WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1ชนมน

สกัดประท้วงฮุนเซน บล็อก'วีระ' บิ๊กตู่ยัวะรายงาน'กสม.'เชิญไปอยู่ต่างประเทศ เต้น-แกนนปช.รุดเยี่ยม เสื้อแดงอุบลฯถึงในคุก

    'บิ๊กตู่'ยัวะรายงานกสม.ระบุคสช.ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน เกษียนในรายงานด้วยลายมือตัวเอง ไล่กรรมการสิทธิฯชุดอมรา พงศาพิชญ์ ไปอยู่ต่างประเทศ 'สมเด็จฮุนเซน' เยือนไทยฉลองสัมพันธ์ 65 ปี พร้อมร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้ง 2 ชาติ ณัฐวุฒิพร้อมแกนนำนปช.รุดเยี่ยม-ให้กำลังใจเสื้อแดงอุบลฯ หลังศาลฎีกาตัดสินจำคุกตลอดชีวิต พร้อมดูแลครอบครัวเหยื่อที่ต้องโทษ ด้านกรธ.ห้ามแก้รธน.โดยเปลี่ยนรูปแบบของรัฐจากระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขณะเดียวก็เพิ่มอำนาจให้องค์กรปกครองท้องถิ่นให้จัดเก็บรายได้เป็นของตัวเอง

วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9152 ข่าวสดรายวัน

ชื่นมื่น - พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ต้อนรับสมเด็จ ฮุนเซน นายกฯกัมพูชา ในโอกาสเดินทางมาเยือนไทยเป็นทางการ เพื่อฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต 2 ประเทศครบ 65 ปี ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 



บิ๊กตู่เปิดทำเนียบต้อนรับฮุนเซน

     วันที่ 18 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ให้การต้อนรับ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกฯ กัมพูชา ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล วันที่ 18-19 ธ.ค. โดยทันทีที่สมเด็จฮุน เซน ลงจากรถได้จับมือทักทายก่อนเข้าสวมกอด นายกฯ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม 

     จากนั้นนายกฯ นำตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ บริเวณสนามหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เวลา 10.30 น. นายกฯ ไทยและกัมพูชาหารือข้อราชการกลุ่มเล็ก ก่อนหารือทวิภาคีแบบเต็มคณะ 

      ภายหลังการหารือ พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ ชื่นชมความสัมพันธ์ไทยและกัมพูชาที่ครบ 65 ปี และพร้อมยกระดับสู่ความเป็นหุ้นส่วนต่อไป และขอให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 65 ปี รัฐบาลไทยและกัมพูชา ภาคประชาชนจะร่วมกันจัดกิจกรรมและการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งนายกฯ มอบให้รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้แทนพิเศษ นายกฯ ร่วมงาน โดยสมเด็จฮุน เซน เสนอให้ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลนัดนี้ทั้งไทยและกัมพูชาด้วย

พร้อมร่วมมือด้านเศรษฐกิจ 2 ปท.

     รองโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า นายกฯ ไทยและกัมพูชาเห็นชอบร่วมกันขยายปริมาณมูลค่าการค้าและการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งปัจจุบันทั้งสองประเทศมีมูลค่าการค้ารวม 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะเชื่อมโยงกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ จ.สระแก้ว-จ.บันเตียเมียนเจย การอำนวยความสะดวกด้านศุลกากรและเพิ่มปริมาณการเดินรถ เชื่อมโยงทางบกและเส้นทางรถไฟ ทั้งนี้ นายกฯ ยินดีที่จะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานและข้อตกลงว่าด้วยการจ้างงานไทย-กัมพูชาในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ ไทยและกัมพูชายืนยันจะร่วมมือกันแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและต่อต้านกระบวนการค้ามนุษย์ เร่งรัดการขึ้นทะเบียนแรงงานถูกกฎหมาย เพื่อให้แรงงานกัมพูชาได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายไทยโดยสมบูรณ์

     "ในช่วงท้าย นายกฯ ระบุว่าความสัมพันธ์ไทยและกัมพูชาถือว่าอยู่ในระดับที่ดียิ่ง ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชน เพิ่มการค้าและการลงทุน การพัฒนาในมิติต่างๆ ภายใต้แนวคิดและนโยบาย ไทยแลนด์ +1 เพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในภูมิภาคเพิ่มขึ้น โดยอาเซียนจะกลายเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรกว่า 600 ล้าน ไทยจะร่วมมือกับกัมพูชาในลักษณะเกื้อกูลส่งเสริมกันเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับไทย กัมพูชา และประชาคมอาเซียนร่วมกัน? พล.ต.วีรชนกล่าว

