WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8703 ข่าวสดรายวัน

คสช.สรุปเคาะ 250 สปช. 'ประยุทธ์'ยันไม่เลิกรายการทีวี โต้กลับดุเดือดนักข่าวทำเนียบฯ สลดลุงอะแกว-เหยื่อปืนหลักสี่ สิ้นใจแล้วหลังทุกข์มา 8 เดือน!


สิ้นอะแกว - นางธิดา โตจิราการ ร่วมพิธีรดน้ำศพลุงอะแกว แซ่ลิ้ว เหยื่อปืนเหตุการณ์ม็อบกปปส.ยิงปะทะกลุ่มคนเสื้อแดง ที่แยกหลักสี่ เมื่อก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเสียชีวิตลงแล้วหลังถูกยิงเป็นอัมพาตกว่า 7 เดือน ที่วัดหลักสี่ เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 

       "ลุงอะแกว"สิ้นใจแล้ว สลดเหยื่อกระสุนในเหตุการณ์มือปืนป๊อปคอร์นที่หลักสี่ทรมานร่างกายอัมพาตมากว่า 8 เดือนกว่าจะหมดลม ลูกสาววอนตำรวจเร่งล่าจับคนยิง เผยที่ผ่านมาคดีไม่คืบหน้าเลย ด้าน"บิ๊กตู่"ยันไม่หยุดรายการคืนความสุขทุกวันศุกร์ รวมทั้งรายการชี้แจงทุกเย็นหลัง 6 โมง ระบุต้องชี้แจงทำความเข้าใจประชาชน ด้านสนช.ผ่านวาระ 3 ข้อบังคับว่าด้วยการถอดถอนนักการเมือง ประธานสนช."พรเพชร"ระบุยังไม่พิจารณา 4 สำนวนถอดถอน แต่ให้ไปศึกษาว่ามีกฎหมายใดรองรับหรือไม่ 

'บิ๊กตู่'โต้ยุติรายการคืนความสุข

       เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 25 ก.ย. ที่บก.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวจะยกเลิกการจัดรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ทุกวันศุกร์ เวลา 20.15 น.ว่า ตอนนี้ยังออกอากาศเหมือนเดิม ยังไม่ได้ยกเลิกยังพูดอยู่และยังเป็นรายการคืนความสุขฯเหมือนเดิม ขอย้ำว่ายังไม่เปลี่ยนรูปแบบใดๆ ทั้งสิ้น 

      นายกฯ กล่าวว่า ส่วนจะใช้เวลาวันหยุดพบปะประชาชนนั้น ยังดูอยู่ เนื่องจากเป็นการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล แต่ตอนนี้ยังเป็น กรอบของ คสช. ทำความเข้าใจกับประชาชน ดังนั้น ขอรบกวนเวลาเล็กน้อยแต่จะปรับลดเวลาลง เนื่องจากปัญหามีมาก ซึ่งการสร้างความเข้าใจเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่ารัฐบาลหรือคสช.จะต้องชี้แจง เพราะอยากให้โปร่งใส ให้ทุกคนทราบว่ารัฐบาลจะเดินหน้าอย่างไร ไม่ได้มุ่งหวังกดดันใคร

      "เราต้องสร้างความรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ พร้อมให้กระทรวงต่างๆ ไปเร่งทำความเข้าใจด้วย โดยเฉพาะกระทรวงแรงงาน เพื่อให้รู้ปัญหาบ้านเมืองเป็นอย่างไร บางคนทำมาหากินอย่างเดียวโดยไม่ฟังข่าวสาร จึงไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไร พัฒนาตัวอย่างไร บางครั้งมองว่าทำไมรัฐบาลไม่แก้ปัญหา การให้กระทรวงแรงงานเข้าไปชี้แจงกับกลุ่มแรงงานก็เพื่อดูแลประชาชน ย้ำว่าไม่ได้บังคับ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในระยะแรกต้องใช้เวลา ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เรียกร้องพ่อค้าลดราคาสินค้า

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเข้าถึงประชาชนต้องมีลักษณะแบบปากต่อปาก คนที่เข้าใจรัฐบาลก็จะพูดกันต่อไปว่าเราตั้งใจอย่างไรในการแก้ปัญหา เพราะบางปัญหาฝังรากลึกมานาน ที่ผ่านมาเราแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เมื่อเรากลับมาแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ปัญหามันจึงเยอะ แต่จะดีในระยะยาว จะแก้ปัญหาได้ทั้งระบบ 

