WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1ปดปรบปรง

ปิด 1 วัน'ราชภักดิ์' อ้างซ่อม ไม่เกี่ยวสกัดกลุ่มปชต. จ่านิว-เพื่อนนั่งรฟ.ไปไม่ถึง แยกโบกี้-หิ้วสอบ 17 แกนนำ ทูตผู้ดีทวีต-นึกว่ามีเสรีภาพ เทือกป้องรบ.ไม่เท่าจำนำข้าว

      ปิดด่วน'อุทยานราชภักดิ์' ปัดไม่เกี่ยวการเมือง อ้างซ่อม สกัดจับวุ่นกลุ่มพลเมือง แยกโบกี้รถไฟที่บ้านโป่ง-ราชบุรีหิ้วตัวสอบ บก.พล.ร9 ชั่วคราวภายในพุทธมณฑล จ.นครปฐม'ไก่อู'แจงเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ขณะที่ทูตอังกฤษทวีตข้อความ ติงการสกัดกั้น นึกว่ามีเสรีภาพ หลังอนุญาตให้มีการชุมนุมหน้าสถานทูตสหรัฐถึง 200 คน'เทือก'ออกโรงป้องรัฐบาล แค่ 60 ล้านไม่เท่าจำนำข้าว

วันที่ 08 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9141 ข่าวสดรายวัน

ปิดปรับปรุง - เจ้าหน้าที่นำแผงเหล็กมากั้นเป็นแนวยาว ปิดทางเข้าไม่ให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมอุทยานราชภักดิ์ตลอดทั้งวันที่ 7 ธ.ค. พร้อมวางกำลังอารักขาเข้มงวด โดยแจ้งว่าปิดให้บริการเพื่อซ่อมแซมถนนทางเข้าอุทยาน

 

'จ่านิว'มาตามนัดไปราชภักดิ์

     เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 7 ธ.ค. ที่สถานีรถไฟธนบุรี (บางกอกน้อย) กลุ่มประชาธิปไตยศึกษา นัดจัดกิจกรรม 'นั่งรถไฟไปอุทยาน ราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง' โดยนัดรวมพลเพื่อขึ้นขบวนรถไฟที่ 255 ธนบุรี-หลังสวน ซึ่งมีนักศึกษาและประชาชนทยอยเดินทางมาขึ้นรถไฟอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งกลุ่มพลเมืองโต้กลับ นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน นายณัฐภัทร อัคฮาค น้องชายน.ส.กมนเกด อัคฮาด ที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนารามจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมื่อปี 2553 และนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไทย ที่มาชูป้าย "ทีมจ่านิว" เพื่อให้กำลังใจนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา ซึ่งถูกทหารเรียกพบหลังประกาศเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมกิจกรรมผ่านเฟซบุ๊ก

     ขณะเดียวกัน นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าฯ การรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. นำกำลังตำรวจและทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบ มาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย โดยมี เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิดที่นำสุนัขตำรวจ มาตรวจหาวัตถุอันตรายทั้งบนขบวนรถรถไฟและพื้นที่โดยรอบ

      นายวุฒิชาติ เปิดเผยว่ารถไฟเป็นพื้นที่สาธารณะและมีหน้าที่ให้บริการประชาชนตามปกติ โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้ประสานงานห้ามงดใช้พื้นที่ และรถไฟที่ประชาชนจะเดินทางไปร่วมกิจกรรมจะออกรถตรงเวลาจะไม่มีการห้ามใครขึ้นรถไฟ

      ด้านพล.ต.ต.สมพงษ์กล่าวว่าวันนี้ไม่มีอะไรพิเศษเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูความเรียบร้อย ปลอดภัยเเละการจราจร เนื่องจากเป็นห่วงมือที่สามเเละผู้หวังผลประโยชน์จากการเคลื่อนไหวเท่านั้น ถ้าทำถูกกฎหมายหมดก็มีสิทธิจะเดินทางไปโดยการเดินทางครั้งนี้ได้เพิ่มขบวนโบกี้จาก 7 โบกี้เป็น 9 โบกี้ ตามคำขอจากนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่มีคำสั่งหรือมาตรการดูเเลอะไรเป็นพิเศษ เจ้าหน้าที่ดำเนินการทุกอย่างตามกรอบกฎหมาย และ บนขบวนรถไฟจะไม่มีตำรวจนครบาลแน่นอน

     ต่อมาเวลา 07.20 น. นายสิรวิชญ์ ได้เดินทางมาถึงสถานีรถไฟธนบุรี ก่อนเดินขึ้นขบวนและกล่าวว่านั่งรถไฟขบวน352 ธนบุรี-ราชบุรี มาแต่ถูกกักขบวนที่ชุมทางตลิ่งชัน 30 นาที ทำให้มาถึงช้าอยากจะร้องเรียนการรถไฟฯว่า จะให้บริการประชาชนแต่ทำไมถึงทำอย่างนี้ยืนยันว่ากิจกรรมวันนี้จะจัดตามตารางที่ได้กำหนดไว้ จากนั้นขบวนรถไฟได้เคลื่อนออกจากสถานีเวลา 07.30 น.ตามกำหนด

สกัดรถไฟที่บ้านโป่ง

     จากนั้นเวลา 09.45 น. ขบวนรถไฟ เดินทางมาถึงสถานีบ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยมี กำลังตำรวจภ.จว.ราชบุรี ตำรวจภูธรภาค 7 และทหาร จทบ.ราชบุรี พร้อมสารวัตรทหารประมาณ 50 นายมาตรึงกำลังอยู่ที่สถานี ก่อนจะกักขบวนรถไฟไม่ให้เดินทางไปต่อ จากนั้นทหารและตำรวจส่วนหนึ่งได้ขึ้นไปบนขบวนรถไฟเพื่อเชิญตัวนายสิรวิชญ์ ให้ลงมาจากขบวนเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจ แต่นายสิรวิชญ์ยืนยันว่าจะเดินทางไปที่อุทยานราชภักดิ์ตามสิทธิของประชาชน ที่มีเสรีภาพเดินทางไปไหนก็ได้และไม่ยินยอมพูดคุยด้วย โดยร้องขอให้นายสถานีรถไฟบ้านโป่งปล่อยขบวนรถไฟเดินทางต่อไป ซึ่งการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่กับนายสิรวิชญ์เป็นไปอย่างตึงเครียดนานกว่า 30 นาที ทำให้เจ้าหน้าที่รถไฟตัดตู้โบกี้ของกลุ่มผู้เข้าร่วมกิจกรรม ออกจากขบวนเพื่อให้ขบวนรถไฟเดินทาง ต่อไปได้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มชาวบ้าน บางส่วนเข้ามาต่อว่าและด่าทอกลุ่มผู้ร่วมกิจกรรม ซึ่งบางคนยังท้าให้นักศึกษาลงมาจากรถไฟด้วย

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมตัวผู้ร่วมกิจกรรม ทั้งนายอานนท์ นำภา และน.ส.ชนกนันท์ รวมทรัพย์ นักศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมนักศึกษาบางส่วนไป ทำให้นายสิรวิชญ์เรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ร่วมกิจกรรมที่ถูกจับตัวไปแต่ไม่เป็นผล ทำให้นายสิรวิชญ์ช์กล่าวผ่านโทรโข่งว่าพวกเราไม่ได้ทำผิดกฎหมายเเละก่อนหน้านี้รัฐบาลก็ไม่ได้ออกมาห้ามไปอุทยานราช ภักดิ์เเต่อย่างใด แต่การดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐที่สถานีบ้านโป่งนั้นเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า การทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์นั้นประชาชนไม่สามารถตรวจสอบได้ และไม่ได้ตั้งใจทำให้ทุกคนที่บ้านโป่งเดือดร้อนแต่อยากต้องการเดินทางไปทำกิจกรรมที่ อุทยานราชภักดิ์เท่านั้น

เข้าควบคุมตัวแกนนำ

      ต่อมาเมื่อปล่อยขบวนรถ 255 ธนบุรี-หลังสวน ออกจากสถานีบ้านโป่งไปแล้ว เจ้าหน้าที่จึงขึ้นไปควบคุมตัวนายสิรวิชญ์และผู้ร่วมกิจกรรมทั้งหมดที่อยู่ในตู้โบกี้ไปที่ห้องประชุม สถานีรถไฟบ้านโป่งโดยใช้เวลาพูดคุยภายในห้อง 30 นาที ต่อมาเวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ร่วมกิจกรรมชุดแรกซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผู้สูงอายุขึ้นรถบัสทหาร โดยใช้กระดาษเอ4 ปิดป้ายสังกัด ออกจากพื้นที่ไปโดยยังไม่ทราบว่าจะถูกนำไปไว้ที่ไหน ส่วนกลุ่มของนายสิรวิชญ์ นายอานนท์ น.ส. ชลธิรา แจ้งเร็ว นักศึกษา มศว ประสานมิตร และน.ส.ชนกนันท์ พร้อมพวก ถูกคุมตัวขึ้นรถบัสในเวลา 12.15 น. โดยระหว่างนำตัวขึ้นที่เจ้าหน้าที่อส.หญิง อุ้มตัวน.ส.ชนกนันท์ และนักศึกษาหญิงอีก 1 คนขึ้นรถท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีชาวบ้านบางคนพยายามเข้ามาทำร้ายนักศึกษา และด่าทอนักศึกษาด้วยถ้อยคำหยาบคาย บางส่วนยังปาก้อนดิน ขวดน้ำ และรองเท้าใส่ รถบัสที่ควบคุมนักศึกษา ทำให้น.ส.ชลธิรา ชู 3 นิ้วตอบโต้ก่อนที่รถบัสจะออกจากพื้นที่ โดยทหารได้คุมตัวกลุ่มแกนนำแยกขึ้นรถบัสที่ทหารจัดไว้ไปยังสถานที่ที่ไม่เปิดเผยของทหาร ซึ่งส่วนหนึ่งประมาณ 15-17 คน ถูกนำไปที่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจที่ตั้งทหาร พล.ร9 ที่ใช้เป็นศูนย์ปฏิบัติงานชั่วคราวภายในพุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม โดยมีสารวัตรทหาร และตำรวจดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ตั้งแต่ประตูทางเข้าพุทธมณฑล

      รายงานแจ้งว่า สำหรับแกนนำที่ถูกควบคุมตัวประกอบด้วย 1.นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา 2.นายอานนท์ นำภา ทนายความกลุ่มศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และแกนนำพลเมืองโต้กลับ 3.นายพันศักดิ์ ศรีเทพ แกนนำกลุ่ม พลเมืองโต้กลับ 4. นายณัทพัช อัคฮาด กลุ่มญาติเสื้อแดง ปี 53 5.นายทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ 6.น.ส.ชนกนันท์ รวมทรัพย์ กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ 7.นายสุกฤษ์ เพียรสุวรรณ กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย 8.นายปิยรัฐ จงเทพ กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย 9.นาย ศุภชัย เสียงจันทร์ กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย 9.นายนพเก้า คงสุวรรณ กลุ่มวันอาทิตย์สีแดงและช่างภาพอิสระ 10 นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล กลุ่มการศึกษา เพื่อความเป็นไท 11.นายศิวพร อินทร์รักษ์ 12.นายพรชัย ประทีปเทียนทอง 13 นายฉัตรมงคล วัลลีย์ 14. นายรัฏฐกานต์ ดีพุ่ม กลุ่มประชาคมจุฬาเพื่อประชาชน