ฉลองสัมพันธ์ 65 ปีไทย-กัมพูชา

     เวลา 15.00 น. สมเด็จฮุน เซน เดินทางไปพบปะพูดคุยกับคณะนักธุรกิจไทย-กัมพูชา เพื่อหารือเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศ ที่โรงแรมดุสิตธานี และเวลา 19.00 น. นายกฯ ไทยเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกฯ กัมพูชา รวมทั้งเพื่อฉลองการครบรอบ 65 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-กัมพูชา ที่ตึกสันติไมตรี 

     สำหรับวันที่ 19 ธ.ค. สมเด็จฮุน เซน และคณะ จะเข้าประชุมร่วมนายกฯ และรัฐมนตรีไทย-กัมพูชาอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 2 จากนั้นนายกฯ ทั้ง 2 ประเทศจะร่วมเป็นพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางด้านแรงงาน ข้อตกลงว่าด้วยการจ้างงานไทย-กัมพูชา ขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท และแถลงการณ์ร่วมเพื่อยืนยันเจตนารมณ์ทางการเมืองที่จะขยายความร่วมมือระหว่างกัน ก่อนที่นายกฯ ทั้งสองจะแถลงข่าวร่วมกัน โดย สมเด็จฮุน เซน จะเดินทางกลับกัมพูชาในช่วงบ่ายวันที่ 19 ธ.ค.

ทหารเข้มบ้านวีระ สมความคิด

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ได้โพสต์รูปภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวบัญชีชื่อ Veera Somkwamkid ว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารกว่าสิบคนมาปิดล้อมบ้านที่ นวธานีตั้งแต่หลังเที่ยงคืนจนถึงเช้า 

     นายวีระ ระบุด้วยว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่นั้นได้รับคำสั่งจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงให้มาควบคุมเพื่อไม่ต้องการให้ไปประท้วงฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาในโอกาสเยือนไทย อีกทั้งระบุว่าตนไม่เห็นด้วยกับการเดินทางมาของฮุน เซน พร้อมตั้งคำถามถึงผลประโยชน์จากกรณีนี้ว่าจะตกอยู่กับประชาชนคนส่วนใหญ่หรือไม่ด้วย

ประยุทธ์เชิญชวนติดตามผลงาน

      เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ โดยใช้เวลา 33 นาที ตอนหนึ่งว่า ช่วง 2 สัปดาห์ที่เหลือของปี 2558 อยากให้ประชาชนติดตามวันที่ 23-25 ธ.ค. จะแถลงผลงานรอบ 1 ปีของรัฐบาล ครั้งนี้เป็นปีที่ 2 สรุปสิ่งที่ดำเนินการไปแล้ว เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน รวมทั้งชี้แจงแผนงานที่จะดำเนินการในอนาคตทั้งหมด ซึ่งสำคัญมาก เป็นข้อเท็จจริงในเรื่องปัญหาของประเทศ กระบวนการแก้ปัญหาของรัฐบาล ซึ่งในหลายๆ เรื่องต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมทั้งการดำเนินการร่วมกันแบบประชารัฐ 

     นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลจะเปิดโอกาสให้ประชาชน นักวิชาการ และผู้สนใจรวมทั้ง ผู้สื่อข่าวได้ซักถาม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสนอแนะต่างๆ ได้ เพื่อเราจะนำไปแก้ไขได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการ แต่ต้องรักษากฎกติกา เรื่องกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ช่องทางที่ถูกต้องในการแลกเปลี่ยนความเห็น อย่าไปเสนอในช่องทางที่เกิดความเสียหายต่อการบริหารโดยส่วนรวม จึงอยากให้ติดตามการแถลงผลงาน โดยรองนายกฯและรัฐมนตรีพร้อมชี้แจงตอบคำถามทุกเรื่อง

     นายกฯ กล่าวว่า สำหรับของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลที่แต่ละกระทรวงเตรียมการเพื่อคืนความสุขให้กับประชาชนทุกคนนั้น จะทยอยประชาสัมพันธ์ให้ทราบในช่องทางต่างๆ ของขวัญคงไม่ใช่เฉพาะปีใหม่อย่างเดียว บางอย่างก็เริ่มต้น แล้วจะทำให้เกิดผลสำเร็จในปีหน้า เริ่มต้นโครงการสำคัญต่างๆ เพราะเราทำตามโรดแม็ปมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องที่จะต้องทำการปฏิรูปในปีหน้า จนถึงปี 2560 


กำลังใจ - นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และแกนนำนปช. เดินทางเยี่ยมและพูดคุยให้กำลังใจนปช.อุบลราชธานี ที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต จากคดีเผาศาลากลางจังหวัดเมื่อปี 2553 ที่เรือนจำกลางอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.