      นายกฯ กล่าวว่า ระหว่างต้นถึงปลายเหตุ เราจะแก้ที่ต้นเหตุด้วยและระหว่างนี้เราจะดูปัญหาที่กลางเหตุ ทั้งการลดความเหลื่อมล้ำ พ่อค้าคนกลาง การขนส่ง รวมถึงราคาสินค้า ส่วนปลายเหตุถ้าพบความเดือดร้อนตรงไหนจะมีมาตรการเร่งด่วนเฉพาะหน้า ส่วนระยะยาวจะเกิดขึ้นทั้งระบบ สิ่งที่เราคิดไม่ใช่ประชานิยม แต่เราจะทำให้ประชาชนเกิดความมั่นคงยั่งยืนและต้องมีส่วนร่วมอย่างไร ถ้าไม่เข้าใจก็จะเดือดร้อน 

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอร้องสื่อให้ช่วยกัน อย่าเอาเรื่องเดิมมาเกี่ยวข้องกับเรื่องใหม่ วันนี้เราทำแบบใหม่ด้วยการแก้ปัญหาทั้งองค์กรทั้งระบบ และเชื่อมโยงทุกมิติ ฉะนั้นก็ยุ่งยาก สับสน ไม่เข้าใจ มีทั้งได้ทั้งเสียแต่คนที่เสียคือคนที่รายได้น้อย เพราะค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามภาวะของปรากฏการณ์โลก ขอให้ทุกคนช่วยชาติ โดยเฉพาะพ่อค้าคนกลาง พ่อค้าขายส่ง ขอให้ช่วยลดราคา ลดกำไรลงบ้าง ตนคงบังคับไม่ได้ แต่ขอให้เข้าใจนโยบายรัฐบาลขณะนี้

เรียกถกส่วนราชการระดับปลัด

      ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่าครั้งแรก ประจำเดือนก.ย. 2557 มีหัวหน้าส่วนราชการและรัฐมนตรีบางกระทรวงที่ยังมีตำแหน่งข้าราชการระดับสูงเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ และผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ และปลัดสำนักนายกฯ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงานและปลัดกระทรวงกลาโหม นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี พร้อมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน 

     สำหรับ วาระการประชุมคือการใช้งบประมาณค้างท่อปีงบประมาณ 2557 การเร่งเบิกจ่ายงบของรัฐวิสาหกิจ การจัดซื้อจัดจ้างปีงบประมาณ 2558 เพื่อให้หัวหน้าส่วนราชการทราบแนวทางนำไปปฏิบัติเบิกจ่ายงบประมาณรวม 1.2 ล้านล้านบาท ให้เป็นไปตามเป้าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ลั่นผลสอบข้าวไม่ตายก็ติดคุก

      เมื่อเวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า เราต้องการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรกในฐานะนายกฯ มาให้แนวทางทำงาน ประชุมในระดับที่ 3 คือกระทรวง ทบวง กรม มาคุยกันว่าใน 9 นโยบายหลักจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร วันนี้กำชับไปว่าจะต้องกำหนดความเร่งด่วนให้ได้ 

      เมื่อถามถึงการเรียก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจเข้าพบเมื่อวันที่ 24 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หารือแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนเข้าประชุม ครม.ว่าจะขออนุมัติใช้งบประมาณปี 2557 ที่ค้างอยู่ อีกส่วนหนึ่งคืองบประมาณปี 2558 ในไตรมาสแรก ซึ่งวางแผนงบประมาณปี 2558 แบ่งเป็นไตรมาสทุก 3 เดือนว่าจะดำเนินการอะไรบ้าง เพื่อให้เม็ดเงินในปี 2558 อยู่ในพื้นที่ทุกระดับ และเร่งรัดการจับจ่ายใช้สอยการลงทุน ซึ่งตนนำมาประมวลแล้วจึงอนุมัติ 

      เมื่อถามถึงหลายฝ่ายเกรงจะเสียแชมป์ในการขายข้าว นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้เราเป็นแชมป์อยู่แล้ว แต่ราคาข้าวตกต่ำทั้งโลก ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ว่าจะดำเนินการอย่างไรส่วนการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ รัฐมนตรีที่รับผิดชอบกำลังรวบรวมข้อมูล ซึ่งแยกเป็น 2 ส่วน คือส่วนข้าวในคลังและการดำเนินคดี ซึ่งจะมีการดำเนินการแน่นอน

      "เรื่องคดีก็เรื่องคดี ตรวจสอบอยู่ จะเอากันให้ตายหรือไง เดี๋ยวผลก็ออกเอง ไม่ตายวันนี้ก็ตายวันหน้า ไม่ติดคุกวันนี้ ก็ติดคุกวันหน้า มีแค่นี้แหละ มนุษย์ ผมจะตายเร็วก็เพราะโมโหนี่แหละ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ห่วงละครทีวีกระทบเด็กเยาวชน

