WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1เซลฟ

ปชป.แฉกทม.อีก ไฟ 39 ล.บาน คสช.ปัดห้ามแจกปฏิทินปู-แม้ว พท.ยื่นป้อมสอบ-8ปมราชภักดิ์ จี้'กรธ.'รับผิดชอบถ้ารธน.แป้ก

      ปชป.แฉปมในกทม.อีก บริษัททัวร์รับงานประดับไฟลานคนเมือง งบฯ 39 ล้าน ยื่นป.ป.ช.-สตง.สอบพร้อมกรณีซีซีทีวีต่อสัญญาบีทีเอส 'ไก่อู'ยันรัฐบาลคสช.ไม่เกี่ยวห้ามแจกปฏิทินปีใหม่"แม้ว-ปู" อ้างเป็นดุลยพินิจของฝ่ายปกครอง ด้านผู้ว่าฯร้อยเอ็ดแจงห้ามแจกเฉพาะในสถานที่ราชการ ผู้การจังหวัดชี้ไม่ผิดกฎหมาย เพื่อไทยเย้ยกลัวปฏิทิน รุมยำ'มีชัย-กรธ.'ต้องรับผิดชอบ หากร่างรธน.ทำประชามติไม่ผ่าน เพราะเนื้อหาขัดใจประชาชน ปชป.ชี้ข่าวปล่อยเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค ทำ"สุรินทร์"เสียหาย ศอตช.เน้นสอบค่าหัวคิว'ราชภักดิ์''เรืองไกร'จี้ 'บิ๊กป้อม'สอบ 8 ประเด็น

วันที่ 04 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9168 ข่าวสดรายวัน

เซลฟี่ - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกฯ พร้อม "น้องไปป์" บุตรชาย ถ่ายรูปเซลฟี่ระหว่างเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมเยี่ยมอุโบสถพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 3 ม.ค.

'ไก่อู'อ้ำอึ้งข่าวปรับครม.

    วันที่ 3 ม.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อปรับภาพลักษณ์และเรียกความเชื่อมั่นให้รัฐบาลช่วงการเข้าสู่โรดแม็ประยะที่ 2 โดยมีชื่อพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และพล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ ว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังไม่มีการพูดคุยเกี่ยวกับการปรับครม.แต่อย่างใด

หนุนห้ามแจกปฏิทินแม้ว-ปู

    พล.ต.สรรเสริญกล่าวกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดสั่งห้ามแจกปฏิทินอวยพรปีใหม่ 2559 ภาพคู่ของนายทักษิณ ชินวัตร กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า นโยบายดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับรัฐบาลหรือ คสช. แต่เป็นอำนาจของฝ่ายปกครองที่จะพิจารณาถึงความเหมาะสมในพื้นที่ ถือเป็นเรื่องของดุลพินิจของแต่ละคน เขาคงพิจารณาและมองหลายหลายปัจจัยว่าอยากให้เกิดความสงบเรียบร้อย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้

     เมื่อถามว่าฝ่ายพรรคการเมืองมองว่าอาจเป็นคำสั่งมาจากรัฐบาล หรือคสช. ซึ่งเท่ากับเป็นการลิดรอนสิทธิ พล.ต.สรรเสริญกล่าวปฏิเสธว่าไม่ใช่ อย่าไปคิดเช่นนั้นเราต้องให้เกียรติผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะผู้ว่าฯอยู่ในพื้นที่ รู้ว่าอะไรควรและอะไรที่ต้องขอความร่วมมือ เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย ทุกวันนี้ไม่มีใครอยากให้บ้านเมืองกลับไปอยู่จุดเดิม ขอถามกลับว่าการที่ผู้ว่าฯทำแบบนั้นทำให้บ้านเมืองไม่สงบเรียบร้อยหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ ดังนั้นเราต้องให้เกียรติคนทำงานในด้านฝ่ายปกครอง ซึ่งต้องมีข้อมูลในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ดังนั้นทำอะไรต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน

    เมื่อถามว่าการแจกปฏิทินอดีตนายกฯส่วนตัวมองว่าผิดตรงไหน พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ตรงนี้ไม่ทราบรายละเอียดเพราะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ เรื่องนี้คงต้องถามทางฝ่ายปกครองว่ามีมุมมองจากปัจจัยอะไร แต่ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าผู้ว่าฯ ไม่อยากให้เกิดการแบ่งสี แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แล้วทำไมไม่แจกปฏิทินรูปอื่นบ้าง

ผู้ว่าฯแจงห้ามเฉพาะที่ราชการ

      นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าฯร้อยเอ็ด กล่าวว่า หลังรับรายงานการแจกปฏิทินปีใหม่นายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้สั่งการให้นายอำเภอเชียงขวัญและผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงด่วน พร้อมสั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอทั้ง 20 แห่ง ตรวจสอบการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างนี้และประเด็นอื่นๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้มีปัญหาด้านการเมืองในพื้นที่ร้อยเอ็ดโดยเด็ดขาด ให้เพิ่มความระมัดระวังและวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของพรรคหนึ่ง พรรคใด และเพื่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ในพื้นที่

      "ไม่ได้ห้ามแจก แจกได้แต่ไม่ควรไปแจกในสถานที่ราชการ เพราะอาจทำให้มองว่าไม่เป็นกลางและมีเหตุกระทบต่อความมั่นคง" ผู้ว่าฯร้อยเอ็ดกล่าว

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบไปตามอำเภออื่นของจ.ร้อยเอ็ด ไม่พบมีการแจกปฏิทินดังกล่าวอีก

     พล.ต.ต.ยงเกียรติ มนปราณีต ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด เผยว่า ได้รับรายงานแล้วในวัน เกิดเหตุ เรื่องการแจกปฏิทินไม่มีความผิด ไม่เข้าข้อกฎหมายอะไร เป็นเรื่องของฝ่ายปกครองที่จะดำเนินการโดยตรง ทราบว่าบางจังหวัดแจกไปแล้วก็ไม่มีอะไร เว้นแต่ปักป้ายปลุกปั่นโจมตีรัฐบาล ผิดแน่ สำหรับปฏิทินแจกแล้วจะไปไล่เก็บก็ไม่ได้เพราะเป็นของขวัญตามประเพณีปีใหม่ที่สืบทอดกันมา

    ด้านนายฉลาด ขามช่วง อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 2 พรรคเพื่อไทย เผยสั้นๆ ว่า ได้รับมาแจกแค่ 200 ชุด แจกไปหมดแล้ว คงไม่มีมาแจกอีก

พท.ยันจังหวัดอื่นไม่มีปัญหา

     นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนแจกปฏิทินไปตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่ ได้มาก็แจกประชาชนทันที สอบถามจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่อีสานไม่มีปัญหาเหมือนกับที่ จ.ร้อยเอ็ด การแจกปฏิทินรูปนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ คงไม่ได้ทำลายความมั่นคงของประเทศได้ การมีคำสั่งออกมาแบบนี้หยุมหยิมมากไป คิดและมองให้เกิดปัญหาไปเอง การเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่ต้องแจกปฏิทินก็เคลื่อนไหวได้ และไม่ง่ายกว่าหรือ ยิ่งทำแบบนี้บ้านเมืองจะปรองดองกันได้อย่างไร

      นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในพื้นที่ จ.เชียงราย ก็แจกปฏิทินกันตามปกติ ไม่มีปัญหา เข้าใจว่าที่ จ.ร้อยเอ็ดเกิดปัญหาขึ้นเพราะไปแจกในพื้นที่จัดประชุมของส่วนราชการ บางครั้งก็รู้สึกเห็นใจเจ้าหน้าที่เพราะหากไม่แสดง ออกอะไรเลยก็อาจจะถูกมองว่าฝักใฝ่ฝ่ายการเมืองได้ และก็อาจจะเกิดปัญหาตามมา

     นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมองว่าเจ้าหน้าที่รัฐพยายามเอาใจเจ้านายมากเกินไป ทำแบบนี้จะทำให้เจ้านายพังเสียมากกว่า ไม่ว่าบริษัทห้างร้านไหนๆ ก็แจกปฏิทินกัน ไม่เห็นแปลกตรงไหน แต่พอเป็นรูปสองอดีตนายกฯ กลับมีปัญหา กลายเป็นประเด็นทางการเมือง ทำไมต้องห้ามแจกด้วย เสียหายหรือผิดตรงไหน แต่ในพื้นที่ของตนไม่มีปัญหาได้แจกให้ประชาชนแล้วประชาชนก็ไปแจกจ่ายกันเอง ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่รัฐมาห้าม เพราะไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย มาตรา 44 ก็ไม่ได้กำหนดว่าห้ามแจกปฏิทินรูปนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์

พท.จี้ตอบรธน.ไม่ผ่านจะทำไง

     นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงส่วนราชการบางที่ห้ามแจกปฏิทินรูปนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ความกลัวทำให้เสื่อมจริงๆ วันนี้ถึงขั้นกลัวปฏิทินกันแล้ว คนไทยคุ้นชินกับ ส.ค.ส.ที่แปลว่าส่งความสุขมาช้านาน คืนความสุขเพิ่งมีช่วงหลัง ถึงอย่างไรปฏิทินแบบไทยๆ ที่แสนจะเรียบง่าย ใครเห็นใครก็อยากได้ ยิ่งมีรูป 2 อดีตนายกฯ มีคำอวยพร ผู้คนก็อยากได้แล้วอย่าไปสร้างปฏิบัติการข่าวปฏิทินปีใหม่โมเดล ให้อายชาวโลก จะให้ชาวบ้านฟังแต่เพลงที่ผู้นำแต่งหรืออย่างไร

    นายอนุสรณ์ กล่าวถึงกรณีกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ยืนยันรัฐธรรมนูญร่างแรกออกแน่วันที่ 29 ม.ค. เหลือพิจารณาประเด็นปฏิรูป ปรองดอง บทเฉพาะกาล แต่ไม่พูดถึงหากร่างไม่ผ่านประชามติว่าต้องทำอย่างไร ว่า ผู้มีอำนาจและเครือข่ายทั้งหลายควรมีความชัดเจนให้กับคนไทยทั้งประเทศ ให้ได้รับรู้ชะตากรรมของประเทศว่าจะเดินไปในทิศทางไหน ถ้ากล้าวางเดิมพันว่าหากไม่ผ่านประชามติจะหยิบรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งขึ้นมาปรับปรุง แล้วเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งภายในปี 2559 คิดว่ากระแสจะตีกลับ ความคึกคักด้านเศรษฐกิจการลงทุนจะกลับมา บรรยากาศการลงทุนไม่ชอบอะไรที่คลุมเครือ มีเงื่อนงำ จะตอบแต่ว่าเดินตามโรดแม็ปไม่ได้อีกแล้ว