ให้ทุกฝ่ายจับมือ-ร่วมประชารัฐ

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศนั้น เราใช้แนวทางประชารัฐ การปฏิรูปเศรษฐกิจในเชิงโครงสร้าง ความร่วมมือ เพราะรัฐจะดำเนินการฝ่ายเดียวคงไม่ได้ เราไม่มีเงินเพียงพอ เรากำลังสร้างความเข้มแข็งอยู่ รายได้ประเทศจะต้องเพิ่มขึ้นมากในอนาคต ฉะนั้นทุกคนต้องร่วมมือกันทั้งภาครัฐ ประชาชน และภาคธุรกิจเอกชน ที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาล ทั้งนี้ ในปี 2559 รัฐบาลจะเร่งรัดขอความร่วมมือในลักษณะประชารัฐให้มากยิ่งขึ้น ทั้งระดับบน ระดับล่าง ท้องถิ่น โดยทั้งภาครัฐ และภาคธุรกิจ เอกชน จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ในลักษณะคณะทำงานร่วมรัฐ-เอกชน-ประชาชน ที่เรียกว่า "ประชารัฐ? ซึ่งเป็นคนละอันกับคณะกรรมการร่วมรัฐเอกชน หรือกรอ. ซึ่งทำงานในนโยบาย 

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกกระทรวงเมื่อรับมอบนโยบายแล้วต้องเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม วางแผนล่วงหน้า ทุกอย่างที่ช้าเพราะยังติดความคิดของตัวเอง ไม่คิดนอกกรอบ ออกมาบ้าง ถ้าคิดนอกกรอบมาแล้วพยายามดึงเข้ากับกรอบ ตีกรอบใหม่ กฎหมายใหม่ทำกฎหมายให้ชัดเจนขึ้นสร้างความเข้าใจกับประชาชนมากขึ้น มันทำได้ทุกอย่างเพราะเราเป็นคนกำหนด ด้วยความร่วมมือระหว่างกัน ไม่ประท้วง ไม่ขัดแย้งกันจะทำให้สำเร็จได้ 

อย่ามัวขัดแย้ง-ต้องลดช่องว่าง

     "การปฏิรูปก็เหมือนกัน แต่ถ้าขัดแย้งอยู่อย่างนี้ ทุกคนยึดความคิดตัวเองเป็นใหญ่แล้วเอาความขัดแย้งมาเริ่มต้นก่อน ไม่มีทางทำได้สักอย่าง อะไรทำได้ทำก่อน อันไหนติด เอาไว้ก่อน หรือทำระยะที่ 1-2-3 ก็ได้ ทุกเรื่องเลย ผมคิดอย่างนั้นแต่ไม่รู้ เป็นเรื่องที่แม่น้ำ 5 สายไปทำมาให้ได้ ไม่งั้นมันเสียของ เสียเวลา ต้องลดช่องว่างระหว่างกันให้ได้ แล้วช่วยกันพัฒนาประเทศไทยไปด้วยกัน Strong Together ซึ่งสัปดาห์หน้ามีวันสำคัญทางคริสต์ศาสนา วันคริสต์มาส ซึ่งคนไทยมีความสุขทุกวัน ไม่ว่าของไทย ของต่างประเทศ มีความสุขหมด คนไทยเป็นชาติที่รักสงบ สันติ มีความสุข เราจะเปลี่ยนแปลงคนไทยไปเป็นอีกอย่างหรือ สู้รบไปเรื่อยๆ ขัดแย้งไปเรื่อยๆ ผมว่าไม่ใช่แล้ว ประชาชนช่วยตัดสินด้วย จะเอายังไงก็ว่ามา? นายกฯ กล่าว

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในตอนท้ายว่า ในนามของรัฐบาลไทย ขออวยพรให้คริสต์ศาสนิกชน ทุกคนในประเทศไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีแต่ความสุข สมหวังและสุขภาพที่ดี เฉลิมฉลองวันคริสต์มาสนี้กันอย่างมีสติ สนุกสนาน และปลอดภัยมีความสุข