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการจัดรายการคืนความสุขให้คนในชาติว่า ยังไม่เคยพูดว่าจะจัดรายการเพิ่มในวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ขอให้คงรายการเดินหน้าประเทศไทยในช่วงหลังเวลา 18.00 น. เอาไว้ 15 นาที เพื่อให้กระทรวง ทบวง กรมและเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงว่าทำอะไรไปบ้าง เพราะที่ผ่านมาประชาชนไม่เคยรู้แล้วก็ทะเลาะกันไปเรื่อย รายการนี้จะเป็นช่องทางให้ผู้ปฏิบัติงานในกระทรวงต่างๆ ได้เสนอผลงานให้เกิดความภาคภูมิใจ ซึ่งที่ผ่านมาข้าราชการไม่มีโอกาสตรงนี้

      "ผมมีโอกาสพูดได้เยอะ ฉะนั้นวันนี้เปิดโลกทัศน์ให้สังคมเรียนรู้ว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างไร ประชาชนต้องฟังว่ารัฐเขาทำอะไร มันจะได้ตั้งหลักถูก แต่ไม่ใช่เอามาทะเลาะเบาะแว้งหรือตีกัน พูดแล้วช่วยกันคิด เป็นการสื่อสาร 2 ทาง สำหรับผมคงไม่เพิ่มวัน เพราะคนคงเบื่อแย่ ทุกวันนี้ก็เบื่อหน้าตัวเองจะแย่อยู่แล้ว วันศุกร์วันเดียวพออยู่แล้ว วันๆ เอาแต่พูด จะไปหากินทางการพูดดีกว่าหรือไม่ และหากพูดอะไรไปมาเดี๋ยวจะทำไม่ทัน เพราะทุกวันนี้ต้องพูดด้วยทำด้วย ปวดหัวอยู่" นายกฯ กล่าวและว่า ในที่ประชุมปลัดกระทรวงวันนี้ ตนแสดงความเป็นห่วงเรื่องละครที่มีผลกระทบต่อเด็ก เนื่องจากมีการร้องเรียนเข้ามา ซึ่งตนก็รับฟัง เพราะช่วงเย็นและหัวค่ำ เด็กๆ ยังไม่หลับ ดูละครแล้วติดกันไปหมด ละครบางเรื่องเป็นของผู้ใหญ่

ยันไม่ล็อกสเป๊กสปช.-26 ก.ย.จบแน่

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในวันที่ 26 ก.ย. ตนนัดประชุม คสช. ที่บก.ทบ. เพื่อพิจารณาคัดสรรรายชื่อบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) หลังจาก กกต. ส่งรายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามา เพราะต้องดำเนินการให้เสร็จภายในวันที่ 2 ต.ค.นี้ ยืนยันรายชื่อ สปช.ไม่มีการล็อกสเป๊ก 

      "ผมจะล็อกได้อย่างไรยังนึกไม่ออก ผมจะล็อกไปเพื่ออะไร ล็อกแล้วผมจะได้อะไร ไหนลองตอบ เพื่ออำนาจแล้วอำนาจอะไร ผมมีอำนาจอยู่แล้ว ต้องหาอำนาจเพิ่มอีกหรือ ผมต้องการปฏิรูป ฉะนั้น คนที่คัดเข้ามา 173 คนก็มาจาก 550 คนที่เขาเลือกมาจาก 7,000 กว่าคน โดยตั้งคณะกรรมการ 70 กว่าคนเพื่อเลือกกันกว่าจะได้มา และผมให้เขาจัดลำดับเรียงอาวุโสความรู้ความสามารถ คุณสมบัติ ตรงไม่ตรงช่องไหนว่ามา ผมจะมาเลือกโดยพูดคุยกันในคสช.ตามรัฐธรรมนูญซึ่งผมมีอำนาจ เพียงแต่ตรวจทานความถูกต้อง ขณะที่ กกต.ได้เช็กเรื่องผิดกฎหมายมีคดีความฟ้องร้อง ก็โอเค 173 ได้จาก 550 และเมื่อได้ 173 คน รายชื่อจะไม่ลงว่าอยู่กลุ่มไหน ส่วน 385 คน จาก 77 จังหวัด ก็ส่งรายชื่อมาแล้วจังหวัดละ 5 คน เรียงลำดับความรู้ความสามารถโหวตกันเข้ามา และผมจะมาดูอีกครั้ง 5 คนเลือกเอาคนเดียว จะได้รวมกันทั้งหมด 250 คน จะตีเรียงกันมาโดยไม่มีกลุ่ม วันที่ 26 ก.ย.คงยุติ เพื่อให้มีวันเวลาเสนอรายชื่อทูลเกล้าทูลกระหม่อมตามกฎหมายที่กำหนดไว้" นายกฯกล่าว

