลาศกล่าว

    เมื่อถามว่า เรื่องทุจริตที่เกิดขึ้นมีข้อมูลจนสาวไปถึงม.ร.ว.สุขุมพันธุ์หรือไม่ นายวิลาศกล่าวว่า "สาวลำบาก เพราะผู้ว่าฯกทม.ไม่ค่อยได้อยู่ปฏิบัติจริง มัวแต่ไปอยู่ดอย ไม่ได้เซ็นอะไรเลย"

     เมื่อถามว่าหากพรรคมีมติให้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ออกจากสมาชิกพรรคจะกระทบอะไรหรือไม่ นายวิลาศกล่าวว่าไม่กระทบ เพราะตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ก็ยังอยู่ แต่อย่างน้อยพรรคก็ได้แสดงมาตรการไปแล้ว ประชาชนจะได้เข้าใจ เพราะประชาชนเขามีความรู้สึกกับการบริหารงานกทม. และเป็นการทำให้ประชาชนเห็นว่าพรรคได้ดำเนินการแล้ว ถ้ามีคนร้องเรียนแล้วพรรคเอาหูไปนาเอาตาไปไร่พรรคจะเจ๊ง

จี้ปชป.ออกแถลงถ้าประชุมไม่ได้

      เมื่อถามหากคสช.ไม่อนุญาตให้พรรคเปิดประชุม คิดว่าพรรคควรจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร นายวิลาศกล่าวว่าพรรคก็ต้องมีการพูดคุยกับแกนนำ แล้วหามาตรการกันใหม่ ว่าจะทำอย่างไร ส่วนตัวเห็นว่าพรรคอาจมีแถลงการณ์ออกมา อย่างน้อยๆ พรรคต้องแสดงความรับผิดชอบ อะไรบางอย่าง และเท่าที่พูดคุยกันคนในพรรค 100 คน อยากให้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ออกจากพรรคถึง 98 คน

เล็งอุทธรณ์หากคสช.ไม่อนุญาต

       นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีโฆษกรัฐบาลอ้างการอนุญาตให้พรรคใดพรรคหนึ่งเปิดประชุม อาจเปิดช่องให้พรรคอื่นยื่นขอจนวุ่นวาย ว่า ขอฟังเหตุผลที่ชัดเจนจาก คสช.ก่อนว่าที่ไม่อนุญาตเพราะอะไร เพราะการที่พรรคประชาธิปัตย์ขออนุญาตนั้นไม่ได้มีแค่เรื่องการบริหารงานใน กทม.อย่างเดียว แต่มีเรื่องอื่นด้วย ทั้งปัญหาที่พรรคระดมทุนไม่ได้เพราะพรรคมีเงินจำกัด ที่ต้องอยู่อย่างนี้อีกปีครึ่ง รวมถึงการแสดงความเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะความเห็นที่ออกไปเป็นความเห็นส่วนตัวไม่ใช่ความเห็นของพรรค

       "ยืนยันว่า ไม่ได้มีการแอบประชุมกันเพราะประชุมไปก็ไม่มีความหมาย จึงอยากให้ คสช.ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ หากคสช.ไม่อนุญาต ผมในฐานะเลขาธิการพรรคก็จะยื่นอุทธรณ์ต่อคสช.เพื่อให้ทบทวนเรื่องข้อห้ามที่มีผลต่อพรรคการเมืองโดยตรง ถ้าคสช.ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย ก็น่าจะอนุญาต" นายจุติกล่าว

ยืดเยื้อกระทบฐานเสียงกทม.

    นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีนายอภิสิทธิ์ ทำจดหมายถึง คสช.ขออนุญาตเปิดประชุมพรรคพิจารณาการบริหารงานไม่โปร่งใสของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ว่า ต้องรอดูว่า คสช.จะอนุญาตหรือไม่ เพราะกรณีดังกล่าว หากมีการตัดสินใจทางใดทางหนึ่งพรรคก็ต้องออกเป็นมติเท่านั้น แต่ถ้า คสช.ไม่อนุญาตก็เป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคต้องหาทางพูดคุยเป็นรายบุคคลตัวต่อตัวในการแก้ปัญหา เพราะหากทิ้งปมนี้ไว้นานจะกระทบงานในการลงพื้นที่ของส.ส.กทม.รวมไปถึงฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย แต่ถ้าม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ยังเป็นเหมือนที่มีกระแสออกมาคือขาดการติดตาม หรือยังไม่ยอมรับติดต่อกลับมายังพรรค ทางพรรคก็คงต้องทำความเข้าใจกับคนกทม.ว่าพรรคพยายามรับผิดชอบพูดคุยเพื่อหารือเรื่องร้องเรียนต่างๆ ของกทม.แล้ว แต่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์คงมีแนวทางการทำงานเป็นของตัวเองที่ไม่สอดคล้องกับแนวทางของพรรคประชาธิ ปัตย์ ซึ่งก็เป็นเรื่องของ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ไม่เกี่ยวกับพรรคแต่อย่างใด

      "หากเกิดกรณีที่สมาชิกหรือตัวแทนของพรรคมีแนวทางการทำงานไม่สอดคล้องกับพรรคเช่นนี้ การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งหน้าก็ต้องคงคัดเลือกบุคคลอื่นมาลงเลือกตั้งใหม่อย่างแน่นอน พรรคจะมาเสียเครคิตเพราะคนคนหนึ่งไม่ได้อย่างเด็ดขาด แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์คงไม่ลงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.แล้วอย่างแน่นอน แต่ทุกอย่างจะดำเนินการอย่างไรก็อยู่ที่หัวหน้าคสช.จะอนุญาตให้มีการประชุมหรือไม่" นางรัชฎาภรณ์กล่าว

"ชายหมู"ไม่โต้-ชี้การเมือง

     แหล่งข่าวจากศาลาว่าการกทม. แจ้งว่า ช่วงธ.ค.ต่อเนื่องไปถึงเดือนม.ค. กทม.ต้องร่วมจัดกิจกรรมหลายอย่าง อาทิ กิจกรรมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติ Bike For Dad ปั่นเพื่อพ่อ พระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก การจัดงานเทศกาลคริสต์มาส การจัดงานปีใหม่ การจัดงานวันเด็ก การจัดงานเทศกาลสงกรานต์ งานตรุษจีน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ขอให้ทุกหน่วยงานดูแลการจัดกิจกรรมทุกอย่างให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมถึงดำเนินการตามมาตรการความมั่นคงและความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกัน ให้ทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่จะเข้ามาตรวจสอบในทุกๆ เรื่องด้วย จากข่าวคราวที่เกิดขึ้น ผู้ว่าฯ กทม.เห็นว่าการโต้วาทีไม่ได้เป็นการตรวจสอบ จึงเลือกใช้วิธีเงียบและไม่ตอบโต้เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องของการเมือง และจะไม่เอาเวลาไปพูดเรื่องการเมือง จึงงดให้สัมภาษณ์ ขณะที่กำลังจะมีกิจกรรมที่ต้องดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งกทม.ต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก

      แหล่งข่าวระบุ กรณีการจัดซื้อเครื่องดนตรีเป็นนโยบายที่มีมาตั้งแต่สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เป็นรองผู้ว่าฯ กทม. การดำเนินการโครงการก็เป็นไปอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เร็วๆ นี้คณะ ผู้บริหารจะลงพื้นที่ตรวจสอบว่าโรงเรียนได้ทำตามนโยบายหรือไม่ ตลอดจนตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างด้วย

    แหล่งข่าวคนเดิมระบุ กรณีที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เห็นด้วยในการปลดม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคนั้น พรรคต้องมีความชัดเจนและต้องดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับที่กำหนดไว้ ส่วนความรู้สึกของคนในพรรคกับมติพรรค มันคนละเรื่องกัน ถ้าเอาความรู้สึกของคนมาพูดก็ไม่จบ

สนศ.คุม 2 โครงการเกือบ 600 ล.