อุทยานราชภักดิ์ปิด1วัน

      ส่วนบรรยากาศบริเวณด้านหน้าอุทยาน ราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมายังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมและสักการะสมเด็จพระมหาบูรพกษัตริย์ไทยทั้ง 7 พระองค์เป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถเข้าไปด้านในอุทยานได้เนื่องจากบริเวณทางเข้ามีการนำแผงเหล็กมากั้นเป็นแนวยาว โดยมีกำลังทหารและตำรวจวางกำลังคุมเข้มตลอดแนวรั้วอุทยานราชภักดิ์ พร้อมตรวจสอบบุคคลต่างๆ ที่ผ่านเข้าออกอย่าง เข้มงวด โดยเจ้าหน้าที่แจ้งกับนักท่องเที่ยวว่าอุทยานราชภักดิ์ปิดให้บริการเพื่อซ่อมแซมถนนทางเข้าอุทยานราชภักดิ์ ขณะที่บนถนนเพชรเกษม ยังมีการตั้งจุดตรวจ 2 จุดที่หน่วยบริการประชาชนวัดเขาสนามชัย และด้านหน้าหมู่บ้านเขาเต่า โดยตรวจเข้มรถยนต์ที่จะผ่านไปยังบริเวณอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งหากพบกลุ่มที่จะมาเคลื่อนไหวให้เชิญตัวเข้ามายังหน่วยบริการประชาชนและชี้แจงทำความเข้าใจ


นาทีหิ้ว - นาทีทหารบุกหิ้วตัว"จ่านิว" นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ไม่ให้ไปเยี่ยมชมอุทยาน ราชภักดิ์ โดยตัดตู้โบกี้รถไฟ คุมตัวผู้ร่วมคณะทั้งหมดที่สถานีบ้าน โป่ง จ.ราชบุรี แล้วนำตัวไปทำความเข้าใจก่อนปล่อยตัว เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.

      ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 13.00 น. ขบวนรถไฟสายหลังสวน-ธนบุรี ขบวนที่ 4208 ซึ่งเป็นรถไฟฟรีซึ่งออกจากสถานีหลังสวนตั้งแต่ช่วงเช้ามุ่งหน้าสถานีธนบุรี ได้เข้าจอดที่ชานชาลาสถานีรถไฟเขาไชยราช เขยรอยต่อระหว่างสถานีรถไฟอำเภอมาบอำมฤต จ.ชุมพร กับสถานีรถไฟห้วยสัก อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเวลานานหลายชั่วโมง ทำให้ผู้โดยสารจำนวนมากต้องติดค้างอยู่บนรถไฟ บางส่วนยังลงไปนั่งพักที่สถานี ซึ่งผู้โดยสารส่วนใหญ่คาดว่าสาเหตุที่รถไฟถูกให้หยุดอยู่เนื่องจาก เกรงว่าอาจจะมีผู้โดยสารบางส่วนไปรวมตัวกันที่ อุทยานราชภักดิ์

     ด้านนายบัญญัติ สนิทไชย นายสถานีรถไฟไชยราช เปิดเผยว่า ขบวนรถไฟที่จอดอยู่ไม่ได้เกี่ยวกับการเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ แต่เนื่องจากรถไฟออกเดินทางจากหลังสวนในช่วงเช้าและหัวรถจักรเกิดเสียมาตลอดทาง ต้องจอดซ่อมเป็นระยะ จนมาถึงสถานีรถไฟไชยราชเครื่องได้พังลงจึงต้องจอดยาว ซึ่งได้ประสานไปที่สถานีรถไฟชุมพรให้นำหัวรถจักรมาเปลี่ยนเพื่อให้ขบวนรถไฟออกเดินทางไปสถานีธนบุรีได้ตามปกติ คาดว่าจะสับเปลี่ยนและเดินทางต่อไปได้ช่วงเย็นวันนี้

     ต่อมารายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวแกนนำ และมวลชนมายัง บก.ควบคุมสถานการณ์ กองพลทหารราบที่ 9 ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมายคสช. และพ.อ. บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ ได้ดำเนินการตามกฎหมายให้แกนนำ และมวลชน ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งเป็นการป้องกันข้อครหาว่าทางฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้ทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด เมื่อดำเนินการเสร็จก็ได้ปล่อยตัวแกนนำและมวลชนกลับบ้านทันที ส่วนผู้ที่ไม่มีบัตรประชาชน ทหารได้ประสานพนักงานสอบสวน สภ.พุทธมณฑล, สภ.โพธิ์แก้ว และสภ.สามพราน มาดำเนินการเปรียบเทียบปรับและพิมพ์ลายนิ้วมือทุกคน ก่อนปล่อยตัวกลับ

'ไก่อู'แจงต้องตัดไฟแต่ต้นลม

      ด้านพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ไม่ใช่การตรวจสอบ เพราะเมื่อไปถึงอุทยานราชภักดิ์ก็ไม่พบอะไรจึงถือว่าเป็นเพียงการจัดกิจกรรมเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญ การเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ครั้งนี้พบว่าประชาชนที่ร่วมเดินทางไปในขบวนเดียวกันต่างเบื่อหน่าย ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงจำเป็นต้องควบคุมตัวก่อนถึงอุทยานราชภักดิ์เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม แค่การรวมตัวทางการเมืองเกิน 5 คนก็นับว่าผิดกฎหมายแล้ว แต่หากฝ่ายความมั่นคงนิ่งเฉยให้จัดกิจกรรมได้ กลุ่มเหล่านี้อาจทำผิดกฎหมายมากกว่านี้และอาจถูกลงโทษเป็นการตัดอนาคตกลุ่มนักศึกษา ซึ่งรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดขึ้นการควบคุมตัวไม่ได้มีความรุนแรง เชื่อว่าเป็นเพียงการระงับยับยั้งแค่ระยะหนึ่งอีกไม่นานน่าจะปล่อยตัว

    เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่าการดำเนินการของฝ่ายความมั่นคงเป็นการละเมิดสิทธิ พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ไม่ใช่การละเมิดสิทธิเสรีภาพแต่กิจกรรมนี้สร้างความปั่นป่วนและสับสนทางการเมือง สิ่งที่คนไทยยอมรับที่ผ่านมาคือรัฐบาลกำลังหยุดความขัดแย้ง แต่กิจกรรมนี้ถือว่าเป็นอิสระที่เกินเลยของสังคมจึงไม่ต้องการให้ประเทศกลับสู่วังวนเดิมอีก ขอให้ทุกฝ่าย ประชาชนและสื่อมวลชนช่วยกันอย่าตกเป็นเครื่องมือของใคร

'วินธัย'ระบุคนหน้าเดิมๆ

    ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มบุคคล ที่ออกมาเคลื่อนไหวเป็นคนหน้าเดิมๆ ที่ร่วมคณะไปในขบวนรถไฟวันนี้ แค่การเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ไม่ใช่วิธีการที่จะตรวจสอบเรื่องการทุจริตได้ อีกทั้งนักศึกษาอาจจะไม่มีความรู้และข้อมูลตรวจสอบใดๆ ได้ โดยเฉพาะด้านงบประมาณดังนั้นควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่ตรวจสอบ ข้อเท็จจริงอยู่

     "ที่สำคัญคือเจ้าหน้าที่เป็นห่วงว่าหากปล่อยให้ไปถึงสถานที่แล้ว อาจมีภาพของความขัดแย้งกับประชาชนในพื้นที่ เพราะมีการข่าวแจ้งเตือนว่ามีประชาชนในพื้นที่บางส่วนไม่พอใจ เพราะพวกเขามีความภาคภูมิใจในอุทยานราชภักดิ์ ที่มีประชาชนหลั่งไหลมาเที่ยวชมกันจำนวนมาก เพราะอาจเป็นภาพ ที่ไม่สวยงามหากมีประชาชนบางส่วนอาจ ขัดแย้งกับนักศึกษาในพื้นที่อุทยานต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์บูรพกษัตริย์ ทั้ง 7 พระองค์

     เชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ใช่เฉพาะ เจ้าหน้าที่เท่านั้น ที่ไม่ต้องการให้ใครมาใช้สถานที่นี้ผิดจากวัตถุประสงค์ที่ต้องการสร้างแรงยึดเหนี่ยวผูกพันสถาบัน กับประเทศไทยหรือคนไทย เพื่อให้คนทั่วไปได้มาเคารพ สักการะ สถานที่แห่งนี้มีความหมายต่อคนไทยทั้งประเทศ เกิดจากแรงศรัทธาของประชาชนร่วมกับหน่วยงานรัฐ จึงอาจไม่เหมาะสมที่จะมีกลุ่มหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดจะมาดำเนินกิจกรรมที่ผิดวัตถุประสงค์ ขณะนี้สังคมส่วนใหญ่มองว่าเริ่มมีความพยายามของคนบางกลุ่มจะใช้พื้นที่ของอุทยานเป็นเครื่องมือทางการแสดงออก โดยเฉพาะกรณีถ้ามีบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหว มาแสดงออกถึงความขัดแย้งกันบนพื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ยิ่งดูไม่เหมาะใหญ่" โฆษกคสช.กล่าว

กลัวเผชิญหน้ากลุ่มต่อต้าน

      พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดูแลสถานการณ์ให้เกิดความสงบเรียบร้อยมากที่สุด กรณีการให้เหตุผลการไปอุทยานยังดูไม่ตอบโจทย์อย่างแท้จริง เชื่อว่าเจ้าหน้าที่คงต้องใช้ดุลพินิจโดยละเอียดก่อนตัดสินใจ ดำเนินการโดยเฉพาะพยายามดูว่าเจตนาที่แท้จริงของกลุ่มนั้นเป็นอย่างไร ถ้าพิจารณาจากตัวบุคคลในกลุ่มส่วนใหญ่เป็นนักเคลื่อนไหวที่มีประวัติมาแล้วทั้งนั้น ประกอบกับในหลายๆ องค์ประกอบค่อนข้างมีความชัดเจนว่าอาจมีเป้าหมายอื่นแอบแฝงได้ ยืนยันระบบและกระบวนการตรวจสอบข้อสงสัยต่างๆ กำลังดำเนินไปอย่างเป็นระบบ ด้วยหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ ถ้าต้องการข้อมูลข้อเท็จจริง มีช่องทางอื่นที่เหมาะสมกว่า และไม่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายอีกด้วย การดำเนินการของ เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติอย่างสมดุลเหมาะสม เพื่อไม่ให้ใครหยิบไปใช้ขยายผลในมุมที่ไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน เพราะเชื่อว่ามีคนบางกลุ่มพยายามฉกฉวยโอกาสนี้ไปใช้ขยายผลตาม มุมต่างๆ ที่ตัวเองต้องการ ไม่อยากให้เกิดการเผชิญหน้ากันของประชาชน เพราะมีกลุ่มที่ ไม่เห็นด้วยมีแนวโน้มจะไปแสดงออกเชิงต่อต้านกลุ่มนักศึกษาด้วยเช่นกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ ไม่ได้ควบคุมไปกักขังเป็นการควบคุมสกัด ไม่ให้ไปถึงที่หมายเท่านั้น และจะได้นำส่งให้กลับบ้านต่อไป

