จัดทัพ-จัดแถว คสช.รับ 'เกมยาว'การเมืองเหนือ'คลื่น'

Details

Category: วิเคราะห์-การเมือง

Created: Sunday, 04 January 2015 10:45

Published: Sunday, 04 January 2015 10:45

Hits: 3769

จัดทัพ-จัดแถว คสช.รับ 'เกมยาว'การเมืองเหนือ'คลื่น'

วิเคราะห์

ชัดแจ้งว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่คงจะไม่เรียบร้อยภายในปี 2558 

แม้ตัวรัฐธรรมนูญอาจจะเสร็จภายในกำหนดคือ เดือน ก.ย.2558 แต่ก็ยังมีลูกติดพันอีกมากมาย อาทิ การทำประชามติ การยกร่างกฎหมายลูก 

ทำให้ต้องบวกเวลาเพิ่มอีกหลายเดือน ทำให้ทะลุไปถึงปี 2559 

และหากเกิดปัญหา รัฐธรรมนูญไม่ผ่านสภาปฏิรูปฯ หรือมีปัญหาทางเทคนิคอื่นๆ ก็มีสิทธิยาวไปถึงปี 2560 

ปฏิทิน ที่ออกมาแบบนี้ทำให้คาดหมายว่าปี 2558 จะเป็นช่วงที่แต่ละฝ่ายจะต้องนิ่งสงบรอดูรัฐธรรมนูญและมาตรการเกี่ยวกับการ ปฏิรูปที่จะปรากฏออกมา 

ตัวละครหลักในปีหน้าจะยังคงเป็น "แม่น้ำทั้ง 5 สาย" อันประกอบด้วย คสช./รัฐบาล/สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช./สภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ

ทำให้ภาพรวมบนพื้นผิวของปี 2558 จะสงบนิ่ง 

แต่ลึกลงไปใต้พื้นผิว น่าจะมีคลื่นใต้น้ำสะสมพลังงานจากความไม่พอใจ พอใจ หรือสมหวัง ผิดหวัง 

พลัง จากความขัดแย้งระหว่าง 2 ขั้วการเมือง ที่เฝ้ารอดูว่าผลการปฏิรูปจะเป็นประโยชน์กับใครมากกว่า ก็จะทำให้เกิดการสั่งสมอุณหภูมิเช่นกัน 

ที่สำคัญที่สุด ได้แก่ ปัญหาจากประชาชน โดยเฉพาะจากกลุ่มที่ต้องรับผลกระทบโดยตรงจากการบริหารของรัฐบาล 

ในอดีตที่ผ่านมา ขั้วพรรคเพื่อไทยดำเนินนโยบายที่ให้ผลประโยชน์ตกถึงประชาชนโดยตรง

แม้ถูกโจมตีจากขั้วตรงข้ามว่าเป็นนโยบายประชานิยม จะต้องมีการจำกัด แต่นโยบายนี้เป็นที่จดจำของประชาชนไปแล้ว 

เมื่อ การเมืองเปลี่ยนแปลง หากประชาชนเห็นว่าได้รับความเสียหายหรือผลกระทบทางลบจากนโยบายของรัฐบาล คาดการณ์ได้ว่าจะต้องตามมาด้วยการทวงถาม 

โดยเฉพาะในระดับของเกษตรกรที่เจอปัญหาราคาตกต่ำในพืชเกือบทุกตัว 

อาทิ กลุ่มประชาชนในภาคใต้ที่ปลูกยางพารา ที่เริ่มมีการนัดหมายกันแล้วว่าอาจจะมีการเคลื่อนไหวหลังปีใหม่ 

พร้อม กันนี้ยังมีเสียงขับไล่ รมช.เกษตรฯที่ดูแลปัญหาราคายาง รวมถึงเสียงวิจารณ์การบริหารงานของ รมต.บางคน จากแกนนำ กปปส.ดังขึ้นมาแล้ว 

ภายใต้กฎอัยการศึก การยกขบวนเคลื่อนไหว การปิดถนน เหมือนสมัยรัฐบาลก่อนหน้านี้ ย่อมไม่สามารถทำได้ 

แต่ถ้าความเดือดร้อนเพิ่มมากขึ้น แล้วโดนกดไว้ด้วยกฎอัยการศึกโดยไม่มีหนทางระบายออก ก็จะกลายเป็นระเบิดรอเวลาปะทุเข้าไปอีก 