    แหล่งข่าวจากข้าราชการระดับสูงของ กทม.เผยว่า สำนักการศึกษา (สนศ.) ได้จัดโครงการพัฒนาทักษะทางดนตรีในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะทางด้านดนตรีให้กับนักเรียนเข้าสู่ระดับสากล รวมทั้งให้ครูผู้สอนดนตรีได้รับการพัฒนาเทคนิควิธีสอนที่เป็นมาตรฐานสากล ตลอดจนให้นักเรียนมีความสุขในการเรียนดนตรีและกล้าแสดงออกต่อสาธารณชน มีเป้าหมายจัดหาอุปกรณ์ประกอบการดนตรีและติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียน ที่เข้าร่วมโครงการ 197 โรง รวมทั้งจัดอบรมครูผู้สอนดนตรี โดยใช้สื่อเทคโนโลยี (E-Learning) และจัดการแสดงดนตรี 1 ครั้ง สำหรับระยะเวลาในการดำเนินการ 4 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2557-2560 โดยใช้งบผูกพันรวมเป็นเงินจำนวน 567,800,000 บาท แบ่งเป็นปี 2557 จำนวน 1,000,000 บาท ปี 2558 จำนวน 117,000,000 บาท ปี 2559 จำนวน 336,240,000 บาท และปี 2560 จำนวน 113,560,000 บาท

    นอกจากนี้ สำนักการศึกษายังจัดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ทางดนตรีในโรงเรียนสังกัดกทม. มีวัตถุประสงค์เช่นเดียวกับโครงการพัฒนาทักษะทางดนตรี มีเป้าหมายจัดทำและติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ 90 โรง รวมทั้งจัดอบรมครูผู้สอนดนตรี โดยใช้สื่อเทคโนโลยี (E-Learning) ในขั้นความรู้ที่สูงขึ้นจากระดับพื้นฐานเป็นระดับกลางตลอดจนจัดการแสดงดนตรีภายในโรงเรียนที่ร่วมโครงการ ระยะเวลาในการดำเนินการ 4 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2557-2560 โดยใช้งบผูกพัน รวมเป็นเงินจำนวน 104,260,000 บาท แบ่งเป็นปี 2557 จำนวน 12,000,000 บาท ปี 2558 จำนวน 22,840,000 บาท ปี 2559 จำนวน 31,278,000 บาท และปี 2560 จำนวน 38,142,000 บาท

กรธ.ตกผลึก-นายกฯคนนอก

     นายอภิชาต สุขัคคานนท์ รองประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ในฐานะประธานอนุกรรมการศึกษาโครงสร้างฝ่ายบริหารให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการร่างรัฐธรรมนูญว่า การเก็บตัว 7 วันของกรธ.ที่จะเดินทางไปยัง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี นั้น เพื่อไปถกกันขั้นสุดท้ายเรียกว่าเป็นช่วงไฮไลต์ เหมือน กรธ. 21 คนไปเข้าค่ายเพื่อให้ได้ร่างเเรกที่สมบูรณ์ออกมา เพื่อนำรัฐธรรมนูญร่างเเรกเผยแพร่สู่ประชาชนปลายเดือนม.ค.59 ประเด็นที่มานายกรัฐมนตรีในหลักการน่าจะตกผลึกเเล้ว เหมือนที่กรธ.เคยเเถลงไว้คือที่มานายกฯ ต้องให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อผู้ที่จะเป็นนายกฯได้ไม่เกิน 5 รายชื่อ โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นคนในพรรคหรือคน นอกพรรค เป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ก็ได้ เเต่ละพรรคจะเสนอชื่อผู้จะมาเป็นนายกฯซ้ำกันก็ได้ เเต่ต้องได้รับการเซ็นรับรองยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าตัวผู้ถูกเสนอชื่อก่อน เพื่อส่งเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่วนการเข้าคูหาคือ กาบัตรเดียว เบอร์เดียว ขณะที่ นายกฯต้องมาจากสภาผู้เเทน ราษฎรเลือก โดยขณะนี้กำลังอยู่ในกระบวนการรับฟังความเห็นจากประชาชนอยู่

