WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1คยกบแม

ไม่พบตัว'จ่านิว' สอบแม่แทน ทหารสกัดไปราชภักดิ์ ณัฐวุฒิสวนกลับวินธัย

       ทหารไม่เจอจ่านิว-สิรวิชญ์ แกนนำจัดนั่งรฟ.ไปราชภักดิ์ เชิญแม่ไปคุยแทน ที่วัดย่านคลองสามวา "ไก่อูโวยลั่น อ้างเป็นขบวนการ ทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของคนไทยแปดเปื้อน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนออกแถลงการณ์ จี้ยุติการคุกคามประชาชน ส่วน"ณัฐวุฒิ' ร้องเพลง'ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน'ลงคลิป หลังทหารถอนกำลังเฝ้าหน้าบ้าน โต้แหลกวินธัย ไม่ได้สร้างกระแสการเมือง ระบุเป็นการต่อสู้ของพ่อที่ลูกถูกคุมคามถึงโรงเรียน ด้านจตุพรเผยพร้อมหารือ'บิ๊กต๊อก' เรืองไกรยื่นสตง.เรียกคืนเงิน 46 ล้าน

วันที่ 07 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9140 ข่าวสดรายวัน

คุยกับแม่ - น.ส.พัฒน์นรี ชาญกิจ แม่ของจ่านิว หรือนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ เข้าพูดคุยกับทหาร บก.ควบคุม ร.2 พัน.2 รอ. วัดสุทธิสะอาด เขตมีนบุรี เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. กรณีนายสิรวิชญ์จะรวมตัวกันขึ้นรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ (ภาพโดยฟ้ารุ่ง สีขาว)

 

'ไก่อู'ฮึ่มกลุ่มนั่งรฟ.ไปราชภักดิ์

     เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา นำโดยนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักศึกษา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดกิจกรรมนั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง วันที่ 7 ธ.ค.นี้ เวลา 07.00 น. โดยนัดหมายกันที่สถานีรถไฟธนบุรี (บางกอกน้อย) เพื่อไปทัศนศึกษาและพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสร้างอุทยานราชภักดิ์

     พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า หากคิดจะไปคงไม่ห้ามเพราะเป็นเสรีภาพ แต่คนไทยทั้งชาติคงตัดสินพฤติกรรมของเหล่านักจัดอีเวนต์ทางการเมืองเหล่านี้ได้ว่ามีเจตนาเช่นไร และมั่นใจว่าประชาชนเบื่อหน่ายการเคลื่อนไหวที่ก่อความวุ่นวายในประเทศ หากไปแล้วมีพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนกฎหมายละเมิดความสงบเรียบร้อยและกฎหมายบ้านเมือง ต้องรับผลของการกระทำทุกคน

      "ขอเตือนดังๆ ว่า ไม่ควรทำให้สถานที่ซึ่งสร้างขึ้นด้วยศรัทธาและความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของคนไทยทั้งชาติต้องมัวหมอง แปดเปื้อนด้วยใจที่คิดร้ายและคนไทยที่มีใจรักชาติทุกคน ควรหาโอกาส สักครั้งในชีวิตไปเยือนอุทยานราชภักดิ์ ยกเว้นแต่คนคิดทำร้ายประเทศชาติหากเลี่ยงได้ก็ ไม่ควรไป ใครที่คิดว่ามีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการติดตามข้อมูลอุทยานราชภักดิ์ สามารถนำมามอบได้ที่กระทรวงกลาโหม หรือหน่วยงานองค์กรที่มีหน้าที่โดยตรงได้ตลอดเวลา" พล.ต.สรรเสริญกล่าว

     โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการเสนอข่าวของสื่อมวลชนบางฉบับ วิเคราะห์ว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีและอาจมีการเชิญนายทหารระดับสูง อาทิ พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ มารับตำแหน่งใน ครม.นั้นเป็นการคาดการณ์ของสื่อมวลชน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ไม่เคยมีแนวคิดปรับครม. หรือทาบทามบุคคลใดทั้งสิ้น จึงขอความร่วมมือสื่อให้เสนอข่าวระมัดระวัง เพราะอาจสร้างความเข้าใจผิดและอาจกระทบต่อระบบการบริหาร เพราะสื่อเองคงไม่สามารถรับผิดชอบได้หากเกิดความเสียหายขึ้น