ฉุนพูดเล่นกรณีโพเดียม-สื่อลงข่าว

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การให้สัมภาษณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นไปอย่างดุดัน โดยเฉพาะเมื่อถูกสอบถามถึงการติดตามตัวผู้กระทำผิดในคดีสังหารโหดนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ และความขัดแย้งในการทำงานของทหารและตำรวจเรื่องการปราบปรามกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ต่างๆ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "ขอร้องว่าไม่มีเรื่องสักวันไม่ได้หรืออย่างไร ทุกวันนี้ทำงานจนหัวจะแตกอยู่แล้ว ยังจะมายั่วอารมณ์อีก ความจริงผมไม่ได้โมโหอะไรเลย ถ้าโมโหแรงกว่านี้ แต่นี่ยังไม่โมโหมาก แล้ววันนี้จะโดนอะไรอีก แค่พูดเล่น (เรื่องโพเดียม) ก็เอาไปเขียนกัน"

      ในช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ พล.อ. ประยุทธ์ ได้ยกมือไหว้ขอโทษนางยุวดี ธัญญสิริ ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำทำเนียบ พร้อมกล่าวขอโทษ และหันมาพูดกับผู้สื่อข่าวทั้งหมด "ไม่มีอะไร ผมเป็นคนพูดเสียงดัง" เมื่อผู้สื่อข่าวอาวุโสขอให้นายกฯ ใจเย็นๆ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เย็นสุดแล้ว วันนี้ตนรู้ตัวดี ขอบคุณผู้สื่อข่าวมากที่ให้เกียรติตนในฐานะนายกฯ ตนรู้ดีว่านักข่าวให้เกียรติ ซึ่งตนไม่มีอะไร 

     หัวหน้า คสช.กล่าวต่อว่า นอกจากว่าบางทีอยากให้ผู้สื่อข่าวทบทวนเช่นกันว่าถ้าเขียนข่าวไปแล้ว มันเกิดประโยชน์อะไรหรือไม่ ถ้าไม่เกิดประโยชน์ก็อย่าทำเลย และถ้ายิ่งไปขยายความในเรื่องต่างประเทศจะไปกันใหญ่กลายเป็นไปเข้าทาง ต่างประเทศต้องการเป็นมิตรกับเราอยู่แล้ว เราจะไม่แคร์ต่างประเทศก็ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นต่างประเทศจะไม่ซื้อสินค้าไทย ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของตน พอต่างประเทศไม่ซื้อสินค้าไทย สื่อก็มาต่อว่าอีก จะเกิดความเสียหายอีก จะให้ขายแค่ในกลุ่มอาเซียนก็ไม่เพียงพอ

คณบดีโผล่หนุนรัชตะถ่างควบ

       เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา นายวรวิทย์ อิศรางกูร ณ อยุธยา คณบดีคณะวิศวกรรม ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงสนับสนุนและให้กำลังใจนพ.รัชตะ รัชตะนาวิน ในการดำรงตำแหน่งทั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล และรมว.สาธารณสุข 

     นายวรวิทย์ อ้างว่า ในฐานะอาจารย์ที่ทำงานมานาน และได้เห็นอธิการบดีในยุคต่างๆ อยากให้กำลังใจนพ.รัชตะ ให้ดูแลทั้งมหาวิทยาลัยและได้ทำงานในตำแหน่งที่มีเกียรติในกระทรวง เชื่อว่าบุคลากรหลายคนของมหิดลก็ส่งกำลังใจให้ และสนับสนุนเป็นแรงใจอยู่ แต่ไม่กล้าแสดงออกมา

      คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ กล่าวว่า เชื่อในศักยภาพของอธิการบดีที่จะนำเอาความรู้ด้านสาธารณสุขชุมชน สาธารณสุขบุคคลไปช่วยกระทรวง และกำกับมหาวิทยาลัยไปพร้อมกันได้ เพราะมหาวิทยาลัยวางแนวยุทธศาสตร์ไว้หมดแล้ว ผู้ใต้บังคับบัญชานำไปปฏิบัติต่อได้ ต้องเข้าใจว่าภาวะของประเทศตอนนี้ไม่ปกติ ตำแหน่งที่นพ.รัชตะ จะไปรับหน้าที่นั้นเพื่อมาช่วยชาติมากกว่า ไม่ใช่ตำแหน่งทางการเมือง เมื่อบ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วคงกลับไปสู่แนวปฏิบัติเดิม ไม่ได้สร้างมาตรฐานใหม่ว่าอธิการบดีสามารถทำงานการเมืองได้ ส่วนที่มีบางคนเรียกร้องให้นพ.รัชตะ สละตำแหน่งอธิการบดีมหิดลนั้น อยู่ที่วิจารณญาณของนพ.รัชตะ และข้อบังคับของมหาวิทยาลัย ตนไม่ขอวิจารณ์ 

ชี้รบ.พม่ากระตือรือร้นรับ"บิ๊กตู่"

