WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 05 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8620 ข่าวสดรายวัน


บิ๊กตู่ชี้รธน.-รบ. เด์อน'กย.' โต้เวียนเทียนอาวุธ 
ยันสืบสวนจนชัด-ไม่ได้จัดฉาก ปิยสวัสดิ์ตามโผปธ.บอร์ดปตท. ตร.ตั้ง'พงศพัศ'ลุยยาเสพติดต่อ


พบ"ป๋า" - พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ประเทศเมียนมาร์ เข้าพบและคารวะพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เมื่อวันที่ 4 ก.ค.

       'บิ๊กตู่' ชี้ก.ย. มีรัฐบาล-ทูลเกล้าฯ รธน.ชั่วคราว ตาม โรดแม็ประยะ 2 ลั่นระบบราชการเสียหาย ต้องปรับปรุง ตั้งซูเปอร์บอร์ดเพื่อจัดสัดส่วนผลประโยชน์ระหว่างรัฐวิสาหกิจ-ประชาชน โต้วุ่นเวียนเทียนจับอาวุธสร้างภาพ ยันสืบจับจริง ทีมตรวจโกดังข้าวยังไม่พบสิ่งผิดปกติ โฆษกคสช.เผยสัมพันธ์กับ"สหรัฐ-ออสเตรเลีย"ยังเหมือนเดิม ตร.ตั้ง'พงศพัศ' คุมงานปราบยาเสพติด บัวแก้วถอนพาสปอร์ต สมศักดิ์ เจียม-โกตี๋

บิ๊กตู่กำชับกำลังพลอดทน-สุภาพ

     เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ประจำเดือนก.ค. โดยมีคณะนายทหารระดับสูงเข้าร่วมประชุม อาทิ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผบ.ทบ. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผู้ช่วยผบ.ทบ. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผบ.ทบ. และพล.อักษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก รวมถึงแม่ทัพภาค 1, 2, 3 และ 4

   พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมว่า ผบ.ทบ. ขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ มั่นใจว่าทุกคนจะช่วยทำให้สถานการณ์ของประเทศผ่านไปด้วยดี ขอให้กำลังพลอดทน อดกลั้น ปฏิบัติงานสุภาพภายใต้กรอบกฎหมาย และการมีส่วนร่วมของ ทุกภาคส่วน ทั้งนี้หัวหน้า คสช.ได้อธิบายโครงสร้างการบริหารของ คสช. พร้อมย้ำการดำเนินการทุกอย่างอยู่บนเหตุผล ความจำเป็นและความเร่งด่วนของปัญหา บริหารด้วยการใช้อำนาจที่มีอยู่อย่างจำกัด ถือเป็นภาระและหน้าที่ที่ทุกคนต้องร่วมกันทำให้สำเร็จ 

ยันสัมพันธ์'สหรัฐ'ยังเหมือนเดิม

     พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า ผบ.ทบ.ย้ำให้กองกำลังชายแดนของกองทัพบกสนับสนุนนโยบาย คสช. เรื่องการดำเนินการแรงงานต่างด้าว และให้ทุกกองทัพภาคเร่งติดตาม ตรวจสอบและจับกุมอาวุธสงคราม การตัดไม้ทำลายป่าที่เป็นขบวนการมีนายทุนอยู่เบื้องหลัง รวมทั้งเตรียมรับมือภัยพิบัติในทุกพื้นที่ ส่วนความร่วมมือกับกองทัพสหรัฐและออสเตรเลียยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง 

      พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคสช. กล่าวถึงสถานทูตสหรัฐอเมริกา ไม่ได้เชิญคสช.ในงานวันชาติสหรัฐว่า เป็นเรื่องของเจ้าภาพ ซึ่งการพบปะสมาคมอย่างเป็นทางการที่เป็นในเชิงสาธารณะในช่วงนี้เป็นไปได้ที่สถานทูตสหรัฐอาจจำเป็นต้องระมัดระวัง ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ด้วยแบบธรรมเนียมกฎระเบียบปฏิบัติที่ต้องแสดง ออกต่อสังคม ที่ผ่านมาการพบปะหารือข้อราชการของทูตสหรัฐ กับกองทัพ อย่างเป็นทางการในลักษณะหน่วยงาน จะเห็นว่ายังมีอยู่ตามขอบเขตที่เหมาะสมต่อเนื่อง ทั้งสองฝ่ายพยายามไม่ให้เกิดความลำบากใจต่อกัน

     พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค คณะทำงานโฆษก คสช. เปิดเผยว่า การเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองวันชาติประเทศสหรัฐเมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา มีโอกาสพูดคุยกับนักธุรกิจและภาคเอกชนของสหรัฐที่ดำเนินธุรกิจในประเทศ ไทยหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่แสดงความเข้าใจต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และมองในมุมบวกว่าหากให้เวลา คสช.เดินตามโรดแม็ปก็จะเกิดผลดีและมาตรการต่างๆ ที่สหรัฐมีการประกาศกับไทยไปก่อนหน้านี้ก็อาจมีการผ่อนคลายไปในทางที่ดีขึ้น

แห่ร้องคสช.ช่วยแน่นศูนย์บริการ

   ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล ตลอดทั้งวันมีกลุ่มต่างๆ ทยอยเข้ามายื่นเรื่องร้องเรียนต่อคสช. อาทิ กลุ่ม ตัวแทนลูกจ้างชั่วคราวจากหลากหลายสังกัด ทั้งกระทรวงสาธารณสุข และลูกจ้างอาชีวศึกษา ร้องเรียนให้ปรับเพิ่มเงินค่าตอบแทนให้เหมาะกับค่าครองชีพในปัจจุบันและอายุการทำงาน รวมทั้งหลักเกณฑ์การสอบเข้าบรรจุเป็นข้าราชการที่บางหน่วยงานไม่มีความชัดเจนเรื่องกรอบการคัดเลือกบุคลากร เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลมาร้องทุกข์ต่อคสช.จำนวนมากในแต่ละวัน ทางศูนย์บริการประชาชน เตรียมทำหนังสือขอใช้สถานที่ของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ถนนพิษณุโลก ฝั่งตรงข้ามประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรองรับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนที่รอการยื่นเรื่องร้องทุกข์ ลดความแออัดของสถานที่