ทหารไปบ้านตามหา'จ่านิว'

      ด้านน.ส.พัฒน์นรี ชาญกิจ มารดาของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา เปิดเผยกรณีมีทหารมาที่บ้านช่วงเย็นวันที่ 4 ธ.ค. และกลางดึกวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งโทร.สอบถามความเคลื่อนไหวโดยตลอดทั้งวันว่า เมื่อเวลา 07.24 น. วันนี้ทหารได้โทร.มาสอบถามอีกครั้งว่าจะไปตามหานายสิรวิชญ์ ลูกชายได้ที่ไหน และเตรียมจะเชิญตนไปค่ายทหารในช่วงบ่าย ซึ่งตนได้แจ้งไปว่ามีเรื่องที่ต้องจัดการมากมาย ที่บ้านหลังคารั่วและรถยางแตกจึงอยากใช้เวลาจัดการปัญหาที่บ้านก่อน ทหารยังพูดด้วยว่าเห็นข้อความโพสต์โจมตีทหารในโซเชี่ยลมีเดียเมื่อคืนนี้ ทำไมจึงมีการโจมตีทหารทั้งที่คุยกันดีๆ ซึ่งตอนแรกฟังแล้วนึกว่าบุตรชายโพสต์โจมตีทหารกลางดึก แต่เมื่อเช็กดูที่หน้าวอลเฟซบุ๊กของนายสิรวิชญ์ ก็ไม่เห็นมีการโพสต์อะไรในช่วงดึกอีก เห็นเพียงโพสต์ล่าสุดที่ระบุว่ายังไม่โดนจับ

   น.ส.พัฒน์นรี กล่าวต่อว่า คืนวันที่ 5 ธ.ค. มีทหารในเครื่องแบบ 2 นาย มาที่บ้านเวลาประมาณ 22.45 น. ใช้เวลาพูดคุยประมาณ 15 นาที โดยทหารได้ถ่ายรูปบัตรประชาชนและถ่ายรูปครอบครัวที่อยู่ในกรอบรูป ทหารคนหนึ่งถามว่านายสิรวิชญ์ใช้เฟซบุ๊กอะไร แล้วอีกคนก็ถามว่าหานายสิรวิชญ์ยังไม่เจอเหรอ ทหารบอกว่าที่ "นาย" ให้มาคุยเพราะพยายามจะช่วยนายสิรวิชญ์แล้ว แต่นายสิรวิชญ์ปฏิเสธที่จะมาหา เพราะฉะนั้นถ้าหลังจากนี้เกิดอะไรขึ้นจะว่ากันไม่ได้ ซึ่งบ้านของตนอยู่ที่คลองสามวา มีสมาชิกครอบครัวเป็นผู้หญิงทั้งหมด ประกอบด้วย ตน ยายและน้องสาวของนายสิรวิชญ์อีก 2 คน

      "ยอมรับว่า รู้สึกกดดันและเครียดที่ติดต่อลูกชายไม่ได้ ประกอบกับคำพูดของทหารยิ่งทำให้เครียดมากขึ้นไปอีก เช่น ถามว่านาย สิรวิชญ์อยู่หอ ห้องไหน ตึกอะไร เชิญดีๆ ไม่มา ถ้าเจอก็รวบนะ และการบอกว่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น อย่ามาว่าพวกเรานะ ซึ่งประโยคแบบนี้มันตีความได้กว้าง เราเข้าใจเขาต้องทำตามหน้าที่ พอเราทำงานก็หาว่า ไม่ห่วงลูก เหรอ แต่เรามีหน้าที่ทำงาน วันนี้ติดต่อทหารมากกว่าติดต่อกับลูกอีก แล้วหลังจากคืนนี้ต้องลุ้นว่า ใครจะเจอนายสิรวิชญ์ก่อนกัน ระหว่างเรากับทหาร" น.ส.พัฒน์นรีเผย