'ไก่อู'อ้างจำไม่ได้บิ๊กตู่เกษียนอะไร

      ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษประจำสำนักนายกฯ กล่าวกรณีที่มีรายงานข่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์และหัวหน้าคสช.เขียนข้อความด้วยลายมือแนบท้ายเอกสารรายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประจำปี 2557 ของ กสม. ที่เสนอต่อครม.เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งตอนหนึ่งกล่าวถึงเรื่องร้องเรียนการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรมมากที่สุดว่า การเสนอความเห็นขององค์กรอิสระนั้น สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.) จะรวบรวมความเห็นเหล่านั้นเพื่อเสนอให้ครม.รับทราบ เมื่อครม.พิจารณาแล้วมีความเห็นอย่างไร ก็จะพูดคุยกันในที่ประชุม ส่วนนายกฯจะเขียนท้ายรายงานนั้น เพื่อให้ที่ประชุมครม.ได้รับทราบความเห็นนั้นถือเป็นสิทธิ์ และหากจะมีความเห็นกลับไปยังหน่วยงานหรือองค์กรนั้นๆ ก็ต้องทำเป็นหนังสือตอบกลับไป ไม่ใช่การเขียนด้วยลายมือ

     เมื่อถามว่าได้รับทราบหรือไม่ว่านายกฯเขียนข้อความด้วยลายมือในเอกสารรายงานดังกล่าวจริงหรือไม่ พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า "จำไม่ได้ เพราะในการประชุมที่ผ่านมา มีหลายหน่วยงานที่เสนอความเห็น ทั้งป.ป.ช. สนช. สปท. รวมทั้งกสม.

ไล่'กสม.-ชุดอมรา'ไปอยู่ตปท.

       รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากครม.รับทราบวาระการรายงานของกสม.แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ได้เขียนข้อความด้วยลายมือของตัวเองลงในเอกสารแนบท้ายรายงานของกสม. มีเนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า ให้กสม.ใช้วิจารณญาณกรณีนี้บนพื้นฐานจากอะไร บุคคลใด กลุ่มใดที่สร้างความไม่สงบสุข และได้ผ่อนผันมา โดยตลอด ยังคงกระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า การละเมิดสิทธิบุคคลเหล่านี้กับบุคคลอื่น การปกครองแล้วต่อต้าน ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กรณีทุจริตของรัฐ การใช้อาวุธสงคราม มีคดีที่ตัดสินแล้ว เขามองเรื่องเหล่านี้บนพื้นฐานจากอะไร ประเทศเรามีความแตกต่างกับต่างประเทศอะไรบ้าง ประชาชนเรามีความพร้อม/เท่าเทียมหรือยัง ใครที่ทำให้เป็นเช่นนั้น รัฐบาล/คสช.เข้ามาเพื่อเปลี่ยนแปลง ใช้วิจารณญาณอย่างไร หากยังคงมองการปฏิบัติตามกฎหมายประเทศไทยผิด ก็ควรไปอยู่ ต่างประเทศดีกว่า

ประธานกสม.แจงรายงานครม.

      วันเดียวกัน นายวัส ติงสมิตร ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวพล.อ.ประยุทธ์เกษียนในรายงานถึงกสม. เกี่ยวกับรายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยและรายงานผลการปฏิบัติงาน ของกสม. ประจำปี 2557 ที่ส่งให้ที่ประชุมครม.รับทราบเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ว่า ตนทราบว่าโฆษกรัฐบาลได้ปฏิเสธแล้วว่านายกฯ ไม่ได้กล่าวหรือมีความเห็นต่อรายงานของ กสม.ในที่ประชุมครม. เนื่องจากเป็นเพียงวาระพิจารณาเพื่อทราบเท่านั้น 

      นายวัส กล่าวว่า รายงานดังกล่าวเป็นของ กสม.ชุดที่แล้วที่นางอมรา พงศาพิชญ์ เป็นประธานกสม. ตนจึงไม่ทราบเรื่องหรือเห็นว่ามีจดหมายน้อยจากนายกฯส่งมาให้กสม. พอเห็นว่ามีการนำเสนอข่าวก็แปลกใจ เนื่องจาก กสม.ชุดนี้ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรมากขนาดนั้น ตั้งแต่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ก็มีภารกิจที่ต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ที่กสม.จะถูกพิจารณาเรื่องลดเกรดจากคณะกรรมการประสานงานว่าด้วยสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือไอซีซี ที่ไอซีซีจะมีมติในเดือนมี.ค. 2559 ขณะนี้จึงยังพอมีเวลาที่อยู่ในช่วงให้กสม.แก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อให้รักษาระดับอยู่ในเกรดเอต่อไป ส่วนที่กสม.มีแถลงการณ์เกี่ยวกับการจับกุมตัวนาย ฐนกร ศิริไพบูลย์ และนายธเนตร อนันตวงษ์ ดูแล้วยังถือว่าเป็นแถลงการณ์ที่เบากว่าองค์กร สิทธิฯอื่น

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กสม.ได้จัดทำรายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยและรายงานผลการปฏิบัติงาน ของกสม.ประจำปี 2557 ซึ่งส่งให้ที่ประชุมครม.พิจารณาเพื่อรับทราบในวันที่ 15 ธ.ค มีข้อความตอนหนึ่งระบุเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง มีประเด็นหลัก ได้แก่ การชุมนุมของกลุ่มกปปส. กลุ่มบุคคลที่หลบหนีเข้าประเทศเพื่อหาที่พักพิง การคุกคาม บังคับหายสาบสูญและสังหารแกนนำชุมชนที่เป็นผู้พิทักษ์สิทธิ และการเข้าควบคุมอำนาจของคสช. 