เย้ยรบ.ฟังแต่ฤๅษี-โพล

    นายอนุสรณ์กล่าวด้วยว่า กรณี พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด ระบุรัฐบาลไม่ได้กังวลหรือให้ราคากับอดีต ส.ส.เพื่อไทยที่ออกมาคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2559 จะย่ำแย่นั้น ไม่เหนือความคาดหมายที่โฆษกรัฐบาลจะออกมาทางนี้ ถือเป็นแนวถนัด สวนไว้ก่อน ไม่ดูข้อเท็จจริง ไม่ดูเจตนา พูดโดยไม่มีชุดข้อมูลวิชาการมารองรับ ตั้งแต่ผังล้มเจ้า ระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ หรือแม้แต่กล้าพูดว่ารัฐไม่เคยมีแนวคิดยกเลิก 30 บาทรักษาทุกโรค ทั้งที่คนในรัฐบาลพูดเอง รัฐบาลจะจงใจเลือกฟังแต่เฉพาะหลวงปู่ฤๅษีเกวาลัน ที่ทำนายว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่อีก 10 ปี ฟังแต่มโนโพลที่บอกว่าคน 99.50% ชื่นชอบรัฐบาล แต่ต้องฟังเสียงตักเตือนทางวิชาการด้วย อย่าฟังแต่โหร หลงเสียงโพล

     นายอนุสรณ์ กล่าวว่า กำลังทำงานสาธารณะ ต้องคิดให้เป็นจิตสาธารณะ ถ้ากลัวเปียกน้ำอย่ามาเล่นสงกรานต์ กลับไปอยู่ในค่ายอย่างเดิม ถ้ามีประเด็นไหนที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง ขอให้โฆษกชี้มาเป็นเรื่องๆ ไม่ใช่พูดกว้างๆ ปีที่แล้วนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ก็ทำนายว่าจะ ไม่ดี ผลออกมาก็ไม่ดีจริงๆ จึงอยากให้นำการคาดการณ์ไปศึกษาให้ดี ไม่ได้เป็นการโจมตีทางการเมือง

'มาร์ค'ชี้ศก.59 ได้แค่ประคอง

     นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2559 ว่า อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับคนที่ไม่มีกำลังซื้อ เช่น เกษตรกร เพราะรายได้ตกต่ำ และอย่ามองว่าการช่วยเหลือเป็นประชานิยม แต่ควรมองว่าเป็นสวัสดิการพื้นฐานระดับหนึ่ง และเป็นการบริหารเศรษฐกิจมหภาคด้วย มองว่ารัฐบาลไม่มีความชัดเจน เช่น ขอความร่วมมือการใช้น้ำแต่ไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการชดเชยว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนนโยบายที่จะนำรายจ่ายมาหักภาษีได้เป็นการช่วยคนมีกำลังซื้ออยู่แล้ว คนไม่มีกำลังซื้อก็จะไม่ได้ประโยชน์ มาตรการนี้อาจช่วยให้ตัวเลขเศรษฐกิจปลายปีกระเตื้องขึ้นเพียงนิดหน่อย แต่จะไม่ได้ช่วยเหลือปากท้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง

      นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องการลงทุนโครงการใหญ่ในปี 2559 รัฐบาลต้องมีแผนทางการคลังให้ชัดเจน โครงการขนาดใหญ่ต้องดูรายละเอียดให้รัดกุมว่าตัวเลขลงทุนคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ สังคม สมเหตุสมผลหรือไม่ ต้องดูรูปแบบการลงทุนถ้านำเอกชนเข้ามา หรือร่วมทุน ไม่ใช่การกู้เงินอย่างเดียว เช่น กรณีรถไฟไทย-จีน อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ พูดคุยในระดับผู้นำจะหาข้อยุติทำได้ไม่ยาก เพราะที่ผ่านมามีการเจรจาหลายคนมากเกินไป หรือไม่ทำให้มีปัจจัยแทรกซ้อน จนทำให้ยังหาข้อยุติเรื่องการลงทุนโครงการใหญ่ๆ ไม่ได้

      นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าภาวะเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างนี้แรงกดดันต่างประเทศ เช่น ประมง การบิน ที่ยังสะสางไม่ได้การฟื้นตัวเต็มที่ยังไม่ได้ รัฐบาลคงทำได้แค่ประคองจึงต้องดูแลใกล้ชิด แนะนำให้ประชาชนนำปรัชญาพอเพียงแบบไม่สุดโต่งใช้จ่ายสมเหตุสมผล เพราะจะคาดหวังเศรษฐกิจดีทันทีไม่ได้ เนื่องจากมีความผันผวน หลายเรื่องอยู่ที่บริหารจัดการดีก็ไม่ถึงขั้นเป็นการเผาจริงอย่างที่มีการวิเคราะห์

กรธ.แจงไม่เขียน'ปรองดอง'

     นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขานุการ กรธ. คนที่ 1 กล่าวถึงการประชุม กรธ. วันที่ 4 ม.ค. จะประชุมเพื่อหารือประเด็นการปฏิรูปและการปรองดองให้จบ โดยหลักการหากมีการบัญญัติเรื่องเหล่านี้จะใส่ไว้ในส่วนของบทเฉพาะกาล เนื่องจากเนื้อหาส่วนข้างหน้าเป็นเรื่องที่บัญญัติเป็นการถาวร แต่หมวดเหล่านี้บัญญัติไว้ชั่วคราว สิ่งสำคัญคือเราควรเลิกทะเลาะกันได้แล้ว หยุดสักที ทะเลาะกันก็ไม่ได้อะไรเพราะปีหน้าประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหามากมาย ทั้งภัยแล้ง เศรษฐกิจ เราสามารถปรองดองกันได้โดยไม่จำเป็นต้องเขียนอะไรเพราะเมื่อเขียนเรื่องนี้ลงไปมันมีนัยทางการเมือง

     นายปกรณ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญเราต้องแปลให้ต่างชาติรับทราบ หากมีการเขียนสิ่งเหล่านี้ลงไปแล้วเช่นนี้ต่างชาติที่ไหนจะกล้ามาลงทุนในบ้านเรา นอกจากนี้เรื่อง คปป.ที่มีการพูดถึง หากมีจริงใส่ไปแล้วอย่างนี้ต่างชาติจะมองเราอย่างไร ทั้งนี้ตนเห็นว่าทั้งเรื่องการปรองดองและคปป.ตนเห็นว่าหากต้องการให้บ้านเมืองสันติ ไม่อยากให้มีและไม่จำเป็นต้องมี ส่วนเรื่องการปฏิรูปหากจะใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญก็เขียนเฉพาะประเด็นเร่งด่วน และไม่จำเป็นต้องมีการสร้างองค์กรมาติดตามแต่ให้สาธารณชนเป็นคนติดตามเอง

เสนอแบนกรธ.ถ้ารธน.ไม่ผ่าน

     นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) กล่าวว่า การร่างรัฐธรรมนูญของไทยมีอาถรรพณ์ 9 ใน 11 ฉบับที่สิ้นสุดโดยผลของการรัฐประหาร จะเรียกว่าอาถรรพณ์หรือวงจรอุบาทว์ก็สุดแล้วแต่ ที่แน่ๆ คือการที่ใครบางคนออกมายืนยันหรือการันตีว่าจะไม่มีการปฏิวัติอีกแล้ว หรือบอกว่ากำลังร่างรัฐธรรมนูญเพื่อป้องกันการปฏิวัตินั้น เชื่อถือไม่ได้แล้วยังไร้สาระด้วย ไม่ทราบว่านายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.มีส่วนร่างหรืออยู่เบื้องหลังการร่างรัฐธรรม นูญปี 2550 หรือไม่ แต่ได้เป็นประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หลังปฏิวัติ และเมื่อรัฐธรรมนูญปี 2550 ถูกฉีกทิ้งโดยการรัฐประหาร นายมีชัยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย แถมยังได้กลับมาเป็นประธาน กรธ. ยังมีนักกฎหมายระดับปรมาจารย์อีกหลายคนที่มีครรลองแบบเดียวกับนายมีชัย

    นายคณิน กล่าวว่า สำหรับคนไทยก็มีแต่เสียกับเสีย เพราะต้องเสียค่าโง่ซ้ำแล้วซ้ำอีกกับทั้งในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนั้นถูกยกเลิกไปโดยการรัฐประหาร ก็มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีก ถ้าคนไทยไม่อยากเสียค่าโง่ซ้ำซากสังเวยวงจรอุบาทว์นี้แล้ว ก็คงต้องทวงถามนายมีชัย และกรธ.ชุดนี้ว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ผ่านประชามติ หรือผ่านประชามติแล้วถูกฉีกทิ้งโดยการรัฐประหารอีก นายมีชัยและกรธ.จะรับผิดชอบต่อค่าโง่ซ้ำซ้อนที่คนไทยต้องเสียไปอย่างไร ให้ถูกตัดสิทธิในการร่างรัฐธรรม นูญตลอดชีวิตดีหรือไม่

สปท.เสนอใช้ยาแรงขรก.โกง

     นายสมพงษ์ สระกวี กรรมาธิการ(กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ระบุว่า ในร่างรัฐธรรมนูญจะมีกลไกจัดการทุจริตการเลือกตั้งของนักการเมือง หากฝ่าฝืนเจอโทษตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตว่า เป็นประเด็นที่สอดคล้องกับแนวทางของกมธ. ที่ต้องการวางกลไกในการปราบปรามการทุจริตคอร์รั่ปชั่น เชื่อว่านักการเมืองจะไม่ขัดข้อง และไม่กังวลกับเรื่องดังกล่าวมากเท่าไร เพราะเชื่อว่านักการเมืองส่วนใหญ่ต้องการเข้ามาทำการเมืองให้ดีและคงไม่ได้เข้ามาเพื่อโกงอย่างที่กล่าวหากัน แต่ด้วยอารมณ์ของคนในยุคที่กระแสการต่อต้านการทุจริตมาแรงจึงไม่แปลกที่นักการเมืองจะเป็นคนกลุ่มแรกที่โดนจัดระเบียบ แต่ในความเป็นจริงไม่ว่า คนกลุ่มไหนหรือจะภาคส่วนใดก็มีเรื่องทุจริตด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะข้าราชการ หากพบว่ามีการทุจริตก็ควรมีบทลงโทษที่รุนแรงเสมอกันด้วย ไม่ใช่มุ่งแต่จะจัดการกับนักการเมืองเพียงอย่างเดียว

เนื้อหารธน.ขัดใจปชช.