เชิญแม่เข้าค่ายทหารพูดคุย

       ต่อมาเวลา 12.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.พัฒน์นรีได้เดินทางไปที่ศูนย์ประชา สัมพันธ์และช่วยเหลือประชาชน บก.ควบคุม ร.2 พัน.2 รอ. ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดสุทธิสะอาด เขตมีนบุรี เพื่อพบเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งทหารอนุญาตให้ผู้สื่อข่าวร่วมรับฟังการพูดคุย กับน.ส.พัฒน์นรีอยู่ช่วงหนึ่ง โดยชี้แจงว่าไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ห้ามตรวจสอบทุจริต ไม่ห้ามเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ แต่ห้ามไปรวมคนไปเยอะๆ เพราะจะมีการแสดงสัญลักษณ์ทางการเมือง ส่วนปัญหาทุจริตเป็นเรื่องรายบุคคลไม่ใช่องค์กรกองทัพบกทั้งองค์กร นายสิรวิชญ์เคยขึ้นศาลทหารเคยมีข้อตกลงแล้ว จึงอยากเชิญมาพูดคุยว่าทำไมจึงมีการทำกิจกรรมอีก โดยจะไม่ควบคุมตัว แต่หากพรุ่งนี้นายสิรวิชญ์ปรากฏตัวในพื้นที่อื่นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่ดูแลพื้นที่นั้น

     จากนั้นเวลา 14.50 น. ทหารจึงอนุญาตให้มารดานายสิรวิชญ์กลับบ้านได้ ซึ่งน.ส. พัฒน์นรีกล่าวก่อนเดินทางกลับว่า หากไม่มีสื่อมวลชนตามมา บรรยากาศการพูดคุยวันนี้ อาจจะตึงเครียดกว่านี้ก็เป็นได้      

    ด้านพล.ต.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ ผบ.พล.ร.2 รอ. กล่าวถึงกรณีทหารเรียกตัวน.ส. พัฒน์นรีว่า ในรายละเอียดไม่น่าจะมีอะไรมาก โดยแนวทางในการพูดคุย คือ การขอความร่วมมือในการที่จะไม่ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หากมีอะไรที่จะชี้แจง หรือต้องการข้อเท็จจริงก็ทำหนังสือเข้าพบ เป็นการตอบข้อสงสัย เพราะว่าทางทหารที่เข้าไปพูดคุยไม่ได้แจ้งอะไรมา แต่คิดว่าน่าจะเป็นแนวทางทั่วไปตามที่ได้เรียนไปคือการขอความร่วมมือ ทั้งนี้ไม่ได้มีการกักตัวน.ส.พัฒน์นรีแต่อย่างใด เพียงแต่เรียกตัวมาเพื่อพูดคุยเท่านั้น

ศูนย์ทนายฯออกแถลงการณ์

     วันเดียวกัน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิ มนุษยชน ได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณีที่เกิดขึ้น มีใจความว่า ตามที่นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ประกาศจะเดินทางไปจัดกิจกรรมที่อุทยาน ราชภักดิ์ในวันที่ 7 ธ.ค. 2558 ทำให้ตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 2558 เจ้าหน้าที่ทหารได้ติดต่อไปยังนาย สิรวิชญ์ให้ยกเลิกกิจกรรมและขอให้เข้าไปพบ แต่นายสิรวิชญ์ไม่ได้เข้าพบและขาดการติดต่อไป เจ้าหน้าที่ทหารจึงเดินทางไปพบมารดานายสิรวิชญ์ที่บ้านพัก ขอให้มารดาห้ามนายสิรวิชญ์จัดกิจกรรมพร้อมทั้งกล่าวในทำนองข่มขู่ว่า หลังจากนี้หากมีอะไรเกิดขึ้น จะมาว่าพวกเขาไม่ได้ ล่าสุดเช้าวันที่ 6 ธ.ค. 2558 เจ้าหน้าที่ทหารได้ติดต่อมารดาของนายสิรวิชญ์ให้ไปพบยังค่ายทหารในช่วงบ่ายของวันนี้

      ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เห็นว่าพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ทหารเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน และเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบฉบับที่ 3/2558 ได้ให้อำนาจเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยเรียกให้บุคคลใดมารายงานตัว หรือมาให้ถ้อยคําในเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน และความผิดอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศหรือคําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเท่านั้น

จี้ยุติคุกคามประชาชน

        ดังนั้น หากมีการควบคุมตัวมารดานาย สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ เนื่องจากต้องการยับยั้งไม่ให้นายสิรวิชญ์เดินทางไปยังอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งไม่เข้าข่ายการกระทำความผิดใดๆ ใน 4 ประเภทดังกล่าวข้างต้นนั้น ย่อมเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากไม่มีฐานอำนาจตามกฎหมายรองรับการกระทำ ดังกล่าว นอกจากนี้การกระทำดังกล่าวยังเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 157 เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มาตรา 309 และมาตรา 310 ความผิดต่อเสรีภาพ และเป็นการควบคุมตัวบุคคลโดยอำเภอใจอันขัดต่อข้อ 9 กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งบุคคลใดเพื่อประโยชน์ผู้ถูกคุมขังสามารถยื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อยตัวเนื่องจากการควบคุมตัวไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 90 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

     ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนจึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทหารยุติการคุกคามประชาชน โดยการอ้างอำนาจตามคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/58 ซึ่งออกตามความมาตรา 44 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 อย่างไม่มีขอบเขตในทันที

ชี้ยิ่งสกัดคนยิ่งสงสัยมีอะไรปิดบัง

      ขณะที่นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีทหารเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของนายสิรวิชญ์ว่า ไม่เห็นด้วยกับการจะไปติดตามใคร และเห็นว่าผู้อยู่ในอำนาจควรประมาณการกระทำของตัวเองบ้าง เพื่อไม่ให้สังคมรู้สึกอึดอัด เพราะการตรวจสอบเรื่องใดที่เห็นว่าอาจมีปัญหาถือเป็นเรื่องปกติ ถามว่าเหตุผลที่จะไม่ให้ตรวจสอบ เพราะกำลังนั่งทับอะไรไว้อยู่หรือไม่ การจำกัดเสรีภาพที่มากไปจนถึงขั้นเข้าข่ายคุกคามนั้น เชื่อว่าจะทำให้คนเริ่มเอียนกับการดำเนินการของทหารบางคน ซึ่งไม่ใช่เพราะใครไปทำอะไรแต่เขาทำตัวเองให้คนรู้สึกเช่นนั้นจนตนคิดย้อนถึงเหตุการณ์หลังปี 2516 ที่ทหารไม่สามารถใส่เครื่องแบบออกไปทำงานได้ ตอนนี้เขากล้ากับคนที่กลัวแต่ตนไม่กลัว ทั้งนี้จะไม่ขอลงในรายละเอียดปลีกย่อยที่มีคนแสดงความเห็นอยู่แล้ว แต่จะพูดในประเด็นใหญ่ที่ยังไม่มีใครพูด

      ส่วนนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ และแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก กรณีที่มีทหารในเครื่องแบบเดินทางไปพบมารดานายสิรวิชญ์ เพื่อสอบถามความเคลื่อนไหวนายสิรวิชญ์ว่า ในสังคมอารยะหรือในภาวะปกติไม่ควรใช้วิธีนี้ ยิ่งในสังคมที่อ้างว่ายึดหลักนิติธรรมหรือต้องการสร้างความปรองดอง ยิ่งไม่ควรใช้การปฏิบัติต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการอุทยาน ราชภักดิ์ เป็นเรื่องแปลกที่ผู้ต้องสงสัยหรือ ผู้ต้องหาหลบหนีไปและไม่ถูกควบคุมตัว แต่ผู้ที่สงสัยหรือต้องการให้มีการตรวจสอบกลับถูกควบคุม

      "ยิ่งสกัดกั้นผู้ที่ต้องการให้มีการตรวจสอบปัญหาอุทยานราชภักดิ์มากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้คนทั่วไปสงสัยว่าโครงการนี้มีอะไรที่จะต้องปิดบัง การจำกัดสิทธิเสรีภาพและการข่มขู่คุกคามผู้ที่ต้องการให้มีการตรวจสอบปัญหาโครงการราชภักดิ์ ไม่ได้สร้างความเสียหายแก่ผู้ที่ถูกคุกคามโดยตรงเท่านั้น แต่ยังมีผล กระทบต่อผลประโยชน์และความรู้สึกของคนทั้งประเทศด้วย"

จตุพร พร้อมหารือ'บิ๊กต๊อก'

     ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล ผ่านยูทูบ ถึงการไปให้ข้อมูลอุทยานราชภักดิ์กับพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ว่า ยินดีให้ความร่วมมือ ซึ่งคงนัดหมายวันเวลากันให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง และท่วงทำนองของพล.อ.ไพบูลย์ เช่นนี้รัฐบาลควรยึดไว้เป็นแนวทางเพื่อพูดคุย หารือ แลกเปลี่ยนข้อมูลการตรวจสอบจากทุกฝ่ายจึงจะเกิดประโยชน์