     ที่ประเทศพม่า นายพิษณุ สุวรรณะชฏ เอกอัครราชทูตไทยประจำย่างกุ้ง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางเยือนพม่าว่า ทีมงานนายกฯยังไม่ได้แจ้งกรอบเวลาที่แน่นอน คาดว่าคงอยู่ในช่วงต้นเดือนต.ค. ซึ่งตามธรรมเนียม เมื่อรัฐบาลเเถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จต้องเดินทางเยือนประเทศเพื่อนบ้านทันที และชัดเจนว่านายกฯจะเยือนพม่าเป็นประเทศเเรก เนื่องจากเป็นประธานอาเซียนในปัจจุบันและมีพรมเเดนติดกับไทย และพม่าก็กระตือรือร้นที่จะต้อนรับนายกฯของไทย

      นายพิษณุ กล่าวว่า โปรแกรมเบื้องต้นจะเดินทางมาที่เมืองหลวงของพม่าคือเนปิดอว์ เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.เต็ง เส่ง ประธานาธิบดีของพม่า รวมถึงหารือข้อราชการการส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ทั้งนี้ ตนเตรียมการให้ พล.อ.ประยุทธ์ พบปะกับชุมชนไทยที่กรุงย่างกุ้ง เพราะมีคนไทยอาศัยอยู่ 2 พันคน แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มคนที่ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีซึ่งอยู่ประจำ และนักธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี หรือนักธุรกิจในบริษัทใหญ่ที่ขยายกิจการมาจากประเทศไทย ส่วนจะไปพบหมอดูอีทีหรือไม่นั้น นายกฯไม่น่าจะมีเวลา แต่ขึ้นอยู่กับกำหนดการด้วย

     เมื่อถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดเข้าพบนางออง ซาน ซู จี หรือไม่ นายพิษณุ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่ตามหลักการเเล้วการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของผู้นำรัฐบาล จะเน้นเเนะนำตัว การสร้างความสัมพันธ์ การวางพื้นฐานพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คาดว่า นายกฯจะเดินทางมาเยือนพม่า หลังจากมีการประชุมคสช.ชุดใหญ่ ที่บ้านมนังคศิลา ในวันที่ 7 ต.ค. เรียบร้อยแล้ว

'บิ๊กป๊อก'ยืนยันอยู่แค่ปฏิรูปเสร็จ

     ที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายกฯระบุยังมีคลื่นใต้น้ำอยู่ว่า ต้องสร้างความเข้าใจ กระทรวงมหาดไทยมีกลไกที่จะทำได้คือ ผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตนได้บอกแนวทางไปแล้วและมีแผนจะใช้ช่องทางการสื่อสารทางไกลคุยกับทุกพื้นที่ ทั้งนี้ อบจ. อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นคนที่ใกล้ชิดกับประชาชน ยอมรับว่าบางส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งตนจะสร้างความเข้าใจและคิดว่าประชาชนเข้าใจดีว่าความขัดแย้งทำให้ประเทศเสียหาย จึงไม่กังวลเรื่องคลื่นใต้น้ำ และเชื่อว่าคลื่นใต้น้ำจะไม่เป็นอุปสรรคในการทำงานของรัฐบาล 

      เมื่อถามถึงปัญหาความไม่โปร่งใสในการคัดเลือกสปช. พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ยืนยันในฐานะที่ดูเรื่องท้องถิ่นว่าโปร่งใสหมดทุกอย่าง และย้ำอีกครั้งว่าในชุดปฏิรูปจะมีทุกส่วนเข้ามา คนที่เข้าไปเมื่อประกาศชื่อออกมาสังคมยอมรับ

     เมื่อถามว่าเวลาทำเรื่องการปฏิรูปน้อยเกินไปหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า จะทำให้ดีที่สุดและรัฐบาลนี้จะอยู่ถึงแค่ปฏิรูปเสร็จก็แล้วกัน เพราะหน้าที่เรามีแค่นั้น 

      เมื่อถามว่าการเสนอรายชื่อ สปช.จะยึดหลักการแบบสนช. คือส่งรายชื่อไปก่อนแล้วมาเลือกประธาน รองประธาน หรือจะเสนอไปพร้อมกัน พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ในส่วนของตนนั้น คณะกรรมการคัดสรร 50 คนส่งไปยังคสช. จบตรงนั้น ส่วนคสช.จะทำให้เหลือ 173 คน บวกตัวแทนแต่ละจังหวัด 77 จังหวัด ส่วนที่มีกระแสว่าบางจังหวัดมีปัญหาเรื่องความโปร่งใสนั้น ตนคิดว่า 5 คน แล้วคัดเหลือ 1 คนจากแต่ละจังหวัด คงไม่มีเป็นญาติกันทั้ง 5 คน ขอให้เชื่อทฤษฎีมองคนในแง่ดี เขาไม่ทำอะไรชั่วร้ายกันอย่างนั้น เขาอยากสร้างสรรค์ในสิ่งที่ดี อย่ามองคนในแง่ร้ายไปหมด ตนเชื่อมั่นว่าทางจังหวัดจะคัดมาดี และคสช.ต้องเลือกคนที่ดี