      นายอภิชาต กล่าวว่า รัฐธรรมนูญที่กรธ.กำลังร่างอยู่จะสั้นกว่าฉบับของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการ(กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญอย่างเเน่นอน กรธ.เอาที่จำเป็นที่เป็นโครงในการปกครองประเทศ ไม่ได้จำกัดว่าจะมีกี่ร้อยมาตรา ที่มองเห็นถ้าปรับกันดีๆ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 150 ไม่เกิน 200 มาตรา ไม่สลับซับซ้อน ชาวบ้านเข้าใจง่าย อีกทั้งเมื่อไปดูรัฐธรรมนูญของต่างประเทศที่เป็นประเทศใหญ่ๆ ก็มีหลัก 100 มาตรา โดยเฉลี่ยเท่านั้น เรามีคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอเเนะ ขอให้ประชาชนส่งความเห็นเข้ามา ตอนนี้กรธ.กำลังทำงานรุดหน้าขึ้นทุกวัน

ยันคสช.ไม่ได้ล้วงลูก

      เมื่อถามว่า นอกจากฟังความเห็นประชาชนเเล้วมีโอกาสที่กรธ.จะเชิญพรรคการเมืองเข้าให้ความเห็นต่อการร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอภิชาตกล่าวว่ายังไม่ถึงขนาดนั้น มีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่ยังไม่ทราบแต่เราเปิดโอกาสให้ส่งหนังสือเข้ามา ตอนนี้มีคนอยากเข้ามาเยอะแต่ต้องเห็นใจเราเพราะเวลามีจำกัด วันหนึ่งเราประชุมกัน 6 ชั่วโมง เน้นเนื้อๆ เเต่ละมาตรา ซึ่งบางเรื่องเช่นที่มานายกฯ ที่มาส.ส. ส.ว. ต้องใช้เวลาพูดกันยาว ขอฝากว่าไม่มีใครเข้ามายุ่ง ล้วงลูก หรือมาสั่งว่าต้องทำอะไร กรธ.มีอิสระเต็มที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ไม่ได้มายุ่ง ส่วน 10 ข้อเสนอเเนะของคสช.นั้น กรธ.เป็นผู้ส่งหนังสือไปเองด้วยซ้ำว่าต้องการความเห็นจากคสช. เขาถึงส่งความเห็นมา ไม่ใช่กรธ.ถูกล้วงลูกตามที่เป็นข่าว ขอชี้เเจงให้ประชาชนเข้าใจด้วย คราวนี้ตั้งใจทำให้ดีเป็นสากลเหมือนชาวโลกเขา ถ้าร่างดีเเล้วก็อยากให้ร่างนี้อยู่นานๆ ไปแก้เเค่กฎหมายลูกก็พอ แต่ตัวหลักรัฐธรรมนูญจะได้ไม่ต้องมาแก้กันบ่อยๆ

ที่มาส.ว.ต้องแก้บล็อกโหวต

      นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) กล่าวถึงภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญว่า ร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ. ยังเป็นแนวข้อเสนอที่ยังไม่ตกผลึก ยังมีประเด็นที่หลากหลายอยู่ในการที่ต้องตอบโจทย์การแก้ปัญหาของบ้านเมืองที่ผ่านมา เช่นเรื่องเกี่ยวกับการจัดระบบพรรคการเมือง การจัดคนเข้าสู่ตำแหน่ง ทั้งส.ส. ส.ว. นายกฯ หรือคณะรัฐมนตรี(ครม.) ต้องมีแนวทางที่จะแก้ปัญหาในเรื่องการลงทุนทางการเมือง ต้องแก้ปัญหาให้ชัดเจนทั้งปัญหาการซื้อเสียง ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นที่จะเกิดขึ้นจากการเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง จึงเห็นว่าแนวที่ออกมายังไม่เห็นทิศทางการแก้ปัญหาการเลือกตั้ง รวมถึงการแก้ปัญหาเรื่องการโกงการเลือกตั้ง การซื้อสิทธิขายเสียง