      นายจตุพร กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์เกิดความไม่สบายใจกับกรณีอุทยานราชภักดิ์ และยอมรับว่ามีการทุจริตขึ้นโดยผู้กระทำผิดได้หนีข้อหา ดังนั้น การเรียกร้องให้ตรวจสอบทุจริตจากทุกฝ่ายจึงไม่ใช่ประเด็นทางการเมืองระหว่าง คสช.กับนปช. แต่เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน หากรัฐบาลยึดแนวทางของพล.อ.ไพบูลย์ คงทำให้เรื่องราวเกิดความสบายใจกับทุกฝ่าย ไม่ใช่จะใช้กฎหมายมาตรา 116 มาเล่นงานกับผู้เรียกร้องให้ตรวจสอบว่า เป็นการชุมนุมทางการเมือง สร้างความปั่นป่วน ส่วนพระพุทธอิสระกลับปล่อยให้กระทำอะไรก็ได้ จนปัจจุบันได้กลายเป็นผู้อยู่เหนือกฎหมาย

ณัฐวุฒิ โต้สร้างกระแสการเมือง

    วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้โพสต์คลิปใน เฟซบุ๊กของตัวเอง พร้อมข้อความ "ว้า... แย่จัง เพลงกำลังดัง สั่งถอนกำลังซะแล้ว ฝากอีกหนึ่งผลงานเพลงนะครับ รักนะ จุ๊บจุ๊บ"

     ทั้งนี้ เนื้อหาในคลิป ระบุว่า ขณะนี้รถทหารหายไปจากหน้าบ้านแล้ว และปฏิเสธว่าการออกมาเคลื่อนไหวเรื่องทหารเฝ้าติดตาม ไม่ได้มีเจตนาสร้างกระแสทางการเมือง แต่ออกมาทำในฐานะพ่อที่ต้องปกป้องลูก เนื่องจากมีการคุกคามลูกของตนถึงโรงเรียน จึงต้องสู้แบบนี้ ขออภัยที่ทำให้ทหารชั้นผู้น้อยที่ได้รับคำสั่งมาทำงานรู้สึกอึดอัดบ้าง และฝากถึงคนใหญ่โตที่สั่งการ จู่ๆ ให้ถอนกำลัง ทำเช่นนี้แล้วตนจะรับผิดชอบกับแฟนเพลงที่ติดตามอยู่ และขอเพลงยาวเป็นหางว่าวได้อย่างไร ทำไมทำกันแบบนี้

    ก่อนที่นายณัฐวุฒิจะร้องเพลงฝากไปว่า "ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน ไสว่าสิมีกันและกัน ไสว่า สิฮักแพงกัน ไสว่าสิมีกันตลอดไป ไสว่า สิบ่ถิ่มกัน ไสว่าสิมีกันเรื่อยไป ไสว่าสิบ่ แบ่งใจ ไสว่าสิมีแค่.....เฮา"

     นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงกรณีทหารยกเลิกการเฝ้าติดตามบริเวณหน้าบ้านว่า คสช.สั่งถอนกำลังจากหน้าบ้านตนเป็นเรื่องดีและไม่ควรมีพฤติกรรมเช่นนี้กับใครอีก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเดียวกับตนหรือฝ่ายตรงข้าม การที่พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช.อ้างเหตุผลว่าที่ต้องยกเลิก เป็นเพราะตนสร้างกระแสทางการเมือง ต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ นี่ไม่ใช่การเมืองแต่เป็นการต่อสู้ของพ่อที่ลูกถูกคุกคามถึงโรงเรียน เพื่อแสดงให้เห็นว่าอำนาจที่ใช้โดยไม่ชอบธรรมเป็นเรื่องตลกในสายตาของคนที่ไม่รู้สึกกลัว