บิ๊กจินเผยรธน.ชั่วคราวยังไม่เสร็จ

    ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. ในฐานะรองหัวหน้าคสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ ให้สัมภาษณ์ถึง การหารือระหว่างคสช.กับนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาคสช.ฝ่ายกฎหมาย เกี่ยวกับความคืบหน้าร่างธรรมนูญการปกครองชั่วคราวว่า การพูดคุยเป็นเรื่องภายในและยังไม่เสร็จ ทราบเพียงว่าส่วนที่กำลังดำเนินการใช้ชื่อว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว ส่วนรายละเอียดเป็นเรื่องของผู้รับ ผิดชอบและฝ่ายกฎหมายจะตรวจสอบและปรับแก้ไขเพื่อนำมาพูดคุยกันก่อนจะนำขึ้นทูลเกล้า ทูลกระหม่อม

    เมื่อถามว่า หากมีการจัดตั้งรัฐบาล คสช.จะยังมีอำนาจหรือไม่ พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ในหลักการจะมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) และ คสช. ซึ่งจะทำงานร่วมกัน เป็นแต่รายละเอียดยังต้องปรับปรุงแก้ไข ส่วนรัฐธรรมนูญชั่วคราวจะบัญญัติการนิรโทษ กรรมให้คสช.หรือไม่นั้น ตนยังไม่เห็น เพียงแต่นายวิษณุพูดในหลักการให้คสช.ออกความคิดเห็นว่ามีข้อห่วงใยอะไรบ้างเพื่อนำไปปรับปรุงให้เกิดฉบับสมบูรณ์ 

     เมื่อถามว่าคสช.มีแนวคิดไม่ทำประชามติรัฐธรรมนูญฉบับปี 2558 จะเกิดปัญหาหรือไม่ พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ในรายละเอียดยังไม่พูดเรื่องนี้ และยังไม่ได้กำหนดวันที่จะมาหารือเรื่องรัฐธรรมนูญชั่วคราวอีกเมื่อไร ส่วนประเด็นที่คสช.ห่วงใยนั้นเป็นความลับ 

ศาลทหารให้"ลายจุด"ประกัน

     ที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ สนามหลวง นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบ.ก.ลายจุด แกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง เดินทางมายังศาลทหารโดยเลี่ยงเข้าทางประตูหลัง ตามนัดหมายของพนักงานสอบสวนเพื่อขออำนาจศาลฝากขังผลัดที่สาม 12 วัน จากข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งคสช. กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และพ.ร.บคอมพิวเตอร์ 

     ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 3 องค์คณะตุลาการศาลทหารนั่งบัลลังก์พิจารณาคำขอฝากขังของพนักงานสอบสวนที่ให้เหตุผลว่ามีความจำเป็นต้องสอบพยานและ หาหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนนายสมบัติ ไม่ขอคัดค้านคำขอดังกล่าว จากนั้นศาลพิจารณาอนุญาตตามคำขอฝากขังผู้ต้องหาผลัดที่สาม 12 วัน ระหว่างวันที่ 6-17 ก.ค. แต่นายสมบัติ ได้รับอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ก.ค. จึงไม่ต้องถูกคุมขัง ให้เป็นไปตามสัญญาและเงื่อนไขการประกันตัว ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมืองและห้ามเดินทางออกนอกประเทศ 

ชี้คสช.ยืดหยุ่นขึ้นมาก

    นายสมบัติให้สัมภาษณ์ภายหลังการพิจารณา ถึงชีวิตในเรือนจำว่า ถูกควบคุมตัวรวมกับผู้ต้องขังเกี่ยวกับคดีทางการเมืองทั้งกลุ่มคนเสื้อแดง และกปปส. อาทิ จ.ส.ต. ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ อดีตส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้ต้องขังคดีหมิ่นเบื้องสูง รวมทั้งมือปืนป๊อปคอร์น ทำให้มีโอกาสพูดคุยได้ทุกสีเสื้อ ซึ่งไม่ใช่การปรับทัศนคติ เพราะตนปรับทัศนคติในบางเรื่องไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องหลักการ จุดยืน 

     "แต่การได้พูดคุยก็เป็นการเรียนรู้และเข้าใจคนที่มีความคิดต่างกันมากขึ้น และการที่ตนได้รับสิทธิประกันตัวก็ส่งสัญญาณว่าบรรยากาศการเมืองเริ่มคลี่คลายลง และการชุมนุมคัดค้านก็เริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และคสช.ก็มีความยืดหยุ่นมากขึ้น สะท้อนถึงบรรยากาศที่ดี และหวังว่านักโทษการเมืองคนอื่นจะได้รับสิทธิการประกันตัวเพื่อออกมาต่อสู้คดี" นายสมบัติกล่าว

เผยต้องหยุดกิจกรรมไปก่อน

     นายสมบัติ กล่าวว่า ส่วนการทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น ต้องหยุดไว้ก่อนจนกว่าคดีของตนจะสิ้นสุด เนื่องจากต้องรักษาเงื่อนไขการประกันตัว แต่หลังจากคดีสิ้นสุด ต้องดูว่ากฎอัยการศึกยังอยู่หรือไม่ และบรรยากาศการเมืองคลี่คลายหรือไม่ ส่วนมี กลุ่มอื่นเคลื่อนไหวเพื่อแสดงออกทางการเมืองนั้น ตนจะไม่ละลาบละล้วง แต่ส่วนตัว จะยุติกิจกรรมต่อต้านการรัฐประหาร และ มองอนาคตในการฟื้นฟูประเทศไปสู่ประชา ธิปไตย

    เมื่อถามว่า หากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้การปฏิรูปหรือสร้างความปรองดองจะสำเร็จหรือไม่ นายสมบัติกล่าวว่า หากบรรยากาศ ดีขึ้นกว่านี้ และพื้นที่ในการพูดคุยกันเปิดกว้างขึ้น จะทำให้กระบวนการปฏิรูปหรือการปรองดองเกิดขึ้นได้ หวังว่าทุกฝ่ายจะช่วยกันสร้างบรรยากาศและพื้นฟูประชาธิปไตย เมื่อถามถึงคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นายสมบัติกล่าวว่า ต้องรอตำรวจสรุปสำนวนคดีให้เสร็จก่อน

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีที่นายสมบัติถูกแจ้งข้อกล่าวหา หมิ่นเบื้องสูงตามมาตรา 112 จากประชาชนในจ.ร้อยเอ็ดนั้น นายสมบัติต้องเดินทางไปรายงานตัวยัง สภ.เมืองร้อยเอ็ดทุก 30 วัน

ปปช.สรุปป้องทุจริตเสนอคสช.

     นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 1 ก.ค. มีมติเห็นชอบให้สำนักงาน ป.ป.ช. รวบรวมมาตรการป้องกันการทุจริตเพื่อเสนอให้คสช. พิจารณาและสั่งการให้หน่วยงานของรัฐนำไปปฏิบัติ โดยมาตรการแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 เป็นมาตรการหรือข้อเสนอแนะที่ ป.ป.ช. เคยเสนอต่อครม. ตามอำนาจในมาตรา 19(11) แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 ซึ่ง ครม.มีมติรับทราบและให้หน่วยงานถือปฏิบัติแล้ว แต่หน่วยงานยังไม่ดำเนินการตามมาตรการหรือข้อเสนอแนะ

     นายสรรเสริญ กล่าวว่า ป.ป.ช.เห็นควรเสนอ คสช.เพื่อยืนยันตามมาตรการและข้อเสนอแนะรวม 7 เรื่องคือ 1.ข้อเสนอของป.ป.ช. ต่อโครงการจัดซื้อรถโดยสารสาธารณะใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) 3,187 คันของ ขสมก. 2.ข้อเสนอป้องกันการทุจริตและความเสียหายของทางราชการในโครงการระบบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ 3.การแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงหรือบุคคลดำรงตำแหน่งในกรรมการรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง 4.มาตรการป้องกันการทุจริตการจัดสรรโควตาและการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา 5.การสร้างความโปร่งใสในการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน 6.ข้อเสนอปรับปรุงเพื่อป้องกัน หรือปราบปรามการทุจริตโครงการภาครัฐ 7.มาตรการเรื่องการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

ชงมาตรการคุมหาเสียงด้วย

     นายสรรเสริญ กล่าวว่า กลุ่มที่ 2 เป็นมาตรการหรือข้อเสนอแนะที่ ป.ป.ช.เคยเสนอต่อครม. แต่ยังไม่ได้รับการพิจารณาจากครม. รวม 3 เรื่อง 1.ข้อเสนอป้องกันการทุจริตโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ 2.มาตรการป้องกันการทุจริตเรื่อง การบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) กรณีแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของจ.สงขลา 3.มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ และกลุ่มที่ 3 เป็นมาตรการที่ ป.ป.ช.อยู่ระหว่างการนำเสนอต่อ ครม.คือมาตรการป้องกันการทุจริตและการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ 

    นายสรรเสริญ กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ยังอยู่ระหว่างจัดทำข้อเสนอแนะเรื่อง มาตรการป้องกันการจัดทำนโยบายในการหาเสียงของพรรคการเมือง เพื่อป้องกันการทุจริตเชิงนโยบาย รวมทั้งการเพิ่มมาตรการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้สมัครเลือกตั้งระดับชาติก่อนเข้าสู่ตำแหน่งการเมือง ซึ่งจะพลิกโฉมหน้าการป้องกันการทุจริตเชิงนโยบายครั้งสำคัญ คาดว่าจะนำเสนอต่อ คสช.ได้ในสัปดาห์หน้า 

กกต.เล็งสร้างแรงจูงใจใช้สิทธิ์

    ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. กล่าวภายหลังการประชุมกกต.ในช่วงเช้าถึงการพิจารณาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งเพื่อเร่งสรุปเสนอให้กับคณะทำงานด้านปฏิรูปของคสช.ว่า ที่ประชุมกกต.รับฟังความเห็นจากรองเลขาธิการในทุกด้านกิจการที่นำเสนอข้อดี ข้อเสีย จุดอ่อน จุดแข็งของการเลือกตั้งที่ผ่านมา และข้อเสนอที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ทำให้การเลือกตั้งสุจริต เที่ยงธรรม จากการประชุมเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา พิจารณาเรื่องต่างๆ ไปแล้วร้อยละ 50 โจทย์ 6 ข้อที่คสช.ให้มาก็พิจารณาไปแล้ว 4 ข้อ และนัดพิจารณาในส่วนของสำนักงานช่วงเช้าวันที่ 7 ก.ค. ก่อนที่ช่วงบ่ายจะ เสนอกกต.พิจารณา น่าจะเสร็จและส่งได้ในสัปดาห์หน้า

     นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการกกต. แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการพิจารณามาตรการและข้อเสนอในการพัฒนารูปแบบวิธีการลงคะแนนเสียงที่เหมาะสมและการชดเชยให้มาลงคะแนนใช้สิทธิเลือกตั้งโดยรัฐว่า วันนี้ให้ประเด็นกับสถาบันพระปกเกล้าที่จะมาทำวิจัยเพื่อดูว่ารูปแบบการลงคะแนนที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทยควรเป็นอย่างไร นอกจากนี้ยังให้สถาบันพระปกเกล้าศึกษาด้วยว่าจะทำอย่างไรให้มีผู้มาใช้สิทธิมากขึ้น การชดเชยเพื่อให้มีผู้มาใช้สิทธิจำนวนมาก โดยให้ศึกษาในทุกมิติที่สร้างแรงจูงใจให้มาลงคะแนน เช่น เดินทางมาสะดวก ลงคะแนนทางไปรษณีย์แต่จะเหมาะสมหรือไม่ ย้ำว่าไม่ใช่ให้เงินอย่างเดียว อาจมีมาตรการชดเชยเช่น ลดหย่อนภาษี ซึ่งสถาบันพระปกเกล้าจะใช้เวลาวิจัย 6 เดือน เสร็จในเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งจะประชุมร่วมกันทุกเดือน