     นายเสรี กล่าวว่า ที่มาส.ว.ก็ยังมีหลายรูปแบบจึงอยู่ที่กระบวนการในการแก้ปัญหา ถ้าสามารถแก้ปัญหาเรื่องบล็อกโหวตเป็นส.ว.ต้องไม่ให้เกิดเรื่องการลงทุนซื้อเสียงเพื่อเข้าสู่อำนาจ ดังนั้น ระบบการได้มาของสว. ต้องดูว่าได้แบบไหน จะเลือกตั้งทางอ้อมหรือสรรหา ก็ต้องแก้ปัญหาเรื่องการบล็อกโหวต ดังนั้น ต้องขอฟังกรธ.ต่อไป เพราะที่มาส.ว.เป็นปัญหาที่เคยผ่านมาหลายรูปแบบแล้วแต่ยังหาข้อยุติที่ดีไม่ได้

     เมื่อถามว่าดูแล้วคิดว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านประชามติหรือไม่ นายเสรีกล่าวว่ากรธ.ต้องตั้งเป้าหมายให้ผ่านประชามติ แต่การจะผ่านได้หมายความว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นที่ยอมรับของหลายฝ่ายและแก้ปัญหาที่ผ่านมาได้

"ยิ่งลักษณ์"ขึ้นเชียงใหม่

เวลา 11.40 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางมาเชียงใหม่ โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD3435 ถึงเวลา 11.40 น. จากนั้นเดินทางไปยังถนนนิมาน เหมินทร์ อ.เมืองเชียงใหม่ กับลูกชาย

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 6 ธ.ค. น.ส. ยิ่งลักษณ์มีกำหนดจะมอบทุนการศึกษาทุนศิษย์เก่า (สิงห์ขาว) ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เวลา 10.30 น.

     ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.เชียงใหม่ ว่าในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงทั้งตำรวจภาค 5 โดย พล.ต.ต.พงษ์สักก์ เชื้อสมบูรณ์ รอง ผบช.ภาค 5 ตำรวจ ตม.ภาค 5 นำโดย พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี ผบก.ตม.ภาค 5 และทหารได้ตรวจสอบหาข่าวเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มไอเอสในพื้นที่เชียงใหม่และภาคเหนือตอนบน ไม่พบเข้ามาในพื้นที่แต่อย่างใด

"ดอน"หวั่นกระทบท่องเที่ยว

     ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงเอกสารลับของตำรวจสันติบาลที่มีคำสั่งให้ติดตามพฤติการณ์ของชาวต่างชาติ ตามที่หน่วยต่อต้านข่าวกรองรัสเซียเตือนให้เฝ้าระวังติดตามกลุ่มไอเอส เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ว่ากระทรวงการต่างประเทศไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวจึงไม่รู้ว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร ทราบว่าผู้ที่เกี่ยวข้องยืนยันแล้วว่าไม่มีกลุ่มไอเอสเข้ามาในไทย แต่เรื่องดังกล่าวหากยิ่งขยายก็จะยิ่งเพิ่มความหวาดกลัวให้กับคนไทย เพราะเมื่อได้รับรู้ข่าวสารก็จะทำให้คนเกิดการตระหนกตกใจ ส่งผลกระทบต่อด้านการท่องเที่ยวและคนในประเทศที่ต้องมากังวลในการเดินทางไปไหนมาไหน ต่างประเทศยังไม่มีการเตือนให้นักท่องเที่ยวระวังในเรื่องนี้ และทุกประเทศต่างมีมาตรการในการดูแลนักท่องเที่ยวของตัวเองอยู่แล้ว ส่วนการตรวจสอบ หรือสแกนนักท่องเที่ยวนั้นทางกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้ดูแลในส่วนนี้ แต่เราดูแลเมื่อนักท่องเที่ยวประสบอันตรายหรือเกิดปัญหาขึ้น

    รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า พูดกันตรงๆ ข่าวแบบนี้ที่ออกมาไม่รู้ว่ามีข้อเท็จจริงมากน้อยเพียงใด หน่วยงานที่ระบุตามข่าวและหนังสือที่ปรากฏตามสื่อก็ไม่รู้ว่าจริงหรือปลอม เรื่องราวบางครั้งก็โดนปั่นกระแสโดยโซเชียลมีเดียที่สามารถเผยแพร่กระจายข่าวสารได้รวดเร็ว ดังนั้น ต้องระวังเรื่องนี้ด้วย แต่หากไม่มีเหตุการณ์ก็ไม่จำเป็นที่ต้องระแวดระวังชาวต่างชาติ ไม่ว่าที่มาท่องเที่ยวหรือนักธุรกิจ สิ่งที่ดีที่สุดในการสร้างความมั่นใจ ทำให้ต่างชาติอยากมาประเทศไทยส่งผลให้เศรษฐกิจเราดีคือต้องปราศจากปัญหา

ตรวจสอบไม่พบไอเอสในไทย

     นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯด้านความมั่นคง กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า พล.อ. ประวิตรกำชับตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องรอบคอบ อย่าประมาท มีการเฝ้าระวังอยู่แล้ว เพราะมีการแจ้งเตือนเป็นระยะๆ ตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะการแจ้งเตือนจากสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศ เนื่องจากสถานเอกอัครราชทูตบางประเทศกังวลว่าจะตกเป็นเป้าหมาย เราช่วยดูให้มีการเฝ้าระวังเป็นกรณีเฉพาะ ที่เฝ้าระวังมากในขณะนี้คือประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มไอเอส เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ เป็นต้น โดยมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น ทั้งการประกาศก่อตั้งกลุ่มหรือไปรบกลับมาแล้วถูกจับ พวกนี้กิจกรรมมาก แต่คนเหล่านี้จะรู้ว่าหากเราเฝ้าระวังมากเขาก็ไม่มา มิฉะนั้นจะถูกจับแล้วถูกส่งกลับไปทั้งหมด

     เมื่อถามว่าจะตรวจสอบได้หรือไม่ว่ากลุ่มไอเอส 10 คนที่เป็นข่าว เข้ามาในไทยจริงหรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่าตรวจสอบอยู่แต่ยังไม่เจอ และไม่รู้ว่าคนพวกนี้เข้ามาแล้วจะเปลี่ยนชื่อหรือใช้หนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต)ปลอมหรือไม่ ในชั้นต้นหน่วยข่าวกรองตรวจสอบแล้วยังไม่มีอะไร ยังไม่พบใครที่เข้าข่าย

รับเข้มเข้า-ออกไทย

      เมื่อถามว่าถ้าคนเหล่านี้เข้ามาได้แสดงว่าระบบการตรวจสอบโดยเฉพาะสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) บกพร่องหรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่าต้องไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมาฐานข้อมูลของตม.ไม่ค่อยเชื่อมกับหน่วยงานไหน แต่ช่วงหลังน่าจะดีขึ้นแล้ว มีการทำฐานข้อมูลใหม่ ในอนาคตต้องจัดระบบใหม่ให้เชื่อมกันมากกว่านี้ หลังมีข่าวการเตือนออกมาก็คงต้องคัดกรองการเข้าออกให้เข้มข้นขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งตามแนวชายแดน อย่างไรก็ตาม กรณีแบบนี้บางทีก็ต้องดูด้วยเพราะอาจมีคนของเราไปทำการค้ากับพวกนี้อยู่ อาจจะให้เช่าบ้านหรือเป็นภรรยาคนเหล่านี้บ้าง ขายพาสปอร์ตปลอมบ้าง พวกนี้ต้องกวาดล้างให้หมด ปล่อยไม่ได้ มิฉะนั้นจะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน

สมช.ยันไม่พบข้อมูลโยงไอเอส

     ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้ากรณีตำรวจสันติบาลมีหนังสือคำสั่งเรื่องติดตามพฤติการณ์ชาวต่างชาติ โดยระบุว่าหน่วยต่อต้านข่าวกรองรัสเซีย (เอฟเอสบี) ประสานผ่าน สมช. แจ้งเตือนความเป็นไปได้ในการก่อการร้ายของกลุ่มไอเอส ว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องของการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของหน่วยข่าวปกติทั่วไปของรัสเซีย และเราได้ติดตามพฤติกรรมของบุคคลที่ได้รับแจ้งมาอย่างใกล้ชิด ถือเป็นการประสานในระดับหน่วยงาน เมื่อทำการติดตามตรวจสอบบุคคลที่มีการแจ้งมาก็ยังไม่พบว่าจะมีพฤติกรรมที่ไปก่อความเดือดร้อน และตัวบุคคลที่เฝ้าติดตามยังเป็นไปตามจำนวนที่มีการระบุมาก่อนหน้านั้น ที่ผ่านมางานของสมช.ต้องประสานด้านข่าวสารระหว่างหน่วยงานทั้งในและนอกประเทศ มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันอยู่ตลอดเวลา ให้พร้อมรับมือกับอาชญากรรมข้ามชาติ และภัยในรูปแบบต่างๆ ไม่เช่นนั้นหากเราไม่พร้อมหรือมาตรการเฝ้าระวังไม่เข้มข้น จะต่อสู้กับกลุ่มคนพวกนี้ในภาวะที่การเดินทาง การสื่อสาร ที่รวดเร็วในปัจจุบันไม่ได้

      "ในขั้นนี้ขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่าเราตรวจสอบและติดตามกลุ่มคนดังกล่าวอย่างเข้มข้น เมื่อได้รับข้อมูลข่าวสารมาก็ตรวจสอบโดยไม่ปักใจเชื่อข้อมูลจนกว่าจะได้ข้อมูลที่แท้จริง ในกรณีนี้เราติดตามใกล้ชิด และยังไม่พบสิ่งใดที่เป็นหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกลุ่มไอเอสตามที่มีข้อกังวล แต่ไม่ประมาทและต้องติดตามจนกว่าจะแน่ใจ ควบคู่ไปกับการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มข้นในช่วงเวลานี้ต่อเนื่องไปจนพ้นเทศกาลปีใหม่ ตามที่นายกรัฐมนตรีกำชับอยู่ตลอดให้ทุกฝ่ายทำงานเต็มที่ในการดูแลความปลอดภัยของประชาชน จึงขอให้มั่นใจว่าฝ่ายความมั่นคงจะดูแลความปลอดภัยในทุกพื้นที่อย่างแน่นอน" พล.อ.ทวีปกล่าว

จับตาเข้มช่วงกิจกรรมสำคัญ

     พล.อ.ทวีป กล่าวถึงการจับกุมบุคคลที่มีการระบุว่ามีความชื่อมโยงกับกลุ่มขอนแก่นโมเดล ซึ่งกลุ่มดังกล่าวอาจเตรียมการก่อเหตุป่วนกรุงเทพฯ ช่วงมีกิจกรรมสำคัญ ว่า เมื่อจะมีกิจกรรมสำคัญที่ประชาชนไปรวมตัวกันมากๆ ฝ่ายความมั่นคงทั้งหมดต้องดูแลพื้นที่ต่างๆ เข้มข้นเป็นพิเศษ เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน ส่วนผู้ต้องหาที่มีการจับกุมไปก่อนหน้านั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อมีข่าวว่าจะมีการก่อเหตุขึ้นมาเราต้องติดตามดูพฤติกรรมของกลุ่มคนต่างๆ ที่อาจเข้าข่ายมีการสะสมอาวุธ รวมพลนัดหมายเพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างเข้มข้น แต่ขณะนี้ยังไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงจึงขอให้ประชาชนอย่าตระหนก และขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ หากพบเห็นอะไรผิดปกติขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อที่จะได้เข้าไปตรวจสอบได้ทัน

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!