สวนโฆษกคสช.แนะตั้งสติให้ดีๆ

"อยากให้พ.อ.วินธัยตั้งสติดีๆ แล้วสอบถามไปที่ปตอ.พัน.3 ว่าส่งทหารมาที่บ้านผมหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ทหาร ผมจะได้ทราบว่ามีกองโจรที่ไหนก็ไม่รู้มาเฝ้าหน้าบ้าน ที่บอกว่าออกจากบ้านผมไป 5 วันแล้วไม่รู้ใครไป หลอกพ.อ.วินธัย ผมจะถือว่าท่านพูดเพราะไม่รู้ ถ้ารู้แล้วพูดก็ถือว่าท่านไม่ฉลาด ผมมีหลักฐานทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกวันเวลาไว้ ยืนยันได้ว่าผลัดสุดท้ายที่ไปเฝ้าคือ รถเชฟโรเลต สีขาว ไม่ติดป้ายทะเบียน ออกจากหมู่บ้านประมาณ 18.00 น. วันที่ 4 ธ.ค. รถที่ใช้มาที่บ้านทั้งปิกอัพและรถเก๋งทุกคันพยายามปกปิดป้ายทะเบียน แต่ผมถ่ายภาพเก็บได้บางคันในวันแรกๆ ที่ไม่เอามาเปิดเพราะเห็นใจเจ้าของรถ ถ้าพ.อ.วินธัยสนใจผมจะส่งให้ และเชื่อว่าชายชาติทหารรักในศักดิ์ศรี ใครรับผิดชอบปฏิบัติการนี้ต้องบอกความจริงกับพ.อ.วินธัย ด่วนอย่าให้กลายเป็นโฆษกที่หลับหูหลับตาให้สัมภาษณ์แบบนี้" นายณัฐวุฒิกล่าว

      นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ทำหนังสือเชิญไปพูดคุยนั้นตนยินดีให้ความร่วมมือ เมื่อได้รับหนังสือแล้วจะนัดหมายกันอีกครั้ง ตั้งใจจะนำข้อมูลไปบอกพล.อ.ไพบูลย์ว่า ทำไมจึงมั่นใจว่ามีการทุจริตในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ พร้อมทั้งชี้หลักฐานเด็ดที่จะไปถึงตัวคนกระทำความผิด ถ้าฝ่ายตรวจสอบทำงานตรงไปตรงมา เชื่อว่าภายในหนึ่งสัปดาห์ก็จะมีข้อยุติเรื่องนี้ได้

เรืองไกรยื่นสตง.เรียกคืนเงิน 46 ล.

     ส่วนนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ จะเดินทางไปยื่นหนังสือให้สตง. เรียกเงินคืนจากโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์จำนวน 46,943,800 บาท ทั้งนี้จากการติดตามตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ พบว่าอาจมีการใช้งบประมาณแผ่นดินไปในลักษณะผิดประเภทหรือผิดวัตถุประสงค์ เนื่องจากมีการใช้งบกลางไปจัดหาวัสดุ คือหินอ่อนและหินแกรนิตเพื่อใช้ประกอบการก่อสร้างฐานแท่นและลานบันไดในโครงการอุทยานราชภักดิ์ กรณีดังกล่าวมีการระบุว่าจัดหาวัสดุที่เป็นทรัพย์สินถาวรใหม่ของกองทัพบก แต่ในความเป็นจริงกลับนำทรัพย์สินนั้นไปติดตั้งบนทรัพย์สินถาวรของอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งถือเป็นหน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่กองทัพบก

    นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าวอาจมีลักษณะที่หลีกเลี่ยงระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และไม่เป็นการรักษาวินัยการเงินการคลังที่ดี ซึ่งในการใช้เงินลักษณะที่คล้ายกัน สตง.เคยมีหนังสือทักท้วงมาแล้ว เห็นได้จากหนังสือด่วนมากที่ ตผ. 0004/3484 ลงวันที่ 29 ก.ค. 51 เรื่องการจัดซื้อวัสดุครุภัณฑ์เพื่อให้หน่วยงานราชการอื่นยืมใช้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งการทักท้วงของ สตง. เป็นกรณีที่หน่วยงานของรัฐจัดหาทรัพย์สินแล้วให้หน่วยงานอื่นยืมใช้ ซึ่ง สตง.ทักท้วงว่าทำไม่ได้

      "การใช้งบกลางของกองทัพบกไปจัดหาทรัพย์สินถาวรให้หน่วยงานอื่นได้กรรมสิทธิ์ไปเลยนั้น น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะได้นำกรณีตามหนังสือสตง.ดังกล่าว มาเป็นบรรทัดฐานเพื่อใช้ยื่นหนังสือให้สตง. ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เพื่อพิจารณาตรวจสอบว่า จะต้องมีการเรียกเงินแผ่นดินคืน 46,943,800 บาท จากการใช้งบประมาณแผ่นดินในโครงการอุทยาน ราชภักดิ์หรือไม่" นายเรืองไกรกล่าว

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!