"ปนัดดา"ถกเข้ม-ป้องขรก.ทุจริต

     ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เข้าพบและหารือม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกฯ เพื่อกำหนดแนวทางป้องกันและแก้ทุจริตในวงราชการ โดยเน้นว่าข้าราชการต้องเป็นแบบอย่างที่ดีโดยเฉพาะหัวหน้าส่วนราชการ

      ม.ล.ปนัดดา กล่าวถึงความคืบหน้าการปฏิรูประบบราชการว่า หลายหน่วยงานได้ส่งแผนกรอบความคิดการปฏิรูปเข้ามาบ้างแล้วว่าจะแก้ไขเรื่องใดบ้าง เพื่อให้การทำงานรวดเร็วและสะดวก จากนี้ตนจะนัดประชุมทุกกระทรวงเพื่อติดตามตรวจสอบโครงการของหน่วยงานนั้นๆ ว่ามีผลเป็นรูปธรรมอย่างใด ทั้งนี้ เลขาธิปการป.ป.ท.บอกกับตนว่าจะเร่งดำเนินการภายใน 3 เดือนเพื่อให้ได้ผลออกมา ทั้งการเอาผิด ป้องปราม หรือแก้ไขให้ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ประชาชนเห็นภาพและเกิดความมั่นใจภาคราชการมากขึ้น

เผยโกดังข้าวไร้ระเบียบ

     ม.ล.ปนัดดา กล่าวถึงการลงพื้นที่ของ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกฯ ตรวจสอบโกดังข้าวทั่วประเทศ เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.เป็นวันแรกว่า ตรวจสอบในภาพรวมพบว่าโกดังข้าวและไซโลหลายแห่งไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย กระสอบข้าวล้ม บางแห่งมีปัญหาข้าวเน่าเสีย ซึ่งต้องใช้เวลาศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหาเหล่านี้ วิเคราะห์คุณภาพข้าวและดีเอ็นเอข้าว นอกจากนี้ยังพบปัญหากระสอบข้าวหาย บางแห่งมีข้าวเกิน ปัญหาการจัดระเบียบในโกดังที่ไม่มีมาตรฐาน รวมถึงมีปัญหาบริษัทเอกชนที่ไม่มาทำหน้าที่รมยาข้าวเพื่อป้องกันการเน่าเสียตามที่ถูกว่าจ้าง ซึ่งต้องใช้เวลาตรวจสอบดำเนินการทั้งหมดอย่างน้อย 1 เดือน ทั้งนี้ ตนจะร่วมคณะผู้ตรวจราชการลงพื้นที่ตรวจโกดังข้าวด้วยในสัปดาห์หน้า 

     ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า การตรวจสอบข้าวในภาพรวมทุกด้าน วางกรอบไว้ว่าจะต้องเสร็จไม่เกินเดือนก.ย.นี้ แล้วนำผลที่สรุปส่งให้กับหัวหน้า คสช. ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว (นบข.) จากนั้นนำข้อมูลทั้งหมดเปิดเผยต่อประชาชนเพื่อให้เข้าใจการแก้ปัญหาข้าว ส่วนโกดังหรือไซโลข้าวที่กระทำผิดจะต้องรับผิดชอบและถูกดำเนินการตามกฎหมาย หัวหน้าผู้ตรวจราชการได้เตรียมมาตรการไว้แล้ว

ยังไม่พบความผิดปกติ

      สำหรับ การลงพื้นที่ตรวจโกดังข้าวทั่วประเทศเป็นวันที่ 2 ของคณะทำงานตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวของ นบข. ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กองทัพบก ผู้ตรวจราชการกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 100 ชุดนั้น อาทิจังหวัด เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลกกาฬสินธุ์ ศรีสะเกษ นครราชสีมา อุทัยธานี โดย ผลการตรวจไม่พบความผิดปกติใดๆ 

ลั่นล้างทุจริตข้าวพิจิตร

    ด้านพล.ต.ไสว พลการ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบ จทบ.เพชรบูรณ์ ประจำพื้นที่จ.พิจิตร และนายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าฯพิจิตร นำกำลังทหาร ผู้ตรวจราชการสำนักนายกฯ ตัวแทน อ.ต.ก. อคส. ธ.ก.ส. เกษตรจังหวัด ตำรวจ ซึ่งแบ่งเป็นชุดปฏิบัติงาน 7 ชุด ตรวจสอบข้าวที่มีฝากเก็บไว้ใน 83 คลัง 16 ไซโล ปริมาณข้าวกว่า 10 ล้านกระสอบ จุดแรกที่คลังสินค้าเจียมศรีพงษ์ ต.ฆะมัง อ.เมือง ซึ่งเก็บข้าวสารฤดูกาลปี 56/57 ของอ.ต.ก. เบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดปกติ ข้าวสารอยู่ครบและยังมีคุณภาพดี

    พล.ต.ไสว กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจากส่วนกลาง ชาวบ้านและส่วนราชการว่า มีคลังกลางไม่น้อยกว่า 7 แห่งใน 3 อำเภอ น่าจะมีสิ่งผิดปกติ มีข้าวเสื่อมคุณภาพและข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวม แต่ยังระบุชื่อและสถานที่ไม่ได้จนกว่าจะเข้าไปตรวจและมีหลักฐานชัดเจน ขอเวลาให้ทหารและทุกฝ่ายทำงาน 25 วัน เพื่อล้างบางขบวนการโกงโครงการรับจำนำข้าวของจ.พิจิตรให้สิ้นซากให้ได้ และ หลังตรวจสอบในแต่ละวันจะรายงานกองทัพภาคที่ 3 และหัวหน้าคสช.ให้รับทราบ