     นายสมพงษ์ กล่าวว่า การที่กรธ.กำหนดบทลงโทษในการบังคับใช้กฏหมายอย่างเคร่งครัด รวมไปถึงการให้อำนาจองค์กรอิสระที่เพิ่มมากขึ้น แต่กลับไม่มีความชัดเจนในเรื่องการให้อำนาจประชาชนในการตรวจสอบเหล่านี้เลย จึงเป็นประเด็นที่อยากให้ กรธ.จัดสมดุลให้ดี และควรคำนึงถึงประเด็นที่ประชาชนมีความต้องการให้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่มานายกรัฐมนตรี กับที่มา ส.ว.ที่ควรมาจากการเลือกตั้งเพื่อความเสมอภาค มิเช่นนั้นจะผ่านด่านประชามติลำบาก

      นายสมพงษ์ กล่าวว่า เมื่อถึงตอนนั้นจะมากล่าวโทษว่านักการเมืองนำเนื้อหาของร่างไปบิดเบือนไม่ได้ เพราะจากการที่ สนช.ซึ่งถือเป็นแม่น้ำสายหนึ่งของคสช. ลงพื้นที่รับฟังความเห็นของประชาชนใน 4 ภาค ประชาชนก็สะท้อนผ่านเวทีดังกล่าวชัดเจนว่าต้องการนายกรัฐมนตรี และส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่นายมีชัยกลับไม่ฟัง และยืนยันในสิ่งที่ตนเองคิด แล้วจะมาพูดว่า ร่างออกมา ไม่ได้เอาใจนักการเมืองมันไม่ได้ เพราะชัดเจนว่าเนื้อหาที่ออกมาขัดใจประชาชน

กปปส.ซัดมีชัย-ไม่ฟังเห็นต่าง

    นายถาวร เสนเนียม แกนนำกกปส. กล่าวถึงกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ระบุหากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ใครก็ตามที่ให้ข้อมูลบิดเบือนกับประชาชน ต้องรับผิดชอบว่า เดาว่าคงพูดด้วยอารมณ์ จะเอาอะไรเป็นตัวชี้วัดว่าใคร คนไหนพูดบิดเบือนหรือไม่ เป็นคำพูดของผู้สูงอายุที่มารับหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นคนที่ค่อนข้างรับฟังความคิดเห็นแตกต่างไม่ได้ ไม่มีสมาธิเพียงพอ ขอให้ตั้งสติ มีสมาธิ เปิดใจกว้าง ข้อเสนอใดนำมาวิเคราะห์แล้วเป็นประโยชน์ต่อประชาชนก็ใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญเสีย

      "ไม่เห็นด้วยที่ถ้ารัฐธรรมนูญถูกคว่ำแล้วนายมีชัยต้องรับผิดชอบคนเดียว แต่ก็ไม่เห็นด้วยเช่นกันที่จะโยนให้คนอื่นรับผิดชอบ สิ่งที่ทำให้รัฐธรรมนูญไม่ถูกคว่ำคือต้องอดทน รับฟัง ชี้แจง ความจริงท่านก็เป็นผู้ใหญ่แล้วอย่าใช้อารมณ์เลย เดาว่าท่านแก่แล้วงานเยอะคงจะเหนื่อย ถ้าเหนื่อยมากท่านพักผ่อนเสียบ้างก็ดี" นายถาวรกล่าว

ปชป.หนุนใช้ยาแรงคุมนักการเมือง

     นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ระบุรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะกำหนดกลไกขจัดการทุจริตของนักการเมือง คุมเข้มจริยธรรมหากฝ่าฝืนเจอโทษตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ว่า ประชาธิปัตย์เห็นด้วยกับกลไกดังกล่าวมาโดยตลอด เชื่อว่าหากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ระบุให้ตัดสิทธิทาง การเมืองกับนักการเมืองที่โกงการเลือกตั้งตลอดชีวิต จะทำให้ปัญหาการทุจริตทางการเมืองลดลงแน่นอน การทุจริตมีหลายรูปแบบ เช่น การทุจริตการเลือกตั้ง การทุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ ควรต้องแบ่งเป็นกรณีๆ ไปเพื่อให้เกิดความชัดเจนจะได้ทำความเข้าใจตรงกัน และคิดว่าทางพรรคเพื่อไทยก็น่าจะเห็นด้วย

      เมื่อถามถึงการบรรจุการปฏิรูปการศึกษาและการบังคับใช้กฎหมายลงในรัฐธรรมนูญ นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องเพราะการปฏิรูปการศึกษาถือเป็นหัวใจของการปฏิรูปประเทศ จึงควรเขียนในรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนการปฏิรูปเรื่องอื่นที่ต้องทำแต่ไม่มีความจำเป็นเท่าเรื่องการศึกษาอาจบรรจุไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญแทนก็ได้

รู้ตัวคนปล่อยข่าว'สุรินทร์'

      นายนิพิฏฐ์ กล่าวถึงกระแสข่าวว่านายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้งเพื่อสางปัญหาภายในพรรค ว่า เรื่องนี้ไม่ทราบมาก่อนและอยากให้ฟังเรื่องนี้จากปากนายชวนเอง ส่วนกรณีความเข้าใจผิดเรื่องนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียนและอดีต ส.ส.นครศรี ธรรมราช จะลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค แทนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้น นายสุรินทร์ได้ปฏิเสธแล้วว่าไม่ได้พูดเช่นนั้น คนในพรรคทุกคนเข้าใจเพราะทราบดีว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ขึ้นมา คนคนนั้นเป็นสมาชิกพรรค แต่ไม่ได้ใกล้ชิดกันแล้ว แต่คนคนนี้ก็ยังพยายามเคลื่อนไหว ซึ่งก็ไม่มีผลอะไรเพราะไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว


เซลฟี่ - น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางมา กราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมเยี่ยมชมอุโบสถพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จ.เพชร บูรณ์ โดยมีประชาชนมาขอร่วมถ่ายรูปด้วย เมื่อวันที่ 3 ม.ค.

      "ดร.สุรินทร์ เป็นเบอร์ต้นๆ ของประชาธิปัตย์ที่เราเล็งไว้แล้วว่าสามารถเป็นหัวหน้าพรรคได้ จึงคิดว่าคนที่ปล่อยข่าวอย่าไปทำท่านแบบนั้นเลย เพราะทำให้ดร. สุรินทร์ เสียหาย ผมก็สงสารและเห็นใจท่าน มากๆ" นายนิพิฏฐ์กล่าว

     นายเกียรติ สิทธีอมร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวนายสุรินทร์ พร้อมเป็นหัวหน้าพรรค ว่า ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่วาระของนายอภิสิทธิ์ ยังไม่ครบจึงยังไม่มีอะไร ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นประเด็นที่จะมาคุยกัน และผู้มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคก็มีมากไม่ใช่มีนายสุรินทร์เพียงคนเดียว ตนทำงานอยู่ในวงการธุรกิจมีการพูดหยอกเล่นกันในวงสนทนา บางทีก็อาจเป็นเรื่องได้ถ้าบางกรณีหยอกเล่นกันหนักเกินไป แต่เรื่องนี้ขอย้ำว่าไม่น่าจะเป็นประเด็นอะไรเลย

'วิลาศ'ยื่นร้องกทม.พุธนี้

      เวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. แถลงว่าวันที่ 6 ม.ค.นี้ ตนจะยื่นเรื่องการทุจริตของ กทม.ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้ตรวจสอบการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ที่ผู้ว่าฯกทม.ระบุว่ามีการติดตั้ง 47,000 กว่าตัว แต่ติดตั้งจริง 11,000 ตัว และเมื่อขอเอกสารสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง กทม.กลับส่งเอกสารที่ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างมาให้ ซึ่งถือว่าเป็นพฤติ กรรมที่ทุจริต

      2.การขยายสัญญาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส ออกไปอีก 30 ปี ทั้งที่สัญญาเดิมเหลืออีก 17 ปี หรือหมดอายุในเดือนธ.ค.2572 การต่อสัญญาครั้งนี้ไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือพ.ร.บ.ร่วมทุน และถือว่าเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายเนื่องจากต้องได้รับความเห็นชอบจากรมว.มหาดไทย แต่ครั้งนี้ไม่ได้ขอความเห็นชอบจากรมว.มหาดไทย รวมทั้งยังผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือพ.ร.บ.ฮั้ว เพราะไม่มีการเปิดซองประมูลราคา

ปูดอีกประดับไฟลานคนเมือง

     3.โครงการประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมือง 5 ล้านดวง ระหว่างวันที่ 30 ธ.ค. 58-31 ม.ค.59 มูลค่า 39.5 ล้านบาท จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทที่รับทำคือบริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด ซึ่งที่ผ่านมาเป็นบริษัทรับทำทัวร์ตลอด และเป็นที่รู้จักกันในนาม "ทัวร์ก้อย" เพราะรับทำทัวร์ให้กับกทม.ตลอด แต่อยู่ดีๆ วันที่ 7 ก.ย.58 ก็ไปแจ้งต่อกรมทะเบียนการค้าขอเพิ่มวัตถุประสงค์การทำธุรกิจ คือ 1.รับตกแต่งไฟและขายหลอดไฟประดับ และ 2.จัดจำหน่ายเครื่องดนตรีทุกประเภท แสดงให้เห็นว่ามีการพูดคุยว่าต้องมารับงานดังกล่าว เนื่องจากกทม.ประกาศเชิญชวนให้ยื่นซองประมูลทำโครงการประดับไฟตกแต่งวันที่ 26 พ.ย. และเปิดซองประมูลวันที่ 17 ธ.ค.โดยที่บริษัทดังกล่าวเข้ามาทำงานทันทีทั้งที่ยังไม่ทำสัญญา เพราะต้องมีการประกาศผู้ที่ได้รับการประมูลในวันที่ 22 ธ.ค. เรื่องนี้ นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกทม. ออกมาระบุว่าไม่เป็นไร ไหนๆ บริษัทนี้ก็ได้งานอยู่แล้ว