      ส่วนที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงการดำเนินโครงการก่อสร้างอุทยาน ราชภักดิ์ โดยมีพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้ทยอยเชิญคณะกรรมการที่รับผิดชอบหลักดำเนินโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ มาให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการรวบรวมหลักฐาน เอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งขอผลการประชุมของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการและคณะทำงานทุกคณะ ซึ่งมีมากกว่า 20 คณะมาประกอบการพิจารณาร่วมกันตลอดทั้งวันหยุดที่ผ่านมา เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงปรากฏแก่สังคมร่วมกันโดยเร็ว

      "ในสัปดาห์ถัดไปคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงจะเชิญคณะกรรมการที่รับผิดชอบด้านการบริหารจัดการงบประมาณ ในทุกกลุ่มงบประมาณที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เพื่อสร้างความกระจ่างในประเด็นต่างๆ ที่เป็นข้อกังขาของสังคมต่อไป ที่ผ่านมากรรมการและอดีตกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการทุกท่านที่ได้รับเชิญ ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการเดินทางมาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ร่วมกันด้วยความเต็มใจ จึงขอเวลาให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้ทำงานอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงร่วมกัน ในที่สุด" พล.ต.คงชีพกล่าว

ทูตอังกฤษติงการสกัดกั้น

      วันเดียวกัน นายมาร์ก เคนต์ เอกอัคร ราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ได้เขียนข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัว @KetBKK ระบุว่า "ผมเคยหวังไว้ว่า การที่รัฐบาลอนุญาตให้มีการชุมนุมหน้าสถานทูตสหรัฐถึง 200 คน นั้นอาจแสดงให้เห็นถึงการผ่อนคลายมาตรการจำกัดเสรีภาพในการชุมนุมเสียอีก" พร้อมกันนี้ นายเคนต์ได้รีทวีตข่าวการควบคุมตัวสมาชิกกลุ่มประชาธิปไตยศึกษาและประชาชนจำนวนหนึ่งขณะร่วมเดินทางโดยรถไฟขบวน 255 ธนบุรี-หลังสวนไปยัง อุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่ออ่านแถลงการณ์ชี้แจงข้อมูลโครงการจัดสร้าง อุทยานราชภักดิ์อย่างไม่โปร่งใสด้วย


ปล่อยตัว - ทหารบก.ควบคุมสถานการณ์ พล.ร.9 ภายในพุทธมณฑล จ.นครปฐม ปล่อยตัวประชาชนที่โดยสารรถไฟไปตรวจสอบทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์ และ ถูกควบคุมตัวระหว่างเดินทางที่สถานีบ้านโป่ง กลับบ้านพัก เมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 ธ.ค.

       ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. กล่าวในรายการมองไกลผ่านยูทูบ โดยโต้ตอบ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นโฆษกรัฐบาลที่กล่าวหาใส่ร้ายประชาชนที่จะเดินทางไปตรวจสอบการสร้างอุทยานราชภักดิ์ คนแอบอ้างเบื้องสูงมาทุจริตควรถูกประณามมากกว่าคนที่เรียกร้องให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง คนที่ทำให้สถาบันแปดเปื้อนมัวหมองไม่ใช่คนไทยที่เรียกร้องให้ตรวจสอบ เพราะไม่สบายใจกับการทุจริตแต่เป็นคนแอบอ้าง เบื้องสูงไปทำทุจริต ซึ่งโฆษกรัฐบาลไม่เคยประณามพวกคนทุจริตกลับมากล่าวหาใส่ร้ายคนให้ตรวจสอบเป็นคนผิด สร้างความวุ่นวายทั้งๆ ไม่ได้ชุมนุมทางการเมืองใดๆ

      "หน้าที่คุณคือการทำความจริงให้ปรากฏ ผู้บังคับบัญชาของคุณก็ยอมรับแล้ว กรณีคุณจะมักง่ายแบบเดิมๆ อีกไม่ได้คุณเป็นกระบอกเสียงรัฐบาลที่มักง่ายมาก การมีอำนาจไม่ใช่จะไปใส่ร้ายคนอื่นได้ง่ายๆ ว่า ใครเดินทางไปราชภักดิ์เป็นคนคิดร้ายทำให้สถานที่สำคัญแปดเปื้อนมัวหมอง คนทุจริตต่างหากที่ทำให้แปดเปื้อนการสร้างอุทยานราชภักดิ์เป็นแนวคิดน่ายกย่องสรรเสริญ กองทัพบกขอพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้าง พร้อมกับพระราชทานชื่อว่า อุทยานราชภักดิ์ แปลว่า อุทยานแห่งความจงรักภักดี และคณะรัฐมนตรี อนุมัติงบประมาณเบื้องต้นในการจัดสร้าง แล้วกองทัพบกเปิดบัญชีบริจาคขอเรี่ยไรสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน โดยเรื่องราวที่เกิดขึ้นน่าจบลงอย่างง่ายดาย ด้วยการเปิดบัญชีรายรับ-รายจ่ายของงบประมาณแผ่นดินโดยตรงและอ้อม รวมถึงเงินบริจาคอย่างตรงไปตรงมาให้สังคมได้รับรู้ชัดเจนเท่านั้น" นายจตุพรกล่าว

'จตุพร'สวนกลับไก่อู

      นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ความจริงแล้วการทุจริตเริ่มจากกลุ่มคนได้หาประโยชน์จากกิจกรรมปั่นเพื่อแม่ถึงปั่นเพื่อพ่อ และลามไปสู่ปั่นเพื่อราชภักดิ์ล้วนเป็นขบวนการเดียวกัน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับประชาชนส่วนการสกัดไม่ให้เดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ รัฐบาลกำลังปกป้องสถาบันหรือปกป้องตัวเอง พล.ต. สรรเสริญควรถามด้วยว่าคนไทยต้องการให้ เกิดการโกงที่ราชภักดิ์หรือไม่ แต่กลับมาอ้าง คนไทยวุ่นวายและทำไมไม่ทำความจริงให้ปรากฏ การไปสกัดกั้นยิ่งทำให้เกิดเป็นปัญหาบานปลายลุกลามใหญ่โต โดยใส่ร้ายเป็นฝ่ายสร้างความปั่นป่วน แต่พุทธอิสระที่ชุมนุมคนไปต่อต้านหน้าสถานทูตสหรัฐกลับไม่ถูกประณาม แล้วยังนัดแกนนำไปศาลากลางจังหวัด ไปสถานกงสุล ซึ่งไม่สง่างามไร้เกียรติและไม่เป็นผลดีกับประเทศ

      "ขณะนี้ตนและนายณัฐวุฒิ กำลังรวบรวมเรียบเรียงข้อมูลการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ เพื่อชี้แจงต่อพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ซึ่งจะประสานงานเพื่อนัดกันอีกครั้งในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ ข้อมูลที่จะนำไปชี้แจงนั้นมีหลายประเด็น ซึ่งต้องประสานความร่วมมือทั้งกลไกของรัฐ ภาคประชาชน และองค์กรต่างๆ โดยมีหลายประเด็นพบว่าผิดปกติ เพราะการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์หากมีเจตนาที่สุจริตจริง กลไกของรัฐก็ควรจะเปิดเผยข้อมูลว่าได้ใช้งบประมาณอย่างไร จะเห็นว่ามีการใช้งบประมาณของรัฐบาลทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะหน่วยงานต่างๆ ของรัฐนำงบประมาณไปบริจาคให้กับโครงการนี้จำนวนมาก" นายจตุพรกล่าว

ไม่เชื่อบิ๊กโด่งลาออกแล้วจะยุติ

      นายจตุพร กล่าวต่อว่า หากไม่เกิดกรณี การแอบอ้างเบื้องสูง การทุจริตในโครงการ ดังกล่าวก็จะไม่มีใครกล้าเข้าไปตรวจสอบ กรณีนี้จึงเป็นการขยายผลจากการสอบสวน ผู้ที่แอบอ้างเบื้องสูง ช่วงแรกรัฐบาลและกองทัพไม่เคยชี้แจงดังนั้นยิ่งปิดกั้นการตรวจสอบก็ยิ่งเป็นปัญหาของรัฐบาลมากเท่านั้น การแก้ไขปัญหาของรัฐบาล เช่นการควบคุมตัวกลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตยศึกษาเมื่อเช้า ที่สถานีรถไฟบ้านโป่งและปิดทำการอุทยาน ราชภักดิ์ 1 วัน อ้างว่าปิดเพื่อปรับปรุงยิ่งสร้างความสงสัยให้ประชาชนมากขึ้น ในเมื่ออุทยาน ราชภักดิ์เพิ่งเปิดเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมาซึ่งยังถือว่าใหม่นัก แล้วเหตุใดจึงต้องปิดปรับปรุงรวดเร็วขนาดนั้น

       "ข้อมูลที่ได้รวบรวมมานั้นยอมรับว่าไม่ครบถ้วน 100% เพราะมีหลายเรื่องที่รัฐบาลพยายามปกปิด ไม่เปิดเผย ข้อมูลต่างๆ เป็นการรวบรวมจากหลายฝ่าย ซึ่งหากรัฐบาลและกองทัพเปิดเผยบัญชีทั้งรายรับรายจ่ายอย่างตรงไปตรงมา จากนั้นก็ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา เชื่อว่าประชาชนจะรับได้ วันนี้ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องปกปิดรายรับรายจ่ายเพราะไม่ใช่เรื่องที่จะมาปกปิด เพราะประชาชนไม่สบายใจ เนื่องจากไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนทุจริตในโครงการลักษณะนี้ และไม่เชื่อว่าหากพล.อ.อุดมเดชลาออกแล้วจะยุติปัญหาได้ เพราะเรื่องนี้จะยุติได้ก็ต่อเมื่อมีผลสอบออกมาอย่างตรงไปตรงมา เป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน" ประธานนปช.เผย

เรียกร้องปล่อยตัวทั้งหมด

       วันเดียวกัน ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ พร้อมด้วยเครือข่ายนักศึกษาอีก 8 องค์กร ได้ออกแถลงการณ์ว่า ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดกิจกรรมดังกล่าว มีความเห็นว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งในหลายๆ ครั้งที่ระบอบเผด็จการทหารของคสช. ได้ละเมิดสิทธิลิดรอนเสรีภาพของประชาชนในครั้งนี้ ประชาชนได้ใช้สิทธิในการตรวจสอบการใช้งบประมาณของรัฐบาล งบประมาณจากภาษีที่พวกเขายินยอมสละให้เพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม มิใช่เพื่อเข้ากระเป๋าของคนเพียงบางกลุ่ม และเหตุการณ์ที่กล่าวมาข้างต้นคือสิ่งที่พวกเขาได้รับจากรัฐบาล คสช.