พณ.ชงชดเชยดอกเบี้ยให้โรงสี

   นายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากนโยบายคสช. ที่มุ่งคืนความสุขให้เกษตรกรชาวนา ได้เห็นชอบแนวทางต่างๆ ในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2557/58 โดยการลดดอกเบี้ยเงินกู้ การปล่อยสินเชื่อให้เกษตรกร ในส่วนกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ยังได้จัดทำ "โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อกเพิ่มขึ้น" เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้โรงสีและผู้ประกอบการค้าข้าวให้สามารถรับซื้อข้าวเปลือกในช่วงต้นฤดู โดยรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้กับโรงสีและผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการ ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ตามระยะเวลาที่เก็บรักษาสต๊อกไว้ 3-6 เดือนนับตั้งแต่วันที่กู้ เพื่อรับซื้อข้าวเปลือก ปีการผลิต 2557/58

    นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเปิดเผยว่า ในการหารือกับพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผู้ช่วยผบ.ทบ. รองหัวหน้าคณะฝ่ายเศรษฐกิจของ คสช. ในวันที่ 5 ก.ค. นี้จะหารือกันถึงแนวทางในการระบายข้าว โดยสมาคมจะเสนอว่า การระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล ยังจำเป็นต้องทำต่อเนื่องและสม่ำเสมอ และต้องทำควบคู่ไปกับการเช็กสต๊อก รวมทั้งการันตีคุณภาพข้าว ที่เปิดประมูลขายให้เอกชนไม่ใช้วิธีขายแบบเหมาโกดัง โดยไม่สนใจคุณภาพข้าว หากโกดังข้าวใดไม่มีปัญหาหาและข้อครหา ก็ให้นำมาประมูลเป็นช่วงๆ โดยดูช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะขณะนี้โมเมนตัมของข้าวเริ่มดีขึ้น และการส่งออกก็ดีขึ้น โดยระดับราคาข้าวขณะนี้ สามารถขายได้ดี โดยข้าวขาว 5% ของไทยอยู่ที่ตันละ 410 เหรียญสหรัฐ เท่ากับเวียดนาม และไทยก็ไม่ควรพลาดโอกาสการส่งออกในตอนนี้

บิ๊กตู่จี้สื่อรับผิดชอบข่าวเท็จ

     เวลา 20.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. หัวหน้าคสช. กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า ขอทำความเข้าใจในเรื่องสื่อมวลชนทั้งโทรทัศน์ โทรทัศน์ดาวเทียม วิทยุกระจายเสียง วิทยุชุมชน โซเชี่ยลมีเดีย สื่อสิ่งพิมพ์ วันนี้บ้านเมืองอยู่ในห้วงไม่ปกติ จำเป็นต้องขอร้องให้ลดการนำเสนอข่าวที่จะเพิ่มหรือขยายความขัดแย้ง หากสื่อใดยังนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นข้อเท็จจริงหรือสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ผู้บริหารสื่อต้องรับผิดชอบด้วย ทั้งนี้คสช.ไม่ได้มุ่งหวังใช้อำนาจจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อ เราต้องการความสงบสุข เพื่อคสช.จะได้แก้ปัญหา 

    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราพูดกันหลายครั้งแล้วเรื่องโรดแม็ป 3 ระยะ ซึ่งบางครั้งตนก็น้อยใจว่าฟังเวลาเราพูดหรือไม่ รู้ว่าทุกคนห่วงใย หวังดีกับประเทศชาติ แต่ขอให้ฟังเราบ้าง หากไม่ฟังเลย จะไม่ได้ติเพื่อก่อ แต่ติเหมือนจะทำลายกัน วันนี้ทำงานด้วยประสบ การณ์อย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน 

แจงซ้ำโรดแม็ป 3 ระยะ

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปฏิรูปในระยะที่ 1 และ 2 นั้น วันนี้เป็นขั้นเตรียมการโดยคสช.อำนวยความสะดวกให้ทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น ถกแถลงกันและยังไม่มีข้อสรุปใดๆ ซึ่งระยะที่ 2 เมื่อมีรัฐบาลแล้วจะตั้งสภาปฏิรูป วิธีการคือรับสมัครบุคคลทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่มีส่วนได้ส่วนเสีย การเมือง คู่ขัดแย้ง นักวิชาการ การศึกษา พลังงาน เศรษฐกิจ สังคม สมาคมต่างๆ ผู้แทนแต่ละจังหวัด ซึ่งต้องมีครบทุกกลุ่ม โดยเราจะกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว

     หัวหน้าคสช. กล่าวว่า ที่ผ่านมาเกิดความเสียหายมากในระบบราชการไทย ตนไม่อยากให้สังคมตำหนิเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการระดับผู้ปฏิบัติมากนัก ผู้รับผิดชอบควรเป็นฝ่ายบริหาร หรือหัวหน้าหน่วยงานระดับกระทรวง กรม หรือองค์กรระดับสูง ซึ่งคสช.เข้าไปตรวจสอบแล้ว ใครจะผิดจะถูกอย่างไรต้องพิสูจน์กันต่อไป 

ชี้ต้องปรับปรุงระบบขรก.

     "วันนี้แม้ผมจะมอบหมายงานต่างๆ ไปบ้างแล้ว แต่ผมไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้ ต้องทำงาน ดูแลให้ขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดีที่สุด รวมถึงการให้รางวัลคนดี ทำโทษคนไม่ดี ใช้พระเดชพระคุณควบคู่กันไป ซึ่งระบบการบริหารราชการ ระหว่างฝ่ายการเมืองกับข้าราชการจำเป็นต้องปรับปรุง ซึ่งคนดีย่อมมีมากกว่าคนไม่ดี เราต้องใช้คนดีทำงาน หากทำไม่ได้ก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปจนกว่าจะได้คนดี ซื่อสัตย์สุจริตจริงๆ ซึ่งการปรับย้ายข้าราชการระดับ 10-11 เพื่อความเหมาะสม คสช.ไม่ได้มุ่งหวังสืบทอดอำนาจหรือเปลี่ยนกลุ่มผลประโยชน์ แต่พยายามแก้ไขเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน การทุจริตคอร์รัปชั่น ยืนยันว่า คสช.จะพยายามสร้างระบบ สร้างข้าราชการ สร้างคนให้แข็งแรง เป็นข้าราชการที่ดี" หัวหน้าคสช. กล่าว