      "ขอตั้งข้อสังเกตว่างานนี้ถ้าไม่มีการติดต่อกันหรือฮั้วกันไว้ก่อน ไฟจำนวน 5 ล้านดวง ไม่ใช่เป็นสิ่งที่หามาได้ทันเวลา และจากที่ผมไปตรวจสอบดูพบว่ามีไฟประดับ 3 แบบ แบบแรกเป็นสาย ขายเป็นม้วน ม้วนละ 500 ดวง ราคาขายปลีก 550 บาท ส่วนแบบที่สองเป็นแบบท่อมีหลอดไฟ ขายราคาเมตรละไม่เกิน 60 บาท ส่วนอีกแบบยังไม่พบตามท้องตลาดแต่เชื่อว่าราคาไม่ต่างกันมาก จากการคำนวณการใช้ไฟ 5 ล้านดวง ต้องใช้ความยาว 1 แสนเมตร หรือ 100 กิโลเมตร เทียบเป็นระยะทางคือจากกรุงเทพฯ ถึงธนบุรีปากท่อ ไม่สามารถนับจำนวนว่าครบ 5 ล้านดวงหรือไม่ แต่ถึงจะครบ 5 ล้านดวง งบประมาณก็ไม่น่าถึง 39.5 ล้านบาท แค่หลอดไฟไม่รวมค่าแรงก็เพียง 5 ล้านบาทเศษ ถามว่าใช้งบประมาณเกินไปหรือไม่ ถ้าผู้ว่าฯ และรองผู้ว่ากทม. บริสุทธิ์ใจจริงขอให้นำสัญญาว่าจ้างมากาง เพื่อให้ตรวจสอบความโปร่งใส ผมจะได้ช่วยตรวจสอบให้ และท่านจะได้ฟอกตัวเองด้วย" นายวิลาศกล่าว

บริษัทได้งานจัดทัวร์มาก่อน

     นายวิลาศกล่าวว่า จากการตรวจสอบบริษัทคิวริโอฯ เคยรับงานจัดทัวร์ของ กทม.ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. 54 โดยเป็นสมาชิกสภาเขต(ส.ข.) จำนวน 362 คน เดินทางไปยุโรปฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน 7 วัน ส่วน ผู้ช่วยส.ข. จำนวน 244 คน เดินทางไปกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน 6 วัน 5 คืน ซึ่งตามระเบียบการเดินทางของราชการต้องใช้สายการ บินไทย แต่ทัวร์ของทั้ง 2 โครงการซื้อตั๋วจากสายการบินศรีลังกาแอร์ อ้างว่าในระหว่างวันเดินทางที่นั่งของสายการบินไทยเต็ม สมัยที่ตนเป็นประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฏร ได้ตรวจสอบการทุจริตของกทม. ซึ่งตัวแทนศรีลังกาแอร์ได้ชี้แจงว่าได้ขายตั๋วเดินทางจากกทม.-มิลาน ในราคา 28,000 -29,000 บาท แต่บริษัทคิวริโอฯ กลับนำตั๋วไปเก็บกับกทม.ในราคา 39,000 บาท

     นายวิลาศ กล่าวว่า ขณะที่ถ้าเป็นราคาของการบินไทยในชั้นประหยัดจะอยู่ที่ราคา 38,000 บาท ชั้นธุรกิจอยู่ที่ราคา 1 แสนบาท ส่วนทริปผู้ช่วยส.ข. เดินทางไปจีน ราคาของการบินไทยในชั้นประหยัดอยู่ที่ 17,000 บาท ชั้นธุรกิจ ราคา 31,000 บาท ส่วนตั๋วของศรีลังกาแอร์ ในชั้นประหยัดอยู่ที่ 16,000 บาท แต่บริษัทกลับนำไปเก็บในชั้นประหยัดราคา 21,000 บาท และราคาชั้นธุรกิจ 52,800 บาท รวมเบ็ดเสร็จทุจริต 5 ล้านกว่าบาท ซึ่งตนคิดว่าบริษัทอาจไม่ได้เงินแต่อาจเป็นหน่วยงานที่ได้ แต่บริษัทจะปฏิเสธไม่รู้ไม่ได้และจะถือว่ารับรู้รับทราบ และมีส่วนร่วมในการกระทำผิด และอยู่ดีๆ ก็มารับงานประดับไฟ

     ด้านนายพรชัย เทพปัญญา สมาชิกสภากทม.สรรหา จากการแต่งตั้งของคสช. แถลงว่า บริษัทคิวริโอฯกำลังจะจัดทำทัวร์ให้ไปประเทศโปรตุเกส ซึ่งปกติเจ้าหน้าที่จัดทำเองจะใช้งบประมาณล้านกว่าบาท แต่ถ้าให้บริษัททำราคาจะสูงขึ้น ตนจะติดตามตรวจสอบโดยยื่นเป็นกระทู้ในสมัยการประชุมสภากทม.ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

รองผู้ว่าฯกทม.ยันโปร่งใส

     นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวยืนยันว่าโครงการตกแต่งไฟ มีความโปร่งใส การจัดซื้อเป็นไปตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายงบประมาณซึ่งเป็นงบประมาณกลางเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุว่าสามารถเบิกใช้ตามอำนาจบริหารของผู้ว่ฯ กทม. แต่ทางสตง.ไปโยงเข้าเงื่อนไขเบิกใช้กรณีฉุกเฉิน เริ่มดำเนินโครงการต.ค. 2558 ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่ากทม. ตั้งใจจะส่งมอบความสุขให้กับคนกรุงเทพ จึงสรรหาผู้รับเหมาโดยการจัดจ้างผ่านขั้นตอนการประกวดราคา โดยดำเนินการตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Auction) ซึ่งมีผู้รับเหมา 2 ราย ยื่นประมูล และได้ผู้ชนะการประมูลที่ราคา 39.5 ล้านบาท ประกาศผลการประมูล 17 ธ.ค. และลงนามสัญญาวันที่ 22 ธ.ค. แต่กทม.แจ้งให้ผู้รับเหมาเริ่มเข้าพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. เพื่อเตรียมความพร้อม ยืนยันว่าไม่มีการฮั้วประมูล

ศอตช.เน้นสอบหัวคิวราชภักดิ์

      นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อมูลอย่างเป็นทางการสำหรับผลสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงกลาโหม เนื่องจากติดช่วงวันหยุดยาวคาดจะได้ข้อมูลในช่วงเปิดทำการ จึงยังไม่ทราบข้อมูลละเอียดในการตรวจสอบ รวมทั้งประเด็นข้อสังเกตจำนวน 16 หน้า ในเรื่องโรงหล่อพระบรมรูปฯ คาดว่าผลสอบจะเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบของทางศอตช. ซึ่งตอนนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยทางผู้ว่าฯ สตง.ได้ตรวจสอบเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง ส่วนประเด็นการจ่ายค่าหัวคิว ซึ่งในทางกฎหมายมีความผิด ดังนั้น จะเน้นการตรวจสอบเรื่องหัวคิว เมื่อได้รับเอกสารหลักฐานจากกระทรวงกลาโหมจะเร่งดำเนินการ ทั้งนี้ พฤติการณ์การเรียกหัวคิวมีความผิดตามกฎหมาย ส่วนใครจะผิดอย่างไร ผิดแค่ไหนขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง

เรืองไกรจี้ลุยสอบ8ประเด็น

     นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 4 ม.ค. ตนจะทำหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เรื่องข้อสังเกตเพิ่มเติมจากการเข้ารับฟังการแถลงผลสอบข้อเท็จจริงการก่อสร้างโครงการ อุทยานราชภักดิ์ พร้อมด้วยเอกสาร 29 แผ่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสอบต่อไป

     นายเรืองไกร ระบุว่า ตามที่ตนได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมรับฟังการแถลงผลสอบข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงที่ได้รับฟังมีการแจงรายละเอียดการรับ-การจ่ายเงินในโครงการอย่างเพียงพอ และสอดคล้องข้อมูลที่ปรากฏต่อสังคมก่อนหน้านี้ทำให้สามารถนำไปประกอบการพิจารณาของหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบต่อไปได้เป็นอย่างดี ดังนี้ 1.ข้อมูลตัวเลขรายรับ-รายจ่ายของโครงการที่นำมาแสดงในตารางเอ็กเซล เป็นตัวเลขสรุปรวม (บางรายการยังเป็นตัวเลขโดยประมาณ) อันจะนำไปสู่การหารายละเอียดประกอบได้ต่อไป ซึ่งควรแจ้งต่อให้ สตง.ทราบด้วย เพื่อตรวจสอบกับเอกสารการขออนุมัติงบประมาณ เอกสารสัญญา แบบรูป รายงานการตรวจรับ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง

โยกงบกลางเป็นเงินบริจาค

     2.จากการแถลงข้อเท็จจริงมีการนำตัวเลขงบกลางไปรวมเป็นยอดเงินบริจาคด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ปรากฏหลักฐานทางราชการว่างบกลาง 63 ล้านบาท เป็นการขอใช้เพื่อจัดจ้างสินทรัพย์ถาวรใหม่ ดังนั้น ควรนำข้อเท็จจริงนี้ไปตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอกสารการขอใช้งบกลางตั้งแต่แรก ว่ามีการขอใช้งบกลางที่นายกฯ เป็นผู้อนุมัติหรือไม่ สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติเรื่องไว้อย่างไร การเบิกจ่ายเงินงบกลางเป็นไปตามสัญญาใด ใครเป็นคู่สัญญา มีการตรวจรับงานโดยคณะกรรมการใด

    นายเรืองไกร กล่าวว่า หากถือเป็นเงินบริจาคตามข้อเท็จจริงที่นำมาแถลง จะเป็นการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงเดิมที่ ครม.เคยรับทราบหรือไม่ และมีการแก้ไขตกแต่งรายการบัญชีจากงบลงทุนเป็นงบรายจ่ายประเภทอื่นหรือไม่ และเมื่อสินทรัพย์ถาวรใหม่ถูกเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ไปจากส่วนราชการเดิม จะเข้าข่ายลักษณะเป็นการยักยอกหรือเบียดบังทรัพย์สินของราชการตามความในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 หรือไม่

     3.การแถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้งบประมาณของโรงเรียนนายสิบทหารบก 2 รายการ คือ การโอนเงินไปไว้ในมูลนิธิ อุทยานราชภักดิ์ประมาณ 106 ล้านบาท และการใช้เงินงบประมาณอีก 149 ล้านบาทนั้น ควรตรวจสอบเพิ่มเติมว่าเงินที่โอนให้มูลนิธิราชภักดิ์เกิดขึ้นเมื่อวันใด และที่ใช้ไป 11 รายการเป็นการใช้เงินไปในพื้นที่ หรือเกี่ยวข้องกับพื้นที่โครงการอุทยานราชภักดิ์หรือไม่