ชี้การรัฐประหารกระทบเสรีภาพ

      โดยในประเด็นการเข้าควบคุมอำนาจของคสช.นี้ รายงานระบุว่า ในช่วงการเข้าควบคุมอำนาจของคสช. มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการจำกัดสิทธิและเสรีภาพบางประการในช่วงเวลาที่มีแนวโน้มว่าจะมีสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาจเกิดการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนและต่อต้านรัฐบาล ประกอบกับมีผู้ใช้อาวุธสงครามต่อประชาชนผู้ชุมนุมและสถานที่สำคัญหลายครั้งและมีการจับกุมอาวุธสงครามได้จำนวนมาก แต่ภายหลังการเข้าควบคุมอำนาจในระยะหนึ่ง เห็นว่ามีสถานการณ์ที่อาจมีผล กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพอย่างมีนัยสำคัญหลายประการ 

     กสม.เห็นว่า ในสถานการณ์พิเศษ สิทธิและเสรีภาพบางประการอาจจะถูกจำกัดได้ แต่ต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ คือเป้าหมายการจำกัดสิทธิเสรีภาพดังกล่าวต้องเป็นเป้าหมายที่มีความชอบธรรม มีการตีความอย่างแคบและกระทำเท่าที่จำเป็นต่อสถานการณ์และได้สัดส่วนที่เหมาะสม ทั้งนี้ มีสิทธิบางประเภทที่ไม่สามารถเพิกถอนหรือลิดรอนได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม เช่น สิทธิในชีวิต สิทธิที่จะไม่ถูกทรมาน ดังนั้น รัฐควรทบทวนถึงความจำเป็น โดยเฉพาะการกลับมาใช้กระบวนการยุติธรรมตามปกติที่ประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลที่ถูกกล่าวหา คำนึงถึงการรับฟังความเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่ง นโยบาย และโครงการของรัฐ

ห้ามแก้รธน.เปลี่ยนรูปแบบรัฐ

      ที่รัฐสภา นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษก กรธ. แถลงว่าที่ประชุมพิจารณาหลักการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีความเห็นชอบร่วมกันว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ ขณะเดียวกันยังกำหนดในรายละเอียดด้วยว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในเรื่องใดบ้างที่ต้องผ่านการทำประชามติ

     นายชาติชาย กล่าวว่า ระหว่างการพิจารณาเรื่องดังกล่าวมีกรธ.จำนวนหนึ่งนำประเด็นข้อกฎหมายมาหารือ ว่าควรให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากในอดีตเคยมีปัญหาเรื่องอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญในการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ประเด็นเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ กรธ.จะนำมาพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 21 ธ.ค.

ให้องค์กรท้องถิ่นมีรายได้ตนเอง

     โฆษกกรธ.กล่าวว่า สำหรับหลักการของร่างรัฐธรรมนูญที่กรธ.พิจารณาเสร็จแล้วคือ การปกครองส่วนท้องถิ่น มีทั้งหมด 6 มาตรา มีสาระสำคัญ กำหนดให้การทำงบประมาณของหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่นจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรายการหรือโยกงบประมาณไปลงในส่วนที่นอกเหนือจากรายการที่กำหนดไว้ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้งบในทางทุจริต โดยเป็นหลักการเดียวกับการทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีของประเทศที่ห้ามมีการเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณ หากผู้บริหารท้องถิ่นคนใดฝ่าฝืนอาจเป็นเหตุให้ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง หรือศาลอาญาได้แล้วแต่กรณี

    นายชาติชาย กล่าวว่า กรธ.ยังคงกำหนดให้รัฐต้องให้องค์กรท้องถิ่นมีรายได้เป็นของตนเอง เพื่อให้เกิดการทำงานที่เป็นอิสระ กำหนดให้การบริหารงานท้องถิ่นต้องมีกฎหมายรองรับ ทั้งการจัดการรายได้ การทำแผนบริหาร การกำกับดูแลและป้องกันการทุจริต ส่วนที่มาของสมาชิกสภาท้องถิ่นให้มาจากการเลือกตั้ง ส่วนผู้บริหารท้องถิ่นให้มาจากการเลือกตั้งหรือความเห็นชอบของสภาท้องถิ่น

กมธ.ชงบัญญัติแก้ทุจริตในรธน.