ในทางการเมือง รัฐบาล คสช.ประกาศวางตัวเป็น "คนกลาง" ระหว่างฝ่ายที่มีความเห็นแตกต่าง 

แต่ในเชิงการบริหาร การแก้ปัญหาต่างๆ รัฐบาลไม่สามารถวางตัวเป็นคนกลางได้เลย 

ถือเป็นความผันผวนของการเมืองการบริหาร ขณะที่การเป็นรัฐบาลทหารก็เป็นจุดอ่อนในตัวเอง

ดังนั้นจึงวางใจปัจจัยสอดแทรกหรืออุบัติเหตุต่างๆ ที่อาจเกิดจากความผันผวนไม่ได้ 

โดย เฉพาะในสภาพที่กลจักร 5 ตัว ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมีปัญหาไปหมด ตามคำกล่าวของ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน 

ไม่ว่าจะ เป็นกลจักรการส่งออก, กลจักรการท่องเที่ยว, กลจักรการลงทุนจากต่างประเทศ, กลจักรการบริโภคในประเทศ และกลจักรสุดท้าย การใช้จ่ายภาครัฐที่ยังกระตุ้นไม่ขึ้น

จะส่งผลให้เศรษฐกิจซบเซา 

และเป็นอีกเงื่อนไขที่สะสมรอเวลา

เมื่อมีแนวโน้มว่า คสช.ยังจะต้องอยู่ไปถึง 2559 หรือถึงปี 2560 ดังกล่าว 

และยังต้องแบกรับสถานการณ์ต่างๆ ที่ยังประเมินล่วงหน้าไม่ได้มากนัก 

การจัดทัพ จัดแถว จึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ 

โดยเฉพาะตำแหน่งหัวใจของการคุมกำลัง ได้แก่ การแต่งตั้ง ผบ.ทบ.คนใหม่ แทน บิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช 

สีตบุตร ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.นี้ 

ตัวเต็ง 2 ชื่อ ได้แก่ พล.อ.ธีระชัย นาควานิช ผู้ช่วย ผบ.ทบ. รุ่น 14 และ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. รุ่น 15 

คนหนึ่งมีอาวุโสมากกว่าในฐานะรุ่นพี่ อีกคนเป็นน้องชายของนายกรัฐมนตรี การที่มาอยู่ในไลน์ 5 เสือ ทบ.ได้ ถือว่าไม่ธรรมดา 

และ ยังเริ่มมีกระแสข่าวในพื้นที่สื่อต่างๆ ออกมาลองเชิงว่า มีเสียงเรียกร้องให้รัฐมนตรี 3 คน ที่ควบเก้าอี้ในกองทัพ ลาออกจากตำแหน่งในกองทัพ เพื่อไปทำงานในฐานะรัฐมนตรีอย่างเต็มที่ 

หนึ่งใน รมต.ที่นั่งควบเก้าอี้ ได้แก่ พล.อ.ฉัตรชัย 

สาริกัลยะ รอง ผบ.ทบ. ที่กำลังจะเกษียณอายุ และ รมว.พาณิชย์ 

เป้าหมายเพื่อเปิดช่องให้มีการแต่งตั้งรอง ผบ.ทบ. จะได้ไปจ่อรอเข้าสู่เก้าอี้ ผบ.ทบ.

ตามเกมของข่าวปล่อย เพื่อจะวัดใจว่า คสช.จะตั้ง "ใคร" ระหว่าง 2 ตัวเต็ง เป็นรอง ผบ.ทบ.ในการโยกย้ายกลางปี เดือน เม.ย.นี้

ขณะที่รัฐบาลและ คสช.ออกมายืนยันว่าเป็นข่าวปล่อย แต่ก็ทำให้เห็นร่องรอยบางอย่างใน คสช.อยู่ไม่น้อย 

เกมยาวที่คาดหมายว่าจะเกิดขึ้น จะเป็นบททดสอบของหลายสิ่งหลายอย่าง 

ด้าน หลักยังอยู่ที่ คสช.และรัฐบาลว่า ในเส้นทางของเกมยาว จะสามารถสร้างความพึงพอใจให้ประชาชนด้วยการบริหารงาน แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ 

ทำได้หรือทำไม่ได้ จะให้ผลที่แตกต่างกัน....