ต้องตรวจสอบอีก 3 บัญชี

     4.การรับบริจาคจากโรงหล่อทั้ง 5 แห่ง เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการออกมายอมรับค่าหัวคิวก่อนหน้านี้หรือไม่ จำนวนเงินค่าหัวคิวที่กรรมการบางคนเรียกเก็บไปมีจำนวนเท่าใด ค่าหัวคิวดังกล่าวถือเป็นการทุจริตที่เข้าข่ายลักษณะความผิดตามประ มวลกฎหมายอาญา ม.147 หรือไม่ 5.เงินส่วนที่ได้รับจากการจัดกิจกรรมที่เหลืออยู่ 76 ล้านบาท ควรส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบควบคู่ไปกับหมายศาลทหารที่ออกมาเพื่อดำเนินคดีก่อนหน้านี้ว่ามีบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการในโครง การเกี่ยวข้องกับรายการในจำนวนเงินดังกล่าวด้วยหรือไม่

     6.ยังมีรายละเอียดที่ต้องตรวจสอบขยายผลต่อไปทั้ง 3 บัญชี คือ บัญชีกองทุนสวัสดิการกองทัพบก บัญชีกองทุนสวัสดิการอุทยานราชภักดิ์ และบัญชีมูลนิธิราชภักดิ์ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย 7.โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ตามแผนน่าจะยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จะดำเนินการต่อไปอย่างไร ใช้เงินจากบัญชีใด 8.มีการดำเนินการตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติและการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ พ.ศ.2520 อย่างถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ สำนักงานเลขาธิการ ครม.รับรู้และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องการขออนุญาตต่างๆ อย่างไรบ้าง

ปปช.จ่อสรุปสอบทรัพย์ 5 รมต.

     นายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการป.ป.ช. เผยความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรี 5 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโครงการรับจำนำข้าวรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า การตรวจสอบใกล้สรุปคดีแล้ว 2 ราย ตรวจสอบแล้วประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ อีก 3 ราย ที่ตรวจสอบแล้วประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ มีการเรียกพยานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำนิติกรรมของรัฐมนตรีทั้ง 5 ราย มาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงแล้ว คาดภายในเดือนม.ค.จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และภายในต้นเดือนก.พ.นี้ คาดว่าจะสามารถสรุปคดีดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ได้ ส่วนพบความผิดปกติของทรัพย์สินหรือไม่นั้นไม่ขอตอบ บอกไม่ได้ว่าเป็นอย่างไร แต่ทุกอย่างต้องมีคำตอบหากเขาทำไม่ถูกเราก็มีคำตอบ หากเขาทำถูกต้องเราก็มีคำตอบ

      แหล่งข่าวจากคณะคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีการระบายข้าวแบบจีทูจีรอบ 2 กับบริษัทจากจีน 4 แห่ง โดยมิชอบ มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และนางปราณี ศิริพันธ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นผู้ถูกกล่าวหา เผยว่า ก่อนหน้านี้อนุกรรมการไต่สวนพบว่าไม่ได้มีการขายข้าวส่งออกต่างประเทศจริง แต่กลับมีการซื้อขายข้าวภายในประเทศไทยโดยเป็นแคชเชียร์เช็ค 1,822 ใบ วงเงินกว่า 96,390 ล้านบาทนั้น ก่อนหน้านี้คณะอนุกรรมการไต่สวนฯตรวจสอบแคชเชียร์เช็คทั้งหมดแล้ว แต่ขณะนี้กำลังมีการตรวจสอบแคชเชียร์เช็คทีละรายการเพื่อดูที่มาที่ไปให้เกิดความชัดเจนเพื่อให้เกิดความรอบคอบที่สุด ยังตอบไม่ได้ว่าแคชเชียร์เช็คดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการซื้อขายข้าวแบบจีทูจีรอบแรกหรือไม่ แต่หากพบความเกี่ยวโยงจะสั่งอายัดแคชเชียร์เช็ค ดังกล่าว

ปู-ไปป์เที่ยวเขาค้อ

     วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมลูกชาย ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือ "น้องไปป์" เดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวบนเขาค้อ หลังเมื่อคืนที่ผ่านมาได้นอนพักค้างแรมที่บุรีทันตาเขาค้อรีสอร์ท อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคเพื่อไทย ต้อนรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์และน้องไปป์แวะชมและ เก็บสตรอว์เบอร์รี่ที่ไร่ GP บ้านเพชรดำ อ.เขาค้อ จากนั้นยังทดลองเล่นรถไม้ม้ง หรือรถเลื่อนภูเขาพร้อมเล่นชิงช้า ก่อนจะถ่ายรูปร่วมกันด้วยความสนุกสนาน

      ต่อมาเดินทางไปยังวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ ชมทิวทัศน์ และสถาปัตยกรรมรวมทั้งสิ่งปลูกสร้างอันอลังการ ขณะเดียวกันยังเข้ากราบไหว้สัก การะพระบรมสารีริกธาตุภายในวัด โดยได้มีนักท่องเที่ยวขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกจำนวนมาก จากนั้นเดินทางไปกินขนมเส้นหล่มเก่า อาหารประจำถิ่นที่มีชื่อของเพชรบูรณ์ ที่ร้านขนมจีนเส้นสดแม่บุญมี อ.หล่มเก่า แล้วเดินทางไปต่อที่จ.ขอนแก่น ระหว่างน.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ บนเขาค้อ มีนักท่องเที่ยวมาขอถ่ายรูป จับมือให้กำลังใจจำนวนมาก โดยก่อนหน้านี้ไปร่วมงานพิธีตัดหวายลูกนิมิตที่วัดท่าด้วง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ก่อนเดินทางไปพักค้างแรมและท่องเที่ยวที่เขาค้อ

เที่ยวต่องานดอกไม้ขอนแก่น

    เวลา 18.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมอดีตส.ส.เพื่อไทย นายธนิก มาสีพิทักษ์ นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ นายอดิศร เพียงเกษ นายจักริน พัฒนดำรงจิตร นางมุกดา พงษ์สมบัติ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช เดินทางมาเที่ยวงานมหัศจรรย์พรรณไม้นานาชาติ ขอนแก่น ครั้งที่ 3 ที่สวนสุขภาพบึงทุ่งสร้าง เขตเทศบาลนครขอนแก่น

    พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.สุภากร คำสิงห์นอก รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น รักษาการ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 50 นายมารักษาความสงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่ และพ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี หัวหน้ากองข่าว มทบ.23 หรือผบ. ชุดปฏิบัติการประจำพื้นที่กองกำลังรักษา ความสงบเรียบร้อย จ.ขอนแก่น ได้มาสังเกตการณ์

     น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินชมพรรณไม้นานาชาติตามโซนต่างๆ ทุกโซนมีนักท่องเที่ยวประมาณ 200-300 คน ต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมมอบดอกกุหลาบสีแดงให้และตะโกนเชียร์ว่า "ฉันรักนายกฯยิ่งลักษณ์" "นายกฯต้องสู้" "นายกฯสู้ตาย" และเข้ามาขอถ่ายรูปและถ่ายเซลฟี่ตลอดเวลา ก่อนกลับไปที่พักในโรงแรมเจริญธานีขอนแก่น

ไหว้ศาลเจ้าจอมนรินทร์

      นายธนิก มาสีพิทักษ์ อดีตส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เผยว่าหลังไปเที่ยวที่อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ คณะของอดีตนายกฯ มาที่อุทยานภูเวียง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น เยี่ยม ชมธรรมชาติในอุทยานภูเวียง และเข้าสักการะศาลเจ้าจอมปากช่องภูเวียง หรือศาลเจ้าจอมนรินทร์ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอ.ภูเวียง และมาที่งานมหัศจรรย์พรรณไม้ฯ ในวันที่ 4 ม.ค. เวลา 09.00 น.จะเดินทางไปอ.บ้านไผ่ เพื่อกราบนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาว อ.บ้านไผ่ เดินทางต่อไปยังอ.ซำสูง จ.ขอนแก่น เพื่อเป็นประธานพิธีปิดทองตัดลูกนิมิต ณ วัดโพธิ์ชัย อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น แล้วจะเดินทางไปยังท่าอากาศยานขอนแก่น กลับกทม.

 

ปชป.แฉอีกพิรุธกทม. ยื่นสอบอุโมงค์ไฟ 39 ล. ชี้บ.ทัวร์ขาประจำได้งาน ปูดมีกลุ่มจ้องโค่นมาร์ค ไก่อูปัดเบรกปฏิทินแม้ว รธน.ไม่ผ่านจี้มีชัยรับผิด

  • มติชนออนไลน์ :
  •       เลขาฯกรธ.ค้านใส่'ปรองดอง-คปป.'ในรัฐธรรมนูญ ห่วงสร้างนัยยะการเมืองเป็นปัญหาภายหลัง 'นิพิฏฐ์'หนุนกลไกสกัดโกง ตัดสินนักการเมืองเลือกตั้งตลอดชีวิต

    @ กรธ.ค้าน'ปรองดอง-คปป.'ใส่รธน.