       ยิ่งไปกว่านั้นการกระทำดังกล่าว ยิ่งเป็น การส่อให้เห็นว่ามีการทุจริตเบื้องหลังโครงการอุทยานราชภักดิ์จริง ยิ่งปิดกั้น ก็เท่ากับยิ่งเปิดเผยว่าเผด็จการทหารนั้นโกงกิน และที่อ้างว่ารัฐประหารเพื่อปราบคอร์รัปชั่นนั้นเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ กิจกรรมในครั้งนี้จึงไม่ได้ประสบความล้มเหลว หากแต่เป็นชัยชนะของประชาชนที่ได้ลอกคราบคนดี เปิดโปงธาตุแท้ของเผด็จการทหารให้เป็นที่ประจักษ์มากยิ่งขึ้น จึงขอเรียกร้องให้ทหารปล่อยตัวประชาชนผู้จัดและผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนโดยปราศจากเงื่อนไขภายในวันเดียวกันนี้ หากไม่ยอมปฏิบัติตาม เราจะดำเนินมาตรการเพื่อกดดันให้ถึงที่สุด และเราจะไม่หยุดการตรวจสอบการทุจริตแต่เพียง เท่านี้ เราจะขอตรวจสอบโครงการอุทยาน ราชภักดิ์ต่อไป จนกว่าจะได้รู้ทุกข้อเท็จจริง ที่เผด็จการทหารพยายามปิดบังจากสายตาประชาชน

      ขณะที่เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมืองได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ว่า 1.ขอให้คสช.และรัฐบาล ปล่อยตัวผู้ถูกจับกุม ทุกคน โดยไม่มีเงื่อนไข เนื่องจากประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ ตามหลักสิทธิและเสรีภาพที่พลเมืองไทยสามารถเดินทางในราชอาณาจักรไทยได้อย่างเสรี และการเดินทางโดยทางรถไฟของนักศึกษา ก็มิได้ละเมิดสิทธิของประชาชน ผู้อื่นแต่อย่างใด ตรงกันข้าม การที่ตำรวจ เข้าสกัดขบวนรถไฟและตัดตู้โดยสารต่างหากที่กระทบต่อการเดินทางของประชาชนคนอื่นๆ ในขบวนรถเดียวกัน

      2. การจัดกิจกรรม "นั่งรถไฟ ไปอุทยาน ราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง" เป็นเพียงการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เพราะประชาชนมีสิทธิที่จะตั้งข้อสงสัยต่อการทุจริตในโครงการอุทยานราชภักดิ์ ส่วนรัฐบาลและกองทัพบกมีหน้าที่ชี้แจงข้อสงสัยต่อประชาชน และสังคมจะได้ใช้วิจารญาณว่า คำชี้แจงและข้อมูลของรัฐบาลนั้นมีน้ำหนัก น่าเชื่อถือเพียงใด เครือข่ายนักวิชาการฯ ขอให้ คสช. และรัฐบาลตระหนักว่า จะต้องเอาชนะความเคลือบแคลงสงสัยของประชาชนด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช่ด้วยการข่มขู่ คุกคาม และใช้ความรุนแรง

      3. เครือข่ายนักวิชาการฯตระหนักดีว่า ย่อมมีประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดกิจกรรมของนักศึกษา จึงขอเสนอแนะให้ได้โปรดแสดงออกอย่างสันติ ไม่ละเมิดสิทธิ ไม่ทำร้าย และไม่ใช้ความรุนแรงต่อผู้ที่เห็นแตกต่าง เป็นเรื่องปกติที่ในสังคมย่อมมีผู้ที่เห็นแตกต่าง ดังนั้น การแลกเปลี่ยนข้อมูลและความเห็นอย่างสันติ คือแนวทางของการอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่ด้วยการใช้ความรุนแรง

กสม.เผยต้องดูข้อเท็จจริง

      ส่วนนายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงกรณีทหารควบคุมตัวกลุ่มนักศึกษาว่า เรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นร้อน ซึ่งกสม.ก็มีการติดตามและพิจารณาเรื่องนี้อยู่ โดยในการประชุมคณะกรรมการกสม.วันที่ 8 ธ.ค.มีโอกาสสูงที่จะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกันในที่ประชุมเป็นการภายใน นอกเหนือจากวาระการประชุมตามปกติ และหากการหารือมีข้อสรุปที่ชัดเจนก็จะแจ้งสื่อมวลชนในภายหลัง

     ผู้สื่อข่าวถามว่าหากการหารือได้ข้อสรุปจะมีมาตรการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างไร นายวัสกล่าวว่า ต้องดูข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก่อนว่ามีการควบคุมตัวอย่างไร ละเมิดสิทธิในด้านไหน ส่วนมาตรการดำเนินการก็จะเป็นไปตามอำนาจที่กสม.มีอยู่ตามกฎหมาย

แนะรัฐต้องทำความเข้าใจ

      ส่วนนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยว่า เห็นใจทั้ง 2 ฝ่ายทั้งทหารที่ต้องดูแลความมั่นคงความสงบเรียบร้อย เนื่องจากเราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติทำอะไรก็ห่วงกังวลไปถึงเรื่องความมั่นคง นักศึกษาต้องการค้นหาความจริงให้กับสังคมและทำความจริงให้ปรากฏ เพียงแต่ยืนกันคนละจุดเท่านั้น ไม่อยากให้จับตัวไปกักขังแค่ชวนพูดคุยปรับทัศนคติให้เข้าใจแล้วก็ปล่อยตัวไป ส่วนการปิดการเข้าอุทยานราชภักดิ์กะทันหันโดยอ้างเหตุผลต่างๆ นั้น ทุกอย่างย่อมมีเหตุผลมี คำตอบอยู่ในตัวเองจึงอยู่ที่ว่าชี้แจงไปแล้วสังคมจะเชื่อหรือไม่ คิดว่าสิ่งที่กระทำไปนั้นสร้างความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด หากไม่มีการทำความเข้าใจต่อนักศึกษาหรือต่อสังคมให้เข้าใจโดยเร็วแล้ว เรื่องนิดเดียวอาจถูกขยายประเด็นให้แผ่วงกว้างไปมากขึ้น

       ด้านนายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทร ปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นห่วงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาที่ถูกควบคุมตัวระหว่างเดินทางไปอุทยานราช ภักดิ์ และเป็นห่วงว่าถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯแก้ปัญหาความขัดแย้งและเดินหน้าสู่โรดแม็ปไม่ได้ ก็อาจจะใช้โมเดลเหตุการณ์เหมือนสมัยคณะปฏิวัติของพล.ร.อ. สงัด ชลออยู่ เมื่อปี 2520 มาปฏิวัติตัวเองได้ดังนั้น รัฐบาลอย่าให้มวลชนฝ่ายตรงข้ามมาปะทะกับกลุ่มนักศึกษา แต่รัฐบาลต้องทำความเข้าใจกับคนเหล่านั้นแล้วเปิดทาง ให้ทุกกลุ่มได้เดินทางไปที่อุทยานราชภักดิ์ รัฐบาลต้องปล่อยกลุ่มนักศึกษาที่ถูกควบคุมตัว ถ้าจับตัวกลุ่มนักศึกษาจะทำให้รัฐบาล เสียหายทางการเมืองได้

'วิทยา'ระบุแค่สร้างกระแส

      ขณะที่นายวิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และอดีตแกนนำกปปส. กล่าวว่า การนัดจัดกิจกรรม "นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง" ของกลุ่มประชาธิปไตยศึกษานั้น ต้องการเกาะกระแสข่าวการทุจริตของ อุทยานฯ เท่านั้น ต้องพิจารณาด้วยว่ากลุ่มดังกล่าวเริ่มก่อตัวขึ้นมาในยุครัฐบาลพล.อ. ประยุทธ์ เพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับบางกลุ่มที่จะก่อกระแส ให้กับกลุ่มทุนสามานย์ที่กุมการเลือกตั้งเดิมหรือไม่ เพราะถ้าเป็นกลุ่มที่ต่อสู้เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นมาก่อนในอดีตก็ถือว่าเป็นกิจกรรมตามอุดมการณ์ของกลุ่ม แต่ตนเห็นว่ากลุ่มประชาธิปไตยศึกษาไม่เคยต่อสู้เกี่ยวกับเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นใดๆ ในสมัยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หากกลุ่มประชา ธิปไตยศึกษา ต้องการชี้การทุจริตของรัฐบาลควรนำข้อมูลไปให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ อาทิ ป.ป.ช.หรือกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นช่องทางที่สามารถมีส่วนร่วมในการส่องกลโกงต่างๆ

      "การทุจริตเงินของรัฐกว่า 60 ล้านบาท กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่จะล้มรัฐบาลในขณะนี้ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทุจริตโดนจับคาสภาเป็นพันล้านกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ผมอยากเห็นคนหนุ่มสาวมีอุดมคติทางการเมือง แต่ไม่อยากให้ทำกิจกรรมเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้แก่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เรื่องนี้ มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับกลุ่ม ผู้ประท้วง จึงเห็นว่าเรื่องนี้ไม่สามารถสร้างกระแสได้มากเท่าที่ควร" นายวิทยากล่าว

สุเทพ ชี้ดิสเครดิตรัฐบาล

     ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย กล่าวถึงโครงการอุทยานราชภักดิ์ว่า เชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศเข้าใจสถานการณ์ดีว่า ฝ่ายที่ต้องการบ่อนทำลายความมั่นคง ทำลายความศรัทธาที่มีต่อรัฐบาล หยิบยกเอาประเด็นเรื่องนี้มาขยายให้ดูเป็นเรื่องใหญ่ ความจริงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ทราบว่าใช้งบประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเหมือนโครงการรับจำนำข้าว โครงการรถยนต์คันแรก โครงการบ้านเอื้ออาทร อย่างไรก็ตามการทุจริตจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ก็เป็นเรื่องทั้งนั้น แต่เขาเอาเรื่องมาขยายผลเหมือนใหญ่กว่าโครงการรับจำนำข้าว ที่สื่อนำเสนอทุกวันอาจจะกลบเรื่องเก่า แต่ประชาชนต้องตั้งหลักทำใจว่าในที่สุด ต้องสะสางให้เห็นข้อเท็จจริงใครผิดใครถูกก็ว่าไปตามนั้น หรือการที่มีคนบางพวกบางกลุ่ม นำเรื่องดังกล่าวมาล้มรัฐบาลคสช. หรือมาทำลายความเชื่อถือของคสช. ตนยืนยันว่า ไม่เป็นผลมวลมหาประชาชนและคนไทยทั้งหลาย ไม่ตกลงสู่กับดักหลุมพรางนี้อย่างแน่นอนเพราะมองออกว่าอะไรเป็นอะไร

      เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม รับผิดชอบ นายสุเทพกล่าวว่า ตนและพล.อ.อุดมเดช ไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวไม่เคยสนิทสนม ไม่เคยใกล้ชิดกันเพราะขึ้นมาเป็นผบ.ทบ. ในช่วงที่ตนไม่ได้อยู่ในวงการเมืองแล้ว ตนเห็นใจท่านเพราะขณะนี้ถูกสังคมกดดันกล่าวหา ว่าต้องลาออกหรือรับผิดชอบตนรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม เพราะยังไม่ทราบว่าโครงการดังกล่าว มีการทุจริตคอร์รัปชั่นจริงหรือไม่และไม่ทราบว่าใครเป็นคนทุจริตหรือ พล.อ.อุดมเดช รู้เห็นหรือไม่รีบสรุปไปเล่นงานก่อน ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมหากตรวจสอบแล้วพบว่า พล.อ. อุดมเดช มีความผิดจริงก็ต้องปลดออกจากตำแหน่ง จะต้องถูกดำเนินคดีแต่ทางที่ดีประชาชนก็ต้องรอดูผลการตรวจสอบต่อไป

        เมื่อถามต่อว่า กรณีที่มีนักศึกษาจัดกิจกรรม "นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง" นายสุเทพกล่าวว่าไม่ทราบว่านักศึกษามีจิตเจตนาอย่างไร คิดเอง หรือใครวางแผนให้แต่มองในแง่ดีในฐานะที่เป็น คนหนุ่มคนสาวบางทียังมองโลกแบบสดใส อาจไม่ได้มองตามความเป็นจริงซึ่งเราเข้าใจ ตนคิดว่าฝ่ายทหารก็ปฏิบัติกับนักศึกษาด้วยความนุ่มนวลน่าชื่นชม ขอบคุณฝ่ายทหาร ที่ปฏิบัติอย่างระมัดระวัง

สอบแล้วปล่อยกลับหมด

      รายงานข่าวแจ้งว่า แหล่งข่าวจากคสช. เผยว่า เงื่อนไขการปล่อยตัวในครั้งนี้ เป็นเงื่อนไขเดียวกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นเงื่อนไขแนบท้าย ประกาศคสช. โดยในเอกสารมีใจความว่า "ข้าพเจ้าได้รับอนุญาตจากทางราชการให้กลับภูมิลำเนา เพื่อดำเนินชีวิตตามปกติแล้ว และระหว่างที่ถูกกักตัวในหน่วยได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ไม่ได้ถูกทำร้ายหรือถูกใช้กำลังบังคับ ขู่เข็ญ หลอกลวง ทรมาน ให้ คำสัญญาหรือกระทำโดยมิชอบด้วยประการใดๆ และทรัพย์สินต่างๆ ที่ได้นำติดตัวมา ระหว่างถูกกักตัวได้รับคืนครบถ้วนทั้งหมดแล้ว ข้าพเจ้ารับทราบและเข้าใจคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 3/2558 ลงวันที่ 1 เม.ย.2558 เรื่องการกำหนดเงื่อนไขข้อ 11 จึงกำหนดวิธีการเพื่อความปลอดภัยตามมาตรา 39 (2 ) ถึง (5) แห่งประมวลกฎหมายอาญา จึงขอปฏิบัติตามเงื่อนไขดังนี้ ข้าพเจ้าจะละเว้นการเคลื่อนไหวหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ และจะ ไม่สร้างความขัดแย้งหรือทำให้เกิดความ ไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในสังคม รวมทั้งแสดงความเห็นไปในทางต่อต้านการปฏิบัติงานของ รัฐบาลและคสช. หากข้าพเจ้าฝ่าฝืนเงื่อนไขดังกล่าวหรือดำเนินการช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมทางการเมืองและข้อกำหนดในเงื่อนไขข้าพเจ้ายินยอมที่จะถูกดำเนินคดีทันทีและยินยอมถูกระงับธุรกรรมทางการเงิน"

ต่อมาเวลา 20.50 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ที่ถูกควบคุมตัวได้รับการปล่อยตัวทั้งหมดแล้ว

 

'จ่านิว'ไปไม่ถึง'ราชภักดิ์' ตัดโบกี้สกัด คุม 36 นศ.-มวลชนเข้าค่าย เซ็นเงื่อนไขก่อนปล่อย ทหารปิดซ่อมอุทยานฯ ม็อบต้านโผล่ตะโกนไล่ ทูตผู้ดีนึกว่าไทยเสรีแล้ว


สกัด"จ่านิว" - ทหารควบคุมตัวนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ ?จ่านิว? นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กลุ่มประชาธิปไตยศึกษา นำขึ้นรถบัสไปยังค่ายทหารแห่งหนึ่ง ระหว่างนั่งรถไฟร่วมกับเพื่อนนักศึกษาและประชาชนถึงสถานีบ้านโป่ง ขณะจะเดินทางไปตรวจสอบการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม

 

ปล่อยแล้ว - นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยศึกษาและประชาชน ซึ่งถูกทหารควบคุมตัวระหว่างเดินทางไปตรวจสอบความไม่โปร่งใสการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ และถูกนำตัวไปยัง บก.ควบคุมสถานการณ์ที่พุทธมณฑล พล.ร.9 ทั้งหมดได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระในช่วงค่ำวันที่ 7 ธันวาคม

 

ปิดชั่วคราว - เจ้าหน้าที่นำแผงเหล็กมาปิดกั้นทางเข้าพื้นที่อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ งดเข้าชมชั่วคราว โดยให้เหตุผลการปรับปรุงถนน ระบบไฟฟ้า ประปา ไม่เกี่ยวกับกรณีมีกลุ่มนักศึกษาจะเข้ามาเคลื่อนไหวแต่อย่างใด เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม

     'จ่านิว-กลุ่มประชาธิปไตยศึกษา'นั่งรถไฟไปได้แค่บ้านโป่ง ไม่ถึงอุทยานราชภักดิ์ ทหารสกัด-ตัดโบกี้ คุมตัวไปพูดคุย-ทำข้อตกลงที่ บก.พุทธมณฑล

@ ตร.ตรึงเข้มสถานีรถไฟธนบุรี

     จากกรณีที่ "จ่านิว" หรือนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักศึกษาธรรมศาสตร์ กลุ่มประชาธิปไตยศึกษา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ว่า เวลา 07.00 น. วันที่ 7 ธันวาคม จะนั่งรถไฟไปหัวหินเพื่อทวงถามความโปร่งใสในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ โดยจะนั่งขบวน 255 ธนบุรี-หลังสวน มีกำหนดออกจากชานชาลาเวลา 07.30 น. นั้น

      เมื่อเวลา 06.40 น. วันที่ 7 ธันวาคม ที่สถานีรถไฟธนบุรี หรือสถานีรถไฟบางกอกน้อย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองตำรวจรถไฟ ตำรวจนครบาล เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด พร้อมสุนัขตำรวจ 2 ตัว และผู้สื่อข่าวจำนวนมากมาเฝ้ารอทำข่าว 

      นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า ขบวนรถ 255 ปกติมี 7 โบกี้ แต่วันเดียวกันนี้เพิ่มเป็น 9 โบกี้เนื่องจากคณะนักเรียนจาก จ.ชุมพรจองไว้ และไม่มีนโยบายห้ามนักศึกษานั่งรถไฟไปหัวหิน ขบวน 255 ธนบุรี-หลังสวน จะออกตามกำหนดเวลาปกติ คือ 07.30 น.

     พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น.กล่าวว่า ได้รับมอบหมายให้มาดูความปลอดภัยความสงบเรียบร้อย ได้ประสานกับกลุ่มเคลื่อนไหวว่าสามารถเดินทางได้ตามปกติ แต่ให้ดำเนินการภายใต้กฎหมาย 

@ เพื่อนให้กำลังใจ-ร่วมขบวนด้วย

     ต่อมาเวลา 07.00 น. นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ และนายศิวพร อินทรักษ์ นักศึกษาปี 1 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เดินทางมาให้กำลังใจ โดยถือแผ่นกระดาษเขียนว่า #ทีมจ่านิว และ We shall overcome นอกจากนี้นายอานนท์ นำภา ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนร่วมเดินทางด้วย

      นายอานนท์ กล่าวว่า จะร่วมนั่งรถไฟไปกับจ่านิว แต่ไปไม่ถึงหัวหิน เพราะจะแวะเยี่ยมแม่ที่ราชบุรี 

     นายเนติวิทย์ กล่าวว่า มาให้กำลังใจจ่านิว เพราะแม่เขาไม่ได้ทำผิดอะไรก็ยังถูกทหารควบคุมตัวไปสอบสวน

      นายศิวพร กล่าวว่า เห็นจ่านิวโพสต์เฟซบุ๊กชวนเพื่อนไปเที่ยวอุทยานราชภักดิ์จึงมาให้กำลังใจ

@ 'จ่านิว'โดนสกัดเกือบตกขบวน

     เวลา 07.15 น. กลุ่มนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) 4 คนเดินทางมาถึงสถานีรถไฟบางกอกน้อย ใส่เสื้อสีดำที่หน้าอกเป็นรูปหัวใจสีเหลือง ภายในเขียนข้อความ coup=corruption ห้อยนกหวีด ที่มีสายคล้องเป็นลายธงชาติ เมื่อมาถึงแล้วเป่านกหวีดลั่นสถานี ก่อนจะซื้อตั๋วและขึ้นไปบนโบกี้ขบวนที่ 255

    นายปิยรัฐ จงเทพ นักศึกษาปี 3 คณะนิติศาสตร์ มธ.กล่าวว่า ใช้ธงชาติเพราะคิดว่าจะปลอดภัย เพราะถ้าใส่แล้วปิดทำเนียบได้ ปิดถนนราชดำเนินได้ คงไม่ถูกจับ ส่วนนกหวีดเป็นสัญลักษณ์การปลุกมวลชนต่อต้านคอร์รัปชั่น เคยมีคนใช้กันทั่วประเทศ ครั้งนี้ใช้คงไม่ผิด 

    จากนั้นเวลา 07.28 น. จ่านิวเดินทางมาถึงสถานีรถไฟธนบุรี โดยสวมเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้ม กางเกงสีดำ มีสีหน้าเคร่งเครียด โดยให้สัมภาษณ์สั้นๆ ว่า เดินทางมาถึงช้าเพราะมีเจ้าหน้าที่สกัดขบวน จากนั้นเดินขึ้นโบกี้รถไฟทันที ก่อนที่ขบวนรถ 255 จะออก 07.30 น. ตรงเวลา มีมวลชนที่มาให้กำลังใจเดินทางไปด้วย โดยมีผู้สื่อข่าวและช่างภาพจำนวนมากร่วมไปด้วย