"พรเพชร"ชี้ถอดถอนต้องมีกม.รับ

       ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวถึงการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สมมติว่าหากป.ป.ช.จะถอดถอนใครก็ตาม ต้องแสดงให้เห็นว่ามีกฎหมายรองรับ เพื่อนำเข้าสู่สนช.ได้ ส่วนข้อเท็จจริงต้องพิสูจน์ได้ว่าเข้าองค์ประกอบของกฎหมาย ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับข้อบังคับการประชุมที่หากมีเรื่องเข้ามาแล้ว สนช.รับเรื่อง ก็เดินหน้าตามข้อบังคับได้ 

        ส่วน 4 สำนวน ที่ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดไปแล้วจะดำเนินการตามข้อบังคับได้เลยหรือไม่นั้น นายพรเพชรกล่าวว่า ทั้ง 4 เรื่อง ตนยังไม่ได้พิจารณา เพราะเป็นสำนวนที่อ้างเหตุผลตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ขณะที่ยัง มีประเด็นที่ต้องพิจารณา คือสนช.มีสิทธิพิจารณาหรือไม่ จึงต้องให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะฝ่ายเลขานุการ สนช.พิจารณาว่ามีเรื่องไหนจะเข้าสู่การพิจารณาของสนช.ได้บ้าง เชื่อว่าอีกไม่นานจะได้ข้อสรุป

ไม่รวมกมธ.ความมั่นคงกับตปท.

      เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสนช. โดยมีนายพรเพชร เป็นประธานการประชุม พิจารณาเรื่องด่วนร่างข้อบังคับการประชุมสนช. พ.ศ. ... ที่มีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 เป็นประธานคณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว สาระสำคัญยังยึดตามข้อบังคับการประชุมสนช.ปี 2549 เป็นหลัก เนื้อหาสำคัญส่วนใหญ่เป็นไปตามร่างที่กมธ.แก้ไข 

      กระทั่งในหมวด 5 เกี่ยวกับกมธ. โดยที่ประชุมเห็นชอบให้มีกมธ.สามัญประจำสนช. 16 คณะ แต่ละคณะมีไม่น้อยกว่า 11 คน แต่ไม่เกิน 26 คน ซึ่งที่ประชุมได้อภิปรายถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในข้อบังคับที่ 84 กมธ.สามัญประจำ สนช. ที่กมธ.แก้ไขจากร่างเดิม ใน (13) กมธ.ต่างประเทศ โดยเพิ่มเติมเป็น (13) กมธ.ความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ ซึ่งสมาชิกหลายคนอภิปรายไม่เห็นด้วย เพราะหากนำมารวมกันจะมีปัญหาการทำงานในอนาคตได้ เรื่องความมั่นคงสามารถนำไปรวมกับงานของกมธ.บริหารราชการแผ่นดินได้ 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพรเพชร ได้สั่งพักการประชุมเพื่อให้กมธ.พิจารณาปรับแก้เนื้อหาแล้วนำมาเสนอต่อที่ประชุมใหม่ จากนั้นเวลา 13.10 น. ได้เปิดประชุมอีกครั้ง ซึ่งนายพีระศักดิ์ชี้แจงถ้อยคำที่แก้ไขว่า กมธ.ได้แก้ไข ข้อ 84 (13) ให้กลับไปสู่ร่างเดิม คือ (13) กมธ.ต่างประเทศ ส่วนเรื่องความมั่นคง ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ศึกษาเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ กิจการทหาร ให้นำไปรวมในข้อบังคับที่ 84 (2) กมธ.บริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งที่ประชุมเห็นด้วยกับการแก้ไขดังกล่าว 

ข้อบังคับว่าด้วยถอดถอนผ่านรวด

      ต่อมาเวลา 14.45 น. ที่ประชุมสนช.พิจารณาเรื่องหมวดการถอดถอน โดยนายธานี อ่อนละเอียด สมาชิกสนช. อภิปรายว่า หากที่ประชุมเห็นชอบในหมวดนี้จะเป็นการเรียกแขกและเป็นกับดักทางกฎหมาย สะเทือนต่อเก้าอี้ประธานและรองประธานสนช. เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ไม่ได้ระบุเรื่องการถอดถอนไว้ ขณะที่ข้อบังคับการประชุมที่ 149 ระบุว่า เมื่อป.ป.ช.ส่งเรื่องถอดถอนมาให้สนช. ประธานสนช.ต้องบรรจุเป็นเรื่องด่วนเข้าสู่วาระภายใน 30 วัน เพื่อถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง ดังนั้น หากประธานสนช.บรรจุวาระเมื่อไร จะถูกผู้ถูกถอดถอนฟ้องว่า กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือถ้าไม่บรรจุเข้าสู่วาระ ก็ผิดข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