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการตั้งซูเปอร์บอร์ด เพื่อกำหนดนโยบายและมีมาตรการควบคุมการบริหารงานของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจต่างๆ ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น มิได้มุ่งหวังทำให้การประกอบธุรกิจเกิดความเสียหายหรือรวบผลประโยชน์มาสู่ คสช. เราต้องการให้มีมาตรการควบคุมความโปร่งใส และความเหมาะสมของผลประโยชน์ที่เกิดแก่ประชาชน ประเทศชาติ ต่อไปจะปรับปรุงจัดระบบสัดส่วนผลประโยชน์ที่เกิดกับรัฐ ผู้ถือหุ้นและประชาชนให้ชัดเจนมากกว่าเดิม

โต้เวียนเทียนจับอาวุธ

    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องโครงการรับจำนำข้าว เริ่มมีการตรวจสอบบ้างแล้ว บางส่วนพบว่ามีข้าวหายไป 8 ถึง 9 หมื่นกระสอบ มูลค่า 60-70 ล้านบาท จะต้องเร่งตรวจสอบให้ได้โดยเร็ว โดยชุดตรวจสอบที่ คสช.จัดตั้งไว้ 100 กว่าชุด จะตรวจสอบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ตรวจสอบบัญชีย้อนหลังก่อนวันที่ 22 พ.ค.2557 ว่ามีความถูกต้องเพียงใด ดำเนินการคู่ขนานไปด้วย ส่วนการแก้ปัญหาทั้งระบบจะดำเนินการในระยะที่ 2 ให้เกิดผลอย่างยั่งยืน 

    หัวหน้าคสช. กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าเรื่องอาวุธสงคราม สอบสวนพบว่ามีความเชื่อมโยง มีบุคคลที่เกี่ยวข้องมากจากอดีตถึงปัจจุบัน รวมทั้งกรณีโมเดลในจังหวัดต่างๆ กรณีที่วิจารณ์หรือพูดคุยในโซเชี่ยลมีเดียว่าเจ้าหน้าที่หมุนเวียนอาวุธมาสร้างภาพการจับกุมหรือไม่นั้น เป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างได้มาจากการสืบสวนสอบสวน ข้อมูลมาจากผู้ที่ถูกจับกุมทั้งสิ้น ขอให้มั่นใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เร็วๆ นี้ จะมีการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก

ก.ย.ตั้งรัฐบาล-ทูลรธน.ชั่วคราว

     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น การพูดคุยสันติภาพนั้น คสช.ยังคงดำเนินการอยู่ ต้องอยู่ภายใต้หลักรัฐธรรมนูญและกฎหมายไทย โดยนำบทเรียนจากต่างประเทศมาใช้ ประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์ของเรา และยังให้มาเลเซียช่วยเป็นผู้อำนวยความสะดวก พร้อมดำเนินการให้มีการพูดคุยบุคคลระดับสูง ยืนยันว่าจะปรับปรุงและแก้ไขทุกอย่างให้ดีขึ้น โดยอาศัยความเห็นชอบร่วมกันของทุกพวกทุกฝ่าย 

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการเข้าสู่ระยะที่ 2 เมื่อมีรัฐบาล ได้แก่ การปฏิรูปด้านต่างๆ พลังงาน การศึกษา ระบบราชการ กฎหมาย การแก้ปัญหาทุจริต คอร์รัปชั่น โครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจ ซึ่งวันนี้มีการตรวจสอบร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราว รายละเอียดการตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ การตั้งรัฐบาลและการตั้งสภาปฏิรูป ประมาณเดือนก.ย.จะเริ่มเข้าสู่ระยะที่ 2 ตามโรดแม็ปของ คสช.คือ การทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรัฐธรรมนูญชั่วคราวและตั้งสมาชิกสนช.

ห่วงไม่เคารพกฎหมาย

     "วันนี้หลายอย่างอ้างคำสั่งมาจากผมบ้าง หรือจากคนโน้นคนนี้บ้าง ผมประกาศแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวในเรื่องเหล่านี้ ฉะนั้นขอให้สอบถามมาอีกครั้ง ไม่ว่าใครจะอ้างอะไร เราถูกทำร้ายกันมานานแล้ว วันนี้เราจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนแต่จะยั่งยืนมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับการแก้ไขปัญหาในระยะที่ 2 ของเรา ถ้าทุกคนร่วมมือทั้งข้าราชการ เอกชน ไม่สร้างความเดือดร้อนก็จะไม่เกิดปัญหา ขอให้ผู้ที่กำลังทำความผิดหรือผู้ที่หยุดไปแล้ว อย่าทำผิดต่อไป ขอให้ประชาชนช่วยกันเฝ้าระวังพร้อมแจ้งให้ คสช.ทราบทุกเรื่อง เราจะได้นำเรื่องมาดำเนินการ ช้าบ้าง เร็วบ้าง ขึ้นอยู่ที่ความหนักเบาของปัญหานั้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่เราห่วงมากที่สุดคือการกระทำผิดกฎหมาย การทุจริต การไม่เคารพกฎหมาย ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชน ผู้มีอิทธิพล ซึ่งมีจำนวนมาก วันนี้คลี่คลายไปตามลำดับ เราจำเป็นต้องแก้ไขพฤติกรรมคนไทยเหล่านั้นให้ได้โดยเร็ว ซึ่งต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย กฎกติกาของสังคม ให้ความเป็นธรรมในการชี้แจง บางครั้งเราลงความเห็นว่าคนนั้นผิดคนนี้ถูกโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการยุติธรรม ทำให้ศาล องค์กรอิสระ หน่วยงานกระบวนการยุติธรรมไม่ได้รับการเชื่อถือและยอมรับในการตัดสินคดี ยิ่งเป็นความร้ายแรงที่หนักหนาสาหัสกว่าเดิม