@ สกัดขบวนรถไฟ'จ่านิว'ที่บ้านโป่ง

      เมื่อเวลา 09.30 น. ที่สถานีรถไฟบ้านโป่ง จ.ราชบุรี ขณะที่กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยศึกษาได้เดินมาถึง มีเจ้าหน้าที่ทหารสังกัดจังหวัดทหารบกราชบุรี (จทบ.รบ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี และสารวัตรทหารมาตรึงกำลังอย่างแน่นหนา เพื่อเจรจากับแกนนำกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยศึกษาไม่ให้เดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ ต่อมาสารวัตรทหารคุมตัวนายอานนท์ นำภา ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และ น.ส.ชนกนันท์ รวมทรัพย์ นักศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปที่ห้องประชุมของสถานีรถไฟ 

      "นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว กล่าวว่า ขอให้มีการเจรจาเพื่อให้ปล่อยตัวทนายอานนท์ และพวกออกมาก่อน ส่วนพวกเราจะเดินทางต่อ เพื่อไม่ให้ประชาชนที่โดยสารมาด้วยเดือดร้อน อีกทั้งการจัดกิจการของพวกเราก็ไม่ได้ผิดกฎหมาย ทั้งยังมีเสรีภาพ เนื่องจากรัฐธรรมนูญมาตรา 4 ระบุไว้"

@ ตัดขบวนรถไฟ-คุมแกนนำคุย

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟ ตำรวจ และทหารประสานงานกัน โดยมีการสับเปลี่ยนหัวรถจักร และแยกโบกี้ขบวนที่แกนนำโดยสาร ออกจากโบกี้ของผู้โดยสารทั่วไป เพื่อให้ขบวนรถไฟเดินทางต่อไปได้ 

      ต่อมาเจ้าหน้าที่ทยอยเข้าคุมตัวจ่านิว พร้อมกลุ่มนักศึกษา รวมถึงประชาชนที่ร่วมเดินทางมา 36 คน ออกจากโบกี้ ไปยังห้องประชุมสถานีรถไฟบ้านโป่ง ขณะที่มีชาวบ้านมาสังเกตการณ์ พร้อมตะโกนโห่ไล่กลุ่มนักศึกษาด้วยความไม่พอใจ เจ้าหน้าที่ต้องตรึงกำลังอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวาย 

     จากนั้นนายสุรพล แสวงศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมนายธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ทหารชั้นผู้ใหญ่จากมณฑลทหารบกที่ 16 ราชบุรี เข้าพูดคุยกับนายสิรวิชญ์ และกลุ่มผู้ร่วมเคลื่อนไหว หลังพูดคุยประมาณ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจตั้งแถวคุมเข้ม 2 ฝั่ง เพื่อกันประชาชนไม่ให้เข้าใกล้ พร้อมนำตัวกลุ่มนักศึกษาและประชาชน ชุดแรก 17 คน ทยอยเดินไปขึ้นรถบัสของทหาร ที่มีการนำสก๊อตเทปสีดำมาปิดบังต้นสังกัดที่ด้านข้างและท้ายรถ

@ หาม 2 สาวขึ้นรถบัสทหาร

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนชุดที่ 2 มีการพูดคุยอยู่นานนับชั่วโมง จึงให้ทยอยออกจากห้องประชุมเพื่อไปขึ้นรถบัสของทหาร แต่มีหญิงสาว 2 คน โดยคนแรกแต่งกายชุดนักศึกษา อีกคนใส่เสื้อยืดสีดำ ขัดขืนไม่ยอมเดินออกมาจากห้อง เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันหามหญิงสาวทั้งสองคนออกมา นำขึ้นไปรถบัสทหารอย่างทุลักทุเล ท่ามกลางประชาชนโห่ร้อง พร้อมกับขว้างปาขวดน้ำใส่รถบัส พร้อมวิ่งกรูเข้าไปที่รถเพื่อด่าทอกลุ่มนักศึกษา จนทหารและตำรวจต้องกันประชาชนออกห่างจากรถ พร้อมเร่งเคลื่อนรถออกไปอย่างรวดเร็ว 

@ เผยรายชื่อ 36 น.ศ.ปชช.

     สำหรับ นักศึกษาและประชาชนที่ถูกควบคุมตัวมีทั้งสิ้น 36 คน ประกอบด้วย 1.นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ 2.นายนพเก้า คงสุวรรณ 3.นายอานนท์ นำภา 4.นายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ 5.น.ส.ชนกนันท์ รวมทรัพย์ 6.นายณัฐภัทร อัคฮาด 7.น.ส.กรกนก คำตา 8.นายธเนตร อนันตวงษ์ 9.นายวิจิตร หันหาบุญ 10.นายปณตพลโค้วปรีชา 11.นายวิศรุต อนุกูลการย์ 12.นายวีรชัย เฟ้นตี้ 13.นายหนึ่ง เกตุสกุล 14. นายศศวัชร์ คมนียวนิช 15.นายกรกช แสงเย็นพันธ์ 16.นายสุกฤษฎ์ เพียรสุวรรณ 17.นายรัฏ ฐกานต์ ดีพุ่ม 18.น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว

      19.นายไพศาล จันปาน 20.นางเยาวลักษณ์ กรอบรูป 21.นางวิภา พลอยงาม 22.นางสุกัญญา แซ่เตียว 23.นางมาลี แซ่ลิ้ม 24.นางวรรณา บุตรคน 25.นายพรชัย ประทีปเทียนทอง 26.นางมัทนา อัจจิมา 27.นางประนอม พูนทวี 28.นางสุนันท์ มณีรัตน์ 29.ประกอบ งามบุญ 30.นภัสสร บุญรีย์ 31.กมลรัตน์ อิสริยเวศน์ 32.สุชาดา ชัยสยาม 33.น.ส.วัลย์ หว่อง 34.นายนรเสรษฐ์ นาหนองตูม 35.นายกิตติธัช สุมาลย์นพ 36.นายพีรยุทธ ทรัพย์บัญญัติ 

@ ทำข้อตกลงที่บก.พุทธมณฑล

      จากนั้นเวลา 12.20 น. เจ้าหน้าที่คุมตัวนายอานนท์ นายสิรวิญช์ น.ส.ชนกนันท์ และ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว นักศึกษามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พร้อมพวกรวม 19 คน ขึ้นรถบัส โดย น.ส.ชนกนันท์ขณะขึ้นรถได้เป็นลม เจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาดูแล ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะที่ชาวบ้านจำนวนมากตะโกนโห่ไล่โดยตลอด 

     รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ทหารนำรถบัสคันที่ 1 ที่ควบคุมมวลชน กับรถบัสคันที่ 2 ที่ควบคุมแกนนำ ไปยัง บก.ควบคุมสถานการณ์ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม กองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) และจะทำบันทึกข้อตกลง จากนั้นจะปล่อยตัวส่งกลับบ้าน โดยยังไม่มีการตั้งข้อหา 

@ ทหารปล่อยตัวมวลชน-น.ศ.แล้ว

     รายงานข่าวแจงว่า หลังเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว และมวลชนไปยัง บก.ควบคุมสถานการณ์ กองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม โดยขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎหมายของ คสช. โดยมี พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย คสช. และ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ ดำเนินการตามกฎหมาย โดยให้แกนนำและมวลชนทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย เมื่อดำเนินการเสร็จก็ปล่อยตัวแกนนำ และมวลชนกลับบ้านทันที 

       เมื่อเวลา 17.40 น. เฟซบุ๊กกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย (LLTD) โพสต์ข้อความระบุว่า ประชาชนกลุ่มแรกกำลังจะได้รับการปล่อยตัวโดยทหารจะพาไปที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย แต่กลุ่มนักศึกษายังไม่ได้รับการปล่อยตัว

@ เผยเงื่อนไขข้อตกลงก่อนปล่อย

      แหล่งข่าวจาก คสช.กล่าวว่า สำหรับเงื่อนไขการปล่อยตัวครั้งนี้เป็นเงื่อนไขเดียวกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาฯนปท. ซึ่งเป็นเงื่อนไขแนบท้ายประกาศ คสช. โดยในเอกสารมีใจความว่า "ข้าพเจ้าได้รับอนุญาตจากทางราชการให้กลับภูมิลำเนาเพื่อดำเนินชีวิตตามปกติแล้ว และในระหว่างที่ถูกกักตัวในหน่วยได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ไม่ได้ถูกทำร้ายหรือถูกใช้กำลังบังคับ ขู่เข็ญ หลอกลวง ทรมาน ให้คำสัญญาหรือกระทำโดยมิชอบด้วยประการใดๆ และทรัพย์สินต่างๆ ที่ได้นำติดตัวมาระหว่างถูกกักตัวได้รับคืนครบถ้วนทั้งหมดแล้ว"

      "ข้าพเจ้ารับทราบและเข้าใจคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ลงวันที่ 1 เมษายน 2558 เรื่องการกำหนดเงื่อนไขข้อ 11 จึงกำหนดวิธีการเพื่อความปลอดภัยตามมาตรา 39 (2) ถึง (5) แห่งประมวลกฎหมายอาญา จึงขอปฏิบัติตามเงื่อนไขดังนี้ ข้าพเจ้าจะละเว้นการเคลื่อนไหวหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ และจะไม่สร้างความขัดแย้งหรือทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในสังคม รวมทั้งแสดงความเห็นไปในทางต่อต้านการปฏิบัติงานของรัฐบาล และคสช. หากข้าพเจ้าฝ่าฝืนเงื่อนไขดังกล่าวหรือดำเนินการช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมทางการเมืองและข้อกำหนดในเงื่อนไข ข้าพเจ้ายินยอมที่จะถูกดำเนินคดีทันทีและยินยอมถูกระงับธุรกรรมทางการเงิน"เงื่อนไขข้อตกลงระบุ

      ต่อมา เมื่อเวลา 20.35น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เฟซบุ๊กกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย (LLTD) โพสต์ข้อความระบุว่า "เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวกลุ่มนักศึกษาออกมาแล้วครับ" โดยมีภาพนักศึกษาอยู่บนรถบัสของทหารกำลังเคลื่อนออกมาจาก บก.พุทธมณฑล ไปส่งที่ปากทางเข้าพุทธมณฑล

      กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย (LLTD) โพสต์ข้อความต่ออีกว่า "วันที่ 8 ธันวาคม เวลา 13.00 น. กลุ่มนักศึกษาจะแถลงข่าวถึงการที่ถูกทหารจับกุม ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์"

      ทั้งนี้ ทางกลุ่มยืนยันที่จะเดินหน้าตรวจสอบการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ต่อไป

@ มวลชนหัวหินรอต้านกลุ่ม'จ่านิว'

      เวลา 13.00 น. กลุ่มมวลชนชาว อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และชาว อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี กว่า 30 คน รวมตัวที่สถานีรถไฟหัวหิน เพื่อคัดค้านกลุ่มนักศึกษาที่จะมาทำกิจกรรมที่อุทยานราชภักดิ์ แต่ไม่พบกลุ่มนักศึกษา เพราะถูกสกัดที่สถานีรถไฟบ้านโป่งแล้ว