         เมื่อวันที่ 3 มกราคม นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขานุการคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ คนที่ 1 เปิดเผยว่า ในการประชุม กรธ.ในวันที่ 4 มกราคม จะหารือประเด็นการปฏิรูปและการปรองดองให้แล้วเสร็จ ซึ่งโดยหลักการหากบัญญัติเรื่องเหล่านี้ก็จะใส่ไว้ในส่วนของบทเฉพาะกาล เนื่องจากในหมวดเหล่านี้เป็นการบัญญัติไว้ชั่วคราว ความจริงเรื่องการปรองดองสามารถทำกันได้โดยไม่จำเป็นต้องเขียนอะไร แต่หากเขียนเรื่องนี้ลงไปในรัฐธรรมนูญจะมีนัยยะทางการเมือง และรัฐธรรมนูญต้องแปลให้ต่างชาติรับทราบ หากเขียนสิ่งเหล่านี้ลงไป ต่างชาติอาจกล้าเข้ามาลงทุน

         "หรือเรื่องคณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ที่มีการพูดถึง หากมีจริงและใส่ไปแล้ว อย่างนี้ต่างชาติจะมองเราอย่างไร ผมเห็นว่าทั้งเรื่องการปรองดองและ คปป. หากต้องการให้บ้านเมืองสันติ ไม่อยากให้มีและไม่จำเป็นต้องมี ส่วนเรื่องการปฏิรูปหากจะใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญก็เขียนเฉพาะประเด็นเร่งด่วน และไม่จำเป็นต้องมีการสร้างองค์กรมาติดตามแต่ให้สาธารณชนเป็นคนติดตามเอง" นายปกรณ์กล่าว 

    @ "นิพิฏฐ์"หนุน"มีชัย"สกัดโกง 

          นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ระบุว่าในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะกำหนดกลไกขจัดการทุจริตการเลือกตั้งของนักการเมือง หากฝ่าฝืนต้องถูกโทษตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตว่า ปชป.เห็นด้วยมาตลอด เชื่อว่าตัดสิทธิทางการเมืองกับนักการเมืองที่โกงการเลือกตั้งตลอดชีวิต จะทำให้ปัญหาการทุจริตทางการเมืองลดลงแน่นอน เพราะนักการเมืองคงไม่มีใครอยากสูญเสียโอกาสทำงานไปตลอด 

         นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า การทุจริตมีหลายรูปแบบ เช่น การทุจริตการเลือกตั้ง การทุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ ควรต้องแย่งเป็นกรณีไปเพื่อให้เกิดความชัดเจน และเข้าใจตรงกัน คิดว่าพรรคเพื่อไทย (พท.) ก็น่าจะเห็นด้วย 

         เมื่อถามถึงกรณีนายมีชัยจะบรรจุการปฏิรูปการศึกษาและการบังคับใช้กฎหมาย ลงไปในรัฐธรรมนูญด้วยนั้น นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้อง การปฏิรูปการศึกษาถือเป็นหัวใจของการปฏิรูปประเทศจึงควรเขียนในรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับการบังคับใช้กฎหมายก็เช่นกัน ส่วนการปฏิรูปอื่นๆ ที่ต้องทำ แต่ไม่มีความจำเป็นเท่าเรื่องการศึกษาก็ไม่จำเป็นต้องบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่อาจบรรจุไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญแทนได้

    @ สปท.เชื่อนักการเมืองหนุนยาแรง 

        นายสมพงษ์ สระกวี กรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวว่า การที่นายมีชัยจะกำหนดกลไกขจัดการทุจริตการเลือกตั้งของนักการเมือง เป็นประเด็นที่สอดคล้องกับแนวทางของ กมธ.ในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น เชื่อว่านักการเมืองจะไม่ขัดข้อง และไม่กังวลกับเรื่องดังกล่าวมากเท่าไรนัก เพราะเชื่อว่านักการเมืองส่วนใหญ่ต้องการเข้ามาทำการเมืองให้ดี คงไม่ได้เข้ามาเพื่อโกงอย่างที่กล่าวหากัน แต่ด้วยอารมณ์ของคนในยุคการต่อต้านการทุจริตมาแรง จึงไม่แปลกที่นักการเมืองจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ถูกจัดระเบียบ 

        "การที่ กรธ.กำหนดบทลงโทษในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมไปถึงการให้อำนาจองค์กรอิสระเพิ่มมากขึ้น แต่กลับไม่มีความชัดเจนในเรื่องการให้อำนาจประชาชนในการตรวจสอบเหล่านี้เลย จึงเป็นประเด็นที่อยากให้ กรธ.จัดสมดุลให้ดี และควรคำนึงถึงประเด็นที่ประชาชนมีความต้องการให้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่มานายกรัฐมนตรี กับที่มา ส.ว.ที่ควรมาจากการเลือกตั้งเพื่อความเสมอภาค มิเช่นนั้นจะผ่านด่านประชามติลำบาก" นายสมพงษ์กล่าว

    @'ปึ้ง'จี้ถาม'มีชัย'หากรธน.ไม่ผ่าน 

         นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล แกนนำ พท. และอดีตรองนายกฯ กล่าวว่า กรณีนายมีชัยออกมาบอกว่า หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ใครก็ตามหรือคนใดที่ให้ข้อมูลที่บิดเบือนแก่ประชาชนหรือให้ข้อมูลไม่ถูกต้อง ต้องรับผิดชอบ จึงอยากทราบว่านายมีชัยจะให้ออกกฎหมายกำหนดบทลงโทษอย่างไร จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้มาตรา 44 เขียนบทลงโทษให้เรียกค่าใช้จ่ายในการลงประชามติคืนหรืออย่างไร และถ้าหาก กรธ.เขียนรัฐธรรมนูญ และประชาชนไม่เห็นด้วย ไม่ผ่านร่างรัฐธรรมนูญให้ กรธ.จะต้องชดใช้ความเสียหายอย่างไร

        "การที่มีแนวคิดที่จะใช้ทหารหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐไปชี้แจงรัฐธรรมนูญให้ประชาชนได้รับทราบ สมมุติว่าหากมีการชี้แจงไปผิดๆ หรือมีการบิดเบือนเกิดขึ้น อาจจะเป็นด้วยข้อมูลที่คลาดเคลื่อนหรือไม่เข้าใจเจตนารมณ์ที่แท้จริงในการยกร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ.และประชาชนเขาไม่เอาด้วย ทหารหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเหล่านั้นจะต้องรับผิดชอบหรือไม่ อยากให้นายมีชัยช่วยชี้แจงให้ความกระจ่าง" นายสุรพงษ์กล่าว

    @ อดีตสปช.ตั้ง 3 ปมถามกรธ.

         นายบุญเลิศ คชายุทธเดช อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่ร่างแรกจะเสร็จในวันที่ 29 มกราคมนี้ ว่า มีประเด็นที่อยากได้คำตอบที่จะเป็นประโยชน์ต่อกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญและการออกเสียงประชามติ ดังนี้ 1.กรธ.จะประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการ รวมทั้งกำหนดเวลาในการรับฟังความเห็นประชาชนได้เมื่อไร เพราะการชี้แจงสาระของร่าง รธน. และการรับฟังความเห็นประชาชน ควรจะทำในรูปประชาพิจารณ์อย่างเข้มข้น 2.คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 เมื่อไร โดยเฉพาะในประเด็นการลงมติประชามติให้ถือเอาเสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิ มิใช่ผู้มีสิทธิ รวมทั้งประเด็นหากประชาชนลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ จะทำอย่างไรต่อไปเพื่อให้มีรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ซึ่งต้องมีความชอบธรรม เป็นที่ยอมรับได้ของประชาชน ไม่เกิดวิกฤตรัฐธรรมนูญในอนาคต

    @ ห่วงรัฐธรรมนูญสะดุดประชามติ 

          นายบุญเลิศกล่าวต่อว่า 3.รัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 กำหนดให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เสนอประเด็นคำถามต่อ ครม.เพื่อให้ประชาชนลงประชามติไปพร้อมกับร่างรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อ สปช.ลงมติคว่ำไปเสียก่อน จึงไม่มีการเสนอประเด็นเพื่อนำไปสอบถามประชาชน เมื่อ กรธ.มาร่างรัฐธรรมนูญต่อจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญชุดนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ คสช.และรัฐบาลจะยืนยันในความคิดที่จะสอบถามประเด็นเพิ่มเติมอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากมุ่งหวังให้ร่างผ่านประชามติ กรธ.ไม่ควรปล่อยให้บรรยากาศเงียบสงัดเช่นนี้ กรธ.ไม่มีกระบวนการสื่อสารสาธารณะ หรือการประชาสัมพันธ์เลย เป็นเรื่องแปลกมาก จึงรู้สึกหวั่นเกรงว่าร่างรัฐธรรมนูญอาจไม่ผ่านประชามติได้

    @ เหน็บคนปล่อยข่าว'สุรินทร์'

        สำหรับ กระแสข่าวนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา ปชป. จะกลับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อสางปัญหาภายในพรรค นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้า ปชป. กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบมาก่อน และอยากให้ฟังเรื่องนี้จากปากนายชวนเอง ส่วนกระแสข่าวนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียนจะลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ปชป. เห็นว่านายสุรินทร์ได้ปฏิเสธแล้วว่าไม่ได้พูดเช่นนั้น คน ปชป.ทุกคนเข้าใจดี เพราะทราบว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ขึ้นมา คนคนนั้นเป็นสมาชิก ปชป.แต่ไม่ได้ใกล้ชิดกันแล้ว แต่ก็ยังพยายามเคลื่อนไหวเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งก็ไม่มีผลอะไรเพราะไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว

         "นายสุรินทร์เป็นเบอร์ต้นๆ ของ ปชป.ที่เราเล็งไว้แล้วว่า ท่านสามารถเป็นหัวหน้าพรรคได้ จึงคิดว่าคนที่ปล่อยข่าวอย่าไปทำท่านแบบนั้นเลย เพราะทำให้นายสุรินทร์เสียหาย" นายนิพิฏฐ์กล่าว

    @ ปชป.เชื่อเลื่อยเก้าอี้'มาร์ค'มีต่อ

         นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ ปชป. กล่าวว่า แม้นายสุรินทร์ จะออกมาปฏิเสธแล้ว แต่เรื่องนี้ดูเหมือนมีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ส่อให้เห็นถึงความพยายามในการจะให้ นายอภิสิทธิ์ออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค และเชื่อว่าความพยายามดังกล่าวจะยังมีอีกต่อไป เพราะมีบางฝ่ายมองว่านายอภิสิทธิ์เป็นอุปสรรคขัดขวางในการนิรโทษกรรม 

    @'หมอผี'ชี้'สุขุมพันธุ์'น่าสน

          ผู้สื่อข่าว จ.นครศรีธรรมราช รายงานว่า ในวงน้ำชาเมืองนครศรีฯยังคงมีการพูดคุยถึงกระแสข่าวนายสุรินทร์จะชิงตำแหน่งหัวหน้า ปชป. และมีการสอบถามผู้ใหญ่ใน ปชป.ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ถึงความเป็นไปได้ของการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคในคราวหน้า

         นายสัมพันธ์ ทองสมัคร อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช เขต 1 ปชป. กล่าวว่า ได้คุยกับนายสุรินทร์แล้ว ไม่ได้เป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด แต่หากเป็น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ตนมองว่าก็น่าจะสนใจอยู่เหมือนกัน

           "ต้องไม่ลืมว่า ปชป.เป็นพรรคเก่าแก่ มีความเคารพในกฎกติกา ผมยังเชื่อมั่นว่าน่าจะมีทางออกที่ดี ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคคงหาทางออกที่ดี ส่วนกระแสข่าวนายชวนจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อแก้ปัญหาความวุ่นวายนั้น อาจจะมีความเป็นไปได้ แต่เป็นเพียงหัวหน้ารักษาการ จนกว่าการเลือกตั้งภายในพรรคจะแล้วเสร็จ ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงได้ การเมืองไทยไม่เคยนิ่ง คาด 2-3 วัน น่าจะรู้ผล" นายสัมพันธ์กล่าว 