       นายธานี กล่าว่า ทางออกเรื่องนี้จึงควรตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจที่มาจาก สนช. 19 คน ประกอบด้วยตัวแทนกมธ.สามัญ 16 คณะ และตัวแทนวิปสนช. 3 คน มากลั่นกรองเรื่องถอดถอนที่ส่งมาแต่ละเรื่องว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่ที่สนช.จะถอดถอนได้หรือไม่ แล้วส่งเรื่องให้ประธานสนช.นำเข้าสู่ที่ประชุมสนช.อีกครั้ง

       จากนั้น ที่ประชุมลงมติให้ความเห็นชอบหมวด 10 เรื่องการถอดถอนตามที่กมธ.เสนอ ด้วยคะแนน 128 ต่อ 9 และไม่เห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมการกลั่นกรอง 19 คนตามที่นายธานีเสนอ ทั้งนี้ เมื่อที่ประชุมพิจารณาข้อบังคับครบทั้ง 221 ข้อ สมาชิกให้ความเห็นชอบกับร่างข้อบังคับการประชุมสนช. และได้ลงมติในวาระ 3 สมาชิกเห็นด้วย 148 ต่อ 0 งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 1 ซึ่งที่ประชุมเห็นควรให้ประกาศใช้เป็นข้อบังคับ สนช. ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.เป็นต้นไป

กกต.แจงวุ่นเชิญถกพรรคการเมือง

      ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. กล่าวถึงกรณีนายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุกกต.ทำจดหมายเชิญกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมอภิปรายเรื่องแนวทางการเสริมสร้างความเป็นประชาธิปไตยในการเมือง ร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีหลักสูตร พตส. เป็นผู้จัดสัมมนาในวันที่ 26 ก.ย.ว่า ตนยังไม่ทราบว่าหลักสูตร พตส. จะจัดงานดังกล่าว เพราะถ้าเชิญตัวแทนพรรคมาดีเบตนั้นคงทำไม่ได้ เพราะจะฝ่าฝืนคำสั่งคสช. เบื้องต้นตนยังไม่เห็นหนังสือเชิญ และในการทำจดหมายเชิญบุคคลใดนั้น ตนจะเป็นผู้อนุญาตหรือลงนามในหนังสือเชิญทุกครั้ง

       "ถ้าจะจัดงานแบบนี้ต้องไปจัดและใช้สถานที่ข้างนอก จะจัดในสำนักงานกกต.คงไม่ได้ เพราะหลังปรับหลักสูตรของ พตส. และเสนอให้ คสช.พิจารณานั้น คิดว่าหลักสูตรที่ปรับปรุงแล้วไม่น่ามีปัญหา เรื่องนี้น่าจะเข้าใจผิด เท่าที่ดูตารางเรียนและการเชิญนักวิชาการมาให้ความรู้ในหลักสูตรยังไม่พบว่าจะเชิญทั้งสองพรรคมาร่วมดีเบตกัน" นายภุชงค์กล่าว

      ด้านนายชวลิตกล่าวถึงกรณีเลขาธิการกกต.ระบุกกต.ไม่ได้ส่งหนังสือเชิญร่วมอภิปรายในวันที่ 26 ก.ย.ว่า ขณะนี้หนังสือเชิญก็อยู่ในมือของตน ให้กกต.ไปสอบถามกันเองภายในจะดีกว่า ส่วนตัวไม่อยากให้เป็นประเด็นอะไร

ทำเนียบติดป้ายค่านิยม 12 ข้อ

      ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักฯและปลัดสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมหัวหน้าส่วนราชการว่า เป็นครั้งแรกที่นายกฯประชุมกับหัวหน้าข้าราชการระดับกระทรวงต่างๆ บรรยากาศเป็นกันเอง ทำความรู้จักกันเนื่องจากหลายคนเพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่ ซึ่งนายกฯย้ำการขับเคลื่อนนโยบายในเชิงรุกและเชิงรับเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ ซึ่งการประชุมครั้งต่อไปจะมีการพูดคุยถึงภารกิจต่างๆ อย่างเข้มข้นและมีวาระที่ชัดเจน

      ม.ล.ปนัดดา ในฐานะกรรมการคัดเลือกสปช. กล่าวถึงข้อร้องเรียนให้เปิดเผยรายชื่อสปช. เพื่อให้ทุกภาคส่วนตรวจสอบความโปร่งใสว่า เรื่องเปิดเผยรายชื่อนั้น ตนไม่แน่ใจ เพราะขั้นตอนอยู่ที่กกต. เป็นผู้ดูแล ซึ่งไม่นานคงประกาศรายชื่อออกมา

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ สปน.นำป้าย ไวนิล เผยแพร่หลักค่านิยม 12 ประการ มาติดด้านหน้าอาคารสำนักงานปลัดเพื่อให้สอด คล้องกับแนวทางของรัฐบาล