     ด.ต.ศรพล รานวล หรือ "จ่าแคล้ว" แกนนำมวลชนชาวหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หากมีมวลชนมา จะเป็นตัวแทนประชาชนสอบถามแกนนำมวลชนกลุ่มดังกล่าวว่าจะมาอุทยานราชภักดิ์เพื่อวัตถุประสงค์ใด หัวหินเป็นเมืองที่มีความเงียบสงบ ไม่ควรมีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ชาวบ้านในพื้นที่จะไม่ยินยอม หากจะทำกิจกรรมสร้างกระแสเพื่อประโยชน์ทางการเมือง 

    น.ส.พรรณปพร เลิศธนู อายุ 59 ปี แกนนำมวลชนหัวหิน กล่าวว่า กลุ่มนักศึกษาไม่มีความจำเป็นต้องมาแฉการทุจริตหรือทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ใดๆ หากมีข้อมูลที่ชัดเจนให้ไปแถลงข่าวกับสื่อมวลชนที่ส่วนกลาง อุทยานราชภักดิ์เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ จะเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อคัดค้านผู้ที่จะมาทำกิจกรรมทางการเมืองทุกกลุ่ม 

@ คสช.ชี้น.ศ.หน้าเดิม-มีแอบแฝง

     พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการควบคุมกลุ่มนักศึกษาที่จะเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ ว่า เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ใครมาใช้สถานที่นี้ผิดไปจากวัตถุประสงค์ที่ต้องการสร้างแรงยึดเหนี่ยวผูกพันสถาบันกับคนไทย จึงอาจไม่เหมาะสมที่จะมีกลุ่มใดมาจัดกิจกรรมที่ผิดวัตถุประสงค์ ขณะนี้สังคมส่วนใหญ่มองว่าเริ่มมีความพยายามของคนบางกลุ่มจะใช้พื้นที่อุทยานฯ มาเป็นเครื่องมือทางการแสดงออก 

     "เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดูแลสถานการณ์ให้เกิดความสงบเรียบร้อย การให้เหตุผลการไปอุทยานฯ ของกลุ่มนักศึกษายังดูไม่ตอบโจทย์ในผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง เชื่อว่าเจ้าหน้าที่คงต้องใช้ดุลพินิจโดยละเอียดก่อนตัดสินใจดำเนินการ โดยดูว่าเจตนาที่แท้จริงของกลุ่มนั้นเป็นอย่างไร ถ้าพิจารณาจากตัวบุคคลในกลุ่มส่วนใหญ่เป็นนักเคลื่อนไหวที่มีประวัติกับเจ้าหน้าที่มาแล้วทั้งนั้น ประกอบกับหลายๆ องค์ประกอบแล้ว ค่อนข้างมีความชัดเจนว่าอาจมีเป้าหมายอื่นแอบแฝงได้" พ.อ.วินธัยกล่าว

@ แจงห่วงปะทะชาวบ้านในพื้นที่

     พ.อ.วินธัย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ห่วงว่าหากปล่อยให้ไปถึงปลายทาง อาจมีภาพความขัดแย้งกับประชาชนในพื้นที่ ที่ไม่พอใจ เพราะพวกเขามีความภาคภูมิใจในอุทยานราชภักดิ์ หากมีประชาชนบางส่วนออกมาต่อต้านการเคลื่อนไหวดังกล่าว อาจขัดแย้งกับกลุ่มนักศึกษาได้

     พ.อ.วินธัยกล่าวว่า กระบวนการตรวจสอบในข้อกังวลสงสัยต่างๆ กำลังดำเนินไปแล้วอย่างเป็นระบบด้วยหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ ถ้าต้องการข้อมูลข้อเท็จจริง มีช่องทางอื่นที่เหมาะสมกว่า และไม่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ได้ควบคุมไปกักขัง จุดประสงค์หลักเป็นการควบคุมสกัดไม่ให้ไปถึงที่หมายเท่านั้น แล้วจะนำส่งให้กลับบ้านต่อไป

@ กห.แจงคืบหน้าสอบ"ราชภักดิ์"

     พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงการดำเนินโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่มี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ว่าคณะกรรมการทยอยเชิญคณะกรรมการที่รับผิดชอบหลักในการดำเนินโครงการมาให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการรวบรวมหลักฐาน เอกสารต่างๆ รวมทั้งขอผลการประชุมของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการและคณะทำงานทุกคณะ ซึ่งมีกว่า 20 คณะ มาประกอบการพิจารณา คณะกรรมการทำงานตลอดทั้งวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงปรากฏแก่สังคมโดยเร็ว ที่ผ่านมากรรมการและอดีตกรรมการที่เกี่ยวข้องทุกท่านให้ความร่วมมืออย่างดี เข้ามาให้ข้อมูลด้วยความเต็มใจ

     พล.ต.คงชีพกล่าวว่า สำหรับสัปดาห์นี้คณะกรรมการจะเชิญคณะกรรมการที่รับผิดชอบด้านการบริหารจัดการงบประมาณในทุกกลุ่มงบประมาณที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เพื่อสร้างความกระจ่างในประเด็นต่างๆ ที่เป็นข้อกังขาของสังคมต่อไป ขอเวลาให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯได้ทำงานอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงร่วมกันในที่สุด 

     "ตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับรายงานว่าประชาชนยังคงทยอยหลั่งไหลเข้าถวายราชสักการะและชมอุทยานราชภักดิ์อย่างล้นหลาม เป็นที่ประจักษ์ชัดถึงความผูกพันและความจงรักภักดีที่ประชาชนคนไทยมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงอยากขอความร่วมมือต่อบุคคลบางกลุ่มที่พยายามเคลื่อนไหวให้เป็นข่าวในทิศทางที่ไม่เหมาะสมต่อสถานที่แห่งนี้" พล.ต.คงชีพกล่าว

@ แจงปิดปรับปรุง"ราชภักดิ์"

     เมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.สัญญา จันทร์สงวน ผู้บัญชาการโรงเรียนนายสิบทหารบก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้แจ้งปิดพื้นที่ภายในอุทยานราชภักดิ์ โดยไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ตามปกติ เนื่องจากอาจได้รับอันตรายในขณะที่มีการปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานทั้งถนน ระบบไฟฟ้า ประปา เพื่อให้ทันการส่งมอบงาน โดยมีทหารช่างและบริษัทผู้รับเหมาเอกชนเข้ามาดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 1-2 วัน ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมและไม่ทราบล่วงหน้าว่ามีการปิดพื้นที่เพื่อปรับปรุง เจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้บันทึกภาพบริเวณด้านนอกริมถนนเพชรเกษมได้ 

      "ยืนยันว่าการปิดพื้นที่ไม่เกี่ยวกับกรณีกลุ่มนักศึกษาจะเข้ามาเคลื่อนไหว เนื่องจากภายในอุทยานถือเป็นพื้นที่สาธารณะที่เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามากราบสักการบูชาสมเด็จพระบูรพกษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์ด้วยจิตศรัทธาและแสดงความจงรักภักดี ที่สำคัญภายในอุทยานไม่ควรเป็นพื้นที่สร้างปัญหาความขัดแย้งใดๆ" พล.ต.สัญญากล่าว

@ สภาน.ศ.มธ.แถลงจี้ร้องปล่อยตัว

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แถลงการณ์สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เรื่อง การควบคุมตัวนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สืบเนื่องจากการที่นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรรมศาสตร์ 4 คน ถูกควบคุมตัวระหว่างการจัดกิจกรรมนั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง อันได้แก่ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ คณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 น.ส.กรกนก คำตา คณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 นายสุกฤษฎ์ เพียรสุวรรณ คณะเศรษฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 นาย

     ศศวัชร์ คมนียวนิช คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ชั้นปีที่ 2 ด้วยเหตุนี้ สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มีความยึดมั่นในหลักของสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นบนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวม ดังนั้น ขอแสดงความกังวลใจต่อเหตุการณ์การเข้าควบคุมตัว ขอเรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุม เพื่อเป็นการแสดงการเคารพต่อหลักสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของนักศึกษาและประชาชน

@ เครือข่ายนักวิชาการจี้ปล่อยน.ศ.

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 เรื่องขอให้ปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมจากการเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ และเสนอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงแทนการข่มขู่และใช้ความรุนแรง ดังนี้ 1.ขอให้คสช.และรัฐบาล ปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมทุกคน โดยไม่มีเงื่อนไข เนื่องจากประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ ตามหลักสิทธิและเสรีภาพที่พลเมืองไทยสามารถเดินทางได้อย่างเสรี การเดินทางของนักศึกษา มิได้ละเมิดสิทธิของประชาชนผู้อื่นแต่อย่างใด ตรงกันข้าม การที่ตำรวจเข้าสกัดขบวนรถไฟและตัดตู้โดยสารต่างหากที่กระทบต่อการเดินทางของประชาชนคนอื่นๆ ในขบวนรถเดียวกัน 

      2.การจัดกิจกรรม "นั่งรถไฟ ไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง" เป็นเพียงการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เพราะประชาชนมีสิทธิที่จะตั้งข้อสงสัยต่อการทุจริตในโครงการอุทยานราชภักดิ์ ส่วนรัฐบาลและกองทัพบกมีหน้าที่ชี้แจงข้อสงสัยต่อประชาชน และสังคมจะได้ใช้วิจารณญาณว่าคำชี้แจงและข้อมูลของรัฐบาลนั้นมีน้ำหนัก น่าเชื่อถือเพียงใด 

      เครือข่ายนักวิชาการฯ ขอให้ คสช. และรัฐบาลตระหนักว่าจะต้องเอาชนะความเคลือบแคลงสงสัยของประชาชนด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช่ด้วยการข่มขู่ คุกคาม และใช้ความรุนแรง 3.เครือข่ายนักวิชาการฯ ตระหนักดีว่าย่อมมีประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดกิจกรรมของนักศึกษา จึงขอเสนอแนะให้ได้โปรดแสดงออกอย่างสันติ ไม่ละเมิดสิทธิ ไม่ทำร้าย และไม่ใช้ความรุนแรงต่อผู้ที่เห็นแตกต่าง

@ กสม.เตรียมถกปมทหารคุมน.ศ.

     นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงกรณีทหารคุมตัวกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา ที่สถานีรถไฟบ้านโป่ง ว่า กรณีดังกล่าวเป็นประเด็นร้อน ซึ่ง กสม.ติดตามและพิจารณาเรื่องนี้อยู่ ในการประชุมคณะกรรมการ กสม.วันที่ 8 ธันวาคม มีโอกาสสูงที่จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกันเป็นการภายใน นอกจากวาระการประชุมตามปกติ หากการหารือมีข้อสรุปที่ชัดเจนจะแจ้งสื่อมวลชน

       เมื่อถามว่า หากการหารือได้ข้อสรุปจะมีมาตรการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างไร นายวัสกล่าวว่า ต้องดูข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก่อนว่ามีการควบคุมตัวอย่างไร ละเมิดสิทธิด้านไหน ส่วนมาตรการก็จะเป็นไปตามอำนาจที่ กสม.มีอยู่ตามกฎหมาย 

@ ทูตอังกฤษกังวลจำกัดสิทธิน.ศ.

     วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ได้แสดงความกังวลใจต่อการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมในประเทศไทย หลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้ารวบตัวนักศึกษาที่เคลื่อนไหว 36 คน ระหว่างเดินทางด้วยรถไฟไปยังอุทยานราชภักดิ์ เพื่อทำกิจกรรมทางการเมือง

     นายเคนท์รี ทวีตข้อความของนายนีร์มาล โกช ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์สเตรทไทม์ส พร้อมเขียนความแสดงความกังวลใจต่อเหตุการณ์ที่ทหารเข้าควบคุมตัวนักเคลื่อนไหวว่า "ผมเคยหวังว่า การที่รัฐบาลอนุญาตให้ผู้ชุมชุม 200 รวมตัวกันบริเวณหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกาเมื่อสัปดาห์ก่อน อาจเป็นการผ่อนปรนการจำกัดเสรีภาพในการชุมนุมเสียอีก" 

      ขณะที่ข้อความของนายโกชที่นายมาร์ครีทวีตนั้นระบุว่า "รัฐบาลไทยขัดขวางไม่ให้นักศึกษาเดินทางไปยังอุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งกำลังถูกตรวจสอบว่ามีการทุจริตในการก่อสร้างหรือไม่"

@ 'จตุพร'ประสานนัดคุย'บิ๊กต๊อก'

     นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ตนและนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.กำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ เพื่อชี้แจงต่อ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ซึ่งจะมีการประสานงานเพื่อนัดหมายกันอีกครั้งวันที่ 8 ธันวาคม 

      นายจตุพรกล่าวว่า สำหรับข้อมูลที่จะนำไปชี้แจงนั้นมีหลายประเด็นที่พบว่าผิดปกติ หากมีเจตนาที่สุจริตจริง กลไกของรัฐควรจะเปิดเผยข้อมูลว่าใช้งบประมาณอย่างไร ทั้งทางตรงและทางอ้อม กองทัพมีการโยกงบประมาณมาใช้ในการก่อสร้าง หากไม่มีการตรวจสอบจะไม่เห็นว่านำงบประมาณมาอย่างไร ส่วนงบประมาณแผ่นดินที่อนุมัติโดย ครม.ก็ต้องตรวจสอบ รวมทั้งเงินบริจาค

@ ชี้ปิดกั้นน.ศ.สร้างความสงสัย

     นายจตุพรกล่าวว่า ยิ่งปิดกั้นการตรวจสอบก็ยิ่งเป็นปัญหาของรัฐบาลมากเท่านั้น การแก้ไขปัญหาของรัฐบาล เช่นการควบคุมตัวกลุ่มนักศึกษาที่สถานีรถไฟบ้านโป่งและปิดอุทยานราชภักดิ์ 1 วัน โดยอ้างว่าเพื่อปรับปรุง ยิ่งสร้าง

       ความสงสัยให้กับประชาชนมากขึ้น อุทยานราชภักดิ์เพิ่งเปิดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เหตุใดจึงต้องปิดปรับปรุงเร็วขนาดนั้น ถ้าแก้ไขปัญหาอย่างที่ พล.อ.ไพบูลย์เสนอคือเปิดประตูรับฟัง โดยแต่ละฝ่ายต้องให้โอกาสซึ่งกันและกัน หากตรวจสอบแล้วบริสุทธิ์ก็คือบริสุทธิ์ ผิดก็คือผิด 

      นายจตุพร กล่าวว่า ข้อมูลที่รวบรวมมานั้น ยอมรับว่าไม่ครบถ้วน 100% เพราะมีหลายเรื่องที่รัฐบาลพยายามปกปิด หากรัฐบาลและกองทัพบกเปิดเผยบัญชีทั้งรายรับรายจ่ายอย่างตรงไปตรงมา เชื่อว่าประชาชนจะรับได้ ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องปกปิดรายรับรายจ่าย เพราะประชาชนไม่สบายใจ เนื่องจากไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนทุจริตในโครงการลักษณะนี้ และไม่เชื่อว่าหาก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออกแล้วจะยุติปัญหาได้ เพราะเรื่องนี้จะยุติได้ก็ต่อเมื่อมีผลสอบออกมาอย่างตรงไปตรงมา เป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน

@ กรธ.ยังถกไม่จบปมผ่าทางตัน

     นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงการร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อไม่คงคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปองดองแห่งชาติ (คปป.) เอาไว้หากมีปัญหาทางตันขึ้นมา กรธ.เตรียมแนวทางไว้อย่างไร ว่าเข้าใจหลายคนมองว่าคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) มีความจำเป็นในสถานการณ์วิกฤตแต่อีกฝ่ายมองว่าไม่จำเป็น จึงต้องถกเถียงกันจะมีวิธีการจัดการอย่างไร เนื่องจากทุกคนเห็นเหมือนกันคือไม่ต้องการใช้กำลังทหารออกมาจัดการกับสถานการณ์ แล้วใครจะเป็นคนแก้ปัญหาได้ ทางตันที่มองคือสถานการณ์ที่เคยเกิด รัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ รัฐบาลไม่ออก อยู่เช่นนั้น ขี่กันไปเช่นนั้น จัดการเลือกตั้งไม่ได้ ไม่มีทางออกแบบที่เคยเกิดขึ้นใครจะมาตัดสินใจตรงนี้

     นายอุดม กล่าวว่า เห็นว่าที่ประชาชนต้องการคือเมื่อเกิความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ต้องการให้เกิดการปฏิวัติ และเมื่อพูดถึงความชอบธรรมในทางกฎหมาย อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ รัฐบาลจัดการไม่ได้ มีอำนาจอื่นอะไรไหม หากบอกว่ารัฐธรรมนูญแก้ปัญหาได้บ้าง ก็ต้องมานั่งคิดจะให้ใครมีอำนาจเพราะว่าอำนาจที่เคยเกิดขึ้นปกติเป็นของรัฐบาลไปคุมทหาร และเมื่อรัฐบาลคุมทหารไม่ได้จะมีวิธีการอะไร เมื่ออภิปรายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตกลงเป็นเพราะทหารไม่ให้ความร่วมมือ หรือรัฐบาลไม่มีความชอบธรรม หรืออะไร ต้องอธิบายสภาพการณ์นี้ออกมา อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าวชัดเจน 

@ ถกต่อเลือกตั้งทางอ้อม"ส.ว."

      นายอุดมกล่าวว่า การประชุม กรธ.วันที่ 8 ธันวาคม จะพิจารณาประเด็นกระบวนการได้มาซึ่ง ส.ว.ต่อ ซึ่งหลักการต่างๆ จะยังคงไว้ตามเดิม คือการให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม เพียงแต่จะพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับการรับสมัครและการลงคะแนนเลือกกันเองของผู้สมัครว่าจะให้ใครเป็น ส.ว. โดยทาง กรธ.วางหลักให้มีที่มาจากกลุ่มทางสังคม 20 กลุ่มเหมือนเดิม จะเป็นการสมัครตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด และส่วนกลางขึ้นมา ในการสมัครระดับอำเภอนั้นจะไม่บังคับว่าในแต่ละพื้นที่จะต้องได้ผู้สมัครครบ 20 กลุ่ม เพราะบางพื้นที่อาจมีข้อจำกัดเกี่ยวกับตัวผู้สมัครที่ส่งผลให้ไม่ได้ผู้สมัครครบ 20 กลุ่ม จึงเห็นว่าควรปล่อยให้เป็นไปตามสภาพของแต่ละพื้นที่

      เมื่อถามว่า กรธ.มีการพูดถึงอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภาในระหว่างที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎรหรือยุบสภาหรือไม่ เนื่องจากก่อนการรัฐประหารปี 2557 มีความพยายามของกลุ่มการเมืองที่ต้องการให้วุฒิสภาทำหน้าที่เลือกนายกฯ นายอุดมกล่าวว่า กรธ.ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าว เพราะส่วนใหญ่เห็นว่าน่าจะให้องค์กรอื่นเข้ามาทำหน้าที่แก้ไขปัญหาสุญญากาศทางการเมืองแทน

@ สปท.เตรียมปฏิรูประลอกแรก

      นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คนที่ 1 กล่าวว่า ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท.กำหนดประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (วิป สปท.) 

     วันที่ 9 ธันวาคมและ 17 ธันวาคมนี้ เพื่อพิจารณารายงานปฏิรูปชุดแรกของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน และคณะกรรมาธิการวิสามัญการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น จะได้บรรจุเป็นวาระการประชุม สปท.วันที่ 21-22 ธันวาคม เป็นคลื่นการปฏิรูประลอกแรกของ สปท. เป็นเสมือนของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนต้อนรับปีใหม่ตามความคาดหวังของประชาชนและนโยบายของนายกฯ ที่อยากเห็นการปฏิรูปประเทศให้เป็นรูปธรรมเร็วที่สุด 

     นายอลงกรณ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการประสานงานรวม 3 ฝ่าย หรือวิป 3 ฝ่าย คือ ครม. สปท. และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะประชุมวันที่ 9 ธันวาคมและวันที่ 16 ธันวาคมด้วยที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อพิจารณาสนับสนุนการทำงานของแต่ละฝ่ายให้สอดคล้องกับแผนและขั้นตอนการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศของ สปท.

     นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สปท. กล่าวว่า แผนการขับเคลื่อนปฏิรูปด้านการเมืองที่สำคัญที่ กมธ.จะต้องทำให้สัมฤทธิผลคือ 1.การเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม ต้องแก้ทั้งตัวบทกฎหมาย วิธีการ และกระบวนการปฏิบัติให้ได้ผลจริงในการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ 2.การสร้างความปรองดอง ต้องหาจุดพอดีให้เกิดขึ้น ให้ทุกฝ่ายยอมรับและก้าวเดินไปด้วยกันเพื่อการเลือกตั้งและการปฏิรูปประเทศ 3.การสร้างวัฒนธรรมทางการเมือง ปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนตื่นตัวและมีส่วนร่วมในทางการเมือง และมีส่วนในการควบคุมการเลือกตั้งและสอดส่องดูแล ตรวจสอบนักการเมือง ทั้ง 3 เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก ต้องขับเคลื่อนปฏิรูปไปพร้อมกัน 

@ 'คณิน'ชี้'มีชัย'ตัดสิทธิ'ปู'ข้ามรธน.

     นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2540 กล่าวว่า กรณีที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หมดสิทธิสมัคร ส.ส. เนื่องจากเคยถูกถอดถอนโดย สนช.และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปีนั้น ขอถามนายมีชัย 2 ข้อว่า การเขียนกฎหมายเพื่อใช้บังคับกับกรณีใดกรณีหนึ่งหรือกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!