    @ พท.ขำกลัวกระทั่งปฏิทินแม้ว 

        นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษก พท. กล่าวถึงกรณีจังหวัดร้อยเอ็ดเบรกเรื่องการแจกปฏิทินขึ้นปีใหม่ที่มีรูปนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคการเมือง ว่า "ความกลัวทำให้เสื่อมจริงๆ วันนี้ถึงขั้นกลัวปฏิทินกันแล้ว คนไทย

         คุ้นชิน กับ ส.ค.ส.ที่แปลว่า ส่งความสุข มาช้านาน คืนความสุข เพิ่งมีช่วงหลัง ยังไงปฏิทินแบบไทยๆ ที่แสนจะเรียบง่าย เข้าใจชาวบ้าน ใครเห็นใครก็อยากได้ ยิ่งมีรูป 2 อดีตนายกฯ มีคำอวยพร ผู้คนก็อยากได้ แล้วอย่าไปสร้างปฏิบัติการข่าว ปฏิทินปีใหม่โมเดล ให้อายชาวโลก จะให้ชาวบ้านฟังแต่เพลงที่ท่านผู้นำแต่งหรืออย่างไร"

    @ ซัดจนท.เอาใจนายเกินเหตุ

          นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พท. กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเจ้าหน้าที่รัฐพยายามเอาใจเจ้านายมากเกินไป ทำแบบนี้จะทำให้เจ้านายพังเสียมากกว่า เพราะไม่ว่าบริษัทห้างร้านไหนก็แจกปฏิทินกันทั้งนั้น ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน แต่พอปฏิทินเป็นรูปสองอดีตนายกฯ กลับมีปัญหา กลายเป็นประเด็นทางการเมือง อยากถามว่าทำไมต้องห้ามแจกด้วย เป็นเรื่องเสียหายหรือผิดตรงไหน อย่างไรก็ตาม สำหรับในพื้นที่ตนไม่มีปัญหา แจกให้ประชาชนไปแจกจ่ายกันเอง ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่รัฐมาห้ามแต่อย่างใด เพราะไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย 

    @ ผวจ.ร้อยเอ็ดรับห้ามแจก

         ขณะที่นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวยอมรับว่า ได้สั่งการให้ตรวจสอบการแจกปฏิทินดังกล่าวจำนวน 200 ชุดจริง ในระหว่างประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน และยังสั่งการไปยัง 20 อำเภอ ให้มีการตรวจสอบเช่นเดียวกัน แต่ยังไม่พบว่าอำเภออื่นมีการแจกปฏิทินดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าเป็นความไม่เหมาะสม และห้ามแจกปฏิทินดังกล่าวในการประชุมของทางราชการโดยเด็ดขาด

        นายอนุสรณ์ กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ได้ขัดขวางการแจกปฏิทินปีใหม่ และไม่ได้หมายความว่าจะขัดขวางการอวยพรปีใหม่ให้กับประชาชนชาวร้อยเอ็ด แต่การแจกปฏิทินในวาระเวลาราชการ ต้องมองที่ความเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแจกปฏิทินดังกล่าวในที่ประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.เชียงขวัญ ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรปฏิบัติ และไม่ควรที่จะนำปฏิทินของนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นของใครก็ตามมาแจก เพราะถือเป็นความไม่เหมาะสม และจะถูกมองว่ามีความไม่เป็นกลางทางการเมือง หากอยากจะแจกก็แจกในเวลาอื่น ไม่ได้ห้าม

    @ ห่วงถูกมองไม่เป็นกลาง

         ด้านนายวัลลภ จินดาเงิน นายอำเภอเชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า มีการแจกปฏิทินดังกล่าว 200 ชุด ในที่ประชุมประจำเดือนให้กับกำนันผู้ใหญ่บ้านจริง เบื้องต้นไม่ทราบว่าเป็นของใคร เพราะม้วนเอารูปภาพไว้ข้างใน และมีผู้นำมาวางไว้ จึงคิดว่าเป็นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จึงนำมาแจกให้กับผู้เข้าร่วมประชุมไป ภายหลังจึงทราบว่าเป็นปฏิทินที่ผู้ประสานงานนักการเมืองในพื้นที่นำมาวางฝากไว้ให้แจก แต่หลังจากทางจังหวัดสั่งการให้มีการตรวจสอบเฝ้าระวัง ไม่ให้เกิดขึ้นในที่ประชุมส่วนราชการ หรือส่วนการปกครองส่วนท้องถิ่น จึงได้แจ้งเตือนไปยังกำนันผู้ใหญ่บ้านให้ระวังตรวจสอบ ไม่ให้มีการนำปฏิทินดังกล่าวมาแจกให้กับประชาชน เพราะเหตุเกิดขึ้นที่อำเภอถือว่าเป็นความผิดพลาดและไม่เป็นกลาง หากจะมีผู้ประสานงานนักการเมืองจะแจกปฏิทินชาวบ้าน ก็ให้แจกกันเอง โดยไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด

    @'ไก่อู'ปัดรัฐเอี่ยวห้ามแจกปฏิทิน

         พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดสั่งห้ามแจกปฏิทินอวยพรปีใหม่ 2559 ภาพของนายทักษิณคู่กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยยืนยันว่า นโยบายดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลหรือ คสช. แต่เป็นอำนาจของฝ่ายปกครองที่จะพิจารณาถึงความเหมาะสมในพื้นที่ของตัวเอง ถือเป็นเรื่องของดุลพินิจ ซึ่งคงพิจารณาและมองในหลายปัจจัยว่า อยากให้เกิดความสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เรื่องนี้คงต้องไปถามฝ่ายปกครองไม่ใช่ทุกเรื่องจะมาถามรัฐบาลอย่างเดียว

         ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายพรรคการเมืองมองว่า อาจเป็นคำสั่งมาจากรัฐบาล หรือคสช. ซึ่งเท่ากับเป็นการลิดรอนสิทธิ พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า อย่าไปคิดเช่นนั้น ต้องให้เกียรติผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะเป็นผู้อยู่ในพื้นที่ รู้ว่าอะไรควรและอะไรที่ต้องขอความร่วมมือ เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย เมื่อถามต่อว่า การแจกปฏิทินอดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวแล้วมองว่ามีความผิดตรงไหน พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ตรงนี้ไม่ทราบรายละเอียด เพราะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ คงต้องถามทางฝ่ายปกครองว่ามีมุมมองปัจจัยอะไร 

    @ ปัดกระแสปรับคณะรัฐมนตรี

          ส่วนกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อปรับภาพลักษณ์และเรียกความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาล ในช่วงการเข้าสู่โรดแมป ระยะที่ 2 โดยมีชื่อ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการรวมอยู่ด้วยนั้น พล.ต.สรรเสริญกล่าวปฏิเสธเพียงสั้นๆ ว่า ไม่ทราบในเรื่องนี้ และที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ยังไม่มีการพูดคุยเกี่ยวกับการปรับ ครม.แต่อย่างใด

    @ 80%ไม่สมหวังปราบโกง

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มหาวิทยาลัยสวนดุสิต (สวนดุสิตโพล) เผยแพร่ผลสำรวจความคิดประชาชน เรื่องสิ่งที่คนไทยคาดหวังในปี 2559 โดยในประเด็นความคาดหวังต่อการเมืองไทย ส่วนใหญ่ ร้อยละ 79.20 หวังให้รัฐบาลเข้มแข็ง มีเสถียรภาพ ไม่แตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ร้อยละ 72.99 การเมืองดี สร้างสรรค์ เป็นประชาธิปไตย และร้อยละ 55.84 ได้นักการเมืองที่ดี มีคุณภาพ ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น

          เมื่อถามสิ่งที่คิดว่าจะไม่สมหวัง ส่วนใหญ่ ร้อยละ 80.94 ระบุการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นให้หมดไปจากสังคมไทย ร้อยละ 75.91 ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน /เหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และร้อยละ 74.82 การบังคับใช้กฎหมาย การเคารพกฎหมายและปฏิบัติตามกฎระเบียบของประชาชน

    @ เรืองไกรถามกห.8 ปม'ราชภักดิ์'

         ด้านความคืบหน้าการตรวจสอบการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ม.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พท. ส่งเอกสารไปที่กระทรวงกลาโหมจ่าหน้าซองถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรื่องข้อสังเกตเพิ่มเติมจากการเข้ารับฟังการแถลงผลสอบข้อเท็จจริงการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ ของกระทรวงกลาโหมเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2558 ว่า 1.ข้อมูลตัวเลขรายรับ-รายจ่ายของโครงการที่นำมาแสดงในตาราง Excel เป็นตัวเลขสรุปรวม (บางรายการยังเป็นตัวเลขโดยประมาณ) อันจะนำไปสู่การหารายละเอียดประกอบได้ต่อไป ซึ่งควรแจ้งต่อให้ สตง.ได้ทราบด้วย เพื่อตรวจสอบกับเอกสารการขออนุมัติงบประมาณ เอกสารสัญญา รายงานการตรวจรับ และเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อไป 2.จากการแถลงข้อเท็จจริงอาจเห็นได้ว่ามีการนำตัวเลขงบกลางไปรวมเป็นยอดเงินบริจาคด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ปรากฏหลักฐานทางราชการว่างบกลางจำนวนประมาณ 63 ล้านบาท เป็นการขอใช้เพื่อจัดจ้างสินทรัพย์ถาวรใหม่ ดังนั้น ควรนำข้อเท็จจริงนี้ไปตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอกสารการขอใช้งบกลางตั้งแต่แรก ว่ามีการขอใช้งบกลางที่นายกฯเป็นผู้อนุมัติหรือไม่ สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติเรื่องไว้อย่างไร

    @ ชี้ 5 โรงหล่อบริจาคผิดม.147 

       นายเรืองไกรระบุอีกว่า 3.การแถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้งบประมาณของโรงเรียนนายสิบทหารบก 2 รายการ คือ การโอนเงินไปไว้ในมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ประมาณ 106 ล้านบาท และการใช้เงินงบประมาณอีก 149 ล้านบาท ควรมีการตรวจสอบเพิ่มเติมว่าเงินที่โอนให้มูลนิธิราชภักดิ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ใด และที่ใช้ไป 11 รายการ เป็นการใช้เงินไปในพื้นที่หรือเกี่ยวข้องกับพื้นที่โครงการอุทยานราชภักดิ์หรือไม่