ยันรัฐประหารเพื่อยุติขัดแย้ง

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนที่ต่างประเทศห่วงใยต่อการรัฐประหารในไทยนั้น คสช.ดำเนินการครั้งนี้ เพื่อยุติความรุนแรงและแยกคู่ขัดแย้งออกจากกัน ซึ่งหลังวันที่ 22 พ.ค. เรายึดอาวุธสงครามได้มาก รวมทั้งพิสูจน์ทราบเครือข่ายขบวนการได้อย่างต่อเนื่อง เรื่องการเรียกรายงานตัวบุคคลไม่ได้เรียกมาเพื่อกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือทำตามอำเภอใจ แต่เรียกมาพูดคุยกัน คสช.ส่งเสริมให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ยุติความขัดแย้ง โดยคสช. มีนโยบายไม่แทรกแซงในผลแห่งคดีเพื่อช่วยเหลือฝ่ายใด

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คสช.และคนไทยทุกคน ยึดมั่นและศรัทธาในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งคสช.เข้าใจดีว่า การทำรัฐประหารนั้นโดยรูปแบบนั้นเหมือนเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย และเป็นภัยต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามความเข้าใจของโลกตะวันตก แต่วันนี้เราจำเป็นต้องทำเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ และส่งเสริมระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยให้เจริญงอกงามต่อไป

     "วันนี้ถ้าเราไม่เข้าใจกัน ถ้าคนไทยทั้งท่านและผมไม่เข้าใจกันแล้ว เราจะให้ใครมาเข้าใจเรา ต่างประเทศจะยิ่งไม่เข้าใจ ฉะนั้นวันนี้ต้องมาเข้าใจกันก่อนถึงจะให้คนอื่นเขาเชื่อมั่นเรา ทำให้ต่างชาติเขาเชื่อมั่นเรา และให้เวลาเราแก้ไขปัญหา" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ตร.ทำลายอาวุธปืน 15 กค.นี้

    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องในการทำลายอาวุธปืนของกลางที่คดีความสิ้นสุดแล้ว กว่า 3 หมื่นรายการ ในวันที่ 15 ก.ค.นี้ หลังจากที่ไม่ได้มีการทำลายมากว่า 10 ปี โดยเตรียมเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. มาเป็นประธานในการทำลายซึ่งจะใช้วิธีหลอมความร้อน 

   พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวด้วยว่า การทำลายอาวุธครั้งนี้จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าจะไม่มีการนำกลับมาใช้อีก อย่างไรก็ตาม การทำลายอาวุธปืนของกลางไม่เกี่ยวกับ คำสั่งของ คสช. ที่มีคำสั่งให้ปราบปรามก่อนหน้านี้ เพราะเป็นคนละส่วนกัน ซึ่งในส่วนนั้นทาง คสช. ได้ส่งให้ตำรวจตรวจสอบเปรียบเทียบคดีบางส่วนแล้ว ซึ่งตำรวจก็ได้ดำเนินการไปตามขั้นตอน 

กต.เลิกพาสปอร์ต"สมศักดิ์เจียม"

   ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ยกเลิกหนังสือเดินทางของผู้ถูกออกหมายจับเพิ่มขึ้นอีก 2 ราย เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้แก่ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ เนื่องจากทั้ง 2 ถือเป็นผู้ต้องหาที่ศาลอาญาออกหมายจับในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จึงดำเนินการตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ข้อ 23 วรรคสอง 

     ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้เพิกถอนหนังสือเดินทางของนางจรรยา ยิ้มประเสริฐ ตามระเบียบฯ ข้อ 23 วรรคสอง ประกอบข้อ 21 วรรคสอง ที่ระบุว่ากระทรวงสามารถปฏิเสธหรือยับยั้งคำขอหนังสือเดิน ทางเมื่อได้รับแจ้งว่าผู้ร้องเป็นผู้ซึ่งกำลังรับโทษในคดีอาญา หรืออยู่ระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราว หรือเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่มีการออกหมายจับไว้แล้ว ซึ่งศาลหรือพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจเห็นว่าไม่ควรออกหนังสือเดินทางให้

ปิยสวัสดิ์ขึ้นแท่นปธ.บอร์ดปตท.

     พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้า คสช. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เป็นประธานกรรมการบมจ. ปตท. ให้นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นกรรมการปตท.ด้วย ขณะเดียวกันที่ประชุมยังได้หารือถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดงานสัมมนากำหนดยุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์ใหม่ของปตท. ในวันที่ 26 ก.ค. โดยมีเป้าหมายเพื่อกำหนดแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านพลังงานของปตท. จากปัจจุบันจนถึงปี 2563 ว่าจะมีทิศทางอย่างไร รวมทั้งกำหนดแผนระยะยาวจากปี 2563 ถึง 2571 เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีของปตท. เพื่อกำหนดแผนการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

     พล.อ.อ.ประจิน กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างราคาพลังงานนั้น ในช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาได้รับฟังความเห็นและเก็บข้อมูลจากฝ่ายต่างๆ อย่างครบถ้วน ซึ่งระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแนวทางต่างๆ และกำหนดรายละเอียดที่ชัดเจน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะนำเสนอต่อหัวหน้า คสช.ต่อไป แต่ยอมรับว่าจะไม่ทันนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคสช.ในวันอังคารที่ 8 ก.ค.นี้

ผบ.สส.พม่าเข้าพบ"ป๋าเปรม"

    เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 ก.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายความมั่นคง ต้อนรับพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผบ.สส.พม่า ในฐานะแขกของบก.ทท. ซึ่งมาเยือนระหว่างวันที่ 3-4 ก.ค. โดยจัดพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพเพื่อเป็นเกียรติแก่ผบ.สส.พม่า ก่อนหารือแลกเปลี่ยนข้อราชการ

    พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย กล่าวยืนยันถึงมิตรภาพที่ดีระหว่างกัน และไทยเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดที่มีความจริงใจต่อกัน รวมทั้งเชื่อมั่นว่าสิ่งที่กองทัพไทยดำเนินการอยู่ขณะนี้มีความเหมาะสมที่สุดแล้ว ซึ่งกองทัพพม่าเคยมีประสบการณ์ในเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ถือเป็นความเลวร้ายยิ่งกว่า เมื่อปีค.ศ.1988 หากพิจารณาจากโรดแม็ปของ คสช.แล้วเชื่อมั่นว่าจะประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง

     จากนั้นเวลา 11.00 น. พล.อ.ธนะศักดิ์ พร้อมด้วยรองผบ.สส. รองเสนาธิการทหาร เจ้ากรมยุทธการทหาร เจ้ากรมข่าวทหาร ผู้ช่วยทูตทหารไทยประจำประเทศพม่า ได้นำพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย และผู้ช่วยทูตทหารพม่าประจำประเทศไทย คณะของผบ.สส.พม่า รวม 21 คน เข้าพบพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ซึ่งผบ.สส.พม่ามีความสนิทเป็นการส่วนตัวในฐานะบุตรบุญธรรมของพล.อ.เปรม เนื่องจากสมัยที่พล.อ.เปรมเป็นผบ.ทบ. สนิทสนมกับบิดาของพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ที่ดำรงตำแหน่งผู้นำทางทหารของพม่าสมัยนั้น โดยก่อนหน้านี้พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.เปรมมาแล้วในปลายเดือนม.ค. 2555 และเดือนพ.ค. 2556 โดยการพบกันครั้งนี้พล.อ.เปรมได้รับประทานอาหารเที่ยงร่วมกับพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย และคณะ

    จากนั้นเวลา 14.00 น. ที่บก.ทบ. พล.อ.ธนะศักดิ์ นำพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย เข้าเยี่ยมคำนับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้าคสช.

เคาะ"วรวิทย์"ว่าที่ต.ศร.คนใหม่

    วันที่ 4 ก.ค. รายงานข่าวจากศาลปกครองแจ้งว่า ในที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา เลือกให้ นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ดำรงตำแหน่งตุลาการในศาลรัฐธรรมนูญ (ต.ศร.) ในสัดส่วนของศาลปกครอง แทนนายจรูญ อินทจาร อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้สำนักงานศาลปกครองได้แจ้งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการวุฒิสภาทราบแล้ว คาดว่านายวรวิทย์ จะลาออกจากตุลาการศาลปกครองในเร็วๆ นี้ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 204 กำหนดให้ประธานวุฒิสภานำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูล แต่ขณะนี้ไม่มีประธานวุฒิสภา ก็เป็นไปได้ที่เลขาธิการวุฒิสภา จะส่งรายชื่อนายวรวิทย์ ให้กับหัวหน้าคสช. ดำเนินการต่อไป เหมือนที่ส่งรายชื่อ นายนุรักษ์ มาประณีต ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะตุลาการฯ ให้เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ ช่วงที่คสช.มีประกาศยกเลิกส.ว.

    สำหรับ นายวรวิทย์ เป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) ตั้งเป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง มีจดหมายน้อยสนับสนุนนายตำรวจให้ได้รับการเลื่อนขั้นในตำแหน่งที่สูงขึ้นจริงหรือไม่ อีกทั้ง นายวรวิทย์ ยังเคยเป็นตุลาการเจ้าของสำนวนในคดีสำคัญอีกหลายคดีด้วยกัน

มอบ"พงศพัศ"ปราบยาเสพติด 

    เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีคสช.มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ รองผบ.ตร. พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ส. ว่า เตรียมมอบหมายให้พล.ต.อ.พงศพัศมาช่วยดูแลงานด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เนื่องจากที่ผ่านมาได้ไปปฏิบัติหน้าที่ด้านยาเสพติดมาเป็นเวลากว่า 1 ปี มีความเชี่ยวชาญ โดยวันนี้ได้มอบหมายงานในเบื้องต้นไปแล้ว 

     พล.ต.อ.พงศพัศ เปิดเผยว่า ตอนนี้ก็หมดหน้าที่ในตำแหน่ง เลขาฯป.ป.ส.แล้ว กลับมาทำงานที่ตร. ซึ่งเหมือนบ้านเก่า การให้พ้นจากตำแหน่งก็ไม่รู้สึกเสียใจ โดยเช้าวันนี้ได้รายงานตัวต่อพล.ต.อ.วัชรพลแล้ว พล.ต.อ.วัชรพลก็ให้โอกาสทำงานด้านยาเสพติดต่อ ตนก็จะกำกับดูแลงานด้านยาเสพติดตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.และพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม โดยจะนำประสบการณ์เมื่อครั้งทำงานที่ป.ป.ส.มาปรับใช้ให้งานป้องกันปราบปรามยาเสพติดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

     พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวอีกว่า แนวทางการทำงานของตนจะเน้นที่การป้องกันปราบปรามยาเสพติดในชุมนุมต่อเนื่อง สกัดกั้นการแพร่ระบาดในชุมชน หมู่บ้าน นำผู้เสพเข้าสู้การบำบัด ผู้เสพ และผู้ค้าในชุมนุมเดิมที่บำบัดแล้ว ที่พ้นโทษแล้วจะมีการนำบัญชีมาเฝ้าระวังติดตามไม่ให้กลับไปเสพ หรือค้าซ้ำอีก โดยมีพื้นที่เป้าหมาย 81,181 ชุมชน สำหรับป.ป.ส.เป็นหน่วยงานเชิงนโยบาย งานบูรณาการที่มีข้อจำกัดเรื่องกำลังคน ทำให้การป้องปราบทำได้ไม่มากเท่าที่ควร ดังนั้นเมื่อตนมากำกับงานของตร.ในด้านนี้ ก็สามารถบริหารจัดการนำกำลังตำรวจไปปฏิบัติงานได้มากขึ้นและประสานงานกับป.ป.ส.ได้อย่างสอดคล้อง เพื่อปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง บรรลุเป้าหมายของคสช.

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!