     วันเดียวกัน นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญขับเคลื่อนด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สปท. ได้มอบหนังสือข้อเสนอการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อให้นำไปบรรจุไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.เป็นผู้รับมอบหนังสือ 

     นายปานเทพ กล่าวว่า เรามีข้อเสนอมอบให้กรธ. 19 ข้อ อาทิ การจะทำให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตมีประสิทธิภาพ จะต้องบัญญัติเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของประชาชนชาวไทย รัฐต้องจัดระบบการบริหารราชการและการบริหารงานของรัฐให้มีกลไกและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบที่มีประสิทธิภาพ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญต้องเปิดเผยและตรวจสอบได้ ไม่ว่าจะเป็นแผนการดำเนินงาน งบประมาณ ทั้งนี้ ยังเสนอให้มีศาลชำนัญพิเศษคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเป็นการเฉพาะ เพื่อความรวดเร็วในการดำเนินการ

     นายปานเทพ กล่าวว่า ข้อเสนอเหล่านี้ นายมีชัยยืนยันจะรับไปพิจารณา ซึ่งข้อเสนอของเรามีความใกล้เคียงกับที่สปช.เคยทำมาและสอดคล้องกับที่กรธ.ได้ร่างไว้ในรัฐธรรมนูญหลายเรื่อง ส่วนคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้งที่กรธ.ได้ร่างไว้นั้น ส่วนใหญ่ก็ตรงกันกับที่เราคิดไว้ ทั้งนี้ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตจะประสบความสำเร็จ อยู่ที่การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และการที่ประชาชนทุกคนไม่ยอมรับการทุจริต ข้อเสนอเหล่านี้เราจะนำไปหารือกับป.ป.ช.ต่อไปด้วย

บี้แจงรายการเสียภาษีย้อนหลัง 3 ปี 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อเสนอของกมธ.ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อบรรจุไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ เช่น ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเพื่อดำรงตำแหน่งทางการเมืองทุกประเภทและทุกระดับ รวมทั้งผู้เข้ารับการสรรหาเป็นผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรตามรัฐธรรมนูญซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ต้องแสดงสำเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ย้อนหลัง 3 ปี หากไม่แสดงหรือแสดงเป็นเท็จให้สมาชิกภาพหรือความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ห้ามไม่ให้ผู้ต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบหรือกระทำการเลือกตั้งไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรม ร่ำรวยผิดปกติ รวมถึงบุคคลที่เคยถูกปลดหรือไล่ออก เนื่องจากการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ มีสิทธิรับเลือกตั้ง

     ห้ามส.ส.นำงบประมาณที่ลด ตัดทอนจากการแปรญัตติไปจัดสรรเป็นงบส.ส. กำหนดให้จับกุม คุมขังหรือออกหมายเรียกส.ส. หรือส.ว.ระหว่างสมัยประชุมได้ ในกรณีเกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาอันเกี่ยวข้องกับการทุจริต ประพฤติมิชอบ หรือความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง การสอบสวนคดีทุจริตเกี่ยวกับการใช้อำนาจรัฐและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องมีกำหนดระยะเวลาไต่สวนข้อเท็จจริงและฟ้องดำเนินคดีโดยเร็ว เสนอให้คณะกรรมการป.ป.ช.มีวาระ 6 ปี วินิจฉัยคดีทุจริตต่อหน้าที่หรือร่ำรวยผิดปกติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับ 10 ขึ้นไป

แกนนปช.รุดเยี่ยม'แดงอุบลฯ'

     ที่เรือนจำกลางจังหวัดอุบลราชธานี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง นางธิดา โตจิราการ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)ส่วนกลาง พร้อมด้วยอดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย นายสมบัติ รัตโน นายสมคิด เชื้อคง และสมาชิก นปช.ในจังหวัดมาเยี่ยมให้กำลังใจสมาชิก กลุ่มนปช.อุบลฯ ซึ่งถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุกคดีเผาศาลากลางจ.อุบลฯ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 และปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดอุบลฯ 13 คน โดยใช้เวลาพูดคุยกันนาน 30 นาที 