         4.การรับบริจาคจากโรงหล่อทั้ง 5 แห่ง เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการออกมายอมรับค่าหัวคิวก่อนหน้านี้หรือไม่ จำนวนเงินค่าหัวคิวที่กรรมการบางคนเรียกเก็บไปมีจำนวนเท่าใด ค่าหัวคิวดังกล่าวถือเป็นการทุจริตที่เข้าข่ายลักษณะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 หรือไม่ 5.เงินส่วนที่ได้รับมาจากการจัดกิจกรรมที่เหลืออยู่ประมาณ 76 ล้านบาท ควรส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบควบคู่ไปกับหมายศาลทหารที่ออกมา เพื่อดำเนินคดีก่อนหน้านี้ ว่ามีบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการในโครงการอุทยานราชภักดิ์เกี่ยวข้องกับรายการในจำนวนเงินดังกล่าวด้วยหรือไม่

    @ แนะขยายผลสอบ 3 บัญชี

         นายเรืองไกรระบุต่อว่า 6.ยังมีรายละเอียดที่ต้องตรวจสอบขยายผลต่อไปทั้ง 3 บัญชี คือ บัญชีกองทุนสวัสดิการกองทัพบก บัญชีกองทุนสวัสดิการอุทยานราชภักดิ์ และบัญชีมูลนิธิราชภักดิ์ 7.โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ตามแผนน่าจะยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จะดำเนินการต่อไปอย่างไร ใช้เงินจากบัญชีใด 8.มีการดำเนินการตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติและการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ พ.ศ.2520 อย่างถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ สำนักงานเลขาธิการ ครม.รับรู้และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องการขออนุญาตในขั้นตอนต่างๆ อย่างไรบ้าง

    @ 2 แสนคนชมอุทยานราชภักดิ์

         พล.ต.สัญญา จันทร์สงวน ผู้บัญชาการโรงเรียนนายสิบทหารบก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จากการเก็บสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวภายในอุทยานราชภักดิ์ ภายในโรงเรียนนายสิบทหารบก เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีสมเด็จพระบูรพกษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์ และขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ที่ผ่านมา พบว่ามีประชาชนเข้าชม 204,941 คน ยานพาหนะ 44,207 คัน แบ่งเป็น จักรยาน 53 คัน รถจักรยานยนต์ 266 คัน รถกระบะ 20,812 คัน รถเก๋ง 22,534 คัน รถตู้ 484 คัน และรถบัสใหญ่ 58 คัน ซึ่งไม่พบมีปัญหาในการบริการด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยอมรับว่าสภาพการจราจรบนถนนเพชรเกษมติดขัดอย่างหนักเนื่องจากมีปริมาณรถจำนวนมาก ทั้งนี้โรงเรียนนายสิบทหารบกได้รับคำชื่นชมจากผู้บังคับบัญชาระดับสูง หลังจากประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสบความสำเร็จ จากการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีครั้งแรกและมีประชาชนร่วมงานจำนวนมาก

    @ สรุปสอบทรัพย์สิน 5 รมต.สิ้นม.ค.

         นายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรี 5 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในโครงการรับจำนำข้าวรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าในการตรวจสอบใกล้ที่จะสรุปคดีแล้ว โดยที่ผ่านมาได้เรียกพยานที่เกี่ยวข้องกับการทำนิติกรรมของรัฐมนตรีทั้ง 5 ราย มาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงแล้ว คาดว่าภายในเดือนมกราคมจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบอยู่ และภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์จะสามารถสรุปคดีเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ 

    @'วัฒนา'ชี้'ปู"คือแพะทางการเมือง 

          นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำ พท. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่องแพะทางการเมืองชื่อ "ยิ่งลักษณ์" ว่า วันที่ 15 มกราคม จะเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเริ่มการไต่สวนคดีรับจำนำข้าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูก ป.ป.ช.กล่าวหาว่าดำเนินโครงการเพื่อให้เกิดการทุจริตในทุกขั้นตอน ความจริงแล้วโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเป็นโครงการแทรกแซงตลาดข้าวเปลือกเพื่อช่วยเหลือชาวนา อันเป็นนโยบายสาธารณะทางเศรษฐกิจของรัฐบาล จะมีความคุ้มค่าหรือไม่ มีความเห็นที่แตกต่างกันเสมอ ส่วนข้อกล่าวหาว่ามีความเสียหายหรือเกิดการทุจริต ล้วนเป็นข้อกล่าวหาในเรื่องงานด้านปฏิบัติการหรือการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ แต่ไม่ใช่ความผิดพลาดในการกำหนดนโยบาย

    @ 'วิลาศ'ยื่น'ป.ป.ช.-สตง.'สอบกทม. พิรุธจ้างโครงการอุโมงค์ไฟ 39 ล้าน

          เมื่อวันที่ 3 มกราคม ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีต ส.ส.ปชป. แถลงว่า ในวันที่ 6 มกราคมนี้ จะยื่นเรื่องการทุจริตของ กทม.ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้ตรวจสอบการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ที่ผู้ว่าฯกทม.ระบุว่ามีการติดตั้งจำนวน 47,000 กว่าตัว แต่มีการติดตั้งจริง 11,000 ตัว 2.การขยายสัญญาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสออกไปอีก 30 ปี 3 โครงการ ประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมืองจำนวน 5 ล้านดวง ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2558-31 มกราคม 2559 มูลค่า 39.5 ล้านบาท 

          นายวิลาส กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทที่รับทำโครงการประดับไฟคือ บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด ซึ่งทำธุรกิจัดทัวร์มาตลอด ต่อมาเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2558 แจ้งต่อกรมทะเบียนการค้าขอเพิ่มวัตถุประสงค์ในการทำธุรกิจคือ 1.รับตกแต่งไฟและขายหลอดไฟประดับ และ 2.จัดจำหน่ายเครื่องดนตรีทุกประเภท แสดงให้เห็นว่ามีการพูดคุยว่าจะต้องมารับงานดังกล่าว เนื่องจาก กทม.ประกาศเชิญชวนให้บริษัทมายื่นซองประมูลโครงการประดับไฟตกแต่งในวันที่ 26 พฤศจิกายน และเปิดซองประมูลในวันที่ 17 ธันวาคม โดยบริษัทดังกล่าวเข้ามาทำงานทันทีทั้งที่ยังไม่ทำสัญญา เพราะจะต้องมีการประกาศผู้ที่ได้รับการประมูลในวันที่ 22 ธันวาคม เรื่องนี้นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกทม. ออกมาระบุว่า ไม่เป็นไร เพราะบริษัทนี้ก็ได้งานอยู่แล้ว จึงขอตั้งข้อสังเกตว่างานนี้ถ้าไม่มีการติดต่อกันไว้ก่อน ไฟจำนวน 5 ล้านดวง ไม่ใช่เป็นสิ่งที่หามาได้ทันเวลา 

         "ผมไปตรวจสอบดูพบว่าแค่หลอดไฟไม่รวมค่าแรง ก็เพียง 5 ล้านบาทเศษ ถามว่าใช้งบประมาณเกินไปหรือไม่ ถ้าผู้ว่าฯและรองผู้ว่าฯกทม.บริสุทธิ์ใจจริง ขอให้นำสัญญาว่าจ้างมากางเพื่อให้ตรวจสอบความโปร่งใส" นายวิลาศกล่าว

          นายวิลาศ กล่าวว่า จากการตรวจสอบยังพบว่าบริษัทคิวริโอฯเคยรับงานจัดทัวร์ของ กทม.ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2554 มีสมาชิกสภาเขต (สข.) กทม. จำนวน 362 คน เดินทางไปฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี 7 วัน ส่วนผู้ช่วย สข.จำนวน 244 คน เดินทางไปกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน 6 วัน 5 คืน ซึ่งตามระเบียบการเดินทางของราชการจะต้องใช้สายการบินไทย แต่ปรากฏว่าทัวร์ของทั้ง 2 โครงการ ได้ซื้อตั๋วจากสายการบินศรีลังกาแอร์ โดยอ้างว่าในระหว่างวันเดินทางที่นั่งของสายการบินไทยเต็ม 

         นายพรชัย เทพปัญญา สมาชิกสภา กทม.สรรหา จากการแต่งตั้งของ คสช. แถลงว่า บริษัทคิวริโอฯกำลังจะจัดทำทัวร์ให้ไปประเทศโปรตุเกส ซึ่งปกติเจ้าหน้าที่จัดทำเอง โดยจะใช้งบประมาณล้านกว่าบาท แต่ถ้าให้บริษัททำราคาจะสูงขึ้น ซึ่งจะติดตามตรวจสอบโดยยื่นเป็นกระทู้ในสมัยการประชุมสภา กทม.ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

         ด้านนายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกทม. ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า นายวิลาศต้องการจะยื่นตรวจสอบ กทม. เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่ควรทำให้ถูกต้องและมีจริยธรรม หากกระทำด้วยจิตใจคับแคบหรือเพื่อประโยชน์ส่วนตัว คงจะไม่เกิดผลดีต่อสังคมหรือต่อใคร

          ส่วนเรื่องที่นายวิลาศระบุว่า กทม.อาจติดตั้งกล้องซีซีทีวีเพียง 11,000 ตัวนั้น นายอมรกล่าวว่า จากข้อเท็จจริงที่ทราบคือ นายวิลาศได้ขอเอกสารสัญญาจัดซื้อจัดจ้างการติดตั้งกล้องในปี 2556 เท่านั้น ทางสำนักการจราจรและขนส่ง กทม.ก็ได้รวบรวมและส่งรายละเอียดการจัดซื้อในปีดังกล่าวให้นายวิลาศ ซึ่งมีการจัดซื้อตามจำนวนข้างต้น หากนายวิลาศขอรายละเอียดปีอื่นๆ ด้วย ก็จะพบ กทม.ได้ติดตั้งกล้องไปแล้วกว่า 47,000 ตัว โดยทยอยติดตั้งมาตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งในการจัดซื้อปี 2552-2554 ก็ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ส่วนประเด็นการขยายสัญญาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสออกไปอีก 30 ปี เรื่องนี้ ป.ป.ช.รับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว นายวิลาศไม่ต้องไปเพิ่มงานให้ ป.ป.ช.อีก ขณะที่การติดตั้งไฟประดับที่ลานคนเมือง ก็ได้อธิบายไปหมดแล้วว่า กทม.ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง เปิดประมูลบริษัทจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) หากนายวิลาศอ่านข่าวบ้าง จะทราบรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร

    apm

     

     

    Facebook

    5 ข่าวฮอตนิวส์!