"ลุงอะแกว"เหยื่อปืนหลักสี่สิ้นใจ

      วันที่ 25 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอะแกว แซ่ลิ้ว อายุ 72 ปี พ่อค้าขายน้ำอัดลมรถเข็นบริเวณหน้าโรงเรียนเคหะทุ่งสองห้องวิทยา 2 ผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์จลาจลปิดล้อมคูหาเลือกตั้งสำนักงานเขตหลักสี่ ใกล้สี่แยกหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2557 หรือเหตุการณ์มือปืนป๊อปคอร์น ถูกกระสุนจากฝั่งของกลุ่ม กปปส. เข้าที่ลำคอ ทำให้เป็นอัมพาตต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานกว่า 4 เดือน ก่อนกลับมารักษาตัวที่บ้าน ขณะนี้นาย อะแกวเสียชีวิตลงแล้ว

       น.ส.เอื้องฟ้า แซ่ลิ้ว อายุ 42 ปี ลูกสาวที่คอยดูแล เผยว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ย. พ่อหายใจแรงผิดปกติเนื่องจากหลังเกิดเหตุพ่อจะมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ แต่เมื่อเช้ามีอาการหอบมากกว่าเดิม เวลา 07.00 น. หลังให้อาหารเสร็จ พ่อก็ถ่ายออกเป็นน้ำ แต่พูดคุยด้วยยังรับรู้ จึงคิดว่าจะพาไปโรงพยาบาล กระทั่งเวลา 07.00 น. พ่อก็หมดลมแน่นิ่งไป แต่ไม่มีอาการอย่างอื่นแทรกซ้อน

      น.ส.เอื้องฟ้า กล่าวว่า วันเกิดเหตุ พ่อไม่ได้ไปชุมนุมหรือเข้าร่วมกับกลุ่มไหน แต่ผ่านไปเจอเหตุการณ์เท่านั้น หลังจากพ่อถูกยิง แพทย์บอกว่ากระสุนเข้าที่กระดูกคอและเส้นประสาท ทำให้เป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงไหล่ลงมา ไม่สามารถพูดได้ และมีปัญหาเกี่ยวกับกระบังลมหายใจ ตนจึงต้องลาออกจากงานมาดูแลพ่อ ทุกวันพ่อต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเวลาหายใจติดขัด ต้องให้อาหารทางสายยาง ติดสายสวนปัสสาวะและดูดเสมหะออกวันละ 2-3 ครั้ง ทำให้ไม่มีรายได้และอยู่อย่างลำบาก ส่วนเงินเยียวยาได้รับจากกระทรวงยุติธรรมเพียงหน่วยงานเดียว อีกส่วนหนึ่งได้จากการบริจาค แต่นำไปเป็นค่าใช้จ่ายดูแลพ่อหมดแล้ว

      ลูกสาวลุงอะแกว กล่าวว่า ตนแจ้งความไว้ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ตั้งแต่วันเกิดเหตุ จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่และไม่มีความคืบหน้า จึงอยากให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูแลคดีเพื่อจับผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ สำหรับศพพ่อจะตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหลักสี่ สวดพระอภิธรรมทุกวัน เวลา 19.00 น. และฌาปนกิจวันที่ 30 ก.ย. เวลา 16.00 น.

      เวลา 17.00 น. ที่ศาลาร่วมศรัทธาสามัคคี โชติรัชต์กุล วัดหลักสี่ บรรยากาศในงานรดน้ำศพนายอะแกว เป็นไปอย่างสงบ มีเพียงญาติและคนใกล้ชิดของครอบครัว รวมทั้งนพ.เหวง และนางธิดา โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. นายการุณ โหสกุล อดีตส.ส.ดอนเมือง พรรคเพื่อไทย นายสุรชาติ เทียนทอง อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อมทีมงานจำนวนหนึ่ง มาร่วมพิธีรดน้ำศพด้วย

     นางธิดา กล่าวว่า หลังจากนี้ จะสำรวจรายละเอียดปัญหาของครอบครัว เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป เบื้องต้นจะรับเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมในคืนวันที่ 26 ก.ย. ส่วนคดีของลุงอะแกว เป็นหนึ่งในหลายคดีที่เราเรียกร้องให้ตำรวจเร่งสืบสวนสอบสวน คลี่คลายคดี หาคนกระทำผิดมาลงโทษ ทั้งคดี 99 ศพ คดีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมทางการเมืองทั้งที่เป็นพลเรือนและตำรวจ รวมทั้งกรณีตำรวจจับกุมชายชุดดำมาทำแผนโดยไม่มีความชัดเจน 

     ที่ปรึกษานปช. กล่าวว่าตนเรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดจนกระบวนการยุติธรรมขั้นสูงสุด ให้ไต่สวนคดีถึงที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องแก้ไขคือ กระบวนการยุติธรรม เพราะคนจนทนลำบากได้แต่ทนความอยุติธรรมไม่ได้ ยืนยันข้อเรียกร้องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองสีเสื้อใดๆ ทั้งสิ้น

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!