     นายณัฐวุฒิให้สัมภาษณ์หลังเข้าเยี่ยมว่า แนวทางช่วยเหลือผู้ต้องขังที่เป็นสมาชิกนปช. เบื้องต้นกลุ่มนปช.จังหวัดอุบลฯ มีการรวมกลุ่มทำผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน อาทิ ยาสระผม สบู่ ยาสีฟัน และของใช้อื่นๆ ในชื่อสินค้าว่ากลุ่มชักธงรบ ช่วยกันกระจายสินค้าไปขาย เพื่อหารายได้มาเลี้ยงครอบครัวของคนกลุ่มเสื้อแดงระหว่างถูกคุมขังตามคำพิพากษาของศาล 

เต้นเชื่อไม่เป็นบรรทัดฐานคดีอื่น

       นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าจากการสอบถามทุกคนอยู่ได้ตามอัตภาพ มีการแยกขังตามความหนักเบาของโทษ ซึ่งผู้มีโทษสูง เช่น นายพิเชษฐ์ ทาบุดดา และนายชัชวาล ศรีจันดา ที่ศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต อาจย้ายไปอยู่ที่เรือนจำคลองไผ่ ส่วนผู้ต้องขังหญิงมีน.ส.ปัทมา มูลมิล ซึ่งถูกคุมขังมานานหลายปีเป็นผู้คอยดูแลให้กำลังใจระหว่างกัน

      ส่วนคำตัดสินของศาลจะมีผลต่อเนื่องถึงคดีเผาศาลากลางอีก 3 จังหวัดในภาคอีสานหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่าไม่น่ามีผลไปถึง เพราะการตัดสินของศาลต้องดูเหตุผลแต่ละเรื่องเป็นรายกรณี รายพื้นที่ จะไม่นำคำตัดสินกรณีจังหวัดอุบลฯมาใช้เป็นบรรทัดฐานใช้ตัดสินร่วมกันได้ และเชื่อว่าคำตัดสินไม่น่าทำให้กลุ่มมวลชนของนปช.ลดลง

'ภุชงค์'ยื่นอุทธรณ์คำสั่งกกต.

       ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายภุชงค์ นุตราวงศ์ อดีตเลขาธิการกกต. มายื่นหนังสือถึงนายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. เพื่ออุทธรณ์คำสั่งที่กกต.มีมติเลิกจ้าง เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. โดยนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการกกต.ด้านพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ รับหนังสือแทน 

     นายภุชงค์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมายื่นหนังสืออุทธรณ์ คัดค้าน ขอความเป็นธรรม จากกรณีกกต.มีประกาศให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากประกาศไม่เป็นธรรมและการกระทำของกกต.อาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอคัดค้านและยื่นอุทธรณ์เพื่อให้กระบวนการสู่ศาลปกครอง จากนี้ตนจะไปยื่นหนังสือถึง นายกฯ โดยหนังสือจะมีข้อมูลเรื่องที่เกิดขึ้นในสำนักงานกกต.และการประเมินผลการทำงานของตนว่าเป็นอย่างไรด้วย 

     นายภุชงค์ กล่าวว่า จากการให้สัมภาษณ์ของตนเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ตนรับผิดชอบกับสิ่งที่พูดและทราบว่าจะมีการแถลงข่าวหลังจากนี้ ถ้าผู้แถลงให้ข้อมูลไม่ถูกต้อง ตัดต่อ ไม่สุจริตกระทบเกียรติ ก็จะขอใช้สิทธิกระทบเกียรติ ทั้งนี้ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมามี กกต.คนหนึ่งไปออกรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งชี้แจงว่าผลการประเมินทั้ง 5 ข้อ เลขาธิการกกต.ได้คะแนนศูนย์ทั้งหมด ซึ่งมีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือตัดต่ออย่างไรก็ไปพิสูจน์กันในศาล

พร้อมวิ่งชนกำแพงเหล็ก5ชั้น 

      "ผมไม่ได้ทำเพื่อนายภุชงค์ แต่ทำเพื่อสำนักงาน สถาบัน และบ้านเมือง และต้องการให้กรธ. และอนุกรรมการยกร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง เขียนกฎหมายแบ่งแยกอำนาจหน้าที่ให้ชัดเจน ขอให้เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นกับผมเป็นคนสุดท้าย ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับเลขาฯคนที่ 5 ผมไม่ได้เผาบ้านตนเอง แต่จะทำบ้านให้สะอาด แม้ตัวผมจะเป็นอะไรก็ไม่ว่ากัน หากความจริงจะทำให้เจ็บปวดก็ยอมรับ สิ่งที่ดำเนินการอยู่ตอนนี้เหมือนโครงกำสรวลศรีปราชญ์ และผมไม่เคยมีวลียื่นดาบให้โจร หรือนิราศหอเอนเมืองปิซา ท่านถือเอกสารไว้ในมือทั้งหมดและคุมเจ้าหน้าที่กว่า 2,000 คน ผมมีแค่ตัวคนเดียวก็เหมือนวิ่งชนกำแพงเหล็ก 5 ชั้น? นายภุชงค์กล่าว 

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการยื่นหนังสือ มีเจ้าหน้าสำนักงานกกต.มาให้กำลังใจ และระหว่างที่นายภุชงค์ให้สัมภาษณ์อยู่ ปรากฏว่านายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ได้มายืนสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ ซึ่งนายสมชัยมีกำหนดแถลงข่าวร่วมกับอนุกรรมการเกี่ยวกับกรณีเลิกจ้างนายภุชงค์ ในเวลา 10.00 น.

ต่อมาเวลา 10.45 น. ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ นายภุชงค์เข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ผ่านนายพีระ ทองโพธิ์ ผอ.ศูนย์บริการประชาชนฯ เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีกกต.ใช้ดุลพินิจประกาศให้พ้นจากตำแหน่งโดยไม่ชอบ 

'สมชัย'แจงขั้นตอนพิมพ์รธน.

       นายภุชงค์ กล่าวว่า จะยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอความเป็นธรรม ส่วนศาลจะวินิจฉัยอย่างไรก็ตามนั้น เพราะตนเคารพในกติกา ส่วนที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ระบุจะยื่นฟ้องร้องตนว่าไปกล่าวหากกต.ล็อกสเป๊กโรงพิมพ์และปรับเปลี่ยนโครงสร้างกกต.จังหวัด ยืนยันว่าไม่เคยพูดว่าล็อกสเป๊กและไม่ได้กล่าวหาใคร หากจะฟ้องร้องก็พร้อมไปชี้แจงในรายละเอียดที่ศาล ยืนยันว่าจะไม่กลับไปเป็นเลขาฯกกต.อีกไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ขอฝากถึงกรธ.พิจารณาเส้น แบ่งอำนาจหน้าที่ระหว่างกกต.ที่กำกับนโยบาย กับเลขาฯกกต.ที่ดูแลทำความสะอาดสำนักงาน กกต.ให้ชัดเจน ถึงแม้การทำงานจะเกี่ยวข้องแต่จะต้องไม่ก้าวล่วงกัน 

     ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง แถลงชี้แจงการจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญว่า การจัดพิมพ์เอกสาร บัตรเลือกตั้ง และบัตรออกเสียงประชามติของ กกต.ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2548-2557 ดำเนินการทั้งหมด 18 ครั้ง เป็นแบบประกวดราคา 6 ครั้ง แบบวิธีพิเศษ 10 ครั้ง และแบบกรณีพิเศษ 2 ครั้ง และกรณีเตรียมทำประชามติครั้งล่าสุด หลังจากกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญชุดนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ส่งร่างรัฐธรรมนูญให้สปช.พิจารณา ที่ประชุมกกต.มีแนวทางให้สำนักงานดำเนินการด้วยวิธีประกวดราคาก่อน และให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งนายภุชงค์ได้ตั้งคณะกรรมการประสานการพิมพ์และจัดส่งร่างรัฐธรรมนูญขึ้น โดยเป็นประธานเอง ซึ่งก่อนที่สปช.จะลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการชุดดังกล่าวมีมติให้ดำเนินการโดยประกวดราคาเช่นกัน ซึ่งถือเป็นวิธีที่โปร่งใสที่สุดแล้ว ยืนยันว่ากรณีนี้ไม่มีการฮั้ว ไม่มีใบสั่ง ทุกอย่างโปร่งใส

แฉแบบก่อสร้างอาคารกกต.จังหวัด

     นายสมชัย กล่าวว่า กกต.มีมติตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอดีตผู้บริหารกกต.ตัดสินใจบริหารงานก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการ จากกรณีก่อสร้างอาคารสำนักงานกกต.จังหวัด 12 แห่ง ที่มีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบของโยธาธิการ เป็นการออกแบบของเอกชน หากมีผลการตรวจสอบออกมา กกต.จะดำเนินการอย่างถึงที่สุดต่อไป เนื่องจากเป็นอดีตผู้บริหาร ไม่สามารถดำเนินการทางวินัยได้ ก็จะดำเนินการทางอาญาต่อไป รวมทั้งส่งป.ป.ช.ดำเนินการ

      เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับนายภุชงค์หรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่าไม่รู้ใคร แต่ไม่ใช่อดีตเลขาฯ ส่วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยนายภุชงค์เป็นเลขาฯหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ต้องรอผลการตรวจสอบจากคณะกรรมการก่อน

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!